ติดตามสถานะการณ์

อียูเสนอให้เงินกรีซ 2,000 ล้านยูโร นำไปสู้วิกฤตด้านมนุษยธรรม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2558 02:41 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มีนาคม 2558 10:23 น.)


---
@ประชาชนชาวกรีซกำลังเผชิญความทุกข์ยากจากวิกฤตเศรษฐกิจ
---
เอเอฟพี - สหภาพยุโรปเมื่อวันศุกร์ (20 มี.ค.) เสนอเงินทุุนแก่กรีซ ราว 2,000 ล้านยูโร สำหรับนำไปจัดการกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าวิกฤตด้านมนุษยธรรม หลังนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ประกาศจะชี้แจงรายละเอียดของคำมั่นสัญญาปฏิรูปแลกกับการต่ออายุโครงการเงินกู้ตามคำเรียกร้องของเหล่าเจ้าหนี้

ตามหลังการหารือฉุกเฉินระหว่างนายซีปราสกับเหล่าผู้นำยุโรป นายฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเผยว่าเขาจะจัดเตรียมเงินทุน 2,000 ล้านยูโร ในกองทุนเพื่อการพัฒนาของอียูที่ไม่ได้ใช้ มอบให้แก่กรีซ

ความตึงเครียดระหว่างเอเธนส์กับยุโรปพุ่งทะยาน นับตั้งแต่นายซีปราส นักการเมืองซ้ายจัด ได้รับเลือกตั้งในเดือนมกราคม ด้วยคำสัญญาระหว่างหาเสียงว่าจะยุติมาตรการรัดเข็มขัดที่ต้องฝืนทนมานานกว่า 5 ปี และเจรจาหนี้ใหม่กับเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ

กรีซพยายามล็อบบี้ให้บรัสเซลส์ ปล่อยเงินกู้งวดสุดท้ายของโครงการช่วยเหลือจากอียู-ไอเอ็มเอฟ เพื่อให้พวกเขามีเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระ ที่อาจนำมาซึ่งการที่ต้องออกจากยูโรโซน

“กรีซ กำลังเผชิญกับปัญหาสังคมร้ายแรง วิกฤตทางมนุษยธรรม” จุงเกอร์แถลงต่อผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตอียู ซึ่งมีวาระการหารืออื่นๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วถูกบดบังโดยวิกฤตของเอเธนส์ “นี่ไม่ใช่การเติมหีบสมบัติของกรีซ แต่เป็นการสนับสนุนความพยายามสร้างการเติบโตและความสมานฉันท์ในสังคมกรีซ”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) นายซีปราส ให้สัญญาว่าจะเร่งรัดปฏิรูปและส่งมอบแผนปฏิรูปชุดใหม่แก่เหล่าเจ้าหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตามหลังการหารือจนดึกดื่นกับผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศสและสถาบันต่างๆของอียู ขณะที่คาดหมายว่าเหล่ารัฐมนตรีคลังยุโรป จะนัดหารือกันอย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์หน้า (27 มี.ค.) เพื่อพิจารณาแผนปฏิรูปชุดใหม่นี้ของกรีซ

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ บรัสเซลส์ให้เวลารัฐบาลกรีซจนถึงเดือนเมษายน สำหรับต้องตกลงเงื่อนไขความช่วยเหลือทางการเงินกับเหล่าเจ้าหนี้ให้ได้ เพื่อแลกกับเงินกู้งวดใหม่ 7,000 ล้านยูโรที่เป็นส่วนหนึ่งของแพกเกจช่วยเหลือทางการเงิน 240,000 ล้านยูโร

 

ชี้ มะกันถล่มไอเอสในซีเรีย-อิรัก สูญเงินภาษีชาวอเมริกันเกือบ 6 หมื่นล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มีนาคม 2558 20:45 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สหรัฐฯเปิดการโจมตีทางอากาศเบ็ดเสร็จ 2,320 ครั้ง ต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) นับตั้งแต่ 8 สิงหาคมปีที่แล้ว ชี้ สูญงบประมาณ 1,830 ล้านดอลลาร์ (ราว 59,795 ล้านบาท) ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.)

รายงานล่าสุดระบุ กองกำลังของสหรัฐฯ เป็นผู้ก่อการโจมตีกว่าร้อยละ 80 จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของ 60 ชาติพันธมิตรต่อกลุ่มไอเอส ทั้งในเขตแดนของซีเรียและอิรัก โดยสามารถทำลายเป้าหมายที่เป็นค่ายฝึก ที่มั่นทางทหาร ตลอดจนทำลายแหล่งเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกไอเอสได้มากกว่า 5,314 จุด

ข้อมูลของเพนตากอนระบุว่า สหรัฐฯเป็นผู้รับผิดชอบหลักต่อการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสทั้งในซีเรียและอิรัก โดยได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากกำลังบรรดาชาติพันธมิตร เช่น สหราชอาณาจักร จอร์แดน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก แคนาดา เบลเยียม และออสเตรเลีย

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากรายงานของเพนตากอนยอมรับว่า สหรัฐฯต้องใช้งบประมาณสูงถึง1,830 ล้านดอลลาร์ (ราว 59,795 ล้านบาท) ในการถล่มกลุ่มไอเอสนับตั้งแต่ 8 สิงหาคมปีที่แล้ว หรือคิดเป็นวงเงินเฉลี่ยราววันละ 8.5 ล้านดอลลาร์ (278 ล้านบาท)

 

สหรัฐถอนกำลังออกจากเยเมน



สหรัฐถอนกำลังเจ้าหน้าที่ที่เหลือออกจากประเทศเยเมน หลังจากกลุ่มกบฏ ฮูซี ซึ่งยึดครองเมืองหลวงกรุงซานาอยู่ในขณะนี้ ได้ประกาศเชิญชวนให้กลุ่มอื่นๆเข้าร่วมต่อสู้กับทหารฝ่ายรัฐบาล

วันอาทิตย์ 22 มีนาคม 2558 เวลา 12:27 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่22มี.ค.ว่าสหรัฐกำลังดำเนินการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ออกจากประเทศเยเมนแต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐซึ่งออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่าานมาไม่ได้เปิดเผยจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ยังคงเหลืออยู่ในเยเมนและ สถานที่ที่จะเคลื่อนย้ายกำลังเจ้าหน้าที่ไปไว้

แต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทหารของเยเมนระบุว่า ทหารสหรัฐรวมทั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษถูกเคลื่อนย้ายกำลังจากฐานทัพอากาศทางตอนใต้ของเยเมนซึ่งถือว่าเป็นฐานทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดของเยเมนและมีกำลังทหารสหรัฐประจำการอยู่ราว100คน

นายเจฟฟ์รัธเค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแถลงว่าสหรัฐจะยังเฝ้าติดตามภัยคุกคามด้านก่อการร้ายจากทางเยเมนและใช้ปฏิบัติการเข้าขัดขวางในทันทีหากพบว่าเป็นภัยต่อสหรัฐและพลเมืองอเมริกัน

ทั้งนี้กลุ่มกบฏ ฮูซี ได้เข้ายึดครองเมืองหลวงกรุงซานา อยู่ในขณะนี้และเชิญชวนให้กลุ่มอื่นๆเข้าร่วมการต่อสู้กับทหารฝ่ายรัฐบาลเยเมนส่วนประธานาธิบดีแห่งเยเมนก็ได้หลบหนีมาอยู่ที่เมืองเอเดนทางตอนใต้ของเยเมนแล้ว


สหรัฐถอนกำลังออกจากเยเมน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปัดโถ... นึกว่าจะแน่ สุดท้ายสหรัฐฯก็ต้องหันมาพึ่งจรวจรัสเซียในการปล่อยดาวเทียมทางการทหารของตัวเอง



--------------
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.58 ที่ผ่านมาสื่อฯฝั่งรัสเซียลงข่าวเย้ยสหรัฐฯว่า สหรัฐฯเตรียมยกเลิกใช้เครื่องยนต์จรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศในโครงการ Delta IV ของตนโดยจะหันมาใช้จรวด Atlas V ที่ใช้เครื่องยนต์รุ่น RD-180 ที่สร้างโดยรัสเซียแทน
โครงการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ Delta IV นี้เป็นโครงการของกองทัพอากาศสหรัฐฯใช้สำหรับปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกเพื่อใช้ในด้านความมั่นคงและจุดประสงค์ทางการทหาร ซึ่งใช้เครื่องยนจรวดที่ผลิตโดยบริษัท Boeing-Lockheed Martin
แต่เมื่อเร็วๆนี้นาย Tory Bruno ประธาน United Launch Alliance (ULA) ได้กล่าต่อคณะกรรมการด้านการจัดหาอาวุธของสหรัฐฯว่า "จรวด Delta IV มีประสิทธิภาพแย่กว่าจรวด Atlas V ภายใต้เงื่อนไขใหม่นี้ เมื่อนโยบายเปลี่ยนไปเพื่อให้เข้าถึงผู้ให้บริการ ตอนนี้ผมจะปลดเครื่องยนต์นำส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศรุ่นกลางกลุ่ม Delta" และได้รายงานต่อที่ประชุมว่าจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์จรวดรุ่น RD-180 ของรัสเซียเพื่อเพิ่มพลังให้กับการปล่อยจรวด Atlas V ขึ้นสู่อวกาศแทน
ข้อดีของการปลดเครื่องยนต์รุ่น Delta IV จะช่วยให้สหรัฐฯลดค่าใช้จ่ายลงได้ในระดับหนึ่ง แสดงว่าสหรัฐฯถังแตกจริงๆอ่ะ ก็มีบางบริษัทเสนอว่าจะหาเครื่องที่มีราคาถูกกว่านี้มานำเสนอเพื่อเป็นการแข่งขันกันให้ แต่คุณภาพจะสู้ของรัสเซียได้หรือ? นี่ขนาดเครื่องของบริษัทโบอิ้งที่ราคามสูงกว่าของรัสเซียตั้งหลายเท่าประสิทธิภาพยังสู้ของถูกๆแบบเมดอินรัสเซียไม่ได้เลยนะ แล้วถ้าไปหารุ่นที่ราคาถูกกว่าของรัสเซียมาใช้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่ระเบิดตอนกลางอากาศอีก ของอินเดีย กับของอิหร่านก็มีเหมือนกันนะ จีนก็มี แต่ระวังจะเจอของก็อปนะ เพราะจีนจะเอาคืนอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เทคโนโลยีด้านนี้ของรัสเซียเขาไปถึงรุ่น RD-191 แล้วสหรัฐฯยังจะมาขอซื้อเครื่องตกรุ่นอีกอยู่รึ
The Eyes
23/03/2558
----------
US to Scrap Delta IV Launch Vehicle in Favor of Russian-Made Rocket / Sputnik International
Proton, Russia's Legendary Space Launch Vehicle / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียสั่งจับตายผู้ก่อการร้ายโปรอเมริกาเคยเข้าร่วมฝ่ายกบฎต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลในซีเรียแทรกซึมมาก่อเหตุในรัสเซีย



--------------
หันมาดูวิธีการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายในรัสเซียบ้างครับ ในรัสเซียนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการก่อเหตุก่อการร้ายนะ มีเหมือนกันแต่ไม่รุนแรงเหมือนกับในตะวันออกกลาง เป็นลักษณะการก่อเหตุคล้ายกับของแก๊งอาชญากรรม ลอบยิง ลอบสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นส่วนมาก
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 2 มี.ค.58 ที่ผ่านมามีกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่งสังหารตำรวจของรัสเซียไปสองรายที่เมือง Makhachkala สาธารณรัฐ Dagestan ในรัสเซียพื้นที่ทางตอนใต้ติดกับทะเลแคสเปียนมีชายแดนติดกับจอร์เจียและอาเซอรไบจาน (ชุมทางเฮโรอินจากแอฟกานิสถาน) สายสืบของรัสเซียติดตามผู้ก่อเหตุจนไปถึงรังใหญ่ พบว่ากลุ่มนี้มี 7 คน จากนั้นก็ส่งหน่วยไล่ล่าตามไปล้อมกรอบไว้
เมื่อวันที่ 22 มี.ค.58 ที่ผ่านมาหลังจากที่ฝ่ายปราบปรามผู้ก่อการร้ายล้อมสถานที่ไว้ได้แล้ว คำถามแรกที่ฝ่ายปราบปรามผู้ก่อการร้ายถามผู้ก่อการร้ายก็คือ "จะยอมมอบตัวหรือจะไปพบยมบาล?" เมื่อได้รับคำตอบที่เป็นการปฏิเสธข้อเสนอแรก คำถามที่สองก็คือ "มีเด็กหรือแมวอยู่ในบ้านหรือในห้องนั้นด้วยหรือเปล่า?" ถ้ามี ตำรวจและทหารก็จะให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายส่งตัวเด็กและแมวออกมาก่อน ถ้าอยู่บนตึกสูงก็จะใช้รถยก (รถเครน) ชูขึ้นไปรับ จากนั้นก็ปฏิบัติการถล่ม ไม่ใช่การยิงต่อสู้กันไปมาระหว่างผู้ก่อการร้ายกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐนะครับ
ทหารรัสเซียจะยิงระเบิดขนาดเล็กเข้าไปในห้องหรือในบ้านนั้นทันที (หากเป็นตึกแถวที่มีผู้อาศัยอยู่หลายห้อง) เพื่อไม่ทำให้ตัวอาคารเสียหาย พวกที่ผู้ก่อการร้ายที่อยู่ภายในห้องจะไปเหลืออะไรหละ ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ด้วยซ้ำไป เพราะฝ่ายปราบปรามปรามผู้ก่อการร้ายได้ส่ง M79 ไปให้ตั้งหลายลูก เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครรอดแน่แล้วก็ให้รถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟที่เกิดจากการระเบิด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปเก็บกวาดอีกรอบ
แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวอยู่ห่างไกลบ้านหลังอื่นๆ อันนี้จัดเต็มไปได้เลย หลังจากที่เช็คแล้วว่าไม่มีเด็กและแมวอยู่ในภายในบ้านหลังนั้น ก็จะ บูม! หายทั้งบ้านทั้งคนในบ้านเลย แต่ถ้าฝ่ายผู้ก่อการร้ายยอมมอบตัวเจ้าหน้าที่ก็จะจับกุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มนี้เคยเข้าร่วมกับฝ่ายกบฎสู้รบกับฝ่ายรัฐบาลของซีเรียในตะวันออกกลางมาก่อน อ้าว! ก็สหรัฐฯบอกเองว่ากบฎพวกนี้ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายแต่ตั้งชื่อให้ใหม่เป็น "กองกำลังสายกลาง" ว่างั้นโดยสหรัฐฯและพันธมิตรจะให้การสนับสนุนทั้งด้านการเงินและอาวุธเพื่อไปโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย แต่คนพวกนี้กลับพยายามมาก่อเหตุในรัสเซียเพื่อทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่ชุกชุมไปด้วยผู้ก่อการร้าย จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการถล่มรัสเซียได้ว่าเพื่อเป็นการปราบปรามผู้ก่อการร้ายว่างั้นเถอะ โถๆ แผนตื้นๆแบบนี้ปูตินรู้ทันครับ ถ้าไม่มอบตัวก็จะเก็บไว้ทำไมหละครับ แสดงว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้เป็นเด็กของอเมริกาหละสิ แล้วโอบามาจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนหละนี่
ในปีที่แล้วมีการพยายามมาสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายในรัสเซียอยู่หลายครั้ง แต่ก็เสร็จฝ่ายปราบปรามทุกครั้ง โดยใชัโมเดลเดียวตลอดคือ "มีเด็กกับแมวอยู่ข้างในหรือไม่?" สหรัฐฯพยายามจะสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นที่เชเชนอยู่บ่อยครั้ง เพราะแคว้นนี้มีคนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนมาก และพยายามจะทำให้ผู้นำเชเชนมีความขัดแย้งกับปูติน โดยใช้คนที่ผู้นำเชเชนเคยรู้จักมาก่อเหตุลอบสังหารผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย จุดประสงค์ก็เพื่อจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางกับสาธารณรัฐเชเชน แต่ปูตินก็รู้ทันแผนนี้อีกนั่นแหละ จึงมอบเหรียญเกียรติยศให้กับผู้นำเชเชนไปซะเลย จะมีเอี่ยวในคดีลอบสังหารผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่นั้นไม่รู้หละ แต่ผู้นำเชเชนมีอิทธิพลในแถบนั้นมาก ถ้าเกิดแข็งข้อขึ้นมาจะเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพของรัสเซียได้และจะเข้าทางผู้ไม่หวังดีอีก ภาพที่ปรากฎต่อสาธารณะก็เลยกลายเป็นว่าทั้งเชเชนกับรัฐบาลกลางก็ยังคงเป็นมิตรกันดี แผนสร้างความหวาดระแวงระหว่างทั้งสองฝ่ายและยุให้เชเชนต่อต้านรัฐบาลกลางเพื่อนำไปสู่สงครามกลางเมืองก็ไม่ได้ผล เพราะผู้ก่อการร้ายโปรอเมริกาที่สหรัฐฯส่งมาเท่าไรก็ถูกปราบราบคาบสิ้น ไม่เหลือหลอ
ป.ล. ดูตัวอย่างการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในรัสเซียจากลิงค์ข้างล่างนี้
The Eyes
23/03/2558
----------
Seven Militants Killed as Russia Continues Counter-Terrorist Ops (VIDEO) / Sputnik International
Dagestan Police Come Under Fire, One Attacker Killed – Interior Ministry / Sputnik International
https://www.youtube.com/watch?v=6TSxDJdmhxo
https://www.youtube.com/watch?v=Na80YVkw5Ak

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีนเปิดตัวรถรางพลังงานไฮโดรเจนเป็นครั้งแรก



--------------
ขอจัดข่าวเบาๆให้ก่อนนะครับ จากที่บินไปสูดอากาศและขี่กวางเรนเดียร์เล่นทางตอนเหนือของมองโกเลีย ก็บินต่อไปที่จีนเพื่อดูความเจริญทางด้านเทคโนโลยีของเขาบ้าง จากนั้นค่อยกลับมาสู่โหมดติดตามสถานการณ์แถวๆอียู ยูเครน และรัสเซียกันต่อ
ในปี 2007 BMW ก็เปิดตัวรถยนต์ใช้พลังงานไฮโดรเจน (hydrogen) ออกมาแล้ว และเมื่อปลายปีที่ได้แล้วญี่ปุ่นเปิดตัวรถยนต์ส่วนบุคคลเชิงพาณิชที่ใช้พลังงานไฮโดรเยนมาอีก (ของไทยทำได้นานแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจ) มาปีนี้จีนเอามั่ง โดยล่าสุดวันนี้เอง (22 มี.ค.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพึ่งจะลงข่าวเองว่า จีนเปิดตัวรถราง (tram) ที่ใช้ไฮโดรนเจนเป็นเชื้อเพลิงเป็นครั้งแรก เป็นพลังงานสีเขียว ยั่งยืน สะอาด ราคาถูก ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ ไม่มีวันหมดตราบใดที่โลกนี้ยังมีน้ำเหลืออยู่ เพราะโมเลกุลของน้ำจะประกอบด้วยอ๊อกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอม วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิตเชื้อเพลิงประเภทนี้มีอยู่ในทุกประเทศไม่ต้องนำเข้าจากตะวันออกกลางเหมือนน้ำมันดิบ แค่เอาน้ำสะอาดเข้าสู่กระบวนการแยกไฮโดรเจนออกจากอ๊อกซิเจนแล้วบรรจุใส่ถังก็ใช้ได้แล้ว
สำหรับรถรางที่เปิดตัวของจีนนี้ มีบริษัท Sifang Company ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท China South Rail Corporation ของจีนเป็นเจ้าของ ผลิตขึ้นที่เมือง ชิงเต่า (พึ่งเคยได้ยินชื่อเมืองนี้เป็นครั้งแรกนะนี่ Qingdao) อยู่ทางตอนใต้ของมณฑลซานตงของจีนมีพื้นที่ติดกับทะเล ห่างจากกรุงปักกิ่งประมาณ 650 กม. รถรางพลังงานไฮโดรเจนของจีนคนนี้ใช้เวลาแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคอยู่ 2 ปี การเติมพลังงานหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ 100 กม. ทำความเร็วสูงสุดที่ 70 กม./ชม. ระยะทางที่รถรางสายนี้วิ่งรับส่งผู้โดยสารไกลเพียง 15 กม.เท่านั้น ดังนั้นการเดิมพลังงานครั้งหนึ่งจึงสามารถวิ่งไป-กลับได้ถึง 3 รอบด้วยกัน และที่สำคัญใช้เวลาในการเติมพลังงานไม่เกิน 3 นาที รถรางขบวนนี้แต่ละโบกี้มีที่นั่งผู้โดยสารจำนวน 60 ที่นั่ง สามารถบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมดได้ถึง 380 คนต่อเที่ยว
ในขณะที่สหรัฐฯและอียูกำลังหาทางบีบให้จีนลดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลง เพราะกลัวว่าเศรษฐกิจของจีนจะแซงหน้า โดยอ้างเรื่องมลภาวะเป็นหลัก แต่ตัวเองก็ปฏิเสธที่จะลดเช่นกัน จีนก็บอกว่าพวกคุณเองยังไม่ลดเลย แล้วจะมาบอกให้เราลดได้อย่างไร นั่นเป็นการตอบโต้กันทางการเมืองเท่านั้น แต่สิ่งที่จีนซุ่มทำก็คือพัฒนาระบบขนส่่งมวลชนขนาดกลางภายในประเทศให้ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงจากฟอสซิลลง แล้วหันมาใช้พลังงานไฮโดรเจนแทน ส่วนยุโรปกับญี่ปุ่นนั้นเน้นผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลแทน แต่กว่าจะครองตลาดได้ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี เพราะจะต้องสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้สนับสนุนกันด้วย
แต่จีนมองที่ระบบรถรางก่อนเลย เพราะในจีนก็มีใช้ ในยุโรปก็และรัสเซียก็มีใช้รถรางกันเยอะมาก ดังนั้นตลาดรถรางเครื่องยนต์พลังงานไฮโดรนเจนในประเทศเหล่านั้นต้องตกเป็นของจีนแน่ๆ
เมืองไทยเราในกทม.คงจะทำไม่ได้แล้วหละ แต่น่าจะลองทำดูในต่างจังหวัดบางจังหวัดบ้างนะ
The Eyes
22/03/2558
--------------
http://rt.com/news/242985-china-hydrogen-power-tram/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ภาพชีวิตชนเผ่า "Dukha" ชีวิตที่พอเพียงของชาวเรนเดียร์ในตอนเหนือของ
มองโกเลีย



------------------
"ใครจะก่อสงครามแย่งอำนาจแย่งก๊าซแย่งน้ำมันกันยังไง ฉันไม่สน ฉันไม่ขอรับรู้ ฉันขอเป็นซานตาคอรสขี่กวางเรนเดียร์ท่องไปในทุ่งกว้างและเทือกเขาชมวิวอยู่กับธรรมชาติอย่างสบายใจก็พอ" เผ่า Dukha มีประชากรอยู่ประมาณ 200-400 คน อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของมองโกเลีย อาชีพของพวกเขาผูกพันอยู่กับกวางเรนเดีย เรนเดียร์ให้ทั้งนม เนย ขน เพื่อเป็นอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เป็นชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าแข่งขันกันมากมายเหมือนชีวิตคนในเมือง แม้บางคนจะมองว่ากันดาร แต่นั่นคือวิถีชีวิตของพวกเขา พวกเขามีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระแบบนั้น อยู่บนทุ่งกว้างที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งถือครองโฉนดเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีใครผูกขาดสิทธิ์ในต้นหญ้า ภูเขา และสายน้ำ ตราบใดที่ความเจริญไม่เข้าไปถึง วิถีชีวิตของชนเผ่าแบบนี้ก็จะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่หากวันใดที่ความเจริญและผู้รุกรานเข้าไปถึงเผ่านี้ก็จะสูญหายไปในที่เฉกเช่นเดียวกับชาวอินเดียนแดงในสหรัฐอเมริกานั่นเอง
The Eyes
22/03/2558
----------------
http://www.boredpanda.com/reindeer-people-dukha-mongolia-h…/

 

Thanong Fanclub



23. ยุคสุดท้าย (End Time)
ยิว อิสลามและคริสต์ต่างสู้กันเพื่ออ้างกรรมสิทธิ์ในDome on the Rockที่เยรูซาเลม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเกี่ยวพันกับพระเจ้าที่พวกเขานับถือและบูชาร่วมกัน ส่วนวิหารแท่นที่กาญจนบุรีเป็นของคนไทย และเป็นที่ๆซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแต่คนไทยบอกว่าเป็นของจำลอง
1. Dome on the Rock เป็นวิหารอิสลามที่กรุงเยรูซาเลม บริเวณข้างเคียงนั้นมีตึกที่พระเยซูเสวยพระกระยาหารมื้อสุดท้าย และมีหลุ่มฝังศพของกษัตรย์เดวิดของชาวยิว
2. ภายภายในตัวโดม มีหินหรือศิลาฤกษ์ที่ศักดิ์ของศาสนาจูดาห์ คริสต์และอิสลาม
3. Temple on the Rock วิหารพระแท่นที่กาญจนบุรี หรือวิหารพระแท่นดงรัง
4. ภายในวิหารแท่นมีแท่นหินที่พระพุทธเจ้าทรงประทับเป็นเวลา9วันก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
Dome on the Rockและวิหารแท่นมีความคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ แฝงรหัสลับของเรื่องราวในอดีตและเป็นกุญแจไขประตูสู่อนาคต Dome on the Rockจะเป็นการรบกันระหว่าง3ศาสนา ยิวบอกว่าอิสลามเอาของตัวเองไป อิสลามบอกว่าเป็นของอิสลาม โรมมาทีหลังต้องการได้ศิลาฤกษ์ไป
มีความพยายามที่จะสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่3บริเวณDome on the Rock และนี้คือเงื่อนงำความขัดแย้งทางศาสนา และอาจจะนำไปสู่สงครามโลกได้
พระแท่นดงรังเป็นความขัดแย้งกันเองระหว่างคนไทยด้วยกันเองที่เชื่อว่าเป็นแท่นหินจำลอง และคนไทยที่เชื่อว่าเป็นแท่นหินจริงที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จประทับยามประชวร ที่เชื่อว่าเป็นแท่นหินจำลองเพราะว่ายอมให้อินเดียขโมยพระพุทธเจ้าของเราไป
ทั้งยิว คริสต์และอิสลามต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในศิลาฤกษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ในความขัดแย้งและสงครามอาร์มาเกดดอนในยุคสุดท้าย เพื่อรอวันการมาของพระเจ้า
ส่วนพระแท่นดงรังถูกทอดทิ้งทั้งก่อนและในยุคสุดท้ายเพราะความหลงและไม่ใส่ใจ กว่าคนไทยจะยอมรับว่าพระแท่นเป็นศิลาที่พระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพานในกุสินารา หรือส่วนหนึ่งของกาญจนบุรีในปัจจุบัน ก็ต้องผ่านยุคสุดท้ายนี้ไปก่อน เพื่อรอวันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยุคนางพญา
thanong
22/3/2015

 

Thanong Fanclub



24. ยุคสุดท้าย (End Time)
พระเจ้าจะมาปรากฎตัวในยุคสุดท้ายของการทำลายหรือไม่อยู่ที่ความเชื่อและศรัทธาของผู้คนในศาสนาต่างๆ แต่พวกอัศวินแห่งพระวิหาร (Knights Templar) น่าจะออกจากเงามืดก่อน หลังจากได้กบดานซ่อนตัวมานานถึง700ปีเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งในยุคสุดท้าย
พวกอัศวินแห่งพระวิหารไม่เคยตาย และกำลังฟื้นคืนชีพเพื่อประกาศศักดาความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการเป็นเจ้าโลกในโลกใหม่
Knights Templar มากจากKnights of Temple หรืออัศวินแห่งพระวิหาร เดิมทีพวกนี้เป็นก่อตัวกันเป็นนักรบเพื่อปกป้องชาวคริสต์จากยุโรปที่เดินทางไปจาริกแสวงบุญในนครเยรูซาเลมหลังสงครามครูเสดครั้งที่1ที่ทำให้พวกยุโรปสามารถยึดเยรูซาเลมคืนมาได้จากพวกมุสลิมในปีคศ. 1099 แต่ระหว่างการเดินไปจาริกแสวงบุญ ชาวคริสต์จากยุโรปต้องเผชิญกับภัยอันตรายต่างๆนาๆ ทั้งจากการทำร้ายร่างกาย ถูกปล้นหรือฆ่าตาย
ในปีคศ. 1119 อัศวินชาวฝรั่งเศสนามว่า Hugues de Payens ได้เสนอกับกษัตริย์Baldwin II แห่งเยรูซาเลมและสังฆราชแห่งเยรูซาเลมให้รับรองคณะในศาสนาคริสต์ใหม่ที่เขาจะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองชาวคริสต์ที่เดินทางจาริกสแวงบุญมายังเยรูซาเลม กษัตริย์ทรงเห็นด้วยและตอบรับข้อเรียกร้องนี้ และให้สถานภาพพิเศษกับพวกนักรบอัศวิน โดยให้ไปอยู่ที่ซีกหนึ่งของพระราชวังบนเขาพระวิหาร ซึ่งมีAl-Aqsasหรือวิหารของมุสลิม (สร้างเสร็จปีคศ 705) และถัดไปบริเวณเดียวกันมีDome on the Rock (สร้างปีคศ 691) ตั้งอยู่
เขาพระวิหารนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มากเพราะว่าเป็นที่ตั้งของวิหารโซโลมอน1และ2โดยถูกกษัตริย์Nebuchadnezzar II และพวกโรมันทำลายในช่วงประมาณ500กว่าปีก่อนคริสตกาลและในปีคศ 79ตามลำดับ
สงครามครูเสดเป็นการผลัดกันยึดครองเขาพระวิหารในเยูรซาเลมแห่งนี้ระหว่างคริสเตียนและมุสลิม ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์เดวิดของยิวและเป็นสถานที่พระเยซูทรงเสวยอาหารมื้อสุดท้าย
เนื่องจากมีที่พำนักบนเขาพระวิหารของกษัตริย์โซโลมอน พวกนักรบอัสวินเรียกตัวเองว่าKnights of Temple of Solomonด้วย ปรากฎว่าอัศวินแห่งเขาพระวิหารเริ่มต้นด้วยสมาชิกเพียง9คน มีสภาพความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นอดๆหยากๆประสบความสำเร็จในการสร้างฐานอำนาจทั้งการทหาร การเงินและการเมืองเนื่องจากได้สปอนเซอร์ดีคือSaint Bernard of Clairvaux ผู้มีอิทธิพลทางศาสนาในฝรั่งเศส และได้ยกย่องความกล้าหาญชาญชัยของพวกนักรบแห่งเขาวิหารที่ปกป้องศาสนาคริสต์ ผลก็คือพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารได้รับเงินบริจาค ทรัพย์สิน ธุรกิจที่ดินต่างๆมากมายจากทั่่วสารทิศของคริสจักร
ในปี1139 โป๊ปInnocent IIออกกฎให้อัศวินแห่งเขาพระวิหารมีเอกสิทธิ์เหนือกฎหมายท้องถิ่นของประเทศต่างๆในคริสจักร โดยสามารถผ่านด่านได้โดยไม่ถูกตรวจสอบ ไม่ต้องจ่ายภาษี ไม่ขึ้นกับอำนาจการเมืองของผู้ใด แต่ขึ้นตรงต่อโป๊ปในโรมอย่างเดียว
จากรากฐานนี้นำมาสู่อำนาจและความมั่งคั่ง เพราะว่าพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารพัฒนาระบบแบงค์กิ้งที่โลกเราใช้อยู่ในปัจจุบัน ผ่านการควบคุมเส้นทางคมนาคม ป้อมปราการ อำนวยความสะดวกในการโอนเงิน หรือฝากทรัพย์สิน โดยผู้จาริกแสวงบุญสามารถโอนเงินผ่านโพยก๊วนผ่านเครือข่ายระบบแบงค์กิ้งของพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหาร
ในปีคศ 1150 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของLetter of Credit หรือใบโพยก๊วน พวกผู้ดีที่ต้องการเดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเลมฝากทรัพย์สินไว้กับพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารและได้รับใบโพยก๊วน เมื่อเดินทางถึงที่หมายแล้ว สามารถเอาใบโพยก๊วนนี้ขึ้นเงินหรือทรัพย์สินในปริมาณเดียวกันได้ วิธีการนี้พัฒนามาเป็นการออกเช๊คที่เป็นรากฐานของระบบแบงค์กิ๊งที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
พวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารสะสมความร่ำรวยเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจากระบบแบงค์กิ๊งจนสามารถให้กษัตริย์ในแว่นแคว้นต่างๆกู้ยืมเงินในการทำสงครามในยุโรป มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารว่าสร้างสมาคมลับขึ้นมา มีพิธีกรรมลับในการรับสมาชิกใหม่ หรือนับถือซาตานหรือพระเจ้านอกศาสนา สมาชิกของอัศวินแห่งเขาพระวิหารมีปริมาณ15,000-20,000คน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนเป็นนักรบผู้กล้า มีการแบ่งงานกันทำเป็นนักบริหาร นักการเงิน หรือคนดูแลส่วนต่างๆส่วนนักรบจริงๆจะมีประมาณ10%
หลังกลางศตวรรษที่12 พวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารเริ่มเสื่อมอำนาจลง เพราะว่าซาลาดิน (Saladin) ผู้นำของโลกมุสลิมที่มีเชื้อสายชาว(Kurds)สามารถตียึดเมืองเยรูซาเลมมาได้ ทำให้พวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารตั้งออกไปตั้งหลักที่ซีเรีย ไซปรัส อิยิปต์ ฯลฯ หลังจากนั้นพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารกลับมาดำรงชีวิตตามปกติในยุโรป โดยบริหารทรัพย์สินและระบบแบงค์กิ๊งของยุโรป พวกนี้ต้องการสร้างรัฐอัศวินของตัวเองขึ้นมาทำให้เกิดมีความขัดแย้งกับราชวงศ์หรือขุนนางของยุโรป อันนำไปสู่การทำลายและจุดจบของพวกอัศวินแห่งเขาพระวิหารอย่างโหดเหี้ยมในตอนต้นของศตวรรษที่14
แต่อัศวินแห่งเขาพระวิหารพบกับจุดจบจริงหรือ?
thanong
23/3/2015
Knights Templar - Wikipedia, the free encyclopedia

 

Thanong Fanclub

25. ยุคสุดท้าย (End Time)
XXXXXXXXXXXXXXXXXXX



เริ่มเห็นภาพหรือยังครับว่าDome on the RockโยงถึงพวกKnights Templarอย่างไร สืบต่อมายังยิวบุญธรรม ลอนดอน ดีซีและโรมในปัจจุบัน อย่างไรในฉากสุดท้ายของยุคสุดท้าย.......

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 22 มี.ค.58 เมื่อหน่วยรบพิเศษอเมริกา กลายเป็นอินทรีย์หงอย เผ่นทะเลทรายราบจากเยเมน
เยเมน เป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันมาก จึงเป็นที่หมายปองของอเมริกา และชาติตะวันตก จึงส่งหน่วยรบพิเศษไปประจำการ และสร้างรัฐบาลหุ่นเชิดขึ้นมา เพื่อดูดทรัพยากรไปเข้ากระเป๋าตัวเอง ประชาชนเยเมน จึงไม่ได้ประโยชน์เต็มร้อยจากน้ำมันใต้ดินของตนเอง
ต่อมานักรบฮูที ที่หนุนหลังโดยอิหร่าน ได้ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลหุ่นเชิดอเมริกา และตั้งรัฐบาลใหม่ ตั้งเป้าปฏิรูปประเทศทุกด้าน ปลอดอิทธิพลชาติตะวันตกที่เอารัดเอาเปรียบ ทำให้มะกัน และ UN โวยวายว่าทำแบบนั้น แล้วชาติตะวันตกจะกินอะไร
จึงหนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ และ กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ที่กำลังแตกพ่ายทุกสนามรบในซีเรีย และอิรัก มาก่อเหตุระเบิดโจมตีในเยเมน เพราะซีเรีย และ อิรัก เละหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้อเมริกา และชาติพันธมิตรทำลาย ตอนนี้จึงพุ่งเป้าตาเป็นมันไปที่เยเมน พุ่งเป้าโจมตีผู้แสวงบุญมุสลิมนิกายชีอะฮ์ รวมทั้งนักรบรัฐบาล ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 137 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 350 คน
หวังสร้างสนามรบใหม่ที่ย่านนี้ และลุกลามไปซาอุฯ ใช้เป็นหมู่บ้านกระสุนตกอาวุธของเพนตากอน แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างกับพี้กัญชา เพราะฝ่ายรัฐบาลฮูที ของเยเมน กลับระดมกลุ่มนักรบจากกลุ่มย่อยต่างๆ เข้าต่อสู้แบบถึงพริกถึงขิง เจอคนเอาจริงแบบนี้ หน่วยรบพิเศษของอเมริกา ถึงกับกลายเป็นผู้อพยพลี้ภัยเสียเอง
ต้องอพยพอาวุธ ยุทธโธปกรณ์ หนีตายออกจากเยเมนกันจ้าละหวั่น แบบไม่คิดชีวิต เพราะหน่วยรบของอเมริกา จะไม่สู้กับฝ่ายที่ทัดเทียมกัน หรือ เหนือกว่า แต่จะสู้ และสังหารเฉพาะผู้ที่อ่อนแอ เด็ก ผู้หญิง คนชรา เท่านั้น..แล้วก็ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจว่า "ฆ่าเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน"
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

กบฏฮูตีบุกยึดสนามบินสำคัญ ขยับเข้าใกล้เมืองเอเดนของผู้นำเยเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มีนาคม 2558 16:49 น.



เอเอฟพี - กบฏฮูตีและพรรคพวก ได้บุกยึดสนามบินที่เมืองทาเอสในวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) จากฝ่ายกองกำลังท้องถิ่นที่ถักดีต่อผู้นำเยเมน

ทาเอส เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเยเมน อยู่ระหว่างกรุงซานาซึ่งถูกพวกกบฏฮูตีบุกยึดไปเมื่อเดือนกันยายน กับเมืองเอเดนทางตอนใต้ ที่ประธานาธิบดีอับดี รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี หนีการจับกุมไปอาศัยอยู่

การเข้ายึดเมืองทาเอส ทำให้ฝ่ายกบฏฮูตีและกองกำลังที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ สามารถกระชับพื้นที่บีบรัดเข้ามาใกล้ฮาดีได้มากขึ้น

แหล่งข่าวระบุว่า นักรบของกบฏฮูตีที่สวมเครื่องแบบกองทัพ กับพวกกองกำลังพิเศษ รวมกันประมาณ 300 นาย ได้ถูกส่งมายังสนามบินดังกล่าว ขณะที่กำลังหนุนทั้งทางบกและทางอากาศจากกรุงซานาก็ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง

กองกำลังพิเศษที่เป็นพวกเดียวกับกบฏฮูตี ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อกองกำลังความมั่นคงกลาง ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับอดีตผู้นำซาเลห์ ผู้ถูกโค่นลงจากอำนาจในปี 2012

"ทหารพวกนี้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีซาเลห์" แหล่งข่าวทางทหารบอกกับเอเอฟพี

แหล่งข่าวบอกอีกว่า กบฏฮูตียังได้ส่งคนออกตรวจการณ์ในละแวกใกล้เคียงกับเมือง พร้อมทั้งขยายพื้นที่ลงมาทางใต้ โดยมีการตั้งจุดตรวจไว้ในราเฮดา ห่างจากเมืองทาเอสลงมาทางใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร บนเส้นทางที่มุ่งหน้าไปเมืองเอเดน

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทหารที่ภักดีต่อประธานาธิบดีฮาดี กับกองกำลังกึ่งทหารทางตอนใต้ของประเทศ ได้ถูกจัดส่งไปยังเขตพื้นที่ลาห์จ ซึ่งอยู่ทางเหนือของเอเดน ไปคอยระวังภัยเผื่อในกรณีที่พวกกบฏฮูตีบุกมา

ฮาดีได้พยายามที่จะสร้างฐานอำนาจที่มั่นคงในเอเดน เมืองที่เขาประกาศให้เป็นเมืองหลวงชั่วคราวของประเทศเยเมน หลังจากที่เขาได้ยกเลิกการลาออกจากตำแหน่งที่ต้องทำไปเพราะถูกพวกกบฏฮูตีบีบบังคับ

เมื่อวันพฤหัสบดี กองกำลังฝ่ายฮาดี ได้บุกฐานในเมืองเอเดนของพวกกองกำลังพิเศษ หลังจากผู้บังคับการประจำฐานนั้นปฏิเสธที่จะยอมรับคำสั่งของฮาดี ที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ มีเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งที่มุ่งเป้าไปยังมัสยิดของฝ่ายกบฏฮูตีในกรุงซานา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 142 ราย บาดเจ็บ 351 ราย การโจมตีดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นฝีมือของพวกนักรบญิฮัดกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

 

ไฟป่าชิลีโหมหนักเป็นวงกว้าง “พืชพันธุ์หายากไม่ต่ำกว่า 100 สกุลหายไปกับเปลวเพลิง - สัตว์ป่าเสี่ยงสูญพันธุ์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มีนาคม 2558 16:26 น.



เอเอฟพี – ไฟป่าหน้าแล้งเกิดขึ้นทางใต้ของชิลี ได้เผาทำลายพืชพันธุ์หายากร่วมกว่า 100 ชนิด และกำลังทำให้สัตว์ป่าหายากที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นสูญพันธุ์ตามไปด้วย

“เรากำลังเผชิญหน้ากับหายนะทางสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด” Accion Ecologica หัวหน้า ลุยซ์ มาริอาโน เรนดอน (Luis Mariano Rendon)ให้ความเห็นกับเอเอฟพีในวันเสาร์(22) และเสริมต่อว่า “เป็นที่น่าตกใจว่าเผ่าพันธุ์ทั้งหมดได้สูญพันธุ์ไปจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งนี้ อาทิ Araucaria araucana หรือ monkey puzzle tree ที่รู้จักในไทยคือต้นหางลิง และยังรวมไปถึงไม้ยืนต้นพันธุ์ต่างๆที่ต้องใช้เวลาร่วมหลาย 100 ปีจึงจะโตเต็มวัยได้ ดังนั้นหายนะทางสิ่งแวดล้อมล่าสุดนี้ถือเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของมนุษย์ยุคนี้

ทั้งนี้ต้นไม้ที่มีสกุลห่างๆกับต้นสนถือเป็นสิ่งศักดิสิทธิสำหรับชนเผ่าอินเดียแดงพื้นเมืองชิลี มาปูเช (Mapuche) ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ยังถูกประกาศเป็นมรดกของชาติชิลี

ไฟป่าได้โหมลามหลายวันทางใต้ของชิลีทำลายพื้นที่ป่าไปราว 9,100 เอเคอร์ และสามารถถูกควบคุมไม่ให้ลุกลามสำเร็จแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงชิลียังไม่สามารถดับไฟป่าลูกนี้ได้อย่างสมบูรณ์ หน่วยงานดับเพลิงชิลีแถลง เพราะในขณะนี้ยังมีไฟป่าอีกราว 25 ลูกที่ยังคงลุกโหมอยู่ครอบคลุมพื้นที่ป่าร่วม 11,428 เฮคเตอร์ สำนักงานฉุกเฉินแห่งชาติชิลี ONEMI รายงาน

และพบว่าอุทยานแห่งชาติ Conguillio สูญเสียเนื้อที่สงวนไปถึง 70 เฮคเตอร์ แต่เป็นที่น่ายินดีว่าไฟป่าที่โหมไหม้ถูกควบคุมไว้ได้แล้วในช่วงเย็นวันเสาร์(21) เจ้าหน้าที่ประจำบอร์ดบริหารป่าไม้แห่งชาติชิลีแถลง “เพราะเรากำลังพูดถึงเขตสงวนที่ได้สูญเสียไปจากไฟป่า ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นผลกระทบต่อมนุษยชาติของโลก เนื่องมาจากการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้” เรนดอนกล่าวต่อ

เอเอฟพีชี้ว่า ไฟป่าเกิดขึ้นเสมอในทางใต้ของชิลีในช่วงหน้าร้อน

แต่สำรับเรนดอนแล้ว “นี่เป็นเรื่องน่าละอายสำหรับชิลี ซึ่งเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุดในลาตินอเมริกาแต่กลับไร้ความสามารถในการป้องกันตัวเองโดยสิ้นเชิง “เรามีเครื่องบินรบขับไล่ F16 จำนวนมาก แต่เรากลับไม่มีนักผจญเพลิงดับไฟป่า(smokejumper) จำนวนมาก หรือ repeller ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับดับไฟป่าทางอากาศ

ทั้งนี้ ONEMI เปิดเผยเพิ่มเติมว่า อาร์เจนตินาที่ดินแดนติดชิลีได้ส่งทีมนักผจญเพลิงจำนวน 30 คน ช่วยชิลีดับไฟป่านี้

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000033395

 

ชาวพะเยาตื่น!! พระอาทิตย์สีแดง เกิดลมกระโชก พัดหมอกควันเจือจาง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 มี.ค. 2558 15:50



ชาวพะเยาตื่น! พระอาทิตย์เป็นสีแดง พร้อมเกิดลมกระโชกแรง ทำหมอกควันเกินมาตรฐานเบาบางลง หวังฝนตกลงมาช่วย ให้สถานการณ์คลี่คลายอีก...

วันที่ 22 มี.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าอากาศทั่วไปจังหวัดพะเยา มีหมอกควันปกคลุมอยู่แต่เบาบางลงบ้างแล้ว หลังจากที่มีพระอาทิตย์เป็นสีแดงบนท้องฟ้าเกิดลมพัดกระโชกแรง มีเมฆ ลอยบนท้องฟ้า ทำให้ฝุ่นละอองจากหมอกควันที่มีค่าเกิดมาตรฐานสูงติดต่อกันมาหลายวันเบาบางลง


อย่างไรก็ตาม จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ อ.เมืองพะเยา วันนี้ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 132 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ค่าลดลงกว่าหลายวันมากที่ผ่านมา

สำหรับจังหวัดพะเยายังคงมีเมฆหมอกปกคลุม มีลมพัดผ่านตลอดเวลา หากมีฝนตกลงมา คาดว่าท้องฟ้าเปิดอากาศแจ่มใสหมอกควันคงจะหายไปด้วย และค่าฝุ่นละอองหมอกควันอาจจะหมดไปด้วย ขณะที่รายงานยังไม่มีฝนลงมาแต่อย่างใดมีเพียงลมพัดโชยตลอดเวลา.

ชาวพะเยาตื่น!! พระอาทิตย์สีแดง เกิดลมกระโชก พัดหมอกควันเจือจาง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รัสเซียขู่ใช้นุคถล่มเรือรบเดนมาร์กหากร่วมโครงการนาโต



รัสเซียขู่โจมตีเรือรบเดนมาร์กด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากฝ่ายหลังเข้าร่วมโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธกับองค์การนาโต

วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 04:31 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า รัสเซียประกาศจะโจมตีเรือรบเดนมาร์กด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากเดนมาร์กเข้าร่วมโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยนายมิฮาอิล วานิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์ก กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จิลลันด์ส-โพสเทน เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ว่า เขาคิดว่าเดนมาร์กไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากเดินหน้าตามที่ได้ตัดสินใจ ในการเข้าร่วมโครงการของนาโต "หากเดนมาร์กเข้าร่วมโครงการ เรือรบกองทัพเดนมาร์กจะตกเป็นเป้าหมายโจมตีของขีปนาวุธนิวเคลียร์รัสเซีย" นายวานิน กล่าว

รัฐบาลเดนมาร์กเผยเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ว่า จะเข้าร่วมโครงการป้องกันขีปนาวุธกับนาโต โดยจะมีการติดตั้งเรดาร์บนเรือรบบางส่วนของกองทัพ

ความตึงเครียดระหว่างมอสโกกับกลุ่มชาติตะวันตกทวีขึ้นอีก หลังจากฝ่ายหลังเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย จากปัญหากลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซียพยายามแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน และนาโตสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวมากขึ้น ของกองทัพเรือและกองทัพอากาศรัสเซีย ในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย

ตามโครงการของนาโต จะไม่มีการติดตั้งขีปนาวุธ ที่ใช้สำหรับยิงขึ้นสกัดกั้นและทำลายกลางอากาศขีปนาวุธของฝ่ายศัตรู ในผืนดินเดนมาร์ก แต่ในระยะยาวอาจมีการติดตั้งบนเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์ก โครงการของนาโตมีเป้าหมายเพื่อปกป้องทวีปยุโรป จากการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่อาจเกิดขึ้นจากอิหร่าน ขณะที่รัสเซียกล่าวว่า โครงการนี้บ่อนทำลายศักยภาพนิวเคลียร์ของรัสเซีย เพราะมันจะทำให้กลุ่มชาติตะวันตกสามารถสอยขีปนาวุธของรัสเซียได้ด้วย "เดนมาร์กจะเป็นส่วนหนึ่งของภัยคุกคามต่อรัสเซีย ความสงบสุขจะลดน้อยลง และความสัมพันธ์กับรัสเซียจะถูกทำลาย" นายวานิน กล่าว พร้อมกับย้ำว่า รัสเซียมีขีปนาวุธหลายแบบ ที่มีสามารถทะลวงฝ่าแนวป้องกัน ของเครือข่ายระบบป้องกันขีปนาวุธในอนาคตได้.

รัสเซียขู่ใช้นุคถล่มเรือรบเดนมาร์กหากร่วมโครงการนาโต | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

'คอสตาริกา'นำร่องใช้พลังงานทดแทน100เปอร์เซนต์



คอสตาริกา แสดงศักยภาพด้านพลังงาน ทำลายสถิติใช้พลังงานทดแทนเพียงอย่างเดียวทั้งประเทศ ต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 75 วัน

วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 05:33 น.
เว็บไซต์ข่าว ดิ อินดิเพนเดนท์ ประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า คอสตาริกา ประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง ก้าวหน้าไปอีกขั้น เมื่อสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนเพียงอย่างเดียวติดต่อกันได้เป็นวันที่ 75 นานที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยไม่มีการนำเชื้อเพลิงซากฟอสซิลมาใช้เลยนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสถาบันการไฟฟ้าคอสตาริกาเผยว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนจำนวนมากในช่วง 3 เดือนแรกของปี ที่เป็นวัตถุดิบชั้นดีให้กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 4 แห่ง

เมื่อปีที่แล้ว ราวร้อยละ 80 ของพลังงานที่ใช้ในประเทศมาจากพลังงานน้ำ ขณะที่อีกราวร้อยละ 10 มาจากพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพ บทบาทของพลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรราว 4.8 ล้านคน ได้มากถึงร้อยละ 94 โดยนักวิเคราะห์มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คอสตาริกาไม่พึ่งพาพลังงานน้ำแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่มีความแปรปรวนสูง โดยเฉพาะน้ำจากแม่น้ำ ที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

โครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพแห่งใหม่ยังคงอยู่ในระหว่างเตรียมการ โดยรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 958 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,139 ล้านบาท) เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์ก็คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ราว 55 เมกะวัตต์ สำหรับจ่ายให้บ้าน 55,000 หลัง จากนั้นจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ อีก 2 แห่ง.

ที่มา: Costa Rica goes 75 days powering itself using only renewable energy - Americas - World - The Independent

'คอสตาริกา'นำร่องใช้พลังงานทดแทน100เปอร์เซนต์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

บุตรชายอดีตผู้นำยูเครนจมน้ำดับในรัสเซีย



นายวิกเตอร์ ยานูโควิช จูเนียร์ วัย 33 ปี บุตรชายของนายวิกเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนที่ถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2556 จมน้ำเสียชีวิตในทะเลสาบไบคาลของรัสเซีย

วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 05:33 น.
สำนักข่าว บีบีซี ประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า นายวิคเตอร์ ยานูโควิช จูเนียร์ วัย 33 ปี บุตรชายของนายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนซึ่งปัจจุบันลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในรัสเซีย เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานจากทั้งสื่อของรัสเซียและยูเครนระบุว่า เหตุเกิดขณะเขาอยู่ในระหว่างการแข่งขันรถยนต์ใกล้ทะเลสาบไบคาล ทางตอนใต้ของรัสเซีย โดยรถแวนโฟล์คสวาเกนของเขาเสียหลักพุ่งตกลงไปในทะเลสาบที่มีผิวหน้าเป็นน้ำแข็ง นายวิกเตอร์จมน้ำเสียชีวิต ขณะที่ผู้โดยสารอีก 5 คน สามารถหนีออกมาได้

นับเป็นกรณีล่าสุดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคลใกล้ชิดของอดีตผู้นำยูเครนคนนี้ โดยเมื่อต้นเดือน นายโอเล็กซานเดอร์ เปกลูเชนโก อดีตเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของยูเครนที่สนิทสนมกับนายวิกเตอร์ผู้พ่อ ถูกพบเป็นศพในยูเครน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ขณะที่เจ้าหน้าที่คนสนิทอีก 5 คน ก็เสียชีวิตด้วยรูปการณ์ที่น่าสงสัยเช่นเดียวกันตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ถูกดค่นอำนาจเมื่อเดือน พ.ย. 2556 หลังประชาชนหลายพันคนออกมาประท้วงขับไล่ เนื่องจากไม่พอใจที่เขาปฏิเสธความร่วมมือกับสหภาพยุโรป (อียู) และหันไปหารัสเซียแทน โดยเขาได้ลี้ภัยไปยังรัสเซียเมื่อเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เขายังถูกจัดอยู่ในรายชื่อบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวขององค์การตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล หลังเขาถูกรัฐบาลยูเครนกล่าวหาว่ายักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ.

ที่มา: BBC News - Ukraine ex-President Yanukovych's son 'drowns in lake'

บุตรชายอดีตผู้นำยูเครนจมน้ำดับในรัสเซีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

น้ำทะเลรุกไล่ที่ชาวเกาะในแปซิฟิกขอลี้ภัยในสหรัฐ



ผู้นำชาวบ้านที่เคยมีถิ่นฐานอยู่บนเกาะบิกีนีของหมู่เกาะมาร์แชลล์ในแปซิฟิก ประกาศขอลี้ภัยในสหรัฐ หลังภาวะโลกร้อนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นรุกรานพื้นที่อยู่อาศัยของชาวเกาะ และภัยจากกัมมันตภาพรังสี อันเป็นผลจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ

วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 02:36 น.
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเกาะมาจูโร สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า นายนิชมา จาโมเร นายกเทศมนตรีเกาะบิกีนี ซึ่งเป็นเกาะรูปวงแหวนส่วนหนึ่งของหมู่เกาะมาร์แชลล์ในมหาสมุทรแปซิฟิก เรียกร้องขอให้ลูกบ้านภายใต้การดูแลของเขาราว 1,000 คน ที่กระจัดกระจายอาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆ ได้สิทธิ์ในการลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากปัจจุบันเกาะน้อยใหญ่ในแถบนี้ กำลังถูกคุกคามจากวิกฤตโลกร้อนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลืนกินพื้นที่ไปทีละน้อย

ทั้งนี้ ชาวเกาะบิกีนีต้องอพยพออกจากดินแดนบ้านเกิดตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณนั้นมีค่ากัมมันตภาพรังสีมากเกินกว่าที่จะอาศัยอยู่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทดลองนิวเคลียร์ของสหรัฐ โดยในช่วงคริสต์ทศวรรษปี 1950 มีการทดลองมากถึง 24 ครั้ง รวมถึง "บราโว" ซึ่งเป็นการทดลองระเบิดไฮโดรเจนขนาดรุนแรงที่สุดของสหรัฐ.

น้ำทะเลรุกไล่ที่ชาวเกาะในแปซิฟิกขอลี้ภัยในสหรัฐ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ชนกลุ่มน้อยพม่าขู่ยิงรถขนน้ำมันไทย



ชนกลุ่มน้อยพม่า ขู่ยิงรถขนส่งน้ำมันไทยที่ใช้เส้นทางขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า หลังต้องเสียผลประโยชน์จากการค้าน้ำมันเถื่อน เจ้าหน้าที่ปราบปรามน้ำมันเถื่อนอายัดรถที่ผิดระเบียบถี่ยิบ เตรียมนำเรื่องหารือกองทัพภาค 3 หาทางออก

วันอาทิตย์ 22 มีนาคม 2558 เวลา 17:31 น.
กรณีเจ้าหน้าที่ปราบปรามน้ำมันเถื่อน หรือปนม. อายัดรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออกตามแนวชายแดน จ.ตาก อย่างผิดระเบียบบริเวณท่าเรือที่ 10 คลัง 7 จำนวน 11 คัน ที่ท่าเรือ 13 จำนวน 2 ครั้ง รวม 11 คัน ส่งผลให้กองกำลังชนกลุ่มน้อย ที่รวมหัวกับพ่อค้าน้ำมันเถื่อนที่เสียผลประโยชน์ข่มขู่กลุ่มพ่อค้าน้ำมันที่ต้องการส่งออกน้ำมันอย่างถูกต้อง ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา12.00 น. วันที่ 21 มี.ค. เจ้าหน้าที่ปราบปรามน้ำมันเถื่อนหรือ ปนม. แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ผู้ประกอบการส่งน้ำมันไปฝั่งพม่าได้เตรียมนำรถน้ำมัน 2 พ่วงที่ผ่านการชั่งน้ำหนักราว 40 ตันเรียบร้อย ผ่านแดนขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ที่บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด แต่ก็ต้องยกเลิกกะทันหัน เนื่องจากถูกข่มขู่จากกองกำลังชนกลุ่มน้อยชายแดนฝั่งพม่าว่า หากน้ำรถขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-พม่าจะใช้อาวุธปืนยิงทันที ทำให้คนขับรถต้องย้ายรถไปเก็บยังที่ปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ปนม. ได้ควบคุมรถน้ำมัน 21 คัน ที่ทำความความผิดตาม พ.ร.บ. ขนส่งน้ำมันและการส่งออกทางท่อจากฝั่งไทย ทั้งนี้ผู้ประกอบการบางรายอ้างว่าไม่สามารถนำรถข้ามสะพานได้เนื่องจากมีน้ำหนักเกิน 25 ตัน แต่ความจริงปรากฏว่าน้ำหนักที่สะพานมิตรภาพไทย-พม่าสามารถนำรถขึ้นไปผ่านสะพานได้มากกว่า 50 ตันต่อ 1 คันซึ่งหน่วยปราบปรามน้ำมันเถื่อนหรือ ปนม .ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอต่อกองทัพภาคที่ 3 แล้ว.

ชนกลุ่มน้อยพม่าขู่ยิงรถขนน้ำมันไทย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Jaroen Compeerapap



มีดำก็มีขาว มีมารก็มีเทพ มีชั่วก็มีดี มีซาตาลก็มีนักบุญ และ คู่ขัดแย้งอีกหลาย ๆ คู่ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้ง ตามเงื่อนไขกาลเวลาและสถานที่ที่ต้องต่อสู้กัน แม้แต่จิตในตัวเราเองยังสู้กันอยู่ ตามที่ผมได้เคยรายงานไปก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับ การทดลองของ CERN ที่จะทำการทดลองเปิดประตูมิติ จากหลุมดำ ซึ่งถูกต้านจากนักฟิสิกส์จักรวาลที่มีชื่อเสียงมาก่อนแล้ว ล่าสุดมีนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงนำโดย Ahmed Farag Ali, Mir Faizal, Mohammed M Khalil เขียนรายงานตอบโต้การทดลองของ CERN ในความพยายามที่จะเข้าไปในหลุมดำ Black hole จากอุปกรณ์เครื่องเร่งอานุภาค LHC (Larg Hadron Collider) เพื่อค้นหาเข้าไปในระบบสุริยะคู่ขนาน หรือ Parallel universes คือพยายามจะเข้าไปในระบบสุริยะอื่น ๆ ซึ่งในรายงานของนักฟิสิกส์ที่ออกมาคัดค้านการทดลองของ CERN ระบุว่าวิธีการดังกล่าวยังจะเกิดความซุ่มเสี่ยงอย่างอื่นตามมา เช่น จะทำให้แรงโน้มถ่วง กระจายขยายออกไปยังระบบสุริยะจักรวาล ท่านลองคิดตามดูนะครับหากเป็นเช่นนั้นจริงมันจะวินาศสันตะโร ขนาดไหนเพราะเมื่อแรงโน้มถ่วงที่นิวตั้นค้นพบ จากการสังเกตุผลไม้ตกลงมายังพื้นดิน โดยถือเป็นแรงโน้มถ่วงที่อยู่คู่โลก ซึ่งหากกระจายออกสู่จักรวาล อะไรจะเกิดขึ้น มันก็จะทำให้อะไรต่าง ๆ ที่ล่องลอยแบบไร้น้ำหนัก รวมถึงดาวเคราะห์ต่าง ๆ ตกมายังโลกเนื่องจากไม่มีสภาพไร้น้ำหนักต่อไป แล้วเราจะหนีไปไหนได้มนุษย์เอย การออกมาคัดค้านโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลจากข้อเขียนของกลุ่มนักฟิสิกส์ดังกล่าวใคร่ครวญดูแล้วน่าคิดและติดตามมากว่า CERN จะใส่ใจรับฟังหยุดยั้งการทดลองที่ตนเองยังไม่สามารถควบคุมผลกระทบต่าง ๆ ที่ตามมา ยกเลิกการทดลองนี้หรือไม่ หรือจะยืนยันอหังการทำการทดลองต่อไป น่าติดตามนะครับ จนใจรายละเอียด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตรงนี้ครับ (Detection of mini black holes at the LHC could indicate parallel universes in extra dimensions