เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ขอขอบคุณครับที่มีเมตตามาแย้งให้คิด การเดินทางของแต่ละท่านย่อมไม่เหมือนกันผมอาจไปทางเรือไม่ได้ไปทางบกอย่างท่าน เพราะฉะนั้นความเข้าใจในการเดินทางต่างๆจึงต่างกัน ทางของท่านอาจเจอเสือเห็นเสือรู้ว่าจะทำยังไงไม่ให้เสือกัด ส่วนผมไปทางเรือผมไม่เห็นเสือไม่รู้จักเสือ ผมเห็นเเต่ฉลามรู้จักแต่ฉลาม ผมรู้ว่าผมจะทำยังไงไม่ให้ฉลามกัดได้ แต่ผมไม่รู้ว่าทำยังไงไม่ให้เสือกัดเหตุเพราะไม่รู้จักเสือ ส่วนท่านก็ไม่รู้จักฉลามท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงไม่ให้ฉลามกัด จริงใหมครับ แต่ในตำรามีทั้งเสือทั้งฉลามและมีวิธีบอกว่าเมื่อเจอแล้วควรทำอย่างใด แต่ของจริงมันเป็นปัตจัตตังตนเป็นที่พึ่งแห่งตน รู้ได้แก้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ผู้ไม่รู้จริงจะพูดตามตำราแต่ผู้รู้จริงจะให้ไปทำเอง รู้เองบอกใครไม่ได้ เหตุเพราะเค้ารู้ของเค้า คนบอกๆได้แค่ว่าถูกต้องตามเข็มทิศนำทางหรือไมแค่นั้น จิตมันไม่มีอะไรหรอกมันวิ่งม้นส่ายเพราะอะไรไปดูที่เุหตุทำไมมันถึงวิ่ง ธรรมชาติมันวิ่งหรือมันหยุดละ. มันวิ่งแล้วทุกข์ไหม แล้วทำไมพระพุทธองค์จึงบอกให้เราดูจิตในจิตละ หรือท่านให้เราวิ่งตามจิตสอดส่ายส่งออกตามมันไปหรือให้อยู่นิ่งๆดูมัน. ทำไมท่านให้เอาเชือก5เส้นมาผูกสัตว์5ชนิดไว้กับตออย่าให้มันวิ่งตามแต่ละประเภทของสัตว์ทั้ง5ชนิดละครับ ท่านไปปฏิบัติเถอะครับสิ่งที่ท่านเขียนยังห่างจากความจริงคนละเรื่อง ท่านเข้าใจความหมายที่ว่า เปลี่ยนสมมุติเป็นวิตมุติไหมครับ. ลองทำแล้วจะเข้าใจยุ่งแต่เรื่องของตนนำตนให้พ้นหลุมเท่านั้นเรื่องของคนอื่นไม่เกี่ยวกับเรา เรื่องของใครก็ของคนนั้นครับ สาธุ
    ป.ล. ท่านไปศึกษาเรื่องจิตเถอะครับ อย่าเอาแต่ที่เขียนในตำรา โลกนี้มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้นที่รู้แจ้งแทงตลอดเรื่องจิต นอกนั้นไม่มีใครรู้จริงหรอกครับ ถ้าอยากรู้ต้องทำเอง สอนตนเองแล้วจะเห็นเองผมเองก็ยังไม่รู้ยังคล่ำยังวุ่นอยู่กับมัน ยังไม่เจอแต่อีกไม่นานผมต้องเจอต้องรู้ และต้องรู้ให้ได้ ไม่จำอวดแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  2. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาสาธุครับ ท่านเห็นถูกแล้วครับ สิ่งที่ท่านรู้ผู้อื่นไม่รู้สิ่งที่ท่านกล่าวเค้าไม่รู้จัก พระพุทธองค์จึงตรัสว่าถ้าจะรู้ภูมิธรรมของคนอื่นได้นั้นต้องคุยด้วย ต้องคลุกคลีถึงจะรู้แต่ก็รู้ได้เฉพาะที่ตนอยู่หรือต่ำกว่าเท่านั้นจะรู้สูงกว่ามิได้เลย. ท่านจะสนทนาธรรมกับผู้ใดท่านต้องวางอุเบกขาแล้วค่อยสนทนานะครับ ไม่อย่างนั้นจิตจะตกทันทีผมเองก็เพิ่งค้นพบหลักข้อนี้เมื่อกี่นี้้เอง เหตุเพราะบางคนเอาแต่ตำรามาคุยแถมยังไม่เคยปฏิบัติเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงใครเถียงก็อ้างตำราอย่างเดียวยังงี้ถ้าเรามีอารมณ์จิตก็ตกต้องนับ1ใหม่ เราต้องวางจิตปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมได้ทำงานของมันตามแต่กรรมใครกรรมมันครับ บางคนเมื่อคุยด้วยก็จะรู้วาระจิตของเค้าทันทีว่าคนนี้ทำตามหน้าที่แนะหรือบอกสิ่งที่ตนรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นเช่นท่าน Tjsเป็นต้น ยังงี้ก็มีท่านก็ระวังจิตตนนะครับอย่าให้ตกเพราะพวกจำอวดเลย ในนี้มีแต่น้อยครับท่านที่เจตนาดีมีเยอะกว่ามากครับเมื่อเจอก็อย่าไปยุ่งก็แค่นั้นครับ ผมเองก็เป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นครับยังโง่อยู่ยังต้องทำความเพียรอีกมากกว่าจะขึ้นจากหลุมที่ตกอยู่ครับ. สาธุ
    ป.ล. นี่แหละครับธรรมชาติของมนุษย์ เปลี่ยนแปลงและแก้ไขไม่ได้ ยกเว้นตนต้องแก้ตนเท่านั้นไปแก้หรือบอกให้เค้าแก้นั้นไม่มีวันสำเร็จหรอกครับ เรามีหน้าที่แค่จะอยู่กับมันได้ยังไงโดยไม่หลงไปกับมันก็แค่นั้นเองครับ ตราบใดที่มนุษย์ยังยึดอยู่ก็จะเป็นแบบนี้เป็นธรรมชาติ เมื่อไม่ยึดในสมมุตินั้นก็จะพบกับวิมุตติ จะรู้เองเห็นเองแล้วจะเข้าใจด้วยตัวเองว่า ทำไมมนุษย์จึงเป็นแบบนี้ สรรพชีวิตล้วนเป็นแบบที่มันเป็น แม้แต่ธรรมมะถ้ายึดเมื่อไรก็จะถูกอวิชชาเข้าเล่นงานทันที เหตุเพราะเมื่อยึดก็จะเข้าใจเองว่าตนเก่งตนเหนือกว่าตนเป็นนั้นเป็นนี่นั้นแหละทางหายนะละครับ คิดว่าท่านคงเข้าใจนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การฝึกรู้จริงในสภาพธรรมชาติของจิต หรือการตามรู้จิต มีหลายวิธี

    เราไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าซ้ายหรือขวา แต่เราบอกได้ว่า แบบนี้ทำได้ ทำแล้วเป็นอย่างไร แบบนี้ทำแล้วจะเกิดอะไร

    อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้สมาธิมีหลายแบบดังนี้ อย่างที่คุณกล่าวมาก็ใช่ คือเราจะหยุดรถก่อนแล้วจึงดูรถ หรือเราจะไม่ต้องหยุดแต่เราจะยังคงขับรถไปเรื่อยๆแต่ประคองสมาธิดูรถไปด้วย
    หรือจะเป็นแบบเราอาจจะลดความเร็วของรถแล้วค่อยๆประคองสมาธิดูรถไปด้วย
    แบบช้าๆก่อนพอชำนาญแล้วจึงค่อยเพิ่มความเร็วของรถ เพราะสมาธิเราดีมากแล้วนั่นเอง

    สรุปคือ ทุกวิธีการใช้ได้หมด ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของท่าน อันได้แก่ ความพร้อมทางกาย ความพร้อมด้านสติ ด้านสมาธิ และสติปัญญาเดิมที่ท่านมี ขอให้ทุกท่านลองทำดูก่อนแล้วค่อยพัตนาตนเองตามลักษณะเฉพาะของตน

    แต่หากมองว่าโดยทั่วไปหรือพื้นฐาน นั้น สิ่งที่เป็นวิธีการพื้นฐานหรือทำได้ง่ายคือการต้องเริ่มจากการนับ0หรือ1 นั่นก็คือการที่ต้อง หยุดรถก่อน เพื่อตรวจสอบได้ง่าย แล้วเมื่อเราชำนาญเราก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วของรถ ของสติ ของสมาธิ นั่นเอง ครับสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  4. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาครับ การที่ผมเปรียบดังรถคือถ้ารถวิ่งก็เหมือนจิตส่งออกไม่ว่าช้าหรือเร็วมันต้องยึดคือมันต้องเป็นตามที่พระพุทธองค์้ปรียบไว้คือลิงมันจะเกาะกิ่งนั้นปล่อยกิ่งนี้ท่องเที่ยวไปทั่วป่า. แล้วมันจะออกจากสังสารวัฏได้อย่างใด. ท่านให้เราหยุดคือเปรียบเหมือนลิงให้หยุดเพื่อมิต้องยึดให้ปล่อยคือเหมือนลิงให้ปล่อยมือจากกิ่งไม้ไม่ต้องยึดต้องจับจะได้หลุดพ้นไม่ต้องโหนจากกิ่งหนึ่งสู่อีกกิ่งหนึ่งคือไม่ต้องทิ้งกายนี้ไปยึดหรือเกิดอีกภพอีกกายหนึ่งมิใช่รึครับ. หรือผมเข้าใจผิด การหยุดแล้วดูจิตเราจึงเห็นธรรมชาติของมันถ้ามันส่งออกเราจะเห็นรึครับมันจะยึดจะถือจะคลุกเคล้าด้วยอารมณ์แล้วจะเห็นสิ่งแท้ได้รึครับ. ธรรมชาติของจิตมันเร็วมากมันถูกส่งออกตลอดเวลามาเป็นกี่อสงไขยแล้วก็ไม่รู้ ไม่มีเริ่มต้นไม่มีที่สุด. ครูบาอาจารณ์ก็สั่งสอนให้ทำจิตนิ่งๆเป็นสมาธิถ้าจิตไม่นิ่งสมาธิจะเกิดได้ยังไงท่านอย่าได้ไปฟังคุณเอกวีย์เลยครับเค้าจำอวดเค้ายังไม่รู้จักความหมายของคำว่าสาธุเลยแล้วเที่ยวด่าว่าคนที่ใช้สาธุว่าเป็นแพทสยาธรรมเป็นคนชั่ว เค้าไม่เคยปฏิบัติเที่ยวจำอวดแถมจำและเข้าใจผิดๆแสดงสิ่งที่ผิดออกมาเช่นที่เค้าโพสนี่แหละปล่อยให้จิตส่งออกแล้วตามดู พระพทธเจ้าไม่ได้สอนแบบนั้นท่านสอน สมาธิ ศีล ปัญญา ถ้าจิตส่งออกไม่นิ่งสมาธิจะเกิดได้ยังไงครับแล้วให้เราวิ่งตามดูจิตอีกใครสอนครับสำนักไหนพระพุทธองค์สอนให้ทำสมาธิให้จิตนิ่งเพื่อใช้พลังจิตในการต่อสู้กับกิเลสหรืออะไรที่เข้ามาให้รู้ทันด้วยสติให้มีสมาธิจับที่ลมหายใจอย่าให้จิตสอดส่ายส่งออกถ้ามันฟุ้งให้ใช้สติรู้ทันมัน ไม่มีใครสอนให้วิ่งตามดูจิตซักคน. การรู้เท่าทันจิตนั้นมิใช่การปล่อยให้จิตมีผัสสะแล้วค่อยตาม พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเห็นให้สักแต่เห็น ไม่ได้สอนว่าให้ปล่อยตามจิตแล้ววิ่งตามดูครับ ความหมายของคำว่าเห็นให้สักแต่เห็นคือให้เห็นเฉยๆอย่าให้จิตไปมีเวทนาดูผ่านไปเหมือนดูหนังอย่าให้จิตส่งออกไปยึด ไม่ใช่จิตส่งออกแล้วค่อยตามดูมัน ท่านครับที่ผมบอกถูกต้องใหมครับ แนะนำหน่อยครับ. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขอให้เรามีเมตตาต่อกัน การแสดงธรรมหรือกล่าวพระธรรม แม้เราทั้งหลายจะคิดเห็นต่างกัน จะด้วยเพราะศึกษามาไม่เหมือนกัน ปฏิบัติมามากน้อยไม่เท่ากัน บารมีเดิมไม่เท่ากัน

    ผลจึงกล่าวแสดงธรรมออกมาที่แตกต่างกัน เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ เราพึงเปิดกว้างและเข้าใจ ควรตั้งใจให้เป็นกลางแล้วช่วยกันขยายธรรมในส่วนที่มืดดำหรือเป็นจุดบอดให้สว่างแจ่มชัด ตรงไหนคว่ำ หากเรามีปัญญารู้ก็จงช่วยหงายของคว่ำ คือขอให้เมตตาส่งเคราะห์ธรรมะแก่กัน อย่าไปคิดว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้เลย คือขอให้เปิดใจให้กว้าง มองเฉพาะส่วนดี

    และส่วนที่ไม่ดีเราก็ต้องพยายามช่วยเขา หาชี้จุดสว่างให้เขา เปิดมุมมองใหม่ๆให้เขามองเห็นและทำความเข้าใจ ขอให้สงเคราะห์กันแบบนี้ ยกเว้นในกรณีที่เราได้พยายามกันมากมายแล้วและมันเกินวิสัย อันนั้นก็ค่อยพิจารณาละปล่อยวางไปเป็นกรณีๆไปนะครับ

    การกระทบกระทั่งย่อมมี ครับ แต่ขอให้อยู่บนความดีงาม นึกถึงพระพุทธองค์ บรมครู ท่านเป็นแบบอย่างที่ดี ที่เราควรเจริญรอยตามครับ สาธุ
     
  6. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    แล้วพระอรหันต์จิตนิ่งหรือจิตวิ่งครับ จะมโนหรือไม่มโนพระอรหันต์ท่านก็ทำได้ ส่วนท่านทำไม่ได้หรือไม่ทำก็อย่าได้เที่ยวบอกว่าคนอื่นเค้าทำไม่ได้ ความจริงของคุณกับผมม้นต่างก้นของคุณมันเป็นในแบบของจำอวด ความจริงของผมคือทำไม่จำอวด ในเมื่อพ่อแม่ครูบาอาจารณ์ท่านให้ทำจิตให้นิ่งตลอดเวลา ไม่ใช่นั่งตัวแข็งทือทำสมาธิแต่จิตไม่นิ่งหรือจิตนิ่งเฉพาะในสมาธิพอออกจากสมาธิน้องเมียสวย. ท่านให้จิตนิ่งตลอดเวลาทั้งๆที่ลืมตานี่แหละเมื่อท่านทำไม่ได้สิ่งที่ท่านเขียนนั้นคือความจริงของท่านแต่นั้นไม่ใข่ความจริงของผม. ท่านทำไม่ได้หรือได้แค่นั้นก็อย่าได้เที่ยวดูถูกผู้อื่นว่าต้องทำได้แค่นั้นเหมือนท่าน. ส่วนผมจะทำได้ไม่ได้ก็เรื่องของผม. ผมไม่เคยขอให้ท่านมาบอกมากล่าวมาสั่งมาสอน และไม่เคยเห็นท่านเป็นนักปราชย์หรือสัทบุรุษตั้งแต่ท่านได้แสดงธาตุแท้ออกมาและไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยเลยเหตุเพราะผมเลือกคบแต่บัณฑิตเท่านั้นส่วนอย่างอื่นผมไม่คบด้วยแล้วไม่ต้องเข้ามาจำอวดที่นี่เพราะคุณเคยเพ็งโทษด่าว่าเจ้าของกระทู้นี้คุณควรไปสู่ที่ๆคุณมาดีกว่าครับ อย่ายุ่งกับผมเลยเดียวคนอื่นจะรู้ว่าคุณทำไม่ได้ชาตินี้ไม่มีวันสำเร็จ เพราะพระอรห้นต์ทุกๆพระองค์ล้วนทำจิตให้นิ่งได้ ส่วนคุณได้แค่ที่คุณโพสมานั้นแหละครับ อย่าได้ยกตนให้เหนือกว่าใครเลยอายเค้าเพราะที่คุณโพสบอกนะเมื่อ30ปีที่แล้วผมก็รู้แล้วคุณยังมะงุ่มมะหง่าร่าอยู่เลย เค้าไปไกลแล้วครับ สาธุ
    ป.ล.คุณควรจะไปวิ่งตามดูรถหรือจิตคุณเองดีกว่าเพราะคุณไม่สามารถหยุดรถหรือจิตตนได้แต่อย่าได้เที่ยวบอกคนอื่นว่าเค้าจะหยุดรถหรือจิตไม่ได้เหมือนคุณเพราะคุณมีความสามารถแค่นั้นคือวิ่งตามดูรถหรือจิตแต่คนอื่นเค้าหยุดได้เค้ามีกุสโลบายในการหยุดของเค้าเค้ามีความสามารถมากกว่าคุณอย่าได้ยกตนข่มท่านว่าคุณทำไม่ได้แล้วคนอื่นต้องทำไม่ได้เหมือนคุณเค้าจะทำได้ไม่ได้มันเรื่องของเค้าไม่เกี่ยวกับคุณ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  7. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    การใช้วาทะศิลปนี้ผมต้องยกให้เป็นที่หนึ่งเลยนะครับ มโนเองใช้วาทะศิลปเองคนอื่นต้องตามฉัน เพราะฉันบอกไว้แล้วตีขลุมแทงกินตลอดด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมแม้น่าเสียดายนะครับที่ใช้ไม่ถูกที่กลนี้เค้าใช้มานานมากแล้วใครหลงเข้ามาต้องผิดต้องถูกผู้อื่นกล่าวร้ายส่วนฉันเป็นพระเอก. ไปใช้ที่อื่นเถอะครับวาทะศิลปนี้นะจะใช้ได้เฉพาะผู้ที่ไม่รู้จักคุณเท่านั้นแหละครับคนที่เพ่งโทษผู้อื่นลับหลัง สอนใครได้ครับ. คนที่ไม่รู้จริงในความปมายของสาธุแล้วว่าคนใช้คำนี้ว่าเลว ว่าเป็นแพทสยาธรรม นี่เป็นคนแบบไหนครับ คนที่ทำอะไรไม่ได้แล้วบอกว่าคนอื่นก็ทำไม่ได้ได้แต่มโนเองนี่เป็นคนแบบไหนครับสิ่งเหล่านี้คือตัวตนที่แท้จริงของคนๆนี้ครับ เที่ยวจำอวด แถมจำผิดๆใช้วาทะศิลปเพื่อให้คนอื่นสรรเสริญว่าดีว่าเก่งเป็นผู้รู้ธรรม เที่ยวยกตนข่มท่าน เพ่งโทษผู้อื่นด่าว่าคนอื่น คือคนนี้ครับ. หลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมดมีครบครับใครอยากรู้สอบถามได้จะแสดงหลักฐานต่างๆให้เห็นครับ. มิได้กล่าวใส่ร้ายลอยๆที่กล่าวมาล้วนมีหลักฐานชัดเจนครับสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  8. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    PHP:
    [HTML][HTML][/HTML][/HTML]
    จะเป็นอะไรก็ผิดทั้งนั้น พระโสดาบันมีแค่3ข้อในสังโยชน์10ท่านไม่รู้รึครับ1มีศีลครบ 2. ยึดพระรัตนตรัยโดยไม่มีข้อสงสัย 3ละสังกายทิฏฐิ เกี่ยวกับจิตตรงไหนครับเอาแค่ศีลท่านก็จบแล้วครับ ข้อ4ท่านไปอ่านดูนะครับในนี้ผมก็มีแสดงไว้ในกระทู้โสดาบันแบบชาวบ้าน ท่านครับธรรมมะพระพุทธองค์ต้องใช้ป้ญญามากจงเลิกคิดว่าใครทำได้ไม่ได้จงเลิกมานะว่าตนเก่ง จงยอมเป็นคนโง่เพราะเราโง่จริงๆแล้วเลิกมโนทั้งหมดแล้วเลิกอ่านหันมาตั้งจิตปฏิบัติเสียเมื่อติดขัดค่อยดูพุทธวจนะว่าพระองค์ตรัสสอนว่าอย่างใดเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้อุบายในการเอาชนะกิเลสจงเที่ยวหาว่าใครใช้วิธีไหนบ้างแล้วเลือกวิธีที่เหมาะกับเราเราก็จะทำตนให้สูงๆยิ่งๆขึ้นไปได้ ถ้าจะคุยเรื่องจิตจะบอกให้ว่าจิตต้องนิ่งตั้งแต่เริ่มทำสมาธิคืออนุบาลครับ ไอ้จิตวิ่งแล้ววิ่งตามดูนะมันไม่มีต้องรักษาจิตทุกขณะจิตไม่ให้มันสอดส่ายส่งออกเพื่อให้จิตมีพลังควรค่าแก่การงานพระพุทธองค์สอนแบบนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้จิตวิ่งแล้วตามดูถ้าเป็นยังงั้นสมาธิจะมีทำไม อภิญญาสมาบัติจะมีได้ไง จิตจะมีพลังได้ไงที่เค้าเรียกพลังจิตจะมีได้ยังไงมันขัดและแย้งกันเองไปศึกษามาใหม่เถอะ จิตไม่นิ่งสมาธิจะเกิดไหม ลืมตาเห็นนี่นะไม่ต้องหลับตาเห็นผู้หญิงแล้วสวยไหมถ้าสวยทำไมถึงสวยตรงไหนสวย ตรงไหนหอมมีขี้สวยเหรอ มีขี้กลิ่นหอมเหรอไปดมดูซิมันเหม็นเหมือนเราไหม นี่เค้าฝึกกันยังงี้ จนกว่าจะคุมจิตอยู่ไม่ให้มันมีกามราคะ ไม่ให้มันกำหนัด ให้จิตมันนิ่งๆพอเจอผู้หญิงจิตจะถอยออกไม่อยากไม่มีกำหนัดจะจับอยู่ที่ลมหายใจบางคนก็ใช้วิธีอื่นเช่นเห็นเป็นน้องสาวเป็นลูกแล้วแต่อุบายใครอุบายผู้น้้นไม่เหมือนกันส่วนจิตที่ผมคุยก้บคุณก้องนั้นมันอีกระดับหนึ่งแล้วมันเกี่ยวพันในสังโยชน์8-10โน้นแล้วคุณยังอยู่โสดาปฏิมรรคเลยม้นคนละเรื่องเลย ศึกษาธรรมต้องก้าวย่างอย่างระวัง. พระพุทธองค์ยังตรัสครั้งสุดท้ายก่อนจะเสด็จดับขันธุปรินิพานว่า พวกเธอจงอยู่อย่างไม่ประมาทเถอญ รู้จักไหมคำว่าประมาทหมายความว่าอย่างใด.จงตั้งจิตอย่าประมาทแล้วท่านจะเจริญในธรรมสูงๆยิ่งๆขึ้นไป สาธุ
    ป.ล.ถ้าคิดว่าตนเก่งตนแน่นั้นแหละคือคนที่โง่จริงๆ ถ้าคิดว่าตนเป็นนั้นเป็นนี้นั้นแหละคน ถ้าเป็นอริยบุคคลเมื่อไรจะรู้ด้วยตนเอง และจะไม่มีวันบอกใครเด็ดขาด. จำให้ขึ้นใจนะครับ. แล้วย้อนดูตนว่าตนเป็นอะไร คนอื่นจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้สนทนากันเท่านั้น ผมเป็นแค่คนโง่ๆคนหนึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง ถ้าผมฉลาดผมคงขึ้นจากหลุมที่ตกอยู่นี่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  9. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ใครบอกคุณว่าผมหยุดจิตได้ประโยคไหนครับช่วยชี้หน่อย ตั้งแต่โพสมาผมบอกว่าจิตเหมือนรถถ้ามันวิ่งเราจะไม่เห็นว่ามีตรงไหนบุบตรงไหนแตกแต่ถ้ามันจอดคือมันนิ่งเราถึงสำรวจได้ว่าตรงไหนที่ต้องซ่อมต้องแซม ผมยกอุปมาไว้ยังงี้เท่านั้นมีประโยคไหนว่าผมหยุดได้แล้ว คุณอ่านแล้วเข้าใจรึเปล่าผมบอกแค่ว่าผมจะทำไม่เคยบอกว่าทำได้แล้ว. แล้วยังถามว่าใช่หรือไม่ด้วยในสิ่งที่ปัญญาผมมี คุณนี้ใส่ร้ายผู้อื่นเค้าไม่ได้บอกกล่าวหาว่าเค้าบอกถ้าคุณบอกว่าผมบอกยกขึ้นมาเลยว่าประโยคไหนที่บอกว่าผมหยุดจิตได้แล้ว จิตนิ่งนั้นมีหลายขั้นตอนมากตั้งแต่ขั้นแรกสมาธินิ่งเป็นพักๆต่อมาเริ่มนิ่งนานขึ้นๆตามความเพียรของแต่ละคน ต่อมาเริ่มเห็นสิ่งต่างๆแล้วนิ่งคือไม่อยากในกามต่อมาก็พัฒนาขึ้นมาคือปล่อยวางต่อมาก็เห็นตามความเป็นจริงมันจะละจะคลายออกจากการยึดมั่นจนในที่สุดมันจะนิ่งจริงๆแล้วถึงจะสำรวจอาสวะกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในกมลสันดานพร้อมทั้งอวิชชาทั้งหลายคือยึดมั่นถือมั่นอันละเอียดอ่อนจนกว่าจะสะอาดหมดจด คุณไม่รู้และไม่เข้าใจก็อย่าเพิ่งรู้เพิ่งเข้าใจเลยมันไม่ได้ง่ายๆอย่างที่คุณมโนหรอก แล้วอย่ากล่าวตู่ว่าเราบอกว่าเราทำได้แล้ว ผมแค่บอกว่าผมจะทำไม่ใช่ทำได้ คุณกล่าวมายกมาว่าประโยคไหนที่ผมบอกว่าทำได้ ยกมาครับ
    ป.ล. อย่าได้เอาตนเปรียบกับคนอื่นท่านโพสในสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำว่าทำ แล้วคิดว่าคนอื่นๆเหมือนท่าน ผมนี่ของจริงครับ ทำได้คือได้อธิบายได้สอดและรับกันไม่ขัดและแย้งกันเอง ตรงตามทางตามแผนที่ อย่าได้จับผิดเลยผมไม่เหมือนคนอื่นๆที่คุณเจอแน่ ของจริงต้องจริง ผมโพสด้วยความจริงไม่มีมุสา ส่วนคุณด้วยอะไรก็ตามคุณรู้อยู่แก่ใจเอง จงหยุดและเริ่มใหม่ พระเทวทัตยังสำนึกได้ก่อนถูกธรณีสูบ ถ้าท่านยังไม่สำนึกท่านว่าท่านกับพระเทวทัตใครมีสามัญสำนึกมากกว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ้าวๆ งง ตัวเองอีก

    หยุดไม่ได้ แต่ จะทำ !!!

    คือ คุณ จะหยุดจิตให้ได้ ..... จิตจะหยุดได้ก็ต่อเมื่อเป็นอรหันต์
    หากยังไม่อรหันต์ ก็ไม่มีวันหยุดได้

    ก็ทราบอยู่แล้วว่า จะทำ !!!

    ถึงได้ ขอนุญาติ ย้อนแย้ง ทักท้วง " ก่อนจะไปกันใหญ่ "

    คำทักท้วงคือ ไม่ต้องไปสำเร็จรออรหันต์ก่อน เพื่อให้ หยุดจิตได้ ตามสิ่งที่จะทำ
    ทำได้ หยุดจิตได้ ก็ออกไปดูกิเลส ดูจิตในจิต ฝึกสติปัฏฐานหมวดจิต หลังจาก
    สำเร็จอรหันต์

    คำทักท้วงคือ ก็ภาวนาไปทั้งที่จิตมันไม่หยุด หยุดยังไม่ได้นั่นแหละ โสดาปฏิมรรค
    ก็ภาวนาได้ ไม่ต้องหยุดจิต แค่รู้เท่าเอาทัน ก็พอ ไปเรื่อยๆ จนโน้นแหละ สำเร็จ
    อรหันต์ ถึงตอนนั้นก็หยุดจิตไปสิ แต่ ต้องออกไปดูกิเลสอีกไหม ก็ว่ากันไป
    ตามที่ เจ้าของกระทู้เขาก็รับรองว่ามันเป็นวิธีการหนึ่ง

    นะ

    ถ้าคุณจะมา บอกว่า ไม่ได้หยุดจิตสักหน่อย ก็ภาวนาได้ เอากิเลสออกได้ ก็ภาวนาไป ซึ่งก็เหมือนกันที่ ผมทักท้วง แล้วจะมาด่ากันทำไมหละคร้าบ

    แต่ถ้าจะบอกว่า ต้องหยุดจิตให้ได้ก่อน(สำเร็จอรหันต์ก่อน ถึงจะหยุดจริง) แล้ว
    ค่อยเอากิเลสออกหลังจากสำเร็จอรหันต์แล้ว ก็ว่าไปตามที่ เจ้าของกระทู้เขารับรองไปสิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    โสดาปฏิมรรค ไม่เกี่ยวกับ จิต หรือครับ

    โสดาปฏิมรรค เกี่ยวกับจิต อยู่แล้ว หากไม่เกี่ยวกับจิต
    จะละอุปทานขันธ์์ทั้ง5 ได้เหรอ

    โสดาปฏิผลหละ โสดาปฏิผลมีการ ชำระล้างกิเลสไหม

    ถ้า โสดาบัน มีการล้างกิเลส เอ้า!! มีหยุดรถ ออกไปนั่งเช็ดรถ ซ่อมรถ
    หรือเปล่า

    ถ้า โสดาบัน ละกิเลสไม่ได้ ไม่มีการละกิเลส ก็หยุดจิตไม่ได้ งั้นสิ

    ดังนั้น

    โสดาปฏิมรรค ก็ต้อง ภาวนาเห็น จิตในจิต ได้ ...ต้องละกิเลสได้
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อย่าลืมนะ ทักท้วงเนี่ยะ ไม่ได้มุ่งสอนคุณ

    ทักท้วงเอาไว้ ก็เพื่อให้ คนอื่น เขาพอมีกำลังใจ เห็นหนทาง ชำระกิเลส

    เห็นหนทางที่ไม่ถึงขนาด " หยุดจิต "

    เห็นหนทางที่ รู้เท่า เอาทัน จิต ก็พอ มันก็มี
     
  13. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    แม้ตีขลุมอีกแล้ว เฮอะเหนือยจัง คุณบอกให้ตามดูจิตปล่อยให้มันส่งออกแล้ววิ่งตามดูมัน. ส่วนผมจะควบคุมจิตไม่ให้ส่งออกมันเหมือนกันตรงไหน ต่างกันราวฟ้ากับดิน เหนือกับใต้ การคุมคือรถมันวิ่งอยู่ผมจะหยุดมัน ให้มันนิ่งแล้วสำรวจว่ามีอะไรที่ยังดับไม่ได้มันเลยกิเลสมาไกลแล้วกามนะมันข้อ4ในสังโยชน์10สูงขึ้นมากว่าโสดาบันแล้ว คุณสับสนอะไรรึเปล่า ถึงบอกว่าถ้าไม่รู้ยังไม่ถึงอย่าได้อวดเลยแค่คุยด้วยก็รู้ว่าคุณเป็นยังไงยิ่งแสดงมากเท่าไรก็เหมือนเด็กแสดงให้ผู้ใหญ่ดูเหตุเพราะผู้ใหญ่เค้าเคยเป็นเด็กมาก่อนการเอาชนะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำการยอมแล้วถามทำไมเค้าคิดแบบนี้ต่างหากละถึงจะได้ความรู้ได้เหตุได้ผลตามความเป็นจริงเมื่อเรามายืนยังจุดที่เค้ายืนเราจะได้รู้ว่าเราควรทำยังไงเพราะเราเคยได้รับคำแนะนำแล้วนี่แหละคนฉลาดละเข้าใจใหมครับ พระโสดาบันทำให้สำเร็จเร็วเถอะครับแล้วทรงให้อยู่จนเคยชินเป็นอุปนิสัยก่อนแล้วต้องสามารถอธิบายศีล ได้ทุกข้อวิธีรักษาวิธีทำอุบายในการทำข้อ2ทำไมต้องมีข้อ1ก่อนถ้าไม่มีข้อ1ข้อ2จึงมีไม่ได้อธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอดได้ แล้วข้อ3ใช้อุบายอะไรในการละอธิบายได้แจ่มแจ้งแทงตลอดไม่ใช่มัวนิ่มตีขลุมแบบนี้ ไม่เอา ทำจริงจะรู้จริงจะเข้าใจจริงใครก็เถียงไม่ได้เหตุเพราะนั้นคือความจริงเป็นอกาลิโกเป็นสัทธรรมตรงตามพุทธวจนใครก็เถียงไม่ได้ แต่อย่าตีขลุมแบบนี้ เพราะสิ่งที่ผมคุยกับคุณก้องม้นยังไม่ใช่ฐานะที่ท่านจะรู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งได้ จิตท่านย้งห่างยังไม่เข้าใจว่าจิตนิ่งมันจะเริ่มนิ่งยังไงมันมีพ้ฒนาการยังไงมันถอนมันถอยจากกิเลสได้ยังไงมันดับสิ่งต่างๆที่เข้ามายังไงมันนิ่งจริงๆได้เมื่อไรสิ่งเหล่านี้ต้องค่อยๆทำค่อยเรียนรู้สั่งสมความเพียรทำไปด้วยจิตตั้งมั่นจริงๆถึงจะได้ เฮอะเหนื่อย สาธุ
     
  14. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    เฮอะคุณครับเข้าใจอะไรให้มันถูกซักเรื่องไม่ได้เลยรึครับ สังกายทิฏฐิไปเกี่ยวอะไรกับขันธุ5ครับการละสังกายทิฏฐิแค่ร่างนี้กายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงดินน้ำลมไฟ ธาติทั้ง4มาประชุมกันที่มันไม่ใช่ของเราเพราะเราไม่สามารถบังคับบัญชาม้นได้บอกมันอย่าเจ็บมันก็เจ็บม้นไม่ฟังคำสั่งเรา บอกมันอย่าแก่มันก็แก่ม้นไม่เชื่อคำสั่งเราเดียวมันก็ตายแล้ว ให้นึกถึงความตายถ้ามันหายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย ถ้ามันหายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย ถ้าหัวใจมันหยุดเต้นเพราะมันเต้นมานานก็ตาย. เราไม่มีในกายนี้ในกายนี้ไม่มีเราเราแค่อาศ้ยมันอยู่ชั่วรราวเท่านั้นเดียวก็แยกจากกันแล้ว แค่นี้แหละครับ ไปเกี่ยวอะไรกับจิตกับขันธ์5. ไปอ่านพุทธวจนดูครับเฮอะ เหนือยจังสอนเด็กอวดเก่งพอพูดออกมาแต่ละอย่างมันไม่ใช่ท้้งนั้น ไปอ่านแล้วทำครับอย่าเถียงเลยเหนื่อยจัง ท่านยิ่งโพสยิ่งเละใหญ่ศึกษาจริงๆซักทีเถอะครับไปอ่านพระโสดาบันในเว็ปก็มี อย่าได้แสดงอวดเลยมันมั่วมีจิตมีขันธ์5ตรงไหนอย่าม้่วครับ. ขันธ์5มันข้อ4ถึงใช้ครับ. กาม ข้อ6รูป-นาม เฮอะม้่วเก่งจริงๆ. จิตเห็นจิตมันข้อ7เป็นต้นไปคืออรูปนาม ส่วนการละกิเลสคือคุมจิตมันข้อ4เป็นต้นไปครับ ถ้าพระโสดาบันทำจิตเห็นจิตได้พระพุทธองค์ก็ผิดซิครับเพราะท่านกล่าวว่าพระโสดาบันมีปัญญานิดเดียว คนมีปัญญานิดเดียวตามพุทธวจนสามารถทำจิตเห็นจิตได้พระอาทิตย์ก็ขึ้นตะวันตกได้นั้นแหละครับ เฮอะมั่วจริงๆเอาไปหลอกคนอื่นเถอะครับตาสีตาสาจะเชื่อคุณ พระโสดาบันยังมีกิเลสครับ โลภ โกรธ หลง ครบแต่ต้องอยู่ในขอบเขตของศีลครับใครบอกว่าพระโสดาบ้นไม่มีกิเลสใครสอนเนียะแล้วต้องละกิเลสอีกเฮอะตำราไหนเนียะ เฮอะเหนื่อยจัง นั่งนิ่งๆแล้วจูนสมองใหม่เถอะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สักกายทิฏฐิ มันไปเกี่ยวอะไร กับ ร่างนี้กายนี้ โง่ๆ กันแค่นั้นหละคร้าบ

    ขี้เกียจจะยก พุทธวัจนะมา คุณไปหาเอาเอง สอบทานเอาเอง มีหลายพระสูตร
    ระบุการ กำหนดรู้ และ ละอุปทานขันธ์5 ได้

    สักกายทิฏฐิ ชื่อ มันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็น ส่วนทิฏฐิ สักกาย แปลว่า ประชุมกัน

    มันจึงหมาย ทิฏฐิมันมาประชุมกัน แล้ว สำคัญผิดว่า เป็นตัวเป็นตน

    เช่น เห็นสัญญาเป็นตน มีตนในสัญญา มีสัญญาในตน ...(ไล่ไปให้ครบขันธ์5)
    รูปขันธ์(ดิน น้ำ ลม ไฟ ) ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ขันธ์5

    ดังนั้น การละการสำคัญว่าเป็นตน มีตน ก็ต้องกำหนดรู้ จากทั้ง5 ขันธ์
    .........................
    .........................

    อย่าลืมหนะคร้าบ นี่แค่ ทักท้วง ไม่ใช่ สอน
     
  16. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ไหนช่วยยกตำราที่ว่าขึ้นมาหน่อยครับเผื่อผมจะฉลาดเอาพุทธวจนะนะครับอยู่เล่มไหนข้อไหนไอ้ที่ว่าสัญญาขันธ์5ทั้ง5นี่ พระโสดาบันนะครับ อย่าเอา2ข้อมารวมแล้วเหมาว่านี้ต้องยังงี้ถึงละสังกายทิฏฐิ เอาพุทธวจนเรื่องการเป็นพระโสดาบันมาแล้วดูข้อ3แล้วดูว่าพระองค์ทรงตรัสอะไรไว้ว่าการละสังกายทิฏฐิมีรายละเอียดอะไรบ้าง มาเปิดกันเลยถ้าท่านถูกผมจะโพสกราบท่านทุกๆโพสเลยแต่ถ้าผมถูกละท่านจะว่ายังไง ผมมีหลักฐานครบเมื่อท่านว่าท่านก็มีหลักฐานนำมาแสดงเลย จำไว้นะครับหมวดพระโสดาบันเท่านั้นข้อ3รายละเอียดการละสังกายทิฏฐิ อย่างอื่นไม่ต้องนำมาแสดงมั่วเอานั้นปะนี้เอานี่ปะนั้นแล้วบอกนี้คือการละสังกายทิฏฐิ ยังนี้ไม่เอา เอาเฉพาะการเป็นพระโสดาบันเท่านั้น บทอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่เอา ไม่ใช่ไปเอาการละขันธุ5ในกายมาแสดงแล้วบอกว่าเป็นการละสังกายทิฏฐิพระโสดาบันยังงี้ไม่เอา อย่ามั่วแล้วกระล่อนไปวันๆ มานำมาแสดงกัน. ผมกล้าท้าคุณกล้าไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2015
  17. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    สังกายทิฏฐิ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่นความเห็นว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวเป็นตนของเรา ความเห็นเป็นอัตตา. มาท่านยกมานี้คือพุทธวจนะของพระพุทธองค์เรื่องสักกายทิฏฐิที่พระโสดาบันต้องละ มาท่านยกมาว่าตรงกันไหม ต้องเอาคำอธิบายใหมมีครบครับ กันคนมั่วนิ่มตีขลุ่มอีกพวกมั่วนี่มั่วได้ตลอดเวลา มาเจอของจริงเข้าแน่จะสอนให้เอาบุญ ถ้าตีความมั่วๆอีกเดียวเจอคำอธิบายตามพุทธวจนอีกแน่ มานำมาแสดงถ้าแน่จริง มีที่มาที่ไปอ้างอิงได้ไม่จำอวดแน่ๆ. อ้ออย่ามั่วเอาการละขันธ์5ในกายมาแล้วมั่วนิ่มว่าเป็นการละสังกายทิฏฐิของพระโสดาบันนะ นั้นคนละบทคนละตอนน้้นใช้ในข้อ6รูป-นามในสังโยชน์10อย่าได้มั่วนะเจอคำอธิบายแน่ จะเอาให้อายเลยพวกจำอวดนี่จำมั่วๆแล้วเอามาอวด.
    แล้วพระโสดาบันต้องเห็นจิตในจิต ต้องละกิเลส ต้องละขันธ์5ในกายไปยกมาพุทธวจนท่านกล่าวเมื่อไรเล่มไหน บทไหน อย่าได้อวดตนเลยยิ่งอวดตอนนี้เก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธองค์ตรัสไว้มีแค่ 3ข้อในสังโยชน์10แต่คุณจะเพิ่มอีกกี่ข้อก็ได้ ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดให้ดูที่พระพุทธวจนแล้วให้เทียบเคียงเอากับพระสงฆ์ที่ท่านสอนว่าเข้ากันได้ไหมสอดและรับกันใหมถ้าได้ให้ทำตามถ้าไม่ได้มันขัดและแย้งกันให้หยุดแล้วให้ยึดพระพุทธวจนเป็นที่ตั้ง. แล้วที่ต้องวิ่งตามดูจิตนะหยุดวิ่งก่อนนะมาแก้ไขตนให้ยึดพระพุทธเจ้าก่อนมาปรับความเข้าใจมาจูนสมองให้ตรงตามทางที่พระพุทธเจ้าวางให้เดินไม่ต้องอวดเก่งเพิ่มเติมใดๆเอาเท่าที่พระองค์ตรัสพอแล้วลงมือปฏิบัติให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาแย้งมายั้งคนอื่นเรื่องจิต. คุณนี้เปรียบเสมือนเด็กน้อยถือขวดนมแล้วย้งทำเก่งไปแย้งผู้ใหญ่ที่เค้ากินข้าว ผู้ใหญ่เค้านั่งกินข้าวกันอยู่เด็กน้อยถือขวดนมมาแล้วบอกนั้นดีนี่อร่อยทั้งที่ตัวเองไม่เคยกินเลยไม่รู้รสชาดแต่ดันไปสอนผู้ใหญ่ แล้วบอกผู้ใหญ่ว่าพริกไม่เผ็ดผู้ใหญ่บอกพริกนี้เผ็ดกลับเถียงอีกทั้งๆที่ตัวเองยังกินนมอย่างเดียวไม่เคยกินข้าว กินพริกเลย. นี่แหละคุณละ ตัวตนที่แท้จริงของคุณ ปรับปรุงตนแก้ไขตนจะทำตามที่พระองค์สอนไว้เท่านั้น. อย่าได้ฝืนต่ออีกเลย ผมแนะนำได้แค่นี้ส่วนคุณจะรับหรือจะเถียงอีกก็แล้วแต่คุณ. พระโสดาบันยังมีรัก โลภ โกรธ. หลงครบ แต่อยู่ในขอบเขตของศีล ครับ ยังเห็นรูปสวย หล่อ มีรักมีสามี ภรรยาได้ปกติเพียงแต่ไม่มีการเห็นผิดเรื่องตัวเรื่องตนว่ามีตัวมีตนแต่เห็นว่าตัวว่าตนเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง แล้วจะละขันธ์5ในกายได้ยังไงครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2015
  18. natthakornpray

    natthakornpray สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +17
    สวัสดีพี่ก้อง ครับ

    ผมส่งรูปภาพ พระที่ผมบูชาอยู่ตอนนี้ครับ และรบกวนพี่ก้องช่วยตรวจสอบพระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม และเขี้ยว เสือ หลวงพ่อปานครับ ตามที่ผมเคยเล่าพี่ในข้อความว่าเช่ามาจากท่านซินแสครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3438.JPG
      IMG_3438.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      31
    • IMG_3439.JPG
      IMG_3439.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      35
    • IMG_3440.JPG
      IMG_3440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      996.9 KB
      เปิดดู:
      30
    • IMG_3441.JPG
      IMG_3441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      914.9 KB
      เปิดดู:
      31
    • IMG_3442.JPG
      IMG_3442.JPG
      ขนาดไฟล์:
      895.3 KB
      เปิดดู:
      32
    • IMG_3443.JPG
      IMG_3443.JPG
      ขนาดไฟล์:
      829 KB
      เปิดดู:
      36
  19. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาครับ. กระผมต้องกราบขอขมาต่อคุณก้องเจ้าของกระทู้ที่ได้ใช้พื้นที่ เนื้อที่ โพสในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน และขออภัยต่อท่านทั้งหลายที่เข้ามาจะหาความรู้คำชี้แนะจากคุณก้องที่ต้องพบเจอสิ่งอันไม่เกี่ยวข้องด้วยครับ กราบขอขมาต่อท่านด้วยนะครับ สาธุ
     
  20. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาสาธุครับ เฮอะเหนื่อยเลยจิตตกอีกต้องตั้งจิตทำใหม่นับ1ใหม่อีกไม่รู้ชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้กำลังจะก้าวเดินต่อต้องตกบันไดมาแล้วตั้งต้นใหม่อีก เฮอะ เวรกรรม ๆ ท่านครับนับหนึ่งใหม่นะครับ ขอความรู้เรื่องเปลี่ยนสมมุติเป็นวิมุตติหน่อยครับ มีหลักการยังไงวิธีทำวิธีในการใช้ปัญญา. ในคำแนะนำให้เลิกยึดยังเรียบเรียงไม่เป็นขบวนยังสับสนจัดระเบียบแนวทางไม่ถูก เพราะถ้าทำได้จิตเห็นจิตจะตามมาทันที ขอความรู้หน่อยครังท่าน. สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...