ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "นาซา" ยืนยันมีมหาสมุทรบนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสฯ คาดอาจพบสิ่งมีชีวิต Fri, 13/03/2015 - 07:58
    องค์การนาซายืนยันว่ามีมหาสมุทรอยู่บนดวงจันทร์ที่โครงจรรอบดาวพฤหัสบดี ทำให้มีความเป็นไปว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/zm9VBrWNy4Q" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    คณะนักวิทยาศาขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือนาซายืนยันว่ามีมหาสมุทรอยู่ใต้พื้นผิวน้ำแข็งของดวงจันทร์แกนีมีด ซึ่งโคจรรอบดาวพฤหัสบดี ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ดวงนี้ นักวิทยาศาสตร์ของนาซาประเมินว่า มหาสมุทรบนดวงจันทร์แกนีมีดมีความลึกมากกว่ามหาสมุทรบนโลกถึง 10 เท่า และถูกฝังอยู่ใต้เปลือกน้ำแข็งที่มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร
    การค้นพบมหาสมุทรดังกล่าวช่วยคลายปมปริศนาสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์แกนีมีด ซึ่งเป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ หลังยานกาลิเลโอ ซึ่งเป็นยานสำรวจดาวพฤหัสบดีของนาซาให้ข้อมูลชี้นำว่ามีมหาสมุทรอยู่ใต้พื้นผิวของดวงจันทร์แกนีมีดระหว่างการสำรวจดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์บริวารเมื่อปี พ.ศ.2538-2546
    ดวงจันทร์แกนีมีด ซึ่งมีสภาพบางอย่างที่คล้างคลึงกับโลกกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มดวงจันทร์ของระบบสุริยะที่ถูกระบุว่ามีน้ำอยู่ใต้พื้นผิว ขณะที่เมือวันพุธที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเพิ่งจะรายงานว่ามีบ่อน้ำพุร้อนใต้เปลือกน้ำแข็งของดวงจันทร์เอ็นซีลาดัส ซึ่งเป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์
    นอกจากนี้ องค์การนาซายังเปิดเผยภาพเปลวสุริยะที่ถูกปลดปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ หรือที่เรียกกันว่าการระเบิดใหญ่ในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์เมื่อ 11 มี.ค.2558 แม้ว่าเปลวสุริยะไม่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศของโลก แต่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบบอกพิกัดจากดาวเทียมหรือจีพีเอส รวมทั้งคลื่นวิทยุและสัญญานดาวเทียม
    http://news.thaipbs.or.th/…/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%…
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช ·
    การเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านกำลังไปได้สวยแต่พรรครีพับริกันหาทางขวาง อิสราเอลเรียกร้องให้ฆ่าตัดคอชาวอาหรับที่ไม่ภักดีต่ออิสราเอล

    [​IMG]

    ----------------
    มาดูความคืบหน้าในเกมการเมืองระหว่างอิหร่าน-สหรัฐฯ-อิสราเอล ต่ออีกสักยกนะครับ เรื่องนี้ก็มันผุดๆเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบความได้เพรียบเหนืออีกฝ่ายหนึ่งทั้งภายในประเทศและต่างประเทศกันน่าดู ทั้งการพยายามเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร ทั้งการสาดโคลนใส่กัน เล่นหลังบ้านตัวเองก็มี ขู่คำรามแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายไม่เว้นแต่ละวัน ใครหางตกหูตกก่อนก็เท่ากับแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่ากำลังจะเพลี่ยงพล้ำก็จะถูกขย้ำทันที
    + อิหร่านเตือนความจำอิสราเอลว่าอิหร่านเคยช่วยชีวิตชาวยิวไว้ถึง 3 ครั้งในอดีต
    ----------------
    เมื่อวันก่อนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน บีบี้ เนทันยาฮูของอิสราเอลบอกว่าจะส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดใส่อิหร่าน เพื่อเรียกคะแนนเสียงในกลุ่มคนยิวเนื่องจากใกล้จะถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่แล้ว เขาจำเป็นต้องงัดทุกลูกไม้ออกมากล่าวหาและข่มขู่คุกคามประเทศที่เขาเห็นว่าเป็นศัตรู เพื่อทำให้คนอิสราเอลคลั่งจงเกลียดจงชังอิหร่านและสนับสนุนแนวความคิดของตน
    แต่แผนนี้ถูกโอบาม่าสะกัดไว้ก่อนว่า ถ้าอิสราเอลทำอย่างนั้นสหรัฐฯก็จะยิงเครื่องบินของอิสราเอลให้ล่วงเอง ก็ทำให้บีบี้เงียบ ไม่กล้าพูดถึงประเด็นนี้อีก แค้นที่โอบามาไม่ตามใจบีบี้ ฝ่ายรมว.อิหร่านออกมาเตือนสติของบีบี้ด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯของอเมริกันว่า อันที่จริงถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์แล้ว อิหร่านต่างหากที่เป็นฝ่ายช่วยชีวิตของชาวยิวในอดีตไว้ถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกันทำไมบีบี้ลืมง่ายจัง และอิหร่านก็ไม่เคยรุกรานอิสราเอลมาก่อน แล้วทำไมวันนี้บีบี้ถึงพยายามที่จะทำสงครามกับอิหร่านให้ได้
    พูดถึงเรื่องการช่วยเหลือชาวยิวโดยอิหร่านในอดีตนั้น นายโมหัมมัดจาวาด ซารีฟ (Mohammad Javad Zarif) กล่าวไว้ว่า ครั้งแรกจากการที่นายกรัฐมนตรีที่พยายามฆ่าชาวยิว และกษัตริย์ชาวอิหร่านได้ช่วยเหลือชีวิตของชาวยิวไว้ ครั้งที่สองในสมัยของไซรัสมหาราชที่ช่วยเหลือชาวยิวจากจักรวรรดิบาบิบลอน และครั้งที่สามในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่อิหร่านช่วยคุ้มครองชีวิตชาวยิวให้ปลอดภัยไว้ได้ ปัจจุบันนี้มีชาวยิวอาศัยอยู่ในอิหร่านประมาณ 20,000 คน และก็มีส.ส.ที่พวกเขาเลือกของเขาเองมานั่งอยู่ในสภาของอิหร่านด้วย ทั้งชาวอิหร่านและชาวยิวในประเทศอิหร่านต่างก็พึ่งพาศัยกันอยู่ร่วมกันด้วยดีมาโดยตลอด
    แต่อิสราเอลในยุคของบีบี้นั้นเต็มไปด้วยการเข่นฆ่าเด็กและประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้อง เต็มไปด้วยความกร้าวร้าวต่อเพื่อนบ้าน มากด้วยการเข้ายึดครอง นี่นักการทูตเขาสู้กันอย่างนี้จะว่าไปแล้วมันก็จริงอย่างทางอิหร่านว่ามานะ แต่ลีลาลิ้นการทูตของอิหร่านเองก็ไม่เบาเช่นพูดว่า "พวกเราไม่เคยมีระเบิด (นิวเคลียร์) พวกเราจะไม่มีระเบิดแม้แต่ลูกเดียว เราไม่ได้กำลังมองหาระเบิด เราไม่เชื่อว่าระเบิดเป็นผลประโยชน์ของพวกเรา แต่ในขณะเดียวกันบีบี้นั่นแหละที่มีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ถึง 200 ลูก" เห็นมะแต่ละฝ่ายเขายอมกันซะที่ไหนหละนั่น ที่ปฏิเสธว่าไม่มีระเบิดนี้ก็เพื่อให้การเจรจาปัญหานิวเคลียร์กับ P5+1 ผ่านไปได้ด้วยดีนั่นเอง แต่ยังเหลือเงื่อนไขอีกนิดหน่อยที่อิหร่านเรียกร้อง
    + รมว.ต่างประเทศของอิสราเอลเรียกร้องให้ตัดหัวของชาวอาหรับที่ไม่ภักดีต่ออิสราเอล
    ----------------
    ส่วนนาย Avigdor Lieberman รมว.ต่างประเทศของอิสราเอล พรรค Yisrael Beiteinu พวกขวาจัดได้ออกมาพูดผ่านสื่อฯต่อกรณีการที่มีชาวปาเลสไตน์บางคนออกมาพถือป้ายประท้วงในวัน Nakda Day (การรำลึกวันอาหรับสัญชาติอิสราเอลและปาเลสไตน์รำลึกถึงการสร้างอิสราเอลว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้อยู่ในรัฐของอิสราเอล ตรงกับวันที่ 15 พ.ค.ของทุกปี โดยชาวปาเลสไตน์กำหนดให้วันนี้มีขึ้นหลังวันประกาศอิสระภาพหรือวันชาติของอิสราเอล (14 พ.ค.) 1 วัน) ว่า "ใครก็ตามที่อยู่ฝั่งเราจะได้รับทุกอย่าง ส่วนใครที่ต่อต้านเรา ไม่มีอย่างอื่นที่จะทำ พวกเราจะต้องยกขวานขึ้นมาตัดหัวของพวกเขาออกซะ ไม่อย่างนั้นพากเราจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดในดินแดนแห่งนี้ได้ พวกที่ออกมาชูธงสีดำในวัน Nakba Day เพื่อไว้อาลัยให้กับการก่อตั้งอิสรเอลไม่สมควรจะอยู่ที่นี่...ผมต้องการให้ชาวอาหรับทุกคน ชาวคริสต์ และชาวยิวภักดีต่อประเทศไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา" วาทะการทูตของหมอนี่ยังไม่เก่ง แม้ว่าจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา แต่คำพูดที่เขาใช้เช่นคำว่า "ชาวคริสต์" อันนี้เกี่ยวกับเรื่องศาสนา 100% ส่วนคำว่า "ชาวยิว" ก็ 50-50 เพราะเป็นทั้งกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาด้วย ถ้าหากเขาไม่อยากให้เกี่ยวจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่ใช้คำว่า "ชาวอิสราเอล" แทนอย่างที่เขาเลี่ยงที่จะใช้คำว่า "ชาวอาหรับ" แทนคำว่า "ชาวมุสลิม" ภาพรวมโดยทั่วไปหมอนี่เป็นพวก "Exclusivism" เป็นพวกสุดโต่งไม่เอาใครยกเว้นพวกตัวเอง ใครมไม่ใช่พวกเดียวกันไม่มีความคิดอย่างเดียวกันกับพวกตนให้ถือว่าเป็นศัตรู ต้องกำจัดทิ้ง เป็นแนวความคิดที่เป็นอันตรายไม่นำมาซ่ำการอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่แตกต่างจากตน ไม่สามารถอยู่ร่วมในสังคมหมู่มากที่เต็มไปด้วยคนหลายเชื้อชาติศาสนาได้ แม้กระทั่งในทางการเมืองในบ้านเราหากสังเกตให้ดีก็จะเห็นพวกที่จัดอยู่ในกลุ่ม Exclusivist นี้ อย่างพวกที่ชอบปาระเบิด M79 ทำร้่ายและรอบยิงกลุ่มผู้ประท้วงที่เห็นต่างจากกลุ่มตนเป็นต้น พวกนี้ก็แปลกนะ ฉากหน้าส่งพวกคอลัมนิสต์ พวกนักเลงคีย์บอร์ดและสื่อฯในสังกัดตัวเองออกมาเรียกความเห็นต่างโดยอ้างประชาธิปไตย คือเขาไม่อยากมีความเห็นเหมือนคนอื่นแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะเดียวกันถ้าใครมีความเห็นต่างจากพวกเขา เขาก็จะบิ๊กกะบูมเอา M79 ให้รับประทานแทนข้าว ทั้งข่มขู่คุกคามสารพัดรูปแบบ พอถูกจับได้ก็บอกว่าเป็นแดงเทียม นปช.ปลอม อย่างนี้ประจำ
    + พิษอีเมลของฮิลลารี่ คลินตัน ยังไม่จบง่าย
    ----------------
    คราวนี้ก็มาดูศึกภายในอเมริกากันเองระหว่างดีโมแครท (โอบาม่า) กับรีพับริกัน (บุช) สองฝ่ายนี้ก็สู้กันยิบตาเหมือนกัน ยกแรกแม้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้วจะทำให้ดีโมแครทแพ้หลุดลุ่ยไม่เป็นท่า แต่ดีโมแครทก็งัดคดีคุกลับของซีไอเอออกมาประจานรีพับริกันได้ดีโมแครทขุดคุ้ยเรื่องการทรมานนักโทษของซีไอเอในยุครีพับริกันเป็นรัฐบาลทำให้คะแนนนิยมของดีโมแครทกระเตื้องขึ้นมา ฝ่ายรีพับริกันก็เอาคืนด้วยเรื่องอีเมลของฮิลลารี่ คลินตันบ้าง จุดมุ่งหมายก็เพื่อสะกัดดาวรุ่งว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯนั่นเอง
    มันเป็นยังไรเรื่องอีเมลคลินตันนี่? เป็นอย่างนี้... จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่รีพับริกันอยู่เบื้องหลังพบว่าในสมัยที่นางคลินตันเป็นรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯอยู่นั้นเธอได้ใช้ email account ส่วนตัวส่งอีเมลที่เกี่ยวกิจการของรัฐอยู่หลายครั้ง บางคนอาจจะสงสัยว่าผิดด้วยหรือ? ก็ระเบียบเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลับของทางการของเขาระบุไว้อย่างนั้นคือไม่ให้ใช้บัญชีอีเมลส่วนตัวสื่อสารธุรที่เป็นเรื่องของกิจการของรัฐบาลสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในสภาทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
    แต่นางก็ใช้บัญชีอีเมลที่มีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตระกูลคลินตันที่บ้านตัวเอง (clintonnemail.com) ส่งอีเมล ทำให้อาจจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายของสหรัฐฯเองนะสิ ฝ่ายตรวจสอบก็เลยพรินต์อีเมลเหล่านั้นออกมาจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคลินตันประมาณ 55,000 กว่าหน้าและต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกหลายเดือน ล่าสุดพบว่าโอบาม่าก็ส่งอีเมลไปยัง email address ส่วนตัวของนางฮิลลารี่ด้วย แต่ออกมาแก้ตัวว่าโอบาม่าไม่รู้ว่านั่นเป็นอีเมลส่วนตัวของเธอ แต่ฝ่ายที่โจมตีก็กล่าวว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ารู้หรือไม่รู้ แต่อยู่ที่เรื่องความปลอดภัย เพราะอีเมลเซิร์ฟเวอร์ของคลินตันอาจจะถูกแฮ็กได้ และทำให้ข้อมูลที่เป็นความลับของประเทศรั่วไหลออกไปภายนอกได้ ก็เหมือนกับคนที่ทำผิดกฎหมายแล้วอ้างว่าไม่รู้กฎหมายนั่นแหละ กรณีกฎหมายจะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด เรื่องพื้นฐานขี้ประติ๋วอย่างนี้ทั้งฮิลลารี่กับโอบาม่าจะไม่รู้เลยเชียวหรือ? รู้สิ แล้วทำไมถึงยังทำอีก? ก็เพราะระบบอีเมลของรัฐทั้งซีเอ เอฟบีไอ เอ็นเอสเอ และพักฝ่ายค้านมันตรวจสอบได้หมดนะสิถึงได้เลี่ยงไปใช้อีเมลส่วนตัว ข้ออ้างรับฟังไม่ขึ้น ถ้าอย่างนั้นจะมีกฎระเบียบไว้ทำไม ก็อเมริกานี่ เขาถือว่าเขาเป็นพวก exceptionalism อยู่เหนือกฎระเบียบทุกอย่าง เดี๋ยวก็รู้ว่าจะอยู่เหนือกฎได้จริงหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ตระกูลคลินตันก็มีเรื่องอื้อฉาวออกมาว่ามีส่วนพัวพันกันคดีฟอกเงินของธนาคาร HSBC เพราะปรากฎว่าผู้ที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิคลินตันติดแบล็คลิสต์ในกลุ่มที่ฟอกเงินในธานาคารแห่งนั้นด้วย
    + วุฒิสมาชิกพรรครีพับริกันส่งจม.ถึงผู้นำอิหร่านให้ระวังการเจรจาปัญหานิวเคลียร์กับโอบามา
    ----------------
    ต่ออีกซักเรื่องเพื่อให้ครบอรรถรส ยาวหน่อยนะครับแต่ก็น่าสนใจ เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งลงข่าวว่าวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับริกันของสหรัฐฯร่วมลงชื่อกันจำนวน 47 คนส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้นำสูงสุดเพื่อสะกัดแผนเจรจายุติปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านกับกลุ่มประเทศ P5+1 ที่กำลังจะประสบผลสำเร็จในเร็วๆนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าท่าทีของอิหร่านจะลดความดุดันลงและยอมพักการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนตามคำแนะนำของจีนที่เคยเล่าให้ฟังแล้วก่อนหน้านี้
    โดยทางพรรครีพับริกันผู้กระหายสงครามพอๆกับบีบี้ของอิสราเอลได้ส่งจม.ไปเตือนผู้นำอิหร่านประมาณว่าขู่ว่างั้นเถอะ โดยเนื้อหาใจความบางตอนในจม.นั้นบอกว่า อิหร่านควรจะไตร่ตรองให้ดีนะว่าการทำสัญญาข้อตกลงระหว่างอิหร่านกับรัฐบาลของนายโอบาม่าไม่ใช่สัญญาของสภาฯสหรัฐฯ โอบาม่าจะอยู่ในตำแหน่งได้อีกเพียงแค่สองปีเท่านั้น และเมื่อรัฐบาลโอบาม่าไปแล้วรีพับริกันก็จะขึ้นมาแทน และที่สำคัญฝ่ายรัฐบาลอยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระละ 4 ปีเท่านั้น ในขณะที่พวกเรา (วุฒิสมาชิก) อยู่ได้นานถึง 6 ปี เกี่ยวกับกรณีข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์นั้น พวกคุณ (รัฐบาลอิหร่าน) อาจจะไม่เข้าใจระบบรัฐธรรมนูญของพวกเรา (สหรัฐฯ) ดีพอ ข้อตกลงใดๆที่ไม่ผ่านสภาคองเกรสก็เป็นเพียงข้อตกลงของผู้บริหารเท่านั้น ประโยคสุดท้ายนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าถ้าสภาคองเกรสไม่เห็นด้วยอาจจะโหวดให้ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะก็ได้ หรือรัฐบาลต่อไปที่ไม่เห็นด้วยอาจจะสั่งยกเลิกข้อตกลงนั้นก็ได้นะสิ
    เกมนี้ก็ชักมันขึ้นเรื่อยๆแล้ว ในขณะที่รัฐบาลโอบาม่าไม่มีทางเลือกอื่นต่อกรณีปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านนอกจากเลือกแนวทางสันติ ครั้นจะก่อสงครามโดยอ้างเหตุผลเดียวกันกับที่ถล่มอิรัคมาใช้อีกครั้่งงานทั้งจีนและรัสเซียที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านไม่ยอมแน่ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกรีพับริกันก็อยากจะก่อสงครามขึ้นมาในตะวันออกลางอีกแห่งให้ได้
    จีนมีข้อเสนออะไรที่ทำให้อิหร่านยอมถอย? ดูผิวเผินเหมือนว่าถอยนะ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีรบต่างหากหละ เปรียบเทียบง่ายๆกรณีความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องบินรบและเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ระหว่างรัสเซียกับอินเดีย ทั้งสองประเทศนี้ร่วมมือกันพัฒนาเครื่องบินรบรุ่น T-50 ประสบผลสำเร็จแล้ว ทางอินเดียสั่งซื้อบางจำนวน แต่ส่วนที่เหลือจะมาผลิตเองในประเทศของตนเองภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีดังกล่าวจากรัสเซียให้อินเดียด้วย ซึ่งหลายประเทศก็ทำในลักษณะนี้เช่นกัน จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จีนเสนอให้อิหร่านมาร่วมมือกันพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่จีน ซึ่งของจีนก็มีอยู่แล้วเพราะเป็นหนึ่งประเทศใน P5+1 ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จีนอาจจะไม่ได้อยากได้นิวเคลียร์ของอิหร่านหรอก แต่ให้ที่คุ้มภัยจากสหรัฐฯต่างหากและเป็นการดึงเงินลงทุนจากอิหร่านเข้ามาในจีนด้วย พอสร้างเสร็จแล้วค่อยขนกลับไปอิหร่าน แล้วก็ประกาศให้โลกรู้ว่าตอนนี้อีหร่านมีหัวรบนิวเคลียร์ไม่ต่ำกว่า 300 ลูกแล้วนะ แบบนี้เล่นเอาทั้งอเมริกาและอิสราเอลเต้นเป็นเจ้าเข้าแน่ และการเดินเกมแบบนี้มันสนุกกว่ากันเยอะ
    ถามว่าทำไมโอบาม่าถึงยื่นเงื่อนไขให้อิหร่านพักการพัฒนานิวเคลียร์ไว้ที่ 10 ปี? โอบาม่าคาดการณ์ไว้แล้วว่าสมัยต่อไปพรรคดีโมแครทของตนคงไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่ ถ้ารีพับริกันได้เป็นก็ต้องครองยาวทั้งสองสมัยเป็น 8 ปี บวกกับอีก 2 ปีที่จะถึงการเลือกตั้งนี้ก็เป็น 10 ปีพอดี ถึงเวลานั้นก็เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ซึ่งโอบาม่าคาดว่าพรรคดีโมแครทจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งถึงตอนนั้นค่อยมาพูดเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกรอบก็ยังไม่สาย และที่สำคัญถือว่าช่วงที่ดีโมแครทไม่ได้เป็นรัฐบาลในสมัยที่จะถึงนี้ และการที่อิหร่านพักโปรแกรมนิวเคลียร์ของตนเองไว้ก่อนก็เป็นการช่วยให้อิหร่านถูกพรรครีพับรีกันใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างสงครามกับอิหร่านอย่างอิรัคในอดีตได้ในทางหนึ่งอีกด้วย ถึงแม้ฟังดูจะเป็นเหมือนทั้งการขู่และการให้โอกาส แต่ก็ฟังดูเข้าท่านะถ้าแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ช่วงเวลาดังกล่าวอิหร่านยังมีโอกาสได้พัฒนาเศรษฐกิจของตัวเองได้ด้วยก็วิน-วินด้วยได้กันทุกฝ่ายนะ
    ส่วนท่าทีของโอบาม่าต่อกรณีจม.ของพรรครีพับริกันที่ส่งถึงอิหร่านนั้น ล่าสุดโอบาม่าออกมากล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการแทรกแซงการเจรจาปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน และกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่จำเป็นต้องขอความคิดเห็นจากรัฐสภาของสหรัฐฯ
    The Eyes
    10/03/2558
    ------------
    ​We saved Jews 3 times, Netanyahu should revise history lessons – Iranian FM — RT News
    http://rt.com/news/239025-lieberman-behead-disloyal-arabs/
    Arab-Israelis Not Loyal to State Should Be Beheaded, Says Israel's FM / Sputnik International
    Nakba Day - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://en.wikipedia.org/…/Israeli_Declaration_of_Independen…
    Obama emailed Clinton’s private account, White House confirms — RT USA
    Senators Write Open Letter to Iranian Leader: Don’t Trust Obama / Sputnik International
    Biden fury at GOP senators' letter to Iran alleging nuke deal may be pulled post-Obama — RT USA
    Senators Write Open Letter to Iranian Leader: Don’t Trust Obama / Sputnik International
    http://www.washingtonpost.com/…/c873d354-c68a-11e4-a199-6cb…
    http://www.washingtonpost.com/…/db3cd3b4-c374-11e4-9ec2-b41…
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เกาหลีใต้ไม่ใช้ระบบต่อต้านมิสไซล์ของอเมริกา

    [​IMG]

    -----------------
    เมื่อวันที่ 9 มี.ค.58 ที่ผ่านมาสื่อฯฝั่งรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "South Korea Says No to US Missile Defense System" (แปลว่าเกาหลีใต้ปฏิเสธระบบต่อป้องกันมิสไซล์ของสหรัฐฯ) เรื่องก็มีอยู่ว่าทางสหรัฐได้เสนอขายระบบต่อต้านบอลลิสติคมิสไซล์ของตนเองให้กับเกาหลีใต้ (ballistic missile : ขีปนาวุธประเภทไม่มีการบังคับระบบนำวิถีทางไกลให้เปลี่ยนเป้าหมายได้ เหมือนกับลูกหนังสติ๊กที่ยิงไปทิศทางไหนมันก็ไปตกในทิศที่ยิงออกไปนั่นแหละจะสั่งให้มันเบนไปทางซ้ายหรือขวาหรือสูงขึ้นหรือต่ำลงเหมือนเครื่องบินบังคับไม่ได้) ซึ่งระบบที่สหรัฐฯเสนอขายให้นั้นเรียกว่า "Terminal High-Altitude Area Defense" (THAAD) อ้างว่าเพื่อป้องกันตนเองจากการคุกคามของกรุงเปียงยาง (เกาหลีเหนือ)
    แต่ทางรัฐบาลเกาหลีใต้บอกว่า "โดยพื้นฐานแล้วระบบของสหรัฐฯก็มีประสิทธิภาพที่ดีทีเดียวในเรื่องเทคโนโลยีป้องกันประเทศจากมิสไซล์ของเกาหลีเหนือ แต่เราจะตัดสินใจโดยยึดเรื่องผลประโยชน์ของชาติของเกาหลีใต้มาเป็นอันดับแรก" นี่คือว่าการปฏิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ขุ่นจากรมว.กลาโหมของเกาหลีใต้
    ถามว่าทั้งๆที่เกาหลีใต้ก็เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของอเมริกา ทำไมจู่ๆถึงปฏิเสธความหวังดีประสงค์ร้ายของอเมริกาอย่างนี้หละ? คำตอบอยู่ตรงนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางจีนออกมากระแอมดังๆจากกรุงปักกิ่งข้ามภูเขาหลายพันกิโลมาถึงกรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีได้ว่า "การพัฒนาศักยภาพทางด้านระบบป้องกันขีปนาวุธรุ่นใหม่จากสหรัฐฯในเกาหลีใต้อาจจะเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างกรุงโซลกับปักกิ่งก็ได้" จีนบอกเกาหลีได้ว่าคิดให้ดีที่จะตัดสินใจซื้อของเล่นจากอเมริกาหนะ งานนี้พี่ใหญ่เอเซียตัวจริงไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไรนะ
    มีหรือที่เกาหลีใต้จะกล้าดึงดันทำตามข้อเสนอของอเมริกา ก็ต้องถอยสิ พร้อมกับออกมาแถลงว่าเกาหลีใต้ตั้งใจจะพัฒนาระบบต่อต้านมิสไซล์ของตนเองที่มีชื่อเรียกว่า "Korea Air and Missile Defense" (KAMD) และระบบ L-SAM, M-SAM มิสไซล์จากพื้นดินสู่อากาศ
    การออกตัวในลักษณะนี้ของเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า เกาหลีใต้พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ทั้งต่อสหรัฐฯและจีนให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ไม่กล้าสนิทกับสหรัฐฯจนเกินไม่นัก และก็พิสูจน์ให้สหรัฐฯและหลายประเทศได้เห็นแล้วว่าสหรัฐฯไม่ได้ควบคุมเกาหลีใต้อย่างเบ็ดเสร็จซะทีเดียวเพราะรู้สึกว่างานนี้เกาหลีใต้จะเกรงใจจีนเอามากพอสมควร แทนที่จะปฏิเสธสหรัฐฯแล้วหันมาใช้ของจีน แต่เกาหลีใต้เลือกที่จะพัฒนาของตนเองขึ้นมาใช้เอง โดยเอาเทคโนโลยีทั้งของสหรัฐฯและจีนนั่นแหละมาผสมกันมากบ้างน้อยบ้างตามจะเข้ากันได้
    The Eyes
    11/03/2558
    --------------
    South Korea Says No to US Missile Defense System / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กรีซกับเจ้าหนี้อียู

    [​IMG]

    -----------------
    นึกว่าการเจรจาเรื่องปัญหาหนี้สินของกรีซเจ้าหนี้ทรอยก้า (Troika) จบลงไปแล้วซะอีกหลังจากที่บรรลุข้อตกลงกันกับอียูเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรื่องวิกฤตหนี้ของกรีซก็ประทุขึ้นมาอีกครั้งในอียู เล่นเอาคนที่ลุ้นด้วยชักจะเริ่มเซ็งแล้วนะนี่ เซ็งใคร? ก็เซ็งอียูนั่นแหละมันลีลาเยอะเหลือเกิน
    เรื่องเป็นอย่างนี้ตอนแรกที่ตลกลงกันนั้นฝ่ายอีกยูก็เห็นด้วยกับแผนปฏิรูปการเงินและโรดแม็ปในการแก้ไขวิกฤตหนี้ของกรีซ และรับปากว่าจะอนุมัติเงินกู้ (bailout) ก้อนใหม่ระยะสั้น 4 เดือนให้กับกรีซ (จากเดิมที่ขอไว้ 6 เดือน) แต่มีเงื่อนไขว่ากรีซจะต้องรีบส่งแผนปฏิรูปการเงินให้พวกเจ้าหนี้ทรอยก้าที่ประกอบด้วย EFSF, ECB และ IMF พอกรีซส่งแผนให้แล้วพวกเจ้าหนี้ก็ทำทียึกยักบอกว่าไม่ชอบใจแผนของกรีซ เพราะทำให้เจ้าหนี้ไม่ได้ดอกเบี้ยและสูญเสียโอกาสที่จะได้เข้าไปครอบครองธุรกิจดีและรัฐวิสาหกิจของกรีซ จึงยังไม่อนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่ให้กับกรีซ
    ประจวบกับก่อนหน้านี้พวกเจ้าหนี้กับพวกนักการเมืองในรัฐบาลชุดที่แล้วของกรีซที่เสียผลประโยชน์ได้ออกมาก่อม็อบอ้างว่าเป็นพวกที่สนับสนุน "การต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด" ของรัฐบาลชุดนี้ (รัฐบาลนี้ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด) แล้วก็ก่อเหตุรุนแรงทำลายข้าวของสาธารณะเผารถยนต์ แต่ไม่รุนแรงมาก จุดประสงค์ก็เพื่อปลุกระดมให้คนลึกฮือต่อต้านรัฐบาลนี้นั่นเอง แต่รัฐบาลชุดใหม่นี้ของกรีซก็รับมือทันด้วยการเดินเกมออกมาประกาศทันทีว่าจะไม่มีการกู้หนี้จากพวกเจ้าหนี้อีกต่อไป ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย ก็ทำให้การจุดม็อบไม่ได้รับความสนใจจากชาวกรีซเท่าที่ควรแล้วเรื่องก็เงียบหายไป ซึ่งทำให้พวกเจ้าหนี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงใช้วิธีใหม่ในการบีบกรีซอีกครั้งด้วยการชะลอการปล่อยเงินกู้ตามที่ได้ตลกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
    ดังนั้นทางกรีซก็เดินเกมสวนกลับไปทันทีโดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานาย Yanis Varoufakis รมว.คลังคนของกรีซ (ผู้มีหน้าตาคล้ายสป๊อกในหนังเรื่อง Star Trek) ก็ออกมาพูดกับสื่อฯว่าถ้า "หากจำเป็น หากว่าเราต้องเผชิญกับความไม่ปราณี เราก็จะขอให้ประชาชนชาวกรีซจัดการเลือกตั้งหรือการทำประชามติ" คำพูดปริศนาแค่นี้กลายเป็นเรื่องเลย สื่อฯก็เอาไปขยายความต่อว่ากรีซต้องการจะให้ทำประชามติออกจากอียูแน่ๆ (Grexit) หากการเจรจาไม่เดินหน้าตามที่กรีซต้องการ
    ด้วยท่าทีที่ยึกยักดึงเกมอยู่อย่างนี้อียู ทำให้กรีซชักจะเริ่มหมดความอดทนกับอียูแล้ว หมากต่อไปที่กรีซจะหยิบขึ้นมาขู่ประเทศสมาชิกของอียูก็คือ "กรีซจะปล่อยให้พวกผู้ก่อการร้ายไอซีสเข้ามาในยุโรป" โอ้ว!... อันนี้เด็ดมาก เจ๋งเป้งเลย ยังไง? กรีซเป็นผู้สนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังหรือเป็นลูกพี่ใหญ่ของไอซิสอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่… จะไปแย่งตำแหน่งนี้มาจากอเมริกาได้อยย่างไรเล่า
    เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.58) สื่อฯรายงานว่านาย Panos Kammenos รมว.กลาโหมของกรีซได้ออกมาพูดกับสื่อฯว่ากรีซจะปล่อยคลื่นผู้อพยพเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจจำนวนหลายล้านคนเข้าสู่ยุโรป ยกเว้นอียูจะยอมถอยเรื่องมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซ หากกรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากอียูตามที่ได้ตกลงกันไว้ และหากอียูปล่อยให้กรีซต้องเผชิญกับวิกฤตอีกต่อไป งานนี้อียูจะได้เจอกับคลื่นผู้อพยพทะลักเข้าในยุโรปแน่ และดูเหมือนว่าจะแย่มากๆสำหรับกรุงเบอร์ลินด้วย ถ้าในจำนวนผู้อพยพหลายล้านคนนั้นมีพวกจีฮาดิสต์ก่อการร้ายหรือไอซิสแฝงเข้ามาด้วย
    ชายแดนของกรีซกับตุรกีถือว่าเป็นแนวหน้าป้องกันการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเข้ามาในยุโรปที่ไหลมาจากอิรัคและซีเรีย หากยูโรโซนปล่อยให้กรีซล้มละลาย (go bust) กรีซก็จะออกหนังสือเดินทางในฐานะนักท่องเที่ยวให้กับพวกเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่หนีข้ามชายแดนเข้ามา ซึ่งปัจจุบันนี้เฉพาะที่ถูกควบคุมไว้ในค่ายผู้อพยพในกรีซมีประมาณหมื่นกว่าคน
    เขตการท่องเที่ยว Schengen ที่ไม่ต้องมีพาสปอร์ตของอียูใน 26 ประเทศในยุโรปนั้นถือว่าอ่อนแอมากในแง่ของความปลอดภัยและช่องโหว่ (ยกเว้นอังกฤษ ไซปรัส บัลแกเรีย และโรมาเนีย) Kammenos กล่าวว่า "หากพวกเขา (อียู) ต่อต้านเรา เราก็จะต่อต้านพวกเขากลับ เราจะออกหนังสือเดินทางให้กับผู้อพยพจากทุกหนทุกแห่งที่พวกเขาต้องการจะท่องเที่ยวในเขตเชงเกน แล้วคลื่นมนุษย์ก็จะไหลเข้าสู่เบอร์ลินเมืองหลวงของเยอรมันนี"
    สุดยอด! คิดได้ไงนี่? แผนการต่อรองระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ งานนี้กรีซบอกว่าจะไม่ยอมตายคนเดียวหรอก จะลากอียูทั้งหมดลงเหวด้วยแน่ๆ ไอ้พวกเจ้าหนี้หน้าเลือดทั้งหลายดูซิว่าจะทำอย่างไร
    อย่างมากที่พวกอียูพอจะทำได้เพื่อตอบโต้กับกรีซในกรณีนี้ก็คือ "แซงชั่นกรีซ" แต่มันจะคุ้มหรือ? ผู้อพยพจากตะวันออกกลางประมาณ 10 ล้านคนเชียวนะ ยุโรปจะรับไหวหรือ? ถ้าบอกว่าอียูก็ไม่อนุญาตให้ผู้อพยพที่ถือหนังสือเดินทางจากกรีซเข้ามาในประเทศของตน อันนั้นหนะโดยหลักการก็พอจะทำได้ แต่ถ้าผ่านกรีซเข้ามาได้แล้วมันก็จะมีช่องทางแทรกซึมเข้าไปยังประเทศต่างๆในยุโรปได้เองหละ จับไม่หมดหรอก
    ในวันเดียวกันนี้นาย Yanis Varoufakis รมว.คลังของกรีซก็ออกมาเฉลยปริศนาที่ทิ้งไว้วันก่อนนั้นว่า กรีซไม่ได้ต้องการที่จะออกจากอียูหรอก การคาดเดาทั้งหมดที่ตรงกันข้ามจากที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อกระบวนการเจรจากับเจ้าหนี้ นี่ชัดเลย มันเป็นการเดินเกมกดดันกันระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ต่างหาก แต่ก็ยังถือไพ่ใบเดิมอยู่ว่า "โดยทฤษฎีแล้วนั้น กรีซอาจจะจัดการเลือกตั้งหรือทำประชามติหากอียูปฏิเสธแผนปฏิรูปฉบับปัจจุบันในการเจรจาต่อรองหนี้สิน" ปัญหาก็คือว่า ก็พึ่งจะชนะการเลือกตั้งมาเมื่อต้นเดือนมกราคมปีนี้เองแล้วทำไมถึงบอกว่าจะจัดการเลือกตั้งอีกรอบหละ? หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพรรคไซริซ่า (Syriza party) ของรัฐบาลชุดนี้ยังมีที่นั่งในสภาฯไม่ถึง 50% หรือเกินกว่านั้น (มีแต่ 30 กว่าเปอร์เซ็นแต่ก็เป็นพรรคที่มีเสียงข้างมากที่สุดกว่าพรรคอื่นจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล)
    อาจจะเป็นเพราะในสภากรีซยังเสียงแตกกันอยู่ระหว่างฝ่ายที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดกับฝ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเจ้าหนี้ โดยที่ฝ่ายหลังนี้พยายามถ่วงไม่ให้แผนปฏิรูปของรัฐบาลชุดนี้เดินหน้าไปได้ก็ได้ และรัฐบาลชุดนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจว่านโยบายต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของพวกตนได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวกรีซเป็นอย่างมาก และคาดว่าถ้าเลือกตั้งอีกพรรคตัวเองอาจจะครองเสียงข้างมากกว่าเดิมก็ได้ จุดนี้ก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกใช้วิธีทำประชานิยมอาจจะลดความเสี่ยงลดลงได้บ้าง ก็ในเมื่อบอกว่าไม่ต้องการที่จะออกจากอียูแล้วเขาจะทำประชามติกันเรื่องอะไรหละ? นี่แหละคือปริศนาอีกอันที่ทิ้งไว้ให้พวกเจ้าหนี้ปวดหัวอยู่ในตอนนี้หนะ เล่นเอาเครียดไปด้วยเลยนะนี่ พอดีกว่าเอาไว้มีความคืบหน้าอย่างไรแล้วจะนำมาเล่าให้ฟังต่อนะครับผม
    The Eyes
    11/03/2558
    --------------
    Greeks Threaten to Kick-off Referendum Over Reforms / Sputnik International
    Greek Finance Minister Rejects Possibility of Withdrawal From Eurozone / Sputnik International
    Greece Threatens to Send Islamic Terrorists to Europe / Sputnik International
    Greek Finance Minister Rejects Possibility of Withdrawal From Eurozone / Sputnik International
    Greece Suggests Hiring Tourists as Tax Inspectors / Sputnik International
    Greece Bailout Extension Provides for No Additional Funds - German Minister / Sputnik International
    Greece Can Do Without Third Aid Package, Not Afraid of Default / Sputnik International
    Doomed From the Start: Unviable EU is 'Fundamentally Flawed' / Sputnik International
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เรื่องสิทธิมนุษยชนของอเมริกา ตำรวจผิวขาวยิงคนผิวดำไม่มีอาวุธตายเกือบทุกอาทิตย์

    [​IMG]

    -----------------
    - เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มี.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเมดิสัน (Madison) ในรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐฯอเมริกายิงชายวัยรุ่นผิวสีชื่อ Tony Robinson อายุ 19 ปีซึ่งไม่มีอาวุธเสียชีวิต โดยตำรวจอ้างว่านายโทนี่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรืื่องมีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ Matt Kenny ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งกระโดดเข้าๆออกๆในถนนทำให้จราจรติดขัด และตำรวจก็ได้ติดตามเขาไปถึงอพาร์ทเม้นท์ของเขา และดูเหมือนจะมีปากมีเสียงกับตำรวจ (ตามธรรมดาของพวกผิวดำที่ชอบเอะอะโวยวายเสียงดังอยู่แล้ว) แล้วตำรวจก็ชักปืนยิงนายโทนีเข้าไปถึง 5 นัด ตายไหม? จะเหลือรึ จากนั้นเหตุการณ์ก็บานปลายนำมาซึ่งการเดินประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมและการเหยียดผิวในสังคมอเมริกัน เหมือนกับคดีอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
    - เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มี.ค. 58 ที่ผ่านมา ตำรวจเมืองแอ็ตแลนต้า (Atlanta) รัฐจอร์เจีย (Georgra) ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยิงชาวผิวสีเปลือยกายมีอาการป่วยทางจิตเสียชีวิตอีกราย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าตำรวจเมืองแอ็ตแลนต้าได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนว่า มีชายผิวดำคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนแสดงอาการเหมือนคนเสียสติ เที่ยวเดินเคาะไปตามประตูห้องต่างๆในอพาร์ทเม้นท์ของผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับเขา เปลือยกายคลานไปรอบๆ เมื่อตำรวจมาถึงก็ทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อ Anthony Hill อายุ 27 ปีวิ่งเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจก็สั่งให้เขาหยุด ก็คนบ้าอ่ะ พูดกับเขารู้เรื่องซะที่ไหนหละ พอเห็นเขาไม่หยุดตำรวจก็เลยชักปืนออกมายิงไปที่ชายคนดังกล่าว 2 นัด ม่องเท่งอีกราย
    นาย Anthony Hill เป็นอดีตทหารฝ่านศึกประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเขาถึงมีอาการเหมือนคนเสียสติอย่างนั้น บางคนพูดประชดตำรวจอเมริกันว่าถ้าเป็นตำรวจแล้วไม่รู้จักวิธีรับมือกับคนบ้าแบบนั้นก็หางานอื่นทำเถอะ ส่วนอีกคนบอกว่าในฐานที่เป็นพยาบาล พวกเราปราบผู้ชายที่มีอาการป่วยทางจิตซึ่งมีร่างกายใหญ่โตกว่าพวกเราถึง 2 เท่าทุกวัน พวกเราได้รับอันตรายทางร่างกายอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยยิงใครซักคนเลย
    นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนแบบอเมริกัน
    The Eyes
    11/03/2558
    --------------
    Wisconsin officer who shot unarmed man was exonerated in previous fatal shooting — RT USA
    http://rt.com/…/239069-madison-robinson-protests-uwm-walko…/
    Hundreds Protest Against Police Killing of Black Teen in Wisconsin (VIDEO) / Sputnik International
    Independent Review to Investigate Wisconsin Teenager Shooting - Police / Sputnik International
    Fourth Day of Protests in Madison Over Police Killing of Unarmed Black Man / Sputnik International
    Another Shooting of Black Teen by Police in Wisconsin Sparks Protests / Sputnik International
    White Cop Kills Unarmed Naked Black Man in His Apartment Complex / Sputnik International
    Naked, unarmed black man shot dead by white metro Atlanta cop — RT USA
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ดูม็อบยูเครน เอาอีกรอบ ทั้งไม้ทั้งกระบองครบมือ เอกลักษณ์ของพวกอาซอฟนีโอนาซียูเครนเขาเลยหละ งานนี้ดูเหมือนว่าจะมาเรียกร้องไม่ให้รัสเซียควบคุมจอร์เจีย (กรณีอับฮาเซียมั้ง?) กับอาร์เมเนีย แต่ฝั่งรัสเซียเอามาพาดหัวล้อเลียนใหม่ว่า กรุงเคียฟประท้วงเรียกร้องไม่ต้องการถูกควบคุมโดยต่างชาติ (หมายถึงโดยสหรัฐฯกับอียูหนะ) อี๊…. เจ็บอ่ะ
    -------------
    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/OJeRNGIZoJg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จีนจวกเลขาฯอาเซียนชาวเวียดนาม อย่าใช้ชื่ออาเซียนมาหากินกับกรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

    [​IMG]

    -------------
    หันมาดูข่าวใกล้บ้านเราบ้าง ดูเหมือนว่ากรณีข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ในทะเลจีนใต้จะเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนายเลเลือง มินห์ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน และอดีตรมว.ต่างประเทศของเวียดนาม ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มะนิลาไทม์ส ของฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "อาเซียน" ขอคัดค้านนโยบายจีนที่ใช้เส้นประเป็นตัวอ้างกรรมสิทธิ์ทางอธิปไตยเหนือเกาะและแนวปะการังจำนวนมหาศาลในทะเลจีนใต้ ซึ่งการทำเช่นนี้จะส่งผลให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการเป็นปรปักษ์กับจีน
    และวันนี้นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวแถลงตอบโต้ว่า จีนสนับสนุนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนเสมอ แต่อาเซียนไม่ควรเข้ามาเป็นคู่กรณีในข้อพิพาททะเลจีนใต้ พร้อมกันนั้น โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนบอกด้วยว่า นายเลเลือง มินห์เป็นถึงเลขาธิการอาเซียน แต่เรื่องพิพาททะเลจีนใต้กำลังทำให้อาเซียนเบี่ยงเบนไปจากการวางตัวเป็นกลาง อีกทั้งเลขาธิการอาเซียนไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นนอกประเด็นเพราะจะสร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์ของอาเซียนในฐานะองค์กรระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    อาเซียน (ASEAN) หรือชื่อเต็มว่า "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (อังกฤษ: Association of South East Asian Nations) ประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศคือ 1.ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) 2.ประเทศกัมพูชา (Cambodia) 3.ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia) 4.ประเทศลาว (Laos) 5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) 6.ประเทศเมียนมาร์ หรือพม่า (Myanmar) 7.ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) 8.ประเทศสิงคโปร์ (Singapore) 9.ประเทศเวียดนาม (Vietnam) 10.ประเทศไทย (Thailand) เดิมทีมีกำหนดการรวมตัวกันเป็น "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" AEC หรือ Asean Economics Community ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 นี้แต่เนื่องจากความไม่พร้อมในหลายประการ จึงมีการเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี
    พอเวียดนามที่โปร-อเมริกาได้นั่งเก้าอี้เลขาธิการของอาเซียนคนปัจจุบัน พี่แกก็ใช้ชื่ออาเซียไปสร้างความขัดแย้งกับจีนโดยยกเอากรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้มาเป็นข้ออ้างเรื่องการรวมตัวของอาเซียนซะนี่ กรรมสิคราวนี้ เพราะถ้าเวียดนามและบางประเทศในอาเซียนที่โปร-ตะวันตกออกมาพูดอย่างเวียดนามบ้าง ความฝันที่จะเห็น AEC เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริงๆ ก็ชักจะเลือนลานไปอีกครั้งแน่ๆ งานนี้ทั้งอเมริกาและยุโรปปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการออกมาพูดในครั้งนี้ของเลขาฯอาเซียน เพราะพวกนี้ไม่ต้องการให้อาเซียนรวมตัวกันสำเร็จมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อันที่จริงความคิดในการรวมชาติต่างๆเข้าเป็นประชาคมหรือกลุ่มประเทศนั้น อาเซียนเกิดขึ้นก่อนอียูซะอีกนะ มีแต่คำพูด ปีหนึ่งก็ประชุมครั้งหนึ่ง ยืนคล้องแขนถ่ายรูปร่วมกันแล้วก็จบ พัฒนาการที่จะนำไปสู่รูปธรรมนั้นมีน้อยมาก เพราะไปเชื่อคนนอกบ้าง ไม่ไว้ใจกันเองบ้าง เอาแต่เรื่องปัญหาและความขัดแย้งมาเถียงกันก็ไม่จบซะที ส่วนยุโรปมาทีหลังเอาโมเดลนี้ไปพัฒนาต่อจนรวมตัวกันสำเร็จกลายเป็นสหภาพยุโรป (EUROPIAN UNION) หรือที่เรียกว่า "อียู" (EU) อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
    งานนี้จีนรู้ทันแผนของพวกบ่างช่างยุอยู่แล้วว่าต้องการจะใช้อาเชียนเป็นเครื่องมือต่อกรกับจีน กะว่าจะทำให้เอเซียขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเหมือนในตะวันออกกลางว่างั้นเถอะ แน่นอนว่าในอาเซียนก็มีทั้งฝ่ายที่โปร-อเมริกา และฝ่ายที่โปร-จีน ถ้าแผนนี้สำเร็จอาเซียนก็จะแตกเป็นสองฝ่ายและรวมตัวกันไม่ติดอีกต่อไป การที่เวียดนามพยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเองนั้นไม่ผิด แต่การนำเอาผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติอาเซียนไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
    ผู้ที่สมควรถูกตำหนิในครั้งนี้ก็คือเวียดนามนั่นแหละ แม้ว่าเวียดนามจะเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกันกับจีน แต่ก็ไม่ถูกกัน บางอย่างก็ร่วมมือกัน บางอย่างก็ขัดกันเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว กรณีทะเลจีนใต้นี้มีผู้เล่นหลายคนมาก เนื่องจากเป็นแหล่งสำรองทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาลที่ยังไม่ได้สำรวจ หากดูตามกราฟแสดงทรัพยากรทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบทั่วโลกที่ยังไม่มีการสำรวจในปี 2012 ของ eia แล้ว จะพบว่าของยุโรปนั้นเหลือน้อยมากในขณะที่ของรัสเซียและทวีปอเมริกาใต้และทะเลแคริเบียน ซึ่งประเทศพวกนี้ไม่โปร-อเมริกา แต่โปร-รัสเซีย พบว่ามีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลือเฟือ และที่สำคัญในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ที่ยังไม่มีการสำรวจก็มีเยอะแยะ นี่จึงเป็นที่หมายตาของชาติมหาอำนาจต่างๆ สหรัฐฯพยายามที่จะส่งกองเรือรบของตัวเองมาประจำตามจุดต่างๆในภาคพื้นเอเซียนี้แต่ก็ทำได้ไม่มากเพราะมีจีนคุมอยู่ มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องน้ำมันกับเรื่องก๊าซเท่านั้น ยังเกี่ยวไปถึงเรื่องการควบคุมเส้นทางเดินเรือในทะเลด้วย เพราะจีนกำหนดแผนเส้นทางสายไหมในทะเลเอาไว้แล้วเรื่องอะไรจะให้อเมริกามาฉกไปฟรี
    ดังนั้นจีนจึงออกมาสะกัดแผนนี้ของฝั่งตะวันตกซะเลย และตอกย้ำอีกครั้งว่าจีนสนับสนุนการรวมตัวกันของอาเซียน งานนี้จีนไม่ได้บอกเฉพาะเวียดนาม กับตะวันตกที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น แต่ยังบอกทุกชาติในอาเซียนด้วยว่าปัญหาเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้กับการรวมตัวกันของอาเซียนนั้นมันคนละเรื่องกันอย่าเอามาตีกัน เหมือนเรื่องการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่มาอ้างเรื่องปรองดองและบอกว่าเป็นปัญหาทางการเมือง ถ้าจะปรองดองก็ต้องไม่เอาผิดทางกฎหมายกันอย่างที่พวกแดงเผาไทยและสื่อฯตะวันตกเล่นข่าวกันนั้น ไม่ได้ มันมาแนวเดียวกันอีกแล้ว
    The Eyes
    11/03/2558
    ------------
    http://africa.chinadaily.com.cn/…/2…/11/content_19784077.htm
    อินโดฯขู่ออสซี่ปล่อยสึนามิผู้ลี้ภัยหากยังยุ่งเรื่องนักโทษ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
    Spratly Islands dispute - Wikipedia, the free encyclopedia
    U.S. Energy Information Administration (EIA)
    https://hemmingsjohn.wordpress.com/category/south-china-sea/
    อาเซียน 10 ประเทศ ประวัติ ธงชาติ, ภาษา, และวัฒนธรรมต่างๆ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อินโดนีเซียเลียนแบบกรีซ ขู่ออสเตรเลียนกลับว่าจะปล่อยสึนามิผู้ลี้ภัยเข้าออสเตรเลีย

    [​IMG]

    -------------
    วันก่อนกรีซขู่อียูว่าหากสหภาพยุโรปปล่อยให้กรีซล้มละลายกรีซจะตอบโต้ด้วยการปล่อยให้คลื่นสึนามิผู้อพยพหนีตายจากสงรามในตะวันออกกลางเข้ามาในยุโรปซึ่งอาจจะมีพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสแฝงเข้ามาด้วยแน่ๆ วันนี้ทางอินโดนีเซียเอาอย่างกรีซบ้าง โดยรัฐมนตรีของอินโดนีเซียขู่กลับไปยังผู้นำออสเตรเลียว่าจะปล่อยคลื่นสึนามิผู้อพยพลี้ภัยผิดกฎหมายจำนวนมากประมาณ 10,000 กว่าคนเข้าสู่ออสเตรเลียแน่ หากออสเตรเลียใช้มาตรการกดดันการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียต่อกรณีนักโทษประหารชาวออสเตรเลียคดีค้าเฮโรอินที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆนี้
    เออ… ชักมันหละ คู่นี้ก็ไม่เบาเหมือนกัน แลกหมัดกันไปมาอยู่หลายครั้งเกี่ยวกับคดีนี้แหละ ที่ไปที่มามันเป็นอย่างนี้ เมื่อปี 2005 ทางการอินโดนีเซียจับกุมพ่อค้ายาชายชาวออสเตรเลียได้ 2 คนพร้อมของกลางเป็นเฮโรอินหนัก 8.3 กก.ที่กำลังจะขนจากประเทศอินโดนีเซียเข้าไปยังประเทศออสเตรเลีย และโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติดในอินโดนีเซียนั้นรุนแรงมาก ยิ่งเจอเฮโรอินเยอะขนาดนี้โทษสถานเดียวคือ "ประหาร" เท่านั้น
    ส่วนนักการเมืองของออสเตรเลียนั้นไม่สนว่ากฎหมายของประเทศอื่นจะว่าอย่างไร ขอให้ช่วยคนของตนเองรอดพ้นจากความตายและกลับมาประเทศออสเตรเลียได้ก็พอ ก็พยายามวิ่งเต้นทุกทางด้วยหวังว่าสุดท้ายแล้วจะรอดคล้ายกับกรณีนักข่าวอัลจาซีร่าสัญชาติออสเตรเลียที่ถูกทางการอียิปต์จับได้และถูกดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายในอียิปต์นั่นเอง ออสเตรเลียอยากจะให้ทางการอินโดนีเซียละโทษตายให้และปล่อยคนของตนอย่างนั้นบ้างเสนอให้ผู้นำอินโดใช้อำนาจพิเศษนิรโทษให้นักโทษประหารทั้งสองรายนี้ซะเลย แต่อินโดนีเซียบอกว่าทำไม่ได้ผิดกฎหมายเช่นกัน ออสเตรเลียก็ใช้พวก NGO ฮิวแมนไรท์วอท์ชเป็นเครื่องมือในการกดดันด้านสิทธิมนุษยชนในอินโดนีเซียอีก รัฐบาลอินโดนีเซียก็ไม่สนเพราะหลักฐานมัดมือซะขนาดนั้นดิ้นให้ตายก็ไม่รอดหรอก อย่ามาอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ถ้าอย่างนั้นประเทศตะวันตกก็ปล่อยตัวผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับคดียาเสพติดทั้งหมดสิแล้วก็ยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเลย ปล่อยให้มีการค้าเฮโรอินอย่างเสรีในออสเตรเลียไปเลยสิ
    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานาย Tony Abbott นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียได้ยกกรณีเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในปี 2004 ให้กับอินโดนีเซียจำนวน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท) โดยบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ทางกรุงจากาต้าจะตอบแทนบุญคุณกรุงแคนเบอร์ร่าในครั้งนั้นด้วยการปล่อยนักโทษประหารชาวออสเตรเลียคดียาเสพติดทั้งสองคนให้เป็นอิสระ ทางอินโนเซียก็สวนกลับทันทีเลยว่า "พ่อแม่พี่น้องชาวดินโนนีีเซียทั้งหลาย ตอนนี้นายโทนี่ แอ็บบอทท์ได้มาทวงเงินกู้จำนวน 1,000 ล้านเหรียญของเขาคืนแล้ว ขอให้พวกเราช่วยกันออกมาบริจากเงินเหรียญคนละเหรียญสองเหรียญเพื่อให้รัฐบาลมีสามารถนำไปใช้หนี้ทางกรุงแคนเบอร์ร่าได้" ดังนั้นในสัปดาห์ต่อมาก็เกิดการรณรงค์ "Coins for Abbott" ขึ้นมาอย่างครึกโครมทั่วประเทศอินโดนีเซีย กระแสคนอินโดรักชาติเริ่มต่อต้านออสเตรเลียเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ งานนี้แอ็บบอทท์เดินเกมผิดซะแล้ว
    ยัง ยังไม่เข็ดประมาณเมื่อสัปดาห์ก่อน โทนี่ แอ็บบอทท์ก็ออกมาขู่รัฐบาลอินโดนีเซียอีกว่าถ้าไม่ปล่อยนักโทษประหารคดียาเสพติดสัญชาติออสเตรเลีย ทางรัฐบาลออสเตรเลียก็จะไม่มาตรการเรื่องการไม่สนับสนุนการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียเป็นการตอบโต้ โอ้! มันเอาทุกทางจริงๆ
    ทางอินโดนีเซียยอมซะที่ไหนหละ ก็ขู่กลับด้วยการจะปล่อยคลื่นสึนามิผู้อพยพลี้ภัยผิดกฎหมายในอินโดเข้าไปยังออสเตรเลียเพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการดังกล่าวของนายแอ็บบอทท์ซะเลย ทางการอินโดเรียกร้องให้ออสเตรเลียรู้จักคำว่าเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของอินโดนีเซียบ้าง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริยธรรม ที่จะยกเรื่องสิทธิมนุษยชนมาอ้างได้ และกล่าวว่า "พวกเราเคารพระบบกฎหมายของประเทศอื่น ออสเตรเลียจะต้องมาศึกษาเกี่ยกกับเรื่องจริยธรรม (ethics) ที่นี่ ในมหาวิทยาลัย Gadjah Mada นี่" อูยส์... เจ็บอ่ะ... ซี๊สเลย อุบ๊ะ! สงครามน้ำลายระหว่างนักการทูตสองประเทศนี้มันดุเดือดกันนจริงๆ รอดูยกต่อไปว่าจะเป็นมวยล้มต้นคนดูอย่างกรณีนักโทษอียิปต์หรือเปล่า? เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าทางอินโดกำลังรออะไรบางอย่างจากออสเตรเลียอยู่หรือเปล่า? แต่ล่าสุดอินโดนีเซียก็อนุญาตให้ญาติของนักโทษทั้งสองคนเดินทางเข้าเยี่ยมนักโทษแล้ว หรือว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างนักโทษประหารกับญาติของพวกเขา
    แต่ปัญหาเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับติมอร์ตะวันออกด้วยหรือเปล่า? เพราะทางอินโดเริ่มระแคะระคายเกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างของออสเตรเลียซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะพยายามสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ให้เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้งหลังจากที่แยกออกจากอินโดในปี 2542 และประกาศอิสรภาพเป็นประเทศใหม่ชื่อ "ติมอร์-เลสเต" ในปี 2545
    The Eyes
    12/03/2558
    ------------
    http://rt.com/…/239421-indonesia-executions-australia-mini…/
    http://rt.com/news/234607-indonesia-aid-coins-abbott/
    Death row Aussies in Indonesia: Australia wants clemency, threatens ‘pulling foreign aid’ — RT News
    http://www.hrw.org/…/dispatches-time-asia-pacific-anti-deat…
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เกิดเหตุไฟไหมศูนย์การค้า Admiral ในเมืองคาซาน ตาตาร์สถาน รัสเซีย

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.58) เวลา 13.00 น.ตามเวลาในกรุงมอสโคว์สำนักข่าวต่างประทศรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ศูนย์การค้า Admiral trade center ในเมืองคาซาน (Kazan) เมืองหลวงของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน ในรัสเซีย จากรายงานล่าสุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วด้วยกันทั้งหมด 4 ราย 1 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุส่วนอีก 3 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มี 3 ชั้นบนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร เจ้าหน้าที่บอกว่าไฟได้ลามจากชั้นที่ 1 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 3 ส่วนสาเหตุของไฟไหม้นั้นกำลังอยู่ในการตรวจสอบ
    ในขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ไปเรื่อยๆนั้นผู้คนต่างก็แตกตื่นวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ส่วนคนที่เป็นผู้ค้าเป็นเจ้าของสินค้าก็พยายามจะเข้าไปขนเอาข้าวของและทรัพย์สินของตัวเองออกจากเพลิง เจ้าหน้าที่ต้องระดมทั้งพนักงานดับเพลิง หน่วยกู้ภัย ตำรวจปราบจลาจล รถพยาบาลจำนวนมากมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ รถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยนั้นก็มาช่วยกันดับเพลิง แล้วตำรวจปราบจลาจลเอามาทำไม? ก็พวกเจ้าร้านค้ารายย่อยเขาดึงดันจะเข้าไปขนเอาข้าวของของพวกเขาออกมา ซึ่งเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากตึกถล่ม ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงจำเป็นต้องขอแรงตำรวจปราบจลาจลหลายร้อยนายมาช่วยกันล้อมไม่ให้คนเหล่านั้นเข้าไปภายในที่เกิดเหตุได้ และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงด้วย เช่นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนหนึ่งพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างในออกมาอย่างปลอดภัย แต่คนข้างนอกก็พยายามจะวิ่งเข้าไปหากองไฟที่กำลังลุกไหม้แรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไรถึงจะช่วยได้หมด ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องขอแรงตำรวจมาช่วยกันคนเหล่านั้นไว้
    The Eyes
    12/03/2558
    ------------
    Shopping mall blaze & collapse: 4 dead, over 30 injured, 650 evacuated in Kazan, Russia — RT News
    Explosion in Busy Market in Northeast India Kills Four / Sputnik International
    TASS: Russia - Death toll in Kazan trade center fire reaches 3
    TASS: Russia - Vendors rush into burning trade center to save their goods in Russia's Kazan
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    กรีซขู่จะยึดสินทรัพย์ของเยอมันนีที่มีอยู่ในกรีซ หากเยอรมันนีปฏิเสธจ่ายค่าเงินชดเชยสงครามโลกครั้งที่สอง

    [​IMG]

    -------------
    เรื่องเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตหนี้สินของกรีซนี่ก็ละสายตาไม่ได้จริงๆเลย มีให้ลุ้นกันทุกวัน ดูเหมือนว่าความตึงเครียดระหว่างกรีซกับเยอรมันนีจะเริ่มขยายออกมาเรื่อยๆแล้ว เมื่อวานนี้กรีซก็พึ่งจะขู่อียูไปหยกๆเองว่าถ้าอียูปล่อยให้กรีซล้มละลาย กรีซก็จะปล่อยให้ผู้อพยพผิดจากตะวันออกกลางไหลเข้ามาในยุโรปเป็นล้านๆคนตามที่ได้เล่าให้ฟังกันไปแล้วก่อนหน้านี้
    วันนี้เอาอีก กรีซหยิบมุกเก่ามาขู่อีกรอบแต่ปัดฝุ่นหน่อยนึง คือเรื่องทวงหนี้ค่าปฏิกรรมสงครามหรือที่พูดภาษาชาวบ้านว่าเงินชดเชยค่าเสียหายอันเกิดจากสงโครมโลกครั้งที่สองในสมัยที่นาซีเยอรมันเข้ายึดและเข่นฆ่าผู้คนในกรีซและทำลายทรัพย์ของกรีซเสียหายมากมายนั่นแหละ ล่าสุดรมว.ยุติธรรมของกรีซออกโรงบ้าง (วันก่อนคลังกับกลาโหมออกแล้ว) โดยออกมากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ Mega TV ของกรีซว่าถ้าเยอรมันปฏิเสธที่จะเงินชดเชยความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สองให้กับกรีซ งั้นกรีซก็มีสิทธิ์ที่จะยึดสินทรัพย์ของเยอรมันที่มีอยู่ในประเทศกรีซโดยชอบธรรม เช่นโรเรียนด้านโบราณคดี และสถาบันเกอเธ่ (Goethe Institute) ของเยอรมันในกรีซ หรือแม้กระทั่งธุรกิจอื่นๆของเยอรมันที่มีอยู่ในประเทศกรีซ ต้องอย่างนี้ดิ้ ถึงจะหนุกน่าลุ้น!
    ที่บอกว่าเอาเรื่องเก่ามาปัดฝุ่นนี่ก็เรื่องทวงหนี้สงครามนี้แหละ ที่บอกว่าเก่าเพราะว่าแนวความคิดนี้ไม่ใช่พึ่งจะมาโผล่ในสมัยรัฐบาลนี้ของกรีซเท่านั้น แต่เคยมีผู้เสนอมาแล้วในปี 2000 (2543) เมื่อ 15 ปีที่แล้ว รมว.ยุติธรรมของกรีซกล่าวว่า "กฏหมาย (ของกรีซ) ระบุเอาไว้ว่ารัฐมนตรีจะต้องมีคำสั่งให้ศาลสูงของกรีซก่อนที่จะมีการพิจารณาดำเนินคดี... และตอนนี้ผมก็พร้อมแล้วที่จะอนุมัติคำสั่งนั้น"
    เยอรมันยังไม่มีคำตอบให้กับกรณีนี้ของกรีซ แต่ออกมาพูดเฉพาะเรื่องเงินชดเชยสงครามว่า "เราเชื่อมั่นว่าคำถามเกี่ยวกับค่าเสียหายหรือเงินทดแทนนั้น ได้รับการแก้ไขทั้งทางกฎหมายและการเมืองเรียบร้อยไปแล้ว" เรื่องรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางแบบนี้ต้องยกให้เขาเลยหละ
    ฝ่ายเยอรมันบอกว่าได้จ่ายเงินดังกล่าวให้กับกรีซไปแล้วจำนวน $25 ล้านเหรียญในปี 1950 ซึ่งก็เท่ากับ $220 ล้านเหรียญในปัจจุบัน และจ่ายให้อีก 115 ล้านดอยท์สชมาร์ค (เท่ากับ $230 เหรียญในปัจจุบัน) ในปี 1960 แต่กรีซบอกว่าอันที่จริงแล้วเยอรมันนีจะต้องจ่ายให้กรีซถึง $7.1 พันล้านเหรียญในอดีต และคิดเป็นเงินยูโรในสมัยปัจจุบันก็เท่ากับ €108 พันล้านยูโร แล้วมันคิดเป็นเงินไทยสักเท่าไรหละนี่? ก็ตกประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท (อัตราและเปลี่ยน 1 ยูโร = 35.2658 บาท) สำหรับจำนวนเงินที่จะเรียกเก็บจริงๆนั้นตัวเลขยังไม่แน่ชัด บ้างก็ว่า €108 พันล้าน บ้างก็ว่า €162 พันล้าน นี่ยังไม่รวมดอกนะ แต่หนี้สินของกรีซตอนนี้มีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ €315 พันล้าน (ประมาณ 11.1 ล้านล้านบาท) ดังนั้นเงินชดเชยสงครามจำนวน €108 พันล้าน ก็ตกประมาณ 34.29% ของหนี้ทั้งหมดในปัจจุบันของกรีซ ก็ช่วยได้เยอะอยู่นา
    ปัญหาก็คือว่าเยอรมันนีนี่มันเขี้ยวอ่ะ จะดึงเกมให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เหมือนเขาไม่ได้ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สินให้กับกรีซจริงๆ แต่ที่ต้องการนั้นก็คือทรัพย์สินของกรีซต่างหาก แล้วจะอยู่ร่วมกันยังไงต่อไปหละนี่ ถ้ากรีซกล้าทำจริงๆอย่างที่ว่ามา ประเทศอื่นที่เคยถูกมหาอำนาจรุกรานในอดีตจนถึงปัจจุบันก็จะเอาอย่างบ้างหละนะ และโจทก์ของนาซีเยอรมันในอดีตก็มีอยู่เยอะ ไหนจะเวียดนามและตะวันออกกลางที่ถูกสหรัฐฯกับนาโต้ไปรุกรานอีกหละ เล่นทวงกันซึ่งๆ หน้าที่แหละ ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นกำไร อาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือเปล่า? ถ้ายอมตลอดพวกนั้นก็ยิ่งได้ใจและสร้างสงครามไม่หยุดหย่อน แต่ถ้าผู้ที่ถูกรังแกหลายๆประเทศเริ่มโวยวายอย่างกรีซนี่ ก็อาจจะทำให้สหรัฐฯจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการที่จะก่อสงครามง่ายๆอีก
    The Eyes
    12/03/2558
    --------------
    http://rt.com/news/239593-germany-greece-war-reparations/
    Greek Minister 'Ready' to Sign WWII Reparation Order for Nazi Massacre / Sputnik International
    TASS: World - Greek justice minister: German property seizure possible as WWII compensation
    ​Payback time? Greek PM seeks reparations over Nazi occupation & war-time loan — RT News
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯข่มเวียดนามให้หยุดความร่วมมือด้านการทหารกับรัสเซีย

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้พึ่งจะนำเสนอข่าวจีนฮึ่มใส่เลขาฯอาเซียนคนปัจจุบันที่เป็นชาวเวียดนามกรณีเวียดนามพยายามดึงชาติอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้กับจีน และมองว่ากรณีนั้นเวียดนามเป็นโปร-อเมริกา และช่วงหลังมานี้อเมริกาเริ่มหันมาทำดีกลับเวียดนามมากขึ้นด้วย แต่เวียดนามก็ไม่ได้เลือกคบฝ่ายใตฝ่ายหนึ่งทั้งหมดซะเดียวนะ ในบางมิติก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับจีนและรัสเซียด้วย เพื่อความอยู่รอดอ่ะทำไงได้
    วันนี้มาอีกหละเวียดนาม แต่ไม่ใช่เวียดนามเป็นผู้กระทำ หากแต่เป็นอเมริกาที่กล้ามาออกคำสั่งกับเวียดนามให้หยุดการให้ความร่วมมือด้านกองทัพกับรัสเซียซะ ความร่วมมืออะไร? ที่ไหน? และยังไง? ความร่วมมือที่ว่านี้สหรัฐฯเขาหมายถึงความมือทางด้านกองทัพทั้งทางอากาศและทางน้ำในอ่าวแคม รานห์ (Cam Ranh Bay) ที่เมืองญาจางทางใต้ของเวียดนามนะสิครับผม ที่อ่าวแคม รานห์นี้มีจุดยุทธศาสตร์ทางการทหารอยู่ 2 จุดใหญ่คือ 1) สนามบินนานาชาติเนีย เทรียง แคม รานห์ 2)อดีตฐานทัพเรือของโซเวียตในอ่าวแคม รานห์
    ขอย้อนอดีตซักนิดนึงนะจะได้รู้ที่ไปที่มาของฐานทัพเรือและอากาศในอ่าวแคม รานห์นี้ ในช่วงที่เกิดสงครามเวียดนามนั้น (2498-2518) สหรัฐฯซึ่งอยู่ฝ่ายเวียดนามใต้ (ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย) ได้สร้างสนามบินขึ้นที่อ่าวแคม รานห์เมืองญาจาง แต่พอเวียดนามใต้แพ้สงครามให้กับเวียดนามเหนือและเวียดกงที่หนุนโดยกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นเช่นโซเวียตและจีน สหรัฐฯก็ถอนกองทำกำลังทั้งหมดของตนกลับประเทศ และเวียดนามเหนือก็รวมเวียดนามใต้เข้าเป็นประเทศเดียวกันเรียกว่า "เวียดนาม" มาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นทางโซเวียต (2465-2534) ก็เข้ามาขอเช่าสนามบินแห่งนี้จากเวียดนามซึ่งเป็นเจ้าของประเทศภายใต้สัญญา 25 ปี และในช่วงนี้โซเวียตก็ได้สร้างฐานทัพเรือของตนขึ้นที่อ่าวแคม รานห์แห่งนี้ด้วย ในยุคนั้นฐานทัพแห่งนี้ถือว่าเป็นฐานทัพทั้งทางอาอาศและทางเรือนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดของโซเวียต มีไว้สำหรับป้องกันไม่ให้ฝ่ายสหรัฐฯกลับมายึดเวียดนามอีกครั้งและสำหรับสอดส่องพฤติกรรมของกองทัพสหรัฐฯที่ฐานโอลองกาโป อ่าวซูบิคประเทศฟิลิปปินส์ และก็กลายเป็นสงครามเย็นเรื่อยมา ยังไม่ครบ 25 ปีตามระบุไว้ในสัญญาเช่ากันเลย สหภาพโซเวียตซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในธงของคอมมิวนิสต์ก็ล่มสลายซะก่อน ก็เหลือแต่จีนที่เป็นพี่ใหญ่เพียงคนเดียวของฝ่ายคอมมิวนิสต์
    คอมมิวนิสต์ในเอเซียนี่ก็แปลก เวลาสู้กับพวกประชาธิปไตยที่นำโดยสหรัฐฯนี่ร่วมมือกันดี แต่พอเวลาฝ่ายนิยมประชาธิปไตยแพ้สงครามในเวียดนาแล้ว พวกนี้ก็หันมาทะเลาะกันเองอีก สงสัยตอนนั้นเวียดนามคงจะมีกำลังใจฮึกเหิมมากที่เอาชนะอเมริกาได้ ก็เลยคิดที่จะขยายอำนาจลงมาทางกำพูชา ลาว และไทย เวียดนามจึงยกทัพขับไล่พวกเขมรแดงในกัมพูชาที่สนับสนุนโดยจีน จีนเห็นอย่างนั้นก็ยกทัพตีตลบหลังเวียดนามอีกทางหนึ่ง สู้กันนานอยู่ 45 วันเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมากด้วยกันทั้งสองฝ่าย แล้วต่างก็เจรจาเลิกรบกัน จีนก็ถอยออกจากเวียดนาม (ทำให้ไทยรอดมาจากเงื้อมมือของเวียดนามในครั้งได้หวุดหวิดด้วย) ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกลับเวียดนามก็เริ่มจะไม่ดีตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งโซเวียตล่มสลายนั่นแหละ ถึงคิดได้ว่าภัยกำลังจะมาเยือนแล้ว คอมคิวนิสต์คงไม่เหลือแน่หากยังทะเลาะกันต่อไปอีก จึงได้หันมาร่วมมือกันอีกครั้ง แต่พอนานไปความระหองระแหงระหว่างจีนกับเวียดนามก็เริ่มขึ้นอีกจนได้ เพราะผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้ไม่ลงตัวกัน เพราะว่างานนี้ไม่ได้มีผู้เล่นเฉพาะจีนกับเวียดนามเท่านั้นอย่างที่ได้กล่าวไปในโพสต์ก่อนหน้านี้
    กลับมาที่รัสเซีย หลังจากหมดยุคของโซเวียตแล้วรัฐบาลรัสเซียในสมัยนั้นก็ยกเลิกการเช่าฐานทัพในอ่าวแคม รานห์ของเวียดนามไปด้วยโดยให้เหตุผลว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ แต่มีนักวิเคราะห์ในสมัยนั้นออกมากล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดที่รัสเซียถอนกองกำลังของตัวเองออกจากภูมิภาคนี้ เพราะจะทำให้สหรัฐฯเข้ามาวางอำนาจในแถบนี้แทน ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อันที่จริงไม่ใช่รัสเซียไม่ฉลาด แต่เป็นเพราะว่าผู้นำของรัสเซียในสมัยนั้นโปร-อเมริกาต่างหาก เพราะเป็นความต้องการของอเมริกาที่ต้องการจะบั่นทอนความแข็งแกร่งทางกองทัพของรัสเซีย จึงยุให้ผู้นำรัสเซียในสมัยถอนทัพออกจากเวียดนามและยกเลิกสัญญาเช่าฐานทัพแห่งนี้
    ต่อมาเมื่อปูตินก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของรัสเซียก็คิดจะกระทบไหล่อเมริกาอีกครั้งด้วยการจับมือกันกับจีนและชาติพันธมิตรคอมมิวนิสต์ในอดีตทั้งหลายรวมทั้งฝั่งที่นิยมประชาธิปไตยด้วย รัสเซียพยายามที่จะรื้นฟื้นความสัมพันธ์เก่าๆกับเวียดนาม และพยายามตื้อที่จะขอเช่าฐานทัพแคม รานห์จากเวียดนามอีกครั้ง ซึ่งเวียดนามก็บอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้น แต่ถ้าจะแวะเวียนมาพักร้อนตากอากาศ เติมเสบียงอาหาร หรือเอาเครื่องบินเอาเรือรบ เรือดำน้ำมาเติมเชื้อเพลิงนั้นก็ทำได้ งานนี้ปูตินยิ้ม และทางเวียดนามก็ชอบมากๆ เพราะจะได้รัสเซียมาช่วยเป็นกาวใจระหว่างเวียดนามกับจีนได้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-เวียดนามนั้นดีมากๆ มีอยู่หลายระดับเช่นความร่วมมือในด้านการค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้านพลังงาน รัสเซียมาออกแบบและสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้เวียดนาม การท่องเที่ยวคนรัสเซียมาเที่ยวเวียดนาม 30 วันไม่ต้องขอวีซ่า แต่ถ้าเวียดนามไปรัสเซียยังต้องขออยู่ ด้านอาวุธเวียดนามก็ซื้อทั้งเรือดำน้ำและเรือรบจากรัสเซีย ด้านระบบต่อต้านอากาศยานและอื่นๆส่วนมากจะเป็นของโซเวียตและรัสเวีย มีของอเมริกา ฝรั่งเศส โปแลนด์ และสเปนบ้างประปราย แต่เครื่องบินรบสมัยใหม่อย่าง Sukhoi SU-30 MK2 และ Sukhoi SU-27 เป็นของรัสเซีย ปูตินบอกว่าเวียดนามจะเอาอะไร ราคาเท่าไร รัสเซียจัดให้ทั้งลดแลกแจกแถมทุกอย่างซึ่งรวมทั้งก๊าซและน้ำมันราคาถูกด้วย ขออย่างเดียวอยากได้ฐานทัพที่อ่าวแคม รานห์คืนมาอีกครั้งเท่านั้น จีบแล้วจีบอีก ตื้อแล้วตื้ออีก ได้นะ ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ได้ทีละนิดขึ้นมาเรื่อย เช่นการขอใช้บริการสนามบินหรือท่าเรือไม่ต้องเรื่องมากทางด้านเอกสารทุกครั้งอีกต่อไป ขอปากเปล่าก็ได้อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเวียดนามก็ได้
    นอกจากนี้บริษัทด้านปริโตเลียมของทั้งสองประเทศยังร่วมมือกันเป็นอย่างดีอีกด้วย อันนี้ถูกใจเวียดนามยิ่งนัก เพราะถ้าได้รัสเซียมาร่วมลงทุนด้านพลังงานก็จะทำให้จีนเกรงใจรัสเซียเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลจีนใต้ได้อีกด้วย ไม่ใช่ว่าเวียดนามแท็กทีมกับรัสเซียหักหลังจีนนะ ไม่ใช่อย่างนั้นปูตินจะไม่คิดตื้นๆอย่างนั้นเด็ดขาด ความเป็นไปได้ก็คือร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายเลยเป็นแบบ วิน-วิน-วิน นี่ไง ก็ฟังดูเข้าท่านะ เดิมทีแนวโน้มมันก็กำลังจะไปในทิศทางนี้แหละ แต่… พออเมริกาเริ่มเข้าใจว่าพวกอดีตคอมมิวนิสต์เก่าพวกนี้กำลังจะกลับมาคืนดีกันแล้ว ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่ๆถ้ายังปล่อยไว้อย่างนี้และหากมีสงครามในภาคพื้นนี้เกิดขึ้นอีก จึงใช้แผนทำลายความสามัคคีของพวกนี้ซะก่อนที่เขาจะรวมกันได้จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีกต่อไป จึงยุให้เลขาฯอาเซียนออกมาขู่จีนว่าการรวมตัวของอาเซียนอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้หากจีนยังแข็งกร้าวในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้
    แต่เหตุผลหลักๆ ที่อเมริกายกมาอ้างในครั้งนี้ก็คือเรื่องเครื่องบินลาดตระเวนทิ้งเบิดสมัยสงครามเย็นรุ่น Tupolev Tu-95 (นาโต้เรียกว่า "Bear") ที่ปูตินเอามาปัดฝุ่นใหม่ในปี 2007 ซึ่งใช้พลังงานนิวเคลียร์บินสำรวจไปทั่วน่านฟ้าของพวกชาติสมาชิกนาโต้และเฉียดเข้าใกล้ฐานทัพสหรัฐฯบนเกาะกวมที่อยู่ในมหาสมุทรแฟซิฟิกซี่งอเมริกาถือว่าเป็นเป็นดินแดนของตัวเอง (อเมริกายึดเกาะต่างๆที่อยู่นอกอาณาเขตประเทศของตนประมาณ 17 แห่ง) ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น และเมื่อเร็วๆนี้ เครื่องบินเติมน้ำมันของรัสเซียรุ่น Ilyushin Il-78 ของรัสเซียก็พึ่งจะบินไปลงเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินนานาชาติเนีย เทรียง แคม รานห์ ของเวียดนามเอง
    ในกรณีนี้อเมริกาบอกว่ารัสเซียกำลังจะทำให้สถานการตึงเครียดขึ้น แต่พอตัวเองกับนาโต้ไปซ้อมรบในกลุ่มประเทศบอลติคใกล้ๆกับชายแดนของรัสเซียทั้งใช้เครื่องบินของนาโต้บินโฉบไปมาอยู่แถวนั้นบ่อยๆ ไม่เรียกว่าทำให้สถานการณ์ตึงเครียดหรอกรึ? อเมริกาบอกว่าไม่ใช่ เพราะอเมริกาเป็นพวก Exceptionalism ได้รับยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้อยู่เหนือกฎทุกอย่างที่ตัวเองกำหนดไว้ให้ผู้อื่นทำเท่านั้นส่วนตัวเองไม่ต้อง คำว่าสองมาตรฐาน หรือ double standard นั้นเชยแล้ว เมื่อถามว่าเป็นความตึงเครียดระหว่างใครกับใคร อเมริกาบอกว่าเป็นความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับอเมริกา อ้าว! อย่างนั้นหรอกรึ? งั้นก็ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่นๆในอาเซียนกับยุโรปนะสิ แต่อเมริกาจะทำให้มันเกี่ยวอ่ะ กรรม!
    ต่อกรณีนี้ทางเวียดนามและรัสเซียยังไม่ได้ออกมาตอบโต้ใดๆต่ออเมริกา ก็ต้องรอฟังอีกต่อไปว่าเขาจะว่าอย่างไรบ้าง ชวนให้ติดตามอีกหละ
    เพิ่มให้อีกนิดหน่อยนะครับ อันที่จริงสหรัฐฯก็กำลังตามจีบเวียดนามอยู่เหมือนกัน โดยยื่นข้อเสนอให้ว่าถ้าเวียดต้องการความร่วมมือจากสหรัฐฯ สหรัฐฯก็จะร่วมมือด้วยไม่ว่าจะเป็นด้านอาวุธ (นั่น!) ด้านพลังงาน หรือแม้แต่ด้านนิวเคลียร์สหรัฐฯก็จัดให้ได้วุ่ย!นิวเคลียร์ด้วยเหรอ? เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ แล้วทีอิหร่านจะเอาบ้างทำไมขวางเขาจังเลย แต่พอเห็นรัสเซียสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้เวียดนามแล้วทำไมสหรัฐฯถึงอยากจมาสร้างให้บ้างหละ แล้วยังโปรยอีกว่า ความสัมพันธ์อาจจะเป็นระยะสั้น ปานกลาง หรือยาวก็ได้ ค่อยว่ากันอีกที นั่นไง เอากะเขาดิ อิจฉารัสเซียหละสิ ปูตินบอกช้าไปแล้วเมกาเอ๋ย กิ้วๆ ส.จ.ด้วยนะจ๊ะ ดูภาพตอนที่ประธานาธิบดีของเวียดนามกอดปูตินดิว่าเขาดีใจขนาดไหน
    The Eyes
    12/03/2558
    ------------
    US Bullies Vietnam to Stop Military Cooperation With Russia / Sputnik International
    http://in.reuters.com/…/usa-vietnam-russia-idINKBN0M724Y201…
    http://www.talkvietnam.com/…/russia-seeks-naval-bases-in-c…/
    http://www.themoscowtimes.com/…/putin-visits-vi…/489463.html
    'Special Comrades' Russia and Vietnam to double trade by 2015 — RT Business
    Chapter 3: Initial Engagement of Engineers
    Ilyushin Il-78 - Wikipedia, the free encyclopedia
    Tupolev Tu-95 - Wikipedia, the free encyclopedia
    Vietnam People's Air Force - Wikipedia, the free encyclopedia
    President of Russia
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เฟอร์กูสันเดือดอีกรอบคนผิวสีรวมตัวประท้วงที่สถานีตำรวจ โดยมือที่มองไม่เห็นยิงตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย

    [​IMG]

    -----------------
    หันมาดูข่าวที่สหรัฐนบ้างครับ เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งลงข่าวว่าตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน (Ferguson, St. Louis County, Missouri, USA) ถูกยิง 2 นายๆละนัดโดยมือที่มองไม่เห็น แต่ไม่เสียชีวิต ในระหว่างที่มีการประท้วงตำรวจที่สถานีตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน
    สืบเนื่องจากคดีตำรวจชื่อ Darren Wilson ได้ก่อเหตุยิงเด็กหนุ่มผิวสี (ดำ) ชื่อ Michael Brown อายุ 18 ปี เชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน สัญชาติอเมริกัน ซึ่งไม่มีอาวุธจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ต่อมาก็มีการเดินประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม ความยุติธรรม ต่อต้านการเหยียดผิวในสังคมอเมริกันกันอย่างรุนแรงจนถึงมีการเผาบ้านเผาเมืองขึ้นในเมืองเฟอร์กูสันเองนั่นแหละ (เหมือนใครหว่า?) ต่อมาคณะลูกขุนใหญ่ก็มีมติเสียงข้างมากว่าไม่สั่งดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ Darren Wilson บอกว่าไม่มีความผิด (อื่ม!… ประชาธิปไตยและความยุติธรรมของอเมริกา)
    ประชาชนเป็นจำนวนมากทั้งผิวชาว ผิวน้ำตาล ผิวดำ ต่างก็ออกมาประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมในคดีนี้อีก ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องเข้ามาสืบสวนคดีนี้อีกครั้ง ผลปรากฏจากรายงานของ DoJ (กระทรวงยุติธรรม) ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯระบุว่าจากการตรวจสอบพบว่าตำรวจเมืองเฟอร์กูสันมีการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวสีจริง โดยบางส่วนในรายงานประมาณ 105 หน้ากล่าวไว้ว่า "รูปแบบและวิธีการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายในกรมตำรวจเมืองเฟอร์กูสันเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่มีการแก้ไขครั้งที่1 ครั้งที่4 และครั้งที่14 และกฎหมายของรัฐบาลกลาง" รายงานนี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะคดีนี้เท่านั้น แต่เป็นการตรวจสอบย้อนหลังถึงคดีอื่นๆที่เกี่ยวกับคนผิวสีในเฟอร์กูสันด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตำรวจผิวขาวรังแกคนผิวดำซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศในเมืองนี้มาโดยตลอด แต่ทางกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯก็ไม่มีการดำเนินคดีใดๆกับอดีตตำรวจ Darren Wilson เช่นกัน
    รายงานฉบันนี้ทำให้ผู้บัญชาการของกรมตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน (Thomas Jackson) อยู่ในตำแหน่่งต่อไปอีกไม่ได้ แทนที่จะให้ใช้วิธีไล่ออก หรือปลดออกก็ให้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้เขายังคงได้รับเงินเดือนรายปีๆละประมาณ $96,000 รวมทั้งสวัสดิการทางสังคมอื่นๆอีกด้วย Thomas Jackson เป็นรายที่ 6 ที่ต้องลาออกจากการเป็นตรวจในเมืองเฟอร์กูสันนับตั้งแต่เกิดเหตุมา ชาวบ้านเขาก็ไม่พอใจอีกที่คนผิดไม่ได้รับการลงโทษ และคดีนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างคนผิวขาวและคนผิวสีในอเมริกา ดังนั้นเขาจึงออกมาประท้วงอีกรอบ คราวนี้นัดกันมาปิดล้อมที่ทำการตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน ฝ่ายตำรวจก็เรียกกำลังสนับสนุนอาวุธครบมือมารับม็อบผิวสีในครั้งนี้เช่นกัน พอตกกลางคืนก็ "โป้ง! โป้ง!" ไม่รู้ว่ามาจากไหน ผลปรากฎว่าตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คนหนึ่งถูกยิงที่ไหล่ส่วนอีกคนถูกยิงที่ใบหน้า ผู้บัญชาการตำรวจแถลงข่าวว่าตำรวจที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมากต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ในเวลาต่อมารอยเตอร์สรายงานว่าตำรวจทั้งสองนายออกจากโรงพยาบาลแล้ว อ้าว! ไหนว่าสาหัสไง? ออกเร็วแท้?
    The Eyes
    13/03/2558
    ------------
    Video Catches Moment Two Ferguson Police Officers Shot During Protest / Sputnik International
    http://rt.com/usa/239989-video-cops-shot-ferguson/
    Ferguson police chief resigns following DOJ report — RT USA
    BBC News - Ferguson police shot during protest
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เวียดนามว๊ากใส่อเมริกา บอกว่าอเมริกากำลังแทรกแซงการเติมเชื้อเพลิงเครื่องบินของรัสเซีย

    [​IMG]

    -----------------
    แหม… สื่อฯฝั่งรัสเซียนี่เขาพาดหัวข่าวได้กวนและมันดีจริงๆอ่ะแบบนี้สิเขาถึงจะเรียกว่าสื่อฯรักชาติตัวจริง ต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองไว้ เอ่อ… ขอนอกเรื่องนิ๊ดดดนึงนะครับ อันที่จริงสื่อฯฝั่งรัสเซียที่เป็นภาษาอังกฤษนี่ก็มีหลายค่ายนะ แต่ส่วนมากจะเป็นพวกรักชาติ ส่วนพวกที่โปร-ตะวันตกก็มีเหมือนกัน แต่แอ็ดมินไม่ค่อยเอามาลงอ่ะ อ่านแล้วมันหงุดหงิด เสียรมณ์ ไม่มัน ก็ประมาณถ้าอ่านข่าวจากกลุ่มนั้นแล้วก็จะอุทานออกมาว่า "เขียนงี้ได้ว้าาาา!..." พฤติกรรมก็คล้ายๆกับสื่อฯสำนักทักแม้วและพวกโปร-ตะวันตกนั่นแหละ แม้จะเป็นของคนไทยแต่ชอบพูดให้ไทยเสียหายในสายตาชาวโลกอยู่บ่อยๆ สื่อฯแบบนี้แอ็ดมินก็จะอ่านผ่านๆ แต่จะเอามาข่าวจากฝั่งรักชาติและตรงไปตรงมา มาเล่าให้ฟังอีกต่อหนึ่งอ่ะนะ เป็นเช่นนี้แล
    อ๊ะ! กลับมาที่เรื่องของเวียดนามต่อดีกว่า เมื่อวานซืนนี้ได้นำเสนอข่าวไปว่าอเมริกาบีบให้เวียดนามลดความสัมพันธ์ด้านอาวุธกับรัสเซีย เพราะอิจฉาที่รัสเซียเริ่มมีเพื่อนในเอเซียมากขึ้นในขณะที่อเมริกาเองกำลังจะสูญเสียความไว้วางใจจากประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมที่ชอบยุยงให้ประชาชนแต่ละประเทศแตกแยก แตกความสามัคคีกัน พอเขารู้ทันก็เริ่มพากันตีตัวออกห่างจากอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในกรณีของเวียดนามนั้นยังไม่มีการตอบโต้ในทันที
    ล่าสุดเมื่อวานนี้ (12 มี.ค.58) มีออกมาสวนหมัดกลับใส่อเมริกาแล้วจากทั้งฝั่งรัสเซียและเวียดนาม ต้องงี้ดี๊! มันถึงน่าลุ้นอ่ะ จะได้ไม่เสียทีที่อดหลับอดนอนเขียนข่าวให้นี่ ผู้อ่านที่เขาติดตามอยู่ก็จะได้ลุ้นต่อด้วยอ่ะ ใช่ป๊ะ? เอาฝั่งรัสเซียก่อนนะครับ คนแรกที่ออกมาพูดคือนายอิกอร์ โกโรเชนโก้ (Igor Korotchenko) เอ๊ะทำไมฟังดูนามสกุลใกล้เคียงกับของปธน.ยูเครนคนปัจจุบันจัง ช่างเหอะ คนนี้เป็นใคร? ตำแหน่งของเขาก็คือเป็นผู้อำนวยการใหญ่ด้านการวิเคราะห์ของการค้าอาวุธโลก (Centre for Analysis of World Arms Trade) ว้าว! ฟังดูเหมือนในหนังเรื่อง "Lord of War 2005" เลยนะ ชื่อย่อของศูนย์นี้ก็คือ "CAWAT" จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มาจากเว็บไซต์ของ CAWAT พบว่าเป็นองค์กรเอกชนลักษณะภายนอกรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธทั่วโลกตีพิมพ์รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ส่วนเบื้องหลังนั้นสันนิษฐานว่าจะเป็นประเภทพ่อค้าอาวุธหรือคนกลางนั่นแหละ มีสำนักงานใหญ่ที่รัสเซียและนายอิกอร์ โกโรเชนโก้ ก็เป็นคนรัสเซีย
    โดยนายอิกอร์ โกโรเชนโก้ ได้ออกมาพูดกับสื่อฯว่า "ข้อเรียกร้องของรัฐบาลสหรัฐ (ต่อกรณีเวียดนาม-รัสเซีย) นั้นถือว่าหยาบคายมาก การพูดแทรกแซงว่าอากาศยานของรัสเซียที่แวะเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินแคม รานห์โดยบอกว่าบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ไปด้วยถือว่าเป็นการยั่วยุและเป็นแถลงการณ์ที่สหรัฐฯมโนไปเอง เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียอยู่ในการปฏิบัติภารกิจในภาคพื้นเอเซีย-แปซิฟิก ไม่ใช่การคุกคามใดๆทั้งนั้น ทางการเวียดนามจะไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของวอร์ชิงตัน ความร่วมมือทางด้านกองทัพและการสนับสนุนทางด้านเทคนิคทางการทหารระหว่างรัสเซียและเวียดนามถือว่าเป็นความสำคัญอันดับต้นๆสำหรับกรุงฮานอย" นี่พูดแทนเวียดนามเลยนะนี่
    นอกจากนี้นายอิกอร์ โกโรเชนโก้ ยังกล่าวอีกว่า "ระบบต่อต้านมิสไซล์ที่ไม่เปิดเผยของสหรัฐฯในเอเซีย-แปซิฟิกนั่นแหละที่น่าจะเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง" เอากะรัสเซียดิ นี่ขนาดอเมริกาไม่เปิดเผย แต่พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียก็ยังรู้มากขนาดนั้นเลยอ่ะ และยังพูดเสริมอีกว่า "ความไม่มั่นคงในภูมิภาคอาจจะถูกกระตุ้นขึ้นมา... โดยอเมริกาและพันธมิตรของเขาที่กำลังปกปิดระบบป้องกันมิสไซล์ในบางส่วนในเอเซีย ซึ่งมีแต่จะสร้างความตึงเครียดจากภายนอกให้เกิดขึ้นและนำไปสู่การแข่งขันกันทางอาวุธ"
    คราวนี้หันมาดูฝั่งเวียดนามบ้าง ทีเด็ดมันอยู่ตรงนี้ ล่าสุดสำนักข่าวSputnik Việt Nam ของรัสเซีย (สื่อฯรัสเซียขยายตลาดไปสู่เวียดนามแล้วนะทำเป็นภาษาเวียดนามด้วยแข่งกับพวกตะวันตก เสียดายจังอ่านภาษาเวียดนามไม่ได้อ่ะไม่งั้นจะได้เอามาวิเคราะห์เปรียบเทียบให้ฟังว่าพฤติกรรมเป็นอย่างบีบีซีแดงในไทยที่คอยกัดไทยอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า แต่ของรัสเซียคิดว่าคงไม่ใช่แนวตะวันตกอ่ะ) พาแวะข้างทางเรื่อยเลย ต่อนะครับ ในวันเดียวกันนี้พันเอกเลอเมา (Colonel Le The Mau) เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพเวียดนามจากสถาบันยุทธศาสตร์ทางกองทัพของประเทศได้กล่าวกับสำนักข่าวฯว่า "ข้อเรียกร้องของกรุงวอร์ชิงตันที่ต้องการให้เวียดนามระงับการอนุญาตให้เครื่องบินเติมน้ำมันของรัสเซียลงจอดที่เวียดนามนั้นไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของเวียตนาม ซึ่งมีอำนาจอธิปไตยของรัฐในการกำหนดนโยบายต่างประเทศในการให้ความร่วมมือกับเพื่อนและหุ้นส่วนของตัวเอง" แปลเป็นภาษาชาวบ้านบอกว่า "เมกาอย่าเจือก!" โอ๊ะๆ โอยยยย... เพ้งๆๆๆๆ หน้าแตกดิอเมริกา หงายไปเลย
    นอกจากนี้พันเอกเลอเมายังเสริมอีกว่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงของรัสเซียไม่ใช่เครื่องบินทางทหาร (อันนี้รัสเซียไม่ได้พูดนะ เวียดนามพูดเอง ก็ในสายตาเวียดนามบอกว่าไม่ใช่ ก็ต้องไม่ใช่สิ แต่พอบินออกจากเวียดนามไปแล้วจะบอกว่าเป็นของกองทัพรัสเซียหรือว่าเป็นอะไรก็ว่ากันเองนะ อิๆ มันดีจ๊ะ) และที่เขามาแลนดิ้งที่สนามบินแคม รานห์นั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในฐานะกิจการต่างประเทศ แล้วก็ย้ำให้กรุงวอชิงตันรู้อีกครั้งว่า "รัสเซียเป็นหุ้นส่วนทางด้านยุทธศาสตร์ของเวียดนาม พวกเรากำลังพัฒนาความร่วมมือในด้านกองทัพและเทคนิค หนึ่งในองค์ประกอบเหล่านั้นก็คือการให้เครื่องบินเติมน้ำมันของรัสเซียลงจอดที่สนามบินแคม รานห์ได้นั่นเอง"
    เขายังคิดว่าตัวเองนั้นแน่มากในภูมิภาคนี้นะคุณอเมริกา และขู่ใครไม่ขู่ ดันไปขู่เวียดนามที่เอาชนะกองทัพอเมริกาในสงครามเวียดนามมาแล้วในอดีตซะด้วย เขากลัวซะที่ไหนหละ บรรยากาศความสัมพันธ์วันวานระหว่างเวียตนาม-รัสเซียกำลังจะกลับมาอีกครั้ง กำลังใจของเวียดนามกำลังจะได้รับการฟื้นฟูแล้ว เพราะตอนนี้กัมพูชาผู้ไม่เคยง้ออเมริกาก็ปึ๊กกับเวียดนามซะด้วย ขาดแต่จีนเท่านั้น ถ้าตกลงกันเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้นี่ผ่านฉลุยแน่
    The Eyes
    13/03/2558
    ------------
    Vietnam Will Not Stop Russia From Using Cam Rahn Bay Base - Think Tank Head / Sputnik International
    Vietnam Military Blasts US for Interfering With Russian Refueling Flights / Sputnik International
    http://www.armstrade.org/…/yea…/report/methodics/index.shtml
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้จับมือกันถกปัญหาความขัดแยังหาทางออกร่วมกันเรียนแบบการเจรจา 4 ฝ่ายกรุงมินส์ก อเมริกาไม่เกี่ยว

    [​IMG]

    -------------------
    ไหนๆก็พูดถึงจีนแล้วต่อให้อีกหน่อยนะครับ เป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดระหว่างจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.58 ที่ผ่านมามีการจัดการประชุมเจ้าหน้าที่ต่างประเทศระดับสูงสามฝ่ายครั้งที่ 10 ขึ้นที่กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ 3 ฝ่ายที่ว่านี้มีใครบ้าง? ก็ประกอบด้วย นาย Lee Kyung-Soo รมช.ต่างประเทศของเกาหลีใต้, นาย Shinsuke Sugiyama รมช.ต่างประเทศของญี่ปุ่น และนาย Liu Zhenmin รองรมว.ต่างประเทศของจีน ทั้ง 3 ประเทศเข้าร่วมปรึกษาหารือแนวทางความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความตึงเครียดระหว่าง 3 ประเทศอันสืบเนื่องมาจากปัญหาสงครามในอดีตและหารือเกี่ยวกับการประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายต่อไป (a three-way summit) ซึ่งการประชุมนัดหน้าอาจจะมีอีกครั้งที่กรุงโซลในช่วงปลายเดือนนี้ (สื่อฯบอกว่าประมาณวันที่ 21-22 มี.ค.) ที่มาคุยกันนี้ทั้ง 3 ประเทศอยากจะแก้ไขปัญหาร่วมกันให้จบๆไปและจะได้ก้าวเข้าสู่ความร่วมมือกันในด้านอื่นๆต่อไป
    แล้วปัญหามันคืออะไร? 1.) ปัญหาระหว่างเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น เกาหลีใต้กล่าวหาว่าทางญี่ปุ่นพยายามที่จะลบคำขอโทษของตัวเองที่ได้แถลงไว้ในปี 2536 (1993) เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงบริการ (Comfort women) ชาวเกาหลีที่ถูกทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองกระทำให้เป็นทาสเพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน (sex slaves) ในซ่องของทหารญี่ปุ่นในสมัยนั้น (ตามข่าวฝั่งตะวันตกและเกาหลีเขาเขียนอย่างนี้นะ) แล้วเรื่องมันเป็นมายังไง? อยากรู้หละสิ... ก็เขียนอย่างนี้ก็สะกิดต่อมอยากรู้เข้าให้ ก็ย่อมจะอยากรู้ตามไปด้วยดิ แต่มันยาวนิดนึงนะ ยาวก็จะอ่าน... (พูดก็พูดนะครับ คนเขียนเองก็อยากรู้เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ)
    เอาย่อๆก็พอนะครับ เรื่องมันเป็นมาอย่างนี้ จุดเริ่มต้นของการนำเรื่องนี้ออกมาพูดอีกครั้งก็สืบเนื่องมาจากมีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของทาสบำบัดความใคร่ทางเพศในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เขียนโดยชาวเกาหลีในปี 2524 แต่ทางญี่ปุ่นบอกว่าหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการขโมยความคิดหรือลอกเรียนมาจากหนังสือญี่ปุ่นเล่มหนึ่งที่แต่งขึ้นในปี 2519 ต่อมาในปี 2532 ก็มีการแปลหนังสือเรื่อง "คำให้การของเซอิจิ โยชิดะ" (the testimony of Seiji Yoshida) เป็นภาษาเกาหลี แล้วก็เผยแพร่ออกมาตามสื่อฯต่างๆ เนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นก็บอกเล่าเรื่องราวของหญิงชาวเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับให้เป็นเครื่องบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นในสมัยนั้น ก็สร้างความไม่พอใจให้ชาวเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก
    ในปี 2536 รัฐบาลญี่ปุ่นก็ตีพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "testimonies the Kono Statement" เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการข่มขู่บังคับลักพาตัวผู้หญิงมาเป็นเครื่องบำเรอกามในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนั้นจริง นั่นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นในสมัยนั้นมีความจริงใจที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งความเสียใจและการขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วจากการกระทำของคนในรุ่นก่อน
    แต่จู่ๆในปี 2550 (2007) รัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่นดันมากลับคำและบอกว่าไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันว่ากองทัพของญี่ปุ่นหรือเจ้าหน้าที่ทางทหารไม่ได้ใช้กำลังฉุดบังคับผู้หญิงเหล่านั้นเลย ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นหญิงบริการ (โสเภณี) ในปี 2557 (2014) รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบรายงานในปี 2550 ใหม่ และนำไปสู่การออกแถลงการณ์ว่ารัฐบาลยอมรับความจริงตามที่เคยระบุไว้ใน Kono Statement ในปี 2536 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดทางไปสู่การเจรจายุติความขัดแย้งกับเกาหลีใต้ให้ได้
    มาดูผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนทำให้เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นทะเลาะกันเพราะเรื่องในอดีตที่น่าจะจบลงไปแล้วนั้นบ้าง ในปี 2553 มีการสร้างอนุสาวรีย์หญิงบริการ (Comfort women) ขึ้นเป็นครั้งแรกในรัฐนิวเจอซี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนเหตุการณ์หรือการกระทำที่ทหารญี่ปุ่นบังคับหญิงเกาหลีใต้เป็นเครื่องบำเรอกามของตนในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองประมาณ 200,000 คน (ตัวเลขนี้เกาหลีใต้และสหรัฐฯเขียนขึ้นมาเอง) ต่อมาในปี 2556 ก็มีการก่อสร้างรูปปั้นหญิงบริการขึ้นที่สวนสาธารณะเกลนเดล (Glendale) ในรัฐแคลิฟอร์เนียขึ้นมาอีก และเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2557 ก็มีการสร้างอนุสาวรีย์ Comfort women ขึ้นมาอีกครั้งใน Southfield, Michigan ประเทศสหรัฐฯอเมริกา ที่เกาหลีใต้ก็มีอนุสาวรีย์ Comfort women อยู่หลายแห่งเช่นกัน ถ้าอเมริกาไม่ไฟเขียวจะทำได้รึ?
    และแล้วรัฐบาลอเมริกาก็เริ่มก้าวออกมาจากหลังฉาก โดยปีที่แล้ววุฒิสมาชิกของสหรัฐฯได้เสนอกฎหมายฉบับหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้ทางรัฐบาลของสหรัฐฯออกมาตรการบางอย่างเกี่ยวกับกรณีการบังคับผู้หญิงชาวเกาหลีใต้เป็นเครื่องมือบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และสภาก็ได้ผ่านกฎหมายดังกล่าวแล้วด้วย โดยเรียกร้องให้ทางญี่ปุ่นออกมาแสดงการขอโทษต่อเหยื่อชาวเกาหลี ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ได้ปฏิบัติตาม แต่ปัญหามันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นนะสิ ทางเกาหลีได้เรียกร้องค่าเสียหายด้วยเป็นเงิน 364 ล้านดอลล่า (ก็ประมาณหนึ่งหมื่นกว่าล้านบาท) ญี่ปุ่นจ่ายให้ได้อยู่แล้วโดยทางญี่ปุ่นได้ให้เงินช่วยเหลือถึง 800 ล้านดอลล่า (ก็ประมาณ 25,000 กว่าล้านบาท) พร้อมแพ็กเก็จเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับเกาหลีใต้ด้วย และในปี 1994 ทางญี่ปุ่นก็ได้ตั้งกองทุน Asian Women's Fund (AWF) ขึ้นมาเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้หญิงชาติต่างๆที่เคยเป็น Comfort women ของทหารญี่ปุ่นมาก่อนรวมทั้งครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย ก็มีชาวต่างชาติและชาวเกาหลีหลายร้อยรายไปรับเงินดังกล่าว แต่จู่ๆก็มี NGO ของเกาหลีใต้ (Chongdaehyop) ออกมาคัดค้านไม่ให้เหยื่อเล่านั้นไปรับเงินชดเชยจากญี่ปุ่นอีก อ้าว! จะเอาอย่างไรอีกหละนี่ ในปี 2541 (1998) ศาลญี่ปุ่นมีคำสั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้หญิงเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น 2,300 ดอลล่าต่อคน (ปัจจุบันตกที่ $3,328 ก็ประมาแสนกว่าบาท) ก็ไม่มากนะจ่ายได้ จากเดิมที่กำหนดไว้ให้ $200 เหรียญสำหรับผู้ที่ยังมีชีวิต, $1,650 สำหรับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว และ $2,000 สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ (พิการ)
    จริงๆแล้วปัญหามันก็อยู่เฉพาะที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีเท่านั้น แล้วอเมริกามาเกี่ยวอะไรด้วย? มีหลายเรื่องทั้งการค้า การเมือง ผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวต้องไล่ย้อนตั้งแต่ช่วง 2536 หรือ 2550 มาโน่นอ่ะ ไม่ไหวยาวไป แต่ที่เห็นได้ชัดปัญหาหนึ่งก็คือช่วงหลายปีก่อน มักจะมีข่าวปรากฎตามสื่อฯต่างๆว่าทหารสหรัฐฯ ข่มขืนผู้หญิงญี่ปุ่นหรือนักศึกษาญี่ปุ่นอยู่เรื่อยๆ แล้วก็เกิดการประท้วงขับไล่ทหารสหรัฐฯให้ออกไปจากญี่ปุ่น ไม่ให้สหรัฐฯมาตั้งค่ายทหารในญี่ปุ่นอีก พอเรื่องนี้เงียบไป แล้วก็มีเรื่อง Comfort women ของเกาหลีใต้ที่มีอเมริกาอยู่เบื้องหลังโผล่ขึ้นมาแทน มันดูแปลกไหมหละ?
    2.) อีกกรณีหนึ่งที่จีนและเกาหลีใต้ไม่พอใจญี่ปุ่นก็คือเรื่องที่พวกนักการเมืองและรัฐบาลของญี่ปุ่นชอบไปคารวะหรือแสดงความเคารพต่อเหล่าวิญญาณทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตไปเป็นจำนวนในที่ศาลเจ้ายุชุกุนิ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2412 และได้รับการบูรณะเรื่อยมา
    ศาลเจ้ายะซุกุนิ (Yasukuni Shrine) ตั้งอยู่ที่ เขตชิโยะดะ กรุงโตเกียว สร้างขึ้นครั้งแรกในยุคเมจิ ปี พ.ศ. 2412 ตามความเชื่อของลัทธิชินโต มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สงครามกลางเมือง (สงครามโบะชิง) ระหว่างกองกำลังผู้สนับสนุนรัฐบาลโชกุนโทะกุกะวะ กับกองกำลังจักรพรรดินิยมของญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังถูกใช้เป็นที่สถิตของเหล่าดวงวิญญาณของทหารญี่ปุ่นที่สละชีพในสงคราม (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
    โดยฝ่ายจีนมองว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของลัทธินิยมทหารของญี่ปุ่นในอดีต เพราะญี่ปุ่นเคยใช้ทหารบุกรุกจีนและเกาหลีมาแล้ว และมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายทางสงคราม แต่ในด้านการท่องเที่ยวนั้น ศาลเจ้ายะซุกุนิ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้าชม และมีการจัดงานฉลองเกือบทั้งปี
    3.) เรื่องข้อพิพาทเหนือหมู่เกาะเซ็งกะกุ (ภาษาญี่ปุ่น) หรือ หมู่เกาะเตียวหยู (ภาษาจีน) ซึ่งอยู่ทางทะเลจีนตะวันออก อันนี้ก็กลายเป็นข้อพิพาทในการอ้างกรรมสิทธิ์ที่ยาวนานมาก งานนี้สหรัฐฯก็มีเอี่ยวด้วย ปัจจุบันนี้มีคู่กรณีอยู่ด้วยกัน 3 ฝ่ายคือจีน-ญี่ปุ่น-ใต้หวัน งานนี้อเมริกาเชียร์ใต้หวัน เรื่องมันยาวมาก ดูไทม์ไลน์จากภาพที่แนบมาด้วยก็ได้นะครับเข้าใจง่ายดี
    ข้อสังเกตการเจรจา 3 ฝ่ายระหว่าง จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นในครั้งนี้พบว่าไม่มีใต้หวันเข้าไปเอี่ยวด้วย เพราะจีนบอกว่าใต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ไม่กล้าเถียง ในแง่นั้นถือว่าเป็นเรื่องระหว่างจีนกับใต้หวัน แต่ที่แปลกก็คือว่าทั้ง 3 ประเทศนี้เริ่มจะแท็กทีมกันได้แล้ว โดยเรียนแบบการเจรจาสันติภาพ 4 ฝ่ายที่กรุงมินส์กกรณีวิกฤตยูเครนนั่นเอง เรียนแบบยังไง? ก็เขี่ยอเมริกาออกนอกวงประชุมนะสิครับ ขืนให้เข้ามาเอี่ยวด้วยเชื่อเหอะข้อพิพาทต่างๆไม่มีทางคุยกันจบหรอก ทั้ง 3 ประเทศก็เลยตกลงกันว่างานนี้ไม่เอาอเมริกานะขอคุยกัน 3 ฝ่ายดีฝ่าาา ดังนั้นสื่อฯฝั่งตะวันตกจึงพยายามเอาเรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศเหล่านี้ออกมานำเสนอให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอยู่เรื่อยๆ เพื่อทำให้เหมือนกับว่าสถานการณ์มันลุกลามใหญ่โตจนคู่กรณีไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยกันเองได้แล้ว เพื่อเปิดทางให้อเมริกาเข้ามามีเอี่ยวด้วย แต่งานนี้เขารู้ทันเขาก็เลยไม่ให้ร่วมวงด้วยอ่ะ
    The Eyes
    13/03/2558
    ----------------
    http://www.reuters.com/…/us-southkorea-china-japan-idUSKBN0…
    http://www.bloomberg.com/…/china-japan-s-korea-agree-on-for…
    ศาลเจ้ายะซุกุนิ - วิกิพีเดีย
    Precinct Map│Yasukuni Shrine
    The Chosun Ilbo (English Edition): Daily News from Korea
    Japan: Stop Denying The "Comfort Women" Justice!
    Kono Statement - Wikipedia, the free encyclopedia
    Comfort women - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 13 มี.ค.58 ยืนยัน ใต้พื้นผิวน้ำแข็งของดวงจันทร์ มีมหาสมุทรซ่อนตัวอยู่จริง ปริมาณน้ำมากกว่าบนโลกรวมกัน
    นักวิทยาศาสตร์จากองค์การ NASA ยืนยันว่า ดวงจันทร์แกนีมีด ซึ่งเป็นดวงจันทร์บริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวพฤหัสบดี และเป็นดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีมหาสมุทรซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำแข็ง ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวมีมากกว่าปริมาณน้ำทั้งหมดของโลกรวมกัน
    ผลการยืนยันดังกล่าว มาจากการเก็บข้อมูลจากภาพถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล โดยนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ภาพถ่ายมากมายที่ได้มา ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันทฤษฎีที่ว่า ดวงจันทร์ดวงนี้ มีน้ำซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
    นอกจากนี้ จากข้อมูลของยานอวกาศกาลิเลโอ ที่ถูกส่งไปเยือนดาวพฤหัสบดีในปี 1995 ยังพบว่า ดวงจันทร์ดวงนี้อาจมีสนามแม่เหล็ก และมีแรงดึงดูดเหมือนกับโลก ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลก็สามารถจับภาพแสงออโรร่า บริเวณขั้วโลกเหนือและใต้ของดวงจันทร์แกนีมีดได้ด้วย
    โดยแสงออโรร่าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีสนามแม่เหล็ก ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการยืนยันได้อีกหนึ่งทฤษฎีเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กบนดวงจันทร์แกนีมีด ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ และทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจความเป็นไปของดวงจันทร์ดวงนี้มากขึ้น
    สำหรับมหาสมุทรที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งบนดวงจันทร์แกนีมีดนั้น นักวิทยาศาสตร์คาดว่า อาจมีความลึกมากกว่ามหาสมุทรบนโลกถึง 10 เท่า และอาจอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งหนากว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งอุณหภูมิของน้ำนั้น ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด แต่อาจจะอุ่นมากพอจนทำให้มันกลายเป็นของเหลวได้
    ไม่เพียงแค่ดวงจันทร์แกนีมีดเท่านั้น แต่ดวงจันทร์ดวงอื่นๆ ของดาวพฤหัสบดี ก็มีน้ำแข็งบนพื้นผิวเช่นกัน เช่น ดวงจันทร์ยูโรป้า และคัลลิสโต รวมถึง ดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์ด้วย
    โดยหลังจากนี้ องค์การอวกาศแห่งยุโรป หรือ ESA จะส่ง Jupiter′s Icy Moons Explorer หรือ JUICE ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์แกนีมีดเพิ่มเติมในปี 2022 และคาดว่ามันจะเดินทางถึงดาวพฤหัสบดีในปี 2030
    ------------------------------------->
    และจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก่อนหน้า ดาวอังคารก็เคยมีน้ำมากกว่าโลก แต่เกิดเหตุหายไปกว่า 4000 ปีก่อน ตอนนี้ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสมีน้ำอีกแล้ว หรือว่าเราไม่ได้อยู่ลำพังในจักรวาลนี้ ??
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 13 มี.ค.58 คาดอีก 20 ปี น้ำแข็งในขั้วโลกเหนือจะหมดไป
    นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ ที่เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ระบุอัตราการลดลงของทะเลน้ำแข็งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราที่เร่งขึ้น ทำให้คาดได้ว่าขั้วโลกเหนือในฤดูร้อนอีก 20 - 30 ปีข้างหน้าอาจไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่เลย
    ศูนย์ศึกษาน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติสหรัฐ (NSIDC) ที่ตั้งอยู่ในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโรลาโด ซึ่งทำหน้าที่สังเกตการณ์การณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติกบริเวณขั้วโลกเหนือ และเขคแอนตาร์กติกบริเวณขั้วโลกใต้ ระบุว่า ข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ทะเลน้ำแข็งในอาร์กติก ลดปริมาณลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมา
    โดยข้อมูลดาวเทียมที่มีการบันทึกมาตั้งแต่กว่า 50 ปีก่อน แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 20 - 30 ที่ผ่านมา อัตราการลดลงของปริมาณน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือหรือราวเดือน มิ.ย. - ก.ย. มีอัตราการลดลงที่มากขึ้น และรวดเร็วโดยเฉลี่ยร้อยละ 30 ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยในอาร์กติกเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส
    นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ฤดูร้อนของอาร์กติกในอีกราว 20 - 30 ปีข้างหน้าหรือเร็วกว่านั้น จะเป็นช่วงเวลาที่น้ำแข็งละลายหายหมดไปอย่างสิ้นเชิง ประเด็นสำคัญของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์
    --------------------------------->
    การที่น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนหมด ก็ส่งผลให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต้องเพิ่มมากมหาศาลโดยอัตโนมัติ จากการเปลี่ยนสถานะ ดังนั้นเมืองชายทะเล และเมืองที่มีระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ จะเสี่ยงการจมใต้บาดาล เพราะประตูและกำแพงกั้นน้ำคงไม่สามารถทานได้นานๆ
    นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลพม่า ตัดสินใจออกคำสั่งในวันเดียว สั่งย้ายเมืองหลวง จากย่างกุ้ง ไปที่เนปิดอร์ ที่อยู่พื้นที่สูง และมีเทือกเขาล้อมรอบ น้ำทะเลไม่มีทางขึ้นไปท่วมถึง..แต่กรุงเทพฯ ของไทย จึงน่าห่วงในอนาคต
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    20. นับถอยหลัง
    กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษดับเครื่องชนรัสเซีย โดยวางแผนที่จะก่อสงครามข่าวสารด้วยการแฉความร่ำรวยของปูติน และคณะผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดให้ประชาชนชาวรัสเซียนได้รับรู้
    นายPhilip Hammondรมว ต่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยว่า เขาสนใจในความคิดนี้ที่จะแฉความร่ำรวยส่วนตัวของปูตินและพวกพ้องที่ใกล้ชิด เพื่อที่จะทำให้ผู้นำรัสเซียอับอายขายหน้ากับประชาชนของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อที่จะตอบโต้ที่รัสเซียได้ทำการรุกรานยูเครน
    The Telegraphรายงานว่า สายลับอังกฤษกำลังแมวมองคนที่รู้และพูดภาษารัสเซียได้ เพื่อทำหน้าที่แฉความรวยของปูตินผ่านสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ให้ประชาชนชาวรัสเซียนได้ทราบ
    นายHammondกล่าวว่า อังกฤษได้เสนอให้รัสเซียอยู่ในที่ๆเหมาะหลังยุคสงครามเย็น แต่รัสเซียได้ปฏิเสธ
    แผนการแฉความรวยของปูตินถือว่าเป็นการเปลี่ยนนโยบายของอังกฤษต่อรัสเซีย เพราะว่าก่อนหน้านี้ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประตูเปิดเสมอสำหรับรัสเซียที่จะฟื้นสัมพันธ์กับอังกฤษ ถ้าหากรัสเซียเลิกรุกรานยูเครน
    ถ้าอังกฤษเล่นแฉปูตินอย่างนี้ เนื่องจากคุมระบบการเงินโลก รู้ดีว่าเงินของใครอยู่ที่ไหน ซ่อนอย่างไร รับรองมีเรื่องกับปูตินแน่
    เมื่อปีที่แล้ว มีข่าวว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย2ลำได้บินผ่านช่องแคบอังกฤษเพื่อท้าทายกองทัพอังกฤษ ทำให้เครื่องบินรบอังกฤษต้องบินรบ4ลำขึ้นไปประกบเพื่อไล่เครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซียให้ออกจากบริเวณน่านฟ้าอังกฤษ
    ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและรัสเซียอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเผชิญหน้าระหว่างค่ายตะวันตกและรัสเซีย โดยมีวิกฤติยูเครนเป็นข้ออ้าง
    thanong
    10/3/2015
    http://www.telegraph.co.uk/…/Britain-may-broadcast-Putins-f…
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    QUIZ
    จีนจะประกาศใช้ระบบChina International Payment Systemในเดือนกันยายนหรือตุลาคมปีนี้ ซึ่งจะเป็นระบบคล้ายๆกับSWIFTของตะวันตกเพื่อช่วยในการเทรดหรือการทำธุรกรรมการเงินของหยวนระหว่างประเทศ ประเด็นคือถ้าระบบนี้เดินเครื่องเมื่อใด เงินหยวนจะมีปริมาณการใช้มากขึ้นในระบบแบงค์กิ้ง และการค้า และจะทำให้หยวนสามารถท้าชิงยูเอสดอลล่าร์ในความเป็นเงินสกุลหลักของโลก
    คำถามคือ เราจะได้เห็นระบบChina International Payment Systemแจ้งเกิดในเวลานั้น หรือไม่เพราะเหตุใด?
    สมาชิกแฟนคลับที่ตอบได้ดี 10ท่านแรก จะได้รางวัลหนังสือพยัคฆ์ร้าย 007ตอน ไอ้นิ้วทอง ซึ่งเป็นการรวมซีรีส์ของ
    1. ดูหนังสงครามการเงินพยัคฆ์ร้าย 007: The Gold Finger
    2. James Bond 007: The Return of Gold Finger Part 2
    3. สหรัฐฯโดนJames Bond 007 เจาะยาง
    4. ประวัติศาสตร์ย้อนรอยThe Sting
    5. ลุงเบน เบอร์แนงกี้ พ่อมดแห่งออซ
    ตอบได้ดีจะได้รางวัล ไม่ใช่ตอบถูก เพราะว่าอาจจะไม่มีใครรู้คำตอบที่ถูกรวมทั้งผมผู้ตั้งคำถาม แต่เป็นการดูเกมข้างหน้าจากข้อมูลที่มีอยู่ คิดว่าร่วมสนุกก็แล้วกัน
    thanong
    10/3/2015
    เฉลย QUIZ
    จีนจะประกาศใช้ระบบChina International Payment Systemในเดือนกันยายนหรือตุลาคมปีนี้ ซึ่งจะเป็นระบบคล้ายๆกับSWIFTของตะวันตกเพื่อช่วยในการเทรดหรือการทำธุรกรรมการเงินของหยวนระหว่างประเทศ ประเด็นคือถ้าระบบนี้เดินเครื่องเมื่อใด เงินหยวนจะมีปริมาณการใช้มากขึ้นในระบบแบงค์กิ้ง และการค้า และจะทำให้หยวนสามารถท้าชิงยูเอสดอลล่าร์ในความเป็นเงินสกุลหลักของโลก
    คำถามคือ เราจะได้เห็นระบบChina International Payment Systemแจ้งเกิดในเวลานั้น หรือไม่เพราะเหตุใด?
    คำตอบ: นับจากนี้ถึงกันยายนหรือตุลาคมในทางภูมิรัฐศาสตร์โลกแล้วถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเหมือนอนันตกาล หยวนจะแจ้งเกิดเป็นน้องใหม่ของเงินสกุลหลักของโลกผ่านก้าวแรกของระบบChina International Payment Systemได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก
    สาเหตุเป็นเพราะว่าสหรัฐฯและอังกฤษไม่น่าจะปล่อยให้หยวนได้กลายเป็นเงินสกุลหลักของโลกมาแข่งกับยูเอสดอลล่าร์ ถ้าหยวนได้แจ้งเกิด จะแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดของยูเอสดอลล่าร์ไปอย่างรวดเร็ว เพราะจะเป็นทางเลือกของนักลงทุน กองทุนการเงิน รวมทั้งธนาคารกลางต่างๆ และทำให้ความต้องการที่จะถือของดอลล่าร์ลดลง หยวนจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือเป็นภัยต่อระบบการเงินของโลกตะวันตก เพราะว่าจีนอาจจะประกาศว่ามีทองคำสำรองมหาศาลเพื่อหนุนค่าหยวน เพื่อทำให้หยวนน่าถือ น่าลงทุนมากกว่าดอลล่าร์และเงินสกุลกระดาษอื่นๆที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆโดยไม่มีทอง หรือหลักทรัพย์อะไรหนุน
    ยิ่งกลุ่มBRICSเตรียมการให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาของBRICS และกองทุนกู้ยืม (Currency Reserve Fund)ได้ดำเนินการในปีหน้าเพื่อแข่งกับธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่สหรัฐฯและอังกฤษดูแลอยู่ ยิ่งจะเป็นเรื่องที่โลกตะวันตกจะยอมให้มีคู่แข่งไม่ได้ เพราะว่าสถาบันการเงินของBRICSจะปล่อยกู้ด้วยเงินสกุลของบริกส์ เช่นหยวน โดยจะไม่ปล่อยกู้เป็นดอลล่าร์ การทำให้หยวนเป็นเงินสกุลหลักของโลกผ่านระบบChina International Payment Systemยิ่งจะอำนายความสะดวกให้สถาบันการเงินของBRICSมีเงินเพียงพอที่จะสร้างเครือข่ายประเทศกำลังพัฒนามาแข่งกับกลุ่มประเทศพัฒนาของโลกตะวันตก ต่อไปประเทศต่างๆจะเลิกให้ความสำคัญกับWorld Bank/IMF
    เมื่อหยวน และสถาบันการเงินของBRICSได้แจ้งเกิด อำนาจการเงินของโลกตะวันตกจะด้อยลง เมื่ออำนาจการเงินด้อยลง อำนาจทางการเมืองและทางทหารต่อไปจะด้อยลงไปด้วยเป็นเงาตามตัว เพราะฉะนั้นเพื่อที่จะรักษาสถานภาพเดิม (status quo) โลกตะวันตกจะปล่อยให้หยวนและสถาบันการเงินของBRICSได้ผงาดไม่ได้
    อันนำมาสู่วิกฤติยูเครนที่โลกตะวันตกชงขึ้นมาเพื่อเล่นงานรัสเซีย และสงครามISISในตะวันออกกลางที่โลกตะวันตกสร้างผีขึ้นมาเพื่อเบี่ยงประเด็น ถ้าตามข่าวสารดีๆจะเห็นว่ารัสเซียกำลังเป็นเป้าของสหรัฐฯและนาโต้ในการปิดล้อม และมีทีท่ายั่วยุการทำสงครามกัน ในหลักสงคราม ถ้าตะวันตกเล็งเล่นงานรัสเซียแบบนี้แสดงว่ารัสเซียไม่ใช่เป้าใหญ่ น่าจะเป็นเป้าหลอกมากกว่า เป้าจริงน่าจะเป็นจีน เพราะว่าจีนมีเงินหยวนที่เป็นอันตรายต่อดอลล่าร์ ในการสงครามเรื่องการไฟแนนซ์สงครามเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดประการแรก เพราะฉะนั้น ตะวันตกน่าจะเตะตัดขาจีนก่อน ไม่ให้หยวนเกิดผ่านระบบChina International Payment Systemเพื่อช่วยในการไฟแนนซ์สงคราม
    ระหว่างนี้ถึงกันยายนหรือตุลาคมที่กำหนดจีนจะเปิดใช้China International Payment System อาจจะมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายไม่มีใครคาดฝัน (black swans) เป็นชุดๆ เพื่อทำให้โลกเข้าสู่ความวุ่นวาย อันเป็นการตัดแข้งจัดขาหยวนไม่ให้ได้เกิด รวมทั้งสกัดรัสเซียไม่ให้ได้ตั้งหลัก ทุกคนอุบไพ่ของตัวเองหมดเวลานี้ ค่อยๆหงายทีละใบ แต่ไพ่ตายยังไม่ถึงเวลาเปิด
    ตอบแบบนี้แฟนคลับหลายคนอาจจะไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร แต่ใครคิดว่าตอบดีกว่า หรือดีเท่าๆกัน ช่วยเขียนเข้ามาด้วย จะได้แจกหนังสือJames Bond 007ให้เป็นรางวัลที่ได้ร่วมสนุก
    thanong
    10/3/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    21. นับถอยหลัง
    “เพนตากอน” ประกาศส่งทหารอเมริกันราว 3,000 คนร่วมซ้อมรบใน “ 3 ชาติบอลติก” สัปดาห์หน้า
    เอเจนซีส์-กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ประกาศส่งกำลังทหารอเมริกันราว 3,000 คนเข้าร่วมการซ้อมรบในกลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติกตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
    คำแถลงของเพนตากอนระบุว่า กำลังทหารอเมริกันราว 3,000 คนซึ่งประจำการอยู่ที่ประเทศจอร์เจีย จะถูกโยกไปเข้าร่วมการซ้อมรบกับกองทัพของลิธัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
    โดยการซ้อมรบดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนโยกย้ายสับเปลี่ยนกำลังพลระยะสั้นของสหรัฐฯในยุโรป เพื่อสนับสนุนบรรดาชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงโดยเฉพาะจากรัสเซีย
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางเพนตากอนมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลแดนหมีขาว ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินทำการผนวกดินแดนไครเมียไปจากยูเครน และถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่มีจุดยืนโปรรัสเซีย ทางภาคตะวันออกของยูเครน
    แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯระบุว่า ยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐฯจำนวนกว่า 750 รายการซึ่งรวมถึงรถถัง และเฮลิคอปเตอร์ได้ถูกส่งไปยังกรุงริกา เมืองหลวงของลัตเวียแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ที่ผ่านมาและมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯอาจตัดสินใจคง “อาวุธหนัก” บางส่วน เอาไว้ในกลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติกต่อไปแบบไม่มีกำหนดหลังการซ้อมรบกับกองทัพของทั้งสามประเทศเสร็จสิ้นลง
    11/3/2015
    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    22. นับถอยหลัง
    ทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่สหรัฐฯต้องการเร่งสร้างความขัดแย้งกับรัสเซียอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาทั้ง2ประเทศหลักใสนยุโรปเล่นตามเกมสหรัฐฯในการแซงชั่นรัสเซียไปแล้ว แต่ถ้าจะต้องไปถึงล่อกันทางสงครามผ่านโนมินีในยูเครน สงสัยจะไม่ไหว
    ป้าแองจี้ กับออลลองด์ได้แจ้งให้โอบามาทราบว่า คนยุโรปยอมรับไม่ได้ที่จะเพิ่มความขัดแย้งกับรัสเซียมากไปกว่าระดับนี้ หลังจากมีข่าวว่าสหรัฐฯต้องการส่งอาวุธยุโธปกรณ์ไปช่วยเคียฟรบกับพวกแบ่งแยกดินแดน โดยมีความเสี่ยงว่าจะเกิดสงครามกับรัสเซียเต็มรูปแบบ
    ที่สำคัญที่สุด ภายในฝรั่งเศสเอง คะแนนความนิยมของMarine Le Penแห่งพรรค National Front Partyกำลังมาแรง เธอได้รับความนิยมสูงกว่าออลลองด์เสียอีก พรรคของเธอถือว่าเป็นพรรคฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง แอนตี้ไม่เอายูโร ไม่เอาการเปิดเสรีคนเข้าเมือง และไม่เอานโยบายของอียูที่มีต่อรัสเซียเวลานี้
    มีโอกาสสูงที่Marine Le Penจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคNational Front Partyยึดอำนาจการเมืองฝรั่งเศสได้ อียูจะเสียงแตก จะไม่มีความเป็นเอกฉันท์ในทางนโยบายทางด้านต่างประเทศอีกต่อไป และความร่วมมือระหว่างอียูและสหรัฐฯในนโยบายต่อรัสเซียจะไม่สามารถประสานงานกันได้
    ทั้งป้าแองจี้และออลลองด์ต้องการลดผลกระทบเชิงงบจากการแซงชั่นรัสเซีย เพื่อที่จะกันไม่ให้Marine Le Penก้าวเข้ามามีอำนาจได้
    โอบามาได้ยินอย่างนี้ก็ต้องสะอึกเหมือนกัน
    นายกอิตาเลียนMatteo Renziได้พูดคุยกับปูตินแล้วที่มอสโควว่าต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับรัสเซีย เพราะว่าเศรษฐกิจอิตาลีได้รับผลกระทบมากจากการแซงชั่นรัสเซีย และต้องการลดการเผชิญหน้ากันลงมา
    รัฐมนตรีต่างประเทศของกรีก นายNikos Kotzias แสดงท่าทีสงสัยว่าการที่อียูตามสหรัฐฯในแซงชั่นรัสเซียจะได้ประโยชน์อะไร
    อียูถลำลึกแล้วในการร่วมหัวจมท้ายกับสหรัฐฯในการแซงชั่นรัสเซียและกำลังขยายความขัดแย้งไปสู่ทางทหาร ตอนนี้เริ่มจะถอดใจ เพราะว่าไม่คิดว่าจะได้เปรียบรัสเซีย
    แต่สหรัฐฯและนาโต้เดินหน้าฝึกซ้อมรบโชว์พาวเออร์ในยุโรป ยั่วยุและข่มขู่พี่ปูอยู่ หมีขาวกัดฟันกรอดๆด้วยความอดทนสุดๆอยู่
    thanong
    11/3/2015
    Europe Blocks U.S. from Racing to War Against Russia? | Global Research
     

แชร์หน้านี้

Loading...