ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    ก้อนหินที่นี่มีลักษณะเป็นหินทราย แบ่งเป็นชั้นๆ มีกรวดคล้ายกรวดที่อยู่ใต้น้ำ ออกจากวัดไปประมาณเกือบๆ 1 ก.ม. แถวๆอ่างแก้วมีร่องรอยของธารน้ำตกอยู่ครับ
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ที่วัดน่าจะมีโบราณวัตถุ อันควรค่าแก่การบูชา
    แต่ยังไม่ได้อนุญาตให้พบ ให้ขุด คงรอเวลาที่สมควร
    ไม่เช่นนั้น คงไม่มีพญานาค เฝ้าอยู่มากมาย บางตนอยู่มาตั้งแต่อารยะธรรมขอม
    พูดไป ...มันก็ยาวเนาะ
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    คุณจารุคะ อาการที่คุณจารุกำลังเจออยู่ เรื่องโครงกระดูก ลองไปหาหลวงตาเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ท่านช่วยแนะนำคุณจารุได้ค่ะ ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านถูกส่งไปเรียนกับหลวงตามหาบัวตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรค่ะ
     
  4. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    มีข้อคิด สำหรับ คุณ จารุ อิอิ ง่ายๆ เรย

    ครือว่า.....อย่าไปเรียนวิชากรรมฐานใดใดจากพระ นะครับ เพราะ ร่างกายของคุณเป็นผู้หญิง เรียนยังไง มันก็จะไม่ได้เป็นเหมือน พระ(อาจารย์ผู้สอน) เพราะ คนละเพศ กันครับ
    คุณควร ไปเรียนกับฆราวาส เช่น ลูกพี่เกษม เป็นต้น ที่เขา ออกมาจากความเป็นพระแล้ว (ยกตัวอย่างครับ) ว่า อย่าเรียน วิชากับพระ เพราะ ชาตินี้ คุณจะไม่มีวันได้เป็นพระ ดังนั้น เรียนไปก็ ได้ผลอันเดียวกัน ไม่ได้เลย อิอิ....
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    @คุณ ขจรศักดิ์ หายป่วยแล้วหรือคะ
     
  6. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ถ้าคุณ เรียนวิชากับพระ คุณก็จะต้องเรียนข้ามชาติ จนกว่าคุณจะได้เกิดมาเป็นผู้ชายแล้ว ได้บวชพระ ถึงจะได้เรียนต่อ ข้ามชาติเลยนะครับ

    ข้อดีคือ คุณจะได้เกิดเป็นผู้ชาติ ในอนาคต แต่ไม่รู้ ว่า ไช่ชาติหน้าหรือเปล่านะครับ เพราะ วิชาที่เรียน มันจะต้องทำให้คุณ ได้เกิดเป็นผู้ชาย แน่ แต่ไม่แน่ ว่า จะเป็น ชาติที่เท่าไหร่ อิอิ เล่าสู่กันฟังจ้า :cool:
     
  7. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมป่วย เป็นอะไรล่ะ ไม่ได้ป่วยนี่ครับ :cool:
     
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    @ทองชมพู สงสัยว่า คงจะได้ไปเยี่ยมหลวงพ่อเยื้อน
    เห็นแวบเลย รู้สึก ว่า เฮ้ย เหมือนเคยรู้จักมาก่อน
    วัดท่านก็น่าไป มีแต่ป่า น่าจะมีอาถรรพ์อยู่มิใช่น้อย
    น่าจะมีภพภูมิอยู่เช่นกัน

    และน่าจะมีแก่นของธรรมะ อยู่ที่ท่านจริงๆ
    บุญพา วาสนาส่ง คงได้พบพาน

    หลวงพ่อนั้นเห็นเด่นชัดมาก น่าจะเป็นนักรบ ระดับราชวงค์ มาหลายภพหลายสมัย
    น่าจะระลึกชาติได้ด้วย......
    อันนี้ ระลึกแค่เห็นหน้า ต้องลองฟังท่านเทศน์ซักครั้ง....

    แค่มองรูป ตาสามปวดเลย วูบๆๆ
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เค้าเรียนลึกถึงตัวจิต จะรูปนามใด มันเกี่ยวตรงไหน มิทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2015
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ฟังอยู่

    [ame]http://www.youtube.com/watch?v=YFUztvh6bPs&index=2&list=PLUC9DxCxnNpVA4PjVqmwEWUXPSwXE3kZb[/ame]
     
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สภาวะธรรม เมื่อปีที่แล้ว

    เราเคยเกิด อาการแปลกๆอย่างหนึ่ง คล้ายๆที่ท่านเทศน์
    เราเห็นตัวเราในกระจก มันกลายเป็นธาตุดินน้ำลมไฟ
    เป็นของเหลว เนื้อเหลว มันไหลไปไหลมา ลูกตาไหลไปมา เป็นน้ำ
    เป็นไขมัน เป็นเลือด เหลวไหล คงอยู่ได้ด้วยโครงกระดูก

    สลัดก็ไม่หลุด และที่ทำให้จิตตก จนสลัดอารมณ์นั้น
    คือ มองเห็นสิ่งที่รักที่สุด ห่วงที่สุด คือ ลูกชาย
    กลายเป็นก้อนเนื้อเหลวไหล กองรวมกัน กองเลือด น้ำเหลือง ไขมัน
    ตอนนั้น กำลังจะกอด จะหอมลูก เชื่อมั้ย ขนาดรักมาก ยังชะงักเลย
    แต่ตอนเห็น กำหนดให้จิตเห็นกลับเป็นลูก ก็ไม่สำเร็จ

    มันเศร้าไปเป็นอาทิตย์ คล้ายๆ จิตหลุดค่ะ

    แล้วก็เลิกเข้าธรรมไปซักพักค่ะ

    น่าจะไปถามข้อนี้มากกว่า ถามพระหลายรูป ยังไม่กระจ่างใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2015
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    คือ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นคน ที่ซาบซึ้งในพระธรรมมากนัก
    อย่างที่เล่า ก็คนปกตินะ กินข้าว ดูหนัง เลี้ยงลูก ทำงาน
    ชักหน้าไม่ถึงหลัง วันๆหมกมุ่นกับการทำงานหาเงิน

    พระไหนดังก็ไม่รู็จัก ไปวัดก็ใส่บาตรทำบุญ ไม่ว่างก็ไม่ไป
    แต่หนทางชีวิต มันก็ค่อยๆ ตัดไปทีละเส้น
    ไปทางครูบาอาจารย์เสียมาก ....ไปตามทางธรรม
    หลวงพ่อพุทธ
    หลวงปู่ดุลย์
    หลวงตามหาบัว
    เมื่อก่อน รู้จักแต่ชื่อ
    ไปปฏิบัติธรรมเมื่อก่อนไปเพราะอกหัก ไปเพราะทุกข์ มากกว่า

    ปัจจุบัน ก็เปลี่ยนไปมาก
    เริ่มซึ้งในรสพระธรรม มากขึ้น ทีละนิด
     
  13. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ก็แค่เล่าให้ฟังจ้า แล้วแต่จะคิดเอาเองนะจ๊ะ
     
  14. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    คุณจารุคะสภาวะแบบนี้ เรียกว่าอสุภกรรมฐานค่ะ พิจารณาเพื่อให้เกิดนิพพิทาญาณ คือความเบื่อหน่ายในร่างกายของเราและผู้อื่น เมื่อเบื่อหน่ายแล้วจักทำให้เราตัดสังโยชน์ ข้อที่ ๑ ได้ คือ สักกายะทิฏฐิ (ขันธ์ ๕ (ร่างกาย) นี้เป็นเรา เป็นของเรา)

    การตัดสังโยชน์นั้น คือ การปฏิบัติเพื่อเป็นพระอริยเจ้าค่ะ

    การเป็นพระอริยเจ้านั้นมิได้เป็นได้แค่เพศบรรพชิตเท่านั้น ฆราวาสทั้งหญิงและชายอายุตั้งแต่ ๗ ขวบขึ้นไปสามารถเป็นได้ ตัวอย่างในพุทธกาล คือ ท่านวิสาขาเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ

    เพียงแต่ฆราวาสเป็นพระอริเจ้าแล้วทรงขันธ์ ๕ ไว้ได้ สูงสุด คือ พระอนาคามี
    หากฆราวาสเป็นพระอรหันต์ จะต้องนิพพานทันทีภายในไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง (เป็นชายต้องบวชให้ทัน เป็นหญิงต้องตายอย่างเดียว) ตัวอย่างในสมัยพุทธกาลฆราวาสเป็นพระอรหันต์ หาผ้าไตรเพื่อบวชไม่ทัน ต้องโดนวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตาย ส่วนตัวอย่างสมัยปัจจุบัน ก็มีท่านหญิงวิภาวดีรังสิต ท่านโดนผู้ก่อการร้ายยิงตายบนฮอค่ะ

    หมวดอสุภกรรมฐาน อยู่ในข้อ ๑๑-๒๐ ในกรรมฐาน ๔๐ ค่ะ

    11. อุทธุมาตกอสุภ หลังตายวันที่ 1 ซากศพตัวแข็ง เย็นชืด ขาดธาตุไฟธาตุลม

    12. วินีลกอสุภ หลังตายวันที่ 2 ซากศพเริ่มบวมพอง เป็นสีเขียว

    13. วิปุพพกอสุภ หลังตายวันที่ 3 ซากศพพองมากขึ้น ชักมีกลิ่นตุๆ จากเน่ามีหนองบวม

    14. วิฉิททกอสุภ หลังตายวันที่ 4 พิจารณาซากศพเนื้อหนังปริ ลิ้นจุกปาก น้ำเลือด น้ำหนองไหล

    ออกทั่วตัว เพราะเนื้อหนังเริ่มแตกแยก

    15. วิกขายิตกอสุภ หลังตายวันที่ 5 เหม็นส่งกลิ่นตลบ เพราะแขนขากระจุยกระจายแตกแยกหมด

    16. วิกขิตตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 6 ซากศพเรี่ยราดไม่เป็นชิ้นเป็นท่อนเหม็นเน่า

    17. หตวิกขิตตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 7 มีแมลงวัน หนอน มดชอนไชกินซากศพ

    18. โลหิตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 8 ซากศพเหลือน้อยแต่กลิ่นเหม็นมากมีเลือด น้ำ หนอง เนื้อเน่าเละเทะ

    19. ปุฬุวกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 9 ซากศพกระจัดกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่งกลิ่นมาก

    จนทนไม่ไหว

    20. อัฏฐิกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 10 เหลือแต่ฟันและกระดูก แขน ขา กะโหลกมีกลิ่นเหม็น ไม่มี

    หน้าตาเหลืออยู่ เพราะโดนหนอน แมลงกัดกิน มีแมลงวันบินเต็มไปหมดเพราะกลิ่นเหม็น

    เน่าคลุ้งกระจาย

    การเจริญอสุภกรรมฐาน ไม่ใช่ให้ภาวนา หรือไปนั่งจ้องยืนจ้องซากศพที่โรงพยาบาล หรือป่าช้า แต่ท่านให้ใช้ความจำภาพซากศพที่เห็นแล้วใคร่ควรพินิจพิเคราะห์ดูว่าตัวเราที่ยังหายใจอยู่ พูดได้อยู่ มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับซากศพที่ตายแล้ว เพราะร่างกายเราก็เหม็นเน่าทุกวันต้องชำระล้างอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ล้างเอาความเน่าเหม็นออกต้องสระผมเกือบทุกวันถ้าไม่สระหัวก็เหม็น ให้จิตใจรู้ตลอดเวลาว่าร่างกายเราเขาไม่มีใครสะอาดเหม็นกันหมดทั้งโลก คนกับสัตว์ไม่แตกต่างกันเหม็นเน่าเหม็นคาวเหมือนกัน เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันคิดไว้อย่างนี้ตลอดเวลาท่านเรียกว่าจิตทรงฌานในอสุภกรรมฐาน ใครเจ็บป่วยไข้ก็รักษาพยาบาลเป็นการระงับทุกขเวทนา คิดไว้เสมอว่าเราเขาคือซากศพ ต่างก็สกปรกเช่นกันจะไปหลงรักผูกพันกันอะไรกันนักกันหนา จิตเลิกผูกพันตัวเราเขาจิตก็เบาสบาย ความหนักใจก็ไม่มี ใครจะตายก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าทุกคนเป็นศพที่พูดได้ เดินได้พอจิตออกจากร่างกายเราเรียกว่า ศพที่ตายแล้ว

    หากคุณจารุสะดวกแวะมาหานัท ที่ ร้านขายยาหมอเส็ง อยู่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ นัทมีหนังสือเกี่ยวกับฆราวาสบรรลุธรรม ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงท่านบันทึกไว้ และหนังสือเกี่ยวกับพระอริเจ้าอยู่หลายเล่มค่ะ

    ที่นัทแนะนำคุณจารุไปหาหลวงพ่อเยื้อนนั้น เห็นว่าคุณจารุกลัว ท่านเป็นพระอริยะเจ้าเบื้องสูงแล้วท่านจะได้ดูแลคุณจารุขณะปฏิบัติธรรมได้ คุณจารุจะได้คลายความกลัวค่ะ



    ปล.นัทยังไม่บรรลุธรรมขั้นไหนนะคะ ข้อความข้างต้นเป็นของครูบาอาจารย์ค่ะ
     
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ป.ล.ยังไม่พร้อมเปิดเผยตัว เป็นคนขี้อายมาก
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กลับสู่อโยธยา จากวันนั้น ที่แม่เอื้อมนำอาหารมาให้
    สิงห์ก็เฝ้าหลบหน้า หลบตานาง ที่ใดมีแม่เอื้อม ต้องไม่มีสิงห์
    สิงห์นั้น หนีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือ หนีหัวใจตนเอง

    ส่วนแม่เอื้อมนั้น ไม่รู้สาเหตุว่านางนั้น เป็นอันใด
    ยามที่หัวถึงหมอน กลับหลับไหลไปไม่รู้ตัว นางตั้งใจจะแอบมาพบผัวของนาง
    แต่นางไม่อาจฝืน ความง่วงงุน จนกาลผันหมุนเวียนไปสามวัน
    ฤทธิ์ของภูตพราย ที่สะกดให้นางหลับ

    เช้าจรดค่ำ สิงห์สอนเพลงมวยเพลงดาบ ให้ทหารในค่าย
    ตกค่ำก็นั่งสมาธิ ปิดประตูลงกลอน เงียบ สนิท
    แต่ไม่อาจดับ ราคะในใจได้
    ถึงแม้ดวงตาจะปิดลง แต่ในใจกลับปรากฏภาพ
    ของตนเองและแม่เอื้อม ....ไม่อาจสลัดภาพนั้นหลุดจากใจ
    สิงห์นั้นเป็นโรคพิษไข้จากอิสตรี และไม่รู้วิธีรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2015
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ล่วงเข้าวันที่ 4 มีม้าเร็วจากเมืองหลวง เป็นทหารประมาณ ห้าคน
    ได้นำข่าวมาบอกให้กับพ่อครูเอก

    ในสมัยโบราณ นั้น ม้าเร็ว ไม่ได้ส่งสารด้วยกระดาษ แต่ม้าเร็ว
    ยังส่งสารด้วยคำพูด อีกด้วย การข่าวนั้นสำคัญมาก
    หากถูกบิดเบือน อาจทำให้เสียกลทัพ อาจทำให้การศึกแตกพ่าย

    แต่ที่น่าหนักใจ คือ ทหารทั้งห้า ถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ถึงสามคน
    ครานั้น ข่าวนี้ต้องนำไปให้ถึง เมืองสองแควพิษณุโลก
    แต่มิอาจเป็นได้ เพราะบัดนี้ ขาดกำลัง ที่ไม่รู้จะเป็นหรือตายถึงสาม
    ทั้งห้าจึงตัดสินใจ กัดฟันเฮือกสุดท้าย ขอเข้ามาหารือ และรักษาตัวที่ค่าย
     
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทหารทั้งหมด เมื่อลงจากม้า ก็ร่วงลงสู่พื้นทันที สิงห์รีบวิ่งไปรับ
    หนึ่งคนมีแผลถูกฟันที่กลางหลัง เลือดไหล ลงจากหลัง ไปที่ขา
    ดวงหน้านั้น ซีดเผือด ปากแตกด้วยพิษไข้ ตัวร้อนราวกลับไฟ
    แผลที่หลัง ดูยับเยินมาก คงถูกฟันด้วยดาบที่ใหญ่และหนา กว่าปกติ

    อีกคน เนื้อหลุด เป็นก้อนที่ไหล่ และมีรอยฟันที่แขน
    เนื้อที่หลุดนั้น มาจากอาวุธชนิดหนึ่ง เป็นกงเล็บเหล็ก
    ที่ผูกติดกับโซ่ เมื่อเหวี่ยงโซ่ขึ้นไป ตะบบตรงไหน ตรงนั้นก็หลุด
    การเหวี่ยงนั้น เล็งที่ช่วงลำคอ บริเวณลูกกระเดือก ถ้าโดนไป ตรงจุด
    คงตายภายในครั้งเดียว แต่กว่าจะตาย ก็เจ็บปวดทรมาน เหมือนสำลักความเจ็บปวดจนตาย
    สภาพ นั้นตาเหลือกลาน ถลนดูน่ากลัว เพราะบริเวณนั้น เป็นช่วงหลอดลม
    ยิ่งหายใจ ยิ่งเจ็บ ยิ่งสำลัก และตายอย่างทรมานที่สุด พวกกองทัพทมิฬชอบใช้
    พวกมันชอบดู ความเจ็บปวด ทรมาน การตะเกียกตะกายของคนไกล้ตาย

    ส่วนอีกคน โดนแทงมีดปักคาไหล่ ทั้งสามคงมีฝีมือ จึงเลี่ยงจุดตาย ทั้งสิ้น
    แต่สภาพ คงขี่ม้ามาเป็นวัน จากที่โดนโจมตี จึงเริ่มไข้ขึ้น

    ส่วนอีกสองคน ที่สภาพดูได้ที่สุด ก็โดนดาบถากๆมา เสื้อผ้าขาดวิ่น
    และหล่นลงไปกองที่พื้น ทั้งคู่น้ำตาไหลริน หน้าเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่น คราบดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2015
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่อครูนั้นรีบวิ่งมา พร้อมกับชาวบ้าน และพ่อเข้ม และแม่เอื้อม

    เจ้ามั่น พ่อครูเรียก พร้อมไปประคองทหารคนที่ขี่ม้าเข้าค่ายมาเป็นคนแรก
    ที่แท้ ทหารคนนั้น ก็เคยเป็นศิษย์พ่อครูเอกนั้นเอง

    เจ้ามั่น พูดด้วยแรง เฮือกสุดท้าย พ่อขอรับ ข้าต้องฝากให้พ่อ นำข่าวนี้
    ไปยังเมืองสองแควเร็วที่สุด ข้าไม่อาจทำหน้าที่สำเร็จ พวกเราโดนลอบโจมตี
    พ่อโปรดช่วยลูกด้วย แล้วมั่น ก็กระซิบข่าวนั้น แก่พ่อครูเอกเพียงผู้เดียว

    แล้วก็สลบไป คาวงแขนของพ่อครู

    พ่อครูเมื่อได้ฟังข่าว นั้น หน้ากลับซีดเผือด
    ใบหน้านั้นก้มต่ำ สิงห์กับเข้ม สบตากันด้วยความสงสัย
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่อครูยืนขึ้น เข้มกับสิงห์ เอ็งสองคนจงไปเตรียมตัว เตรียมม้า พร้อมเดินทาง
    มีเพียงเอ็งสองคนเท่านั้น จากนั้นเอ็งจงตามข้าไปที่เรือนข้า ข้าจักไปสงบอารมณ์รอพวกเอ็ง ที่นั่น แม่เอื้อม จงตามพ่อมา ที่เรือนบัดเดี๋ยวนี้

    สิงห์กับเข้มแม้สงสัยกับท่าทีของพ่อครูนัก นัยน์ตาท่านรื้นด้วยน้ำตา
    ท่าทางนั้น ราวกลับโลกจะถล่มลงมาตรงหน้า

    จงรีบเร่งเสีย จักไม่ทันการใหญ่่
     

แชร์หน้านี้

Loading...