ติดตามสถานะการณ์

Pst Nong ผ่าน เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก



สธ.เผย "โรคไข้กาฬหลังแอ่น"ไม่ระบาดในไทย วอน! ปชช.อย่าวิตก!!
กระทรวงสาธารณสุข วอน ปชช.อย่าวิตก "โรคไข้กาฬหลังแอ่น" ระบาด ไทยพบผู้ป่วยน้อยมาก ปีละ 20 - 30 ราย
วันที่ 8 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคไข้กาฬหลังแอ่นไม่ใช้โรคใหม่ พบได้ทั่วโลก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไนซีเรีย มินิงไจติดีส (Neisseria meningitides) ซึ่งในประเทศไทย ขณะนี้พบได้น้อยมาก ซึ่งเป็นผลมาจากระบบการควบคุมป้องกันที่ดี พบผู้ป่วยประปรายปีละ 20 - 30 ราย ในช่วง 5 ปีหลังนี้ พบน้อยกว่า 20 ราย เสียชีวิตประมาณ 2 ราย ประชาชนจึงไม่ต้องวิตกกังวล
ส่วนกรณีที่มีชาวกัมพูชาป่วยและเสียชีวิตที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว และประสานงานกับสำนักอนามัย กทม. ออกสอบสวน ติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่เชื้อไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 10 วัน ตามระบบ โรคนี้มียาป้องกันและมียารักษาหายขาด
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เว็บไซต์ไอ.เอ็น.เอ็น.

ʸ.

 

Kaokala Fc
8 มี.ค. จีนประกาศย้ำยืนข้างรัสเซียในเวทีการเมืองโลก



จีนประกาศให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่รัสเซีย ที่กำลังเผชิญการคว่ำบาตรจากกลุ่มชาติตะวันตก พร้อมกับย้ำสหรัฐไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าจีน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่า นายหวาง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงต่อสื่อมวลชน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติชุดที่ 12 ครั้งที่ 3 ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง ในวันนี้ ว่า จีนจะยึดมั่นนโยบายปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และการพุ่งผงาดของจีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อกฏระเบียบของนานาชาติแต่อย่างใด พร้อมกับย้ำว่า จีนจะไม่ทอดทิ้งเพื่อนและพันธมิตรเก่าแก่ อย่างเช่นรัสเซีย ที่กำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตก และเกาหลีเหนือที่ในช่วงไม่กี่ปีล่าสุด สร้างความปวดหัวให้กับบรรดาผุ้นำปักกิ่ง มากกว่าจะเป็นทรัพย์สินมีค่า

นายหวาง กล่าวอีกว่า จีนและรัสเซียจะเพิ่มความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูต แม้รัสเซียจะถูกตะวันตกคว่ำบาตร จากความขัดแย้งเหนือการผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมีย และความไม่สงบทางภาคตะวันออกของยูเครน

ปักกิ่งและมอสโกมักจับมือกันใช้อำนาจวิโต้ หรือ สิทธิยับยั้ง มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อขัดขวางร่างมติของกลุ่มชาติตะวันตก เช่น ปัญหาสงครามกลางเมืองซีเรีย นายหวางกล่าวว่า จีนกับรัสเซียจะเดินหน้าประสานงานและความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยืนอยู่บนพื้นฐาน "ความจำเป็นร่วมกัน" ทั้งสองฝ่ายจะพยายามหาทางเพิ่มมูลค่าการค้าต่อกันให้ขึ้นสู่ระดับปีละ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเน้นความร่วมมือทางด้านการเงินและพลังงาน

นายหวางยังกล่าวถึงสหรัฐอเมริกา ประเทศอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกในปัจจุบัน ว่า จีนและสหรัฐมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน และควรร่วมมือกันทำงานเพื่อเอาชนะความตึงเครียด "แต่จีนและสหรัฐต่างก็เป็นประเทศขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความขัดแย้งกัน" นายหวาง กล่าว

http://www.dailynews.co.th/…/จีนประกาศย้ำยืนข้างรัสเซียในเว…

 

ชี้ทะเลน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือจะหมดไปในหน้าร้อนอีก20ปี

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐที่เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เผยอัตราการลดลงของทะเลน้ำแข็งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราที่เร่งขึ้น ทำให้คาดได้ว่าขั้วโลกเหนือในฤดูร้อนอีก 20 - 30 ปีข้างหน้าอาจไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่เลย



วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 05:04 น.
เว็บไซต์ข่าว ดิอินดิเพนเดนท์ ประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่า ศูนย์ศึกษาน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสไอดีซี) ที่ตั้งอยู่ในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโรลาโด ซึ่งทำหน้าที่สังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติกบริเวณขั้วโลกเหนือ และเขคแอนตาร์กติกบริเวณขั้วโลกใต้ เผยว่า ข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ทะเลน้ำแข็งในอาร์กติกลดปริมาณลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลดาวเทียมที่มีการบันทึกมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษปี 1970 หรือกว่า 50 ปีก่อน แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 20 - 30 ที่ผ่านมา อัตราการลดลงของปริมาณน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือหรือราวเดือน มิ.ย. - ก.ย. มีอัตราการลดลงที่มากขึ้นและรวดเร็วโดยเฉลี่ยร้อยละ 30 ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยในอาร์กติกเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ฤดูร้อนของอาร์กติกในอีกราว 20 - 30 ปีข้างหน้าหรือเร็วกว่านั้น จะเป็นช่วงเวลาที่น้ำแข็งละลายหายหมดไปอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ข้อมูลชี้ว่าหากยังไม่มีการก่อตัวเพิ่มขึ้นของน้ำแข็งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า อาร์กติกจะมีทะเลน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวน้อยสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว เพราะนักวิทยาศาสตร์จากเอ็นเอสไอดีซีเผยว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการก่อตัวอย่างฉับพลันของน้ำแข็งให้ทันในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบอากาศ และถึงแม้จะทำสถิติเป็นฤดูหนาวที่มีน้ำแข็งน้อยสุด ก็ใช่ว่าจะส่งผลให้ช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูร้อนของอาร์กติกมีน้ำแข็งน้อยที่สุดตามไปด้วย ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 2555 ที่มีน้ำแข็งน้อยสุด แต่ในฤดูหนาวถัดมากลับมีปริมาณน้ำแข็งอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย โดยประเด็นสำคัญของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์.

ชี้ทะเลน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือจะหมดไปในหน้าร้อนอีก20ปี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ใช้เครื่องบินหุ่นยนต์ ช่วยชีวิตคนจมน้ำ โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 มี.ค. 2558 08:01


ของคุณภาพ : REUTERS

ทุกๆปีจะมีผู้เสียชีวิตเพราะจมน้ำตายราว 4 แสนคนทุกปี ทำให้มันเป็นอุบัติเหตุอันทำให้ถึงแก่ชีวิตมากที่สุดอย่างหนึ่งของโลก อุปสรรคใหญ่ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของมันที่จะเกิดขึ้นประปรายตามที่ต่างๆหลายแห่ง ดังนั้นการที่จะให้มีคนเฝ้าดูตามท่าเรือและริมฝั่งแม่น้ำทุกๆแห่งจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ที่พอจะทำได้กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็ได้แก่การคอยกวดขันไม่ให้เรือข้ามฟาก หรือเรือโดยสารบรรทุกผู้คนมากเกิน อัตรา เท่าที่เป็นอยู่มีเด็กจมน้ำตายมากที่สุด ได้แก่ บังกลาเทศ เด็กเล็กที่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ จะพากันจมน้ำตายมากถึงร้อยละ 45 หรือประมาณวันหนึ่งๆจะต้องมีเด็กเสียชีวิตเกือบ 18 คน

ความคิดที่ก้าวหน้าที่สุดในเรื่องนี้มาจากนักสร้างหุ่นยนต์และวิศวกรที่เป็นเพื่อนกัน ได้คิดสร้างหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถจะส่งให้ไปช่วยผู้จมน้ำได้ มีผู้กล่าวว่า การใช้เครื่องบินหุ่นยนต์ไปช่วยนับว่าสร้างความหวังได้มาก เพราะสามารถที่จะส่งเครื่องบินเล็กเหล่านี้ให้รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ แล้วก็ปล่อยห่วงชูชีพลงช่วยให้คนจมน้ำได้เกาะยึดเอาชีวิตรอด และจากการทดลองมันได้แสดงให้เห็นว่าสามารถที่จะช่วยคนจมน้ำได้เร็วกว่ามนุษย์เองถึง 4 เท่า จึงได้มีการคิดจะทดลองใช้เครื่องบินหุ่นยนต์นี้อย่างเป็นการเป็นงานขึ้นในบราซิล อิตาลี และเม็กซิโก ในเดือนเมษายนของปีนี้.

ใช้เครื่องบินหุ่นยนต์ ช่วยชีวิตคนจมน้ำ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ศาลรัสเซียตั้งข้อหาคนร้ายฆ่าผู้นำฝ่ายค้าน



ผู้พิพากษาศาลรัสเซียสั่งตั้งข้อหามีส่วนร่วมในการฆาตกรรมนายบอริส เนมต์ซอฟ ผู้นำฝ่ายค้าน ต่อชาย 2 ใน 5 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อช่วงสุดสัปดาห์

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=YTS45xUtAu4

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 08:20 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่าผู้พิพากษานาตาลียา มุชนิโควา แห่งศาลแขวงรัฐบาลรัสเซียในกรุงมอสโก เผยเมื่อวันอาทิตย์ เรื่องการดำเนิคดีทางกฎหมายต่อนายอันซอร์ กูบาเชฟ และนายซาอูร์ ดาดาเยฟ ซึ่งเป็นชาวรัสเซียเชื้อสายเชเชน ฐานมีส่วนพัวพันการฆาตกรรมโหดนายบอริส เนมต์ซอฟ ผู้นำฝ่ายค้านวัย 55 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 ก.พ.

กูบาเชฟและดาดาเยฟเป็น 2 ใน 5 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ แม้อีกสามคนที่เหลือ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพี่ชายของกูบาเชฟ ยังไม่ถูกดำเนินคดีจากทางการ แต่ศาลปฏิเสธคำร้องขอประกันตัวบุคคลทั้งห้า ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลเชเชน ว่าชายซึ่งเสียชีวิตระหว่างยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในเมืองกรอซนี เมืองเอกของสาธารณรัฐเชเชน เมื่อวันเสาร์ เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัวในคดีการเสียชีวิตของเนมต์ซอฟเช่นกัน

ด้านนายรัมซาน คาร์ดีรอฟ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเชเชน เผยว่าดาดาเยฟเป็นอดีตตำรวจซึ่งมีศรัทธาต่อศาสนา "อย่างแรงกล้า" และมีความไม่พอมใจการ์ตูนล้อเลียนศาสดาของหนังสือพิมพ์ "ชาร์ลี เอ็บโด" ในฝรั่งเศสอย่างหนัก ทั้งนี้ ดาดาเยฟขอลาออกจากราชการเองโดยให้เหตุผลอย่าง "คลุมเครือ"

ภาพการนำตัวกลุ่มชายทั้ง 5 คนแสดงตัวต่อศาลได้รับการออกอากาศสดผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของรัสเซีย ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าเป็นความต้องการแสดง "ความโปร่งใส" ของรัฐบาลมอสโกในการสืบสวนคดีที่สร้างความตกตะลึงไปทั้งประเทศ แม้การเสียชีวิตนักการเมืองและสื่อมวลชนที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลหลายคนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ยังคงเป็น "ปริศนา" จนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นคือนางแอนนา โปลิตคอฟสกายา ผู้สื่อข่าวหญิงซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2549 แม้คนร้ายถูกจับกุมตัวได้ แต่กลับไม่มีการเปิดเผยว่า ใครคือผู้จ้างวาน

ศาลรัสเซียตั้งข้อหาคนร้ายฆ่าผู้นำฝ่ายค้าน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ยิวลั่นไม่มีวันเฉือนดินแดนให้ปาเลสไตน์



อิสราเอลประกาศกร้าว ไม่มีทางเป็นฝ่ายต้องสูญเสียดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศให้แก่ปาเลสไตน์ เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากอีกฝ่าย ว่ามีเจตนาฉีกข้อตกลงสันติภาพ

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 10:58 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงเมื่อวันอาทิตย์ ยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบายเป็นฝ่ายต้องสูญเสีย หรือยินยอมยกดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศ คืนผ่านสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ให้แก่ปาเลสไตน์ โดยยกเหตุผลเรื่องข้อตกลงยึดครองดินแดนเมื่อปี 2510 ซึ่งเป็นผลจากการที่อิสราเอลเป็นฝ่ายชนะสงครามหกวัน และการตัดสินใจดังกล่าวอาจกลายเป็นการเปิดโอกาสให้แก่กลุ่มก่อการร้ายในภูมิภาค

ถ้อยแถลงของเนทันยาฮูถือเป็นการปฏิเสธรายงานของสื่อหลายแห่ง ที่นำคำปราศรัยของผู้นำอิสราเอลเมื่อปี 2552 กลับมาตีความอีกครั้งว่า เป็นการกล่าวอย่างมีนัยยะในเชิงยอมรับการมีตัวตนของ "รัฐปาเลสไตน์" บนแผ่นดินของอิสราเอล ขณะที่พรรคลิคุดของเนทันยาฮูออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง ยืนยันรัฐบาลอิสราเอลไม่มีนโยบายผ่อนปรนและยินยอมในเรื่องใดก็ตาม ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียดินแดนของประเทศในอนาคต

ด้านนายซาเอ็บ เอเรกัต หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาสันติภาพของรัฐบาลปาเลสไตน์ แถลงว่าท่าทีที่ยังแข็งกร้าวของเนทันยาฮูในเรื่องนี้ คือการ "กระชากหน้ากาก" ของผู้นำอิสราเอล ว่ากำลังพยายามทำลายเส้นทางสู่สันติภาพ และนโยบายเมืองหลวงรวม 2 รัฐเพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยืดเยื้อ อีกทั้งเป็นการแสดงเจตนาต้องการฉีกสนธิสัญญาออสโล เพื่อยอมรับการมีตัวตนของปาเลสไตน์ เขตเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา ที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2536

ท่าทีล่าสุดของทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ในเรื่องดินแดนสร้างความวิตกกังวลให้แก่หลายฝ่ายอีกครั้ง เกี่ยวกับทิศทางของกระบวนการเจรจาสันติภาพในอนาคต หากเนทันยาฮูชนะการเลือกตั้งทั่วไปของอิสราเอล ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค.

ยิวลั่นไม่มีวันเฉือนดินแดนให้ปาเลสไตน์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

1ในผู้ต้องสงสัยยิงแกนนำฝ่ายค้านรัสเซียสารภาพ



1 ในผู้ต้องสงสัย 5 ราย ในคดีฆาตรกรรมนายบอริส เนมต์ซอฟ แกนนำคนสำคัญของฝ่ายค้านรัสเซีย ให้การรับสารภาพต่อศาล ขณะที่อีก 4 คน ยืนกรานปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 00:36 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประ เทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่า ผู้พิพากษานาตาลียา มุชนิโควา แห่งศาลรัสเซีย เผยว่า นายซาอูร์ ดาดาเยฟ หนึ่งในผู้ต้องสงสัย 5 คนที่ถูกจับกุมในคดีการเสียชีวิตของนายบอริส เนมต์ซอฟ วัย 55 ปี แกนนำฝ่ายค้านคนสำคัญของรัสเซียที่ทำรายงานตีแผ่บทบาทกองทัพรัสเซียในเหตุขัดแย้งทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 4 คน ได้แก่ นายอันซอร์ กูบาเชฟ นายชากิด กูบาเชฟ นายรัมซัต บาคาเยฟ และนายทาเมอร์ลัน เอสเกอร์คานอฟ ให้การปฏิเสธ โดยผู้พิพากษาสั่งให้ควบคุมตัวนายดาดาเยฟต่อไปอีกจนถึงวันที่ 28 เม.ย.

ทั้งนี้ นายดาดาเยฟ นายอันซอร์ กูบาเชฟ และผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน ถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์ กว่าสัปดาห์หลังนายเนมต์ซอฟถูกยิง 4 นัดเข้าที่ด้านหลังขณะเขาและแฟนสาวกำลังเดินไปตามสะพานแห่งหนึ่งใกล้พระราชวังเครมลิน เจ้าหน้าที่เผยว่า นายดาดาเยฟและนายกูบาเชฟถูกจับกุมได้ในสาธารณรัฐอิงกูชีเทีย ติดพรมแดนสาธารณรัฐเชเชน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และก่อนถึงกำหนดพิจารณาคดีในศาลเพียงไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เผยว่าจับกุมผู้ต้องสงสัยรายที่ 5 ได้

คดีนี้นับเป็นเรื่องที่ทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งรัสเซีย หลายฝ่ายมองว่านี่อาจเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูของรัฐบาล และตั้งข้อสังเกตว่า เหตุดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในบริเวณใกล้เคียงพระราชวังเครมลินซึ่งมีการคุ้มกันที่แน่นหนาโดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ขณะที่หน่วยสืบสวนเผยว่า ได้มีการพิจารณาถึงทุกความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ว่า เป็นแผนบ่อนทำลายชื่อเสียงของนายปูติน ปัญหาในชีวิตส่วนตัว และความเป็นไปได้ที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ถึงรายละเอียดการจับกุม และความเชื่อมโยงกับเหตุฆาตรกรรมของผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน.

1ในผู้ต้องสงสัยยิงแกนนำฝ่ายค้านรัสเซียสารภาพ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เวเนฯตั้งเครื่องสแกนนิ้วแก้กักตุนสินค้า



เวเนซูเอลา จะติดตั้งเครื่องสแกนนิ้วประมาณ 20,000 เครื่องตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนกลับมาเวียนซื้อสินค้าไปกักตุนได้อีก ในขณะที่ประเทศกำลังประสบวิกฤติขาดแคลนสินค้าจำเป็นอย่างหนัก

วันอาทิตย์ 8 มีนาคม 2558 เวลา 18:13 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัสประเทศเวเนซูเอลา เมื่อวันที่8มี.ค.ว่ารัฐบาลเวเนซูเอลาจะเริ่มติดตั้งเครื่องสแกนนิ้วประมาณ20,000เครื่องตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเพื่อป้องกันการเวียนซื้อสินค้าไปกักตุนและการซื้ออย่างบ้าคลั่งของประชาชนซึ่งเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอซื้อสินค้าขณะที่เวเนซูเอลาเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนสินค้าพื้นฐานอย่างแพร่หลายโดยประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันแห่งนี้ต้องหันมาใช้ระบบจำกัดปริมาณสินค้ามานานหลายเดือนแล้วตามห้างสรรพสินค้าของรัฐบาลที่อยู่ตามแนวพรมแดนทางตะวันตกติดกับโคลอมเบียซึ่งการลักลอบขายสินค้าควบคุมราคาถือเป็นปัญหาใหญ่ของเวเนซูเอลา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรผู้นำเวเนซูเอลา แถลงว่าห้างค้าปลีกเอกชนรายใหญ่7แห่งสมัครใจให้ติดตั้งเครื่องสแกนนิ้ว“ผมขอให้เข้าใช้เวเนซูเอลาเข้าใจปัญหาดังกล่าวเพราะมีการยักย้ายถ่ายเทสินค้าจำนวนมากเกิดขึ้น”มาดูโรกล่าวในพิธีเปิดห้างสรรพสินค้าของรัฐ

ด้านบรรดานักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ความพยายามดังกล่าวมุ่งหน้าไปสู่ความล้มเหลวพวกเขาตำหนิการควบคุมราคาสินค้าที่ใช้มานาน10ปีว่า เป็นสาเหตุของการทำลายการผลิตในประเทศและดึงดูพวกลักลอบค้าสินค้าเถื่อนซึ่งสามารถนำสินค้าออกไปขายในตลาดมืดและในโคลอมเบีย เพื่อกำไรที่มากกว่าในช่วงหลายวันมานี้ผลกำไรของพวกเขา ดีขึ้นเพรราะผลจากค่าเงินของเวเนซูเอลาโดยค่าเงินโบลิวาร์ ลดลงร้อยละ35ในช่วง2สัปดาห์ที่ผ่านมาในตลาดมืด

ราคาน้ำมันที่ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งตั้งแต่เดือนพ.ย.ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำลังทำให้การใช้เงินดอลลาร์ในการนำเข้าสินค้าทุกอย่างไล่ไปตั้งแต่นมจนถึงรถยนต์ลดลงด้วย ทั้งนี้น้ำมันดิบรับผิดชอบในการส่งออกของเวเนซูเอลาถึงร้อยละ95



เวเนฯตั้งเครื่องสแกนนิ้วแก้กักตุนสินค้า | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

'ธัมมชโย-พระครูปลัดวิจารย์' เลื่อนให้ปากคำ



“พระครูปลัดวิจารย์” เลื่อนให้ปากคำเป็น 19 มี.ค. ด้าน “ธัมมชโย” ขอเลื่อนด้วย ดีเอสไอ ชี้พยานรายสำคัญให้โอกาสเลื่อนแค่ครั้งเดียว

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 11:20 น.
เมื่อวันที่ 9มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอออกหมายเรียกพระครูปลัดวิจารย์ ธีรังกุโร ที่มีชื่อในเช็ครับเงินจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัดจำนวน119 ล้านบาท เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับการรับเช็คดังกล่าวในเวลา10.00 น. อย่างไรก็ตาม พระครูปลัดวิจารย์ไม่ได้เดินทางเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกและไม่ได้ส่งทนายเข้าพบพนักงานสอบสวน

โดย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า วานนี้(8 มี.ค.) พนักงานสอบสวนได้รับการติดต่อจากพระครูปลัดวิจารย์ว่าขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำเป็นวันที่19 มี.ค. อ้างติดภารกิจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนขอให้ทำหนังสือขอเลื่อนอย่างเป็นทางการ รวมถึงพระธัมมชโย เจ้าอาวารวัดพระธรรมกาย ที่ติดต่อผ่านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอ ว่าขอเลื่อนการให้ปากคำไปก่อน และยังไม่กำหนดวันที่จะเข้าให้ปากคำ คาดว่าในวันนี้จะมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนพร้อมกำหนดวันส่งมายังพนักงานสอบสวน ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาเหตุผลในการขอเลื่อน โดยพยานรายสำคัญจะพิจารณาให้เลื่อนการเข้าให้ปากคำเพียง1 ครั้งเท่านั้น หากขอเลื่อนเกิน 1ครั้งต้องนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับกำหนดวันเข้าให้ปากคำของพยานที่มีจำนวนมาก

“ขณะนี้ดีเอสไอเรียกเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน ดังนั้น ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัด เนื่องจากมีชื่อเชื่อมโยงกับการรับเช็คจากนายศุภชัย ดีเอสไอยืนยันจะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ไม่กังวลหากจะมีญาติธรรมเดินทางมาด้วย พร้อมกันนี้ ขอย้ำว่าพนักงานสอบสวนจะไม่เดินทางไปสอบปากคำนอกสถานที่ เพราะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ส่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอลงพื้นที่ศูนย์เยาวชน อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ที่พระครูปลัดวิจารย์ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลศูนย์ดังกล่าว เพื่อไปตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติมหลังพบว่าพระครูปลัดวิจารย์นำเงินที่ได้จากนายศุภชัยไปจัดตั้งศูนย์เยาวชนไว้สำหรับทำกิจกรรมตามแนววัดพระธรรมกาย มีกำหนดการสอบปากคำนิติบุคคล 4บริษัท ประกอบด้วย บริษัท โกลบอล อินทริเกรทเจ็ด โซลูชั่น จำกัด, บริษัท คอนคัท จำกัด,บริษัท จีไอเอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัทซัน สเปช มัลติซิสเทมส์ จำกัด ซึ่งบริษัทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารยูทาวเวอร์.

'ธัมมชโย-พระครูปลัดวิจารย์' เลื่อนให้ปากคำ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จ่อเรียก'บิ๊กตุ้ย-บิ๊กแจ้ด'สอบ เจ้าตัวโต้ไม่เอี่ยวบึ้ม



"บิ๊กอ๊อด" รับบึ้มศาลอาญาโยงระเบิด 2 จุดพารากอน จ่อเรียก "ชัยสิทธิ์-คำรณวิทย์" สอบ หากมีพยานหลักฐาน พร้อมบี้ "ปอท." สอบไลน์ "เดียร์" เป็นใคร ขณะที่ 'บิ๊กตุ้ย-บิ๊กแจ้ด' โต้ลั่น ยันไม่มีเอี่ยวกับเหตุบึ้มป่วนเมือง

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 11:53 น.
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) กล่าวถึงความคืบหน้าคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุระเบิดที่ศาลอาญา เป็นขบวนการเดียวกันกับเหตุระเบิดแสวงเครื่อง 2 จุด ที่บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2558 แต่อาจมีวิธีการและรูปแบบการก่อเหตุที่แตกต่างกันไปตามความชำนาญของแต่ละกลุ่ม โดยทั้ง 2 จุด ไม่ผิดความคาดหมาย เพราะได้มีการเฝ้าระวังเปรียบเสมือนการเก็งข้อสอบถูก

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าจะมีการก่อเหตุป่วนเมืองอีกหลายจุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ประมาท โดยสั่งปรับแผนจัดกำลังเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องจัดกำลังตำรวจทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลสถานที่สำคัญ สถานที่ราชการ สถานที่เชิงสัญลักษณ์ รวมทั้งจุดที่มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จะเน้นการใช้กำลังนอกเครื่องแบบให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและภาวะทางเศรษฐกิจ

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ขณะที่การตรวจสอบบุคคลที่มีรายชื่อตามที่ผู้ต้องหากล่าวถึง อาทิ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและหาพยานหลักฐาน ถ้าหากพบความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่ถูกอ้างถึงเรียกสอบทุกบุคคล ทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วย

"ฝากถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน หากเห็นว่าบางเรื่องที่นำเสนอไปแล้วทำให้การทำงานเจ้าหน้าที่ติดขัดหรือกระทบรูปคดี ต้องใช้วิจารณญาณด้วย เนื่องจากเรื่องเหล่านี้เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

ทั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อตรวจสอบข้อความสนทนาในไลน์มือถือ หลังจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีบุคคลชื่อ “เดียร์” (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตเรีย เป็นผู้ว่าจ้างในการก่อเหตุครั้งนี้ ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใครกันแน่ เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

"ชัยสิทธิ์-คำรณวิทย์" ดาหน้าโต้ ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุบึ้มศาลอาญาป่วนเมือง

ทางด้านพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และอดีตที่ปรึกษาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญา รัชดา หลังถูกนายมหาหิน ขุนทอง ผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญา รัชดา กล่าวพาดพิงช่วงแถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายยุทธนา เย็นภิญโญ ผู้ต้องหาอีกคน เพราะเคยมาขอเงินและขอข้าวกิน ถือว่าตนทำคุณบูชาโทษและเชื่อว่า น่าจะมีความพยายามที่จะเชื่อมโยงตนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอให้ทุกฝ่ายมีความยุติธรรมในใจและให้ความเป็นธรรมตนด้วย

"ยืนยันว่าไม่เคยมีการ์ดผู้หญิงดูแล เพราะทีมรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ ก็เพียงพอและเป็นผู้ชายทั้งสิ้น ทั้งนี้พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ (9 มี.ค.) ที่บ้านพักในจ.ปทุมธานี"พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว

ขณะที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น. กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ที่นายมหาหิน อ้างว่าแฟนสาวเคยทำงานกับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร และรู้จักกับตนเองว่า ยืนยันไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกับคนร้ายหรือแฟนสาวแต่อย่างใด ยังงง ๆ อยู่เลยว่าเป็นใคร มาจากไหน ทุกวันนี้ได้ยุติบทบาททางการเมืองไปแล้ว ไม่เคยเกี่ยวข้องเลย วัน ๆ มัวแต่รักษาผู้ป่วยด้วยวิชาแพทย์แผนโบราณด้วยการฝังเข็มฟรีที่มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เท่านั้น.

จ่อเรียก'บิ๊กตุ้ย-บิ๊กแจ้ด'สอบ เจ้าตัวโต้ไม่เอี่ยวบึ้ม | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

'สุวพันธ์ุ'เผยคดีธรรมกายเรื่องซับซ้อน



'สุวพันธุ์' ชี้ คดีเงินบริจาควัดพระธรรมกายต้องใช้เวลา อ้างเรื่องซับซ้อน เผย 'นายกฯ' ย้ำแล้วให้ทำให้สุดทาง

วันจันทร์ 9 มีนาคม 2558 เวลา 11:42 น.
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีการนำเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปบริจาคที่วัดพระธรรมกาย ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ลงมาดูแลแล้วคงจะมีความชัดเจน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้ทำเรื่องนี้ให้เต็มที่และให้สุดทาง ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายก็ทำกันอย่างเต็มที่ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศศ (ดีเอสไอ) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลเป็นห่วงว่า จะมีความขัดแย้งหรือการคัดค้านจากอีกฝั่งหนึ่ง หากพิจารณาตัดสินไปอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ นายสุวพันธ์ุ กล่าวว่า รัฐบาลจะดูภาพรวมทั้งหมดของสถานการณ์ ซึ่งถ้าจะมีอะไรสักเรื่องที่จะมาทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย รัฐบาลก็ไม่อยากทำ เพราะจะเป็นช่องให้บุคคลใดเข้ามาแสวงหาประโยชน์ได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องระมัดระวัง เรื่องแบบนี้มาก และยิ่งตอนนี้เข้าสู่ระยะที่ 3 ตามโรดแม็พแล้ว ก็จะมีการแสดงความเห็นกันมากขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องนี้คงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะจบ เพราะมีเรื่องของหลักฐานทางการเงิน และเรื่องของการสืบสวนสอบสวนที่สลับซับซ้อน ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนจะสามารถเอาผิดใครได้หรือไม่ตนตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่กำกับดูแลพระพุทธศาสนา คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องสังคยานาวัดต่าง ๆ หรือยัง นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งให้สำนักพระพุทธศาสนาเข้าไปตรวจสอบทุกวัดทั่วประเทศ อะไรก็ตามที่จะสร้างความเสียหาย ทำให้คนขาดศรัทธา ทางสำนักพระพุทธศาสนาก็ต้องเข้าไปดูแลโดยให้เจ้าคณะจังหวัดในพื้นที่เข้าไปช่วยดูแลด้วย และวันนี้ 17 มี.ค.ตนจะไปให้นโยบายกับผู้อำนวยการพระพุทธศาสนาในระดับจังหวัดทั่วประเทศ

"ผมมองว่า จากปัญหาทางศาสนาที่เกิดขึ้นมีผลดีอย่างหนึ่ง คือ ทำให้พุทธศาสนิกชนมีความตื่นตัวมากขึ้น มีการแสดงออกมากขึ้นในการที่จะดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนา ดังนั้นผมคิดว่า ช่วงนี้ไม่ว่าวัดหรือพระสงฆ์ก็ต้องรู้ ว่า พุทธศาสนิกชนคิดอย่างไร กำลังมองพระในวัดเป็นอย่างไรบ้าง"นายสุวพันธุ์ กล่าว.

'สุวพันธ์ุ'เผยคดีธรรมกายเรื่องซับซ้อน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ซาอุฯขึ้นแท่น “ผู้นำเข้าอาวุธ” รายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วน USA รั้งแชมป์ “ส่งออกอาวุธมากสุด” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2558 01:03 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 09:28 น.)



เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียครองตำแหน่งประเทศผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2014 แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดีย ทั้งนี้ เป็นข้อมูลจากผลการศึกษาล่าสุดของสถาบันวิจัยด้านความมั่นคง “เจนส์ อินฟอร์เมชัน กรุ๊ป” ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่ในเครือกลุ่มไอเอชเอส อิงค์ จากสหรัฐฯ

รายงานดังกล่าวซึ่งทำการสำรวจข้อมูลใน 65 ประเทศ ระบุ ในปีที่แล้วมูลค่าการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วโลกอยู่ที่ 64,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.09 ล้านล้านบาท) จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก

ข้อมูลระบุ ซาอุดีอาระเบียมีการสั่งนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ในปี 2014 เพิ่มสูงขึ้นถึง 54 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2013 และคิดเป็นวงเงินมากกว่า 6,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 208,440 ล้านบาท) แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดียที่สั่งนำเข้าอาวุธเป็นมูลค่า 5,570 ล้านดอลลาร์ (ราว 181,411 ล้านบาท )

ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกายังคงรั้งตำแหน่งประเทศ “ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก” ตามเดิม ด้วยยอดขายที่คิดเป็นวงเงินสูงกว่า 23,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 771,900 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 เป็นการขายให้กับประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่รองจากสหรัฐฯ ประกอบด้วย รัสเซีย (10,000 ล้านดอลลาร์), ฝรั่งเศส (4,900 ล้านดอลลาร์), สหราชอาณาจักร (4,100 ล้านดอลลาร์) และเยอรมนี (3,500 ล้านดอลลาร์)

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027519

 

ฮือฮา! “ปูติน” จ้อทีวีรัฐ-เผยนาทีออกคำสั่งลับยึด “ไครเมีย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2558 09:18 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 09:25 น.)



เอเอฟพี - ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกมาเผยเรื่องราวในวันที่เขาตัดสินใจออก “คำสั่งลับ” ยึดคาบสมุทรไครเมียกลับมาเป็นของรัสเซีย และตระเตรียมกองทัพเพื่อช่วยเหลืออดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งถูกรัฐสภายูเครนถอดถอนจนต้องหลบหนีออกจากเมืองหลวง

จากตัวอย่างสารคดีชุด “กลับสู่บ้าน” (Homeward bound) ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ รอสสิยา-1 เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ผู้นำรัสเซียได้อธิบายถึงที่มาที่ไปของการยึดแหลมไครเมียจากยูเครนเมื่อ 1 ปีก่อน โดยกล่าวถึงการประชุมที่ยาวนานตลอดคืนกับหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง เพื่อหาวิธีช่วยเหลือพันธมิตรอย่าง ยานูโควิช ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น หลังถูกขบวนการประชาชนฝักใฝ่ยุโรปลุกฮือขับไล่ที่กรุงเคียฟ

“เราปิดประชุมกันราวๆ 7 โมงเช้า... ก่อนจะจากกัน ผมบอกเพื่อนร่วมงานทุกคนว่า เราต้องเริ่มหาวิธีดึงไครเมียกลับมาเป็นของรัสเซีย”

หลังการประชุมลับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ผ่านไปได้ 4 วัน ก็มีกลุ่มทหารไม่ทราบฝ่ายบุกยึดสภาท้องถิ่นไครเมีย และมีการเลือกตั้งรัฐบาลท้องถิ่นชุดใหม่อย่างรีบร้อน หลังจากนั้น ไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองภายใต้อาณัติของยูเครนก็ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มีนาคม ท่ามกลางเสียงประณามจากนานาชาติ

ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียถูกปิดเป็นความลับในช่วงแรกๆ และแม้จะมีหลักฐานบ่งชี้ถึงกองกำลังรัสเซียที่ถูกส่งเข้าไปในแหลมไครเมีย แต่มอสโกก็ยืนกรานเสียงแข็งว่า การปลีกตัวออกจากยูเครนครั้งนี้เป็นเจตนารมณ์ของพลเมืองท้องถิ่นล้วนๆ

ต่อมาภายหลัง รัสเซียจึงได้ยอมรับว่าอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจในไครเมียจริงๆ

จากตัวอย่างบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ออกมาเรียกน้ำย่อย ปูติน อ้างว่า กองทัพรัสเซียขณะนั้นอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าไปในเมืองโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครนเพื่อช่วยเหลือ ยานูโควิช

“เขาอาจจะถูกฆ่าตายได้... เราจึงเตรียมแผนช่วยเหลือเขาออกมาจากโดเนตสก์ ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ หรือทางทะเล... เราใช้ปืนกลจำนวนมากในภารกิจนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดกันมาก” ปูติน กล่าว

หลังจากนั้นไม่นาน ยานูโควิช ก็ไปปรากฏตัวที่เมืองรอสตอฟทางตอนใต้ของรัสเซีย และไม่ได้กลับไปยูเครนอีก

สงครามระหว่างยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6,000 คน ขณะที่มอสโกยังยืนกรานปฏิเสธข้อหาหนุนหลังกบฏ

รอสสิยา-1 ไม่ได้ระบุว่า สารคดีตัวเต็มจะนำออกฉายในวันและเวลาใด

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027563

 

“มือสไนเปอร์” สอยทหารเคียฟดับ 1 วันหลังกบฏยูเครนประกาศเสร็จสิ้นถอนอาวุธหนักจากโดเนตสก์ สะเทือนสัญญาหยุดยิงมินสก์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มีนาคม 2558 11:28 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 11:45 น.)



รอยเตอร์ – เมื่อวานนี้ (8) ทหารกองทัพยูเครนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย จากการปะทะล่าสุดภายใน 24 ชม. กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนในยูเครนตะวันออก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาสัญญาสงบศึก หลังจากก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (7) ทางกลุ่มแบ่งแยกยูเครนประกาศเสร็จสิ้นการถอนอาวุธหนักทั้งหมดออกจากโดเนตสก์

แอนดรี ไลเซนโก (Andriy Lysenko) โฆษกกองทัพยูเครนแถลงเมื่อวานนี้ (8) ว่า กองกำลังติดอาวุธแบ่งแยกยูเครนละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หลังเกิดการปะทะล่าสุดภายใน 24 ชม. ในยูเครนตะวันออกและทำให้มีนายทหารเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย

รอยเตอร์ชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างชี้หน้าซึ่งกันและกันในการเกิดความรุนแรงขึ้น สั่นสะเทือนสัญญาหยุดยิงที่ตกลงในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เดือนที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายต้องถอนอาวุธหนักออกนอกพื้นที่

“มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มสไนเปอร์มากขึ้น ซึ่งนายทหารยูเครนเสียชีวิตเกิดมาจากฝีมือของมือสไนเปอร์” ไลเซนโกแถลงสรุปผ่านจอโทรทัศน์ และเสริมว่า ในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงนั้นครอบคลุมไปที่บริเวณแนวหน้า และการยั่วยุได้ลดลงเป็นอย่างมากที่เห็นได้ชัด แต่ทว่าทางกลุ่มกบฏยังคงเข้าโจมตีจุดที่ตั้งทางทหารของเคียฟต่อไป โดยเคียฟชี้ว่า กลุ่มกบฎยูเครนใช้โอกาสจากสัญญาหยุดยิงในการหาประโยชน์ เพื่อจัดกองกำลังใหมี่วมไปถึงจัดหาอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมในการโจมตีรอบใหม่ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนปฎิเสธ และอ้างในวันเสาร์ (7) ว่าได้ย้ายอาวุธหนักออกนอกสาธารณณรัฐประชาชนโดเนตสค์เสร็จสิ้นแล้วตามข้อตกลงมินสก์

“กลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมายเกี่ยวข้องกับการฝึกการต่อสู้ทางทหาร รวบรวมสิ่งจำเป็น และเตรียมพร้อมเทคนิกใหม่ๆ เพื่อการจู่โจมรอบใหม่” ไลเซนโก เปิดเผย

ด้านองค์การเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป หรือ OSCE ที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์การถอนอาวุธ เปิดเผยว่า ไม่สามารถยืนยันถึงการถอนอาวุธอย่างเต็มที่จากทั้งสองฝ่าย เพราะทาง OSCE ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์ได้ทุกจุดท้งในฝั่งเคียฟและฝั่งกบฏยูเครน

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027619

 

คาราคัสตั้งเป้าติด “เครื่องสแกนนิ้ว 20,000 ตัว” แก้ปมสินค้าขาด หลังกลุ่มเศรษฐกิจอเมริกาใต้ UNASUR ยอมยื่นมือช่วย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 มีนาคม 2558 16:34 น.



เอพี – เมื่อวานนี้(7)เวเนซุเอลาตั้งเป้าหมายที่จะติดตั้งเครื่องสแกนลายนิ้วมือในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศจำนวน 20,000 เครื่อง แก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้าอย่างหนัก ที่ขาดแม้กระทั่งกระดาษชำระ หลังจากที่ในวันศุกร์(6)กลุ่มเศรษฐกิจพิเศษอเมริกาใต้ UNASUR มีมติให้ประเทศสมาชิกร่วม 12 ชาติช่วยเหลือเพื่อทำให้สินค้าจำเป็นสามารถอยู่บนชั้นวางสินค้าในร้านทั่วเวเนซุเอลา

เวเนซุเอลา ประเทศที่มีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลกล่าสุดได้ประกาศนโยบายเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้าในตลาด โดยอ้างว่าเกิดจากกลุ่มลูกค้าที่มักกักตุนสินค้า และภาวการณ์เร่งซื้อเนื่องจากหวาดวิตก เกิดเพราะปัญหาคิวที่รอเข้าซื้อยาวและการขาดแคลนสินค้าที่กระจายไปทั่วประเทศ โดยเมื่อวานนี้(7)ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ได้ออกแถลงการณ์ว่า เครือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดยักษ์ 7 แห่งทั่วประเทศยินยอมเสนอตัวที่จะติดตั้ง “เครื่องสแกนลายนิ้วมือ” “ผมขอความร่วมมือกับชาวเวเนซุเอลาทุกคนในการทำความเข้าใจปัญหาการขาดแคลนสินค้าว่า มีการฉ้อฉลซ่อนเงื่อนอยู่หลายขั้นตอน” มาดูโรกล่าวแถลงที่เครือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลอเมริกาใต้

อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาตร์ชี้ว่า วิธีนี้ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน โดยโทษไปที่การควบคุมราคาสินค้าแบบเก่านั้นเป็นการทำลายอุตสาหกรรมในประเทศ และยังดึงดูดกลุ่มลักลอบขนสินค้าให้นำกลับมาจำหน่ายในตลาดมืดและในโคลอมเบียในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งไม่กี่วันนี้เนื่องมาจากค่าเงินที่ตกต่ำของเวเนซุเอลา ทำให้ผลตอบแทนในการลักลอบขายสินค้าในตลาดมืดนั้นสูงมากขึ้น โดยพบว่าสกุลเงินโบลิวาร์รูดต่ำลง 35% ภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในตลาดมืด และแลกเกือบ 1 ต่อ 40 ของอัตราแลกเปลี่ยนทางการในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อ้างอิงจากเว็บไซต์ ดอลลาร์ทูเดย์ ซึ่งเป็นไซต์ที่ติดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราผิดกฏหมาย ซึ่งขึ้นกับอัตราการแลกเปลี่ยนตามแนวชายแดนเป็นสำคัญ

โดยก่อนหน้านี้ในวันศุกร์(6)กลุ่มเศรษฐกิจพิเศษอเมริกาใต้ UNASUR ได้มีมติเรียกร้องให้ชาติสมาชิกร่วม 12 ชาติช่วยเวเนซุเอลาแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้าหลังจากตัวแทนได้พบกับมาดูโร โดยเอิร์นเนสโต แซมเปอร์( Ernesto Samper) เลขาธิการใหญ่กลุ่มเศรษฐกิจอเมริกาใต้ UNASUR กล่าวว่า “ทางUNASURจะตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อทำให้การกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า สินค้าที่ใช้ในครัวเรือนตามปกติ เช่น สบู่ล้างจาน ผงซักฟอก นม และน้ำมันพืช ที่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นสินค้าที่ขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่านับตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ สินค้าเหล่านี้แทบหาซื้อไม่ได้เลยในเวเนซุเอลา

การก้าวเข้ามาของ UNASUR เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่ม NGO เวเนซุเอลาและจากนานาชาติกว่า 30 องค์กรได้ลงนามในหนังสือร้องขอให้เข้าช่วยเหลือเวเนซุเอลาเพื่อมนุษยธรรม และนอกจากนี้ทางองค์กรเหล่านี้ยังขอให้มีการพิจารณาการปรับเปลี่ยนกฏหมายเวเนซุเอลาที่อนุญาตให้ใช้อาวุธรุนแรงเพื่อควบคุมการชุมนุม

 

ปอกเปลือก ทรราช
แผนถ่วงดุลอำนาจ อียูวางแผนเขี่ยอเมริกาทิ้งเสนอตั้งกองทัพของยุโรปขึ้นมาเอง



-----------------
ตามที่ได้รายงานข่าวให้ทราบไปเมื่อวันก่อนนี้ว่าอียูเริ่มเสียงแตกกรณีแชงชั่นรัสเซียรอบใหม่ โดยท่าทีของสมาชิกอียูฝั่งที่เป็นมิตรกับรัสเซียและได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแซงชั่นรัสเซียได้ออกมาสนับสนุนแนวความคิดที่ว่า "ให้โอกาสแก่สันติภาพ เรื่องแซงชั่นเอาไว้ทีหลัง"
และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานาง Federica Mogherini ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียูก็ออกพูดว่า "ทุกวันนี้สหภาพยุโรปเป็นผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริง (realistic) เกี่ยวกับการพัฒนาในรัสเซีย แต่เราไม่เคยถูกวางกับดัก หรือถูกบังคับ หรือถูกผลัก หรือถูกดึงเข้าสู่ภาวะการเผชิญหน้า..." อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว ถามว่าใครเป็นคนวางกับดัก หรือดึง หรือผลักอียูเข้าสู่ความขัดแย่งกับรัสเซีย ก็ต้องบอกว่าสหรัฐฯและบางส่วนในอียูเองนั่นแหละ คำพูดนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังอเมริกาโดยตรง ว่าอียูจะไม่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำลายรัสเซียตามที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องการอีกต่อไป อันที่จริงถ้าจะโทษก็ต้องโทษอียูเองนั่นแหละที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทะเล่อทะล่าเสร่อเดินเอาหน้าไปกระแทกท้ายปืนของรัสเซียในยูเครนเข้าจังเบอเล่นเอาซะฟันร่วงไปหลายซี่ เจ็บป๊ะ? เจ็บดี๊! ถึงได้ถอยนี่ไง
ยังไม่เข็ด! ล่าสุดนาย Jean-Claude Juncker ประธานคณะกรรมการยุโรป (European Commission president) ออกมาเสนอไอเดียว่าอียูจะต้องมีกองกำลังเป็นของตัวเอง (EU Army) ถามว่าแล้วทุกวันนี้ประเทศต่างๆในอียูไม่มีกองทัพเป็นของตัวเองหรอกหรือ? มี แต่ไม่ใช่แบบที่นาย Juncker ต้องการ แล้วเขาอยากได้แบบไหน? แบบนาโต้ไง อ้าว! ก็ไปซ้ำกับนาโต้นะสิ นั่นแหละคือปัญหา โดยนาย Juncker ได้พูดถึงแนวคิดเกี่ยวกับกองทัพของอียูว่า "กองกำลังผสมระหว่างชาติต่างๆในยุโรปจะแสดงให้โลกเห็นว่า จะไม่มีสงครามระหว่างประเทศต่างๆในยุโรปด้วยกัน" และกล่าวอีกว่า "กองทัพของอียูนี้มีไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มประเทศตนเอง (อียู) และใช้สำหรับตอบโต้ต่อการคุกคามสันติภาพในประเทศสมาชิกและประเทศเพื่อนบ้าน การที่จะรวมทั้ง 28 ชาติในอียูมาสร้างกองทัพร่วมกันในทันทีนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศระดับผู้นำไม่กี่ประเทศย่อมทำได้ง่ายและรวดเร็ว การตั้งกองทัพอียูขึ้นนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังรัสเซียโดยตรง ยุโรปให้ความสำคัญในการที่รักษาผลประโยชน์ของชาติสมาชิกในอียู"
ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดวิจารณ์มาสำรวจเบื้องหน้าเบื้องของของหมอนี่ดูก่อนว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน จากการถาม wikipedia พบว่า Jean-Claude Juncker เป็นนักการเมืองของประเทศลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) เคยเป็นทั้งรมว.คลังของลักเซมเบิร์ก 20 ปี (1989 - 2009) และครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานที่สุดคือ 18 ปี (1995 - 2013) ควบทั้งสองตำแหน่งว่างั้นเถอะ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการถาวรของอียู เก๋าเกมมาก
ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศเล็กพื้นที่เพียง 2,586.4 กม. (เท่ากับพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในบ้านเรา) จากการสำรวจเมื่อปีที่แล้วมีประชากรเพียงห้าแสนกว่าคน ตั้งอยู่ตอนกลางของยุโรป ไม่พื้นที่ติดทะเลมีชายแดนติดกับเบลเยี่ยม-เยรมันนี-ฝรั่งเศส จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นสมาชิกของอียูและนาโต้ด้วย ในอดีตเยอรมันถือว่าลักเซมเบิร์กเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมัน และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็ถูกนาซีเยอรมันยกทัพไปยึดไว้ก็ตกเป็นของเยอรมันอีก
Juncker สนับสนุนการรวมยุโรปมาแต่ไหนแต่ไร แม้ต่อกรณี "Grexit" (Greek Exit) ที่ก่อนหน้านี้กรีซขู่ว่าจะออกจากอียูนั้นเขาก็ไม่เห็นด้วย แนวคิดของเขาคล้ายกับของเยอรมันฝ่ายที่ต้องการจะขยายอำนาจของอียูออกไปอีกทั้งในแง่หาสมาชิกใหม่มาเพ่ิมและสร้างอิทธิพลให้กับตัวเองทั้งในแง่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และล่าสุดก็กองทัพของอียูเองนี่แหละ งานนี้มองว่า Juncker คงจะติดใจวิธีการของนาซีเยอรมันในอดีตแน่ๆ ถึงพยายามยุให้เยรมันและอียูทั้งกองทัพขึ้นมาแข่งกับนาโต้อย่างนั้น
ต่อประเด็น EU Army นี้ทางสหรัฐฯยังสงวนท่าทีอยู่ ยังไม่มีใครออกมาแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เหมือนกับซุ่มดูอยู่ว่าอียูจะเดินเกมอย่างไรต่อไป ส่วน 2 มหาอำนาจในอียูคืออังกฤษกับฝรั่งเศสค่อนข้างระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เพราะทั้งสองชาตินี้ลงทุนกับกองทัพนาโต้ร่วมกับสหรัฐฯเอาไว้มากแล้ว จึงเปรยๆว่ามันจะไปทับซ้อนหรือบ่อนทำลายนาโต้หรือเปล่า?
แต่ดูเหมือนว่าทางเยอรมันจะชอบใจไอเดียนี้ของนาย Juncker นะ เพราะล่าสุดรมว.กลาโหมของเยอรมันออกมาพูดว่า "ความคิดในการสร้างกองกำลังผสมในยุโรปนี้เป็นไอเดียที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ในอนาคต" นั่นไงความทะเยอทะยานกระหายอำนาจแบบนาซีเก่าเริ่มกลับมาอีกแล้ว เพียงแต่มันซ่อนรูปในลักษณะของกองกำลังยุโรปต่างหาก
แล้วรัสเซียว่าไง เพราะถูกอียูกำหนดให้เป็นผู้ร้ายและเป็นสาเหตุหลักที่อยากจะสร้างกองทัพอียูขึ้นมาในตอนนี้? นักการเมืองฝ่ายรัสเซียออกมาพูดว่าพวกอียูมันเป็นโรคหวาดระแวง (paranoid) โดยกล่าวว่า "อาการป่วยจิตระแวงของพวกยุโรปก็คือประกาศว่าจะตั้งกองกำลังผสมเพื่อถ่วงดุลกับรัสเซีย แล้วก็บอกว่าไม่ต้องการจะก่อสงครามกับใครๆ" อู๊ย! เจ็บอ่ะ อียูบอกเซ็งคนรู้ทันอ่ะ
งานนี้ปูตินไม่พูดมาก ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่เดินเกมอีกแบบคือให้จีนออกมาช่วยพูดให้ทั้งอียูและอเมริกามั่นใจว่าจีนคิดอย่างไรกับกรณีนี้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานายหวัง ยี่ รมว.ต่างประเทศของจีนได้กล่าวต่อที่ประชุมสื่อฯว่า "ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศระหว่างจีน-รัสเซียนั้นเป็นเรื่องใหญ่ (สำคัญที่สุด) แม้ว่ารัสเซียจะอยู่ภายใต้สถานการณ์กดดันจากตะวันตก จีนก็จะไม่ทิ้งรัสเซีย และความกดเหล่านั้นจะไม่มีทางกระทบต่อความร่วมของทั้งสองประเทศแน่นอน ความร่วมมือของทั้งสองประเทศนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่ประเทศที่สาม...และจีนจะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับรัสเซียในเวทีนานาชาติเสมอ" ชัดนะลักเซมเบิร์ก ชัดนะอเมริกา ชัดนะเยอรมัน รู้นะคิดอะไรอยู่
+ วิเคราะห์
---------------
เกมชักจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เมื่ออียูหรือสหภาพยุโรปเริ่มเปิดหน้าออกมาทีละนิดๆว่าอียูไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การปกครองซ่อนรูปของจักรวรรดิอเมริกาอีกต่อไป อียูจะไม่เป็นเพียงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังฝันที่จะเป็นมหาอำนาจทางด้านอาวุธและกองทัพแข่งกับอเมริกา รัสเซีย และจีนอีกด้วย เริ่มต้นจากการรวมประเทศต่างๆในยุโรปเข้ามาเป็นกลุ่มเดียวกันก่อน แล้วก็ใช้เงินสกุลยูโรที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นส่วนมากเพื่อแข่งกับเงินดอลล่าของสหรัฐฯเป็นหลัก จากนั้นก็ขยายการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆทั้งด้านนิวเคลียร์ อวกาศ และอาวุธของตัวเองอย่างที่รัสเซียและจีนกำลังทำ เพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯอีกต่อไปในอนาคต
เมื่ออียูเริ่มมั่นใจในตัวเองว่าเศรษฐกิจของตนแข็งแกร่งมาก แม้ในตอนนี้กำลังทรุดสุดๆก็เถอะ และแล้วหนึ่งในบุคคลสำคัญของอียูก็เผยความต้องการที่แท้จริงที่อยากครองโลกเช่นกันออกมาว่าต้องการจะสร้างกองทัพยุโรปขึ้นมาเอง (Joint EU Army) ไม่ว่าจะใช้เหตุผลว่าตอนนี้อียูเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหรือตอนนี้เศรษฐกิจของอียูกำลังแย่ อียูจำเป็นต้องมีกองทัพเพื่อขยายอำนาจของตนหรือเพื่อแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐให้กับกลุ่มประเทศของตนก็ตาม แต่ที่แน่ๆเป้าหลักในตอนนี้ของอียูก็คือขย้ำรัสเซีย เพราะต้องการจะเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในรัสเซียแข่งกับอเมริกานั่นเอง
งานนี้ดูผิวเผินเหมือนสองก๊กคือก๊กตะวันตกได้แก่สหรัฐฯกับอียู และก๊กตะวันออก (หรือเอเซีย) ได้แก่รัสเซียกับจีน ระหว่างจีนกับรัสเซียนี่ยังไม่เห็นความขัดแย้ง แม้จะต่างฝ่ายต่างพัฒนาทั้งอาวุธและเศรษฐกิจของตนเองแต่ก็ร่วมมือกันมาตลอด แต่ก๊กตะวันตกนี่แม้จะร่วมมือกันรวมกินโต๊ะประเทศเล็กประเทศน้อยในตะวันออกกลางหรือแม้กระทั่งพวกเดียวกันเองอย่างกรีซที่ตกเป็นเหยื่อของอียูกับอเมริกาเป็นต้น แต่ในขณะเดียวกันก็แข่งกันอยู่ลึกๆ อเมริกาพยายามที่จะควบคุมอียูให้ได้ในทุกมิติทั้งทางเศรษฐกิจและกองทัพโดยใช้นาโต้เป็นเครื่องมือในการขยายอำนาจของตนไปทั่วยุโรป ส่วนอียูก็อยากจะหนีให้พ้นเงาหรือปีกของอเมริกา จึงพยายามสร้่างทั้งโครงการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศของตนเองขึ้นมา แล้วล่าสุดก็นี่แหละ กองทัพอียู เพราะอียูเห็นแล้วว่าอเมริกาใช้กองทัพนำหน้าในการแสวงหาอำนาจให้กับตัวเอง ดังนั้นอียูจึงอยากจะเอาอย่างบ้าง และอาจจะกล่าวได้ว่าอย่างน้อยมหากาพย์นี้มีถึง 4 ก๊กเชียวนะ
งานแรกไม่ใช่เอาไปลุยตะวันออกกลางร่วมกับสหรัฐฯแน่นอนเพราะมีนาโต้อยู่แล้ว แต่จะเล่นของแข็งอย่างรัสเซียเลย เพราะเค้กก้อนใหญ่กว่า ที่สำคัญทรัพยากรณ์ในประเทศของอียูก็กำลังจะหมดแล้ว พื้นที่ของยุโรปก็จำกัด จำนวนผู้อพยพจากชาติอาหรับไหลเข้ามายังยุโรปเพิ่มขึ้นทุกปี และในอนาคตอันใกล้นี้ประชากรของอียูจะล้นประเทศแน่ๆและจะไม่มีทรัพยากรเลี้ยงดูผู้คนเหล่านั้นทั้งประชากรของตนเองและที่อพยพเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ แต่ของรัสเซียยังมีทั้งทรัพยากรณ์ พลังงาน และพื้นที่ว่างอีกเพียบ รัสเซียมีพื้นที่มากกว่าอียูรวมกันประมาณ 6-8 เท่า เมื่อประชากรของตนเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างนั้นอียูจะทำอย่างไร มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่ไปค้นหาทวีปใหม่แล้วก็สร้างอเมริกาขึ้นมาอีกแล้วนะ ถ้าจะอพยพไปอยู่อเมริกาก็ไปได้แต่คนของอียูเอง แต่พวกต่างถิ่นที่ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในยุโรปก็ไปด้วยไม่ได้ เกรงว่าจะถูกพวกนี้ยึดแน่หละ จะไปออสเตรเลียก็มีแต่ความแห้งแล้งไปได้แต่คนแต่ยกแผ่นดินไปต่อกันไม่ได้ ก็มีแต่รัสเซียนี่แหละที่ใกล้สุดทรัพยากรมีเหลือเฟือ จึงเล็งไว้เป็นเป้าหมายแรก
ครั้นได้บางส่วนจากรัสเซียมาแล้ว งานต่อไปที่จะผงาดขึ้นมางัดกับอเมริกาก็ไม่ไกลเกินฝันของอียู ปูตินบอกปล่อยให้มันฝันเก้อไปเหอะ ดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้ก่อนนะ ยุคสมัยที่รัสเซียมีปูตินเป็นผู้นำนี้รัสเซียขยายอาณาเขตของตนเองเพิ่มขึ้นได้ คือได้ไคร์เมีย สองกำลังจะได้ภูมิภาคดอนบาสส์ (โดเนทส์กกับลูฮานส์ก) สามกำลังจะได้อับฮาเซียจากจอร์แดนมาด้วย ต่อจากนั้นก็จะแบ่งยูเครนเป็นสองส่วนคือยูเครนตะวันออกกับยูเครนตะวันตกโดยยึดตาม Novorosia เก่า (Novorossiya) ตัดยูเครนออกจากคาบสมุทรทะเลดำโดยสิ้นเชิง
The Eyes
10/03/2558
--------------
http://rt.com/news/238797-eu-joint-army-threat/
TASS: World - European Commission president: EU should have its army
TASS: World - Setting up common EU armed forces may be on agenda of June summit — European Commission
http://uk.reuters.com/…/eu-defence-juncker-idUKL5N0WA0D4201…
BBC News - We need a European army, says Jean-Claude Juncker
‘Give peace a chance, decide sanctions later’: EU split over extension, new Russia penalties — RT News
​EU won’t be pushed into confrontation over Ukraine – foreign policy chief — RT News
http://rt.com/news/238857-china-russia-mature-partnership/
TASS: World - China and Russia will support jointly international security - Chinese foreign minister
Who is the Enemy? EC President Reportedly Wants to Form European Army / Sputnik International
Creating Pan-EU Army to Counterbalance Russia is 'Paranoia' - Lawmaker / Sputnik International
Germany Supports Idea of Creating Pan-European Army / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช



ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคดีสังหารเนมท์ซอฟสารภาพเนื่องจากไม่ชอบที่เนมท์ซอฟพูดถึงมุสลิมในแง่ลบ
-----------------
เมื่อวานรายงานข่าวว่าทางการรัสเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีลอบสังหารนาย Boris Nemtsov ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย ล่าสุดสำนักข่าว RT News ของรัสเซียรายงานว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคือนาย Zaur Dadaev ได้รับสารภาพว่าเขาเป็นผู้บงการในการก่ออาชญากรรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้แค้นต่อผู้นำพรรคฝ่ายค้านของรัสเซียที่ได้เคยออกมาแสดงความคิดเห็นในแง่ลบต่อชาวมุสลิมหรือศาสนาอิสลามอยู่หลายครั้ง แต่แหล่งข่าวก็ยังไม่ได้ระบุว่ามีช่วงใดหรือตอนไหนบ้างที่ Zaur Dadaev บอกว่าเนมท์ซอฟกล่าวเช่นนั้น
ต่อกรณีของชาร์ลี เอบโด เนมท์ซอฟได้เขียนในบล็อกของเขาว่าโลกได้เป็นพยานแล้วว่ามันเป็น "การสืบสวนแบบอิสลามในยุคกลาง" (medieval Islamic inquisition) และยังกล่าวอีกว่าผู้นำของเชเชน (Chechen) คนปัจจุบันที่ชื่อ Ramzan Kadyrov ได้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม และควรจะถูกจับติดคุก
ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ชาวเชเชนมีปฏิกิริยาต่อท่าทีของฝรั่งเศสและนิตยสารชาร์ลี เอบโดเป็นอย่างมากโดยต่างก็พากันออกมาเดินขบวนประท้วงฝรั่งเศสและชาร์ลี เอบโดกันหลายแสนคน ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าเนมท์ซอฟถูกขู่เกี่ยวกับการกราดยิงชาร์ลี เอบโดในกรุงปารีสมาแล้ว Zaur Dadaev เป็นชาวเชเชนทางใต้ของรัสเซีย ก่อนหน้านี้ผู้นำของเชเชนกล่าวว่าเขารู้จักกับ Zaur Dadaev ในฐานะที่เขาเป็นผู้รักชาติของรัสเซีย
ในขณะเดียวกันสำนักข่าวซีสองเอ็นกระบอกเสียงของสหรัฐฯก็ประโคมข่าวว่าปูตินมอบเหรียญเกียรติยศให้กับผู้นำของเชเชน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร นั่นมันซะอย่างนั้น ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดในรัสเซียกล่าวหาว่าผู้นำของเชเชนตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวแต่สหรัฐฯสั่งให้ประโคมข่าวนี้ไปแล้วว่าเขาเป็น บอกได้เลยว่าสหรัฐฯกำลังใช้ทุกช่องทางทุกโอกาสในความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกขึ้นมาในรัสเซียให้ได้
งานนี้ปูตินรู้ทันแผนนี้บ่างช่างยุแบบนี้ของอเมริกาอยู่แล้ว เพราะต้องการจะยุให้สาธารณรัฐเชเชนแตกคอกับรัสเซียหละสิ (เชเชนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย) ก็เลยรีบใส่ร้ายผู้นำของเชเชนซะเลย และยังกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายด้วย ไม่มีทางซะหละ ปูตินชิงมอบเหรียญเกียรติยศให้กับผู้นำเชเชนร่วมกับคนอื่นๆอีก 30 คนซะเลย พร้อมกับจับมือเช็คแฮนด์เย้ยรัฐบาลสหรัฐฯว่าแผนของยูล้มไม่เป็นท่าอีกแล้ว แล้วก็ให้โฆษกออกมาแถลงข่าวว่ากำหนดการที่จะมอบเหรียญรางวัลให้กับผู้นำเชเชนและคนอื่นๆนั้นได้ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้มาตั้งหลายเดือนแล้ว ส่วนเรื่องการจับกุมผู้ต้องสงสัยกับการพิธีมอบเหรียญรางวัลให้ที่ตรงกันนั้นมันเป็นเรื่องบังเอิญหนะ ง่ายๆอย่างนี้แหละ ผ่าน ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ไม่ติดใจ ยกเว้นพวกนิยมอเมริกาเท่านั้น
The Eyes
10/03/2558
--------------
http://rt.com/news/238945-nemtsov-murder-motive-islam/
http://rt.com/news/238813-nemtsov-murder-charged-court/
4 suspects in Nemtsov murder detained — RT News
http://edition.cnn.com/…/eur…/russia-putin-medals/index.html
TASS: Russia - Chechen leader says he knows Nemtsov murder suspect as "true patriot of Russia"

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 10 มี.ค.58 แฉ..อิรักจับที่ปรึกษากลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ชาวอเมริกัน และอิสราเอล ได้คาหนังคาเขา
มีรายงานมาว่า หลังจากทางการอิรัก ที่ได้สืบทราบข้อมูลว่า มีศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการขั้นสูงของกลุ่มก่อการร้าย IS ฮอลีวู๊ด บริเวณพื้นที่ที่ห่างไกล ในทะเลทรายทัลอับเฏาะฮ์ ในจังหวัดโมซูล โดยมีบรรดาที่ปรึกษาชาวต่างชาติในเครือข่ายของกลุ่ม IS ทำหน้าที่บริหารควบคุมอยู่
กองกำลังพิเศษ พร้อมด้วยหน่วยกองกำลังต่อสู้กับการก่อการร้ายของอิรัก ได้ปฏิบัติการที่มีชื่อว่า "ปฏิบัติการเขี้ยวแมงป่อง" จู่โจมไปยังศูนย์ดังกล่าว และได้ทำลายสำเร็จ พร้อมกันนั้นได้จับกุมตัวสมาชิกบางคน และสมาชิกเครือข่ายของกลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด อีกจำนวนหนึ่งถูกสังหารเสียชีวิต
และที่สุดอึ้ง คือ ในศูนย์นั้นมีการจับกุม 4 ที่ปรึกษาชาวต่างชาติของกลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ซึ่ง 3 ใน 4 คน นั้นถือ " พาสปอร์ตอเมริกัน และอิสราเอล " และคนที่ 4 ถือพาสปอร์ตประเทศหนึ่ง ในสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย (GCC)
-------------------------------->
เพจนี้บอกมานานว่า กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด นั้นถูกบริหารและชักใยโดย CIA อเมริกา และอิสราเอล มานานแต่แรกแล้ว การที่กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด จะดำเนินการใดๆ หรือ ปฏิบัติการใดๆ ต้องมีการสั่งการจากวอร์รูมของ CIA ก่อน..วันนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว
การปาดคอ ตัดหัว เผาทั้งเป็น ความโหดร้ายของ IS ฮอลีวู๊ด ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นปี ถูกชักใยโดยมะกัน กับ ยิวนั่นเอง..เรื่องนี้สำนักข่าวยิวไซออนิสต์ต้องเงียบเป็นเป่าสากแน่นอน
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

แฉคำสอน “ธัมมชโย คือ ต้นธาตุต้นธรรม” อ้างตนใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า



รพ.กรุงเทพ กักตัวทีมข่าวทีนิวส์หลังสัมภาษณ์ “หมอมโน” ภายในสถานที่ ขอให้ลบภาพบันทึกดังกล่าว อ้างแต่งกายคล้ายแพทย์ หวั่นคนเข้าใจผิดเป็นแพทย์ของโรงพยาบาล

วันนี้ (6มี.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีโรงพยาบาลกรุงเทพกักตัวผู้สื่อข่าว พร้อมกับทีมงานไว้ หลังจากผู้สื่อข่าวทีนิวส์ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายแพทย์ มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ด้านการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ถึงกรณีการดำเนินกิจการภายในในวัดพระธรรมกาย

โดยทาง โรงพยาบาลกรุงเทพ ชี้แจงว่า ทางโรงพยาบาลกรุงเทพไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะลิดรอนสิทธิของสื่อมวลชน ตลอดจนก้าวก่ายการทำงานของสื่อมวลชน หากแต่ในข้อเท็จจริงแล้ว นพ.มโน ไม่ได้เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่ได้เข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โดยมารักษาอาการปวดเข่า เมื่อเวลาประมาณ 14.25 น. โดยเป็นการนัดตรวจอาการตามปกติ และมีการให้สัมภาษณ์โดยได้เข้าไปใช้ห้องที่มีลักษณะเป็นห้องตรวจคนไข้ของทางโรงพยาบาล โดย นพ.มโนได้ ได้แต่งกายคล้ายแพทย์ เข้าไปนั่งในที่นั่งของแพทย์ในห้องตรวจของทางโรงพยาบาล มีการเอาหูฟังของหมอในห้องตรวจคล้องคอ ซึ่งด้านหลังของห้องมีวุฒิบัตรของแพทย์เจ้าของห้องติดอยู่จำนวนมาก และผู้สื่อข่าวนั่งสัมภาษณ์ในที่นั่งของคนไข้ ในลักษณะที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่า นพ.มโน เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลได้ โดยการให้สัมภาษณ์ยังพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลกรุงเทพ

มโน : เป็นคนเขียนการปฏิรูปการปกครองเขียนโครงสร้างใหม่ให้วัดหลังจากจบที่อ๊อกฟอร์ดมาแล้ว ประชุม 4,800 ชั่วโมง ทำโครงการปฏิรูปโครงสร้างเสร็จมีธรรมนูญการบริหารการปกครองชัดเจน

ทีนิวส์ : แล้วสิ่งก่อสร้างของวัดที่เป็นลักษณะของวัดมีที่มาที่ไปอย่างไร

มโน : ก็มาจากจินตนาการเจ้าอาวาสคนเดียวเลย ท่านเป็นคนตัดสินต้องการอย่างนี้ๆ ท่านเป็นคนออกแบบแม้กระทั่งสไตล์ของพระพุทธรูปท่านก็เป็นคนปั้นเองทำคูคลองอะไรต่างๆ ท่านก็เป็นคนคิดตรงไหนเป็นตรงไหนเป็นดินนะครับ ท่านเป็นคนคิดหมด

ทีนิวส์ : พอบวช 20 กว่าปี แล้วเพราะอะไรต้องออกมา แล้วก็มีการโจมตีไปยังวัด

มโน : ผมบวช 20 พรรษา ตอนแรกก็ ตอนผมจบฮาเวิร์ดผมก็มีความรู้สึกว่า ตอนนั้นก็เป็นกรรมการบริหารอาวุโสของวัดพระธรรมกาย ก็ดูแลหลายสำนัก การศึกษา การต่างประเทศ แล้วก็เป็นตัวแทนของวัดพระธรรมกายประจำสหประชาชาติ แล้วก็ทำงานในด้านสากลแล้วก็สร้างวัดพระธรรมกายที่แคลิฟอร์เนียเป็นสาขาแรก แล้วผมก็สร้างชมรมพระพุทธศาสตร์ของมหาลัยฮาเวิร์ดที่อเมริกา ตอนนั้นปี 2533-2534 ผมก็ทำคดีเรื่องโจนาธาน ดูดี้ ซึ่งเป็นเรื่องฆ่าพระไทยในอเมริกา ซึ่งผมก็ระดมทุนครั้งใหญ่สุด ทำอะไรหลายอย่างเลยทีเดียว ก็ไปพบกับญาติโยมที่เข้าวัดซึ่งหมดเนื้อหมดตัวทีเดียวแหละ เพราะว่าวิธีการระดมทุนของวัด ผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยกับการหาเงินระดมทุนแบบนี้ คือเป็นการปั่นศรัทธาจนกระทั่งทำบุญกันสุดฤทธิ์สุดเดช ครอบครัวที่ผมไปเจอก็มีบ้านอยู่ 4 หลังขายไปแล้ว 3 หลังเหลือหลังสุดท้ายจะเอาไปจำนองดีไหมเพื่อเอาเงินไปสร้างธรรมกายเจดีย์ ก็สงสัยว่าทำไมน้อ บุญยังไม่ส่งผลสักที สามีไม่ค่อยอยู่บ้านเลย ลูกก็ไม่ค่อยอยู่บ้านจะสอบเอ็นทรานซ์อยู่แล้ว ผมก็ดูแล้วเอ๊ะสามีจะไปอยู่บ้านได้ไง แกเปิดบ้านแกเป็นสำนักปฏิบัติทำวัตรเย็นทุกวัน สามีเปิดประตูเข้ามาก็เจอคนแปลกหน้าทั้งนั้นครอบครัวก็ไม่เป็นครอบครัว ลูกก็เห็นแม่สุดโต่งไปทางศาสนาก็ความรู้สึกเป็นครอบครัวก็หมดไป วันนั้นผมก็เข้าไปคุยเจ้าอาวาสเลย ถามท่านว่า ก็เรียนท่านตรงๆ ว่าอันนี้ไม่ควรทำ นโยบายหาเงินแบบนี้มันทำให้คนยากจน ทำยังไงเขาจะมีกิน ทำยังไงเขาจะมีความสุขในครอบครัวแล้วก็ลูกหลานก็มีความสุขอันนั้นน่าจะเป็นโจทย์ของเรามากกว่า แล้วครอบครัวเขามีความสุขเขาทำบุญเอง ท่านก็ค่อนข้างจะโกรธแล้วก็จ้องหน้าผมแบบขมึงตึงเลย แล้วก็ถามว่า ท่านรู้ไหมหลวงพ่อเป็นใคร ท่านคิดว่าหลวงพ่อคือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสพระธรรมกาย ละก็ ท่านเข้าใจผิดเสียแล้ว นี้ประโยคของท่านเลยจำแม่นเลยครับ

ทีนิวส์ : แล้วยังไงต่อครับ เข้าใจผิด ก็เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่แล้ว

มโน : คือท่านพยายามจะให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านเชื่อว่าท่านเป็นต้นธาตุต้นธรรม ก็คือ ก็อด พระผู้เป็นเจ้า ที่ลงมาเหมือนกับอวตารลงมา มาเป็นมนุษย์ นี้เป็นคำสอนที่พิเศษไปจากทุกวัด ในพุทธศาสนาเราไม่มีพระผู้เป็นเจ้าถูกไหมครับ พระพุทธเจ้าต้องเป็นผู้ตรัสรู้ธรรม ไม่มีพระเจ้าผู้สร้างโลก ทีนี้สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็เทศน์ไว้ แนวปฏิบัติของวัดปากน้ำคือ เมื่อบวช เมื่อมาบวชผู้บวชจึงทราบว่า พระต้นธาตุใช้ให้มาปราบมาร ถ้าไม่สำเร็จก็ยอมตายที่วัดปากน้ำนี้ คราวนี้พระต้นธาตุนี้คือใคร แล้วก็สมัยโบราณมีความเชื่อที่มีพระต้นธาตุต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า องค์แรกซึ่งสร้างสรรพสิ่งทุกอย่างทั้งปวงคราวนี้ท่านเองก็ตั้งใจในการปราบมาร คำสอนในวัดปากน้ำจะมีอยู่ 2 ส่วน ส่วหนึ่งเรียกว่า วิชามรรคผล ว่าด้วย 18 กายเข้าถึงเพื่อเป็นพระอรหันต์ อีกอันหนึ่งก็ปราบมาร ในเรื่องนี้วิชาปราบมารเป็นเรื่องที่ท่านทำเองเพื่อปราบมาร ทำยังไงมารจะหมด พอมารหมดนี้ก็โลกทั้งโลก ดวงดาวอะไรก็หายหมดทุกอย่างจะกลายเป็นนิพพาน มดสักตัว ยุงสักตัวก็กลายเป็นพระธรรมกายหมด นั้นสิ้นสุดของวัฏสงสารนั้นคือเป้าหมายที่ท่านจะทำ คราวนี้ท่านก็มรณภาพไป 2502 ในขณะนั้นของวัดธรรมกายโดยเจ้าอาวาสพระธรรมกายท่านธัมมชโย ท่านก็สอนลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านว่า ท่านเป็นพระต้นธาตุตัวจริง เป็นคนที่ใช้หลวงพ่อวัดปากน้ำลงมาปราบมาร หลวงพ่อทำไม่สำเร็จท่านเลยต้องลงมา หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นทัพหน้า ท่านเป็นทัพหลวงตัวจริง แล้วก็มาไม่ได้มาคนเดียว มาเป็นล้าน หลายล้าน ธรรมกาย พระพุทธเจ้าฝ่ายปราบเป็นล้าน แล้วมีบารมีแล้วก็แบ่งเป็นทัพ เขาเรียก กองทัพธรรม มีทั้งหมดอยู่ 4 กอง ฝ่ายรบ ฝ่ายเผยแผ่ ฝ่ายปฏิสังขรณ์ แล้วอันสุดท้ายคือกองเสบียง เป็นกองทัพเลย

ทีนิวส์ : นี้คือหลักของวัดพระธรรมกาย

มโน : ของวัดพระธรรมกาย

ทีนิวส์ : มี 4 กองทัพที่ว่า

มโน : พอเป็นลักษณะเช่นนี้ ลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ใกล้ชิด คำสอนนี้เป็นคำสอนลับ ไม่ได้เปิดเผย คือสอนให้คนในก่อน ลูกศิษย์ก็เกรงกลัวมากเพราะท่านเป็นต้นธาตุต้นธรรม ทุกคนก็เล็งสักวันหนึ่งจะทำวิชากับหลวงพ่อ

ทีนิวส์ : วิชาอะไร

มโน : วิชาไปปราบมารไง เป็นอิทธิฤทธิ์ปราบมาร แต่ว่าการปราบมาร มารในที่นี้ไม่ได้เป็นยักษ์ มารที่แท้จริงคือพระธรรมกายสีดำ เหมือนกับว่าในโลกนี้มีสีขาวทีดำต่อสู้กันตลอดเวลา แล้วโลกมนุษย์ก็คือสนามรบซึ่งสร้างด้วยฝ่ายขาว เพื่อมาทำวิชาปราบฝ่ายดำแล้วตอนนี้เป็นสงครามอันสุดท้ายนะครับ ที่จะปราบมารให้หมดเลย แล้วท่านก็จะลงมาทำอันนี้ภารกิจยิ่งใหญ่ คราวนี้ท่านธัมมชโยก็ให้แนวคิดนี้ใหม่เป็นแนวคิดที่ ท่านเป็นจักรพรรดิคุมทัพใหญ่ ทัพหลวงมาปราบมาร ลูกศิษย์แต่ละคนก็ทำหน้าที่เป็นขุนพล เป็นอะไรต่างๆ ไล่ลงไป เพราะฉะนั้นถ้าคนเชื่อท่านก็กลายเป็นคนสำคัญ คนที่เชื่อก็กลายเป็นทหารให้กองทัพธรรม พอเป็นทหารคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายถูกไหมครับ

ทีนิวส์ : มีอะไรที่ทำให้ลูกศิษย์เชื่อถึงขนาดนั้น

มโน : คือท่านเป็นคนเก่งในเรื่องของจิตวิทยา เวลาไปหา

ทีนิวส์ : เก่งจิตวิทยาหรือว่ามีอิทธิฤทธิ์เหมือนอย่างที่หลายคนเขาร่ำลือ

มโน : ครั้งหนึ่งสมัยก่อนผมก็เคยเชื่ออย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมก็คิดว่าท่านไม่มีอะไรเหลือแล้ว

ทีนิวส์ : เมื่อก่อนเคยมีเหรอครับ ด้วยความเชื่อของอาจารย์มโน

มโน : เมื่อก่อนเคยมีความรู้สึกว่าท่านมีอะไรสักอย่าง อย่างเช่น ท่านรู้ ดักทายวาระจิตเรา รู้ว่าเรากำลังคิดอะไร

ทีนิวส์ : รู้จริงๆ ใช่ไหมครับ อาจารย์มโนก็เคยเจอมา

มโน : ครับก็เคยเจอ คุณยายจันทร์เป็นคนที่มีสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนมาก คุณยายก็ไปทักคนโน้นไปทักคนนี้ คุณอย่าคิดอย่างนั้นนะ อันนั้นไม่ดี

ทีนิวส์ : รู้เลย

มโน : ครับ ในขณะที่เรากำลังนั่งเฉยๆ แล้วมารู้วาระจิตเราได้อย่างไร นั้นก็เป็นอันที่เราเจอมากับตัวแต่ภายหลังคุณยายจันทร์ป่วย เป็นอัลไซเมอร์ตั้งแต่ปี 2526 บุคลิกท่านก็เปลี่ยนไป สมัยก่อนวัดไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้ คุณยายเองเป็นคนที่บอกว่าให้สมถะ สันโดษ พอมีพอได้ อย่าไปคิดมักใหญ่ใฝ่สูง วัดที่ยายสร้างจะต้องมีไม่เกินร้อยคน ทั้งพระ ทั้่งฆราวาส เกินร้อยยายจะไล่คุณยายก็บอกว่าใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็ไม่ไหว ต้องพอดีๆ อันนี้เป็นคำสอนที่คุณยายสอนเป็นประจำ แต่พอคุณยายป่วยไป อำนาจของเจ้าอาวาสก็เพิ่มมากขึ้นๆ แล้วก็ใช้คุณยายเป็นเครื่องมือในการหาเงิน ตอนปี 2525 ตอนพบกับผม ตอนนั้นผมเพิ่งบวชใหม่ๆ คือท่านเป็นคนชวนให้ผมบวช หาเงินมาจ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลเพราะว่าหมอได้รับทุนจากรัฐบาลมาเรียนแพทย์ ก็ต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด ทางวัดก็ออกเงินทุนที่เหลือให้ ผมก็ไม่ต้องไปออกต่างจังหวัด ก็มาบวชเลย แล้วก็ตั้งใจเรียน ก็การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นช้าๆ นะครับ ปี 2525 ท่านก็ตอนนั้นก็พูดกับผมในออฟฟิศของท่าน ท่านก็มองออกไปแล้วก็ชี้ให้ดูป้ายโฆษณาแผ่นใหญ่แล้วก็มีรูปโลกอยู่ ท่านก็บอกว่า ท่านไม่ต้องการหรอกที่จะเป็นพระสังฆราช ท่านต้องการจะครองโลก โลกใบนี้มันเล็กเกินไปสำหรับท่าน แล้วท่านก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างไม่มีความสิ้นสุด แล้วท่านก็ชอบวีรบุรุษคนสำคัญคนหนึ่งก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ท่านคิดว่าฮิตเลอร์เป็นคนเก่ง ท่านคิดว่าถ้าฮิตเลอร์ชนะสงครามพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง แล้วก็วิชาธรรมกายจะเผยแพร่ไปทั่วโลก สร้างวัดขึ้นมาท่านก็ขยายที่ใหญ่โตตั้งแต่ปี 2526 ซื้อที่เป็นพันไร่

ทีนิวส์ : ทำธุรกิจ?

มโน : ธุรกิจเริ่มปี 2526 พอมีเงินคนทำบุญมากๆ แล้วท่านก็เอาไปลงทุน ลงทุนอะไรจะเหมาะก็สร้างบริษัทเอง ให้ลูกศิษย์เป็นนอมินี ส่วนใหญ่เป็นอุบาสิกา บริษัทเดี๋ยวนี้ก็กระจายไปเยอะแยะในหลายๆรูปแบบ

ทีนิวส์ : ก่อจะไปถึงบริษัท ผมขอถามที่บอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิฤทธิ์แล้วบอกว่าหมดไปเพราะอะไรครับ

มโน : เพราะไปยุ่งเรื่องธุรกิจเรื่องเงิน ปี 2530 ท่านก็บอกกับผมเองว่าท่าน ตอนนี้ไม่เห็นอะไรนอกจากตัวเลข

ทีนิวส์ : มาบอกกับคุณมโนเอง

มโน : ใช่ครับ เห็นแต่ตัวเลข ท่านลงทุนไปเยอะ ก็ลงทุนไว้เยอะ

ทีนิวส์ : แต่ก็ยังมีจิตวิทยาในการพูด

มโน : แน่นอนๆ ท่านเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการพูดคุยนะครับ ไม่เหมือนคนอื่น สมมุติเราไปหาพระเถระ ไปหาท่านเจ้าคุณพระพุทธทาส ก็จะมีความรู้สึกว่าหลวงพ่อรู้อะไรไปหมดเลย เรานี้เป็นคนไม่มีอะไรนิดเดียว แต่ว่าถ้าไปหาท่านธัมมชโย ความรู้สึกคนละแบบ ทำไมเรานี้เป็นคำสำคัญกับโลกนี้ ขนาดนี้เลยเหรอ สำคัญกับสากลจักรวาลขนาดนี้เลยเหรอ ขณะที่คิดว่าเราสำคัญขนาดนี้ ท่านก็สำคัญกับเราไปด้วย

ทีนิวส์ : ท่านสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้เกิดขึ้นได้

มโน : ใช่ครับ ท่านสร้างให้กับคนทุกคนที่เข้ามาเลยครับ ว่าทุกคนเป็นคนสำคัญ ซึ่งกับสำนักอื่นๆ แล้วจะเลือกประโยคคำพูดที่จะเอาใจคนนะครับว่าจะพูดคำไหนให้เขารัก ให้เขายอมรับเราเร็วที่สุด อย่างโยมผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามากราบ จำดิฉันได้ไหมค่ะ หลวงพ่อก็จะบอกว่า ต่อให้โยมไปยืนในท่ามกลางคนสักล้านหนึ่ง อาตมาก็จำโยมได้ ความรู้สึกมันก็ดี เราเป็นคนสำคัญ เพราะฉะนั้นวิธีการเข้าถึงญาติโยมท่านเก่งและเทคนิคดีกับคนอื่น แล้วให้ความสำคัญกับผู้ฟัง

ทีนิวส์ : อาจด้วยวิธีคิดที่อยากเป็นผู้ครองโลก แล้วก็บอกว่าทางธรรมกายเป็นสีขาว ต้องการเอาชนะสีดำ ด้วยการขยายอาณาจักรต่างๆ จะชนะอะไรครับ จะสู้กับอะไร

มโน : ก็สู้กับหนึ่ง ต้องการจะเผยแพร่วิชาธรรมกายไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องสร้างศูนย์กลางขนาดใหญ่ มหาธรรมกายเจดีย์จุคนได้เป็นแสนเป็นล้าน ทำกิจกรรมไปทั่ว แต่ว่าไปมากไปกว่านั้นก็คือการเผยแพร่กองทัพธรรมให้รู้สึกว่าคนอยู่ในกองทัพนี้เป็นคนอยู่ในกองทัพธรรม พระพุทธเจ้าพระต้นธาตุผู้มีบารมี พระพุทธเจ้าถูกลดค่าลงเลย ท่านไม่ได้เป็นผู้ปราบมาร ท่านเป็นแค่ผู้เผยแผ่ เป็นพระพุทธเจ้าฝ่ายโปรด ของท่านนี้คือพระผู้เป็นเจ้าตัวจริง

ทีนิวส์ : บอกกับลูกศิษย์ว่าเป็นผู้เป็นเจ้า

มโน : โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเด็กๆ ซึ่งไม่ค่อยรู้อะไรแล้วท่านเอามาสอน เด็กพวกนี้ก็จะเชื่อท่านเป็นพระต้นธาตุต้นธรรม คนก็เชื่อกัน แล้วก็สอนให้เด็กทั้งหลายกลัวท่าน พอท่านสั่งอะไรต้องกลัวทันทีเพราะนี้เป็นคำสั่งเฉียดขาดของพระต้นธาตุ ใครไม่เชื่อก็จะจับขังในเซฟ เขาเรียกเซฟ ไม่รู้หน้าตาเป็นไง แต่เซฟอันนี้มันจะเป็นที่กันไม่ให้ไปผุดไปเกิด เหมือนเป็นคุกมืด

ทีนิวส์ : มีคุกมืดอยู่ในธรรมกาย

มโน : ไม่ๆ เป็นแค่ขู่

ทีนิวส์ : แล้วมีคนที่ดื้อขัดขืนคำสั่งท่านทำยังไงครับ

มโน : ท่านก็บอกจะเอาไปใส่เซฟซะเลย ก็กลัวกันใหญ่

ทีนิวส์ : แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนใช่ไหม

มโน : ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทีนิวส์ : แต่ทุกคนจะกลัวอยู่แล้ว

มโน : แล้วก็บอกให้ทำบุญกันให้เยอะ รีบทำเลย ปิดบัญชีโลกเปิดบัญชีสวรรค์ คนก็ทำบุญกันแบบมีร้อยทำพัน มีพันทำหมื่น

ทีนิวส์ : เอาล่ะก็คือวิธีคิดต้องการจะเผยแพร่วิชาธรรมกายออกไปทั่วโลก ก็ต้องสร้างศูนย์กลางให้มันใหญ่เข้าไว้ แล้วก็ต้องใช้เงิน การระดมทุนนอกเหนือจากการใช้จิตวิทยา ก็คือสำคัญเลยก็คือการเปิดบริษัท

มโน : การลงทุนเอง สิ่งที่มันผิดพลาดเลยก็คือท่านเอาเงินของวัดไปซื้อที่ เช่น ที่พิจิตร ที่เพชรบูรณ์ ท่านรู้ว่ามีเหมืองทอง มีทองอยู่ มีเจ้าหน้าที่กรมธรณีวิทยามาบอกท่านว่า ที่นี้มีทอง ท่านก็ไปให้คนไปตักดินมา 1 คิวบิกเมตร มาร่อนดู มีทองไหม แล้วก็เจอบาทหนึ่้ง ก็เลยซื้อด้วยเงินสด เอาเงินในวัดออกไปเป็นพันล้าน หลายพันล้านไปซื้อที่ดินมา นี้คือจุดที่สมเด็จพระสังฆราชท่านบอก พระลิขิตปี 42 เอามาคืนยกให้วัดปี 49

https://thaidhammakaya.wordpress.com/2015/03/08/thefirstman/

 

Thanong Fanclub



11. นับถอยหลัง
เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียครองตำแหน่งประเทศผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2014 แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดีย ทั้งนี้ เป็นข้อมูลจากผลการศึกษาล่าสุดของสถาบันวิจัยด้านความมั่นคง “เจนส์ อินฟอร์เมชัน กรุ๊ป” ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่ในเครือกลุ่มไอเอชเอส อิงค์ จากสหรัฐฯ
รายงานดังกล่าวซึ่งทำการสำรวจข้อมูลใน 65 ประเทศ ระบุ ในปีที่แล้วมูลค่าการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วโลกอยู่ที่ 64,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.09 ล้านล้านบาท) จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก
ข้อมูลระบุ ซาอุดีอาระเบียมีการสั่งนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ในปี 2014 เพิ่มสูงขึ้นถึง 54 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2013 และคิดเป็นวงเงินมากกว่า 6,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 208,440 ล้านบาท) แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดียที่สั่งนำเข้าอาวุธเป็นมูลค่า 5,570 ล้านดอลลาร์ (ราว 181,411 ล้านบาท )
ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกายังคงรั้งตำแหน่งประเทศ “ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก” ตามเดิม ด้วยยอดขายที่คิดเป็นวงเงินสูงกว่า 23,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 771,900 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 เป็นการขายให้กับประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่รองจากสหรัฐฯ ประกอบด้วย รัสเซีย (10,000 ล้านดอลลาร์), ฝรั่งเศส (4,900 ล้านดอลลาร์), สหราชอาณาจักร (4,100 ล้านดอลลาร์) และเยอรมนี (3,500 ล้านดอลลาร์)
ขายอาวุธเป็นการดันจีดีพีที่ดีเยี่ยม ใครจะเป็นจะตายช่างมัน
9/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…