ติดตามสถานะการณ์

รมว.กลาโหมกรีซขู่ “สเปน-อิตาลี” อาจหลุด “ยูโรโซน” เป็นรายต่อไป หากกรีซไม่รอด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 13:05 น.


@ปาโนส คัมเมโนส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกรีซ

รอยเตอร์ – รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกรีซเปิดใจกับสื่อเมืองเบียร์ ระบุถ้าเอเธนส์ต้องหลุดจากกลุ่มยูโรโซน สเปนและอิตาลีก็จะเป็นรายต่อไป

หนังสือพิมพ์บิลด์ (Bild) ของเยอรมนีฉบับวันนี้ (14 มี.ค.) ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ ปาโนส คัมเมโนส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกรีซ ซึ่งออกปากเตือนว่า “ถ้ากรีซล่มจม สเปนกับอิตาลีจะเป็นรายต่อไป และวันหนึ่งก็จะต้องเป็นเยอรมนีเอง... เพราะฉะนั้น เราต้องหาวิธีแก้ไขภายในกลุ่มยูโรโซน แต่ต้องไม่ใช่การบีบบังคับให้กรีซจ่ายเงิน”

คัมเมโนส กล่าวต่อไปว่า กรีซไม่ต้องการแพ็กเกจช่วยเหลือรอบที่ 3 “แต่อยากให้มีการลดหนี้ อย่างที่เยอรมนีเคยได้รับจากการประชุมหารือเรื่องหนี้สินที่กรุงลอนดอน เมื่อปี 1953”

สงครามน้ำลายระหว่างเอเธนส์และเบอร์ลินทำท่าจะลุกลาม เมื่อกรีซได้ยื่นหนังสือประท้วงไปยังกระทรวงการต่างประเทศเมืองเบียร์ กล่าวหาว่า โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนี พูดจาดูหมิ่น ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังของกรีซว่า “โง่ไร้เดียงสา” ตามที่สื่อบางสำนักของกรีซเอาไปรายงาน

“ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงวิพากษ์วิจารณ์กรีซเสียๆ หายๆ ทุกครั้งที่ออกมาแถลงข่าวประจำวัน ราวกับว่ากำลังทำสงครามจิตวิทยา ซึ่งการที่ ชอยเบิล ทำเช่นนี้เท่ากับบั่นทอนความสัมพันธ์อันดีระหว่างเราทั้ง 2 ประเทศ” คัมเมโนส กล่าว

รัฐมนตรีกลาโหมกรีซยังเตือนให้ ชอยเบิล ยอมรับความจริงว่า รัฐบาลกรีซชุดปัจจุบันมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน พร้อมกล่าวหาเยอรมนีว่าก้าวก่ายกิจการภายในของกรีซ “ผมมีความรู้สึกว่า รัฐบาลเยอรมนีจงใจไล่บี้เรา และเป็นฝ่ายที่ต้องการให้เราออกไปเสียจากยูโรโซน”

สัปดาห์นี้ กรีซได้ออกมาเรียกร้องขอค่าชดเชยที่ถูกกองทัพนาซีย่ำยีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเด็นนี้เยอรมนียืนยันว่าได้ตกลงกันไปเรียบร้อยตั้งแต่หลายสิบปีก่อน

“ทองคำที่พวกนาซีขนจากเอเธนส์ไปยังเบอร์ลินมีมูลค่ามหาศาล เราต้องการให้เยอรมนีชดเชยคืนมา รวมถึงเรื่องที่บังคับให้เราปล่อยกู้ และค่าชดเชยที่พวกนาซีทำลายโบราณวัตถุของเราด้วย”

คัมเมโนส ยังขู่ว่ากรีซจะไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยอีกต่อไป หากถูกบีบให้ออกจากกลุ่มยูโรโซน

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้อตกลงอะไรๆ ก็จะไม่มีความหมายอีก เราจะไม่ยอมเป็นประเทศรองรับผู้ลี้ภัย ใครก็ตามที่คิดจะผลักเราออกจากยูโรโซนก็ขอให้ทราบไว้ด้วย”

รัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ระบุว่า นโยบายคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรปทำให้กรีซต้องสูญเสียรายได้มหาศาล เพราะฉะนั้นเอเธนส์ต้องการค่าชดเชยในจุดนี้

“ถ้าไม่เช่นนั้น เราก็คงไม่สามารถและไม่ต้องการร่วมมือคว่ำบาตรรัสเซีย เพราะมีแต่จะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงไปอีก”

 

ทางการเวเนฯ เผย! อริ “ปธน. มาดูโร” แขวนคอตายในเรือนจำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 11:59 น.


@นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซูเอลา

รอยเตอร์ – ผู้ต่อต้านประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซูเอลาฆ่าตัวตายในเรือนจำ ที่เขาถูกคุมขังไว้ในข้อหาปลุกระดุมให้เกิดความรุนแรงในท้องถนนต่อต้านรัฐบาลแนวสังคมนิยมของประเทศนี้ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ระบุวานนี้ (13)

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเวเนซูเอลาที่กำลังเป็นเดือดเป็นแค้นเรียกร้องให้เผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ โรโดลโฟ กอนซาเลซ นักบินพาณิชย์วัย 64 ปีที่ถูกจำคุกในเดือนเมษายนปีที่แล้วจากข้อหาพยายามโค่นล้มรัฐบาลด้วยการจัดประท้วงครั้งมโหฬาร และเขายังไม่ได้ถูกตัดสินความผิด

“โรโดลโฟ กอนซาเลซ ปลิดชีวิตตัวเองด้วยการแขวนขอ” กัสตาโว กอนซาเลซ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าว ขณะที่สำนักงานอัยการรัฐ ระบุว่า กำลังมีการสืบสวนเหตุการตายนี้อยู่

บุตรสาวของนักบินคนนี้ ระบุว่า พ่อของเธอเป็นกังวลเรื่องที่จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังเรือนจำรวมของเวเนซูเอลาในเร็วๆ นี้ เรือนจำซึ่งมักเต็มไปด้วยกลุ่มอันธพาล , อาวุธ , ยาเสพติด และความรุนแรง

รายงานเรื่องการเคลื่อนย้ายเรือนจำนั้นไม่จริง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ผู้ซึ่งถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรเมื่อต้นสัปดาห์ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนในขณะที่เป็นผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกราองแห่งชาติ (Sebin) กล่าว

ฝ่ายต่อต้าน ระบุว่า มาดูโรกำลังปราบปรามความเห็นย้อนแย้งในสังคม ในขณะที่ความนิยมของเขาดิ่งฮวบ และวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงกำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงให้กับเวเนซูเอลาก่อนที่จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาในปีนี้

พวกเขาบ่งชี้ถึงการจับกุม อันโตนิโอ เลเดซมา นายกเทศมนตรีกรุงการากัสเมื่อเดือนที่แล้วจากข้อหาพยายามโค่นอำนาจประธานาธิบดี และเหตุสังหารวัยรุ่นชายคนหนึ่งระหว่างการประท้วงในเมืองซานคริสโตบัลทางตะวันตก

มาดูโร กล่าวหาพวกผู้นำฝ่ายต่อต้านท้องถิ่นว่าร่วมมือกับสหรัฐฯเพื่อดึงเขาลงจากอำนาจและเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งทางน้ำมันของประเทศในกลุ่มโอเปคแห่งนี้ ข้อกล่าวหาซึ่งฝ่ายตรงข้ามปรามาสว่าเป็นเรื่องไร้สาระจนน่าหัวเราะ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000029972

 

น้ำมันร่วง$2.5หลังเตือนสต๊อกมะกันถึงขีดสุด หุ้นมะกันดิ่ง-ทองทรงตัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 05:00 น.



รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกร่วงหนักเกือบๆ2.5ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์(13มี.ค.) ไออีเอเตือนสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯใกล้เต็มความจุท่ามกลางภาวะอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบแรง หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทองคำทรงตัว

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ความเคลื่อนไหวของน้ำมันมีขึ้นหลังจาก ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) เตือนในวันศุกร์(13มี.ค.) ว่าราคาน้ำมันอาจมีสเถียรภาพแต่ชั่วคราว เพราะสถานการณ์อุปทานโลกกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ เนื่องจากยังไม่พบเห็นสัญญาณการชะลอตัวด้านกำลังผลิตใดๆในอเมริกา

องค์กรเฝ้าระวังด้านพลังงานแห่งนี้ ระบุว่าอีกไม่นานสหรัฐฯอาจถึงขีดจำกัดในความสามารถกักเก็บน้ำมันดิบ และด้วยเหตุนี้มันจะเพิ่มแรงกดดันทางลบต่อราคาน้ำมัน ทั้งนี้ไออีเอเตือนด้วยว่าอเมริกาน่าจะเผชิญกับภาวะดังกล่าวไปอย่างน้อยก็จนถึงช่วงครึ่งปีหลังของปี 2015 จากนั้นก็คาดหมายว่าปริมาณการผลิตถึงจะลดน้อยลง

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์(13มี.ค.) ปิดลบแรง จากความวิตกรอบใหม่ต่อราคาน้ำมันที่กลับคืนสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง ส่วนดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็เพิ่มเติมความกังวลว่ามันอาจกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติของอเมริกา

ดาวโจนส์ ลดลง 145.91 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,749.31 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.55 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,053.40 จุด แนสแดค ลดลง 21.53 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,871.76 จุด

ยูโร ขยับลงไปถึง 1.0466 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2003 กระตุ้นให้นักลงทุนกังวลว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะกระทบการส่งออกและผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่

ส่วนราคาทองคำในวันศุกร์(13มี.ค.) ทรงตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนกะเก็งว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น อาจทำให้เฟดต้องเลื่อนกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 1,152.40 ต่อออนซ์

 

Weekend Focus: รีพับลิกันท้าชน “โอบามา” ร่อนจดหมายขู่ “อิหร่าน” ล้มข้อตกลงนุก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 05:51 น.



การงัดข้อระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสเริ่มจะร้อนระอุหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โดยล่าสุดวุฒิสมาชิกรีพับลิกันถึงขั้นแหวกธรรมเนียมการเมืองร่อนจดหมายถึงผู้นำอิหร่าน หวังชักแม่น้ำทั้ง 5 เพื่อทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายสำคัญลำดับต้นๆ ในด้านนโยบายการทูตของ บารัค โอบามา

ส.ว. รีพับลิกัน 47 คน รวมถึงบรรดาตัวเก็งที่คาดว่าจะลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ได้ส่งจดหมายเตือนรัฐบาลอิหร่านว่า ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ลักษณะใดก็ตามที่พวกเขาคิดจะทำกับวอชิงตันในเวลานี้อาจถูกฉีกทิ้งหลังจาก โอบามา พ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้า

เนื้อความในจดหมายของรีพับลิกันบอกในทำนองว่า อิหร่าน “ไม่เข้าใจระบบรัฐธรรมนูญอเมริกาดีพอ” และข้อตกลงนิวเคลียร์ที่พวกเขาคิดจะทำร่วมกับวอชิงตันเวลานี้ก็จะเป็นแค่ข้อตกลงระดับฝ่ายบริหารระหว่าง “ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับ อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี” เท่านั้น

“เพียงแค่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ตวัดปลายปากกา ข้อตกลงก็จะสิ้นสภาพทันที และสภาคองเกรสชุดใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะปรับแก้เงื่อนไขข้อตกลงอย่างไรก็ได้” จดหมายของ ส.ว. รีพับลิกัน ระบุ

โอบามา กล่าวติเตียนการกระทำที่ผิดมารยาทการเมืองของฝ่ายค้านว่า “ดูเหมือนสมาชิกสภาคองเกรสบางคนคิดจะร่วมมือกับพวกสุดโต่งในอิหร่านเสียเอง... ช่างเป็นพันธมิตรที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย”

รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน อดีต ส.ว. ผู้มีประสบการณ์ทำงานในสภาคองเกรสมานานหลายสิบปี ชี้ว่า การกระทำมุทะลุของ ส.ว. รีพับลิกันกลุ่มนี้จะทำให้สหรัฐฯ ต้องตกที่นั่งลำบาก

“จดหมายที่ ส.ว. รีพับลิกันทั้ง 47 คนส่งถึงสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเมื่อวันที่ 9 มีนาคม แสดงถึงความจงใจที่จะบั่นทอนอำนาจของประธานาธิบดี ในห้วงเวลาที่กำลังมีการเจรจาปัญหาละเอียดอ่อนระหว่างประเทศ การกระทำเช่นนี้ไม่สมกับเกียรติภูมิของสถาบันที่ผมให้ความเคารพนับถือเลย”

“จดหมายฉบับนี้อ้างรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ฝ่ายบริหารปฏิบัติกันมานานกว่า 200 ปี และถือเป็นการข่มขู่ที่อาจบั่นทอนอำนาจของประธานาธิบดีคนต่อๆ ไปซึ่งจะต้องเจรจากับต่างชาติในนามของสหรัฐฯ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมาจากพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ตาม... จดหมายฉบับนี้กำลังสื่อความอย่างผิดๆ ไปยังมิตรและศัตรูของเราว่า ผู้นำสูงสุดของสหรัฐฯไม่มีสิทธิ์ที่จะให้คำมั่นสัญญาในนามของประเทศ ซึ่งไม่ถูกต้องและอันตรายอย่างยิ่ง... ผู้มีเกียรติทั้งหลายอาจจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล แต่ที่ทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้อเมริกาปลอดภัยหรือแข็งแกร่งขึ้นเลย”

ก่อนหน้านี้ ผู้นำพรรครีพับลิกันก็ได้หักหน้า โอบามา ด้วยการเชิญนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าต่อต้านการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านแบบสุดลิ่มทิ่มประตู มากล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาคองเกรส

ผู้นำยิวซึ่งจะเผชิญศึกเลือกตั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเตือนว่า เงื่อนไขข้อตกลงไม่เพียงไม่สามารถปิดกั้นอิหร่านจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่อาจจะเป็น “สิ่งรับประกันให้อิหร่านผลิตอาวุธเหล่านั้นสำเร็จ และมากมายเสียด้วย”

การเจรจาระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่สหรัฐฯ, รัสเซีย, จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี เดินทางมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องบรรลุกรอบความตกลงเบื้องต้นภายในสิ้นเดือนมีนาคม เพื่อนำไปสู่การทำข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ซึ่งอิหร่านจะถูกจำกัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ตะวันตกก็จะยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเป็นการแลกเปลี่ยน

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะหารือกับ โมฮัมเหม็ด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านครั้งถัดไปในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ณ นครโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พรรครีพับลิกันหรือแม้กระทั่งสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนหวั่นเกรงว่าข้อตกลงเช่นนี้จะทำให้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านหละหลวมลงไป ทั้งยังไม่อาจรับรองได้ 100% ว่าอิหร่านจะไม่ลักลอบพัฒนานิวเคลียร์ต่อไปอย่างลับๆ

โอบามา ระบุว่า รัฐบาลของเขาต้องการดึงอิหร่านมาร่วมทำข้อตกลงกับนานาชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าอิหร่านจะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติต่อไปโดยไม่ล้ำเส้นไปสู่การผลิตอาวุธทำลายล้างสูง

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับจดหมายเตือนของพรรครีพับลิกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ ในโลกนั้นขึ้นอยู่กับพันธะสัญญาและเจตนารมณ์ระดับนานาชาติ “ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในประเทศของสหรัฐฯ” และหากในอนาคตสหรัฐฯ คิดจะฉีกสัญญาที่ทำไว้ ก็เท่ากับละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

อิหร่านยืนยันมาตลอดว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำพลังงานมาใช้ประโยชน์ในด้านพลเรือนเท่านั้น


Weekend Focus:

 

ข่าวดีท่านชาย!!แพทย์แอฟริกาใต้ผ่าตัดปลูกถ่าย'องคชาต'สำเร็จครั้งแรกของโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 00:05 น.



คณะผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลทีเกอร์เบิร์กและมหาวิทยาลัยสเตลเลนบอสช์ แถลงความสำเร็จปลูกถ่ายอวัยวะเพศชาย

รอยเตอร์ - คณะแพทย์แอฟริกาใต้ ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะเพศชายเป็นครั้งแรกของโลก หลังผลการผ่าตัดปลูกถ่ายจ้าวโลกแก่เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งองคชาตขาดจากพิธีกรรมขลิบผ่านพ้นไปด้วยดี โรงพยาบาลเปิดเผยในวันศุกร์(13มี.ค.) ขณะที่เป้าหมายต่อไปอาจขยายสู่ท่านชายที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศ

การปลูกถ่ายอวัยวะที่ใช้เวลานานถึง 9 ชั่วโมงเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งของการศึกษานำร่องโดยโรงพยาบาลทีเกอร์เบิร์ก ในเมืองเคปทาวน์และมหาวิทยาลัยสเตลเลนบอสช์ เพื่อช่วยเหล่าท่านชาย หลังพบว่าแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตหรืออวัยวะเพศขาดเป็นจำนวนมากจากการขลิบที่ผิดพลาด

"มันเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก สำหรับคนหนุ่มอายุ 18 ถึง 19 ปี หากต้องมาสุญเสียอวัยวะเพศไป ก็คงจะบอบช้ำทางจิตใจอย่างหนัก" อังเดร ฟาน เดอร์ เมอร์เว หัวหน้าแผนกระบบปัสสาวะของมหาวิทยาลัยสเตลเลนบอสช์ ซึ่งเป็นผู้นำการผ่าตัดครั้งนี้ระบุในถ้อยแถลง

คนไข้ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากเหตุผลด้านจรรยาบรรณ เกิดอวัยวะเพศขาดเมื่อ 3 ปีก่อนตอนอายุ 21 ปี หลังมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงอันเป็นผลจากขลิบตามประเพณี พิธีกรรมชนเผ่าที่ส่งผ่านสู่ความเป็นลูกผู้ชาย

คุณหมออังเดร ฟาน เดอร์ เมอร์เวบอกต่อว่าคนไข้วัยหนุ่มนี้คืนสู่ความเป็นชายอย่างสมบูรณ์แล้ว พร้อมระบุท้ายที่สุดแล้ววิธีการนี้จะขยายสู่กลุ่มท่านชายที่สูญเสียองคชาตจากโรคมะเร็ง หรือไม่อาจจะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างร้ายแรง "รูปแบบของการผ่าตัดนี้มีความจำเป็นใหญ่หลวงในแอฟริกาใต้มากกว่าที่ไหนๆในโลก เนื่องจากแต่ละปีมีคนหนุ่มจำนวนมากที่ต้องสูญเสียอวัยวะเพศ สืบเนื่องจากโรคแทรกซ้อนจากการขลิบตามประเพณี"

ถ้อยแถลงของมหาวิทยาลัยบอกว่าการค้นหาผู้บริจาคอวัยวะคือหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงของการศึกษา สุดท้ายก็มาได้ผู้เสียชีวิตคนหนึ่งซึ่งบริจาคอวัยวะของตนเองเพื่อการปลูกถ่าย แพทย์รายนี้เผยโดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม

แต่ละปีชายหนุ่มหลายพันคน ส่วนใหญ่จากชนเผ่า Xhosa ในแอฟริกาใต้ ต้องเข้ารับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตามประเพณีดั้งเดิม โดยผู้เชี่ยวชาญคาดหมายว่าในนั้นจะมีผู้สูญเสียองคชาตจากโรคแทรกซ้อนราวๆ 250 คน


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000029879

 

Kaokala Fc
14 มี.ค. หนักเกินคาด! พายุไซโคลน 'แพม' ความเร็วลม 340 กม./ชม. ถล่มวานูอาตู อ่วม ตายแล้วกว่า 40 ศพ ระบบสื่อสารล่มทั้งประเทศ



พายุไซโคลน "แพม" ถล่มยับ เมืองหลวงของวานูอาตู ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ สร้างความเสียหาย รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 40 ราย บ้านเรือนพังเสียหายเพียบ

เมื่อ 14 มี.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าอิทธิพลของพายุไซโคลนเขตร้อน (Tropical Cyclone) "แพม" (Pam) กำลังรุนแรงมาก ได้เคลื่อนตัวพัดถล่มกรุงพอร์ต วิลา เมืองหลวงของสาธารณรัฐวานูอาตู ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานยูนิเซฟ ของสหประชาชาติ ได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ รายงานความรุนแรงของไซโคลนแพม ว่า ได้สร้างความเสียหายรุนแรงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และจำเป็นต้องการความช่วยเหลือครั้งใหญ่ เนื่องจากบ้านเรือนของประชาชนจำนวนมากพังเสียหาย จึงต้องการทั้งเต็นท์ที่พัก อาหาร และน้ำ อย่างเร่งด่วนในเบื้องต้น

ด้านสำนักข่าวเอบีซี ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ห่างจากวานูอาตูไปทางตะวันตก ราว 1,760 กม. รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชน ถึงความรุนแรงของพายุไซโคลนแพมว่า ได้พัดถล่มกรุงพอร์ต วิลา ด้วยความเร็วลมสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ถึง 340 กม./ชม. เป็นเหตุให้ระบบการติดต่อสื่อสารล่มทั้งประเทศ จึงยากต่อการทราบความเสียหายและสถานการณ์ที่แท้จริงได้

หนักเกินคาด! พายุไซโคลน 'แพม' ถล่มวานูอาตู อ่วม ตายแล้วกว่า 40 ศพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc
14 มี.ค. ชิลีเผชิญไฟป่ารุนแรง อพยพปชช.อย่างน้อย 5,400 คน



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซันติอาโก ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่ากระทรวงมหาดไทยชิลีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองวัลปาราอิโซและวีญา เดล มาร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตะวันตกตอนกลางของประเทศ ห่างจากกรุงซันติอาโกราว 120 กิโลเมตร พร้อมทั้งอพยพประชาชนล่วงหน้าแล้วอย่างน้อย 5,400 คน สืบเนื่องจากการเกิดไฟป่ารุนแรงในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม การที่ไฟป่ามีแนวโน้มขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มอีกเป็น 15,000 คนในอนาคตอันใกล้นี้ กระนั้นยังไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

ชิลีเป็นประเทศที่ประสบกับไฟป่าเป็นประจำในช่วงเดือนมี.ค. แต่สถานการณ์ในปีนี้ส่อเค้ารุนแรง เนื่องจากสภาพอากาศแล้งจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อวัลปาราอิโซยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากไฟป่าครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ และบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 2,000 หลัง

http://www.dailynews.co.th/…/fo…/307400/ชิลีเผชิญไฟป่ารุนแรง

 

Chamai Nong Dungkaew ได้แชร์รูปภาพของ เตือนภัย พิบัติโลก

'13/3/2015 เตือน!! ชิ้นส่วนจรวดอินเดียตกทะเลใกล้ไทย เรือ-เครื่องบินเลี่ยงเข้าพื้นที่



GISTDA เผยชิ้นส่วนจรวดอินเดียหนัก 5.4 ตันตกใกล้กับภาคใต้ของประเทศไทย เตือนเรือและเครื่องบินเลี่ยงเข้าใกล้จุดตก 9 มี.ค. - 8 เม.ย. นี้

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก GISTDA ว่า องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) แจ้งกำหนดการส่งดาวเทียมสำรวจอวกาศดวงแรกของประเทศ ซึ่งนำส่งด้วยจรวด PSLV-C27 จากศูนย์อวกาศสตีศธวัน บนเกาะศรีหริโกฎา สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 9 มีนาคม ถึงวันที่ 8 เมษายน 2558 โดยมีวิถีการนำส่งดาวเทียมพาดผ่านน่านฟ้าจากมหาสมุทรอินเดียไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก

ซึ่งทาง GISTDA ได้ทำแผนที่โดยใช้ข้อมูลจากทางการอินเดีย แสดงให้เห็นวิถีของจรวดนำส่งดาวเทียม ที่พาดผ่านอ่าวเบงกอล ทะเลอันดามัน และ จ.พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง โดยระบุว่าจะมีชิ้นส่วนจรวดนำส่งดาวเทียม 7 ชิ้นตกมายังพื้นโลก โดยคาดว่าชิ้นส่วนที่ 6 จะตกใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด ในบริเวณทะเลอันดามัน ห่างจากชายฝั่ง จ. พังงา ราว 260 กิโลมเตร

ทั้งนี้ จึงขอให้ยานพาหนะ อาทิ เรือหรือเครื่องบิน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงเวลาที่กำหนด แต่สำหรับพื้นที่บนบกนั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมการใดๆ เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นที่ที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะติดตามและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลอินเดียถึงเวลาการปล่อยจรวดที่แน่นอน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ต่อไป
ข่าวเตือน!! ชิ้นส่วนจรวดอินเดียตกทะเลใกล้ไทย เรือ-เครื่องบินเลี่ยงเข้าพื้นที่'

 

พู่กัน ทอง ผ่าน เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก

แหกกฏธรรมชาติ!!! สุดยอดการ "ตัดต่อพันธุ์กรรม" จนเกิดสิ่งมีชีวิตอันพิสดาร !!!
2015-03-14 17:00:36 | อ่าน : 787 tag : ตัดต่อพันธุกรรม จีเอ็มโอ พัฒนาสายพันธุ์ สุดยอดการตัดต่อพันธุ์กรรม



คงปฏิเสธกันไม่ได้ ว่ายุคนี้สมัยนี้ อะไรๆก็เป็นอันต้องตัดต่อพันธุกรรมไปเสียหมด อาจเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆให้แข็งแรงหรือดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน คุณรู้หรือไม่ว่า การตัดต่อพันธุกรรมสุดพิสดารแหกกฏธรรมชาติทุกสิ่งที่เราเคยได้รับรู้มา แบบนี้ก็มีนะเออ !!

1.กะหล่ำปลีพิษแมงป่อง (Venomous cabbage)

กะหล่ำปลีสายพันธุ์ใหม่นี้ มีความพิเศษอยู่ที่ ตัวของมันจะมีพิษของแมงป่องซึ่งเอาไว้ป้องกันตัวเองจากศัตรูพืช ที่เข้ามากัดกินทำให้เกษตรกรเสียหาย แต่เมื่อนำมาปรุงอาหารแล้ว พิษจะไม่ส่งผลเสียต่อผู้รับประทานหรอกนะ

2.วัวผลิตน้ำนมคน (Human milk from cow)

นมวัวที่ออกมาจากวัวตัวนี้ จะไม่มีจุลินทรีย์และทำให้น้ำนมที่ออกมาไร้เชื้อโรคและเชื้อรา จนนับได้ว่ามีความสะอาดอย่างมากเลยทีเดียว

3.ยุงสายพันธุ์ใหม่ปลอดไข้มาลาเรีย (GM mosquito)

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยุง เป็นพาหะของโรคมาลาเรียที่ร้ายแรงที่สุด นักวิทยาศาสตร์จึงทำการดัดแปลงพันธุกรรมให้ มียุงที่ปลอดไข้มาลาเรียเกิดขึ้น เพื่อให้ยุงสายพันธุ์นี้ไปผสมพันธ์กับยุงสายพันธุ์ที่เป็นพาหะ เพื่อเพิ่มปริมาณยุงที่ไม่เป็นพาหะนั่นเอง

4.หมูเรืองแสง (Glow in the Dark Pigs)
เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า หมูมีเนื้อเยื่อคล้ายกับมนุษย์มากที่สุด ซึ่งการทดลองดังกล่าวก็เป็นไปได้ด้วยดี หลังจากนี้เราคงมียารักษาอะไรดีๆ เกี่ยวกับผิวหนังและเนื้อเยื่อของมนุษย์ออกมาให้ได้ติดตามกันต่อไป

 

ค้นพบ "น้ำพุร้อน " บนดวงจันทร์ดาวเสาร์ บ่งชี้ว่า อาจมีจุลชีพอาศัยอยู่ (ชมคลิป)
updated: 13 มี.ค. 2558 เวลา 22:30:40 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



https://www.youtube.com/watch?v=h8VO3fmm12s

ยานอวกาศนาซายืนยัน ใต้ผืนน้ำแข็งของดวงจันทร์ เอ็นซีลาดัส มีปล่องน้ำร้อน สนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่า บนพื้นผิวบริวารดาวเสาร์ดวงนี้อาจมีจุลชีพอาศัยอยู่

ฌอน ซู นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด เมืองโบลเดอร์ รายงานในนิตยสาร Nature ว่า ละอองเม็ดทรายที่พ่นออกสู่ห้วงอวกาศเป็นสิ่งบ่งบอกว่าดวงจันทร์ เอ็นซีลาดัสมีปล่องน้ำร้อน

แร่ซิลิกาดังกล่าวพวยพุ่งขึ้นจากทะเล ซึ่งแฝงตัวอยู่ข้างใต้เปลือกนอกที่เป็นน้ำแข็งของดวงจันทร์ของดาวเสาร์ดวงนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันการค้นพบน้ำพุร้อนนอกโลก ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมอันอบอุ่นที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต เอ็นซีลาดัสดูคล้ายลูกบอลน้ำแข็ง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 500 ก.ม. เปลือกนอกที่ราบเรียบปรากฏร่องสันเป็นลอนคลื่น และมีรอยชนของวัตถุจากอวกาศ

ที่ขั้วใต้ มีผลึกน้ำแข็งพวยพุ่งคล้ายน้ำพุ ผุดขึ้นจากมหาสมุทรซึ่งอยู่ลึกใต้พื้นผิว มีความลึกราว 10 ก.ม. มีขนาดเท่าทะเลสาบซูพีเรีย ซึ่งเป็นทะเลน้ำจืดใหญ่อันดับสองของโลก เหตุที่น้ำยังคงสภาพเป็นของเหลวได้ในท่ามกลางอุณหภูมิเย็นจัดของระบบสุริยะชั้นนอก เป็นเพราะปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง อันเป็นผลจากแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์

ที่ผ่านมา ยานแคสซินี-ไฮเกนส์พบละอองเล็กๆในน้ำพุร้อนที่พ่นขึ้นมาจากทะเลของเอ็นซีลาดัส นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามหาคำอธิบายว่า มันคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร ทีมวิจัยของซู ได้ศึกษาองค์ประกอบทางเคมี พบว่า มันคือซิลิกา ซึ่งเป็นธาตุที่พบในแร่ควอทซ์และทรายบนโลก

ภาพจำลองด้วยคอมพิวเตอร์กับผลตรวจทางแล็บ ให้คำตอบว่า มีน้ำร้อนจัดอย่างน้อย 90 องศาเซลเซียส มีสภาพเป็นด่างเล็กน้อย มีซิลิกาเจือปนในปริมาณสูง พวยพุ่งขึ้นจากหินที่เป็นรูพรุน แล้วสัมผัสกับน้ำที่เย็นกว่าบนพื้นมหาสมุทร อุณหภูมิที่ลดฮวบทำให้ธาตุซิลิกาก่อตัวเป็นเม็ด แล้วถูกพ่นออกจากขั้วใต้พร้อมกับน้ำ ซึ่งแข็งตัวในทันทีที่สัมผัสกับอวกา

ที่มา : voice tv
แหล่งข้อมูลและภาพ : AFP
คลิปวิดิโอ: BBC News


อ่านบทความเพิ่มเติม : timeslive.co.za

ค้นพบ "น้ำพุร้อน " บนดวงจันทร์ดาวเสาร์ บ่งชี้ว่า อาจมีจุลชีพอาศัยอยู่ (ชมคลิป) : ประชาชาติธุ

 

สื่อยุโรปลือสะพัด!ปูตินหายหน้าไปเฝ้ากิ๊กสาวคนสวยคลอดลูก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 03:02 น.


@วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กับ อลิน่า คาบาเยว่า ที่ถูกซุบซิบว่าเป็นคู่ควงของผู้นำรายนี้

เอเอฟพี/บิสเนสอินไซเดอร์ - โฆษกเมื่อวันศุกร์(13มี.ค.) รุดปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดในสื่อมวลชนยุโรป ว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับวลาดิมีร์ ปูติน ได้ให้กำเนิดบุตรที่เกิดกับประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นการคำตอบถามว่าทำไมผู้นำรายนี้ถึงหายหน้าหายตาไปจากสาธารณะอย่างผิดปกติ

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของปูติน ปฏิเสธข่าวลือว่าผู้นำรายนี้ได้ต้อนรับบุตรที่เกิดระหว่างเขากับอลิน่า คาบาเยว่า อดีตนักกีฬายิมนาสติกโอลิมปิกซึ่งตกเป็นข่าวซุบซิบมานานว่าเป็นกิ๊กสาวของปูตินตั้งแต่ก่อนหย่าขาดภรรยา ท่ามกลางการหายหน้าไปจากสาธารณะนาน 8 วันของผู้นำรายนี้

"ข่าวคราวที่บอกว่ามีเด็กเกิดกับวลาดิมีร์ ปูติน ไม่เป็นความจริง" เปสคอฟ กับฟอร์บส์ รัสเซีย พร้อมประชดว่า "ผมกำลังวางแผน คงต้องขอให้ใครสักคนที่พอมีเงิน จัดการแข่งขันโป้ปดมดเท็จยอดเยี่ยมเสียหน่อยแล้ว"

ในปี 2013 ปูติน ประกาศผ่านการออกอากาศสดทางโทรทัศน์ว่าเขาอย่าขาดกับลุดมีลา ภรรยาที่อยู่กินมานานกว่า 29 ปี และไม่นานหลังจากนั้นก็มีข่าวลือว่าเขากำลังเดทอยู่กับ คาบาเยว่า วัย 32 ซึ่งเกิดในปีเดียวกับที่ผู้นำรัสเซียรายนี้แต่งงานกับอดีตภรรยา

รายงานของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ อ้างว่าคาบาเยว่าและปูติน อูาในติซิโน สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ให้มาใช้บริการโรงพยาบาลโซเรนโกในแดนนาฬิกา

บนทวิตเตอร์ของชาวรัสเซีย เต็มไปด้วยข้อความคาดเดาต่างๆนานาว่าบุรุษเหล็กวัย 62 ปีรายนี้หายหน้าหายตาไปไหน หลังจากเขายกเลิกการประชุมหลายครั้งในสัปดาห์นี้ จนสื่อมวลชนแห่งรัฐต้องออกอากาศเทปบันทึกภาพที่ปูติน กำลังประชุมกับผู้พิพากษาศาลฎีกา ณ บ้านพักส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกกรุงมอสโก ในวันศุกร์(13มี.ค.) เพื่อส่งสัญญาณว่าทุกอย่างยังปกติ

ปูติน ปรากฎตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ขณะแถลงข่าวร่วมกับนายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และเทปบันทึกภาพเกี่ยวกับกิจกรรมของเขาที่เผยแพร่โดยเครมลินตั้งแต่นั้น มีการกล่าวอ้างว่าเป็นของเก่าบันทึกไว้นานแล้ว

ข่าวลือที่แพร่สะพัดตลอดสัปดาห์นี้ ยังพุ่งเป้าไปที่ปัญหาสุขภาพของปูติน แต่ทางโฆษกของประธานาธิบดีปฏิเสธ "ไม่มีอะไรต้องกังวล ท่านแข็งแรงดี" เปสคอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นเมื่อวันพฤหัสบดี(12มี.ค.) "ปูติน ง่วนอยู่กับวิกฤตเศรษฐกิจรัสเซีย มีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกการประชุมที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ"


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000029910

 

ปอกเปลือก ทรราช
ความลับถูกเปิดเผย : ซีไอเอมีเอี่ยวอัลเคดาเงินเรียกค่าไถ่อัลเคดาจากอัฟกานิสถานแลกตัวทูต



-------------------
โอล่ะพ่อ... เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งลงข่าวแฉเบื้องหลังการจับตัวนักการทูตอัฟกานิสถานในปี 2008 โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลเคดาและไซอีเอเพื่อเรียกค่าไถ่จากรัฐบาลอัฟกานิสถานถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.6 ร้อยล้านบาท)
ตามรายงานข่าวบอกว่า ในปี 2008 นาย Abdul Khaliq Farahi เจ้าหน้าที่กงสุนใหญ่ของอัฟกานิสถานประจำกรุงเปศวาร์ (Pehsawar) ทางตะวันออกของปากีสถานถูกลักพาตัวโดยมือที่มองไม่เห็น จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลเคดา ในตอนแรกทางอัลเคดาเรียกร้องให้รัฐบาลอัฟกานิสถานปล่อยตัวสมาชิกผู้ก่อการร้ายที่เป็นผู้ชายซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศอัฟกานิสถานเท่านั้นไม่ได้รวมถึงบางคนที่ถูกควบคุมตัวและดำเนินคดีอยู่ในอเมริกาเพื่อแลกกับตัวประกัน แต่ทางรัฐบาลอัฟกานิสถานในสมัยนั้นปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
การติดต่อเจรจากันระหว่างสองฝ่ายนี้กระทำผ่านเครือข่ายกลุ่มกบฎ Haqqani (และซีไอเอ?) ที่ก่อสงครามต่อสู้กับนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯและรัฐบาลอัฟกานิสถาน หลังจากที่รัฐบาลอัฟกานิสถานปฏิเสธแลกตัวประกันแล้วก็ได้เสนอเงื่อนไขใหม่ไปว่าจะจ่ายเป็นเงินเรียกค่าไถ่แทนจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2010
จากหลักฐานที่พบในจดหมายและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ทางหน่วยซิลของสหรัฐฯรวบรวมมาได้ในการบุกเข้าสังหารบินลาเดนในปี 2554 ที่ปากีสถานพบว่า เงินเรียกค่าไถ่จำนวน 2 ล้านเหรียญฯ ได้ถูกส่งไปให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลเคดาในช่วงเวลาอันสั้น จากข้อความในจดหมายที่นาย Atiyah Abd al-Rahman หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มอัลเคดาที่เขียนถึงบินลาเดนบอกว่าได้กำหนดจำนวนเงินเรียกค่าไถ่ที่จะนำมาใช้ซื้ออาวุธเสริมกองกำลังของพวกเขาแล้ว และเงินดังกล่าวก็จะนำไปจ่ายให้กับครอบครัวของสมาชิกอัลเคดาที่ติดคุกอยู่ในอัฟกานิสถาน
แต่บินลาเดนเกรงว่าอาจจะเป็นกับดักของพวกซีไอเอที่อาจจะทายาพิษหรือติดตั้งเครื่องติดตามไว้ที่เงินก็ได้ จากนั้นก็ใช้โดรนติดตามเงิน จึงไม่ใช้วิธีรับเงินสด แต่ใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีผ่านทางธนาคารแทนและมีการเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศของประเทศอื่นถึงสองครั้งในสองธนาคาร จากนั้นค่อยไปถอนออกมาเป็นเงินสดในภายหลัง แต่ถ้าโอนเข้าบัญชีของบินลาเดนหรือกลุ่มอัลเคดาโดยตรงก็จะถูกติตตามเส้นทางเงินได้
พวกอัลเคดาก็ใช้วิธีให้ทางประธานธิบดีของอัฟกานิสถานเปิดบัญชีธนาคารขึ้นมาใหม่หลายบัญชีแทน จากนั้นสันนิษฐานว่าจะให้พวกอัลเคดาไปกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มตามจุดต่างๆแทน แล้วเงินก็หายเข้ากรีบเมฆอย่างไร้ร่องรอย และไปรวมกันที่อัลเคดาอีกครั้ง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2010 ทางอัลเคด้าแจ้งบินลาเดนว่าได้รับเงินค่าไถ่แล้วจากนั้นก็ปล่อยตัวประกัน แล้วบินลาเดนตัวละครที่ซีไอเอสร้างขึ้นมาก็ถูกตามล่าจนเสียชีวิตในที่สุด
สำนักข่าวฝั่งตะวันตกมองว่าเงินที่ทางรัฐบาลจ่ายเป็นค่าไถ่ให้กับกลุ่มอัลเคดานั้นมาจากเงินของซีไอเอ และเย้ยว่าก็ไหนว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะไม่เจรจากับโจรเรียกค่าไถ่ไง แล้วทำไมถึงคอยส่งเงินไปให้รัฐบาลอัฟกานิสถานเพื่อจ่ายค่าไถ่อยู่ตั้งหลายครั้งขนาดนั้น กรณีซีไอเอออกมาปฏิเสธความเห็นดังกล่าว ที่บอกว่าซีไอเอจ่ายเงินให้อัฟกานิสถานเพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าไถ่นั้นก็ไม่ใช่โดยตรง แต่จากงบประมาณจำนวนหลายแสนล้านเหรียญฯที่ทางกองทัพของสหรัฐฯและนาโต้ที่ใช้ในการสร้างสงครามในอัฟกานิสถานนั่นแหละ
ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือนักการเมืองของอัฟกานิสถานและซีไอเอรวมหัวกันสร้างเคสนี้ขึ้นมา (จับตัวประกันเรียกค่าไถ่) เพื่อจะได้มีส่วนแบ่งหัวคิวในเงินค่าไถ่นั้น ในขณะที่บางมุมมองบอกว่านี่เป็นการตบทรัพย์จากอัฟริกาโดยพวกซีไอเอต่างหาก อันนี้ก็เป็นไปได้เช่นกัน ตอนแรกทางอเมริกาก็บอกว่าบินลาเดนเป็นพวกตาลีบันซึ่งเป็นผู้ก่อการร้าย จึงยกทัพไปล้างแค้นกรณี 9/11 ถล่มอัฟกานิสถานซะราบพนาสูญ จากนั้นรัฐบาลสหรัฐฯโดยนายโอบามาก็ออกมาบอกว่ากลุ่มตาลีบันไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายแต่เป็นเพียงกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงเท่านั้น คราวนี้ก็ออกมาเขียนเรื่องใหม่ว่าบินลาเดนกับกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดาเป็นพวกเดียวกันหรือสมคบคิดกัน มันยังไงหละนี่? ก็บอกไปตรงๆซะเลยสิว่าทั้งอัลเคดา ตาลีบัน ไอเอส กบฎซีเรีย และซีไปเอต่างก็เป็นพวกเดียวกันทั้งนั้น เขาจะได้เอาไปเขียนเป็นหนังสือนวนิยายแล้วเอามาสร้างเป็นหนังฮอลลิวูดมันๆอีกเรื่องหนึ่ง
ป.ล. ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริงต้องไปถามญี่ปุ่น เพราะพวกผู้ก่อการร้ายนิยมใช้รถกะบะยี่ห้อหนึ่งของญี่ปุ่นเป็นพาหนะหลักในกองกำลังของพวกเขา กรณีนี้ญี่ปุ่นจะถูกแซงชั่นข้อหาสนับสนุนผู้ก่อการร้ายด้วยหรือเปล่าหนอ?
The Eyes
15/03/2558
--------------
http://www.nytimes.com/…/cia-funds-found-their-way-into-al-…
http://uk.reuters.com/…/uk-afghanistan-alqaeda-cia-idUKKBN0…
http://www.nydailynews.com/…/secret-cia-payments-afghan-gov…
Declassified Documents: CIA Helped Fund al Qaeda via Afghan Government / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช



มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศสูงขึ้น $500 ล้านในรัสเซียในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา, เงินรูเบิลปรับค่าแข็งค่าขึ้น, ฝรั่งเศสอ้อนรัสเซียขอจองโครงการฟื้นฟูระบบธนาคารในยูเครนตะวันออก ฯลฯ
-------------------
+ เรื่องเศรษฐกิจรัสเซียกำลังดีขึ้น
-------------------
หันมาดูด้านเศรษฐกิจ... ของรัสเซียบ้างครับ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ที่ผ่านมาทางธนาคารของรัสเซียได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 14% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 15% ในช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ของไทยก็ลดลงเช่นกันโดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4:3 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00% มาอยู่ที่ 1.75%
ในกรณีของรัสเซียนั้น ก็เพื่อต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศ จากการสำรวจของสถาบันวิจัยด้านการเงินฉุกเฉิน (EPFR) พบว่าในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในรัสเซียถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) แม้ว่ารัสเซียจะอยู่ถูกแซงชั่นจากสหรัฐฯอียูและพันธมิตรของสหรัฐฯก็ตาม นักเคราะห์ได้มองว่า "สืบเนื่องจากสถานการณ์การเมืองเชิงภูมิศาสตร์ในยูเครน (ตะวันออก)เริ่มมีเสถียรภาพมาขึ้น บวกกับค่าน้ำมันที่เริ่มทรงตัวและค่าเงินรูเบิลปรับตัวแข็งค่าขึ้น นักลงทุนจากต่างชาติเริ่มแสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในรัสเซียมากขึ้น"
เขาไม่ได้บอกว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นหรือลดลงกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ดูแล้วก็เป็นกระแสที่ดีต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย เพราะเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว
+ เรื่องฝรั่งเศสจองโครงการฟื้นฟูระบบธนาคารในยูเครนตะวันออก
-------------------
อันนี้สิน่าสนใจกว่า ฝรั่งเศสนี่มองการณ์ไกลได้ดีมาก และเร็วกว่าคนอื่นด้วย เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.58) รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศสยกหูโทรศัพท์ถึงรมว.ต่างประเทศของรัสเซียบอกว่า ฝรั่งเศสยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูระบบธนาคารในภูมิภาคดอนบาสส์เพื่อช่วยเหลือพลเมืองชาวตะวันออกของยูเครนที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบในสงครามที่ผ่านมา งานนี้ฝรั่งเศสขอจองโครงการนี้ไว้ก่อนเลย ตามข้อตกลงที่กรุงมินส์กนั้นฝรั่งเศสกับเยอรมันนีไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ตกเป็นของใครอยู่แล้วบอกไว้ว่าทั้งสองประเทศจะรับเหมางานนี้เอง
แต่ที่มันเจ๋งก็คือฝรั่งเศสไม่ได้ขอเหมาโครงการนี้จากโปโรเชนโก้นะสิ แต่กลับมาขออนุญาตจากปูตินซะงั้น ทั้งๆที่ตามกฎหมายแล้วทั้งโดเนทส์กและลูฮานส์กยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนอยู่ ซึ่งไม่เหมือนกับกรณีของไคร์เมีย ที่ตอนนี้กลับมารวมเข้าเป็นแผ่นดินเดียวกันกับรัสเซียแล้ว แม้สหรัฐฯจะบอกว่าไม่ยอมรับก็ตาม แทนที่ฝรั่งเศสจะไปขออนุญาตโครงการนี้จากยูเครนกลับมาขอจากปูตินซะงั้น ฮั่นแน่.... แสดงว่าทั้งฝรั่งเศสและเยอรมันรู้แล้วสิว่ายังไงซะทั้งสองแคว้นนี้ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือแยกตัวปกครองอิสระจากยูเครนได้แน่นอน มีหรือฝั่งรัสเซียจะรอช้า รมว.รัสเซียก็รีบนำเอาพูดของฝรั่งเศสโพสต์ขึ้นโชว์บนเว็บไซต์ของรัสเซียเย้ยอเมริกากับยูเครนซะเลย
+ เรื่องต่ออายุแซงชั่นรัสเซีย
-------------------
ส่วนกรณีแซงชั่นรอบใหม่เมื่อวันที่ 14 มี.ค.58 ที่ผ่านมานั้น ทางอียูถูกสหรัฐฯบีบหนัก เลี่ยงไม่ได้ จำใจต้องต่ออายุการห้ามการท่องเที่ยวและอายัดสินทรัพย์ของนักการเมืองฝั่งรัสเซียและที่อาศัยอยู่ในยูเครนตะวันออกบางรายที่กำลังจะหมดอายุในวันนี้ (15 มี.ค.58) ขยายออกไปอีก 6 เดือน พวกที่ถูกแซงชั่นภายใต้มาตรการนี้บอกว่าจิ๊บๆ ของๆเรายังไงก็เป็นของๆเราอยู่วันยังค่ำ พอแซงชั่นเราไปนานเขาเหนื่อยเขาก็จะเลิกเองหละ อย่าไปสนใจเลย อเมริกาไม่อยากคบแต่ยังมีอีกหลายรายที่อยากคบกับรัสเซีย
ส่วนการแซงชั่นด้านเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร พลังงาน และด้านการป้องกันประเทศจะหมดอายุในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ (อีก 4 เดือน) อันนี้หละที่กำลังทำให้อียูเสียงแตก และทำให้อเมริกาถึงกับเป็นเดือดปุดๆขึ้นมาทันทีที่มีบางประเทศออกมาพูดสนับสนุนรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุแซงชั่นรอบใหม่ภายใต้มาตรการนี้ โดยทางอเมริกาบอกว่าคุยกันในเวทีใหญ่ในที่ประชุมอียูนั้นไม่ได้ผลแน่เพราะเถียงสู้เขาไม่ได้ อเมริกาก็เลยบอกว่าจะไปวิ่งกดดันพวกประเทศเล็กๆที่เข้าข้างรัสเซียเช่น กรีซ ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก อิตาลีเป็นต้น ในรอบนอกเองโดยจะไล่คุยเป็นรายประเทศไปเลย
ปูตินบอกว่าถ้ามีความสามารถก็ทำไปสิ แต่ขาใหญ่อย่างฝรั่งเศสและเยอรมันเริ่มจะไม่เห็นด้วยกับอเมริกาแล้วนะ ส่วนอังกฤษนั้นเดี๋ยวก็ซ้ายเดี๋ยวก็ขวา แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวปูตินฝากให้จีนช่วยกล่อมให้ก็ได้เพราะเห็นว่าพึ่งจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ร่วมกับจีนและกลุ่มประเทศเอเซียแล้วนี่นา งานนี้คุยไม่ยาก
+ เรื่องพาสปอร์ตของกลุ่มชาติพันธ์ทาทาร์ชนกลุ่มน้อยในไครเมียร์
-------------------
กรณีไคร์เมียนั้น ฝั่งสหรัฐฯออกมาผายลมทางปากอีกครั้งว่าชาวทาทาร์ (Tatar) ที่อาศัยอยู่ในไคร์เมียปฏิเสธที่จะสละหนังสือเดินทางของยูเครน (หมายความว่ายังอยากเป็นชาวยูเครนไม่อยากเป็นชาวรัสเซีย) แต่ล่าสุดนาย Sergei Aksyonov ผู้นำของไคร์เมียออกมาตบปากนังนูแลนด์ปากเสียผู้ช่วยทูตสหรัฐฯประจำอียูว่า ตอนนี้มีประชาชนชาวทาทาร์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในไคร์เมียเปลี่ยนมาถือพาสปอร์ตของรัสเซียแล้ว 97-98 เปอร์เซ็นต์
ตอนนี้ประชากรของไคร์เมียตามสำมะโนครัว (รวมทั้ง เขต Sevastopol) ภายใต้การปกครองของรัสเซียมีจำนวนทั้งสิ้น 2,342,400 คน (ตัวเลขเมื่อ 1 ม.ค.2557) ก่อนหน้านี้มีชาวทาทาร์บางส่วนประมาณ 3,000 คนเท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะยกเลิกพาสปอร์ตของตนจากยูเครนมาเป็นรัสเซีย ต่อมาเหลือเพียงประมาณ 500 กว่าคนเท่านั้นที่ยืนกรานจะไม่เปลี่ยนพาสปอร์ต จากจำนวนประชากรกลุ่มชาติพันธุ์ทาทาร์ทั้งหมดประมาณ 260,000 ที่อาศัยอยู่ในแหลมไคร์เมีย ถ้าอยากจะถือหนังสือเดินทางของยูเครนต่อไปก็ถือไป แต่อาจจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆจากรัฐเท่าเทียมคนอื่นนะ เพราะทางการถือว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ถือสัญชาติรัสเซียและก็ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย
The Eyes
15/03/2558
-----------
http://rt.com/business/240349-russia-bank-key-rate/
Russian Ruble Forecast
Foreign Investment Into Russia Grows, $500 Million in Seven Weeks of 2015 / Sputnik International
EU Journal Publishes Extended Blacklist of Russian, Ukrainian Officials / Sputnik International
France Ready to Assist in Restoration of Eastern Ukraine’s Banking System / Sputnik International
EU Extends Ukraine-Related Sanctions of Individuals to September 15 / Sputnik International
Reality Nuland Opts to Dismiss: 98% of Crimean Tatars Got Russian Passports / Sputnik International
US Continues Bilateral Talks With EU Regarding New Anti-Russia Sanctions / Sputnik International
Reality Nuland Opts to Dismiss: 98% of Crimean Tatars Got Russian Passports / Sputnik International
Victoria Nuland Talks Nonsense and Plans for War / Sputnik International

 

Jeerachart Jongsomchai



... "รัสเซียขู่ : สามารถฟ้องฝรั่งเศสได้ ถ้าไม่ส่งเรือรบใหญ่ Mistral ให้ ภายในหกเดือน"
... ช่วงสงครามนั้น ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรีบเดินหน้าจนขาขวิดทั้ง หาฐานทัพ หาเพื่อนมิตร และหา "เรือรบใหญ๋" ต้องรีบเตรียมพร้อมไว้ดีๆ อเมริการู้ว่าจะต้องเกิดสงครามตั้งแต่เข้าไปแทรกแทรงใน "ยูเครน" หลายปีก่อน เลยพยายามบีบรัฐบาล "ฝรั่งเศส" ไม่ให้ส่งเรือรบใหญ่ "Mistral" 2 ลำ ที่เซ็นสัญญาว่าต้องส่งให้รัสเซียลำแรกตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ( 2014 ) แต่ก็ไม่สามารถส่งได้
... เพราะถูกอเมริกาสร้าง "สงครามยูเครน" ขึ้นมาให้ยุโรปแตกคอกันเอง ตามมาด้วยกันแซงชั่นรัสเซีย และไม่ส่งเรือรบให้ในที่สุด ... อเมริกาขู่ฮึ่มๆอยู่ ทั้งมีระเบิดที่กลางกรุงปารีสอีก ( ที่รัฐบาลฝรั่งเศสบอกเองว่าเป็นพวก "อิลลูมินาติ" ทำ ตุรกีก็บอกว่าเป็นพวก "มอสสาด" ของอิสราเอล ด้วย ) "ฝรั่งเศส" ที่ว่าใหญ่คับซอยในยุโรป เดินไปไหนก็ไหล่ถูกำแพงข้างถนนในซอยดังเอี้ยดอาด ก็ยังต้องกลัวอเมริกากับมอสสาด ของอิสราเอล
... แต่ทาง "รัสเซีย" ก็ไม่ได้ชะล่าใจนอนกระดิกเท้าดูละครหลังข่าวเฉยๆ รมว. กลาโหมได้ออกมาขู่ว่า รัสเซียสามารถที่จะฟ้องร้องได้ ภายใน 6 เดือนนี้ คือจะเอาเรือรบที่จ่ายเงินไปแล้วมาให้ได้ จึงออกมาขู่ว่าสามารถฟ้องได้นะ
... เดือนธันวาคม 2014 ผ่านมา "ฝรั่งเศส" จึงทำได้แค่ยอมให้ทหารเรือรัสเซียไปฝึกการใช้งานของเรือได้แค่นั้นเอง แต่ไม่สามารถส่งเรือให้ได้จริงๆ ( เพราะแค่ให้ทหารรัสเซียฝึก ก็เกิดระเบิดวุ่นวายที่ปารีสแล้วในต้นปี 2015 นี้ )
... ก่อนหน้านี้ รัสเซียก็ออกมาขู่ว่า ให้เลือกเอาว่าจะส่งเรือหรือจะคืนเงินมามูลค่า 1.53 พันล้านดอลล่าร์ แต่ฝรั่งเศสก็ได้แค่ทำหน้าจ๋อยๆแล้วบอกว่า "รอให้เรื่องยูเครนสงบก่อนนะ" แต่รัสเซียเองก็ต้องเอามาใช้ตอนนี้ตอนสงครามนี่หล่ะ ใช้หลังสงครามจะได้ประโยชน์อะไร ก็เลยรอดูกันว่า รัสเซียจะฟ้องจริงหรือเปล่า
... เพราะเร็วๆนี้ "รัสเซีย" ก็ฟ้องศาลสวิสแล้วเรื่องบริษัท Rheinmetall ของ "เยอรมัน" ที่รับผลิตอาวุธเลเซอร์ไม่ยอมส่งอาวุธให้กับรัสเซีย จนสุดท้ายบริษัท Rheinmetall ต้องฟ้องเงินค่าเสียหายจากรัฐบาลเยอรมัน ( ที่ไปยอมตามก้นอเมริกันแซงชั่นรัสเซีย ) เป็นเงินกว่า 120 ล้าน ยูโรเท่าๆกับราคาสัญญาที่ทำไว้กับรัสเซีย เสียเลย เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2015 ที่ผ่านมา
... "เรือรบ" ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในสงคราม ยิ่งเรือใหญ่ๆยิ่งมีผลมาก จึงเกิดการยื้อแย่งกันให้นานที่สุด ไม่ให้อีกฝ่ายได้ไปครอง เคยมีคนฝ่ายอิงอเมริกาเคยเสนอว่าก็ซื้อเอาเรือนั้นมาแทนเรือเก่านาโต้ของแคนาดาเสียเลย แต่ก็มีปัญหาเรื่องเงินที่จะมาจ่ายแทนรัสเซีย และอาจจะทำให้รัสเซียโกรธฝรั่งเศสมากกว่าเดิมก็ได้ "ฝรั่งเศส" จึงทำได้แค่เพียง "กักเก็บ" เรือรบใหญ่ไว้ลอยน้ำเล่นเฉยๆ พรางๆ
.
http://news.usni.org/…/russia-sue-france-within-six-months-…
TASS: World - Media: German Rheinmetall claims €120 mln as compensation for breached deal with Russia
Russia to France: Give Us the Mistrals or a Refund - USNI News

 

Jeerachart Jongsomchai



... "สวีเดน : เลิกขายอาวุธให้ ซาอุดิอาระเบีย เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย"
... "สวีเดน" เป็นประเทศจากตะวันตกไม่กี่ประเทศที่มีนโยบายเป็นตัวของตัวเองเกี่ยวกับอาหรับ ทั้งซาอุดิอาระเบีย อิสราเอล อิหร่าน ปาเลสไตน์ ล่าสุด ยอมยกเลิกการ "ขายอาวุธให้ซาอุ" เพียงเพราะว่าไม่เคารพเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิสตรี
... ข่าวจาก อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษเมื่อ 12 มีนาคม 2015 ที่ผ่านมาบอกว่าทางสวีเดนยอมเสียเงินจำนวนมหาศาลทั้งๆที่ทั้งสองประเทศมีการค้าอาวุธร่วมกันมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่คราวนี้สวีเดนไม่เสียดายเงิน เพราะต้องการรักษาเรื่องจุดยืนในเรื่อง "ประชาธิปไตยและสิทธสตรี" ในเวทีโลก ( เหมือนตบหน้าอเมริกาด้วยในตัว ที่ยึดผลประโยชน์เป็นหลัก)
... โดยเมื่อไม่นานมานี้ ที่สันนิบาตอาหรับได้มีการประชุมขึ้นและนาง Margot Wallstrom รมว.ต่างประเทศต้องขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับเรื่องสิทธิสตรีด้วย แต่กลับถูกทาง ซาอุดิอาระเบียสกัดขัดขวางไว้ ทั้งๆที่เธอไม่ได้เน้นประเทศใดประเทศหนึ่งแต่พูดถึงการปฎิรูปสิทธิสตรีโดยรวม ปรากฎว่าสวีเดนก็โกรธ ซาอุก็โกรธเช่นกันหาว่า สวีเดนทำกร้าวร้าวและมาแทรกแทรงกิจการภายในประเทศของตน
... โดย Ali al-Ahmed นักวิชาการในอเมริกา, ของ Washington-based Institute of Gulf Affairs ที่เกี่ยวกับการเมืองย่านนี้ได้วิจารณ์เสริมว่า "ซาอุ" นั้นมีความเป็นประชาธิปไตยน้อยกว่า "อิหร่าน" เสียด้วยซ้ำ รวมทั้งการประหารนักโทษแบบตัดศรีษะและสิทธิสตรีอีก แต่อเมริกากลับไม่ว่าอะไร แต่ไปโจมตีอิหร่านที่ว่าเป็นผู้ส่งออกการก่อการร้ายและเป็นเผด็จการ
... และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ซาอุก็ไม่ง้อเรียกตัว "เอกอัคราชทูต" กลับจากสวีเดนทันที ทำให้สวีเดนต้องเสียลูกค้าใหญ่อันดับสามนอกยุโรปในการซื้ออาวุธไป
... Ali al-Ahmed ยังบอกอีกว่า ซาอุนั้นแตะไม่ได้เลยตลอดเวลา 50 ปีในการเมืองตะวันออกกลาง เพราะสุดท้ายก็มักจะอ้างว่าเป็นการแทรกแทรงกิจการภายใน ( ทั้งๆที่ประเทศอื่นๆเช่นไทย กลับโจมตีใหญ่โตว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ) และแสดงถึงความ "สองมาตรฐาน" ของทัศนคติของตะวันตก
... นาง Margot Wallstrom บอกว่าโดยการปกครองของซาอุนั้นถูกแบนจากระบบ "ชารีอะห์" หรือการปกครองแบบอิสลาม ที่สวีเดนมองว่าไม่ขัดกับหลักมนุษยชน ศักดิ์ศรีของการมีชีวิตอยู่
... "สวีเดน" นั้นไม่ได้แค่ทำให้ "ซาอุดิอาระเบีย" ไม่พอใจเท่านั้นยังทำให้ "อิสราเอล" ก็ไม่ชอบด้วยเพราะ สวีเดนเป็นประเทศแรกๆในยุโรปที่กล้าหาญประกาศในการรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" ทั้งๆที่ซาอุกลับไม่ได้ทำอะไรเพื่อชาวปาเลสไตน์เลย
... โดยสาเหตุที่ทาง "สวีเดน" ได้รับการเชิญมากล่าวที่สันนิบาตรในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอบแทนที่ สวีเดน ยอมรับการมีตัวตนของ "รัฐปาเลสไตน์" และได้ส่งนาง Margot Wallstrom มาเป็นคนกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมดังกล่าว
( ... สามสี่ปีก่อนมีเหตุการณ์คนโรคจิตยิงนักเรียนตายหลายสิบศพ ข่าวจบแค่นั้นแต่ข่าวเชิงลึกของทางอิสลามบอกว่าเป็น "มอสสาดของอิสราเอล" ได้ช่วยจัดการหนุนการสังหารครั้งนั้นเพียงเพราะว่า "นอร์เวย์" รับรองการมีอยู่ของ "รัฐปาเลสไตน์" จึงยิ่งชวนเห็นใจว่าในอนาคตอันใกล้ อาจจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบหรือระเบิดใน "สวีเดน" หรือเปล่าเป็นการสั่งสอนกัน )
.
http://www.independent.co.uk/…/saudi-ambassador-to-sweden-r…
http://www.thelocal.se/…/sweden-to-discontinue-saudi-arabia…

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 15 มี.ค.58 ถ้ำนี้มีพื้นที่กว่า 8.8 กิโลเมตร ใหญ่และสูงขนาดสร้างตึกระฟ้าสูง 40 ชั้นในถ้ำได้



ประเทศเวียดนาม มีถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ถ้ำซันดอง หมายถึง ถ้ำภูเขาแม่น้ำ เป็นถ้ำหินปูนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Nha-Ke Bang ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของ Hanoi เมืองหลวงของเวียดนาม อยู่ติดกับชายแดนประเทศลาว ถ้ำนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 2-5 ล้านปีก่อน
การไหลผ่านของแม่น้ำที่กัดกร่อนหินปูนใต้ภูเขาเป็นเวลานาน จนชั้นหินปูนอ่อนตัวลง เพดานถ้ำจึงถล่มลงมาจนกลายเป็นโพรงช่องแสงขนาดใหญ่ ถ้ำแห่งนี้ยังอุดมไปด้วยอัญมณีที่หายากที่เกิดขึ้นในช่วงหลายร้อยปี
ความใหญ่โตของถ้ำนี้กินพื้นที่กว่า 8.8 กิโลเมตร ใหญ่และสูงขนาดที่สามารถสร้างตึกระฟ้าสูง 40 ชั้นไว้ภายในถ้ำได้ ในปี ค.ศ.1991 ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวท้องถิ่น และได้รับการสำรวจจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.2009 และในอีก 4 ปีถัดมา นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มีโอกาสเข้าถึงถ้ำแห่งนี้
ธรรมชาติ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความน่าพิศวงในค้นหาอีกมากมาย ตราบใดที่มนุษย์ไม่รับวัฒนธรรมตะวันตก ทุนนิยมบริโภคนิยม ไม่ทำลายมันไปเสียก่อน
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 15 มี.ค.58 ซาอุฯ เริ่มเจอแบล็คเมล์จากมือที่มองไม่เห็นแล้ว
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำซาอุดิอาระเบีย ประกาศระงับการให้บริการทางกงสุลทั้งหมดในซาอุดิอาระเบีย 2 วัน ทั้งบริการของสถานทูตในกรุงริยาด สถานกงสุลในเมืองเจดดะห์ และเมืองดาห์ราน เนื่องจากวิตกในสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย พร้อมเตือนพลเมืองอเมริกันที่อยู่ในซาอุดิอาระเบีย
ให้เพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัย และไม่แสดงตนในที่สาธารณะหากไม่จำเป็น ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เตือนพลเมืองชาวอเมริกันให้พิจารณาความเสี่ยงภัยในการเดินทางเข้าไปในซาอุดิอาระเบีย และจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นในซาอุดิอาระเบีย
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำซาอุดิอาระเบีย แจ้งเตือนพนักงานบริษัทน้ำมันตะวันตกในพื้นที่ทางตะวันออกของซาอุดิอาระเบียว่า อาจตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มก่อการร้าย แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเป็นกลุ่มใด
--------------------------------------->
ซาอุฯ โดนแล้ว เมื่อเปลี่ยนผู้ปกครอง และกระด้างกระเดื่องกับชาติตะวันตก จะโดนแบล็คเมล์เป็นอันดับแรก เริ่มจากสวีเดน เล่นงานซาอุฯ ก่อน ส่วนมะกันนั้น ที่เพจนี้ก็แทงหวยมานานแล้ว ว่าคิวต่อไปคือซาอุฯ เค้าลางเริ่มมาแล้ว
นับแต่นี้ซาอุฯ คงต้องเจอเหตุไม่คาดฝันจากมือที่มองไม่เห็นหนักขึ้นเรื่อย ตราบเท่าที่ยัง "จ่าย" ค่าคุ้มครองไม่หนักมากพอ และเริ่มเอาใจออกห่างเอียงไปทางรัสเซีย
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

“สหรัฐฯ”สั่งปิดสถานทูตในซาอุฯด่วน!! หวั่นก่อการร้าย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2558 12:14 น.



เอเอฟพี - สหรัฐฯประกาศสั่งปิดทำการสถานทูตประจำซาอุดีอาระเบียเป็นเวลา 2 วัน คือวันอาทิตย์ และวันจันทร์ เนื่องมาจาก “เหตุความกังวลเหตุไม่ปลอดภัยสูง” หลังจากก่อนหน้านี้ได้ประกาศเตือน ออกคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่บรรดาชาวตะวันตกซึ่งทำงานกับบริษัทน้ำมันในซาอุฯ อาจตกเป็นเป้าการลักพาตัวจากกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่

เมื่อวานนี้(14)สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงริยาร์ด ซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ด่วนผ่านเว็บไซต์เป็นทางการ ประกาศงดให้บริการด้านกงสุลเป็นเวลา 2 วันคือวันอาทิตย์และวันจันทร์ เนื่องจาก “ความกังวลในความไม่ปลอดภัยขั้นร้ายแรง” โดยจะปิดให้บริการในทั้งในกรุงริยาร์ด เจดดาห์ และดาห์รานตั้งแต่วันอาทิตย์ไปจนถึงวันจันทร์

และแถลงการณ์ยังประกาศเตือนผ่านไปยังพลเมืองอเมริกันให้ระมัดระวังตนเป็นพิเศษ และไม่ให้ทำตัวเป็นจุดเด่นสนใจ
“ขอเตือนให้พลเมืองสหรัฐฯตระหนักให้มากเป็นพิเศษในความเสี่ยงก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย พร้อมแนะนำให้พยายามที่จะไม่เดินทางออกไปที่ใดในขณะอยู่ภายในประเทศ” รายงานจากแถลงการณ์สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงริยาร์ด

ก่อนหน้านี้ทางสถานทูตสหรัฐฯได้ออกเตือนชาวตะวันตกซึ่งทำงานกับบริษัทน้ำมันในซาอุฯ อาจตกเป็นเป้าการลักพาตัวจากกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ไม่ระบุถึงแหล่งที่มาของการข่มขู่ หรือรายละเอียดแผนการโจมตีแต่อย่างใด

เอเอฟพีรายงานวันนี้(15)ว่า ซาอุดีอาระเบียร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการโจมตีทางอากาศกลุ่มติดอาวุธ IS ในซีเรีย สร้างความกังวลว่าอาจมีการแก้แค้น และพบว่าตั้งแต่ตุลาคมล่าสุด ชาวต่างชาติตกเป็นเป้าถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธมาแล้วถึง 4 ครั้ง

โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมาเมื่อ วินเนล อาราเบีย (Vinnell Arabia) ผู้รับเหมาทางอุตสาหกรรมทหารชาวสหรัฐฯเปิดเผยว่าพนักงานบริษัทจำนวน 2 คนถูกยิงที่จังหวัดทางภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นพื้นที่อุตาหกรรมบ่อน้ำมันอยู่หนาแน่น ในขณะที่ตำรวจซาอุฯได้เปิดเผยว่า 1 ใน 2 ของเหยื่อนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่ผลการสอบสวนคดียังไม่คืบหน้า

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000030184

 

สถานทูต US ในซาอุฯ เตือน กลุ่มติดอาวุธอาจก่อเหตุ “ลักพาตัวชาวตะวันตก”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2558 00:53 น.



เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงริยาดห์ของซาอุดีอาระเบีย ออกคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่บรรดาชาวตะวันตกซึ่งทำงานกับบริษัทน้ำมันในซาอุฯ อาจตกเป็นเป้าการลักพาตัวจากกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่

คำเตือนดังกล่าวซึ่งถูกเผยแพร่ตั้งแต่คืนวันศุกร์ (13 มี.ค.) ระบุว่า ทางการสหรัฐฯได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการลักพาตัวดังกล่าว ซึ่งอาจมีชาวอเมริกันตกเป็นเป้าหมาย พร้อมระบุว่า พื้นที่สุดเสี่ยง คือ แหล่งน้ำมันที่อยู่ทางภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ดี คำแถลงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงริยาดห์ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเวลา สถานที่ ตลอดจนวิธีการก่อเหตุของคนร้าย ขณะที่ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆต่อคำแถลงดังกล่าว

ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2003-2007 กลุ่มติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้าย “อัลกออิดะห์” เคยก่อเหตุโจมตีในหลายพื้นที่ทั่วซาอุดีอาระเบียเพื่อบ่อนทำลายราชวงศ์ซาอุฯที่มีจุดยืนเป็นพันธมิตรกับโลกตะวันตก และบ่อยครั้งที่การก่อเหตุโจมตีมีพลเมืองต่างชาติที่พำนักในซาอุฯตกเป็นเป้าหมาย


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000030112

 

รองประธานาธิบดีเซียร์ราลีโอน ร้องขอลี้ภัยในสหรัฐฯ อ้าง “ไม่ปลอดภัย” หากยังอยู่ในบ้านเกิด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2558 23:46 น.



เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รองประธานาธิบดีซามูเอล แซม-ซูมานาแห่งเซียร์ราลีโอน ร้องขอลี้ภัยต่อรัฐบาลสหรัฐฯในวันเสาร์ (14 มี.ค.) ระบุ ไม่รู้สึกปลอดภัยอีกต่อไปในประเทศบ้านเกิด หลังทีมรักษาความปลอดภัยในบ้านพักของเขาถูกทหารของรัฐบาลจับ “ปลดอาวุธ”

รองประธานาธิบดีซามูเอล แซม-ซูมานาแห่งเซียร์ราลีโอนในวัย 52 ปีซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ มาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2007 เปิดใจให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวเอพีจากสถานที่ลับแห่งหนึ่งซึ่งมิใช่บ้านพักของเขา โดยระบุเขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

รายงานข่าวระบุว่า ทหารของรัฐบาลซึ่งได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีเออร์เนสต์ ไบ โคโรมา ผู้นำเซียร์ราลีโอนได้มุ่งหน้าไปยังบ้านพักของแซม-ซูมานาในช่วงเช้าวันเสาร์ (14) และทำการปลดอาวุธทีมรักษาความปลอดภัยของรองประธานาธิบดี

หลังจากทราบในภายหลังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคำสั่งโดยตรงจากผู้นำเซียร์ราลีโอน มีรายงานว่า รองประธานาธิบดีแซม-ซูมานาได้พยายามติดต่อกับจอห์น ฮูเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงฟรีทาวน์และขอลี้ภัยในสหรัฐฯ

ด้านฮอลลีน กรีน โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดใดๆต่อข่าวดังกล่าว รวมถึงไม่แสดงความคิดเห็นใดๆต่อเหตุการณ์ทางการเมืองในเซียร์ราลีโอน ขณะนี้ มีเพียงการยืนยันว่า รองประธานาธิบดีแซม-ซูมานาไม่ได้อยู่ภายในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงฟรีทาวน์แต่อย่างใด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแซม-ซูมานาเพิ่งถูกขับออกจากพรรคออล พีเพิลส์ คองเกรสส์ซึ่งเป็นรัฐบาลในเวลานี้ หลังเขาถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการก่อความรุนแรงและมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย อีกทั้งยังพยายามก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่บ้านเกิดในเขตโคโนทางภาคตะวันออกของประเทศ

โดยรัฐบาลเซียร์ราลีโอนระบุว่า การตัดสินใจดำเนินการต่างๆกับรองประธานาธิบดีแซม-ซูมานานั้นเป็นไปเพื่อปกป้องความเป็นเอกภาพของประเทศ และสกัดกั้นการก่อความรุนแรงทางการเมือง

ก่อนหน้าการถูกขับออกจากพรรคดังกล่าว รองประธานาธิบดีแซม-ซูมานา เพิ่งถูกสั่งกักบริเวณนาน 21 วันหลังสมาชิกในทีมรักษาความปลอดภัยของเขารายหนึ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส “อีโบลา”

จนถึงขณะนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทางการสหรัฐฯจะตอบรับคำขอลี้ภัยของรองประธานาธิบดีเซียร์ราลีโอนหรือไม่ แม้จะมีรายงานว่าแซม-ซูมานาและภรรยาของเขาจะมีบ้านพักอยู่ในมลรัฐมินนีโซตาของสหรัฐฯ