อัศจรรย์แห่งพุทธมนต์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สิกขิม, 10 ธันวาคม 2007.

  1. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    การภาวนาพุทธมนต์

    ( ควบคู่กับการเจริญชีวิตอยู่ในศีลในธรรม เป็นประจำมิให้ขาดแหว่งเว้าวิ่น หรือการประพฤติอยู่ในร่องในรอยแห่งบุญกิริยา )


    ก่อผลให้ใจสงบ ขัดเกลาดวงจิตให้ผ่องใส


    ผลจากการเปล่งปิยวาจา ในถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิริมงคล


    ถือเป็นมงคลแห่งชีวิตประการหนึ่ง นับเป็นการเพิ่มบุญบารมีแก่ตนเอง


    ส่งผลให้เป็นผู้มีความสุขุมเยือกเย็น เบิกบานและเป็นสุขเสมอ


    และการภาวนาพุทธมนต์ หากตั้งใจปฏิบัติสม่ำเสมอ


    ทั้งก่อนเข้านอนและยามเช้า โดยไม่ว่างเว้นเป็นเวลา 3 ปี


    จึงมีอานิสงส์ให้ผู้นั้นบังเกิดฤทธิ์ทางใจ คิดหวังสิ่งใด ย่อมสมปรารถนา
     
  2. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ตนนั้นแล เป็นที่พึ่งแห่งตน


    เพียรด้วยตน ผลจึงเกิดแก่ตน


    เป็นสัจธรรม
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เอาแค่สวดพุทธคุณบทเดียว ภาวนาตลอดแค่นี้ก็สุดประมาณแล้ว ดูอย่างท่านหลวงพ่อจรัญสิ ขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ















    ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธที่ รพ.สงฆ์และรับมอบพระเพื่อเป็นกำลังใจในการทำความดีในปีใหม่ 2551
    http://palungjit.org/showthread.php?t=102545
     
  4. norasatepump

    norasatepump Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +26
    ขออนุโมทนาเจ้าของกระทู้ครับ
    ผมเห็นด้วยร้อย เปอร์เซ็นต์ครับ
     
  5. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ขอยกเอาอรรถกถาที่เป็นอดีตชาติของท่านสันตติมหาอำมาตย์ เป็นอานิสงส์ที่ท่านได้สร้างกรรมดีด้วยการเอ่ยถึงพระคุณของพระรัตนตรัยอยู่เสมอ ดังนี้ครับ


    บุรพกรรมของสันตติมหาอำมาตย์

    ในกัลป์ที่ ๙๑ แต่กัลป์นี้ ครั้งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ข้าพระองค์บังเกิดในตระกูลๆ หนึ่ง ในพันธุ<WBR>มดี<WBR>นคร คิดแล้วว่า ‘อะไรหนอแล? เป็นกรรมที่ไม่ทำการตัดรอนหรือบีบคั้น ซึ่งชนเหล่าอื่น’ ดังนี้แล้ว
    เมื่อใคร่ครวญอยู่ จึงเห็นกรรม คือการป่าวร้องในบุญทั้งหลาย
    จำเดิมแต่กาลนั้น ทำกรรมนั้นอยู่ ชักชวนมหาชนเที่ยวป่าวร้องอยู่ว่า ‘พวกท่านจงทำบุญทั้งหลาย จงสมาทานอุโบสถ ในวันอุโบสถทั้งหลาย จงถวายทาน จงฟังธรรม ชื่อว่า รัตนะอย่างอื่นเช่นกับพุทธรัตนะเป็นต้นไม่มี พวกท่านจงทำสักการะรัตนะทั้ง ๓ เถิด."

    <CENTER>
    ผลของการชักชวนมหาชนบำเพ็ญการกุศล </CENTER>พระราชาผู้ใหญ่ทรงพระนามว่าพันธุมะ เป็นพระพุทธบิดา ทรงสดับเสียงของข้าพระองค์นั้น รับสั่งให้เรียกข้าพระองค์มาเฝ้าแล้ว ตรัสถามว่า ‘พ่อ เจ้าเที่ยวทำอะไร?’
    เมื่อข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์เที่ยวประกาศคุณรัตนะทั้ง ๓ ชักชวนมหาชนในการบุญทั้งหลาย.’ จึงตรัสถามว่า ‘เจ้านั่งบนอะไรเที่ยวไป?’
    เมื่อข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์เดินไป’ จึงตรัสว่า ‘พ่อ เจ้าไม่ควรเพื่อเที่ยวไปอย่างนั้น จงประดับพวงดอกไม้นี้แล้ว นั่งบนหลังม้าเที่ยวไปเถิด’ ดังนี้แล้ว ก็พระราชทานพวงดอกไม้ เช่นกับพวงแก้วมุกดา ทั้งได้พระราชทานม้าที่ฝึกแล้วแก่ข้าพระองค์.
    ต่อมา พระราชารับสั่งให้ข้าพระองค์ ผู้กำลังเที่ยวประกาศอยู่อย่างนั้นนั่นแล ด้วยเครื่องบริหารที่พระราชาพระราชทาน มาเฝ้า แล้วตรัสถามอีกว่า ‘พ่อ เจ้าเที่ยวทำอะไร?' เมื่อข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ทำกรรมอย่างนั้นนั่นแล’ จึงตรัสว่า ‘พ่อ แม้ม้าก็ไม่สมควรแก่เจ้า เจ้าจงนั่งบนรถนี้เที่ยวไปเถิด’ แล้วได้พระราชทานรถที่เทียมด้วยม้าสินธพ ๔.
    แม้ในครั้งที่ ๓ พระราชาทรงสดับเสียงของข้าพระองค์แล้ว รับสั่งให้หา ตรัสถามว่า ‘พ่อ เจ้าเที่ยวทำอะไร’ เมื่อข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ทำกรรมนั้นแล’ จึงตรัสว่า ‘แน่ะพ่อ แม้รถก็ไม่สมควรแก่เจ้า’ แล้วพระราชทานโภคะเป็นอันมาก และเครื่องประดับใหญ่ ทั้งได้พระราชทานช้างเชือกหนึ่งแก่ข้าพระองค์.
    ข้าพระองค์นั้นประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง นั่งบนคอช้าง ได้ทำกรรมของผู้ป่าวร้องธรรมสิ้นแปดหมื่นปี กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกายของข้าพระองค์นั้น กลิ่นอุบลฟุ้งออกจากปาก ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้
    นี้เป็นกรรมที่ข้าพระองค์ทำแล้ว."

    <CENTER>
    </CENTER>ที่มา:
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=20&p=9
     
  6. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    สาธุ ตอนเช้าสวดสั้น ตอนเย็นสวดยาวหน่อย จะพยายามน้อมนำไปปฏิบัติให้ได้มากที่สุดครับ แต่เรื่องทาน ศีล นี่ทุกวัน และ อานาปาฯ นี่ตลอดเวลาที่สติระลึกรู้ ไม่ยอมแพ้กิเลสมันแน่ครับ

    สาธุ
     
  7. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
    बहुत बहुत धन्यवाद
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จึงมีอานิสงส์ให้ผู้นั้นบังเกิดฤทธิ์ทางใจ

    ขอบคุณครับ
     
  9. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    การภาวนาพุทธมนต์ทั้งสิ้นล้วนดี อาทิ บททำวัตรเช้า และทำวัตรเย็น ให้เป็นปกติในวัตรประจำวัน


    ยามปฏิบัติสิ่งใดอยู่ ขอให้ทำความรู้สึกตัวให้ทั่วพร้อม


    เป็นต้นว่า นั่งหนอๆ , ยืนหนอๆ , เดินหนอๆ , ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอฯ


    บ้างก็สลับกับภาวนาถ้อยคำอันเป็นสวัสดิ์มงคลทั้งหลาย เช่น พุทโธ


    เพื่อให้จิต มิได้มีโอกาสปรุงความคิดยินดียินร้ายไปต่างๆ อันเป็นทางให้จิตตกไปสู่ที่ต่ำ
     
  10. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เรียน คุณnsthai


    เราเป็น อุบาสิกาผู้หนึ่ง
     
  11. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    คำสวดมนต์ เป็นวิตก รู้ทุกคำที่สวด เป็นวิจาร สวดไปนาน ๆ จิตก็ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ในการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเรามีสติระลึกรู้อยู่ทุกขณะ ก็มีสติสัมปชัญญะ ตลอดเวลา ทุกสิ่งที่เข้ามาสัมผัสได้ จิตก็รู้ ถ้าพิจารณาทุกขณะจะได้ความรู้จากสิ่งนั้น...เอ ? มันจะว่างตอนไหน.....นะ.
     
  12. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เรียน คุณผู้พันจุ่น


    การตามกำกับสติด้วยความระลึกรู้ถึงผัสสะ แล้ววางเช่นนั้น


    ครั้นทำความเพียรให้เป็นนิสัย จิตย่อมอยู่เหนืออารมณ์ยินดีและยินร้าย


    โอกาสแห่งความว่างจึงบังเกิด คือ

    ว่าง จากความยินดี จากความยินร้าย ในสิ่งที่มากระทบอายตนะ
     
  13. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เรียน คุณnsthai


    ขออย่าเรียกขานเราว่าอาจารย์เลย เราเป็นผู้ศึกษา และทำความเพียร
     
  14. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธ
    สาาาาา...ธุ

     

แชร์หน้านี้

Loading...