ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    37. จักรวรรดิโรมันคืนชีพ (ตอนจบ)
    ซีซ่าร์ตายก่อนที่จะได้รบกับอาณาจักรพาร์เธียของอิหร่าน เพราะว่าถูกพวกเซเนทหักลังและฆ่าตายกลางสภา ในแง่หนึ่งโอบามาเปรียบได้เหมือนซีซ่าร์ เพราะว่า เขาทำตัวเป็นเผด็จการมากขึ้นทุกวันในดีซี โดยออกกฎหมายผ่านอำนาจของประธานาธิบดีเพื่อเพิ่มอำนาจตัวเองเหมือนเผด็จการ แม้ว่าโอบามาจะเป้นเพียงหุ่นเชิด และไม่ได้สร้างอำนาจขึ้นมาเป็นใหญ่ด้วยตัวเองเหมือนซีซ่าร์
    โอบามาถูกพวกรีพับรีกันในสภาหักหลังด้วยการเชิญผู้นำยิว นายเบนจามิน เนธันยาฮูมากล่าวโจมตีและประกาศสงครามกับอิหร่านในสภาคอนเกรซ ทั้งๆที่โอบามาต้องการท่าทีทางการทูตที่ประนีประนอมมากกว่าในการจัดการกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน
    การปรากฎตัวของนายเนธันยาฮูในสภาคอนเกรซก็เท่ากับว่าเป็นการหักหน้า หักหลังและทิ่มแทงโอบามาให้ตายทางการเมืองนั้นเอง (murder in absentia)
    ซีซ่าร์โดนแทงตายในเซเนทในวันที่15 มีนาคม ปี44ก่อนคริสตกาล เหมือนกับโอบามาโดนแทงตายทางการเมืองในสภาคอนเกรซดีซีในวันที่3 มีนาคมปี2015หลังคริสกาล
    นักการเมืองในสภาสหรัฐฯลุกขึ้นยืนตบมือให้เนธันยาฮู26ครั้ง เพื่อสนับสนุนการทำสงครามกับอิหร่าน ยิวประกาศสงครามกับอิหร่านผ่านสภาดีซี สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้เป็นไปแล้ว เพราะว่ายิวซื้อนักการเมืองทั้งเดโมแครทและรีพับรีกันไปหมดทั้งคอก
    ระบบสาธารณะรัฐของสหรัฐฯถูกทำลายโดยทั้งสภาคอนเกรซเองและทำเนียบขาวเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ใครที่หลงไหลในประชาธิบไตยสหรัฐฯตื่นจากความฝันได้แล้ว
    คำถามคือสมาชิกของTriumvirateตะวันตกทั้งสองที่เหลืออยู่คือลอนดอน และโรมกำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่โอบามากำลังนอนจมบนกองเลือดทางการเมืองจากจากปลายมีดที่แหลมคมของพวกสมาชิกสภาคอนเกรซ
    หรือว่าโอบามาจะไม่มีโอกาสได้ทำสงครามกับอิหร่าน เหมือนกับที่ซีซ่าร์ไม่มีโอกาสได้ยกทัพไปทำศึกกับอาณาจักรพาร์เธียของอิหร่าน ประวัติศาสตร์อาจจะไม่ซ้ำรอยตรงๆ แต่จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องกันกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตตามกฎของวัฏฏะ
    thanong
    4/3/2015
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    ประเด็นการสังหาร นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ และโจมตีผู้นำรัสเซียนั้น แน่นอนครับสื่อตะวันตกกำลัง เล่นข่าวนี้กันยกใหญ่และวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลมอสโคว์ และโจมตีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้รวมถึง รมต.ต่างประเทศสหรัฐ จอห์น เคอร์รี่ ที่ออกมาเรียกร้อง ให้ทางการมอสโคว์ เร่งสอบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด http://www.nytimes.com/…/boris-nemtsov-russian-opposition-l…
    ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางผู้นำรัสเซียได้แถลงข่าวว่า เป็นการฆาตกรรมที่เหี้ยมโหด รุนแรงบ่งชี้ถึง สิ่งที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า และเข้าข่ายยั่วยุอย่างชัดเจน เขาเองขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของ นาย บอริส เนมซอฟ อย่างสุดซึ้ง ทางตำรวจรัสเซีย ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การฆาตกรรมดังกล่าว ได้ถูกวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้า และรู้เส้นทางของนักการเมืองคนนี้เป็นอย่างดี Opposition politician Boris Nemtsov killed in the center of Moscow — RT News
    อย่างที่ทราบกันดีนะครับว่า สถานการณ์ในยูเครนเวลานี้นั้น การจุดชนวนสงคราม นับวันก็ยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากฝรั่งเศส เยอรมัน จะไม่ยอมเล่นในเกมส์นี้กับสหรัฐแล้ว ยังมีความพยายามหาทาง ให้เกิดสันติภาพในยูเครนให้เร็วที่สุด และนับวันก็ยิ่งถอยห่าง สหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรู้แล้วว่าสหรัฐไม่ได้ปรารถนาดีต่อสหภาพยุโรป และไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซีย ด้วยเกรงว่าจะบานปลายเป็น สงครามนิวเคลียร์นั่นเอง Putin: France, Germany genuinely want to find compromise over E. Ukraine — RT News
    และที่สำคัญที่สุดเวลานี้ แม้แต่ชาติมหาอำนาจ อย่างจีนเริ่มที่จะส่งสัญญาณ ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เตือนสหภาพยุโรปว่าไม่ควร กดดันรัสเซียจนทำให้รัสเซียรู้สึกว่า "ไม่ยุติธรรม" และสิ่งที่น่าจับตาที่สุด ก็คือการที่จีนตัดสินใจส่งกองกำลัง รักษาสันติภาพเข้าไปยังยูเครน แสดงถึงความไม่ไว้ใจรัฐบาลสหรัฐ กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครนนั่นเอง http://www.zerohedge.com/…/china-just-sided-russia-over-ukr…
    เพราะฉะนั้น รัฐบาลวอชิงตัน น่าจะพุ่งเป้าโจมตี มาเล่นเกมส์การเมือง ภายในรัสเซียมากขึ้น อย่างน้อยก็สามารถ ดิสเครดิต ปูติน และรัฐบาลรัสเซียได้มากขึ้น ผู้นำรัสเซียเอง ก็น่าจะรู้ทันแผนการนี้เป็นอย่างดี ถึงได้ออกมาเตือนตั้งแต่ปีที่แล้วว่า น่าจะมีการสังเวยนักการเมือง ฝ่ายตรงข้ามของเขา หลังจากนั้นก็จะโยนความผิดให้เรา ซึ่งปูติน เคยพูดเรื่องนี้สมัยเรียกประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซีย เมื่อปีที่ผ่านมา http://www.dailymail.co.uk/…/Russian-opposition-politician-…
    จู่ๆการที่นักการเมือง ที่อยู่ตรงข้ามผู้นำรัสเซีย กลายเป็นเหยื่อลอบสังหาร และเวลานี้มีผู้คน และนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เริ่มเดินขบวนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ออกมาวางดอกไม้ คล้ายๆกับเหตุกราดยิงที่ ชาร์ลี เฮบโด ที่ฝรั่งเศส จึงน่าจะถูกวางแผน และเตรียมการล่วงหน้า สอดคล้องกับการสอบสวนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และโฆษกของรัสเซียว่า ที่รายงานว่า เหตุการดังกล่าวน่าจะมีเป้าหมาย เพื่อทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย Boris Nemtsov killed in Moscow LIVE UPDATES — RT News
    ดร.พอลล์ เครค โรเบิร์ต อดีต รมต.คลังสหรัฐได้ออกมา แสดงความเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ถ้าไม่ได้มาจากฝีมือของซีไอเอ เพื่อจุดชนวนความขัดแย้ง ทางการเมืองขึ้นในกรุงมอสโคว์ เพื่อโค่นล้มผู้นำรัสเซีย ก็มาจากชาวมอสโคว์ที่ นิยมชมชอบใน วลาดิเมียร์ ปูติน เพราะผู้นำรัสเซีย ในปัจจุบันคะแนนนิยมสูงถึง 85% สูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ผู้นำยุโรปในปัจจุบัน และเขารู้ดีว่า สหรัฐและชาติตะวันตก พยายามหาเรื่องโจมตีและดิสเครดิตอยู่แล้ว เรื่องจึงมีวาระแอบแฝง ทางการเมืองเพื่อดิสเครดิต และโจมตีผู้นำรัสเซียนั่นเอง
    The Boris Nemtsov Assassination: A Propaganda Attack On Vladimir Putin? | Global Research
    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในรัสเซีย เป้าหมายก็คงไม่ต่างจาก เหตุการณ์MH17 ที่ถูกยิงตกที่ยูเครน ซึ่งสื่อสหรัฐและตะวันตก ตลอดจนนักการเมือง ทั้งในสหรัฐและอังกฤษ สื่อต่างๆ CNN ,BBC, Fox News , ต่างประโคมข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง และพุ่งเป้ามายัง ปูตินทันที โดยปราศจากหลักฐานใดๆ และนำเสนอข่าวการประท้วง ของนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม อย่างต่อเนื่องยังกับเตี้ยมกันไว้ล่วงหน้า http://www.theguardian.com/…/russian-opposition-to-march-to…
    นี่คือรูปแบบ ที่สหรัฐและตะวันตก ใช้ดิสเครดิตทางการเมือง ของผู้นำประเทศที่ พวกเขาต้องการโค่นลงจากอำนาจ ซึ่งความพยายามเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในกรุงมอสโคว์ โค่นล้มผู้นำรัสเซีย ลงจากอำนาจนั้น เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบ และวางแผนมานาน เพราะถ้าสามารถทำลายรัสเซียได้ ประเทศอื่นๆในกลุ่มBRICS แม้กระทั่ง สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย EEU แทบจะไม่มีความหมายอะไร และยิ่งนานวันสหรัฐก็ยิ่งสูญเสีย พันธมิตรทางการค้า ระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพราะล่าสุดนอกจากตุรกี ที่กำลังจะออกจากอ้อมอก นาโตมุ่งหน้าไปรัสเซียแล้ว ฝรั่งเศส และเยอรมัน มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกับ สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EEU) และBRICS กรีซเองก็ยังอยู่ ในระหว่างตัดสินใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐไม่สามารถ ยอมรับได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในยุโรปเวลานี้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อ เศรษฐกิจและเงินดอลลาร์ ตลอดจนการสถาปนา หุ้นส่วนทางการค้าระหว่างยุโรปและสหรัฐที่เรียกว่า "Transatlantic Trade Investment partnership(TTIP) ที่รัฐบาลสหรัฐพยายามผลักดันนั่นเอง http://rt.com/op-ed…/236219-russia-china-germany-trade-axis/
    ต้องคอยดูครับว่า รัฐบาลรัสเซียจะมีการรับมือกับ กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างไร เพราะเป็นเกมส์ถนัดของซีไอเอ ที่เขาชอบใช้โค่นล้ม ผู้นำรัฐบาลต่างๆลงจากอำนาจ และเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ขอเพียงให้มีคนออกมาชุมนุมเท่านั้น แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็เพียงพอในการนำเสนอข่าวของสื่อสหรัฐ และตะวันตก ทำลายความน่าเชื่อถือของ ปูติน และรัฐบาลรัสเซียนั่นเอง..
    False Flag in Moscow? The Boris Nemtsov Assassination, the Anti-Putin Demonization Campaign | Global Research
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    เมื่อวานผมพูดถึง นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ผู้นำรัสเซียถูกยิงเสียชีวิต ไกล้กับจุตรัสแดง ซึ่งนักการเมืองคนนี้ เคลื่อนไหวต่อต้านปูตินมานานแล้วครับ แต่ในทางการเมืองแทบจะไม่มีบทบาทมากนัก เพราะคนที่สนับสนุนเขาน่าจะมีไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ แม้กระทั่งนักการเมือง ฝ่ายตรงข้ามของ ปูตินเองก็ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ว่าไม่เกี่ยวกับผู้นำรัสเซีย เพราะปูตินรู้ดีว่า การกระทำดังกล่าว ผลเสียมากกว่าผลดีนั่นเอง จึงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น และแม้กระทั่ง มิคาอิล กอบอชอฟ ก็ยังออกมาแสดงความเห็นว่า เป็นความพยายามจุดชนวน การเคลื่อนไหวและเดินขบวนประท้วง ในกรุงมอสโคว์ เพื่อทำลายเสถียรภาพของรัสเซียเท่านั้น Russian Opposition: Putin Did NOT Assassinate Opposition Leader Boris Nemtsov | Global Research
    นายบอริส เนฟซอฟ ไม่ต่างอะไรกับ นายหน้าของสหรัฐและตะวันตก เคยทำงานให้กับซีไอเอ หน่วยข่าวรัสเซียถึงขั้นเรียกเขาว่า สายลับสองหน้า คือทำงานให้กับซีไอเอ และรัฐบาลรัสเซีย ซึ่ง ปูติน ก็เคยออกมาเตือนก่อนหน้านั้นว่า มีความพยายาม สังหารบอริส เนมซอฟ เมื่อปี 2012 แล้วโยนความผิด ไปให้รัฐบาลรัสเซีย เพื่อทำลายเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือของ ปูติน และรัฐบาลรัสเซียนั่นเอง https://larouchepac.com/…/putin-warned-2012-sacrificial-lam…
    นอกจากนี้ ดร.พอลล์ เครค โรเบิร์ต อดีตผู้ช่วย รมต.การคลังสหรัฐ ที่ได้มีโอกาสไปแสดง ปาฐกถาที่กรุงมอสโคว์ ท่ามกลางประชาชนชาวรัสเซีย ข้าราชการ และคนทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในรัสเซีย โดยเขาพูดในหัวข้อ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐและรัสเซียที่กำลัง ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จากความพยายาม ในการกดดันและคว่ำบาตรรัสเซีย ในขณะที่สภาครองเกรส และสื่อหลักๆในสหรัฐ กลับพยายามปลุกระดม และเดินหน้าเพื่อ สร้างความชอบธรรม ในการทำสงครามกับรัสเซีย โดยไม่รับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ ในเรื่องของหัวรบนิวเคลียร์ ที่เคยทำขึ้นในสมัย ปธน.มิคาอิล กอบาชอฟ และ ปธน.เรแกน ทำให้ทั้งคู่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ การเผชิญหน้ากันทางทหาร และอาจจะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ในที่สุด http://kingworldnews.com/paul-craig-roberts-trust-now-shat…/
    ซึ่งไม่แน่ว่าจะเกี่ยวกับ สิ่งที่เกิดขึ้นในรัสเซียหรือไม่ แต่เวลานี้ผู้บัญชาการขีปนาวุธของรัสเซีย ซึ่งถือว่ามีอำนาจมากที่สุด คนหนึ่งในรัสเซีย ได้ออกมาประกาศว่า ขีปนาวุธของรัสเซีย พร้อมในการตอบโต้การถูกโจมตี จากภายนอกประเทศทุกรูปแบบ และการโจมตีทุกจุด(global strike)ของสหรัฐ และนาโตไม่สามารถทำลาย ประสิทธิภาพของขีปนาวุธของรัสเซียได้หมด เพราะขีปนาวุธดังกล่าว สามารถออกคำสั่งโจมตีได้ อย่างอัตโนมัติทันที ที่ได้รับสัญญาณ หรือตรวจพบกัมมันตภาพรังสี คลื่นสั่นสะเทือน ซึ่งระบบดังกล่าวจะสั่งการปล่อยขีปนาวุธทันที โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากคน ที่เรียกว่าระบบ "Dead hand" นั่นเอง http://rt.com/news/236573-russia-repel-nuclear-strike/
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความพยายามที่จะทำลาย เสถียรภาพในกรุงมอสโคว์ สร้างแรงกดดันทั้งภายใน และภายนอกด้วยมาตรการคว่ำบาตร และกองกำลังนาโต ในยุโรปตะวันออก เพื่อให้รัสเซียยอมรับ นโยบายอันก้าวร้าว ของรัฐบาลวอชิงตันนั่นเอง..
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    ตอนนี้สื่อท้องถิ่นรัสเซีย ได้เผยแพร่บทความของฑูตสหรัฐประจำรัสเซีย คือ จอห์น เทฟฟ์ ก่อนเกิดเหตุการณ์ สังหาร เนฟซอฟ หนึ่งสัปห์ดานะครับว่า
    "In my opinion, particularly such respected gentlemen as Navalny and Nemtsov can be really useful to us in establishing a new civil society in Russia. And in the very near future"
    http://fortruss.blogspot.fi/…/us-ambassador-to-russia-john-…
    นี่คือรูปแบบของการ เคลื่อนไหวเพื่อบ่อนทำลาย ความมั่นคงและเสถียรภาพ ซึ่งซีไอเอใช้ใน แทบจะทุกภูมิภาคของโลก ถ้านึกไม่ออกก็ขอให้นึกถึง บรรยากาศการเผชิญหน้า ทางการเมืองของไทยในอดีตนั่นแหละครับ มีการจัดตั้งองค์กรณ์เพื่อเคลื่อนไหว และต่อต้านรัฐบาล เพื่อบ่อนทำลายจากภายในประเทศ โดยอาศัยนักการเมือง และนักวิชาการ ตลอดจนคนในประเทศ ที่พร้อมรับใช้เท่านั้น เพราะเขาจะสนับสนุนเงิน ผ่านองค์กรณ์ภาคเอกชน(NGO) ที่เป็น"soft power"อย่าง USAID และ NED(national endowment for democracy) ในบ้านเราก็คือ นักวิชาการเครือข่าย นิติราษฎร์ ที่เป็นอาจารย์และนักศึกษา ที่เคลื่อนไหวในธรรมศาสตร์ และเว็บประชาไท เป็นต้น http://altthainews.blogspot.co.uk/…/thailand-anti-coup-crie…
    บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมและแกนนำ จะไม่รู้ว่าตนเองนั้น เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อผู้บงการเขาต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง เขาก็จะยิงแกนนำหรือกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อสร้างความโกรธแค้น และเกลียดชังขึ้น โดยอาศัยกองกำลัง ติดอาวุธที่รับงานมาอีกที ถ้าแกนนำหรือผู้ชุมนุม ไม่สามารถอดทนต่อ ความพยายามใช้ความรุนแรงของอีกฝ่ายได้ ก็จะทำให้สถานการณ์บานปลาย กลายเป็นการประทะกันระหว่าง ผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐ และรวมถึงผู้ชุมนุมด้วยกัน จนบานปลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด ที่เราได้เห็นปรากฏการณ์ อาหรับสปริงค์ และเหตุการณ์ในยูเครนมา เมื่อปีที่ผ่านมาและกำลังจะใช้ในรัสเซีย ผ่านการเสียชีวิตของนาย เนมซอฟ http://fortruss.blogspot.com/…/nemtsov-murder-scenario-has-…
    เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในมอสโคว์ล่าสุด ซีไอเอ น่าจะอยู่เบื้องหลังมากกว่าผู้นำรัสเซีย และสอดคล้องกับนักวิเคราะห์จาก สื่อสหรัฐบางสำนัก ที่เชื่อว่าถ้าพิจารณาคนที่ได้ประโยชน์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่า รัฐบาลรัสเซียได้ แต่ไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะะแนนนิยมของปูติน สูงถึง85% ในขณะที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม แลนายเนมซอฟ เคยได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในปี 2003 เพียง 4% เท่านั้น มิหนำซ้ำเขายังไม่สามารถดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการเมืองโซชิได้ เพราะได้รับคะแนนเสียงเพียง 9% เท่านั้น และภายหลังการเสียชีวิต ของนาย บอริส เนมซอฟ ไม่กี่ชั่วโมง สื่อสหรัฐและตะวันตก ก็เผยแพร่ประวัติของเขา ออกมาแทบจะทันที ยังกับมีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า คล้ายกับเหตุการณ์สายการบิน MH17 ที่ถูกยิงตกก่อนหน้านั้นไม่มีผิด รูปแบบนี้แน่นอนครับ เป็นงานถนัดของซีไอเอ ที่ชอบใช้ในการจุดชนวน เพื่อให้เกิดการชุมนุมประท้วง ต่อต้านรัฐบาลโค่นล้มรัฐบาล ในหลายๆประเทศมาแล้วนั่นเอง..
    Who Killed Boris Nemtsov? | Veterans Today
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    ตอนนี้ถ้าพิจารณาให้ดี แทบจะทุกภูมิภาคของโลก สถานการณ์กำลัง ถูกออกแบบไปสู่ สงครามและความขัดแย้งนะครับ ทางเอเชียเองแถบมหาสุมทรแปซิฟิก เกาหลีเหนือก็เพิ่ง ตอบโต้การซ้อมรบระหว่าง สหรัฐและเกาหลีใต้ ด้วยการยิงขีปนาวุธ 2 ลูกไปยังทะเลตะวันออก http://news.yahoo.com/n-korea-vows-merciless-strikes-us-kor…
    และที่น่าจับตาไม่แพ้กันในเวลานี้ ก็คือการเดินทางเยือนสหรัฐของ ผู้นำอิสราเอล นายกฯ เบนยามิน เนธันยาฮู ที่กำลังจะไปกล่าวปาฐกถา ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ในสภาครองเกรสสหรัฐ ซึ่งประเด็นหลักๆ ก็พูดครั้งนี้ก็หนีไม่พ้น เรื่องของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน http://news.yahoo.com/israel-pm-netanyahu-takes-off-histori…
    เบนยามิน เนธันยาฮูเวลานี้ กำลังถูกต่อต้านอย่างหนัก จากอดีตทหารผ่านศึกที่เป็นเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งได้ออกมาแถลงข่าว ที่กรุงเทล อาวิฟ ก่อนหน้าการเดินทางเยือนสหรัฐไม่กี่วัน และไม่เห็นด้วยกับ การปาถกฐาที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่นายทหารระดับสูง เทียบเท่าชั้นนายพล 200นาย ที่เคยรับราชการในอิสราเอล ได้ออกมาเตือนผู้นำอิสราเอล ว่ากำลังจะนำอันตรายมาสู่อิสราเอล เพราะปาถกฐาดังกล่าว กำลังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิสราเอล และเรียกร้องให้ผู้นำอิสราเอล ยกเลิกปาถกฐาดังกล่าว ที่สภาครองเกรส เพราะไม่มั่นใจในแนวทาง การนำประเทศของผู้นำคนนี้นั่นเอง Netanyahu: “A Danger to Israel”, say 200 Israeli Military and Security Veterans | Global Research
    นอกจากกระแสต่อต้านในอิสราเอลแล้ว นายกฯเบนยามิน เนธันยาฮู ยังถูกต่อต้านจาก นักการเมืองสหรัฐเชื้อสายยิว ฝั่งเดโมแครต ด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าไม่ได้ให้เกียรติ บารัค โอบามา ในฐานะรัฐบาล จากความพยายาม ในการแสดงปาถกฐาในสภาครองเกรส โดยปราศจากความเห็นชอบ จากทำเนียบขาว ไม่ต่างอะไรกับการ เข้าด้านหลังของ ทำเนียบขาวนั่นเอง ทำให้นักการเมืองซีกเดโมรแครต ถึงกับประกาศว่า "อาจจะ" ไม่เข้าร่วมรับฟังปาถกฐาดังกล่าวของ ผู้นำอิสราเอลในการเยือนในครั้งนี้ http://www.bostonglobe.com/…/Il1CgIXxb41b9Zir1Sw…/story.html
    การเดินทางเยือนสหรัฐของผู้นำอิสราเอล ในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือความพยายาม ของรัฐบาลอิสราเอล ภายใต้การนำของ นายกฯเบนยามิน ที่ต้องการขัดขวางการเจรจา โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และโน้มน้าวรัฐบาสหรัฐสนับสนุนอิสราเอล ในการโจมตีอิหร่านนั่นเอง และภายหลังการเดินทางเยือน สหรัฐไม่กี่ชั่วโมง ทางกองทัพอิสราเอล ก็ทำการซ้อมรบบริเวณเขต เวสต์แบ็งค์แบบกระทันหัน โดยเรียกกำลังพลสำรองถึง 13,000 นาย ซึ่งสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง Israel surprises with unexpected military drills in West Bank — RT News
    เพราะฉะนั้นนอกจากสถานการณ์ในยุโรปตะวันออก ระหว่างนาโตและรัสเซียแล้ว ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่สามารถบานปลายเป็น สงครามแห่งภูมิภาค กระทั่งสงครามโลกได้เช่นเดียวกัน
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied


    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/iJxWDs9TNKI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    จริงๆผมก็ไม่แปลกใจนะครับว่า ทำไมสถานการณ์แทบจะทุกภูมิภาคของโลก กำลังถูกออกแบบเพื่อนำไปสู่สงคราม และความขัดแย้ง ทำไมสหรัฐต้องการ จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นให้ได้
    เพราะเวลานี้ธาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางทั่วโลกเอง ก็เริ่มเจอทางตัน แทบจะไม่มีทางออกในวิกฤติการณ์ทางเศรษญกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการพิมพ์เงิน ธนาคารางยุโรปก็พิมพ์เงิน ญี่ปุ่นก็พิมพ์เงิน จีนก็พิมพ์เงินหยวนออกมาพร้อมทั้ง ซึ่งทุกประเทศทำเหมือนกันคือ มาตรการปรับลดดอกเบี้ย แล้วถามว่าในเมื่อต่างฝ่ายต่างพิมพ์เงินออกมา จำนวนมากแล้ว แล้วเศรษฐกิจโลกมันจะเป็นอย่างไรล่ะครับ ?
    ผมก็เลยไม่แปลกว่าทำไม มหาเศรษฐีชาวสวิส ถึงได้ออกมาเตือนมาว่า เกมส์ไกล้จบแล้ว เงินจะกลายเป็นเศษกระดาษตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะมันไม่มีทางออก ใช้เวลาในช่วงนี้ ให้มีค่ามากที่สุด ใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใครจะซื้อทองคำก็รีบซื้อเสียแต่เนิ่นๆ ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ต้องรีบไปขายประมาณนั้น
    "There is no way out, so let’s live the good times for as long as they go."
    http://www.shtfplan.com/…/billionaire-warns-of-total-collap…
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โสมแดงคุยมีแสนยานุภาพป้องกันภัยนิวเคลียร์สหรัฐฯ ขู่ชิงลงมือก่อน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2558 00:30 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:09 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - รี ซู ยอง รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ คุยโวเมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ว่าประเทศของเขามีอำนาจที่จะป้องกันภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจากสหรัฐฯ พร้อมขู่พร้อมชิงลงมือโจมตีก่อนหากจำเป็น

    การกล่าวสุนทรพจน์นานๆครั้งของรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือรายนี้ ณ ที่ประชุมที่ประชุมลดกำลังอาวุธของสหปะชาชาติ ได้เรียกตอบโต้จาก โรเบิร์ต วู้ด ผู้แทนทูตของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องเปียงยาง หยุดข่มขู่และยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์

    นายรีบอกว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ คือการยั่วยุ โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามันจะจุดชนวนสงคราม “สาธารณรัฐประชาชนเกาหลีเหนือ จำเป็นต้องเพิ่มแสนยานุภาพในการสกัดนิวเคลียร์ เพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ตอนนี้เกาหลีเหนือมีอำนาจที่จะป้องกันภัยจากสหรัฐฯ และพร้อมชิงลงมือโจมตีก่อนเช่นกัน หากจำเป็น” รัฐมนตรีต่างประเทศโสมแดงบอกกับที่ประชุมในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

    เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยในวันอังคาร (3 มี.ค.) ว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก นอกชายฝั่งตะวันออกของประเทศเมื่อวันจันทร์ (2 มี.ค.) ความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้การซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ ซึ่งทุกปีเปียงยางก็จะออกมาประณามการซ้อมรบดังกล่าว เนื่องจากมองว่ามันเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อทำสงคราม

    กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่าขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกตกในทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับทางภาคใต้ของญี่ปุ่นในตอนเช้าวันจันทร์ (2 มี.ค.) หลังจากถูกยิงมาไกลราวๆ 490 กิโลเมตร

    อย่างไรก็ตาม นายรีไม่ได้พาดพิงถึงการทดสอบขีปนาวุธของชาติตนเอง แต่บอกว่าความแตกแยกในคาบสมุทรเกาหลี ก้ำกึ่งจะเป็นการสู้รบทางนิวเคลียร์

    ด้าน วู้ด บอกกับที่ประชุมว่าการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ซึ่งจัดขึ้นมานานเกือบ 40 ปี โปร่งใสและมีเป้าหมายป้องกันตนเอง รวมถึงสอดคล้องโดยสมบูรณ์กับข้อตกลงสงบศึกของสงครามเกาหลีปี 1950-53

    “เราเรียกร้องเกาหลีเหนือเลิกข่มขู่ใดๆในทันที ลดความตึงเครียดและใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับเดินหน้าสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งจำเป็นต่อการคืนสู่โต๊ะเจรจาที่น่าเชื่อถือ” นายวู้ดกล่าวโดยอ้างถึงโต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายที่พังครืนลงไปในปี 2008 “ขอผมพูดอย่างชัดเจน เราไม่ยอมรับเกาหลีเหนือในฐานะรัฐติดอาวุธนิวเคลียร์ และเราจะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อปกป้องตนเองและพันธมิตร”

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “โอบามา” เมินคำพูด “เนทันยาฮู” ที่คองเกรส ชี้ไม่มีอะไรใหม่ - อิหร่านตอกซ้ำซากน่าเบื่อ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2558 04:31 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:51 น.)

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/e4fKrkpG88k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/UjEjVqoSesg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ระบุคำปราศรัยของนายเบนจามิน เนทันยาฮู ต่อสภาคองเกรสเมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ไม่มีอะไรใหม่ พร้อมยืนยันนายกรัฐมนตรีอิสราเอลรายนี้ไม่ได้นำเสนอทางเลือกที่ดีไปกว่าการเจรจาในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่เตหะรานก็ตอกกลับว่าเป็นคำกล่าวที่ทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก

    “เนทันยาฮูไม่ได้นำเสนอทางเลือกที่นำไปสู่การปฏิบัติใดๆ” โอบามากล่าวจากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว หลังจากปฏิเสธพบปะกับผู้นำของอิสราเอลระหว่างที่เขาเดินทางเยือนเมืองหลวง และบอกว่าไม่ได้ดูการกล่าวปราศรัยต่อสภาคองเกรสของเนทันยาฮู แต่เลือกที่จะอ่านสำเนาคำปราศรัยแทน

    “ผมไม่ได้ให้ความสำคัญทางการเมืองในเรื่องนี้ ผมไม่ได้โฟกัสไปยังละครเรื่องนี้ เท่าที่ผมพูดได้ก็คือมันไม่มีอะไรใหม่ ในส่วนของประเด็นหลัก เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันอิหร่านจากการบรรลุเป้าหมายอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้นำเสนอทางเลือกที่นำไปสู่การปฏิบัติใดๆ เลย”

    “เรายังไม่ได้ข้อตกลง” เขากล่าวต่อ “แต่หากเราประสบความสำเร็จ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็คือมันจะเป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับป้องกันอิหร่านจากการบรรลุเป้าหมายอาวุธนิวเคลียร์” โอบามาระบุ

    ก่อนหน้านี้ นายเนทันยาฮูปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรส ประจานการเจรจากับอิหร่าน โดยบอกว่าหากมันประสบความสำเร็จก็จะเป็นความงี่เง่าครั้งสำคัญในมรดกนโยบายต่างประเทศของโอบามา

    ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกรีพับลิกัน คู่ปรับของโอบามา นายเนทันยาฮูย้ำว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ขัดขวางอิหร่านจากเส้นทางการมีระเบิด แถมยังเป็นการเปิดทางให้เตหะรานมีระเบิดนิวเคลียร์ด้วยซ้ำ

    [​IMG]
    @นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรส สหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(3มี.ค.)

    ในขณะที่ โอบามา และ เนทันยาฮู เปิดศึกน้ำลายกันในวอชิงตัน อีกด้านหนึ่งการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านก็กำลังดำเนินไปในสวิตเซอร์แลนด์ โดยข้อตกลงนี้จะจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะรานเป็นเวลา 1 ทศวรรษหรือมากกว่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นรื้อถอนโรงงานที่อาจใช้ผลิตระเบิดปรมาณูโดยสิ้นเชิง

    ด้านอิหร่านที่ยืนยันมาตลอดว่าพวกเขาไม่ต้องการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ บอกว่าเป็นการปราศรัยของนายเนทันยาฮูต่อสภาคองเกรสทั้งน่าเบื่อ ซ้ำซาก และเป็นแค่การเรียกคะแนนก่อนถึงศึกเลือกตั้งในประเทศเท่านั้น สำนักข่าวแห่งรัฐไออาร์เอ็นเอรายงาน

    ระหว่างการปราศรัย นายเนทันยาฮูเตือนปะธานาธิบดีโอบามาว่าโต๊ะเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่ คือ การนับถอยหลังฝันร้ายทางนิวเคลียร์โดยประเทศหนึ่งซึ่งจะเป็นศัตรูของอเมริกาไปตลอดกาล

    “คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีระบอบไซออนิสต์ในวันนี้ทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในเทลอาวีฟของพวกหัวแข็ง” ไออาร์เอ็นเอรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน

    อิหร่านยืนกรานว่า โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศมีจุดประสงค์ทางพลเรือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การแสวงหาระเบิด และพวกเขาอยู่ระหว่างเจรจากับ 6 ชาติมหาอำนาจของโลก ด้วยมีเส้นตายในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025692
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : หลังยื้อมานาน! “สภาล่างสหรัฐฯ” ยอมผ่านงบเต็มกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ แบบไร้เงื่อนไข โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2558 11:10 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:57 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - หลังจากเกิดปฏิวัติของกลุ่มขวาจัดในพรรครีพับลิกันในวันศุกร์ (27 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา และความพยายามจะใช้ร่างกฎหมายควบคุมกฎหมายปฎิรูปเข้าเมืองสหรัฐฯเพื่อจะล้มล้างคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กดดันให้พรรคเดโมแครตยอมเพื่อผ่านงบเต็มของกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯไม่ได้ผล ในที่สุดหลังจากยื้อมานาน สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯภายใต้การนำของพรรครีพับลิกันยอมลงมติอนุมัติงบประมาณเต็มจำนวนของกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ แบบไร้เงื่อนไข ซึ่งงบประมาณใหม่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนกันยายน 2015 ด้วยมติ 257 ต่อ 167

    NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันอังคารวานนี้ (3 มี.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติด้วยเสียง 257 ต่อ 167 ในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ แบบไร้เงื่อนไข พ่วงขอแก้ไขคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อนโยบายปฎิรูปคนเข้าเมือง ที่สื่อในสหรัฐฯ เรียกขานว่า “คลีน บิล” โดยสภาสูงได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่มีการสอดไส้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาได้ลงนามอย่างแน่นอนแล้ว และอีกทั้งในวันจันทร์ (1) ทางวุฒิสมาชิกเดโมแครตได้บล็อกร่างกฎหมายฉบับสอดไส้ที่จะนำไปสู่ช่องทางการเปิดเจรจาระหว่างสภาสูงและสภาล่าง

    ทั้งนี้ การลงมติต่ออายุงบประมาณกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯซึ่งแต่เดิมจะสิ้นสุดลงในเที่ยงคืนวันศุกร์ (6) นี้ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนที่จะถึงนี้ ทำให้สื่อสหรัฐฯวิจารณ์ว่า การผ่านงบครั้งนี้เป็นเสมือนการลงดาบทำโทษกลุ่มขวาจัดในพรรครีพับลิกันที่ต้องการใช้ร่างงบประมาณเป็นเครื่องมือในการยกเลิกคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อนุญาตให้ผู้อพยพเข้าอเมริกาผิดกฎหมายร่วม 5 ล้านคนสามารถอาศัยอยู่ในอเมริกาโดยไม่ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศภายในไม่กี่ปีนี้ ซึ่งกลุ่มคอนเวอร์เซทีฟที่ลงมติไม่เห็นชอบในการต่ออายุงบประมาณเป็นเวลา 3 สัปดาห์จำนวน 52 คนในวันศุกร์ (27 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมาเห็นว่า การกระทำของโอบามา ที่ในฝั่งรีพับลิกันเรียกว่า “ออกกฎนิรโทษกรรม” นั้นไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และพบว่าในการลงมติครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ (3) ที่ลงมติไม่เห็นด้วยในการผ่านงบเต็มทั้ง 167 เสียงล้วนมาจากฝั่งรีพับลิกันทั้งสิ้น

    โบห์เนอร์ได้อ้างในวันอังคาร (2) ว่า มีความจำเป็นที่ต้องทำเพราะสว.เดโมแครตรวมตัวอย่างเหนียวแน่น ปฎิเสธข้อเสนอของรีพับลิกันในร่างกฎหมายงบประมาณที่พ่วงนโยบายกฎหมายเข้าเมืองใหม่ แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ “เป็นที่น่าเสียดายว่า การสู้ในครั้งนี้จะไม่มีวันชนะในอีกสภา เพราะทางฝั่งเดโมแครตรวมตัวอย่างเหนียวแน่นที่จะบล็อกร่างกฎหมายที่เสนอเข้าไปโดยพรรคของเรา และเพื่อนชาวรีพับลิกันที่อยู่ในสภาสูงไม่สามารถหาทางที่จะเอาชนะได้” โบห์เนอร์กล่าว รายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิด

    และเป็นที่รู้ดีว่า สว.เดโมแครตจะบล็อกบิลที่มีการสอดไส้เข้ามา และทางพรรครีพับลิกันตระหนักดีว่า หากกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานลงช่วยคราว พรรครีพับลิกันจะตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำและถูกชาวอเมริกันตำหนิ

    จากแหล่งข่าววงในพรรครีพับลิกันเผยต่อ NBC News พบว่า ประธานผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จอห์น โบห์เนอร์ได้ประกาศกลางที่ประชุมลับพรรคในเช้าวันอังคาร (2) ว่า ทางสภาล่างจะโหวตลงมติผ่านกฎหมายงบประมาณไปจนถึงสิ้นปีงบปราณ และหลังจากสิ้นสุดคำประกาศของโบห์เนอร์ บรรดาสมาชิกในที่ประชุมต่างนิ่งเงียบ และนอกจากนี้โบห์เนอร์ยังยกเลิกการแถลงข่าวในช่วงเช้า โดยอ้างว่าต้องเตรียมพร้อมกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ในการแถลงกลางที่ประชุมร่วม 2 สภา

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025771
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันขึ้น-ทองคำลง หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหลังยอดขายรถยนต์ห่อเหี่ยว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2558 05:24 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:52 น.)

    [​IMG]
    ---
    @ยอดขายรถยนต์ที่ลดลงท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัดในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ
    ---
    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ขยับขึ้นพอสมควร จากข่าวความไม่สงบในชาติผู้ส่งออกอย่างลิเบีย ผิดกับวอลล์สตรีทที่ปิดลบ หลังพบยอดขายรถยนต์ออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่ทองคำปรับลดในกรอบแคบๆ จับข้อมูลต่างๆนานาที่จะบ่งชี้ทิศทางของเศรษฐกิจอเมริกา

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 93 เซ็นต์ ปิดที่ 50.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    เครื่องบินรบของพวกนักรบเข้าโจมตีคลังส่งออกน้ำมันหลักในลิเบีย แต่โฆษกของกองกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชี้แจงว่าพวกมันถูกขับไล่โดยการยิงต่อต้านอากาศยาน โดยที่ไม่สามารถทำลายเป้าหมายใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวได้ก่อความกังวลต่ออุปทาน ภายในชาติส่งออกน้ำมันแห่งนี้

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตารายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (4 มี.ค.) หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าสต๊อกน้ำมันของอเมริกา เพิ่มขึ้นถึง 9.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 434.1 ล้านบาร์เรล

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ปิดลบ ขยับลงจากระดับสูงตลอดกาล หลังยอดขายรถยนต์ที่เบาบางก่อความสงสัยต่อเศรษฐกิจอเมริกา

    ดาวโจนส์ ลดลง 85.26 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,203.37 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 9.61 จุด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,107.78 จุด แนสแดค ลดลง 28.20 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,979.90 จุด

    หุ้นของฟอร์ด มอเตอร์ ปิดลบร้อยละ 2.4 หลังจากรายงานยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.79 ส่วนโตโยต้าและเฟียต ไครสเลอร์ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาหลายๆบริษัทที่รายงานยอดขายต่ำกว่าคาดหมาย บ่งชี้ว่าสภาพอากาศหนาวเหน็บกระทบต่อการซื้อรถของผู้บริโภค

    ส่วนราคาทองคำวานนี้ (3 มี.ค.) ขยับลง 2 วันติดต่อกัน นักลงทุนทบทวนรายงานทางเศรษฐกิจในสัปดาห์ที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะปิดท้ายด้วยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์ (6 มี.ค.) โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025699
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “โอบามา” เปิดศึกน้ำลาย “เนทันยาฮู” ดักคอก่อนผู้นำยิวพูดที่ “คองเกรส”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 21:30 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:24 น.)

    [​IMG]
    @ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ(ซ้าย) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล(ขวา)

    เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาให้สัมภาษณ์พิเศษในวันจันทร์ (2 มี.ค.) โดยระบุว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ตีตนก่อนไข้ เป็นการพูดดักคอก่อนผู้นำรัฐยิวขึ้นปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯในวันอังคาร (3) เพื่อเรียกร้องให้สมาชิกคองเกรสอเมริกัน ขัดขวางการเจรจาทำความตกลงกับอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งประมุขทำเนียบขาวเฝ้าผลักดัน

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Hf5NIUIBnOQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ถึงแม้ผู้นำทั้งสองต่างยืนยันความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรอันเหนียวแน่นระหว่างสหรัฐฯกับอิสราเอล อีกทั้งปฏิเสธว่า ไม่ได้ขัดแย้งกันทางการทูต ทว่าข้อความที่แต่ละฝ่ายปล่อยออกมากลับเป็นตรงกันข้าม

    ในวันจันทร์ (2) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดฉากการเยือนวอชิงตันอย่างโฉ่งฉ่างของตนในคราวนี้ ด้วยการเตือนคณะบริหารสหรัฐฯ ระหว่างปราศรัยในงานชุมนุมของคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกันอิสราเอล ( AIPAC) กลุ่มล็อบบี้โปรอิสราเอลใหญ่ที่สุดในอเมริกาว่า ข้อตกลงที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับเตหะรานนั้น คุกคามความอยู่รอดของอิสราเอล และว่า ตนมี “หน้าที่ทางจริยธรรม” ในการแจ้งเตือนอันตรายนี้

    ผู้นำยิวยังยืนยันว่าไม่ได้ไม่เคารพประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในทางตรงกันข้าม อิสราเอลซาบซึ้งในการสนับสนุนทางทหารและการทูตที่วอชิงตันมอบให้ ทั้งนี้ เนทันยาฮูเดินทางเยือนสหรัฐฯ คราวนี้ไม่ได้มีกำหนดนัดหมายที่จะพบปะกับโอบามาเลย และเขาจะขึ้นกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมของ 2 สภาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ตามคำเชิญของ จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการแจ้งทำเนียบขาว ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการผิดมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง

    หลังจากนายกฯ ยิวพูดกับกลุ่มล็อบบี้โปรอิสราเอล อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผู้นำสหรัฐฯ ก็ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อิหร่านควรยินยอมระงับโครงการนิวเคลียร์อย่างน้อย 10 ปีเพื่อให้ข้อตกลงประวัติศาสตร์บรรลุผล อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าขณะที่เส้นตายการเจรจาปลายเดือนนี้งวดเข้ามา โอกาสที่ข้อตกลงอาจล้มเหลวยังมีอยู่สูง

    โอบามายังใช้โอกาสการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปราศรัยของเนทันยาฮูต่อรัฐสภาสหรัฐฯในวันอังคาร โดยระบุว่า การโจมตีของผู้นำอิสราเอลก่อนหน้านี้เกี่ยวกับข้อตกลงระยะกลางระหว่างวอชิงตัน-เตหะรานที่ปูทางสู่การหารือที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ ล้วนเป็นการตีตนก่อนไข้

    อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่าการปราศรัยของเนทันยาฮูเป็นเพียงเรื่องรบกวนสมองที่จะไม่มีผล “ทำลายล้างถาวร” ต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิสราเอล และย้ำว่า ความขัดแย้งในขณะนี้ไม่ใช่ประเด็นส่วนตัว

    ทางด้านผู้ช่วยของเนทันยาฮูเผยว่า ในการขึ้นพูดต่อคองเกรส นายกฯ อิสราเอลเตรียมนำเสนอข้อมูลที่พิสูจน์ว่า ข้อตกลงที่วอชิงตันจะหารือกับเตหะรานในสัปดาห์นี้ เป็นอันตรายใหญ่หลวง

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ มารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเตือนทันทีว่า หากข้อมูลดังกล่าวมาจากการบรรยายสรุปที่อเมริกาเปิดเผยต่ออิสราเอล จะถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจ และวอชิงตันจะไม่ให้ข้อมูลใดๆ แก่รัฐยิวอีก

    ทั้งนี้ เนทันยาฮูเชื่อว่า การเจรจาระหว่างอิหร่านกับ 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหรัฐฯบวกกับเยอรมนีที่เรียกขานกันว่า P5+1 นั้น มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงที่จะผ่อนคลายมาตรการลงโทษของนานาชาติต่ออิหร่าน แลกกับการที่เตหะรานยอมชะลอการเดินหน้าโครงการของตนอย่างชนิดให้นานาชาติเข้าตรวจสอบได้ ทว่านายกฯยิวผู้นี้ไม่พอใจ เนื่องจากต้องการให้มหาอำนาจของโลกบีบบังคับอิหร่านยินยอมระงับโครงการนิวเคลียร์ชนิดที่รับประกันได้อย่างเด็ดขาดว่าจะไม่สามารถเดินหน้าผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้อย่างแน่นอน โดยที่ในปัจจุบันถึงแม้มิได้มีการประกาศเปิดเผยแต่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า อิสราเอลนั้นเป็นชาติเดียวในตะวันออกกลางซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง

    ทางด้านจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่า โอบามาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า สหรัฐฯจะไม่ลงนามข้อตกลงที่ไม่มีคุณภาพ

    เนทันยาฮูนั้นเตรียมชิงชัยในการเลือกตั้งวันที่ 17 เดือนนี้เพื่อครองตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สาม

    ความพยายามล็อบบี้ของผู้นำยิวเพื่อให้คองเกรสอเมริกันคัดค้านแนวทางการทูตของโอบามาต่ออิหร่านคราวนี้ มีขึ้นขณะที่จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางไปเนเธอร์แลนด์เพื่อหารือกับโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งคาดกันว่าอาจพูดคุยกันยืดเยื้อจากวันอังคารล่วงเลยจนถึงบ่ายวันพุธ (4)

    มาร์ก เฮลเลอร์ นักวิเคราะห์การเมืองของสถาบันเพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล แสดงความเห็นว่า หลังจากเนทันยาฮูพร่ำเตือนเกี่ยวกับอันตรายจากอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านมาหลายปีดีดัก ทำให้ยากที่จะนึกออกว่าผู้นำยิวจะมีไอเดียใหม่ใดๆ ไปนำเสนอต่อคองเกรสอีก

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ เตือน “อิสราเอล” ความตึงเครียดสองประเทศอาจค้างเติ่งจนสิ้นสมัยโอบามา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 18:11 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 10:47 น.)

    [​IMG]
    ---
    @ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯกำลังพูดคุยกับ โทนี บลินคิน เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2013
    ---
    เอเอฟพี - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯออกมาเตือนวันนี้ (3 มี.ค.) ว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่กันอาจคงอยู่จวบจนสิ้นสมัยบริหารงานของโอบามา ในปี 2016

    “หลายครั้งที่มีความเห็นพ้องต้องกันอย่างสำคัญ แล้วก็มีหลายครั้งที่เห็นขัดแย้งทางกลวิธี” แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ บอกกับสถานีวิทยุยุโรป 1

    “นั่นเป็นธรรมชาติของสรรพสิ่ง และผมคิดว่าจะคงอยู่ไปตลอด 2 ปีสุดท้ายของรัฐบาลโอบามา” บลินคินกล่าวเสริมขณะที่อยู่ในฝรั่งเศส

    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลมีกำหนดการที่จะไปยังอาคารรัฐสภา (Capitol Hill) ในวันนี้ (3) เพื่อประจันหน้าอีกรอบหนึ่งกับทำเนียบขาวในศึกที่กำลังร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความมักใหญ่ใฝ่สูงด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน

    เมื่อวานนี้ (2) โอบามา กล่าวโจมตีนายกรัฐมนตรีอิสราเอลอย่างหนักหน่วง โดยมุ่งประเด็นถึงถึงการที่ เนทันยาฮู โจมตีข้อตกลงชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ปูทางสู่การเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่ในสัปดาห์นี้ที่สวิตเซอร์แลนด์

    บลินเคนเน้นย้ำว่า โอบามาใช้เวลาติดต่อกับเนทันยาฮูมากกว่าผู้นำคนไหนๆ ในโลก แต่เตือนว่าการขึ้นปราศรัยของผู้นำรัฐยิวอาจมี “ผลกระทบที่กรัดกร่อน” ความสัมพันธ์ของทั้งสองอยู่บ้าง

    “มันไม่ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน” บลินคินกล่าว อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า “ความรับผิดชอบของสหรัฐฯ ต่อความมั่นของอิสราเอลจะไม่เปลี่ยนแปลง”

    นอกจอกนี้ บลินคินยังเรียกร้องให้มี “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ในซีเรีย ที่จะขับไสให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ออกจากอำนาจ

    “อัสซาดคือปัญหาตัวฉกาจ เขาสูญเสียความชอบธรรมไปแล้ว เขาไม่เหลือความสามารถที่จะนำพาประเทศของเขาแล้ว จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อถอดถอนเขาออกจากอำนาจ” บลินคินกล่าว

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    JP Morgan “จ่อปิด 300 สาขา - ไล่พนักงานออก” หลังสหรัฐฯขันน็อตวอลสตรีท “ป้องเกิดซับไพรม์รอบใหม่” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 18:26 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - สถาบันการเงินสหรัฐฯต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อรับมือกับมาตรการกำกับการเงินใหม่เข้มข้นที่จะเริ่มใช้ในปี 2017 เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯต้องเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดมาจากการเงินการธนาคารอีกครั้ง และทำให้สถาบันการเงินใหญ่ๆของสหรัฐฯ เช่น ธนาคารเชซ (CHASE) ของ JP Morgan เตรียมปิด 300 สาขา รวมถึงเลิกจ้างพนักงานบางส่วนประจำสาขาเหล่านั้นภายใน 2ปีข้างหน้า รวมไปถึงมาตรการอื่นๆที่สถาบันการเงินสหรัฐฯขนาดใหญ่ต่างนำมาใช้ เช่น การปลดพนักงาน ปรับโครงสร้างองค์กร รวมไปถึงการใช้ระบบอัตโนมัติแทนการใช้พนักงานให้บริการ เป็นต้น

    ในการปรับตัวอย่างกระทันหันของบรรดาสถาบันการเงินสหรัฐฯก่อนปี 2017 ซึ่งจะเริ่มมีการใช้มาตรการกำกับสถาบันการเงินอย่างเข้มงวด และทำให้บรรดาสถาบันการเงินเหล่านั้นหต้องหันมาใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการหั่นค่าใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว ปรับโครงสร้างองค์กรให้เล็กลง รวมไปถึงลดค่าใช้จ่ายด้านบริหารจัดการ และใช้ระบบอัตโนมัติให้บริการกับลูกค้าแทนการใช้พนักงาน เช่น ให้ลูกค้าธนาคารทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์แทนที่จะต้องเดินทางไปธนาคารด้วยตนเอง ซึ่งธนาคารเชซ ( CHASE) ของ JP Morgan เตรียมปิดสาขา 300 แห่งภายในสิ้นปี 2016 และจะปลดพนักงานบางส่วนที่ทำงานในสาขาที่ปิดตัวเหล่านั้นด้วย นอกจากที่วางแผนลดค่าใช้จ่ายให้ได้ถึง 5 พันล้านดอลลาร์ก่อนปี 2017

    เอเอฟพีรายงานวันนี้(3)ว่า ในปี 2014 โกลแมนแซคจ่ายต่ำสุดนับตั้งแต่สถาบันการเงินเพื่อการลงทุนที่มีชื่อเสียงของวอลสตรีทแห่งนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 1999 ซึ่งการที่ต้องทำตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรการกำกับดูแลการเงินและการธนาคารของสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินต้องยอมถอยออกจากหลักทรัพย์ที่ให้ค่าตอบแทนสูง รวมไปถึงการจำกัดจำนวนเงินฝากโดยการที่ทางสถาบันการเงินจะเพิ่มค่าธรรมเนียมลูกค้าธนาคารที่นำทรัพย์สินมาฝากกับทางธนาคาร ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ JP Morgan แถลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ JP Morgan กำลังลดบทบาทของสถาบันการเงินในส่วยการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และรวมไปถึงตลาดคอมโมดิตี (Commodities) และได้นำ Oil Trading Unit เข้าสู่ตลาด นอกจากนี้เอเอฟพียังรายงานเพิ่มเติมว่า JP Morgan ต้องการให้ความสนใจกับการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management ) หรือการนำเงินของลูกค้าไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ลงทุนในกองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล และธุรกิจอื่นๆที่มีความเสี่ยงต่ำ

    เพราะผู้ควบคุมกำกับการเงินการธนาคารต้องการปรับให้มาตรการกำกับมีความเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันเกิดวิกฤตการทางการเงินเหมือนเช่นเคยเกิดกับสหรัฐฯในปี 2008 และส่งผลทำให้รัฐบาลสหรัฐฯและหน่วยงานรัฐบาลกลางต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

    และเอเอฟพียังรายงานต่อว่า มาตรการกำกับสถาบันการเงินฉบับที่ 3 ของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือบาเซิล 3 (Basel III) ได้กำหนดให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มเงินสํารองกันชน (Capital Buffers) ทั้งในรูปคณภาพและปริมาณ ที่กำหนดให้มีขั้นต่ำ 7% ของทรัพย์สินทั้งหมดตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่า ในเงินทุก 100 ดอลลาร์ที่ให้กู้ ยืม 7 ดอลลาร์ต้องมาจากเงินของธนาคาร

    แต่ทว่าทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ เฟด (Federal Reserve) และคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพทางการเงินสหรัฐฯ ( FSB ) ต้องการมาตรการกำกับการเงินที่เข้มข้นมากกว่านี้ ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า FSB ต้องการให้สถาบันการเงินใหญ่ในสหรัฐฯมีเงินสํารองกันชนราว 16-20% ของทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง หรือ "Total Loss Absorbency capacity" ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้เงินของรัฐบาลอเมริกันหรือของเงินผู้เสียภาษีชาวอเมริกันถูกนำมาใช้เพื่อกอบกู้สถาบันการเงินที่ล้ม

    ทั้งนี้ในส่วนของเฟด เอเอฟพีชี้ว่า ต้องการให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ 8 แห่งของสหรัฐฯต้องมีเงินกองทุนส่วนเพิ่มตามระดับความเสี่ยงของสินทรัพย( risk based capital surcharge ) และตามข้อเสนอของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทางเฟดสามารถห้ามไม่ให้ธนาคารจ่ายเงินปันผล หรือกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นหากสถาบันการเงินแห่งนั้นไม่ปฎิบัติตาม ในขณะที่ ไบรอัน มาร์คิโอนี (Brian Marchiony)โฆษกของ JP Morgan ให้ความเห็นว่า “ทางเราต้องการจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ทางเราต้องการให้มีเงินปันผล และสามารถช้อนซื้อหุ้นกลับเพื่อสร้างความสมดุลย์”

    ซึ่งภายใต้กฎหมายปฎิรูปการเงินวอลสตรีท Dodge Frank ที่เรียกว่า “Volcker Rule” สถาบันการเงินสหรัฐฯถูกห้ามทำการซื้อขายโดยตรงที่เรียกว่า “Proprietary Trading” หรือ การซื้อขายหลักทรัพย์ในนามตนเอง โดยใช้ทรัพย์สินของสถาบันการเงินในการทำการ ซึ่งในที่นี้คือในนามของสถาบันการเงินแห่งนั้นเพื่อทำกำไรอันจะพึงมีแก่สถาบันการเงิน แทนการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อค่านายหน้าตามปกติ

    เอเอฟพีรายงานว่า คำสั่งห้ามนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเก็งกำไรที่มากจนเกินไป และทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นกับเสถียรภาพทางการเงินของธนาคารแห่งนั้น ตัวอย่างเช่น วิกฤตการซื้อขาย London Whale ในปี 2012 ทำให้ JP Morgan ต้องขาดทุนไปถึง 6 พันล้านดอลลาร์


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025534
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดเหยื่อไวรัส “MERS” ในซาอุฯ เพิ่มสูงแตะ 400 ศพ ติดเชื้อเกิน 1,000
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 22:09 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบียยืนยันพบผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย จากการติดเชื้อไวรัส “MERS” หรือเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ส่งผลให้จำนวนเหยื่อที่เสียชีวิตจากเชื้อมรณะในราชอาณาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้เพิ่มสูงแตะ 400 ศพ

    คำแถลงของกระทรวงฯระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3 ใน 4 รายล่าสุดเป็นชายวัย 91 , 89 และ 60 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเมืองซาอุฯและอาศัยอยู่ในกรุงริยาดห์ ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 4 เป็นชาวต่างชาติไม่ระบุเพศวัย 45 ปีซึ่งอาศัยที่เมืองบูไรดะห์

    นอกเหนือจากผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายใหม่ดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบียยังยืนยันการพบ “ผู้ติดเชื้อรายใหม่” อีก 4 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีพลเมืองซาอุฯรวมอยู่ด้วย 3 ราย และมีการยืนยันว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้มี 2 รายที่มีอาการหนักและอาจเสียชีวิตในไม่ช้า

    ทั้งนี้ การพบผู้เสียชีวิตและติดเชื้อล่าสุดส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส MERS ในซาอุดีอาระเบีย เพิ่มเป็น 400 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,026 รายนับตั้งแต่ที่พบการระบาดของเชื้อชนิดนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2012

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025646
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ภูเขาไฟบียาร์รีกา” ในชิลีเกิดการปะทุ ทางการสั่งอพยพชาวบ้านกว่า 3,000 คน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 20:32 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มีนาคม 2558 11:04 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัฐบาลชิลีออกมาระบุว่า ภูเขาไฟลูกหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ได้เกิดการปะทุขึ้นเมื่อช่วงรุ่งสางของวันนี้ (3 มี.ค.) ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนราว 3,000 คนในหมู่บ้านละแวกนั้นให้ออกจากพื้นที่

    ภูเขาไฟบียาร์รีกา ได้เริ่มปะทุขึ้นเมื่อตอนเวลาประมาณ 03.00 น. (13.00 น. ตามเวลาไทย) ทำให้ทางการชิลีต้องประกาศเตือนภัยและยกเลิกการเรียนการสอนของโรงเรียนในละแวกนั้น รวมถึงสั่งให้มีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่

    สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นได้แสดงให้เห็นถึงภาพลาวาที่กำลังไหลออกมาจากภูเขาไฟแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงซานติอาโก ลงไปทางใต้ประมาณ 800 กิโลเมตร ส่วนเถ้าภูเขาไฟลอยฟุ้งเหนือระดับน้ำทะเล 3 กิโลเมตร

    อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาการปะทุก็สงบลง แต่ถึงกระนั้นประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลท ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการปิดกั้นถนนที่เชื่อมต่อกับพื้นที่โดยรอบของภูเขาไฟ พร้อมทั้งขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าแตกตื่น

    บียาร์รีกาถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปอเมริกาใต้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยสามารถไต่ขึ้นไปในช่วงหน้าร้อน เพื่อดูสภาพภายในปล่องภูเขาไฟได้

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “โอบามา” ตั้งเงื่อนไขให้อิหร่าน “แช่แข็ง” กิจกรรมนิวเคลียร์อย่างน้อย 10 ปี
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 09:11 น.

    [​IMG]

    @ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์พิเศษต่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ที่ห้องสมุดทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 2 มี.ค.

    รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงจุดยืนเรื่องอิหร่านเพื่อบรรเทาความตึงเครียด ก่อนที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ (3 มี.ค.) โดยระบุว่าอิหร่านจะต้องยอม “แช่แข็ง” กิจกรรมนิวเคลียร์อย่างน้อย 10 ปีและเปิดโอกาสให้ตรวจสอบได้ จึงจะสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งในเวลานี้ยังมีความเป็นไปได้ “ไม่ถึง 50%”

    ระหว่างให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (2) โอบามา พยายามลดการเผชิญหน้ากับผู้นำยิวที่มุ่งมั่นจะมาคัดค้านข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านแบบสุดลิ่มทิ่มประตู โดยชี้ว่าเป็นเพียง “สิ่งรบกวน” ที่ไม่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอล

    อย่างไรก็ตาม โอบามา วิจารณ์จุดยืนของ เนทันยาฮู อย่างเผ็ดร้อน และยอมรับว่าตนกับผู้นำยิวมี “ความเห็นแตกต่างกันพอสมควร” เกี่ยวกับวิธีที่จะป้องกันไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

    การเจรจาระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจทั้ง 6 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อจำกัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของเตหะราน โดยแลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรให้ เดินทางมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายปลายเดือนมีนาคมที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องบรรลุกรอบความตกลง และได้ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน

    ระยะเวลาแช่แข็งโครงการนิวเคลียร์อิหร่านถือเป็น “เส้นแดง” ที่ชัดเจนที่สุดที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศ เพื่อเป็นเงื่อนไขของการบรรลุข้อตกลง

    “ถ้าอิหร่านยอมคงกิจกรรมนิวเคลียร์ของพวกเขาเอาไว้เท่าระดับปัจจุบันเป็นจำนวนปีเท่ากับเลข 2 หลัก หรือลดทอนสิ่งที่มีอยู่ลง... ถ้าพวกเขาตกลงตามนี้ และเรามีวิธีพิสูจน์ได้ ก็คงไม่มีแนวทางอื่นที่จะรับรองได้มากไปกว่านี้ว่าอิหร่านจะไม่ผลิตอาวุธนิวเคลียร์” โอบามา ระบุในการให้สัมภาษณ์ ซึ่งถูกจัดให้มีขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่ผู้นำอิสราเอลจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรส

    สหรัฐฯ ต้องการมั่นใจว่า “หากอิหร่านคิดจะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ เราจะมีเวลารู้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปีก่อนที่พวกเขาจะทำสำเร็จ”

    โอบามา พยายามปกป้องข้อตกลงที่อาจจะเกิดขึ้น หลังมีคนบางกลุ่มวิจารณ์ว่ารัฐบาลของเขากระเหี้ยนกระหือรือที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านมากเกินไป จนอาจเปิดช่องให้อิหร่านกลายเป็นรัฐนิวเคลียร์ในที่สุด

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธรายงานที่ว่า วอชิงตันกำลังหารือข้อตกลงระยะเวลา 10 ปี ซึ่งจะควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเข้มงวดในช่วงแรกๆ ก่อนจะผ่อนคลายข้อจำกัดลงทีละน้อย จนอิหร่านสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ในช่วงปีท้ายๆ

    โอบามา ยังตำหนิ ส.ว. รีพับลิกันและแม้กระทั่ง ส.ว. เดโมแครตบางคนที่ขู่จะคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน โดยเตือนว่าคำขู่เช่นนี้อาจบั่นทอนการเจรจาที่ยังอยู่ในขั้นเปราะบาง

    “ว่ากันตรงๆ ผมห่วงเรื่องการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู น้อยกว่าท่าทีของสภาคองเกรสที่อาจบั่นทอนการเจรจานิวเคลียร์ก่อนที่มันจะสำเร็จ”

    โอบามา ยอมรับด้วยว่า แม้การเจรจากับอิหร่านจะได้ผลคืบหน้าอยู่บ้าง แต่ตนมองว่าโอกาสสำเร็จยังมีไม่ถึง 50% เท่าๆ กับที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้

    “ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่อิหร่านจะไม่ตกลง... พูดกันอย่างยุติธรรมแล้ว พวกเขามีความจริงใจที่จะเจรจา แต่พวกเขาก็มีเรื่องการเมืองในประเทศที่ต้องคำนึงถึง อย่างไรก็ดี เวลานี้โอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงมีมากกว่าเมื่อ 3-5 เดือนก่อน” โอบามา กล่าว

    อิสราเอลนั้นเกรงว่านโยบายประนีประนอมทางการทูตของ โอบามา จะกลายเป็นโอกาสให้เตหะรานลักลอบผลิตระเบิดนิวเคลียร์ แม้อิหร่านจะปฏิเสธว่าไม่เคยคิดครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงก็ตาม

    เนทันยาฮู ยังติเตียนมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี ว่ากำลังลืมคำมั่นสัญญาที่จะไม่ยอมให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมชี้ว่าหากอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จจะเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อรัฐยิว

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025202
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โล่งไปอีกเปลาะ! “รัสเซีย-ยูเครน” บรรลุข้อตกลงส่งก๊าซฤดูหนาวถึงสิ้นเดือน มี.ค.
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 11:12 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มีนาคม 2558 14:21 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงส่งก๊าซให้แก่สหภาพยุโรปต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ภายหลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และผู้นำชาติตะวันตกเห็นพ้องว่ามีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนตะวันออกให้เห็นผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

    การเจรจาระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียและยูเครนที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) นำมาซึ่งข้อตกลงที่ช่วยให้อียูมั่นใจได้ว่าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียจะถูกส่งผ่านยูเครนมาอย่างไม่ขาดช่วงจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูหนาว หลังเกิดความกังวลเรื่องข้อพิพาทระหว่างมอสโกและเคียฟเรื่องการส่งก๊าซไปยังเขตอิทธิพลของกบฏในภาคตะวันออก

    ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน, นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี และประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ซึ่งผู้นำทั้งสี่ต่างก็เห็นพ้องว่าการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง “มีความคืบหน้า แต่สถานการณ์ควรจะดียิ่งกว่านี้” ถ้อยแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ

    ผู้นำทั้ง 4 ชาติยังตกลงที่จะขอให้องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการตรวจสอบว่าแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดหรือไม่

    สหภาพยุโรปพึ่งพาพลังงานก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียถึง 1 ใน 3 ซึ่งครึ่งหนึ่งถูกส่งมาตามท่อก๊าซที่ตัดผ่านยูเครน

    “ผมยินดีที่เราปกป้องโครงการจัดส่งก๊าซในช่วงฤดูหนาวไปยังยูเครนได้สำเร็จ” มารอส เซฟโกวิก รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปฝ่ายสหภาพพลังงานกล่าว พร้อมระบุว่าทั้งรัสเซียและยูเครนตกลงที่จะเปิดเจรจาเกี่ยวกับการจัดส่งก๊าซงวดต่อๆไป

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัท ก๊าซปรอม (Gazprom) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจพลังงานของรัสเซียขู่จะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่รัฐบาลเคียฟ และจะผันก๊าซไปยังยูเครนตะวันออกซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย หลังจากที่ยูเครนเลิกส่งก๊าซเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

    แม้การสู้รบในแนวหน้าจะสงบลงเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก็มีช่างภาพสื่อมวลชนคนหนึ่งเสียชีวิตจากกระสุนปืนครก และยังมีทหารยูเครนได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับฝ่ายกบฏอีก 8 นาย

    กองทัพยูเครนแถลงวานนี้ (2) ว่า แม้จะมีทหารเสียชีวิตไป 1 นายจากการต่อสู้ ทว่าข้อตกลงหยุดยิงยังคงมีผลบังคับในภาพรวม และทั้ง 2 ฝ่ายก็เริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวปะทะบ้างแล้ว ในขณะที่ผู้ตรวจสอบจาก OSCE เตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะยืนยันว่าการสงบศึกเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ตามที่ตกลงไว้


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : เป็นครั้งแรกหลังคืนเกาะฮ่องกง!! สัมพันธ์อังกฤษ-จีนไต่ระดับหลัง “เจ้าชายวิลเลียม” ทรงพบ ปธน.สี จิ้นผิง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 11:47 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มีนาคม 2558 14:24 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและจีน ในการเสด็จเยือนเอเชียล่าสุดของดยุคแห่งเคมบริดจ์ เจ้าชายวิลเลียมทรงพบกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในการเสด็จฯ เยือนจีนครั้งนี้ และทรงถือเป็นเจ้านายระดับสูงสุดจากราชวงศ์อังกฤษที่ได้เสด็จเยือนจีนในรอบเกือบ 30 ปี

    บีบีซีรายงานเมื่อวานนี้ (2) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงพระราชวงศ์วินเซอร์แห่งอังกฤษว่า ได้เสริมสร้างภาพ “ทางบวก” ให้แก่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ชาติ โดยดยุคแห่งเคมบริดจ์ได้ทรงนำพระราชสารจากสมเด็จพระราชินีอังกฤษ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในการที่เชิญสีเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในปีนี้

    ในการพบปะหารือที่หอแห่งประชาชนในกรุงปักกิ่ง เจ้าชายวิลเลียมและสีต่างสนทนาในเรื่องกีฬาฟุตบอลอย่างสนุกสนาน และในการเสด็จเยือนจีนครั้งนี้ บีบีซีชี้ว่าจะเห็นว่าเจ้าชายอังกฤษได้ทรงโปรโมต “แบรนด์อังกฤษ” รวมไปถึงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย และเจ้าชายวิลเลียมยังเสด็จเยือนสถานที่สำคัญของจีน เช่น พระราชวังต้องห้ามเป็นต้น

    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่จีนเผยว่า นอกจากกีฬาฟุตบอลแล้วทั้งสีและเจ้าชายวิลเลียมต่างสนทนาในเรื่องการปกป้องชีวิตสัตว์ป่าซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ให้ความสนพระทัยและรณรงค์อย่างจริงจังในเรื่องนี้ตลอดมา

    นอกจากนี้บีบีซียังรายงานเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่การเสด็จเยือนจีนของสมเด็จพระราชินีนาถควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 1986 เป็นต้นมา ดยุคแห่งเคมบริดจ์ถือเป็นเจ้านายระดับสูงสุดแห่งราชวงศ์อังกฤษในการเสด็จเยือนจีน ซึ่งพระราชบิดาของเจ้าชายวิลเลียม เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงไม่เคยเสด็จเยือนจีน และพระองค์ได้เคยตรัสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจีนว่า “appalling old waxworks” หรือคล้ายกับเป็นเมืองขี้ผึ้งจำลองเก่าในบันทึกความทรงจำส่วนพระองค์ที่ถูกแฉออกมา ในขณะที่พระองค์ได้จดบันทึกในปี 1997 ที่อังกฤษต้องมอบคืนเกาะฮ่องกงให้แก่จีน ยังไม่รวมไปถึงเจ้าฟ้าชายชาลส์ทรงเป็นเจ้าภาพเชิญทะไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตที่ต้องลี้ภัยในต่างแดน เยือนยังพระราชวังของพระองค์

    ทั้งนี้ สื่ออังกฤษชี้ว่า การพบปะระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและสีเป็นคล้ายสัญลักษณ์ที่ชี้ว่า ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติดีขึ้น ในขณะนี้ตั้งเป้าอยู่บนพื้นฐานเศรษฐกิจมากกว่าด้านการเมืองที่มีความแตกต่างในการมองเกาะฮ่องกงและธิเบต

    โดยสีได้กล่าวผ่านล่ามว่า “อิทธิพลของราชวงศ์อังกฤษไม่เพียงมีแต่เฉพาะในสหราชอาณาจักรอังกฤษเท่านั้น แต่ยังขจรขจายไปยังทั่วโลก และในตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์อังกฤษได้แสดงให้ตระหนักถึงการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอังกฤษ และในการเสด็จเยือนของดยุคแห่งเคมบริดจ์ครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองชาติแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น” สีกล่าว ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียมทรงมีพระดำรัสตอบว่า ทรงขอขอบใจในความมีน้ำใจเป็นอันมากที่ได้เชิญให้มาเยือนหอแห่งประชาชนแห่งนี้ และเป็นความสนพระทัยของส่วนพระองค์มาเป็นเวลานานแล้วที่จะได้มีโอกาสเยือนจีน และเจ้าชายวิลเลัยมทรงมีพระดำรัสต่ออย่างมีอารมณ์ขันว่า “ข้าพเจ้าตั้งความหวังในการเรียนรู้เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลของจีน”

    ในการเสด็จเยือนจีนเป็นเวลา 3 วันของพระองค์ วันแรกเจ้าชายวิลเลียมทรงเสด็จเยือนพระราชวังต้องห้าม และในขณะที่พระองค์ประทับอยู่ที่จวนของเอกอัคราชทูตอังกฤษประจำจีน เจ้าชายวิลเลียมทรงเพนต์ตาของตัวการ์ตูนอังกฤษทางโทรทัศน์ที่โด่งดังในจีน “Shaun the Sheep”

    นอกจากนี้ เจ้าชายวิลเลียมยังได้มีโอกาสเสด็จเยือนบ้านขุนนางจีนในสมัยก่อนที่ปัจจุบันถูกดัดแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ก่อนที่พระองค์จะบินไปยังเซียงไฮ้ ซึ่งมีการจัดงานโปรโมทธุรกิจและการลงทุนในอังกฤษเป็นเวลา 3 วันที่นั่น และรวมไปถึงพระองค์จะทรงร่วมเสด็จทอดพระเนตรภาพยนตร์ “แพดดิงตัน” รอบพรีเมียร์ ก่อนที่ทรงจะเสด็จไปยังมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นสถานที่ยังมีช้างป่าร่วม 250 ตัวอาศัยหากินอย่างอิสระที่นั่น

    สื่ออังกฤษสรุปการเสด็จเยือนจีนและญี่ปุ่นของเจ้าชายวิลเลียมว่า เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์อังกฤษให้เป็นประโยชน์ต่อการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญเช่น จีน และญี่ป่น และยังเป็นโอกาสที่เจ้าชายวิลเลียมจะทรงหารือถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นวาระส่วนพระองค์อีกด้วย ทั้งนี้การเสด็จเยือนจีนในฐานะสมาชิกราชวงศ์อังกฤษถึง 3 วันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ในฐานะที่อังกฤษและจีนมีประวัติศาสตรร่วมกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยการค้าฝิ่นรุ่งเรืองในจีนยุคราชวงศ์ชิงและหลังจากนั้นเป็นต้นมา ซึ่งพระบิดา เจ้าชายชาร์ลส์ยังไม่เคยเสด็จมาก่อน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025251
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำเวเนฯ กร้าว! สั่ง “สถานทูตสหรัฐฯ” ลดเจ้าหน้าที่ 80% ภายใน 15 วัน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 14:20 น.

    [​IMG]
    ---
    @ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา
    ---
    รอยเตอร์ – รัฐบาลเวเนซุเอลาสั่งให้สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงการากัสลดจำนวนเจ้าหน้าที่จาก 100 คนให้เหลือเพียง 17 คน ภายใน 15 วัน บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่นับวันจะยิ่งเขม็งเกลียวนับตั้งแต่ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ก้าวสู่อำนาจเมื่อปี 2013

    มาดูโร ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านวอชิงตันไม่ต่างไปจากอดีตผู้นำหัวซ้าย อูโก ชาเบซ ผู้ล่วงลับ ยังกล่าวหาว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังความพยายามก่อรัฐประหารโค่นอำนาจของเขา

    คำสั่งลดเจ้าหน้าที่ทูตถือเป็นมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ที่ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ มาดูโร ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลา แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามว่า เขากำลังใช้กลยุทธ์โบราณคร่ำครึเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากวิกฤตเศรษฐกิจเท่านั้นเอง

    “พวกเขามีเวลา 15 วันที่จะลดเจ้าหน้าที่สถานทูตให้เหลือไม่เกิน 17 คน” เดลซี โรดริเกวซ รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา กล่าวหลังการพบปะกับอุปทูต ลี แม็คเคล็นนี ของสหรัฐฯ

    มาดูโร ระบุว่า สหรัฐฯ มีเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตในกรุงการากัสถึง 100 คน ในขณะที่สถานทูตเวเนซุเอลาประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีเจ้าหน้าที่เพียง 17 คนเท่านั้น

    เขาอ้างเหตุผลว่า คณะทูตทั้ง 2 ประเทศควรจะมีกำลังคนเท่าๆ กัน

    เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาดูโร แถลงข่าวการจับกุมพลเมืองอเมริกันหลายคนในข้อหา “จารกรรม” หนึ่งในนั้นเป็นนักบินที่ทางการเวเนซุเอลายังไม่มีการเปิดเผยชื่อ ส่วนมิชชันนารีชาวอเมริกัน 4 คนที่ถูกควบคุมตัวไว้สอบสวนนานหลายวันได้รับอิสรภาพแล้ว

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขายังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับนักบินรายนี้ รวมไปถึงพลเมืองอเมริกันคนอื่นๆ ที่เพิ่งถูกจับกุม

    วอชิงตันยืนกรานปฏิเสธไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของเวเนซุเอลา

    “ระยะนี้มีข้อมูลที่สร้างความเกลียดชังอเมริกาออกมาจากฝั่งรัฐบาลเวเนซุเอลามากมายเหลือเกิน และส่วนใหญ่เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล” แมรี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง

    ระหว่างการปาฐกถาที่เผ็ดร้อนเมื่อวันเสาร์(27 ก.พ.) มาดูโร ยังได้อ่านรายชื่อนักการเมืองอเมริกันหลายคนที่ถูกเวเนซุเอลาขึ้นบัญชี “ก่อการร้าย” และห้ามเข้าประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลวิจัยเผย! 2 สายพันธุ์ของ “เชื้อเอชไอวี” มีต้นตอมาจาก “กอริลลา”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2558 13:03 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มีนาคม 2558 16:34 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ เผยในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (2) ว่า 2 ใน 4 สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่สามารถทำให้เกิดโรคเอดส์มาจากกอริลลาในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของแคเมอรูน

    ข้อมูลใหม่นี้มีความหมายเท่ากับว่า ปัจจุบันนักวิจัยกลุ่มนี้ทราบถึงต้นกำเนิดของสายพันธุ์เชื้อไวรัสเอชไอวีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคนแล้ว

    เชื้อไวรัสเอชไอวี (เอชไอวี-1) มีอย่างน้อย 4 สายพันธุ์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อกรุ๊ปเอ็ม, เอ็น, โอ และพี โดยแต่ละสายพันธุ์มีต้นกำเนิดของมันเอง คือจากลิงสู่มนุษย์ ด้วยสาเหตุที่ต่างกันอย่างน้อย 4 สาเหตุ

    กรุ๊ปเอ็ม และเอ็น ทราบว่ามีต้นกำเนิดมาจากลิงชิมแพนซีในแคเมอรูน แต่จนถึงตอนนี้ต้นกำเนิดของสายพันธุ์โอและพียังไม่เคยมีใครทราบมาก่อน

    ผลการศึกษาครั้งนี้ที่นำทีมโดย มาร์ติน ปีเตอร์ส นักวิทยาไวรัสจากสถาบันวิจัยและพัฒนาของฝรั่งเศส (IRD) และมหาวิทยาลัยมงเปอลีเย ได้ปรากฏอยู่ในวาสารวิทยาศาสตร์ Proceedings of the National Academy of Science หรือ PNAS

    กรุ๊ปเอ็มของเชื้อไวรัสเอชไอวี-1 คือสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดกว้างขวางที่สุด และเป็นต้นตอสำคัญที่สุดของการระบาดในปัจจุบันที่มีผู้ติดเชื้ออยู่มากกว่า 40 ล้านคนทั่วโลก

    จนถึงตอนนี้ กรุ๊ปพีเพิ่งมีการถูกตรวจพบเจอในคนแค่ 2 คนเท่านั้น และกรุ๊ปโอ ซึ่งถูกตรวจพบในแอฟริกากลางและตะวันตก มีผู้ติดเชื้ออยู่ราว 100,000 คน

    การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเพราะตัวอย่างอย่างพันธุกรรมจากลิงชิมแพนซีและกอริลลาจากแคเมอรูน, กาบอง, ยูกันดา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

    “จากการศึกษานี้และการศึกษาอื่นๆ ที่ทีมของเราเคยจัดทำขึ้นในอดีต มันได้กลายเป็นที่แน่ชัดว่า เชื้อไวรัสซ่อนเร้นของทั้งลิงแชมแพนซีและกอริลลาสามารถที่จะข้ามพรมแดนของสปีชีส์มายังมนุษย์ได้ และมีศักยภาพพอที่จะทำให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่” ปีเตอร์สกล่าว

    “การเข้าใจถึงต้นกำเนิดของโรคเกิดใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อของมนุษย์ในอนาคต” เธอกล่าวเสริม

    นับตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีแล้วราว 78 ล้านคน โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายมีเสี่ยงต่อวัณโรค, โรคปอดบวม และโรคติดเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic infection) อื่นๆ

    ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติประเมินว่า จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตแล้วราว 39 ล้านคน

    ทั้งนี้ ทีมวิจัยนี้ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จากคณะแพทย์ศาสตร์เพเรลมานแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย, มหาวิทยาลัยมงเปอลีเย, มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ และสถาบันอื่นๆ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025299
     

แชร์หน้านี้

Loading...