กรรมฐานสำหรับเทวดา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย mongkolsak, 4 มีนาคม 2015.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไล่ๆดูไม่เห็นคำตอบ ถามอีกทีครับ กาย กับ รูป เหมือนกันต่างกันตรงไหน

    อ้อ อีกนิด ถามเมืองมนุษย์นี่แหละครับ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    (คนตั้งกระทู้ถามไม่ผิดนะครับ)

    กัมมัฏฐานเมืองมนุษย์ คือ เมืองคน เห็นๆ ที่กิน ถ่าย...เห็นๆยังพูดยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ไปคนทางสองทาง แนะผ่าไปกัมมัฏฐานเทวดา กัมมัฏฐานผีเปรตโน่น

    เรื่องขันธ์ ๕ เหมือนกัน ใครลองตั้งกระทู้คุยกันสิครับ เชื่อเหลือเกินว่า บอร์ดพลังจิตแทบล่ม คิกๆๆๆ
     
  3. da2496

    da2496 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +106
    _nnn_123


    2. การที่เรารู้สึกมีอะไร เดินทะลุผ่านตัวเราแบบ วืดๆ ได้ เหมือน กระเเสผ่านตัว แสดงว่าตัวเรามีอนุภาค(ไม่รู้เรียกถูกใม) เล็กหรือละเอียดเท่าเขาเหรอคะ


    อันนี้จริง เคยเจอกับตัวเอง
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จะเรียก ฝึกจิต นั่งสมาธิ, ทำกัมมัฏฐาน หรือในชื่ออื่นๆที่ตั้งเรียกกัน ทำไปๆภาวนาไปๆ แล้วสภาวะนั่นนี่ปรากฏให้รับรู้ อย่างที่เล่ามาเป็นธรรมดาธรรมชาติของมัน ผู้ปฏิบัติต้องประสพ แต่ประสพ เข้าแล้วหลงยึดติดคิดพล่านนั่นนี่ นั่นเริ่มออกนอกการฝึกแล้ว และนี่แหละคือการคิดติดวนของจิต จิตติดวน ตัวอย่างเยอะแยะ นำตัวอย่างให้ดู

    บางสภาวะทำให้เกิดความกลัวซ้ำมาอีก บางสภาวะทำให้ติดใจ บางสภาวะทำให้หลง ฯลฯ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตัวหนังสือสีแดงขอโมทนาสาธุ
    ด้วยนะครับคุณลุง...แต่แถวบ้านเขียนอย่างนี้
    เค้าเรียกว่าขี้โม้ เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่นๆครับ..

    ตัวหนังสือสีเขียว อันนี้ไม่รู้ว่าไม่รู้ตัวว่าไม่ฉลาดหรือว่าไม่ฉลาดจริงๆ
    แบบไม่รู้ตัวครับ...คือ ตนเองไม่มีวาสนาบารมีที่จะมีได้บวกกับ
    ความคิดเชิงอกุศลที่มีอยู่ในกมลสันดานครับ.แหมๆๆๆ
    .''แบบพวกไร้การศึกษา''
    พูดมาได้..ทำเป็นแยกแยะ ยกตัวเองเหลือเกินนะลุงงงงงงงง
    ยังกับตัวเองมีการศึกษาสูงมากเนาะ..พอยอดมนุษย์มีการศึกษา
    เอ้ยยยยย เป็น ศาสตร์จารย์หรือไงคับ
    ต่อไปจะเรียก ศจ หมาน..๕๕๕
    .


    ..แต่ผมว่ายังไงลุงอ่านข้อความที่ลุง อ้างอิงมา
    หน่อยอีกรอบก็ดีนะครับ คิดว่าคงจะเข้าใจผิดนะครับ..
    โอ้ยยยยลุงครับ แก่แล้ว ก็หัดคิดอะไรที่มันเป็นเชิงอกุศลหน่อยนะครับ...
    คุณฝึกสมาธิมากี่สิบปีแล้วครับ..อายเด็กรุ่นหลังๆอย่างผมหน่อยนะครับ..
    ...ผมไปขู่อะไรคุณ คนไร้ความสามารถทางจิตอย่างคุณ
    ไม่มีใครเค้าไปทำอะไรคุณลุงหรอกครับ
    จิตคุณลุงตอนนี้ยังไม่เชื่อมข้างบน ไม่ต้องมาทำเป็นพูด
    ว่าไม่มีมิตรกับจิตวิญญานใดๆหรอกครับ..ความจริงก็คือ
    คุณต้องถามพวกจิตวิญญานทั้งหลายว่า
    เค้าอยากเป็นมิตรกับคุณลุงหรือเปล่ามากกว่า..
    ..เห้อ!! พูดทำเป็นให้ดูดีเนาะ..ขำๆ..

    คุณได้เห็นแน่ๆ ตอนที่คุณลุงกำลังจะสิ้นลมหายใจนั่นหละครับ..
    ตอนนี้เค้าก็ปล่อยให้แก่ๆตายไปนั่นหละครับคุณลุง....
    ไม่มีใครไปทำอะไรคุณลุงได้หรอกครับ.แม้กระทั่งผมก็ไม่เคย
    คิดจะไปทำอะไรคุณลุงหรอกนะครับ..หรือมาข่มขู่คุณลุง
    แบบที่คุณลุงคิดไปเองหรอกนะครับ....
    สุดท้ายผมนะเตือนคุณให้ระวังเรื่องสุขภาพ ถ้าคุณไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ
    ถ้ามีโอกาสก็ไปตรวจสุขภาพประจำปี...ก็ลองดูผลเอาเองแล้ว
    กันนะครับ......
    .

    ปล.ไม่มีอะไรนะครับ คิดว่าคุณลุงคงรีบตีความไปหน่อย
    หากผมกล่าวแรงไปขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วย
    ขอบคุณครับ..
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    โธ่ ๆ ๆ น่าอ่อนๆอย่างเนี้ยน่ะเหรอ ลุงไปนั่งเป็นประธาน
    ขึ้นเมรุเผามานักต่อนักไอ้นู๋
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อ่านหมดแล้วครับและก็พออธิบายได้ครับ.
    .บอกก่อนว่าที่ผมเห็นได้ตั้งแต่เด็กๆ
    ความจริงมันเป็นเรื่องปกติมากๆนะครับ เด็กๆสมัยนี้ก็มีสัมผัสพิเศษตาทิพย์
    หูทิพย์เยอะแยะครับ.ที่ส่วนตัวรู้จักก็มีครับ...
    .แต่พอโตเป็นวัยรุ่นมันก็มักจะหายไปครับ..
    โดยรวมๆถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก และไม่ใช่เป็นคนที่ถือว่ามีอะไรพิเศษครับ
    ญาน ฌาณอะไร มันเป็นเรื่องที่ชาวโลกอุปโลกขึ้นมาทั้งนั้นครับ..
    ถ้าเอตทัคคะทางด้านทิพยจักขุ.ไม่ใช้ความสามารถพิเศษ
    ตรงนี้ ตอนผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    ท่านเสด็จปรินิพพาน..ส่วนตัวเชือว่า ปัจจุบันเราจะไม่มีคำว่า
    ฌาน ๑ ๒ ๓ ๔ อะไรกันหรอกครับ..พวกนี้มันเป็นปัจจัตตัง
    มันเอามาบอกกันได้ยากครับ.แถมเอามาโม้ยกย่อง
    ตนเองอีกนึกแล้วฮา..และพวกนี้
    ตัวจิตเดิมๆมันทำได้อยู่แล้วครับ..แต่ก็ยังต้องอาศัยกันอยู่ครับ.
    อย่างที่หลีกเหลี่ยงได้ยาก.
    และทุกสิ่งทุกอย่างโดยส่วนตัวก็ต้องค่อยๆมาฝึกมาพัฒนาให้เป็นไป
    ตามลำดับเช่นกันครับ ตามแต่ที่ครูบาร์อาจารย์ข้างบนท่านจะเมตตาครับ.


    แต่กรณีคุณ ถือว่าฟังหูไว้หูนะครับ..ถือว่าพิเศษหน่อยครับ.
    ผมเรียกว่า พวกดวงจิต VIP ทั้งหลาย.
    จริงๆพวกคล้ายๆคุณเนี่ย ผมรู้จักเยอะนะ วันนี้ก็พึ่งไปทานข้าว
    กันมาด้วยครับ เจอมา ๓ คน.ญ ๒ (เป็นแม่ชี) ช ๑ (ฆารวาส)
    .เค้าพูดเป็นภาษาสมมุติว่า...พวก ''มีอธิวาสนาบารมีครับ''
    แต่ความหมายจริงๆส่วนตัวก็ไม่ทราบนะครับ
    เห็นแต่เรียกกันว่าอย่างนี้ครับ..


    คือดวงจิตกลุ่มนี้นะครับ จะพิเศษตรงที่คลื่นกระแสที่ออกจากจิต
    มันจะมีสองสายแบบปกติครับ...สายแรกก็คือคลื่นที่วิ่งจากด้านหน้า
    ผ่ากลางลำตัวไปออกตรงศรีษส่วนหน้า(ที่ถัดจากหน้าฝากครับ)
    และไปเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนครับ..
    และอีกสายจะวิ่งผ่าจากด้านหลัง วิ่งผ่านแกนกระดูกสันหลัง
    ไปออกตรงศรีษะส่วนกลางครับ...
    และที่พิเศษกว่าทั่วๆไปนะครับ...แม้ว่าตัวจิตจะยังไม่นิ่งดี..
    คลื่นกระแสจิตทั้ง ๒ สายพวกนี้มันก็ยังวิ่งของมันปกติครับ....
    จะไม่เหมือนผู้ที่ฝึกทั่วไปหรืออย่างผมนะครับ ถ้าตัวจิตไม่นิ่ง
    มันต้องเคลียร์เพื่อให้จิตมันวางให้ได้ก่อนครับ.ถึงค่อยใช้งานครับ..


    และส่วนตัวมองว่าคุณไม่ใช่พวกหลงตัวเองและสามารถปรับตัวเอง
    ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมปัจจุบันได้ดีพอสมควรครับ.คิดว่าพอจะพูดให้ฟัง
    ได้แบบหยาบๆนะครับ..คือดวงจิต(แบบรวมๆนะครับ)กลุ่มแบบนี้.
    .ก็คือ กลุ่มดวงจิตที่นำเอาบารมีที่ตนเอง
    เคยสร้างเอาไว้อยู่ก่อนแล้วและนำมาเกิดพร้อมกันด้วยครับ..บารมีที่ว่า
    ก็คือพวกความสามารถพิเศษต่างๆอะไรนี่หละครับ.
    พูดง่ายๆไม่ต้องมาฝึกเหมือนคนอื่นๆหรือแบบผมให้เมื่อย ๕๕๕๕
    แต่บางคนก็เอามามากเกินไปก็มีครับ ญ ที่ผมรู้จักเนี่ยเครื่องรู้มากจริงๆ
    ครับ.เกินบรรยาย แต่ปัญหาก็คือ การไปรู้อะไรแล้ว ตัวจิตมันวางไม่เป็น
    ครับ.เลยไปสร้างสัญญาซ้อนทับเค้าไปอีก..จนรู้เกือบทุกเรื่องจากอดีต
    เรื่องอนาคต เอาไปเอามาเกือบเพี้ยนไปเหมือนครับ ๕๕๕๕
    ดีว่า เจอท่านผู้มากบารมีท่านหนึ่ง ท่านมาช่วยคลายตรงนี้..
    ตอนนี้ไปอยู่วัดแล้วครับ ๕๕๕๕๕..

    อืมๆ ประเด็นนี้โม้หน่อย...ผมก็มีน้องชายสนิทกัน
    ที่บวชเป็นเณรอยู่ตอนนี้ก็คล้ายๆคุณนี่หละครับ
    คือมองเห็นภพภูมิได้เหมือนๆเรา
    มองกันเองนี่หละครับ..มีหูทิพย์คือ คือแค่กำหนดจิตถึงใครก็ตามไม่ว่า
    จะอยู่ใกล้แค่ไหนก็สามารถได้ยินเค้าพูดได้ ที่สำคัญก็คือคุยโต้ตอบ
    กันได้ด้วยครับ.เรื่องเจโตย้อนอดีตนี่เรื่องปกติมากๆครับ..
    แถมยังมีความสามารถทางจิตสูง
    .ในระดับที่ให้คำแนะนำผมได้สบายครับ...
    เก่งไม่เก่ง..ผมนอนอยู่เค้าก็กำหนดส่งเสียงมาเรียกผม
    ให้ไปหาอยู่วัดได้นั่นหละครับ..แถมยังนั่งคุยกับภาคทิยพ์
    ได้อย่างกับว่าเราคุยกันทั่วๆไปนี่หละครับ...
    แต่อย่างว่าหละครับ คงไม่เปิดตัวออกมาให้ใคร
    ทราบได้ง่ายๆหรอกครับ...ลองเปิดตัวรับรองอยู่ไม่เป็นสุขหรอกครับ..


    อืมๆๆเรื่องความสามารถพิเศษทางหูนะ
    แค่รู้ทริคอีกนิดเดียวคุณก็ใช้งาน
    ได้คล่องแล้วครับ..การได้ยินเสียงภพภูมิใสแจ๋ว
    นั่นหละครับเป็นการเริ่มต้นในเรื่องหูทิพย์
    แต่อย่างผมมาฝึกเนี่ย จะต้องผ่านเสียงแบบพอได้ยินและต้องตั้งใจ
    แล้วก็ได้ยินเสียงแต่จับพิกัดไม่ได้
    ผ่านการได้ยินเสียงระดับปลีกแมลงบินชัดเจน
    ได้ยินเสียงสัตว์ใช้อวัยวะกระทบกันแล้วแปลเป็นภาษา
    มนุษย์.จนป่านนี้ยังใช้ไม่ได้เลยครับ ๕๕๕๕๕ นึกดูว่ากี่ด่าน..
    แต่คุณเพียงแต่ปรับในเรื่องการใช้งานในลักษณะเน้น
    ไปเชื่อมเฉพาะดวงจิตที่ต้องการจะสื่อ...แล้วคลื่นเสียงมันจะแปล
    ออกมาเป็นภาษาที่คุณพูดปัจจุบันนี้ได้เอง..เสียงสัตว์ก็ได้ครับ.
    ก็จะแปลมาเป็นภาษาเราเช่นกัน..ส่วนตอนไม่ใช้งานเราก็ปล่อยไป
    ไม่สนใจนะถูกต้องแล้วครับ..พวกนี้แรกๆเริ่มทำได้ มันจะอยากใช้
    งานเรื่อยๆ และมันจะติดลม..นานไปมันจะใช้เฉพาะที่จำเป็นแต่ก็
    จะยังใช้ได้ภายใต้ตัณหาเป็นตัวควบคุม...ต่อมามันก็จะพัฒนามาเป็น
    ใช้งานเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น..และต่อมาแม้ไม่อยากใช้งานมันก็จะใช้
    งานได้ของมันเองอัตโนมัติครับ..และต่อมาค่อยพัฒนามาวางเรื่อง
    ความสามารถพวกนี้ ถึงเวลาจะใช้งานก็ค่อยอุปโลกขึ้นมาใช้งาน
    และใช้แล้วก็แล้วไป มันถึงไม่ติดกระแสกรรมไม่ก่อภพก่อชาติ
    โดยที่เราไม่รู้ตัวครับ..
    โม้มาตั้งนานยังไม่ได้ตอบคำถามซักข้อ ๕๕๕๕

    ข้อ ๑ นะครับ..เป็นไปได้ครับ..ที่เราจะเย็นตลอดครับ..
    ถ้าเรามีธาตุน้ำในร่างกายมากเกินไป..ธาตุน้ำมากเกินไปในที่นี้
    ไม่ใช่ว่าร่างกายเรามันบกพร่องนะครับ..ในความหมายก็คือ
    จิตที่อยู่ในกายเรา..มันเด่นในการใช้งานเกี่ยวกับธาตุน้ำนำมาก่อน
    ในอดีตชาตินั้นเองครับ...ส่วนมากผู้ชายจะร้อนๆแต่เป็นเฉพาบางจุดครับ.
    พวกนี้หากรู้จักการถ่ายเทพลังส่วนเกินออก ด้วยการยืนเท้าเปล่าบนหญ้า
    หรือบนดิน แล้วกำหนดให้พลังงานส่วนเกินจงออกจากร่างกายเราบ่อยๆ
    ก็จะแก้ได้ครับ.แต่ใช้เวลานานพอสมควรครับ...
    ยกเว้นว่าจะเจอน้องเณรผม ประมาณ ๑๐ นาทีเนี่ยปรับสมดุลย์
    ร่างกายได้สบายเลยครับ..ประเด็นนี้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วครับ ..

    ข้อที่ ๒ นะครับ..ร่างกายเรามันสามารถทำให้มีอนุภาคละเอียดเท่ากับ
    พวกดวงจิตอะไรก็ตาม หรือจะเป็นรูปเป็นร่างอะไรก็ตามทะลุเราได้ครับ.
    คือมันเป็นพลังงาน.ที่ก้าวข้ามในเรื่องของธาตุ ๔ ที่มารวมเป็นกาย
    เป็นของแข็งครับ..และกลุ่มพวกนี้โดยมากเนื่องจากตัวจิตมีกระแสพลัง
    งานอยู่แล้วเป็นปกติ..เรื่องแบบนี้จะเกิดได้เป็นปกติครับ.
    เพราะตัวจิตมันเคยผ่านการเข้าถึงในระดับ
    วิญญานธาตุมาก่อนแล้วทั้งนั้นครับ มันก็จะข้ามเรื่องภาพได้
    และก็จะสามารถเห็นเป็นภาพ เป็นรูปร่างได้ง่ายกว่าคนทั่วๆไปครับ
    ...และสังเกตุดูได้ถ้าเกี่ยวกับพลังงานอะไร ในวัตถุ สิ่งของ
    ในมนุษย์ กลุ่มนี้เค้าก็จะรับรู้ได้หมดครับ
    ไม่่ว่าจะระดับสมาธิ ระดับกำลังจิตอะไรก็ตาม.
    และพอเวลาที่มี พลังงานอะไรก็ตาม ผ่านตัวเรามา..ตัวจิตมันจะสร้าง
    ความสามารถในการเข้าถึงพลังงานในระดับไม่ต่ำกว่าวิญญานธาตุ
    ได้เองอัตโนมัติครับ...และมันเร็วมากๆครับจนเราสังเกตุไม่ทัน..
    เพราะจิตมันทำแบบโอโต้ไงครับ..ถ้าคุณอยากจะสัมผัสได้ชนิดว่า
    ให้ค้างๆที่ตัวเอง ลองคิดเรื่องอื่นๆดูซิครับ คือพูดง่ายๆว่าทำให้จิต
    ไม่มีสมาธิพลังงานพวกนั้นจะหยุดและค้างผ่านไปไม่ได้ เราก็จะสัมผัสได้
    รู้สึกได้ชัดเจนครับ อาการแบบนี้พวกที่ฝึกเองอย่างผมจะเข้าใจดีครับ ๕๕๕
    ข้อที่ ๓ แนะนำครับ ที่คุณเข้าใจนะถูกแล้วครับ เรื่องกิริยา มันก็จะเป็นท่อๆ
    อย่างนั้นหละครับ เค้าเรียกการไปเชื่อมจากต้นพลังงาน.
    ..อย่างผมก็ต้องฝึกเหมือนกันนะครับ ๕๕๕๕ เห้อ!!!
    ว่าแล้วก็ฝึกเองทุกอย่างเลยเว้ย ๕๕๕
    กว่าจะทำได้อย่างนั้นคุณทราบไหมครับว่า มันผ่านกี่ขั้นตอนครับ..
    ถ้ามาทางสายบารมีก็ต้อง ร้อนๆที่ผิว จี๊ดๆที่ปลายมือ ขนลุกที่บริเวณแขน
    ขา..เห็นควันออกจากตัว เห็นเส้นสายคล้ายๆแผ่นน้ำออกจากตัว กว่าจะ
    มาสวดมนต์ จนกระทั่งเส้นสายพลังงานที่ออกจากตัวมันใสและนิ่ง
    และวิ่งออกจากทุกส่วนของร่างกาย..ก็เหนือยพอสมควรแล้วครับ....
    แต่ในนี้มีที่ทำได้หลายคนอยู่ครับ อยู่ในช่วงกำลังพัฒนา..และก็ไปถึง
    เป็นแบบท่อที่คุณเป็นนั้นนั่นหละครับ...

    ที่นี้ที่มันยังส่งผลต่อร่างกายเราอยู่ก็เพราะ กำลังสมาธิสะสมเรามันยัง
    ไม่พอที่จะต้านทานในเรื่องของพลังงานที่เข้ามาตรงนี้เฉยๆครับ...
    คือ ยังงี้ครับ พูดง่ายๆ ตอนที่จิตมันจะพลิกข้ามร่างกาย ที่จะข้าม
    ธาตุ ๔ เพื่อเข้าโหมดพลังงานนั้น มันจะต้องใช้กำลังจิตในการเข้า
    ช่่วยตรงนี้ครับ.เพื่อแปรข้ามธาตุ บวกกับจิตก็ต้องเริ่มทำงานพร้อมกัน
    เพื่อเชื่อมเข้ากับอากาศธาตุที่มีอยู่แล้วข้างนอก และเชื่อมกับพลังงาน
    ภายนอก ร้อนและเย็นที่มันมีอยู่แล้วเป็นปกติครับ..คือ อย่างผมเนี่ย
    ยืนพื้นด้วยด้วยกสิณมาก่อน เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ครับ..
    เมื่อก่อนไม่มี แต่เจตนาตั้งต้นดี.. แล้วไปแสดงแก้มก้น
    ก็เคยเดี้ยงมาแล้วเหมือนกันครับ ๕๕๕...

    แต่กรณีคุณตัวจิตมันจะก้าวข้ามเข้าสู่การใช้งานแบบอัตโนมัติด้วย
    ตัวมันเองไงครับ..เพียงแต่ว่ามันขาดแค่ตัวควบคุมหรือตัวตัดการใช้งาน
    พูดง่ายๆก็คือตัวที่จะวางการใช้งานครับ..มันต้องมาฝึกเจริญสติเพิ่มขึ้น
    ให้ต่อเนื่องครับ แบบไม่ต้องตั้งเอา หรือตั้งใจนะครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    และก็จะได้สมาธิสะสมจากตรงนี้ เอามาหนุนการฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับภาพ
    ร่วมด้วยกองไหนก็ได้ที่ชอบครับ..เอาให้ถึงระดับที่ปั่นปฏิภาคนิมิตรได้..
    มันก็จะมีตัวตัดการใช้งาน(คนอื่นเค้าฝึกเพื่อให้ใช้งานได้ แต่คุณต้องฝึก
    เพื่อให้ตัดการใช้งาน นึกแล้วฮาดีจังเลยแฮะ ๕๕๕).ได้อัตโนมัติของมัน
    เองครับ.และตัวสติทางธรรมที่ได้มาจากการเจริญสติ มันจะสร้างเครื่องรู้
    อัตโนมัติให้เราได้เองว่า ควรใช้งานระดับไหน ตอนไหน ควรไม่ควร
    แม้กระทั่งการอุเบกรับรู้ในบางกรณีด้วยครับ...

    ปล.ลองอ่านดูครับ เผื่อว่าจะทานข้าวเย็นอร่อยครับ(อ่านมากโมโหหิว) ๕๕๕๕
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..โอ้โฮ..ลุงหมานมี ดริฟ ดริฟ ..กล่าวธรรมตามสามารถเถิด จะถูกจะผิด ไม่สำคัญ เราจักเป็นผู้อ่าเองในธรรมที่เรามี สาธุ:'(
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จะไปทำกัมมัฏฐานเมืองผีกันจริงๆดิ :eek:

    ดีนะที่เป็นชาวพุทธแบบไทยๆ เขานิยมเผาศพกัน ถ้าเป็นชาวพุทธในทิเบตสัปเหร่อจะนำศพไปทุบๆสับๆให้แร้งกิน

    [​IMG]



     
  10. ผู้ด้อยในปัญญา

    ผู้ด้อยในปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +36
    รบกวนถามคุณ nopphakan หน่อยค่ะ คือตอนนี้ดิฉันเจ็บบ่าซ้ายมาก ยกแขนแทบไม่ได้เลย แต่เมื่อวันที่ 14 กพ ได้มีโอกาสไปสวดมนต์ร่วมกับคณะที่หน้าองค์พระใหญ์ปางนาคปรก 9 เศียร แล้วร่วมนั่งสมาธิ เป็นเรื่องอัศจรรย์ เมื่ออกจากสามธิแล้ว ที่อาการเจ็บหายไป ยกแขนได้เลยค่ะ แต่พอหลังจากวันนั้นก็กลับมาเป็นแบบเดิม ไม่ทราบว่า จริงๆ แล้วอาการที่เกิดนี้เป็นเพราะอะไรหรือคะ รบกวนชี้แนะหน่อยนะคะ จะเป็นพระคุณอย่าสูง
     
  11. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง เรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่งครับ เชิญคุณนพกาญจน์ตอบได้เลยครับ
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    นั่งสมาธิเลือดลมไม่ไหลเวียน เต้นแอโรบิคบ้างไรบ้างหาของกินดีๆ ผ่อนคลายบ้างครับ ปวดบ่านี่เครียดการเงิน ธุรกิจ มันจะเกร็งตัวเองไม่รู้ตัวครับ นั่งสมาธิผ่อนคลายก็หายเองแล้วจ้า ไปนวด ไปฝังเข็ม อย่าไปงมงายครับ หมอดูบอกผีเกาะบ่า เสียค่าสะเดาะเคราะห์เครียดอีก
     
  13. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    เด็กๆสมัยนี้ก็มีสัมผัสพิเศษตาทิพย์
    หูทิพย์เยอะแยะครับ.ที่ส่วนตัวรู้จักก็มีครับ...
    .แต่พอโตเป็นวัยรุ่นมันก็มักจะหายไปครับ..
    โดยรวมๆถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก

    เเปลกนะคะ ตอนเด็ก ดิฉันไม่มีสัมผัสพวกนี้เลย เป็นเด็กขี้โรคด้วยซ้ำ แต่พอเริ่ม 13-14 ช่วงนี้แหละ ที่ได้ยินเสียง คนมาพูดด้วย ได้ยิน ทั้ง 2ข้างเลย ตอนนั้นเพิ่งล้มตัวลงนอน อาการเริ่มแรกหลับตาปุ๊บ ขยับไม่ได้(คล้ายๆผีอำ) แล้วจู่ๆก็มีเสียงคนมาพูด พร่ำ เข้าหูทั้ง 2 ข้างฟังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ภาษาอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าคล้ายๆเขาบอกสอนอะไรซักอย่างเหมือนผู้ใหญ่มาพร่ำบ่น บอกเราด้วยความหวังดี แต่คล้ายๆบ่น นะคะ โดยร่วมฟังไม่ออกแต่ตอนนั้นทำใมเข้าใจว่า เขามาบอกสอนด้วยความหวังดีก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นกลัวคะ เข้าใจว่าผีอำ และวันนั้นนอนที่บ้านคนเดียว ตอนนั้นยังเด็ก...5555 นึกถึงตอนนั้นก็ขำเหมือนกันคะ แบบคิดว่านี้แหละครั้งแรกที่ผีอำ...(ตั้งแต่นั้นจนบัดนี้ไม่เคยเจอคำว่าผีอำจริงๆเป็นยังไงไม่เคยโดนผีอำอีกเลย)
     
  14. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    และส่วนตัวมองว่าคุณไม่ใช่พวกหลงตัวเองและสามารถปรับตัวเอง
    ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมปัจจุบันได้ดีพอสมควรครับ.คิดว่าพอจะพูดให้ฟัง
    ได้แบบหยาบๆนะครับ..คือดวงจิต(แบบรวมๆนะครับ)


    คุณเข้าใจถูกหลายๆเรื่องคะ โดยเฉพาะต้องอธิบายแบบหยาบๆ เพราะดิฉันปฏิบัติ แบบบ้านๆ มากๆ คะ คือ ไม่เคยสนใจอ่านตำรา ณาน ญาน อะไรหรอกคะ ตอนนั้นปฎิบัติครั้งแรก เพราะว่า ทำให้แม่ไม่สบายใจเกิดอะไรขึ้นกับเราหน่อ กรรมอะไร แล้วจู่ๆ ก็คิดว่าทำยังไง จะทำให้แก้กรรมได้ ก็เลยเริ่มสวดมนต์ ก่อนนอนและก็นั้งสมาธิ ช่วงแรกๆ อ่านหนังสือสวดมนต์ คะ เพราะตั้งแต่วัยรุ่นจน ตอนนั้น30 ต้นๆ ไม่เคยสนใจเรื่องกรรมเรื่องเวร เลยไม่รู้จะทำบุญยังไง สวดมนต์อะไรก็ไม่เป็น เลยเริ่มสวดมนต์โดยท่องจากหนังสือ และเเผ่เมตตา กรวดน้ำทำตามหนังสือ และก็นั้งสมาธิ จำได้แค่ว่าตอนเรียนประถม ครูสอนให้หายใจเข้าพุธ - ออก โธ ก็นั้งเอง คะ แต่ตอนนั้นเหมือนพอเริ่มทำได้ซักพักมีอะไรดีๆเข้ามาเยอะ ถูกหวยบ้างทำดีได้ดีไวขึ้น เลยทำให้เชื่อสนิทรใจเรื่องทำดีได้ดี(อย่างน้อยเริ่มสวดมนต์ นั้งสมาธิ ตอนนั้นเริ่มเชื่อและมั่นใจในสิ่งที่ทำ) เลยทำให้ ช่วงว่างเวลากลางวันต้องไปสวดมนต์เเผ่เมตตา นั้งสมาธิ 1 ครั้ง และก่อนนั้นอีก 1 ครั้ง ทำเองที่บ้าน คะ มีสภาวะเกิดขึ้นมากมาย ตอนนั้นไม่รู้เรื่องคะ ไม่ได้สนใจหาอ่าน
    มารู้ที่หลัง หลังจาก 1 ปีครึ่ง เพราะได้เริ่มเข้าวัด ครั้งแรกของการบวชแบบเริ่มจากอยากบวชและศรัทธา และเป็นวัดแรกที่เข้าแบบไม่ได้เข้าไปทำบุญด้วยทานอย่างเดียว แต่เข้าแบบศรัทธา และปฏิบัติ ก็เริ่มจะรู้เรื่องศัพท์ ทางบาลีบางและเริ่มได้ยินคำว่า ญาณ ว่าณาน แต่พอได้ยินว่า ญาณ 1-2 -3-4 ลักษณะอาการแบบนี้แบบนี้ ดิฉันก็ ออ...ทั้งหมด ทั้งมวลไม่ว่า จะมีอาการมดไต่ นั้งๆอยู่แล้ว วืด เหมือนตกแหว อาการติดสุข หรือ ว่าแลกเวทนา นั้งขาหัก ทั้งหมด ดิฉันผ่านมันมา แบบไม่เคยสงสัยเลยตั้งแต่นั้งเองที่บ้านแล้วนี้น่า...เเอบขำตัวเองเหมือนกันคะ ฉันผ่านมาแบบ งงงงงง เพราะเราไม่รู้ว่าคืออะไร ถ้ารู้ป่านนี้ฉันคงเอ๊ะ... ไม่เลิก 55555 พอเริ่มเข้าวัดครูบาอาจารย์ ดิฉันท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านชี้นิวมาที่ดิฉันบอก ให้มึงทำกรรมฐาน ตอนนั้นแหละคะ เริ่มเอ๊ะ... อะไรคือกรรมฐาน และกรรมฐานกับนั้งสมาธิ มันไม่เหมือนกัน ตรงใหนหน่อ...คิดแล้วเลยถาม หลวงพี่ รูปหนึ่งในวัดว่าหลวงพ่อให้ทำกรรมฐาน แปลว่าอะไร และต่างกันยังไงกับนั้งสมาธิ 55555555 ท่านถามว่าหลวงพ่อให้กรรมฐานอะไร ดิฉันก็งง อีกคะ เพราะท่านพูดแค่นั้นไม่เห็นให้อะไรเลย ทุกวันนี้ดิฉันก็ไม่ได้ตำรา ซักเล่มนะคะ
    อาศัยพระอาจารย์ ท่านเมตตา ส่วนใหญ่ท่านจะตอบแบบปิสสนาธรรม ให้ดิฉัน ฟังและงง แต่ พอปฏิบัติไปซักพัก ก็จะออ เอง คือ ท่านไม่ค่อยตอบให้ดิฉันเคลีย แต่คำตอบมีอยู่ในตัวเสมอถ้าดิฉันปฏิบัติ นี้แหละคะเป็นเหตุผล ที่ทำให้ดิฉันต้องค้นหาใน เวปเกี่ยวกับพลังจิต หรือ อะไรพิเศษ จนมาเจอเวปนี้ ด้วยความที่ว่า ครูบาอาจารย์ดิฉันเมตตาดิฉันนะคะ แต่ท่านให้ทำเอง 5555 โดยลืมไปว่าดิฉันไม่เคยเข้าใจภาษาธรรมอะไรมากมาย ได้แต่นั้งฟังหลับตาปริบๆ ดิฉันทราบว่าท่านรู้ว่าดิฉันไม่เข้าใจ ท่านบอกแค่ว่าจิตเองรู้แล้ว...อืมมม..ดิฉันอยากจะร้องให้ทุกทีคะ จิตรู้แล้วแต่ดิฉันผู้ไม่เคยเข้าวัดเลยนี้ซิ ยังโง่ หลายอย่างอยู่เลย เลยหาทางลัด อ่านในเวป คุณ นพกาญน์ เข้าใจถูกอย่างยิ่งที่เดียวคะต้องเล่าแบบหยาบๆ เพราะถ้ามาแบบภาษา บาลีหรือธรรมอลังกาล บอกเลยคะดิฉันเงิบ อย่างเดียว
     
  15. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    การไปรู้อะไรแล้ว ตัวจิตมันวางไม่เป็น
    ครับ.เลยไปสร้างสัญญาซ้อนทับเค้าไปอีก..จนรู้เกือบทุกเรื่องจากอดีต
    เรื่องอนาคต เอาไปเอามาเกือบเพี้ยนไปเหมือนครับ ๕๕๕๕



    ช่วงปฏิบัติเองที่บ้าน ช่วงนั้นแหละคะ ดิฉันเริ่มสัมผัสสิ่งต่างๆได้มากขึ้น ชอบดูดวงมากเลย มีคนทักว่า มีเสด็จพ่อ ร. 5 มีเจ้าแม่กวนอิม ประมาณนี้ให้ดิฉันหารูปท่านมาบูชาและก็ให้ทานเจ วันพระและให้เลิกทานเนื่อวัว แต่..ดิฉันจะหารูป เสด็จพ่อ ร.5 มาบูชา เริ่มหา คะเหมือนหาก็ไม่เจอ ไม่ถูกใจไม่ใช่ มีวันหนึ่งช่วงกลางวันนั้งสมาธิที่บ้าน อยู่ๆ มีภาพเสด็จพ่อ ร.5 แวปให้เห็นชัดเจน แล้วที่เห็นเป็นรูปที่แขวนตรงกำแพง มันคุ้นๆเหมือนข้างล่างที่บ้าน ดิฉันออกจากสมาธิทันที วิ่งลงมาจากห้องที่นั้ง ลงมาที่ชั้นล่าง มีรูปท่านแขวนอยู่หลังโต๊ะทำงานข้างล่าง ฉันนั้งหันหลังให้ตลอดไม่เคยเห็นว่าตัวเองมีรูปนี้เลย นั้นแหละคะคือ ภาพที่เห็นในสมาธิครั้งแรก แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้อะไร คือไม่สงสัยว่าอะไรเลย ดิฉัน จะเห็นเหตุของการป่วย พูดยังไงดีคะ คือ มีครั้งหนึ่งลูกน้องที่ร้าน เขาก็คุยกับดิฉันนั้นนี้โน้นอยู่ แล้วจู่ๆ ดิฉันก็มองเห็นด้วยตาเนื้อนี้แหละคะ ว่าหน้าตาลูกน้องดิฉันเปลี่ยนไป คือเขามีตุ่มเต็มตา เม็ดใหญ่เม็ดเล็ก ตาบวมปูดหน้าตาคล้ายๆคนเเพ้อาหารทะเล นะคะ แต่เป็นที่ตา ฉันก็เลยทักไปว่าทำใมหน้าตาเป็นแบบนี้ เเพ้อะไรเหรอ เด็กที่ร้านก็งง เขาถามว่าอะไรเหรอ ดิฉันขี้เกลียดอธิบายเลยไล่ให้หันไปส่องกระจกดู พอเขาหันกลับมาอีกที่หน้าตาเขาก็ปกติ ตอนนั้นดิฉันนี้แหละคะ งง เขาบอกว่าพี่เห็นอะไรดิฉันก็บอกว่าที่ตาเขามีตุ่มขึ้นเต็มเม็ดใสๆ เขาบอกว่า เขาคันตา มา 2-3 วันแล้วไม่หาย ดิฉันก็เงียบเลยบอกว่าไปหาหมอตรวจดูบางนะ เพราะว่าดิฉันเห็นหน้าตาเขาแล้วว่าเหมือนมีอะไรในตาหน้ากลัว
    ขอโทษนะคะขออนุญาติโม้...555 ที่เล่านี้ คือเล่าความรู้เท่าไม่ถึงการของตัวเอง เพราะความที่ดิฉันไม่เคยรู้เรื่องในตำรา แล้วสิ่งต่างๆ มันเกิดกับดิฉันมาตลอด ดิฉันคิดว่าตัวเองบ้าหลายครั้งแล้ว เพราะดิฉันคุยกับ...ได้ คือดิฉันไม่เคยได้ยินเสียงท่านแต่เข้าใจเหมือนได้ยิน ดิฉันทดสอบด้วยการที่ดิฉันตอบแบบเปล่งเสียง นี้แหละคะ ท่านก็ตอบแต่ไม่ได้ยินเสียงแต่ไม่รุ้ว่าทำใมมีคำตอบ ดิฉันท้าทายด้วยแล้วก็ได้ ตอนนั้นเริ่มเข้าวัดแรกๆ คะเหมือนอาการจะหนักขึ้น คิดแบบนั้น ได้ยินเสียงสวดมนต์ชัดเจนจากบนฟ้าเวลาไปดาดฟ้า แต่บทสวดนี้ไม่เคยได้ยิน เลยไม่สนใจ ชัดเจนจนกระทั้งเอาละวันนี้ฉันต้องจับใจความให้ได้ว่าสวดอะไร พยายามตั้งใจฟัง จนจับได้คำว่า เทวตา...เสยยะถา ..หรือยะถาอะไรซักอย่างรีบจดลงกระดาษ มาหาในกูรู นี้แหละคะ เชื่อใมคะ มีในบทมหาสมัยสูตร ในบรรทัดแรกของวรรคที่ 2 บทเดียว ดิฉันเลยรู้จักบทมหาสมัยสูตรนับตั้งแต่บัดนั้น ได้กลิ่นหอมกลิ่นธุป บ้างดอกไม้บ้าง แต่ไม่เคยสนใจ จนเรื่องคุยได้กับบางอย่างนั้นแหละคะ ถึงคิดว่าตัวเองบ้า เลยต้องเข้าไปหาครูบาอาจารย์ไปบอกท่านว่าดิฉันรับตัวเองไม่ได้ ได้ยิน ได้กลิ่น ได้เห็นยังพอทำใจได้ว่าคิดเองก็ได้ แต่ที่คุยได้ และท้าทาย จนได้สิ่งที่ขอ ณ. วันนั้นเลย ดิฉันอยากเชื่อแต่ทำใจไม่ได้เลยร้องให้คะ โชคดีมากๆ ท่านบอกว่าจริงหมด แต่ให้ดิฉันละ และห้ามทักกรรมใคร ตอนนั้น เชื่อท่านคะเรื่องละ...ละทุกอย่างสบายอยู่แล้วเพราะดิฉันไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากยิ่งเห็นในสมาธิ ยิ่งสบายเพราะดิฉันไม่เชื่อ ก็นั้นอีกแหละคะเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ดิฉันสัมผัสอะไรแบบลืมตา หรือในชีวิตประจำวัน
    ช่วงเริ่มมีครูบาอาจารย์ ดิฉันก็เพิ่งเข้าใจ เรื่อง 1-2-3-4 คำว่า วสี และอีกหลายอย่าง
    ขอบคุณมากเลย นะคะที่เล่ามาซะยาว เพราะว่า อยากให้ทราบว่าพื้นฐานที่ปฏิบัติของดิฉันมาแบบบ้านๆ คะ ไม่มีเรื่องศัพท์ ทางปฏิบัติ แบบสะสวย ไม่ได้มีตำรา แบบต้องตามแนวทาง อาศัยมีครูบาอาจารย์ท่านแนะตลอด คะ แต่ถ้าสงสัยมากๆ ก็หาอ่านเอาเพราะบางทีถามท่าน ท่านก็ ตอบคะแต่แบบด้วยนิสัยใจร้อน เลยลุยแบบบ้านๆ ดิฉันละ ทุกเรื่อง ท่านไม่ให้เอาอะไร ได้เรียนรู้หลายอย่าง จน วันนี้คะ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไม่เชิงตอบคำถามนะครับ แต่จะบอกให้คิดแล้วลองดูใหม่ คือ คุณพอนึกสภาพจิต (ความคิด) ตอนที่นั่งสมาธิที่นั่นออกไหมได้ไหม ...ว่าวางจิตวางใจยังไงถึงยกแขนที่ว่าเจ็บได้ ....ถ้าจำได้ คุณก็ทำจิต (ทำสมาธิ) ให้ถึงจุดนั้นอีก คือนั่งสมาธิอีก

    ถ้าจำไม่ได้ ก็ทำสมาธิอย่างทีเคยทำต่อไป วันละเล็กวันละน้อย ใช้วัตถุภายนอกช่วยมันด้วย เช่น มียาหม่องเป็นต้น นวดๆถูๆทาๆก่อนทำสมาธิ หรือออกจากสมาธิแล้ว ก็ใช้น้ำอุ่นประคบตรงจุดนั้น แล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้น

    ขอย้ำว่า ไม่ใช่ตอบคำถาม แต่พูดให้คิดให้ทดลอง โดยตัดเรื่องมหัศจรรย์ออกไปก่อน
     
  17. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ตอบแบบ ความเห็นส่วนตัว มั่วๆปนสาระไป

    ถ้าคิดว่ามี 4 ขั้นธ์
    ก็คงไปดูอย่างอื่นแทน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ได้
    ส่วนกรรมฐานก็คงทำได้เยอะแยะ จะแพ่งดู ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้โลกหวั่นไหวเล่นยังได้ จะเอาอะไรที่นึกได้เห็นได้เป็นกรรมฐานก็ได้หมดแหละ


    แต่ตัดกิเลส ตัณหานี้ ต้องใช้ปัญญาพิจารณาร่วมด้วย
    ก็อาจจะมองเปรียบเทียบหรือคิดย้อนคืนก็ได้ถ้าจำอดีตชาติได้ หรือดูคนและหมู่สัตว์ต่างๆบนโลกก็ได้ว่าเป็นยังไงมีเยอะแค่ไหน หรือดูพวกเดียวกันที่ไปจุติก็ได้ ว่าต้องไปเกิด หรือ ไปนรก ไปทรมาน วนเวียนไม่จบสิ้น เห็นความไม่เที่ยงไม่แน่นอน เห็นภัยในสังสารวัฏ
    ไม่ก็ดูจิตใจว่ายังมีราคะ โทสะ โมหะ ไรพวกนี้ก็ได้ อารมณ์ความรู้สึกสภาวะที่เกิดขึ้นมาเป็นอะไรยังไง มีทุกข์มั้ย เร่าร้อนมั้ย แล้วก็คิดหาสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์เกิดจากอะไร
    หรือแม้แต่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไรก็ว่าไป อะไรก็ได้ที่ช่วยให้ ถอดถอนความยึดมั่นไป

    ถ้าคิดว่า มีรูป ก็ คือรูปโดยความเป็นรูป สิ่งที่มองเห็นกันและกัน เช่น เทวดาองค์นี้นั้นมีรูปงาม มีรูปพรรณยังงั้นงี้ มีรัศมีงาม กายอันเป็นทิพย์ ไรก็ว่าไป
    ซึ่งกว่าจะเห็น พิจราณา ว่ามันไม่เที่ยง ก็กายทิพย์เศร้ามอง รัศมีจางลงแล้ว เตรียมไปเกิด (ฮา)
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014





    กาย เป็นของมนุษย์เท่านั้น
    ถ้าเป็นเทวดา ตั้งแต่ชั้นต่ำ จนถึง ชั้นสูง
    มีแต่รูป ไม่มีกายครับ

    เพราะว่า กายนั้น ยังมีอายตนะที่คอยรับ
    อยู่ครับ คือ ตา หุ จมูก ลิ้น กาย ใจ


    แต่ถ้าเป็นรูปของเทวดา รับแต่ความสุขอย่างเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2015
  19. agentlight555

    agentlight555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +56
    เขียน ๑๐.๓๕

    อืม...อันนี้น่าจะใช่ล่ะมั้ง นะ

    ตามกฏอิทิปปจยตา คือตามเหตุปัจจัยที่ท่านแสดงมานี้น่ะนะ
    เทวดาเค้าว่าเล่นแต่ของทิพย์นี่หน่า เนอะ

    เมื่อเป็นของทิพย์ ก็ต้องสัมผัสด้วยใจ ถึงจะเป็นทิพย์ได้
    แสดงว่า อายตนะอีกห้าอัน ไม่มีแล้ว ไม่ต้องใช้ ไม่จำเป็น
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่รู้จะมีไว้ทำไร

    ซตพ.ได้ว่า ไม่มีกายแล้ว เหลือแต่ใจ ไว้เสพรับของทิพย์เพียงพอแล้ว ล่ะมั้ง นะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ชาวหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ร่างกาย เรียก รูป ได้ไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...