ติดตามสถานะการณ์

นายพลดังมะกันเตือนอังกฤษหั่นงบกลาโหมอื้อ เสี่ยงกระทบความเป็น “หุ้นส่วนปกป้องโลก” กับวอชิงตัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 05:32 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มีนาคม 2558 14:15 น.)



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นายพลชื่อดัง “เรย์มอนด์ โอดีแอร์โน” ประธานเสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ ออกโรงในวันจันทร์ (2 มี.ค.) เตือนการหั่นงบประมาณด้านกลาโหมของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในขณะนี้จะ “ทำลายความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ” อย่างเลวร้าย และก่อให้เกิด “เครื่องหมายคำถาม” ต่อพันธสัญญาระหว่างวอชิงตัน-ลอนดอนในการร่วมปกป้องความมั่นคงของโลก

พล.อ.โอดีแอร์โน วัย 60 ปี ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในสงครามอ่าวเปอร์เซีย และสงครามโค่นล้มรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนในอิรัก ออกมาเปิดเผยท่าทีดังกล่าวระหว่างเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมภายใต้หัวข้อ “Future of War” ที่จัดโดยองค์กรนิว อเมริกา ฟาวเดชัน โดยระบุว่าการตัดลดงบประมาณมหาศาลของรัฐบาลอังกฤษ ในยุคนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน โดยเฉพาะงบประมาณด้านการทหารและความมั่นคง กำลังกลายเป็นปัจจัยที่ทำลายความเชื่อมั่น ตลอดจนความไว้วางใจที่สหรัฐอเมริกามีต่ออังกฤษมาช้านานในฐานะ “หุ้นส่วน” ในการร่วมปกป้องสันติภาพและความสงบสุขของโลก

ประธานเสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ ยังระบุว่า การหั่นงบด้านกลาโหมและความมั่นคงลงอย่างสำคัญของอังกฤษกำลังก่อให้เกิดเครื่องหมายคำถามว่าอังกฤษจะยังคงยึดมั่นในพันธสัญญาที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ปกป้องโลกจากภัยคุกคามต่างๆได้มากน้อยเพียงใด

“ที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษต่างมีข้อตกลงที่จะร่วมมือ และเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด ในการบรรลุเป้าหมายซึ่งเรามีร่วมกันนั่นคือ การปกป้องความสงบสุขของโลก แต่ปัญหาด้านงบประมาณที่อังกฤษกำลังเผชิญในขณะนี้ ได้กลายเป็นความท้าทายสำคัญต่อเป้าหมายร่วมของทั้งสองประเทศ” พล.อ.โอดีแอร์โนกล่าว

ท่าทีล่าสุดของประธานเสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สิ้นสุด “สงครามเย็น” ที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ออกโรงตั้งข้อสงสัยผ่านสื่อถึงศักยภาพของอังกฤษในการดำรงความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ และถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความกังวลของรัฐบาลวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เคยหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นหารือกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนมาแล้วครั้งหนึ่ง ในระหว่างที่ผู้นำรัฐบาลอังกฤษเดินทางเยือนทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า รัฐบาลอังกฤษอาจหั่นงบด้านการทหารและความมั่นคงของตนลงเหลือ “ต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี” ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของการเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

 

คนเชียงรายนับหมื่น แห่ตักบาตร 'เป็งปุ๊ด' วันมาฆบูชา
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 มี.ค. 2558 09:37



คนเชียงรายนับหมื่น แห่ตักบาตรเป็งปุ๊ดวันมาฆบูชา เชื่อได้ทำบุญตักบาตรในวันนี้จะเป็นสิริมงคล มีโชคลาภแก่ชีวิตตลอดทั้งปี

เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 4 มี.ค.58 ที่บริเวณหน้าวัดมิ่งเมือง ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย ได้จัดประเพณีพิธีตักบาตรวันเป็งปุ๊ด (ตักบาตรเที่ยงคืน) วันขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ ตามคติความเชื่อในการบูชาพระอุปคุตของชาวเหนือ ที่รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากประเทศพม่า ซึ่งปีนี้ตรงกับวันมาฆบูชา มีประชาชนชาวเชียงรายมารอตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุสามเณร ตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันที่ 3 มี.ค. จำนวนกว่า 20,000 คน ตลอดเส้นทางถนนบรรพปราการ จากหน้าวัดมิ่งเมืองผ่านหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ ไปถึงแยกประตูสลี ระยะทาง 2 กม. ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส่กันถ้วนหน้า เพราะมีความศรัทธาเชื่อว่า ได้ทำบุญตักบาตรในวันนี้จะเป็นสิริมงคล มีโชคลาภแก่ชีวิตตลอดทั้งปี

ที่อาคารศาลามิ่งจอมเมือง ภายในวัดมิ่งเมือง พระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง และพระเถระจำนวนรวม 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย อัญเชิญพระอุปคุตขึ้นรถบุษบกตามด้วยขบวนแห่ตุงแบบล้านนาโบราณ เคลื่อนขบวนนำพระภิกษุสามเณรกว่า 300 รูป ออกบิณฑบาต รับข้าวสารอาหารแห้งจากพุทธศาสนิกชนที่รอใส่บาตรกันเนืองแน่นทั้งสองฝั่งถนน ใช้เวลานานกว่า 2 ชม.

พระครูโสภณศิลปาคมกล่าวว่า ประเพณีการตักบาตรเป็งปุ๊ดเป็นประเพณีที่ชาวล้านนายึดปฏิบัติมาแต่โบราณ เชื่อว่าพระอุปคุตซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาอยู่ใต้สะดือทะเล ขึ้นมาเพื่อโปรดสัตว์ญาติโยมในทุกวันพุธที่ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันมาฆบูชา จึงมีประชาชนจำนวนมากออกมาทำบุญ

คนเชียงรายนับหมื่น แห่ตักบาตร 'เป็งปุ๊ด' วันมาฆบูชา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เริ่มเเล้ว! พิษสุนัขบ้า มหาสารคามประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มี.ค. 2558 17:31



ปศุสัตว์มหาสารคาม ประกาศเตือนประชาชนระวังโรคพิษสุนัขบ้าระบาด หลังพบสุนัขในชุมชนติดเชื้อ เตือนดูแลสัตว์เลี้ยง ควรนำฉีดวัคซีนป้องกันโรค...

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 58 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม ออกประกาศกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราว โรคพิษสุนัขบ้า หลังพบว่ามีสุนัขตาย ในท้องที่ชุมชนนาควิชัย 2 เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ตำบลตลาด โดยจะมีผลย้อนหลังตั้งเเต่วันที่ วันที่ 25 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา หลังพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขที่ต้องสงสัย

ด้าน นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งพบสุนัข ในพื้นที่เขตเทศบาลเมือง ชุมชนนาควิชัย 2 ตำบลตลาด อำเภอเมืองมหาสารคาม จำนวน 1 ตัว สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า โดยสุนัขตัวดังกล่าว แสดงอาการดุร้าย จึงได้ทำการตัดหัวสุนัขตัวดังกล่าว ส่งตรวจ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 58 และได้รับแจ้งผลว่า ให้ผลบวกต่อโรคพิษสุนัขบ้า จึงได้ออกประกาศกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราว ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2542 ให้พื้นที่ ชุมชนนาควิชัย 2 ไปทางทิศเหนือจนถึงบ้านเจริญสุข หมู่ 12 ตำบลเกิ้ง ทิศใต้ถึง บ้านโนนเดื่อ หมู่ 10 ตำบลแวงน่าง ทิศตะวันออกถึงบ้านติ้ว หมู่ 12 ตำบลเขวา และทิศตะวันตกถึงบ้านดอนดูม หมู่ 1 ตำบลแก่งเลิงจาน อำเภอเมือง จ.มหาสารคาม เป็นเขตโรคระบาดสัตว์ชั่วคราว ชนิดโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ย้อนไปจนถึงวันที่ 25 ก.พ. 58

อย่างไรก็ตาม ในระยะ 1 ปี ที่ผ่านมา มีสุนัขบ้านในเขตจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 10 ตัว ด้วยกัน โดยตัวล่าสุดที่พบนั้นมีประวัติไม่ได้ฉีดวัคซีนสุนัขบ้าเลย ทางปศุสัตวจึงอยากจะฝากเตือนให้เจ้าของสุนัขให้ช่วยกันดูแล โดยการนำเอาสุนัขของท่านมาฉีดวัคซีนที่ร้านสัตวแพทย์ หรือไม่ก็ทางเทศบาลหรือ อบต. ที่ใกล้บ้านท่านทุกๆ ปี เพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายที่เกิดขึ้น นายไพรัช กล่าว.

เริ่มเเล้ว! พิษสุนัขบ้า มหาสารคามประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'ไพบูลย์' จ่อตั้งเวที ตจว. ยกกรณีพระดีถูกกลั่นแกล้ง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 มี.ค. 2558 12:15



"ไพบูลย์" เปิดเวทีรับฟังความเห็นปัญหา 11 มี.ค. จ่อตั้งเวที ตจว. ยกกรณีพระดีถูกกลั่นแกล้ง ปูด กลุ่มไล่-ยุบโยงการเมือง-ธรรมกาย

วันที่ 4 มี.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการทำงานกรณีศึกษาปัญหาในพระพุทธศาสนาถึงขั้นที่ 2 โดยมีมติให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความเห็นของพุทธศาสนิกชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมและทั่วถึงในการจะปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งครั้งแรกจะจัดที่ห้องสารนิเทศ ชั้น 1 อาคาร 1 รัฐสภา ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 - 14.00 น. จึงขอเชิญชวนพุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนให้มาร่วมแสดงความเห็นทั้งปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเวทีที่ 2 และ 3 จะดูความเหมาะสมว่าจะจัดที่ไหน ในต่างจังหวัดหรือไม่อย่างไร เพราะได้รับการร้องเรียนมามาก ทั้งจากพระสงฆ์และอุบาสก อุบาสิกา ที่อยู่ในชุมชนต่างๆ เวลานี้อย่างน้อย 5-6 เรื่องว่า พระสงฆ์ในต่างจังหวัดมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการปกครองสงฆ์ปัจจุบัน อาทิ การเล่นพรรคเล่นพวกเพื่อแสวงหาประโยชน์ ตัวอย่างกรณีการสั่งปลดเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา จ.นนทบุรี ที่อ้างว่าชราภาพและอาพาธ ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ แต่กลับตั้งพระจากภายนอกมาเป็นเจ้าอาวาสแทน ทำให้เกิดปัญหาทั้งในวัดและชุมชนรอบวัด โดยที่มหาเถรสมาคมไม่ได้สนใจแก้ไขปัญหาและทราบว่ายังมีอีกมากมายในต่างจังหวัดที่มีพระปฏิบัติดี ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกกลั่นแกล้ง

เมื่อถามว่า มีกลุ่มเครือข่ายพระสงฆ์และสมาคมพุทธต่างๆ ระบุจะเคลื่อนไหวสวดมนต์ในวันที่ 12 มี.ค.เพื่อขอให้ประธาน สปช.และ รัฐบาลยุบคณะกรรมการฯ ชุดที่นายไพบูลย์เป็นประธาน นายไพบูลย์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบข้อมูล พบว่าแกนนำที่เคลื่อนไหวกรณีเป็นเครือข่ายของกลุ่มที่รับผลประโยชน์จากการอาศัยกลไกกิจการพระพุทธศาสนาที่มีปัญหาในปัจจุบัน ซึ่งได้ทั้งลาภ ยศ ทรัพย์สินและสมณศักดิ์ รวมถึงอำนาจในการควบคุมพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ซึ่งเครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมืองและกลุ่มธรรมกาย หวังจะใช้กรณีนี้ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ไม่ให้มีการตรวจสอบการกระทำที่เสื่อมเสียต่อกิจการพระพุทธศาสนา การได้มาซึ่งผลประโยชน์ และกระตุ้นโยงความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อคัดค้านรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร จึงตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะไม่ใช่แค่การออกมากดดันให้ยุบคณะกรรมการฯ ชุดนี้ แต่จะใช้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อดิสเครดิตฝ่ายการเมืองด้วย

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า เหตุที่ตั้งข้อสังเกตเช่นนี้ เพราะคณะกรรมการชุดตนเพิ่งจะเริ่มดำเนินการและชี้ปัญหาที่มีอยู่เดิมและที่เพิ่งได้รับร้องเรียนเพิ่ม ยังไม่ได้รับฟังความเห็นทั้งจากพุทธบริษัท ฝ่ายดังกล่าวคงกลัวว่าพุทธบริษัททั่วประเทศจะเอาความจริงมาตีแผ่และนำไปสู่การปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยและพุทธปฏิบัติอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำลายผลประโยชน์ เครือข่าย อำนาจและอิทธิพลที่ฝังลึกในองค์กรรัฐบางแห่งและคณะสงฆ์จึงขอวิงวอนให้พุทธศาสนิกชนไทยร่วมใจกันจับตาดูการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อ้างพระพุทธศาสนาว่า พฤติกรรมที่แสดงออกใช่ และสมควรหรือไม่ อย่างไร วันนี้เมื่อตนมีหน้าที่ก็ขอทำให้ตามหน้าที่ ไม่ได้หวังสิ่งใด

'ไพบูลย์' จ่อตั้งเวที ตจว. ยกกรณีพระดีถูกกลั่นแกล้ง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จีนเพิ่มงบประมาณทางทหารอีก10%



ทางการจีนเพิ่มงบประมาณทางทหารอีกร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปรับเพิ่มร้อยละ 12.2

วันพุธ 4 มีนาคม 2558 เวลา 13:28 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อวันที่ 4มี.ค.อ้างถ้อยแถลงของนางฟู่อิ๋ง โฆษกรัฐสภาจีนที่ระบุว่า งบประมาณทางทหารของจีนในปีนี้จะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ10เมื่อเทียบกับปี 2557 แต่จะมีการเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงในวันพฤหัสบดี(5มี.ค.) ซึ่งจะมีการเปิดประชุมประจำปีของรัฐสภาจีนโดยปีที่แล้วงบประมาณทางทหารของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ12.2 อยู่ที่130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้จีนเป็นรองเพียงสหรัฐเท่านั้น

นางฟู่บอกว่า เธอสามารถเปิดเผยสถานการณ์คร่าวๆ โดยเฉพาะงบประมาณทหารจะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ10 แต่ตัวเลขที่แน่ชัดจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีและเมื่อเทียบกับชาติมหาอำนาจอื่นๆแล้ว เส้นทางการยกระดับการทหารของจีนยุ่งยากกว่าแม้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คิดว่า งบประมาณทางทหารที่แท้จริงของจีนจะจำนวนมหาศาลก็ตาม

โดยปกติบรรดาผู้นำจีนมักแสวงหาเหตุผลในการสร้างกองทัพให้ทันสมัยด้วยการเชื่อมโยงงบประมาณกลาโหมกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) แต่การเติบโตของจีดีพีเมื่อปีที่แล้วร้อยละ7.4 ถือเป็นตัวเลขที่น้อยสุดในรอบ24ปีและคาดว่า เศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตลดลงเหลือร้อยละ7

ปัจจัยอื่นที่ทำให้จีนเพิ่มงบประมาณทางทหารอย่างต่อเนื่องนั้นผู้เชี่ยวชาญทางทหารระบุว่า ส่วนหนึ่งมาจากกองทัพสหรัฐและการปรับความสมดุลทางการทูตในเอเชียจนถึงนโยบายปราบปรามการทุจริตในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

จีนเพิ่มงบประมาณทางทหารอีก10% | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ศาลพิเศษกัมพูชาตั้งข้อหาอดีตเขมรแดงอีก2ราย



ศาลพิจารณาคดีเขมรแดงไม่สนคำเตือนของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินหน้าตั้งข้อหาอดีตสมาชิกเขมรแดงอีก 2ราย

วันพุธ 4 มีนาคม 2558 เวลา 12:50 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่4 มี.ค.ว่าศาลพิจารณาคดีเขมรแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ของกัมพูชาได้ตั้งข้อหาอดีตสมาชิกเขมรแดงอีก2 รายทำให้เกิดความเสี่ยงเผชิญหน้ากับสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่เคยเตือนว่า หากมีการตั้งข้อหาอดีตสมาชิกเขมรแดงเพิ่มอีกระวังจะเกิดสงครามกลางเมือง

ศาลพิเศษคดีเขมรแดงประกาศว่านายเมศ มุธ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือและนางอิมเจียม อดีตผู้บัญชาการระดับภาคได้ถูกตั้งข้อหาลับหลังทั้งฆ่าคนและก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์รวมทั้งกดขี่กับสังหารด้วยเหตุผลทางการเมืองและชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตามข้อกล่าวหาเหล่านี้ต้องได้รับการยอมรับจากตุลาการอาวุโสของศาลก่อนมีการดำเนินคดี

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเคยประกาศว่า หากศาลพิเศษของยูเอ็นยังคงเดินหน้าเอาผิดอดีตสมาชิกเขมรแดงต่อไปอีก เรื่องนี้อาจไปกระตุ้นให้อดีตสมาชิกเขมรแดงคนอื่นๆเริ่มก่อสงครามกลางเมือง ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาราว 1.7ล้านคนเสียชีวิต เพราะความอดอยาก โรคร้าย และถูกประหารเนื่องจากนโยบายอันรุนแรงของเขมรแดงที่ปกครองกัมพูชาระหว่างปี2518-2522

ศาลพิเศษกัมพูชาตั้งข้อหาอดีตเขมรแดงอีก2ราย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ออสซี่พบปลาฉลามปีศาจ



ออสเตรเลียพบปลาฉลามกอบลินสัตว์ดึกดำบรรพ์หน้าตาคล้ายสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเลลึกถูกนำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ส่วนหัวมีจมูกซึ่งเป็นก้อนเนื้อยื่นออกมา มีฟันคล้ายตะปู ลำตัวเป็นสีชมพูอ่อนนุ่ม

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/FaXOEiPCHXE?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันอังคาร 3 มีนาคม 2558 เวลา 22:38 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่3มี.ค.ว่า ออสเตรเลียพบปลาฉลามกอบลินหรือปลาฉลามปีศาจ สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก ถูกค้นพบที่นอกชายฝั่งของออสเตรเลียในสภาพที่ตายแล้วก่อนถูกนำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท้องถิ่น ซึ่งจะเก็บรักษาซากปลาฉลามประหลาดตัวนี้ไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่อไป ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อมูลของสัตว์ดังกล่าวมากนัก

ด้านนายมาร์ค แมคกรูเธอร์ ผู้จัดการแผนกเก็บรวบรวมพันธุ์ปลาประจำพิพิธภัณฑ์เผยว่า ปลาฉลามที่พบสวยงามมากไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวแต่อย่างใด โดยอธิบายฟันของปลาฉลามว่าเหมือนกับ “มีดกริชขนาดเล็ก” จำนวนมาก ถือเป็นสัตว์ที่พบเจอได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งเป็นซากปลาฉลามกอบลินตัวที่4ที่ถูกส่งมาที่พิพิธภัณฑ์ในนครซิดนีย์ ขณะที่ปลา2ตัวแรกถูกนำมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมื่อช่วงปีทศวรรษ1980 ส่วนตัวล่าสุดถูกจับได้โดยชาวประมงเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นอกชายฝั่งใกล้กับเมืองเอเดน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลียที่ความลึก200เมตร

ปลาฉลามกอบลินสามารถพบได้ที่มหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติก และอินเดีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า มิตสุคูรินะ โอสโตนี เป็นซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตเมื่อ125ล้านปีที่แล้ว มีกรามที่สามารถขยายออกมาพุ่งงับเหยื่อได้ ลำตัวเป็นสีชมพู กล้ามเนื้ออ่อนนุ่มทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานมากโดยจะว่ายน้ำช้าๆ ใช้ส่วนหัวที่ยื่นออกมาด้านบนทำหน้าที่ตรวจจับปลา ปู และหมึก ขนาดเล็กเป็นอาหาร

ออสซี่พบปลาฉลามปีศาจ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไลบีเรียร้องขอแผนมาร์แชลล์ฟื้นเศรษฐกิจอีโบลา



ผู้นำไลบีเรียเรียกร้องนานาชาติจัดทำแผน “มาร์แชลล์” ช่วยเหลือเศษฐกิจกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาที่ใกล้จะควบคุมการระบาดได้แล้ว

วันอังคาร 3 มีนาคม 2558 เวลา 20:34 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่3มี.ค.ว่า นางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ประธานาธิบดีไลบีเรียเรียกร้องให้นานาชาติจัดทำแผนช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ที่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายซึ่งพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือ100รายต่อสัปดาห์ จากจำนวน800-900รายในช่วงเดือนส.ค.และก.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ผู้นำไลบีเรียกล่าวกับผู้นำประเทศในภูมิภาคและผู้แทนจากประเทศต่างๆในการประชุมว่าด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลานานาชาติที่กรุงบรัสเซลส์ว่า ไลบีเรียต้องการให้นานาชาติช่วยเหลือกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก ที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาเข้าใกล้10,000ราย โดยผู้นำหญิงไลบีเรียย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือแผนช่วยเหลือระยะยาวรวมถึงมาตรการการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ซึ่งบางทีอาจจะต้องอาศัยเงินช่วยเหลือและทรัพยากรเหมือนกับแผน “มาร์แชลล์”

ไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาอย่างหนัก ที่ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตประชาชนแต่ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากประชาชนหวั่นวิตกเกรงติดเชื้อทำให้ไม่กล้าออกจากบ้านไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาด

นานาชาติให้คำมั่นมอบเงินช่วยเหลือจำนวน4,900ล้านดอลลาร์สหรัฐ(156,800ล้านบาท) แต่มีเงินช่วยเหลือไม่ถึงครึ่งประมาณ2,400ล้านดอลลาร์สหรัฐ(76,800ล้านบาท) ที่ได้รับการเบิกจ่ายเยียวยากลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการกำจัดการแพร่ระบาดของเชื้อให้หมดไปจำเป็นต้องรักษาผู้ที่ติดเชื้อทุกคนและจับตาเฝ้าระวังผู้ที่สัมผัสคลุกคลีกับผู้ป่วย

ไลบีเรียร้องขอแผนมาร์แชลล์ฟื้นเศรษฐกิจอีโบลา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Pst Nong ผ่าน www.mcot.net



เชียงใหม่-ราชบุรีแล้งลามเร็ว เดือดร้อนเฉียดแสนคน
Written by: กอง บก.ข่าวภูมิภาค2015/03/03 4:39 PM

ภูมิภาค 3 มี.ค.- เชียงใหม่ประกาศภัยแล้ง 8 อำเภอ จ่อคิวอีกหลายอำเภอ เดือดร้อน 8.5 หมื่นคน ส่วนราชบุรีปีนี้อ่างเก็บน้ำใหญ่เหลือน้ำน้อยมาก สวนมะนาวแห้งตายระนาว
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ว่า ล่าสุดได้ลงนามประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว 8 อำเภอ รวม 27 ตำบล 173 หมู่บ้าน 32,311 ครัวเรือน ได้แก่ อ.เชียงดาว หางดง ดอยเต่า ดอยหล่อ สันกำแพง ฮอด สะเมิง และดอยสะเก็ด เพื่อเร่งช่วยเหลือในเบื้องต้นได้เร็วขึ้น เพราะขณะนี้มีผู้เดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค 85,030 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 127 ไร่ กระชังปลา 200 กระชัง และอยู่ระหว่างการพิจารณาประกาศเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 5 อำเภอ หากพื้นที่ใดงบประมาณไม่เพียงพอสามารถรายงานมายังจังหวัดได้
ที่จังหวัดราชบุรียังคงประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง 2 อำเภอ คือ โพธาราม และปากท่อ นอกจากน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ ยังกระทบกับพื้นที่การเกษตรอย่างชัดเจน เช่น สวนมะนาว ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ ปีนี้แล้งน้ำ เนื่องจากอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง ตำบลน้ำพุ ที่เคยปล่อยน้ำลงมาตามลำห้วยให้เกษตรกรและชาวบ้านใช้ทุกปี ต้องงดปล่อยน้ำชั่วคราว เพราะปริมาณน้ำกักเก็บเหลือน้อยมาก สวนมะนาวที่กำลังออกลูกเต็มต้นเริ่มเหี่ยวแห้ง ใบเหลืองหลุดร่วงกว่า 100 ต้น
นายจิตศักดิ์ อนุศาสนนันท์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานราชบุรี กล่าวว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือแค่ 8.3 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี ปีที่ผ่านมามีน้ำมากจนล้นสปิลเวย์ แต่ปีนี้น้ำกักเก็บมีน้อย ทุกวันนี้ได้เปิดช่วยเหลือเกษตรกรตามรอบ.

เชียงใหม่-ราชบุรีแล้งลามเร็ว เดือดร้อนเฉียดแสนคน | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

อินโดนีเซียย้ายนักโทษอออสเตรเลียไปที่ประหารชีวิตแล้ว
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/03/04 9:55 AM



เกโรโบกัน 4 มี.ค.- นักโทษออสเตรเลีย 2 คน ในคดีค้ายาเสพติดที่อินโดนีเซีย ถูกนำตัวออกจากเรือนจำบนเกาะบาหลีไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ประหารชีวิต

นายแอนดรูว์ ชาน และนายมูรัน สุกุมารัน ถูกนำตัวขึ้นรถหุ้มเกราะขนย้ายนักโทษ พร้อมตำรวจคุ้มกันและกลุ่มผู้สื่อข่าวเดินทางออกมา เพื่อไปยังเกาะนูซากัมบันกัน ซึ่งมีเรือนจำที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ชายชาวออสเตรเลียทั้ง 2 คน เป็นหัวหน้าเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดและถูกจับได้ในอินโดนีเซีย ขณะที่นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ ของออสเตรเลีย ซึ่งกล่าวเรียกร้องหลายครั้งให้อินโดนีเซียเว้นโทษประหาร กล่าวย้ำอีกครั้งว่า ชาวออสเตรเลียหลายล้านคนไม่สบายใจต่อข่าวดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียย้ายนักโทษอออสเตรเลียไปที่ประหารชีวิตแล้ว | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

Pst Nong



แผ่นดินไหว’ภัยพิบัติใกล้ตัวจับตา14รอยเลื่อนเขย่าไทย‘แผ่นดินไหว’ภัยพิบัติใกล้ตัว จับตา14รอยเลื่อนเขย่าไทย : พัฐอร พิจารณ์โสภณรายงาน
ร่องรอยความเสียหายทั้งต่อสิ่งปลูกสร้างระบบสาธารณูปโภค ถนนหนทาง รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคเหนือ และเหตุเขย่าขวัญชาวปักษ์ใต้ฝั่งทะเลอันดามันเมื่อวันก่อน ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างจับตาภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ที่ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย
แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจึงควรต้องเรียนรู้และเตรียมการรับมืออยู่ตลอดเวลา เพราะการเตรียมรับมือที่ดีจะช่วยลดความสูญเสียได้ดีที่สุดหากเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นจริง
ข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งรวบรวมไว้โดยสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในไทยมากถึง 23 ครั้ง ในห้วงเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น
ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ คือเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด มีความรุนแรงขนาด 1.9 มีศูนย์กลางลึกลงไปใต้ดินประมาณ 1 กิโลเมตร ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ก่อนหน้านั้นเวลา 21.11 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ก็เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2 ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 2 กิโลเมตร ใน อ.สรวย จ.เชียงราย เช่นกัน
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4 ขึ้นในเวลา 06.02 น. ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณอ่าวพังงา ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ก่อนหน้านั้นวันเดียวเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.7 ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ลึกลงไปใต้ดิน 2 กิโลเมตร ในเวลา 19.35 น.
14.16 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ แผ่นดินไหวขนาด 1.9 ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยก่อนหน้านั้น 10 ชั่วโมง เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.2 ลึกลงไปในพื้นดิน 2 กิโลเมตร ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เช่นกัน
16 กุมภาพันธ์ เวลา 06.05 น. แผ่นดินไหวขนาด 3.3 ลึกไปใต้ดิน 3 กิโลเมตร ที่ อ.พาน จ.เชียงราย โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 07.30 แผ่นดินไหวขนาด 3.2 ลึกลงไปใต้ดิน 3 กิโลเมตร ใน อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
14 กุมภาพันธ์ เวลา 21.08 น. แผ่นดินไหวขนาด 1.7 ลึกลงไป 4 กิโลเมตรใต้ผิวดิน ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย, 13 กุมภาพันธ์ เวลา 01.30 น. แผ่นดินไหวขนาด 3.0 ลึกลงไปใต้ดิน 2 กิโลเมตร ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย, 9 กุมภาพันธ์ เวลา 23.14 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.3 ลึกลงไปใต้ดิน 7 กิโลเมตร ที่ ต.นิคมพัฒนา อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ก่อนหน้านั้น 4 ชั่วโมง เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.0 ลึกลงไป 8 กิโลเมตร ใต้ผิวดิน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
18.50 น. วันเดียวกัน เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.0 ลึกลงไปใต้ดิน 8 กิโลเมตร ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ เวลา 13.06 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.0 ลึกลงไปใต้ดิน 1 กิโลเมตร ใน อ.เมือง จ.เชียงราย, 6 กุมภาพันธ์ เวลา 16.05 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.3 ลึกลงไปใต้ผิวดิน 6 กิโลเมตร ที่ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
5 กุมภาพันธ์ เวลา 08.18 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.0 ลึกใต้ดิน 2 กิโลเมตร ที่ อ.ดอกคำใต้ จ. พะเยา, 4 กุมภาพันธ์ เวลา 02.36 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.3 ลึกใต้ดิน 7 กิโลเมตร ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
3 กุมภาพันธ์ เวลา 19.33 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.6 ลึกใต้ดิน 5 กิโลเมตร ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ก่อนหน้านั้น 1 ชั่วโมง เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.5 ลึกใต้ดิน 1 กิโลเมตร ที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
2 กุมภาพันธ์ เวลา 18.51 น.แผ่นดินไหวขนาด 2.6 ลึกใต้ดิน 1 กิโลเมตร ที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ก่อนหน้านั้น 4 ชั่วโมง เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.2 ลึกใต้ดิน 1 กิโลเมตร ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และเวลา 11.52 น. วันเดียวกันก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.3 ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลา 13.54 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.4 ใน อ.เมือง จ.เชียงราย
กรณีแผ่นดินไหวขนาด 4 ในอ่าวพังงา เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพราะบริเวณนั้นเคยผจญกับภัยพิบัติร้ายแรงจากโศกนาฏกรรม “สึนามิ” คลื่นยักษ์กลืนเมืองมาก่อน จาก “คลื่นยักษ์สึนามิ” ที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่บริเวณหัวเกาะสุมาตราเมื่อปลายปี 2547
ผศ.ดร.ภาสกร ปนานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งวิจัยเกี่ยวกับรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยมาเป็นเวลานาน ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 4 ในอ่าวพังงา จุดศูนย์กลางเป็นช่วงปลายของรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกคลองมะรุ่ย ซึ่งระยะหลังเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากมีขนาดเล็กจึงไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก
"2 ปีที่แล้ว ที่ภูเก็ตก็มีไหวขนาด 4 กว่าๆ เหมือนกัน ตอนนั้นเกิดใกล้กับเมือง ทำให้เกิดผลกระทบค่อนข้างเยอะ แต่ครั้งนี้ไปอยู่ที่เกาะ ในทะเล จึงส่งผลกระทบน้อยกว่า เป็นไปได้ว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลังในพื้นที่ภาคใต้ เกิดจากผลพวงจากแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกาะสุมาตราเมื่อปี 2547 มันอาจจะทำให้เกิดการสะสมพลังงานบริเวณนี้ได้ เพราะทางใต้ของประเทศไทยถูกบิดตัวไปตั้งแต่แผ่นดินไหวครั้งนั้น เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ พื้นดินบริเวณแนวรอยเลื่อนก็เหมือนแก้วที่มีรอยร้าวเมื่อจับมันบิดก็จะยิ่งมีรอยร้าวมากขึ้น"
ในพื้นที่ภาคใต้จากสถิติที่ผ่านมามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นระยะ เช่นเดียวกับภาคเหนือ และภาคตะวันออก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่าน โดยภาคใต้มีแนวรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลก 2 แนว คือ รอยเลื่อนคลองมะรุ่ยที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด อีกรอยเลื่อนขึ้นมาทางเหนือเล็กน้อยคือ รอยเลื่อนระนอง ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางหรือขนาดใหญ่มาสักพันปีมาแล้ว
ผศ.ดร.ภาสกร ให้ข้อมูลด้วยว่า แผ่นดินไหวมักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน รอยเลื่อนคลองมะรุ่ยเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมาเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นรอยเลื่อนที่มีศักยภาพที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวได้ในอนาคต และเป็นที่น่าสังเกตว่า ทำไมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจึงเกิดแผ่นดินไหวบริเวณนี้ถี่ขึ้น
แต่หากเทียบสถิติแล้วพื้นที่ภาคใต้ยังเกิดแผ่นดินไหวน้อยกว่าพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันตก ซึ่งแผ่นดินไหวค่อนข้างถี่ในระยะนี้ เพราะมีแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกพาดผ่านพื้นที่หลายรอยเลื่อน
ในไทยมีรอยเลื่อนมีพลัง 14 รอยเลื่อน คือ รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่าน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่าน จ.เชียงราย รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก รอยเลื่อนแม่เมย พาดผ่าน จ.ตาก จ.กำแพงเพชร รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่าน จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.เชียงราย รอยเลื่อนแม่เถิน พาดผ่าน จ.ลำปาง จ.แพร่ รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่าน จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.ลำปาง รอยเลื่อนปัว พาดผ่าน จ.น่าน รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่าน จ.อุตรดิตถ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่าน จ.กาญจนบุรี รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่าน จ.กาญจนบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.อุทัยธานี จ.ตาก รอยเลื่อนระนอง พาดผ่าน จ.ระนอง จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.พังงา รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ จ.พังงา และรอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่าน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งรอยเลื่อนที่ว่านี้ครอบคลุมพื้นที่ 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ซึ่งจังหวัดเหล่านี้มีโอกาสจะเกิดแผ่นดินไหวได้ทุกเมื่อ ซึ่งไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ผศ.ดร.ภาสกร แนะนำว่า ในจังหวัดที่มีรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกพาดผ่านควรจะดูแลสิ่งปลูกสร้างให้มีความมั่นคงแข็งแรง และต้องเรียนรู้ถึงวิธีรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสถิติการเกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมาพบว่าความรุนแรงขนาด 3 จะทำลายสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ส่วนขนาดระดับ 5 ขึ้นไป จะสร้างความเสียหายในวงกว้าง ในไทยเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 มาแล้ว ที่ จ.เชียงราย เมื่อ 9 เดือนก่อน สร้างความเสียหายในวงกว้าง ทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือนของประชาชน หรือแม้กระทั่งถนนหนทางที่เสียหายไปจำนวนมาก
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทย จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ซึ่งสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อแนะนำไว้ว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหว สิ่งที่สำคัญคือ อย่าตกใจ และให้มีสติ หากอยู่ในอาคารให้หลบใต้โต๊ะที่แข็งแรงอยู่ให้ห่างจากกระจกและหลีกเลี่ยงบริเวณที่จะมีของหล่นใส่ อย่าใช้ลิฟต์ขณะมีการสั่นไหว หากอยู่นอกอาคาร ให้อยู่ด้านนอก ในที่โล่ง อยู่ให้ห่างจากอาคาร เสาไฟ สายไฟฟ้า ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งของที่อาจหล่นใส่
หลังแผ่นดินไหว มักจะมีการเกิดอาฟเตอร์ช็อก ซึ่งทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่ก็อาจสร้างความเสียหาเพิ่มเติม ควรหลีกเลี่ยงบริเวณสิ่งก่อสร้างที่เสียหายหรือพังทลาย และควรตรวจสอบข่าวสารให้ดี อย่าหลงเชื่อข่าวลือ.

 

Pst Nong ผ่าน Sanook News



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (2 มี.ค.) ในโซเชียลเน็ตเวิร์กและโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ปรากฏการณ์ประหลาดที่มีเพียงไม่กี่คนพบเห็น ภาพแสงวูบวาบเป็นทางยาว คล้ายกับดาวตก โผล่เหนือท้องฟ้าเมืองไทย ซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นเพียง 3-4 วินาที เท่านั้น

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/niht9f3ytWk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ตามรายงานระบุว่า เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เกิดกระแสคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากมีผู้พบเห็นแสงวูบวาบ เป็นแสงสว่างสีส้ม คล้ายดาวตก ส่องแสงอยู่ประมาณ 3-4 วินาที ซึ่งเหตุการณ์นี้มีผู้สงสัยเข้าไปตั้งกระทู้ถามบนเว็บไซต์พันทิปว่า "เมื่อประมาณ 30 นาทีที่แล้ว คน กทม. เห็นวัตถุประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้าไหมคะ?"
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีผู้พบเห็นจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ปริมณฑล เช่น จ.ปทุมธานี จ.สมุทรสาคร จ.ชลบุรี หรือบางส่วนของกรุงเทพฯ โดยทุกคนต่างอธิบายตรงกันว่า แสงวูบวาบมีลักษณะเป็นสีส้มสว่าง ปรากฏให้เห็นเพียงไม่กี่วินาที หรือแค่เพียงกะพริบตาเดียว บางเห็นก็หยุดยืนนิ่ง เพราะประหลาดใจกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม หลังจากกระแสนี้เริ่มเป็นที่ฮือฮา มีคนเห็นและไม่เห็น รวมทั้งเชื่อและไม่เชื่อ พร้อมขอภาพหลักฐานมายืนยัน ซึ่งพยานส่วนใหญ่ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดเหตุแค่จะล้วงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายไว้ก็ไม่ทันแล้ว
กระทั่งมีผู้ใช้เว็บไซต์ยูทูป ชื่อว่า K Janeได้โพสต์คลิปวิดีโอ "ตกลงมาจากฟ้า" ภาพจากกล้องหน้ารถยนต์ ระหว่างที่กำลังขับรถกลับบ้าน สังเกตบนท้องฟ้าเพียงแค่ 3 วินาที แสงวูบวาบจะปรากฎขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที มีลักษณะเหมือนผีพุ่งใต้ ทำให้ผู้คนเริ่มเชื่อเกี่ยวกับปรากฏการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก สมาคมดาราศาสตร์ไทย ได้โพสต์ชี้แจงว่า...
"เมื่อช่วงหัวค่ำ ผู้สังเกตในกรุงเทพฯ มีโอกาสเห็นการสว่างวาบของดาวเทีมอิริเดียม ซึ่งเกิดจากสายอากาศทำมุมสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ดาวเทียมอิริเดียมมีหลายดวง ครั้งนี้เกิดจากดาวเทียมอิริเดียม 30 สว่างที่สุดในเวลาประมาณ 19:53 น. บนท้องฟ้าทิศใต้ มุมเงย 36° (ปรากฏการณ์นี้เห็นได้เฉพาะที่ การสังเกตในสถานที่อื่นนอกจากกรุงเทพฯ)"
ซึ่งคำชี้แจงดังกล่าว มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ เนื่องจากหลายคนมองว่า ลักษณะของแสงวูบวาบที่เกิดขึ้น ล้ายกับดาวตก มากกว่าจะเป็นแสงสะท้อนของดาวเทียม

คนไทยฮือฮา! แสงวูบวาบคล้ายดาวตก โผล่เหนือท้องฟ้า

 

Pst Nong



ผวาถนนทรุดถล่มลงเป็นแถบหวั่นอันตราย
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2558 เวลา 21.09 น.
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุถนนทรุดตัวเป็นแนวยาว บริเวณถนนริมตลิ่งเลียบคลองสองพี่น้อง บ้านบางลี่เล็ก ต.ศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พบกลุ่มชาวบ้านกำลังมุงดูภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก พบถนนทรุดตัวลงไปเป็นหลุมลึกอย่างน่าหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย โดยมีความลึก 10 เมตร กว้าง 6 เมตร ยาว 30 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้กำแพงบ้านเรือน ต้นไม้ พืชไร่พืชสวนในละแวกได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากความอ่อนตัวของชั้นดิน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีน้ำหล่อเลี้ยงในคลองสองพี่น้องตลอดสาย แต่เมื่อมีการสร้างคันกั้นเบี่ยงน้ำ เพื่อสร้างฝายและเขื่อนป้องกันน้ำท่วมขึ้นมา ทำให้น้ำในคลองแห้งขอดจนคันดินริมตลิ่งเคลื่อนตัว อีกทั้งยังทำให้ถนนสายศรีสำราญ 1 และถนนอีกหลายสายที่เลียบคลองสองพี่น้องพลอยทรุดตัวตามไปด้วย ด้าน นายสราวุฒิ พลดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 จะเร่งเก็บข้อมูลรายงานให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ทราบ เพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง.

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ Bank of Thailand Scholarship Students



'(Mar 2) อีซีบีเปิดฉากใช้'คิวอี'เงินทยอยไหลเข้าไทย : "ศุภวุฒิ"ประเมิน"คิวอี" ยุโรป ส่อไหลเข้าไทย เหตุยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง-ดอกเบี้ยจูงใจ ด้าน "ทีเอ็มบี" มองไทยปฏิรูป คืบหน้า ดึงดูดเงินทุนเคลื่อนย้าย ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์อีกกลุ่มฟันธงเงินไหลเข้าไม่แรง เหตุเงินทุนส่วนใหญ่ส่อไหลเข้าสหรัฐจากเศรษฐกิจที่ฟื้นชัด เชื่อ เงินบาทแข็งค่าในระยะสั้น

ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)เริ่มใช้มาตรการผ่อนคลาย ทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี)ในเดือนมี.ค.นี้เป็นต้นไป โดยจะเพิ่มเงินออกมาเดือนละ 6 หมื่นล้านยูโรไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.2559 รวมวงเงินที่พิมพ์ออกมาราว 1.1 หมื่นล้านยูโร เพื่อไปซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนและพันธบัตรของภาครัฐ

นักวิเคราะห์ประเมินว่าหลังจากอีซีบีเริ่มใช้มาตรการนี้อย่างเป็นทางการ จะทำให้สถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความผันผวนมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าเงินทุนบางส่วนอาจไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้เช่นกัน โดยอีซีบีจะแถลงรายละเอียดของมาตรการใน วันที่ 5 มี.ค.นี้

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ภัทร กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายบางส่วนไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่อีซีบีเริ่มใช้มาตรการคิวอีอย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.นี้ สาเหตุเพราะประเทศไทย มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างมาก อีกทั้งดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับสูงกว่าประเทศ อื่นๆ

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนม.ค.2558 อยู่ที่ 2,506 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปี 2557 มียอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 14,231 ล้านดอลลาร์ เฉพาะเดือนธ.ค.2557 มียอดการเกินดุลสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5,523 ล้านดอลลาร์

"เราไม่รู้ว่าหลังจากอีซีบีเริ่มใช้มาตรการคิวอี จะมีเงินไหลเข้ามาหรือไม่ รู้แต่ว่าความเป็นไปได้ที่เงินใหม่ซึ่งอีซีบีจะพิมพ์ออกมาเดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร เงินส่วนนี้ก็ต้องหาที่ไป ที่ๆ จะไปก็ต้องเป็นที่ซึ่งมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เพราะอันนี้ทำให้ค่าเงินไม่อ่อน ของเราเรียกว่า เข้าทั้ง 2 รูปแบบนี้เลย ดอกเบี้ยก็สูงกว่าคนอื่น เพราะคนอื่นเขาเป็นศูนย์กันหมด บางคนติดลบด้วย" นายศุภวุฒิกล่าว

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่าไทยยังถือเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายบางส่วนไหลเข้ามาลงทุนในประเทศ หลังจากที่อีซีบีเริ่มใช้มาตรการคิวอีอย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.นี้

"แม้อีซีบีจะตั้งใจให้คิวอีที่เขาดำเนินการอยู่ในตลาดของเขา แต่ก็เชื่อว่าจะมีบางส่วนไหลออกไปลงทุนที่อื่น ซึ่งเงินส่วนนี้ก็ต้องหาตลาดที่มีความน่าสนใจ ถามว่าแถวไหนน่าสนใจสุด ก็คงหนีไม่พ้นแถบเอเชีย"นายเบญจรงค์กล่าว

นายเบญจรงค์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของไทย ถ้าดูปีที่ผ่านมาอาจจะไม่มีความน่าสนใจเนื่องจากมีปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ แต่ปีนี้กำลังเข้าสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจ และความชัดเจนของการปฏิรูปก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านพลังงาน ซึ่งตัวนี้จะเป็นแรงดึงดูดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ จึงเชื่อว่านับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป น่าจะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น เพียงแต่การเข้ามาคงเป็นลักษณะของการทยอยเข้าจับตาแบงก์ยุโรปขายบอนด์

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เม็ดเงินจากคิวอีของยุโรปอาจจะมีไหลเข้ามาในประเทศไทยบ้าง แต่เชื่อว่าปริมาณที่ไหลเข้าคงไม่ได้มากนัก และที่ผ่านมานักวิเคราะห์ในฝั่งยุโรปก็เริ่มประเมินว่า แม้อีซีบีจะทำคิวอีโดยการพิมพ์เงินเพื่อไปซื้อพันธบัตรจากธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้อาจจะไม่ขายให้ หรือขายให้ก็คงจะมีสัดส่วนที่ไม่ได้มากนัก

สาเหตุเป็นเพราะการลงทุนในพันธบัตรแม้จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่ธนาคารพาณิชย์ไม่จำเป็นต้องดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่ถ้าธนาคารพาณิชย์เหล่านี้ขายพันธบัตรออกไปแล้วนำเงินไปปล่อยสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์รายนั้นจะต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้

"ด้วยเหตุนี้จึงไม่แน่ใจว่าแบงก์อยากจะขายบอนด์ให้อีซีบีหรือไม่ ถ้าแบงก์ไม่อยากขายเงินที่โฟล์ออกมาก็คงไม่ได้มากนัก ซึ่งเหมือนกับญี่ปุ่นในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แบงก์ญี่ปุ่นก็เลือกที่จะถือบอนด์มากกว่า"นายเชาว์กล่าวชี้เฟดมีผลเงินทุนเคลื่อนย้ายมากกว่า

นายเชาว์กล่าวด้วยว่า ในระยะต่อไปแล้วเชื่อว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายจะถูกกำหนดโดยนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มากกว่า แม้ตอนนี้ตลาดเงินเริ่มประเมินว่าเฟดจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่าคาดการณ์เดินที่เฟดจะปรับขึ้นในเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.นี้ อาจจะเลื่อนออกไป เป็นอย่างน้อยเดือนก.ย.หรือต.ค.แทน

สำหรับมุมมองที่มีต่ออัตราแลกเปลี่ยนนั้น นายเชาว์ กล่าวว่า ทางธนาคารกสิกรไทย ยังไม่ปรับมุมมองโดยประเมินว่าเงินบาทระยะยาวมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยประเมินปลายปีไว้ที่ระดับ 33.4-33.5 บาทต่อดอลลาร์

"เรายังมองว่า ท้ายสุดเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่า จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจไทยที่เติบโตได้ไม่ดีนัก ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีโอกาสปรับลดลงลง ซึ่งการลดลงของดอกเบี้ยนโยบายของไทย แล้วอนาคตเฟดขึ้นดอกเบี้ย เงินบาทก็คงแข็งค่าขึ้นได้ไม่นาน"นายเชาว์กล่าวคาดเม็ดเงินเข้าตลาดสหรัฐฯ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัย สายบริหารความเสี่ยง ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า แม้อีซีบีจะเริ่มทำคิวอีอย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.นี้ แต่เชื่อว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยคงไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนรับข่าวไปบ้างแล้ว อีกทั้งหลังกลางปีนี้เป็นต้นไป เงินบาทยังมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลง จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย

"ลองนึกถึงโมเดลที่สหรัฐหรือญี่ปุ่นทำ คือ ไม่ต้องพิมพ์เงินจริงๆ ออกมา แค่พูดว่าจะทำก็ทำให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายแล้ว"นายอมรเทพกล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หลังอีซีบีใช้มาตรการคิวอีอย่างเป็นทางการ คงมีเม็ดเงินไหลออกจากยุโรปบ้าง แต่เชื่อว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไปตลาดสหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน อีซีบีเตรียมเผยรายละเอียดคิวอี

อีซีบีเตรียมเผยรายละเอียดคิวอีในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่คาดไม่ประกาศนโยบายใหม่

นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเผยรายละเอียดของแผนการเข้าซื้อพันธบัตรในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมวันพฤหัสบดี (5 มี.ค.) หลังจากประกาศแผนการจัดทำคิวอีไปเมื่อเดือนม.ค. และคาดว่าจะไม่มีการประกาศมาตรการใหม่ๆ ออกมา

ในการประชุมเดือนม.ค. นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ประกาศแผนการเข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐและเอกชนมูลค่าเดือนละ 60,000 ล้านยูโรตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงเดือนก.ย. 2559 เป็นอย่างน้อย เพื่อสกัดเงินฝืด

นายไมเคิล ชูเบิร์ต นักเศรษฐศาสตร์แห่งคอมเมิร์ซแบงก์ กล่าวว่านายดรากีน่าจะย้ำในการประชุมสัปดาห์นี้ว่าการทำคิวอีเป็นแบบปลายเปิด คือไม่มีกำหนดยุติลงอย่างชัดเจน อันจะทำให้ตลาดคาดหมายไปได้ว่าจะมีการทำไปเรื่อยๆ แต่นายดรากีมีแนวโน้มจะย้ำว่าคิวอีที่จะเริ่มต้นทำในเดือนมี.ค.จะต้องส่งผลกระทบด้วย

ตั้งแต่นายดรากีประกาศแผนการทำคิวอี เงินยูโรก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนก็ลดลงส่วนใหญ่ ผลจากการคาดหมายถึงการทำคิวอี แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแผนการทำคิวอีของยุโรปที่น้อยกว่าการทำคิวอีของสหรัฐและอังกฤษครึ่งหนึ่ง ทำให้ยุโรปน่าจะต้องใช้มาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม


Source: กรุงเทพธุรกิจ'

 

Pst Nong ผ่าน ThaiPBS

โรงพยาบาลศิริราช ยืนยันว่า ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 จริง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์สวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ โดยขณะนี้เป็นการระบาดตามฤดูกาลของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธฺุ์นี้ และเชื้อไม่รุนแรงเท่ากับไข้หวัดใหญ่ 2009

<iframe width="615" height="346" src="https://www.youtube.com/embed/EjvsxgurlX0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงกรณีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 จำนวน 5 คน และบุคลากรทางการแพทย์ 4 คนผู้ป่วยกลุ่มนี้ พบว่า เสียชีวิต 1 คน แต่ยืนยันแล้วว่า ไม่ได้มาจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงรวมอยู่ด้วย ส่วนผู้ป่วยที่เหลืออาการดีขึ้น มีจำนวนหนึ่งสามารถกลับบ้านได้แล้ว ส่วนเชื้อที่พบยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเชื้อ H3N2 สายพันธุ์สวิตเซอร์แลนด์ ที่ระบาดอยู่ในสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง หรือไม่ แต่ไวรัสสายพันธุ์นี้ไม่ใช่ความผิดปกติ พบการระบาดได้ตามฤดูกาล และไม่พบการแพร่กระจายที่รุนแรง
ประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนก สำหรับวัคซีนที่เคยฉีดป้องกันในปีที่ผ่านมาไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัส H3N2 สายพันธุ์สวิตเซอร์แลนด์ได้นั้น ขณะนี้ได้สั่งซื้อวัคซีนรวมโรคดังกล่าวไว้แล้วตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 3.5 ล้านโด๊ส เพื่อฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและบุคลากรการแพทย์ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ไข้หวัดใหญ่ H3N2 สายพันธุ์สวิตเซอร์แลนด์ การระบาดและอาการไม่รุนแรงเท่ากับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 หรือ ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ส่งผลให้เกิดความรุนแรงต่ออาการทางปอด และอาจเสียชีวิตได้ พร้อมยืนยันว่า สถานการณ์การระบาดในปีนี้ ยังน้อยกว่าการระบาดปีที่แล้ว
กระทรวงสาธารณสุข มีคำแนะนำการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยให้ประชาชนยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ , หญิงตั้งครรภ์ , เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี , ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีจำนวนกว่า 3,500,000 คน พร้อมทั้งมาตรการตัดวงจรแพร่กระจายเชื้อ เช่น ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 ในฮ่องกง แล้ว 307 คน และองค์การอนามัยโลกได้ให้หลายประเทศแถบเอเชีย ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด

รพ.ศิริราช แถลงยืนยัน พบผู้ป่วย-บุคลากรติดเชื้อ "ไข้หวัดใหญ่ H3N2...

 

Thanong Fanclub



ศาลเยรูซาเลมให้ยิวยึดเขาพระวิหารเพื่อสวดมนต์ได้
ศาลโลกตัดสินสองครั้งให้เขมรได้เขาพระวิหารไปจากไทย ครั้งแรกให้แต่วัด ครั้งที่สองให้ทั้งวัดและบริเวณที่ดินล้อมรอบตัวปราสาท ในวันจันทร์ที่2กุมภาพันธ์2015 ศาลของเยรูซาเลม (Jerusalem Magistrate's Court)ได้ตัดสินว่า ให้อนุญาติให้ชาวยิวไปสวดมนต์บนเขาพระวิหาร (Temple Mount)ในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์อิสลามที่ศักดิ์สิทธิ์ (Dome on the Rock) คำตัดสินของศาลเยรูซาเลมนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่จะยึดเขาพระวิหารมาเป็นของยิว
http://rt.com/news/237269-jewish-prayer-temple-mount/
ที่ผ่านมาทางการอิสราเอลห้ามไม่ให้ชาวยิวขึ้นมาสวดมนต์ที่เขาพระวิหาร เพราะว่าทางปาเลสไตน์ยังถือสิทธิ์ ชาวปาเลสไตน์ก่อหวอดประท้วงอย่างรุนแรงมา2ครั้งแล้วเมื่ออิสราเอลพยายามที่จะเอาเขาพระวิหารไป หลังสงครามในปี1967 อิสราเอลยึดดินแดนจากปาเลสไตน์ และที่สำคัญได้ยึดเอาเขาพระวิหารด้วย ซึ่งก็เป็นที่ตั้งของสุสานของกษัตริย์โซโลมอน และสถานที่พระเยซูทรงเสวยอาหารเย็นมื้อสุดท้าย (The Last Supper) แต่อิสราเอลยังยึดเขาพระวิหารไม่เบ็ดเสร็จ เพราะว่ายังห้ามไม่ให้ชาวยิวขึ้นไปสวดมนต์เพราะว่ากลัวชาวปาเลสไตน์จะประท้วง
แต่คำตัดสินของศาลเวรูซาเลมในวันจันทร์ที่ผ่านชี้ให้เห็นว่าอิสราเอลไม่แคร์ความรู้สึกของชางปาเลสไตน์อีกต่อไปแล้ว เขาพระวิหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่กศาสนาจูดาห์ของยิว ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ที่มาบรรจบกันที่สถานที่แห่งนี้
แต่หลังจากโป๊ปฟรานซิสได้มาเยือนเยรูซาเลมในเดือนพฤษภาคมปี2014 ปรากฎว่ามีข่าวออกมาว่าทางรัฐบาลของนายเบนจามิน เนธันยาฮูได้แอบทำสัญญาลับส่งมอบเขาพระวิหารให้กับวาติกัน ทำให้ประชาชนชาวยิวรู้สึกไม่พอใจเป็นอันมาก เพราะถือว่าเขาพระวิหารเป็นสมบัติของชาวยิว เชื่อกันว่าSimon Peresอดีตผู้นำอิสราเอลมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้วาติกันได้เขาพระวิหารไป เพราะว่าหลังจากการเยือนเยรูซาเลมและเขาพระวิหารของโป๊ปฟรานซิส ปรากฎว่าชาวแคทอลิค รวมทั้งแม่ชีและพระได้มาสวดมนต์บนเขาพระวิหาร ทำให้ชาวยิวเดือดดาลมาก เพราะว่าตัวเองขึ้นไปสวดมนต์ไม่ได้ แต่ชาวแคทอลิกแอบไปสวดมนต์ได้
http://www.jewishisrael.org/jews-protest-king-davids-tomb-…/
โรมต้องการได้เขาพระวิหารเพื่อที่จะสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่3 เพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางของแคทอลิก มีแบบจำลองเขาพระวิหารเรียบร้อยแล้ว ชาวยิวก็ต้องการสร้างวิหารโซโลมอนเหมือนกัน ผลก็คือยังไม่ชัดเจนว่าวิหารโซโลมอนแห่งที่3จะเป็นของศาสนาจูดาห์หรือของโรมันแคทอลิก ซึ่งจะเป็นเรื่องขัดแย้งกันต่อไป
แต่ที่น่าหวั่นไหวใจมากที่สุด คือถ้าหากจะมีการสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่3ขึ้นมา หมายความว่าDome on the Rockหรือโบสถ์ของอิสลามจะต้องหลีกทางให้ มีการคาดการต่างๆนาๆ ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทำให้Dome on the Rockพังพินาศลงไป หรือมีสงครามในตะวันออกกลางซึ่งกำลังครุกรุ่นขึ้นมา ทำให้มีจรวดมาจากไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้าใส่ทำลายDome on the Rock หลังจากนั้นวิหารโซโลมอนแห่งที่3จะถูกสร้างขึ้นมา
Dome on the Rockอาจจะเป็นชนวนสงครามโลกก็ได้ ให้จับตาดูสงครามครูเสดยุคใหม่ให้ดีๆ
thanong
5/3/2015
http://rt.com/news/237269-jewish-prayer-temple-mount/

 

Thanong Fanclub
1. นับถอยหลัง



ท่านลอร์ดเจคอป ร็อธส์ไชด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกในเรื่องการเงินบอกว่าโลกเรากำลังเผชิญกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์การเมืองที่อันตรายที่สุดมากกว่าครั้งใดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2เป็นต้นมา ท่ามกลางความไร้ระเบียบและความรุนแรงสุดโต่งในตะวันออกกลาง การรุกรานและขยายตัวของรัสเซีย และความอ่อนแอของยุโรปที่ทำให้เกิดภาวะตกงานที่หนักหน่วง เพราะว่าหลายประเทศในยุโรปล้มเหลวที่จะปฏิรูปทางด้านโครงสร้าง
เวลาลอร์ดร็อธส์ไชด์พูด เราต้องตั้งใจฟังดีๆ เพราะว่าตระกูลร็อธส์ไชด์เป็นพวกยิวที่ครอบงำและมีอิทธิพลทางการเงินมากที่สุดในโลกมาเป็นเวลายาวนานกว่า200ปีแล้ว โดยที่ฐานทางการเงินและธุรกิจของตระกูลร็อธส์ไชด์จะอยู่ที่อังกฤษ แต่กระจายไปทั่้วโลก บางคนบอกว่าร๊อธไชด์เป็นเจ้าของBank of EnglandและUS Federal Reserve
ลอร์ดร็อดส์ไชด์พูดให้นักลงทุนฟังผ่านกองทุนRIT Capitalที่มีขนาด2,300ล้านปอนด์ที่ตระกูลร็อธส์ไชด์บริหารอยู่
เขาบอกว่าจีดีพีของโลกปีที่แล้วเติบโตอย่างน่าผิดหวังและในอัตราที่ไม่เท่าเทียมกัน ตลาดหุ้นเกือบจะมาถึงระดับสถิติสูงสุดที่ไม่เคยผ่านมาก่อนแล้ว และราคาหุ้นได้ประโยชน์จากการพิมพ์เงินของธนาคารกลาง ค่าเงินกระดาษของหลายประเทศถูกทำให้เสื่อมลงจากการลดค่าเงินเพื่อแข่งขันและดันการเจริญเติบโต
เงินยูโรและเงินเยนลดค่าลงไป12%เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงไป5.9% ลอร์ดร็อธไชด์ผู้อยู่ในวัย78ปีแล้วกล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันที่จะทำนายผลกระทบของการทดลองทางด้านการเงินครั้งนี้
ฟังคำพูดของลอร์ดร็อธส์ไชด์ดีๆ ความหมายที่แฝงเร้นคือปัญหาภูมิรัฐศาสตร์การเมืองโลกเกิดจากการรุกรานและการขยายตัวของรัสเซียที่ต้องได้รับการจัดการ และจะทำให้เกิดความเสี่ยงของสงครามโลกครั้งที่3
ประธานาธิบดีวราดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกำลังรบกับศัตรูตัวจริงคือพวกร็อธส์ไชด์ที่ก้าวออกมาจากเงามืดแล้ว
thanong
6/3/2015
http://rt.com/bu…/237909-rothschild-investors-economy-world/

 

Thanong Fanclub



2. นับถอยหลัง
สิ่งที่ลอร์ด จาคอป ร็อธส์ไชด์ไม่ได้พูดว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกแท้ที่จริงแล้วมาจากการล่มสลายของสังคมตะวันตก อันเกิดจากช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนที่ดูท่าแล้วไปต่อไปไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัสเซียที่กำลังจะถูกโยนให้เป็นแพะ
ช่วงก่อนที่จะมีการประชุมWorld Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Oxfam หรือองค์กรเอ็นจีโอออกรายงานว่า คนรวย1%เป็นเจ้าของความร่ำรวย48%ของโลก ณ ปี2014 และภายในปี2020 คนรวย1%จะเพิ่มความร่ำรวยไปอีก คือจะเป็นเจ้าของ54%ของความร่ำรวยทั้งหมดในโลก
ในจำนวนคนรวย1%นี้ พวกร็อธส์ไชด์รวยที่สุด
Oxfamยังพบว่า มหาเศรษฐีพันล้านที่รวยที่สุดในโลก80คนมีทรัพย์สินรวมกัน$1.9ล้านล้าน เท่ากับประชากรระดับล่าง50%ของทั้งโลก
ในระยะเวลา4ปีที่ผ่านมา การพิมพ์เงินของธนาคารกลางทำให้พวกเศรษฐีนี้รวยเพิ่มขึ้น$600,000ล้าน ในขณะที่ประชากรระดับล่าง50%ของทั้งโลกจนลง$750,000ล้าน
เรียกได้ว่าเป็นการโอนความรวยจากคนจนมายังคนรวยเลยทีเดียว (wealth transfer) จากนโยบายการพิมพ์เงินของธนาคารกลางของโลกตะวันตก รวมทั้งญี่ปุ่นที่พวกร็อธไชด์คุมอยู่
ในเมื่อเกิดช่องว่างของความร่ำรวยระหว่างคนมีกับคนไม่มี ภาวะว่างงานที่สูง และหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมาอย่างล้นพ้น สังคมของตะวันตกมีความไร้เสถียรภาพมากขึ้นจนมีโอกาสที่จะเกิดการปฏิวัติทางการเมืองและสังคม
พวกคนรวย1%ไม่ยอมให้คนจน99%มาล้มตัวเอง จึงให้พวกนักการเมืองประชาธิปไตยสร้างสถานการณ์ขึ้นในยูเครน ตะวันออกกลาง และคาบสมุทรเกาหลีเพื่อก่อสงครามล้างหนี้ โดยให้สื่อกระแสหลักสร้างภาพว่ารัสเซีย ไอซิสและผู้นำเกาหลีเหนือกระหายสงคราม ทั้งๆที่ปัญหาพื้นฐานคือทุนนิยมการเงินตะวันตกปล้นระบบตัวเอง จนคนธรรมดาจะอยู่ไม่ไหวกันอีกแล้ว และระบบการเงินฟองสบู่กำลังจะพัง
thanong
6/3/2015
BBC News - Richest 1% to own more than rest of world, Oxfam says

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 5 มี.ค.58 เจ้าข้าเอ้ย..ทูตอเมริกาถูก ละเมิดสิทธิมนุษยชน และก่อการร้ายแล้ว
นายคิม คีจง อายุ 55 ปี ชาวเกาหลีใต้ เขาเคยเข้าไปเกาหลีเหนือมาแล้ว 6 ครั้ง และเคยโจมตีทูตญี่ปุ่น ประจำเกาหลีใต้มาแล้ว และศาลรอลงอาญา มาครานี้เขา ใช้อาวุธมีดปอกผลไม้ยาว 25 ซม. บุกโจมตี "เฉาะหน้า" ทูตสหรัฐ ประจำเกาหลีใต้ ขณะที่กำลังทานอาหารเช้า
ทูตอเมริกาคนนี้ กำลังมาบรรยายเรื่องการปรองดอง ผลคือทูตอเมริกา ถึงกับเลือดสาดไป เพราะโดนมีดของ นายคิม คีจง ทูตคนนี้น่าเขียนรายงานกลับประเทศมะกันนะว่า ที่เกาหลีใต้มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ มากกว่า 10 เตา และเสี่ยงต่อความมั่นคงอเมริกา
สมควรประนามเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การก่อการร้าย การสะสมสารกัมตรังสีนิวเคลียร์ และให้ UN คว่ำบาตรเกาหลีใต้ เพื่อไม่ให้เป็น 2 มาตรฐานกับเกาหลีเหนือ
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ปอกเปลือก ทรราช
เหมืองถ่านหินเมืองโดเนทส์ก ยูเครนตะวันออกระเบิด มีผู้เสียชีวิต 24 ราย



--------------
เมื่อวันพุธที่ 4 มี.ค.58 ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์เหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งชื่อ "Zasyadko" ระเบิดขึ้นเนื่องจากก๊าซมีเทน (methane) ในเขตเมืองโดเนทส์ก ตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นเขตควบคุมของกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ตามรายงานแจ้งว่ามีคนงานเหมืองเสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์ประมาณ 23-24 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 9 ราย ในตอนต้นเชื่อว่ามีผู้ติดอยู่ในเหมืองขาดการติดต่อจากโลกภายนอกประมาณ 32 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการยืนยันจากทั้งฝ่าย DPR และฝ่ายยูเครนแล้วว่าไม่ได้เกิดจากการสู้รบกัน แต่เป็นอุบัติเหตุที่ก๊าซมีเทนติดไฟระเบิดขึ้นมาเอง ตามรายงานแจ้งว่าเหมืองแห่งนี้เจ้าของเป็นชาวยูเครนที่อาศัยอยู่นอกเขตโดเนทส์กและได้เริ่มเปิดเหมืองแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 1958 (พ.ศ.2501) ซึ่งเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของยูเครน ทางการยูเครนแถลงว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ของตนเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแล้ว แต่สื่อฯของยูเครนบอกว่าหน่วยกู้ภัยไม่สามารถเข้าไปในเขตของโดเนทส์กได้เพราะถูกกองกำลัง DPR ขวางไว้ ส่วนฝั่ง DPR บอกว่ายังไม่เห็นวี่แววของหน่วยกู้ภัยหรือผู้ที่จะมาช่วยเหลือจากยูเครนเลยซักราย รมว.ฉุกเฉินของ DPR ก็เลยขอความช่วยเหลือไปยังรัสเซียแทน
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2540 รัฐบาลรัสเซียกับยูเครนได้ทำข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการป้องกันอุบัติเหตุด้านอุตสาหกรรม หายนะภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และฟื้นฟูอันเป็นผลพวงจากเหตุการณ์เหล่านั้น พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นในการค้นหาและกู้ภัย และทางรัสเซียก็ตอบรับทันทีว่าจะรีบส่งหน่วยกู้ภัยและความช่วยเหลือด้านอื่นๆมาให้โดเนทส์กโดยเร่งด่วน และเมื่อวานนี้ขบวนรถคอนวอยขนอาหารเครื่องนุ่งห่มข้าวของอุปโภคและบริโภคจำนวน 160 คันรถพ่วงขนาดใหญ่ จุของมากกว่า 1,800 ตันก็เดินทางมาถึงโดเนทส์กและลูฮานส์กเรียบร้อย นี่เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากรัสเซียครั้งที่ 17 แต่ยูเครนกับสหรัฐฯไม่มีอะไรส่งมาให้ชาวยูเครนตะวันออกเลยนอกจากลูกปืนใหญ่ จรวด และลูกระเบิด
ที่เหมืองแห่งนี้เกิดเคยเหตุการณ์ระเบิดแบบนี้มาแล้วประมาณ 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2550 ก็เกิดเหตุระเบิดในเหมืองแห่งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 101 ราย สองสัปดาห์ต่อมาก็เกิดเหตุซ้ำอีก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 52 ราย หนึ่งวันหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นอีกมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 30 ราย แต่ก็ยังเปิดทำเหมืองต่อมาอีก
The Eyes
05/03/2558
------------
Dozens of E. Ukraine miners killed in fatal gas blast — RT News
TASS: Russia - Russian emergencies ministry offers help in rescue work at Donetsk mine
Death Toll in Donetsk Mine Rises to 24, Fate of 9 Unknown - DPR Officials / Sputnik International
BBC News - Ukraine coal mine: Dozens feared dead in Zasyadko gas blast
TASS: Russia - Russian humanitarian aid delivered to east Ukraine’s Donetsk
TASS: Russia - Russia’s humanitarian aid delivered to east Ukraine's Luhansk
http://uatoday.tv/…/rescued-miners-sustain-serious-injuries…
Russia’s 17th Humanitarian Convoy Delivers Aid to Donetsk, Luhansk / Sputnik International