ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เยอรมันนีเริ่มผิดหวังในตัวปธน.โปโรเชนโก ฮังการีรับโอนสัญชาติชาวยูเครนที่หนีเกณฑ์ทหาร

    [​IMG]

    --------------
    ไปเที่ยวจีนกับสเปนมาหละ คราวนี้ก็กลับมาดูสถานการณ์ในยูเครนต่ออีกสักนิดนะครับ มีเรื่องหนุกๆ มาเล่าให้ฟังต่ออีกอ่ะ
    + เยอรมันนีเริ่มผิดหวังในตัวปธน.โปโรเชนโก
    --------------
    ประเดิมข่าวแรกเลยละกัน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 58 ที่ผ่านมารายการทีวี TV-channel ARD ของเยอรมันนีรายงานว่า ในตอนแรกที่นายเปโตร โปโรเชนโก ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของยูเครนนั้น พวกนักการเมืองชาวเยอรมันต่างก็พากันตั้งความหวังไว้ที่เขา แต่ผ่านไปหนึ่งปีในรัฐบาลของเขา ทางกรุงเบอร์ลินก็ไม่เก็บซ่อนความผิดหวังที่มีต่อการดำเนินงานของโปโรเชนโกไว้อีกต่อไป
    โดยในตอนแรกนั้นเยอรมันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโปโรเชนโกจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในยูเครนตะวันออกด้วยมาตรการทางสันติวิธีตามที่ได้ให้สัญญาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่ภูมิภาคดอนบาสส์เต็มไปด้วยสงคราม นี่ก็ปาเข้าไป 10 เดือนแล้ว กรุงเบอร์ลินรู้สึกผิดหวังมาก
    ในการเจรจาสันติภาพที่กรุงมินส์ก โปโรเชนโกไม่ได้แจ้งให้พันธมิตรทางตะวันตก (อียู) ของเขาทราบเกี่ยวกับความอ่อนแอทางกองทัพของเขา บางทีตัวเขาเองอาจจะไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงก็ได้ แต่ก็ยังทิ้งความประทับใจที่แย่ๆ (bad impression - สำนวนเหลือร้าย) ไว้ที่ตัวประธานาธิบดีของยูเครน นาย Wolfgang Ischinger ประธานที่ประชุมด้านความมั่นคงเมืองมิวนิคกล่าวว่า "พวกเรากำลังอยู่กับกองทัพเสื่อมสภาพและไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว" (พูดอย่างนี้แสดงว่าลึกๆแล้วเยอรมันนีก็คงจะต้องการให้มีการสู้รบกันแน่ๆ เพราะถ้ายูเครนยิ่งมีกองทัพที่มีศักยภาพมากเท่าไร สงครามก็จะยิ่งเลวร้ายลงยิ่งกว่านั้นเป็นแน่แท้ รู้นะคิดไรอยู่)
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ทางเยอรมันนีผิดหวังก็คือพวกทหารรับจ้าง (ทหารอาสาต่างชาติ) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้มีอำนาจในประเทศ (หมายถึงนายใหญ่ของพวก Right Sector กับพวก Azov นิยมนาซี) ทหารรับจ้างเหล่านี้ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดร้ายป่าเถื่อน พวกนี้จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของยูเครน หรือข้อตกลงระหว่างประเทศใดๆ พวกนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล
    ก่อนหน้านี้ก็มีนักการเมืองชาวเยอรมันออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของโปโรเชนโกในแง่ที่ไม่ค่อยจะเป็นบวกกับตัวเขานักอยู่หลายคน นี่แสดงให้เห็นอีกแล้วว่า งานนี้อเมริกาคงจะผิดหวังซะแล้วหละ อียูรู้ทันแผนหมดแล้วรวมทั้งเด็กสร้างของรัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้เรื่องเองอ่ะ
    + ฮังการีรับโอนสัญชาติชาวยูเครนที่หนีเกณฑ์ทหารเข้าเป็นพลเมือง
    --------------
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งก็คือเรื่องที่ว่ามีชาวยูเครนจำนวนมากหลบหนีการเกณฑ์ทหารเพื่อไปสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในยูเครนตะวันออกไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางสื่อฯของรัสเซียก็ออกมาเปิดเผยตัวเลขให้ทราบอยู่เรื่อยๆ แต่รัฐบาลและสื่อฯฝั่งยูเครนก็ออกมาปฏิเสธข่าวตลอดและก็สร้างภาพหลอกพวกเดียวกันเองกับหลอกอียูอีกว่าที่สื่อฯฝั่งรัสเซียนำเสนอนั้นไม่จริ๊งไม่จริง จากนั้นก็สั่งแบนสื่อฯรัสเซียห้ามเข้ายูเครนเป็นจำนวนมาก
    แต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.58 ที่ผ่านมานี้ นาย Janos Arpad Potapi รองประธานาธิบดีของฮังการีก็ออกมาเปิดเผยตัวเลขชัดๆ เลยว่าตอนนี้มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาค Zakarpattia ทางตะวันตกของยูเครนได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองของฮังการีแล้วจำนวนเกือบ 94,000 คน
    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้ชายชาวยูเครนจะหนีข้ามชายแดนเข้าไปในรัสเซีย โปแลนด์ โดเนทส์ก และลูฮานส์ก เพื่อหลบหนีจากการถูกเกณฑ์ทหารของกรุงเคียฟ โดยในช่วงต้นปีทางการของยูเครนเปิดเผยว่ามีโครงการจะเกณฑ์ทหารเพิ่มอีกจำนวน 104,000 คนซึ่งเป็นผู้ชายอายุ 20-60 ปีเพื่อเข้าร่วมแคมเปญจ์ "ต่อต้านผู้ก่อการร้าย" ในยูเครนตะวันออก แค่นี้แหละ พวกก็โกยแน็บกันหมดเลย แล้วรัฐบาลจะไปเอาทหารที่ไหนมาสู้กับพวก NAF หละ ก็พวกทหารรับจ้างต่างชาติ กองกำลังอิสระ อย่างพวกอาซอฟนิยมนาซีนั่นไง พวกนี้มันทั้งบ้าทั้งคลั่งเลยนะ ไม่สนใจว่ารัฐบาลหรือใครจะสั่งให้หยุดยิงหรือไม่ มันจะหยุดยิงก็ต่อเมื่อไม่มีกระสุนให้ยิงหรือถูกยิงจนเสียชีวิตแล้วเท่านั้น
    The Eyes
    01/03/2558
    ------------
    Berlin is Disappointed With Poroshenko’s Presidency - German TV Channel / Sputnik International
    Ukrainians Escape From Mobilization by Obtaining Hungarian Citizenship / Sputnik International
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    17. จักรวรรดิโรมันคืนชีพ
    โรมโบราณจะไม่ยอมให้ใครท้าทายการอำนาจการหล่อเหรียญ (issue of money) เหมือนกับสหรัฐฯในปัจจุบันที่จะไม่ยอมให้ใครท้าทายเปโตรดอลล่าร์
    จักรพรรดิVespasianของอาณาจักรโรมัน (คศ. 69-79)จำต้องจัดการกับพวกยิวไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หลังการตายของจักรพรรดิเนโร ( คศ. 54-68) เพราะอาณาจักรจูดาห์ของยิงกระด้วงกระเดื่อง ต้องการอิสระภาพและต้องการหล่อเหรียญเงินของตัวเองออกมาใช้ แทนที่จะพึ่งพาเหรียญเงินของโรม ช่วงนั้นโรมเจอวิกฤติการเมือง มีการแย่งชิงอำนาจกัน อาณาจักรโรมันระส่ำระสาย เนโรเป็นผู้นำโรมคนแรกที่ใช้นโยบายQE คือเพิ่มปริมาณเหรียญเงินเข้าไปในระบบเพื่อให้รัฐมีเงินมากเพียงพอที่จะใช้จ่ายในการขยายจักรวรรดิและดูแลกองทัพ ผลก็คือโรมประสบปัญหาของเงินเฟ้อ
    Vespasianเคยยกทัพไปปราบกบฎที่จูเดีย และลูกชายของVespasiaคือTitusรับผิดชอบในการถล่มเยรูซาเลมในปีคศ.70 และสามารถปราบพวกยิวได้ ถ้าโรมปล่อยให้ยิวหล่อเงินออกมาใช้เองได้ ดินแดนอื่นๆจะลุกฮือ เอาเป็นเยี่ยงอย่าง จะทำให้ความน่าเชื่อถือของเงินโรมันเสื่อมลง รูปภาพประกอบแสดงให้เห็นทหารโรมันทำการปล้นสะดมเอาแก้วแหวนเงินทองและทัพสมบัติของของพวกยิวกลับมากรุงโรม สัญญลักษณ์ของชัยชนะของโรมต่อพวกยิว แสดงถึงความสามารถของโรมที่รักษาเอกภาพของจักรวรรดิได้
    หลังจากปราบจูเดียได้ นายพลVespasianสามารถตั้งตนเป็นจักรพรรดิของโรม และลูกชายคนโตTitusได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อมา Ttiusเป็นผู้ทำลายมหาวิหารโซโลมอนแห่งที่2 ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นทุกวันนี้ เพราะว่าโรมปัจจุบันต้องการสร้างวิหารโวโลมอนแห่งที่3ขึ้นมาแทนDome on the Rock ซึ่งเป็นสุเหร่าอิสลามที่ถูกสร้างขึ้นมาในปีคศ. 691แทนวิหารโซโลมอนที่ถูกทำลายหลังจากอิสลามสามารถยีดเยรูซาเลมได้
    หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สหรัฐฯถล่มซัดดัม ฮุสเซนของอิรักและโมหมัด กัดดาฟี่ของลิเบีย เพราะว่าซัดดัมขู่สหรัฐฯว่าจะเลิกขายน้ำมันเป็นเงินดอลล่าร์ จะเอาเงินยูโรแทน เพราะว่าอิรักโดนสหรัฐฯกดดันทางทหารมาตลอด ส่วนกัดดาฟี่ต้องการปลดแอกลิเบียจากอิทธิพลของสหรัฐฯและเงินดอลล่าร์ ด้วยการขายน้ำมันแลกทอง หรือให้มีการสร้างเงินสกุลใหม่อิงทอง หรือGold Dinarขึ้นมาเพื่อใช้กันในระหว่างมิตรประเทศของลิเบียในแอฟริกาเหนือ
    ชะตากรรมของซัดดัมและกัดดาฟี่เหมือนกัน ซัดดัมโดนบุชถล่มและถูกจับแขวนคอตาย เพื่อประจานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนกัดดาฟี่โดนจับในทะเลทรายโดยทหารกองโจรที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนและถูกยิงตายในระหว่างถูกจักุมกลางทะเลยทรายในลิเบีย ผลของการฆ่าผู้นำอิรักและลิเบียทำให้ทั้ง2ประเทศในขณะนี้กลายเป็นดินแดนมิกสัญญี มีการรบพุ่งกันภายในตลอดเวลา เพราะว่าศูนย์กลางของอำนาจถูกทำลายลง ประชาชนตายไปแล้วนับล้านคน
    ทั้งโรมและดีซีสมัยใหม่มีวิธีการจัดการกับอาณานิคมแข็งข้อเหมือนกัน คือทำลายให้ให้สิ้นซากเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พร้อมกับปล้นสะดมทรัพสมบัติและทรัพยากรของผู้พ่ายแพ้ แจกจ่ายตบรางวัลให้เหล่านักรบ แต่พวกอิลลิทจะได้ส่วนแบ่งมากที่สุด
    ปัญหาคือทั้งจีนและรัสเซียกำลังแข็งข้อไม่เอาดอลล่าร์ แล้วโรมและดีซีจะแก้เกมอย่างไร?
    thanong
    1/3/2015
    http://armstrongeconomics.com/…/has-brussels-reached-a-ves…/
    Iraq: Baghdad Moves To Euro
    Saving the world economy from Gaddafi — RT News
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    18. จักรวรรดิโรมันคืนชีพ
    ตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐมาตั้งแต่ปีคศ 1776 ดีซีรับบทจากโรมและลอนดอนให้ก่อสงครามมาตลอด สงครามเป็นหัวใจสำคัญของการขยายจักรวรรดิและเสริมสร้างอำนาจทางการเมืองและการเงิน ถ้าไม่ก่อสงคราม กองทัพรวมทั้งอาวุธใหม่รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการรบจะไม่ได้รับการพัฒนา เพราะฉะนั้นสงครามคือหัวใจของจักรวรรดิ ทั้งโรมยุคต้นและดีซีเป็นจักรวรรดิที่ต้องก่อสงครามตลอดเวลาไม่มีวันสิ้่นสุด แต่ซ่อนตัวเองภายใต้ระบบสาธารณะรัฐ
    ตลอดประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ดีซีแทบจะไม่เคยว่างเว้นจากการทำสงครามเลยทั้งในที่ลับและท ี่แจ้ง เปิดฉากของศตวรรษที่21 บุชก่อสงครามต้านการก่อการร้ายอัล เคด้าในตะวันนออกกลางที่ถูกกล่าวหาว่าถล่มตึกWorld Trade โอบามาก่อสงครามISIS และมีแนวโน้มต้องการที่จะรบกับรัสเซียในWorld War 3
    ต่อไปนี้คือไทม์ไลน์ของการก่อสงครามของดีซี
    Year-by-year Timeline of America’s Major Wars since 1776
    1776 – American Revolutionary War, Chickamagua Wars, Second Cherokee War, Pennamite-Yankee War
    1777 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Second Cherokee War, Pennamite-Yankee War
    1778 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1779 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1780 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1781 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1782 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1783 – American Revolutionary War, Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War
    1784 – Chickamauga Wars, Pennamite-Yankee War, Oconee War
    1785 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1786 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1787 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1788 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1789 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1790 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1791 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1792 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1793 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1794 – Chickamauga Wars, Northwest Indian War
    1795 – Northwest Indian War
    1796 – No major war
    1797 – No major war
    1798 – Quasi-War
    1799 – Quasi-War
    1800 – Quasi-War
    1801 – First Barbary War
    1802 – First Barbary War
    1803 – First Barbary War
    1804 – First Barbary War
    1805 – First Barbary War
    1806 – Sabine Expedition
    1807 – No major war
    1808 – No major war
    1809 – No major war
    1810 – U.S. occupies Spanish-held West Florida
    1811 – Tecumseh’s War
    1812 – War of 1812, Tecumseh’s War, Seminole Wars, U.S. occupies Spanish-held Amelia Island and other parts of East Florida
    1813 – War of 1812, Tecumseh’s War, Peoria War, Creek War, U.S. expands its territory in West Florida
    1814 – War of 1812, Creek War, U.S. expands its territory in Florida, Anti-piracy war
    1815 – War of 1812, Second Barbary War, Anti-piracy war
    1816 – First Seminole War, Anti-piracy war
    1817 – First Seminole War, Anti-piracy war
    1818 – First Seminole War, Anti-piracy war
    1819 – Yellowstone Expedition, Anti-piracy war
    1820 – Yellowstone Expedition, Anti-piracy war
    1821 – Anti-piracy war (see note above)
    1822 – Anti-piracy war (see note above)
    1823 – Anti-piracy war, Arikara War
    1824 – Anti-piracy war
    1825 – Yellowstone Expedition, Anti-piracy war
    1826 – No major war
    1827 – Winnebago War
    1828 – No major war
    1829 – No major war
    1830 – No major war
    1831 – Sac and Fox Indian War
    1832 – Black Hawk War
    1833 – Cherokee Indian War
    1834 – Cherokee Indian War, Pawnee Indian Territory Campaign
    1835 – Cherokee Indian War, Seminole Wars, Second Creek War
    1836 – Cherokee Indian War, Seminole Wars, Second Creek War, Missouri-Iowa Border War
    1837 – Cherokee Indian War, Seminole Wars, Second Creek War, Osage Indian War, Buckshot War
    1838 – Cherokee Indian War, Seminole Wars, Buckshot War, Heatherly Indian War
    1839 – Cherokee Indian War, Seminole Wars
    1840 – Seminole Wars, U.S. naval forces invade Fiji Islands
    1841 – Seminole Wars, U.S. naval forces invade McKean Island, Gilbert Islands, and Samoa
    1842 – Seminole Wars
    1843 – U.S. forces clash with Chinese, U.S. troops invade African coast
    1844 – Texas-Indian Wars
    1845 – Texas-Indian Wars
    1846 – Mexican-American War, Texas-Indian Wars
    1847 – Mexican-American War, Texas-Indian Wars
    1848 – Mexican-American War, Texas-Indian Wars, Cayuse War
    1849 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians
    1850 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Yuma War, California Indian Wars, Pitt River Expedition
    1851 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, Yuma War, Utah Indian Wars, California Indian Wars
    1852 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Yuma War, Utah Indian Wars, California Indian Wars
    1853 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Yuma War, Utah Indian Wars, Walker War, California Indian Wars
    1854 – Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians
    1855 – Seminole Wars, Texas-Indian Wars, Cayuse War, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Yakima War, Winnas Expedition, Klickitat War, Puget Sound War, Rogue River Wars, U.S. forces invade Fiji Islands and Uruguay
    1856 – Seminole Wars, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, California Indian Wars, Puget Sound War, Rogue River Wars, Tintic War
    1857 – Seminole Wars, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, California Indian Wars, Utah War, Conflict in Nicaragua
    1858 – Seminole Wars, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Mohave War, California Indian Wars, Spokane-Coeur d’Alene-Paloos War, Utah War, U.S. forces invade Fiji Islands and Uruguay
    1859 Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, California Indian Wars, Pecos Expedition, Antelope Hills Expedition, Bear River Expedition, John Brown’s raid, U.S. forces launch attack against Paraguay, U.S. forces invade Mexico
    1860 – Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Paiute War, Kiowa-Comanche War
    1861 – American Civil War, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Cheyenne Campaign
    1862 – American Civil War, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Cheyenne Campaign, Dakota War of 1862,
    1863 – American Civil War, Texas-Indian Wars, Southwest Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Cheyenne Campaign, Colorado War, Goshute War
    1864 – American Civil War, Texas-Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Cheyenne Campaign, Colorado War, Snake War
    1865 – American Civil War, Texas-Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Colorado War, Snake War, Utah’s Black Hawk War
    1866 – Texas-Indian Wars, Navajo Wars, Apache Wars, California Indian Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Snake War, Utah’s Black Hawk War, Red Cloud’s War, Franklin County War, U.S. invades Mexico, Conflict with China
    1867 – Texas-Indian Wars, Long Walk of the Navajo, Apache Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Snake War, Utah’s Black Hawk War, Red Cloud’s War, Comanche Wars, Franklin County War, U.S. troops occupy Nicaragua and attack Taiwan
    1868 – Texas-Indian Wars, Long Walk of the Navajo, Apache Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Snake War, Utah’s Black Hawk War, Red Cloud’s War, Comanche Wars, Battle of Washita River, Franklin County War
    1869 – Texas-Indian Wars, Apache Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Utah’s Black Hawk War, Comanche Wars, Franklin County War
    1870 – Texas-Indian Wars, Apache Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Utah’s Black Hawk War, Comanche Wars, Franklin County War
    1871 – Texas-Indian Wars, Apache Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Utah’s Black Hawk War, Comanche Wars, Franklin County War, Kingsley Cave Massacre, U.S. forces invade Korea
    1872 – Texas-Indian Wars, Apache Wars, Utah’s Black Hawk War, Comanche Wars, Modoc War, Franklin County War
    1873 – Texas-Indian Wars, Comanche Wars, Modoc War, Apache Wars, Cypress Hills Massacre, U.S. forces invade Mexico
    1874 – Texas-Indian Wars, Comanche Wars, Red River War, Mason County War, U.S. forces invade Mexico
    1875 – Conflict in Mexico, Texas-Indian Wars, Comanche Wars, Eastern Nevada, Mason County War, Colfax County War, U.S. forces invade Mexico
    1876 – Texas-Indian Wars, Black Hills War, Mason County War, U.S. forces invade Mexico
    1877 – Texas-Indian Wars, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Black Hills War, Nez Perce War, Mason County War, Lincoln County War, San Elizario Salt War, U.S. forces invade Mexico
    1878 – Paiute Indian conflict, Bannock War, Cheyenne War, Lincoln County War, U.S. forces invade Mexico
    1879 – Cheyenne War, Sheepeater Indian War, White River War, U.S. forces invade Mexico
    1880 – U.S. forces invade Mexico
    1881 – U.S. forces invade Mexico
    1882 – U.S. forces invade Mexico
    1883 – U.S. forces invade Mexico
    1884 – U.S. forces invade Mexico
    1885 – Apache Wars, Eastern Nevada Expedition, U.S. forces invade Mexico
    1886 – Apache Wars, Pleasant Valley War, U.S. forces invade Mexico
    1887 – U.S. forces invade Mexico
    1888 – U.S. show of force against Haiti, U.S. forces invade Mexico
    1889 – U.S. forces invade Mexico
    1890 – Sioux Indian War, Skirmish between 1st Cavalry and Indians, Ghost Dance War, Wounded Knee, U.S. forces invade Mexico
    1891 – Sioux Indian War, Ghost Dance War, U.S. forces invade Mexico
    1892 – Johnson County War, U.S. forces invade Mexico
    1893 – U.S. forces invade Mexico and Hawaii
    1894 – U.S. forces invade Mexico
    1895 – U.S. forces invade Mexico, Bannock Indian Disturbances
    1896 – U.S. forces invade Mexico
    1897 – No major war
    1898 – Spanish-American War, Battle of Leech Lake, Chippewa Indian Disturbances
    1899 – Philippine-American War, Banana Wars
    1900 – Philippine-American War, Banana Wars
    1901 – Philippine-American War, Banana Wars
    1902 – Philippine-American War, Banana Wars
    1903 – Philippine-American War, Banana Wars
    1904 – Philippine-American War, Banana Wars
    1905 – Philippine-American War, Banana Wars
    1906 – Philippine-American War, Banana Wars
    1907 – Philippine-American War, Banana Wars
    1908 – Philippine-American War, Banana Wars
    1909 – Philippine-American War, Banana Wars
    1910 – Philippine-American War, Banana Wars
    1911 – Philippine-American War, Banana Wars
    1912 – Philippine-American War, Banana Wars
    1913 – Philippine-American War, Banana Wars, New Mexico Navajo War
    1914 – Banana Wars, U.S. invades Mexico
    1915 – Banana Wars, U.S. invades Mexico, Colorado Paiute War
    1916 – Banana Wars, U.S. invades Mexico
    1917 – Banana Wars, World War I, U.S. invades Mexico
    1918 – Banana Wars, World War I, U.S invades Mexico
    1919 – Banana Wars, U.S. invades Mexico
    1920 – Banana Wars
    1921 – Banana Wars
    1922 – Banana Wars
    1923 – Banana Wars, Posey War
    1924 – Banana Wars
    1925 – Banana Wars
    1926 – Banana Wars
    1927 – Banana Wars
    1928 – Banana Wars
    1930 – Banana Wars
    1931 – Banana Wars
    1932 – Banana Wars
    1933 – Banana Wars
    1934 – Banana Wars
    1935 – No major war
    1936 – No major war
    1937 – No major war
    1938 – No major war
    1939 – No major war
    1940 – No major war
    1941 – World War II
    1942 – World War II
    1943 – Wold War II
    1944 – World War II
    1945 – World War II
    1946 – Cold War (U.S. occupies the Philippines and South Korea)
    1947 – Cold War (U.S. occupies South Korea, U.S. forces land in Greece to fight Communists)
    1948 – Cold War (U.S. forces aid Chinese Nationalist Party against Communists)
    1949 – Cold War (U.S. forces aid Chinese Nationalist Party against Communists)
    1950 – Korean War, Jayuga Uprising
    1951 – Korean War
    1952 – Korean War
    1953 – Korean War
    1954 – Covert War in Guatemala
    1955 – Vietnam War
    1956 – Vietnam War
    1957 – Vietnam War
    1958 – Vietnam War
    1959 – Vietnam War, Conflict in Haiti
    1960 – Vietam War
    1961 – Vietnam War
    1962 – Vietnam War, Cold War (Cuban Missile Crisis; U.S. marines fight Communists in Thailand)
    1963 – Vietnam War
    1964 – Vietnam War
    1965 – Vietnam War, U.S. occupation of Dominican Republic
    1966 – Vietnam War, U.S. occupation of Dominican Republic
    1967 – Vietnam War
    1968 – Vietnam War
    1969 – Vietnam War
    1970 – Vietnam War
    1971 – Vietnam War
    1972 – Vietnam War
    1973 – Vietnam War, U.S. aids Israel in Yom Kippur War
    1974 – Vietnam War
    1975 – Vietnam War
    1976 – No major war
    1977 – No major war
    1978 – No major war
    1979 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan)
    1980 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan)
    1981 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua), First Gulf of Sidra Incident
    1982 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua), Conflict in Lebanon
    1983 – Cold War (Invasion of Grenada, CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua), Conflict in Lebanon
    1984 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua), Conflict in Persian Gulf
    1985 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua)
    1986 – Cold War (CIA proxy war in Afghanistan and Nicaragua)
    1987 – Conflict in Persian Gulf
    1988 – Conflict in Persian Gulf, U.S. occupation of Panama
    1989 – Second Gulf of Sidra Incident, U.S. occupation of Panama, Conflict in Philippines
    1990 – First Gulf War, U.S. occupation of Panama
    1991 – First Gulf War
    1992 – Conflict in Iraq
    1993 – Conflict in Iraq
    1994 – Conflict in Iraq, U.S. invades Haiti
    1995 – Conflict in Iraq, U.S. invades Haiti, NATO bombing of Bosnia and Herzegovina
    1996 – Conflict in Iraq
    1997 – No major war
    1998 – Bombing of Iraq, Missile strikes against Afghanistan and Sudan
    1999 – Kosovo War
    2000 – No major war
    2001 – War on Terror in Afghanistan
    2002 – War on Terror in Afghanistan and Yemen
    2003 – War on Terror in Afghanistan, and Iraq
    2004 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2005 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2006 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2007 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, Somalia, and Yemen
    2008 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2009 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2010 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, and Yemen
    2011 – War on Terror in Afghanistan, Iraq, Pakistan, Somalia, and Yemen; Conflict in Libya (Libyan Civil War)
    เติมเอง 2012-now Conflict in Ukraine, Syria, ISIS, Iraq
    บุชมีประโยคเด็ดคือ" เราอยู่ในภาวะสงคราม" และโอบามามาพูดซ้ำประโยคนี้ ใช่ดีซีอยู่ในภาวะสงครามตั้งแต่ปีคศ. 1776
    thanong
    1/3/2015
    http://www.loonwatch.com/…/we-re-at-war-and-we-have-been-s…/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระเบียบ โลกใหม่ ได้แชร์ลิงก์

    สาวช็อก! พบพยาธิไชใต้ผิวหนังเกือบเต็มหน้า หลังทานส้มตำปูปลาร้าได้10วัน

    [​IMG]

    เรื่องราวสุดช็อกนี้! เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอได้ถ่ายภาพใบหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นสีแดง อันไร้สาเหตุ อัพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อสอบถามสาเหตุกับผู้ที่พอจะให้ข้อมูลได้ พร้อมทั้งระบุอาการว่า ปวดแสบ ปวดร้อน และคันยุบยิบตลอดเวลา

    ทั้งนี้ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า น่าจะเป็นพยาธิ ที่เข้าไปไชอยู่บริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เธอถึงกับบางอ้อว่า อาการนี้เกิดหลังจากทานส้มตำปูปลาร้าเข้าไป และเส้นก็ลามขึ้นไปทั่วผิวหนังเรื่อยๆเข้าสู่วันที่10แล้ว!

    แต่ก็มีแพทย์บางท่านได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า พยาธิไชเข้าผิวหนังเกิดขึ้นได้จริง แต่ทั้งนี้ สาเหตุของการทานส้มตำปูปลาร้าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะพยาธิส่วนมากจะมาในรูปแบบของสิ่งสกปรกที่เราหยิบจับเข้าปาก อีกทั้งการเดินเท้าเปล่าโดยไม่สวมรองเท้า ก็ทำให้พยาธิไชเข้าผิดหนังได้แล้ว

    ซึ่งอาการนี้ สามารถทำการรักษาได้ด้วยยาจำพวกเพรดนิโซโลน (prednisolone) และไดเอทธิลคาบามาไซน์ (diethylcarbamazine) (hetrazan) ให้ทุเลาลง และยาที่ใช้รักษาที่อยู่ในปัจจุบันนี้คือ ยาอัลเบนดาโซล ( albendazole ) เพื่อลดอาการบวมคัน แต่ทั้งนี้ถ้าพายาธิไชไปทั่ว จนผู้ป่วยทนไม่ไหว ก็สามารถให้แพทย์ทำการผ่าตัดได้เช่นกัน

    เพราะพยาธิแต่ละตัวจะมีชีวิตอยู่ในร่างกายคนได้นานนับสิบปี ดังนั้น ผู้ป่วยไม่ควรทำการรักษาด้วยตัวเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง มิฉะนั้นพยาธิอาจเดินทางไปอวัยวะสำคัญซึ่งจะทำให้เสียชีวิตได้

    ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Pairoch Vasanakomut

    เรียบเรียงโดย Boxza

    สาวช็อก! พบพยาธิไชใต้ผิวหนังเกือบเต็มหน้า หลังทานส้มตำปูปลาร้าได้10วัน - ข่าววันนี้ พยาธิ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระเบียบ โลกใหม่

    ไอซีส รับใช้ ไซออนนิส

    [​IMG]

    8 ข้อสังเกต บ่งชี้ “ไอซิส” กำลังทำงานรับใช้ใคร?? 2015-02-27 / บทความจากผู้อ่าน โดย นิฮาซานะห์ ณ วังคราม

    การปรากฎตัวของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ “ไอซิส” สร้างความปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใหญ่หลวงในหลายมิติ ไม่ว่า ทั้งทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือภูมิศาสตร์ เป็นต้น และขณะเดียวกัน ไอซิสก็สร้างความสับสนอลหม่านต่อโลกอิสลามและมุสลิมพอสมควร

    เริ่มแรกที่ไอซิสเปิดโฉมสู่สายตาชาวโลกในฐานะผู้ที่จะมาก่อตั้ง “รัฐอิสลาม” โดยอ้างการปกครองในระบบ “คอลีฟะฮ์” อันเป็นระบบการปกครองที่ใช้หลัก “ชารีอะห์” หรือนิติศาสตร์อิสลามตามแนวทางของท่านศาสดามุฮัมหมัดนั้น ได้ทำให้ “ไอซิส” เปรียบเสมือน “ฮีโร่” ของโลกมุสลิม

    ทว่าด้วยพฤติกรรมในท่วงทำนองสไตล์ “ไอซิส” ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย อำมหิต และดูเสมือนผิดแผกไปจากหลักคำสอนดั้งเดิมของอิสลาม จึงทำให้มุสลิมส่วนหนึ่งเริ่มมีความเคลือบแคลง สงสัย ในเจตนาที่แท้จริงของขบวนการนี้

    ในวันนี้ ความเชื่อต่อจุดยืนของกลุ่มไอซิสในหมู่ชาวมุสลิมจึงถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย มีทั้ง “เชียร์” และ “ต้าน” !!

    ในบทความนี้ จะเป็นการนำเสนอข้อสังเกตต่างๆ ของฝ่ายที่ต้านและปฏฺิเสธไอซิส โดยพวกเขามองไอซิสว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และเป็นเพียงนักแสดงที่สวมบทบาทตัวแทนของมุสลิม ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว พวกเขากำลังรับใช้ตะวันตก และไซออนิสต์ เพื่อบ่อนทำลายโลกมุสลิม


    1. ไอซิสคลอดมาภายใต้ร่มเงาของสหรัฐอเมริกา

    น่าแปลกใจที่ บุคคลระดับผู้นำของ ISIS ต่างก็เป็นนักโทษที่สหรัฐเคยจับกุมตัวไว้ แล้วถูกปล่อยให้เป็นอิสระอย่างลึกลับในภายหลัง ตัวอย่างเช่น อบูอัยมัน อิรากี, อบูบักร อัลบัคดาดี, หรือ อุสามะฮ์ อัลบาลาวี

    แต่ละคนล้วนเป็นหัวหอกของกลุ่มสุดโต่งที่ได้แสดงบทบาทของผู้นำของกลุ่มก่อการร้าย จุดร่วมของพวกเขาคือ ก่อนที่พวกเขา จะกลายมาเป็น แกนนำ ของกลุ่มก่อการร้าย คนเหล่านี้ล้วนเคยอยู่ใน คุก Bucca และถูกปล่อยตัวในภายหลัง [1]


    นอกจากนี้ การสนับสนุนทางอาวุธของสหรัฐอเมริกาให้แกพวกเขา ก็ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด หลักฐานก็คือ ในเหตุการณ์คูบานีย์ สหรัฐซึ่งอ้างว่า กำลังพยายามส่ง อาวุธให้กับทหารชาวเคิร์ด แต่หลักฐานจากบันทึกวิดิโอ กลับพบว่า ลังอาวุธที่ถูกโปรยลงมา จากเครื่องบินบรรทุกของกองทัพ US กลับไปตกอยู่ในมือของ ISIS อย่างน่าแปลกใจ [2]

    อาจจะมีคนคิดว่า เหตุการณ์เหล่านี้ อาจจะเป็นความผิดพลาดของทางกองทัพ US ทว่าความเป็นจริง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆอยู่หลายครั้ง สิ่งนี้บอกอะไรคุณบ้างไหม ? ถ้าเราไม่ดูว่า รัฐบาล US พูดอะไร แล้วหันมาพิจารณาที่ผลของมัน เราจะได้ข้อสรุปว่า พวกเขา กำลังติดอาวุธให้ ISIS อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย นั่นคือการที่พวกเขายอมให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพื่อจะได้เป็นราชาบนเถ้าถ่าน

    นอกจากนี้ ตัวแทนของประเทศอิรัค ยังได้ออกมาเปิดโปงอีกว่า เครื่องบินของอเมริกา ไม่ได้มาเพื่อกำจัด ISIS แต่มาเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บ โดยการติดอาวุธให้พวกเขา หลักฐาน คือ ใน เมือง จูลลา [3]

    โดยสรุปแล้ว เมื่อประเมินผลปฏิบัติการของ ISIS ผ่านมุมมองนี้ จะทำให้มองเห็นอย่างชัดเจน ว่า แต่ละจังหวะการขยับของกลุ่มไอซิส ได้ส่งผลในเชิงบวกให้กับ สหรัฐอเมริกา และไซออนิสต์ อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่า ทหารผู้บาดเจ็บของ ISIS เข้ารักษาตัว ใน โรงพยาบาลของ อิสราเอล [4]


    2.การบิดเบือนเจตนารมณ์กระแส การตื่นรู้อิสลาม และกลับสู่อิสลามดั้งเดิม

    การวิเคราะห์ที่ชี้ว่า"ปรากฎการณ์ไอซิส เป็นปรากฎการณ์ที่มีเจตนาเพื่อบิดเบือน เจตนารมณ์กระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิม ของโลกมุสลิม เป็นบทวิเคราะห์ที่มีมูล และน่าค้นหา เพราะในช่วงเริ่มต้น กระแสนี้ ถูกปลุกขึ้นมาอย่างน่าตกใจ โดยมีเจตนาเพื่อโค่นล้มบรรดาผู้นำเผด็จการที่ขึ้นตรงกับประเทศตะวันตกมาอย่างช้านาน

    กุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนทิศทางของกระแสนี้ คือ กลุ่มผู้อ้างเป็นตัวแทนของประชาชน ในช่วงเริ่มแรก การรวมตัวของประชาชนคือ การรวมตัวของประชาชน ด้วยประชาชนเอง ไม่ได้เกิดมาจาก การปลุกระดมขององค์กรทางการเมือง หรือ สมาคมต่างๆ ต่อมาหลังจากที่การปฏิวัติเริ่มประสบความสำเร็จ กลุ่มๆต่างๆก็เริ่มอาสามาเป็นตัวแทนของประชาชน เริ่มต้นดูเหมือนว่า พวกเขาจะเป็นตัวแทนเสียงของประชาชน แต่เมื่อเข้าถึงอำนาจ บางกลุ่มยังคงรักษาสโลแกนเดิม แต่บางกลุ่มกลับเปลี่ยนแนวทาง คือการเปลี่ยนทิศทางและเป้าหมายจาก กระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ ไปหนักในจุดอื่น เริ่มต้นจากการเปลี่ยนทิศทางของประชาชนให้หันมาต่อต้าน รัฐบาลซีเรีย ซึ่งความยาวนานของความขัดแย้งก็ยังคงมีต่อไปอยู่เรื่อยๆ หากเราพิจารณาจาก อาชญากรรม และการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังการทะลักเข้ามาของกลุ่มไอซิส คงจะทำให้ได้คำตอบที่ค้างคาใจอยู่ก็เป็นได้ คำถามคือ กลุ่มไอซิสเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับ ตะวันตก ?

    การจะหาคำตอบต่อเรื่องนี้ ก็คือ จะต้องศึกษาจากบทบาทของตะวันตก ต่อการสนับสนุนกลุ่มไอซิส พวกเขาสนับสนุนกลุ่มไอซิส หรือไม่ ? มีหลักฐานพบว่า กลุ่มโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกและอาหรับ พยายามที่จะสนับสนุน กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย กระทั่งจอห์น แมคเคน
    วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ก็เคยเดินทางไปพบกับฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรียด้วยตนเอง

    สถานการณ์ที่สร้างขึ้นมาก็เพื่อเบนเข็ม และละความสนใจของประชาชนต่อกระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิม แบบเบ็ดเสร็จ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในอียิปต์ ลีเบีย ตูนิเซีย ก็ถูกทำให้เกิดเหมือนในซีเรียเช่นกัน [5] และผู้ก่อการร้ายก็หลั่งไหลทะลักเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

    ---
    @จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางไปพบแกนนำนักรบฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรีย โดยภาพนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลในภาพคนหนึ่งอาจเป็น อะบูบักร อัลบัคดาดี
    ---

    3 การทำให้ ประเด็นเรื่องปาเลสไตน์ กลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ และถูกลืม

    ประเด็นสำคัญที่ถือเป็นจุดร่วมของ ผู้รักความเป็นธรรม ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร นับถือศาสนาอะไร คือ การต่อสู้กับการกดขี่ ซึ่งในกรณีของปาเลสไตน์ ไม่ว่าใคร ก็คงจะเข้าใจดีว่า อิสราเอล พยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นผู้มีความชอบธรรม มากเพียงใด การสร้างความชอบธรรมในการยึดบ้านเมืองเมืองนอนของชาวปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่ ผู้รักความถูกต้องหลายทศวรรษไม่ยอมรับต่อมัน

    ในทุกๆปี ผู้คนในแต่ละประเทศ จะรวมตัวกัน เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ ในการปลดปล่อยปาเลสไตน์ให้เป็นอิสระเสมอ ในสงครามข่าวนั้น หากเราพิจารณาถึงการเมืองระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า อิสราเอล มักจะแสดงจุดยืนอยู่บน สโลแกน "การปกป้องตัวเอง" ทุกครั้ง ที่มีความรุนแรง หรือ สงคราม เกิดขึ้นเสมอ แต่การแสดงจุดยืนในด้านนี้ กลับไม่ประสบผล และคว้าใจมวลชนเท่าใดนัก เพราะ ต่อให้อิสราเอลใช้ข้ออ้างอะไร ในการโจมตีปาเลสไตน์ ประวัติศาสตร์ก็ยังตราหน้าพวกเขา ว่าเป็นอาชญากร ที่รุกรานแผ่นดินของผู้อื่นเสมอ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

    การเบนทิศทาง ให้ผู้คนเลิกหันมาสนใจเรื่องปาเลสไตน์ จึงเป็นวิธีการใหม่ของไซออนิสต์ คือ แทนที่ ทุกๆคน จะมาใส่ใจว่าอิสราเอล ทำอะไรกับปาเลสไตน์ ก็ทำให้ ผู้คนเห็นถึงอันตรายของผู้ที่เป็นศัตรูกับอิสราเอล คือ มุสลิม เช่นการสร้างกระแสความหวาดกลัวอิสลาม, และในอีกด้านหนึ่งก็คือ การทำให้ มุสลิมแตกแยกและขัดแย้งกันเอง

    ข้อยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ การที่ รัฐบาลไซออนิสต์แสดงเจตจำนง ในการทำให้ ดูเหมือนว่า ฮามาส กับ ISIS เป็นกลุ่มปฏิบัติการประเภทเดียวกัน และการแสดงให้เห็นว่า ฮามาส ก็มีความคิดสุดโต่งแบบกลุ่มไอซิส หาก ทำให้ภาพลักษณ์ของฮามาสเป็นเช่นนี้ ผลของมันจะกลายเป็นว่า ฮามาส คือ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ ไม่ใช่อิสราเอล ซึ่งเนทันยาฮู เคยกล่าวปราศัย ในเวที สหประชาชาติ โดยอ้างว่า ฮามาสเองก็มีความประสงค์จะจัดตั้งรัฐการปกครองคล้าย ISIS [6]


    4 การทำลายประเทศอิสลาม

    ถ้าเราดูจากผลงานของกลุ่มไอซิสและจังหวะในการเดินเกมของพวกเขา จะเห็นว่า ผลที่เกิดขึ้น กับชื่อขององค์กรกลับเป็นสิ่งตรงข้ามที่ไม่อาจเข้ากันได้เลย พวกเขาแสดงเจตจำนงที่จะจัดตั้งรัฐอิสลาม แต่ผลของมันคือการทำลายประชาชาติอิสลามอย่างที่ไม่มีใครจะปฏิเสธถึงข้อเท็จจริงอันนี้ได้

    อาจมีคนบางกลุ่ม อ้างว่า "บางครั้งการสร้างต้องเริ่มต้นจากการทำลาย" เราจะถามกับคนเหล่านั้นว่า การสร้างของพวกเขา เริ่มจากการทำลายใคร ? รัฐอิสลามสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการฆ่ามุสลิมหรือ ? เพราะถ้าดูกันจริงๆ ไม่ต้องให้ นาย บันคีมูน ออกมาประกาศ เราก็รู้ดีว่า พวกที่ISIS ฆ่า คือ มุสลิม เมืองที่ ISIS ทำลาย คือ เมืองของ มุสลิม เด็กที่ISIS พรากพ่อแม่ไป ก็คือ เด็กชาวมุสลิม หลักการของอิสลาม คือ สิ่งใดที่เริ่มต้นด้วยสัจธรรม ผลที่จะออกมา ก็คือ สัจธรรม และหากสิ่งใดที่เริ่มด้วย โมฆะ ผลของมันก็จะออกไปด้วยโมฆะ

    การปรากฎของ ISIS ได้นำมาซึ่ง วิกฤต และความไม่สงบสู่ประเทศมุสลิม หรือ ประเทศที่มีมุสลิมอยู่อาศัย จะเห็นว่า ผลจากการจู่โจมของพวกเขาได้ทำให้ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกของ ประเทศซีเรีย แทบไม่เหลือซาก หรือ เค้าเดิม [7] และเมื่อดูในอิรัก ซึ่งมีสภาพดีกว่าซีเรีย ก็ต้องเผชิญกับปัญหา การทำลายบ้านเมือง และการขึ้นราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งอิรักเอง ก็จะต้องรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากการลอบกัดของ ISIS

    เมื่อเรามองภาพรวม โดยการตั้งคำถามจากผลของสงคราม ว่า จากศึกที่เกิดขึ้นใครได้รับผลเสียมากที่สุด ? จะทำให้เราเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ มุสลิม และกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคืออิสราเอล เรื่องแบบนี้ ทุกคนสามารถหาความจริงได้เอง ไม่จำเป็นต้อง ตามข่าวจากฝ่ายที่ต่อต้านไอซิส เราสามารถรับรู้ได้ในระดับหนึ่ง และมันอาจทำให้คนที่ยังปกป้องกลุ่มเหล่านี้อย่างตาบอด จะได้ตาสว่างขึ้นมาได้บ้าง


    5 การทำให้กองกำลังในพื้นที่อ่อนแอ

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กองทัพของแต่ละประเทศของมุสลิม คือ เขื่อนสำคัญที่กั้น ไซออนิสต์ และ อเมริกา จากการแสวงหาผลประโยชน์ การทำให้กองทัพของแต่ละประเทศอ่อนแอ ก็คือ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า กองทัพหรือ ทหารในประเทศของพวกเขา ไม่สามารถทำอะไรได้ในการรับมือกับกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ ผู้ที่ศึกษายุทธศาสตร์การทำลายฝ่ายตรงข้ามในสงครามเย็นจะเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า การจะทำให้ประเทศคู่แข่งที่มีแนวโน้มหนักไปทางอริอ่อนแอนั้น อันดับแรก คือ การทำให้รัฐบาล, ทหาร, หลักการที่ประเทศฝ่ายตรงข้ามยึดถือหมดความชอบธรรม, ลำดับต่อมา คือ การทำให้ประชาชนสิ้นหวังต่อรัฐบาลและกองทัพ และผู้ถืออำนาจในประเทศเหล่านั้น และหลังจากนั้น อนาคตของประเทศ ก็จะสรุปได้สองแบบ คือ เกิดการปฏิวัติขึ้นในประเทศ หรือ เกิดการแทรกแซงของประเทศที่อ้างว่าต้องการปฏิรูปประเทศคู่แข่งให้ดีขึ้น

    ในกรณีนี้ การที่ประชาชนหมดความมั่นใจ ต่อทหารของประเทศตนเอง ก็คือ การสร้างความอ่อนแอในรูปแบบหนึ่ง


    6 การนำเสนอภาพลักษณ์ที่โหดร้ายของอิสลาม

    หนึ่งในข้อสังเกต ที่บ่งชี้ว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิสกำลังรับใช้ตะวันตก และไซออนิสต์ อยู่ก็คือ การสวมบทบาทผู้ร้ายในนามของศาสนา การสร้างภาพลักษณ์ของอิสลามที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นับเป็นอีกยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สามารถ สร้างแรงจูงใจทำให้ เกิดการต่อต้านศาสนาอิสลาม (แม้ว่า จะไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็ทำให้เสียงเกลียดอิสลามดังขึ้นในบางส่วนของสังคม) และการเสพข่าวสารในทุกๆวัน จะทำให้ ตะวันตก ได้ผู้สนับสนุนที่เกลียดอิสลามไปโดยปริยาย

    ผู้นำอิหร่าน อายาตอลล่าห์ คาเมเนอี ได้เคยอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "พวกเขากำลังทำในสิ่งตรงข้าม พวกเขาฆ่ามุสลิม และแสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ใช่มุสลิมซึ่งไม่ได้เรียกร้องก็ต้องตกอยู่ภายใต้คมดาบของพวกเขา ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก และโลกทั้งใบต่างก็ได้รับรู้ ว่า มีคนคนหนึ่งกำลังตัดศรีษะมนุษย์ ภายใต้นามของอิสลาม ,บ้างก็ควักหัวใจ แล้วกัดมันเป็นชิ้นๆ นี่คือสิ่งที่โลกเห็น พวกเขาทำลายศาสนาด้วยนามของอิสลาม" [8]


    ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่สำคัญของโลกมุสลิม ก็ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน ว่า สิ่งที่ขบวนการไอซิสกำลังปฏิบัติอยู่ในตอนนี้ คือ การสร้างความเกลียดชังให้กับอิสลาม และเมื่อเร็วๆ นี้ยังได้จัดตั้งการประชุมเสวนา ในหัวข้อ "ต่อต้านการก่อการร้าย" ด้วยเช่นกัน [9]


    การสร้างกระแสความหวาดกลัวต่ออิสลาม และการทำให้ประชาชนทุกๆ ประเทศ รู้จักอิสลามผ่านสื่อ เป็น แผนระยะยาวที่ ผลิตจากโรงงานความคิดของไซออนิสต์ ในการรับมือ กับศัตรูุ วันนี้ ดูเหมือนว่า ทุกคนจะอยู่สนามศึกอย่างที่โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็นมุสลิม พวกเขาก็ต้องเข้าสู่การต่อสู้นี้ เพราะพื้นที่ในการทำศึกคือ ข่าวสาร และ โลกไร้พรมแดน ซึ่งมนุษย์ในยุคนี้ต่างผนวกมันเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

    การมีชัยชนะจากศึกทางความคิด จึงถือเป็นไม้ตายที่แท้จริง ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ หรือ เรือพิฆาต ตะวันตก,ไซออนิสต์ เชื่อมาโดยตลอดว่า ถ้าควบคุมความคิดของมนุษย์ได้ ก็ควบคุมโลกได้ ซึ่งนั่นคือหนึ่งในทฤษฎีว่าด้วยการจัดระเบียบโลก


    7 การเปิดช่องทางให้ กองทัพ US กลับมาลงพื้นที่อีกครั้ง

    ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งที่บ่งชี้ว่า ISIS รับใช้ ตะวันตก,สหรัฐ ก็คือ การสร้างสถานการณ์ เพื่อหาเหตุ และความชอบธรรมให้ สหรัฐ และพันธมิตร หวนกลับมาในประเทศอิรัคอีกครั้ง เพราะหลักจากที่ รัฐบาลอิรักแสดงเจตจำนงที่จะให้ทหารอเมริกา กลับสู่ประเทศของพวกเขา ด้วยการเซ็นสัญญาความมั่นคง ทำให้พวกเขา เสียสถานะทางพื้นที่ไป และยังทำให้พวกเขาต้องละทิ้งจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของตะวันออกกลางไปด้วย

    ทว่าในตอนนี้ เนื่องด้วย ความเอื้อเฟื้อของ ISIS ทำให้สหรัฐสบโอกาสหาช่องทางในการส่งกองกำลังกลับมาอีกครั้ง ในฐานะ"ผู้ปราบISIS " ข้อยืนยันคือ การเคลียร์บางพื้นที่ ในซีเรีย, อิรัก โดยข้ออ้างปราบปราม ISIS คือ ตัวอย่างที่ดีสำหรับการหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะวิธีและเหตุผลที่สหรัฐใช้ ไม่ต่างอะไรกับเหตุผลก่อนหน้านี้ที่สหรัฐใช้บุกอิรัก หรือ อัฟกานิสถานเลย
    และการโจมตีของกองทัพ US ในปากีสถาน ยังส่งผลกระทบกับพลเรือนทั่วไปอีกด้วย ประชาชนชาวปากีสถานหลายสิบชีวิตต้องเสียชีวิต เพราะการโจมตีของกองทัพ US ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว เกิดขึ้น โดยไม่ได้ประสานงานกับ รัฐบาลปากีสถานเสียด้วยซ้ำ แม้จะมีภาพยนต์บางเรื่องที่สร้างขึ้นมา เพื่อสร้างภาพการตัดสินใจของกองทัพให้ออกมาดีก็ตาม

    8 การย่อยประเทศอิสลาม เพื่อทอนอำนาจประเทศมุสลิม

    ยุทธศาสตร์การเมืองที่ถูกเขียนไว้ ของ มหาอำนาจ บางครั้งมันมาคู่กับความพยายามในการแบ่งประเทศ ให้เป็นประเทศเล็กๆ และในกรณี ประเทศอิสลามที่มีอำนาจ ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการเมืองตะวันตกเช่นกัน

    การแบ่งประเทศใหญ่เป็นประเทศเล็ก เป็นสิ่งที่มีให้เห็นในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และหลายครั้งมันก็เกิดขึ้นให้เราเห็น และในตอนนี้ เจ้าหน้าที่หลักผู้รับมอบหมายในการปฏิบัติตตามแผนการนี้ เห็นจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ISIS ดังที่เราได้รู้แล้วว่า ในบางช่วง ISIS สามารถยึดเมือง และแยกตัวเป็นอิสระได้พักนึงจาก ซีเรีย ตัวอย่างคือ เขตต่างๆที่มีความสำคัญ อย่าง ฮัลบ์ และอัดลับ และในอิรัก ก็เช่นกัน

    ---
    @ในปี 2006 เคยมีการเสนอให้แบ่งเขตปกครอง มาแล้ว โดย โจว์ ไบเดน (Joe Biden) ที่ปรึกษาปธน.สหรัฐ ในช่วงเวลานั้น ไบเดนได้เสนอ ให้จัดเขตปกครองตนเอง โดยแบ่งออกเป็นสามเขต คือ ชีอะฮ ซุนนี่ และเคิร์ด พวกเขาคิดว่า วิธีนี้จะเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาในอิรักได้ [10]
    ---
    ปฏิบัติการของ ISIS ในการจู่โจม เมืองซุนนี่ ในโมซูล และการประกาศการเป็นคอลีฟะฮ์ในดินแดนนี้ จึงเป็นเหมือนก้าวแรกในการทำให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จ และการแบ่งอำนาจให้กลายเป็นส่วนเล็กๆ จะทำให้ สุขภาพของอิสราเอลมั่นคงยิ่งขึ้น


    สรุป :

    จากข้อบ่งชี้ทั้ง 8 นี้ สามารถทำให้เรามองเห็นภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐ ตะวันตก ไซออนิสต์ กับ ISIS ได้ดียิ่งขึ้น และเมื่อทำการวิเคราะห์ถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จะทำให้เราได้คำตอบอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ที่สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการต่อกลุ่ม ISIS คือ ประเทศอาหรับบางประเทศ และประเทศตุรกี [11]ซึ่งกำลังถูกโปรโมตให้มีภาพลักษณ์เป็นประเทศอิสลามอยู่ในขณะนี้ การค้นหาความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ สามารถเริ่มต้นได้จากการตั้งคำถามว่า ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์จากเกมส์ในครั้งนี้ ?

    ประวัติศาสตร์อันขมขื่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับบทบาทของกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง ได้ชี้ให้เห็นว่า เป้าหมายของพวกเขา คือการเปลี่ยนกระแสการตื่นตัวของโลกอิสลาม การเปลี่ยนกระแสต่อต้านอิสราเอล,ความพยายามในการทำให้เรื่องปาเลสไตน์เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ

    และจากปฏิบัติการที่ไร้ผลของ US ได้ข้อสรุปว่า สหรัฐไม่เคยคิดที่จะจริงจังในการปราบปราม ISIS เพียงแต่ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์เท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่จะต้องพึงระวังมากที่สุด คือ การไม่ตกเป็นเหยื่อของความหลอกลวง....



    อ้างอิง
    [1] The mysterious link between the US military prison Camp Bucca and ISIS leaders | Al Akhbar English
    [2] สามารถชมคลิปวิดิโอ ได้ตามลิ้งนี้ U.S. accidentally delivered weapons to the Islamic State by airdrop, militants say - The Washington Post
    [4] Turkey and Israel Are Directly Supporting ISIS and Al Qaeda Terrorists In Syria Washington's Blog
    [5] Syria revolution: A revolt brews against Bashar al- Assad’s regime - WorldViews - The Washington Post
    [6] Netanyahu: Hamas, Islamic State share the same fanatic ideology - Israel News, Ynetnews
    [7] https://www.middleeastmonitor.com/n...ebuilding-syria-iraq-and-gaza-will-cost-750bn
    [10] Was Biden right about Iraq? - Al-Monitor: the Pulse of the Middle East
    [11] Turkey and Israel Are Directly Supporting ISIS and Al Qaeda Terrorists In Syria Washington's Blog

    Fatoni Online - 8 ข้อสังเกต บ่งชี้ “ไอซิส” กำลังทำงานรับใช้ใคร??
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : ฝนขั้วโลกเป็นเหตุ “สนามบินเทกซัสและโอกลาโฮมา” ยกเลิก 1,600 เที่ยวบิน – “นิวยอร์ก” เจอหนาวสุดติดลบในรอบ 81 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2558 12:10 น.

    [​IMG]


    เอพี/เอเจนซีส์ – ฝนที่มีความเย็นระดับขั้วโลกตกหนัก 2 วันติดกันส่งผลทำให้สนามบินรัฐเทกซัสและรัฐโอกลาโฮมาสั่งยกเลิกเที่ยวบินถึง 1,600 เที่ยวบิน ในขณะที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เช่น รัฐนิวยอร์ฏยังต้องผจญความหนาวที่ต่ำสุดในรอบ 81 ปี ติดลบ 11 จนถึง ติดลบ 24 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งสภาพอากาศความเย็นจัดทำให้บางส่วนของน้ำตกไนแอกาลาจับตัวแข็ง

    เอพีรายงานเมื่อวานนี้(28 กุมภาพันธ์)ว่า ฝนเย็นจัดขนาดขั้วโลกที่ตกในบางส่วนของรัฐเทกซัสและรัฐโอกลาโฮมาถึง 2 วันติดต่อกันส่งผลทำให้ถนนไฮย์เวย์ระหว่างรัฐลื่น และรัฐเทกซัสต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในวันเสาร์(28 กุมภาพันธ์)ที่สนามบันนานาชาติดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฮับสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากก่อนหน้านั้นในวันศุกร์(27 กุมภาพันธ์)มีการประกาศยกเลิกเที่ยวบินราว 600 เที่ยว และทำให้ผู้โดยสารร่วม 5,000 คนต้องนอนค้างที่สนามบิน เดวิด แมกนา โฆษกประจำสนามบินกล่าว โดยทางสนามบินได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารตกค้างไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม เปลสนาม ห้องน้ำ และยังเปิดบริเวณเช็กอินให้กับผู้โดยสารตลอดทั้งคืน

    ด้านสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์สแถลงว่า หนึ่งในเที่ยวบินจากสนามบินดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ตไปยังสนามบินโอกลาโอมาที่ตามปกติใช้เวลาการเดินทางไม่ถึงชั่วโมง แต่กลับทำให้ผู้โดยสารต้องใช้เวลาร่วม 9 ชม.เพื่อไปยังจุดหมาย “เราขออภัยต่อผู้โดยสารในความไม่สะดวก” แมต มิลเลอร์ โฆษกบริษัทสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์สแถลง และเสริมว่า เครื่องบินดีเลย์ไม่ถึง 3 ชม. ซึ่งในท้ายที่สุด เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร 110 คน และลูกเรืออีก 5 คน ที่แต่เดิมมีกำหนดเดินทางออกจากสนามบินในดัลลัสเวลา 13.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันศุกร์(27 กุมภาพันธ์) แต่ต้องหันหัวกลับเนื่องจากลานบินเกิดน้ำแข็งจับตัว และต้องรอเพื่อให้ทางสนามบินละลายน้ำแข็งเหล่านั้น และมิลเลอร์เผยว่า ผู้โดยสารทั้งหมดได้รับอนุญาตให้รออยู่บริเวณเทอร์มินอล เกต และลูกเรือของเครื่องต้องแก้ปัญหากับเครื่องปรับอากาศบนเครื่อง แต่ทว่ามีผู้โดยสารบางคนต้องการที่จะรออยู่บนเครื่อง มิลเลอร์กล่าวต่อ และพบว่ามีการเสริมลูกเรือเข้ามาปฎิบัติงานบนเที่ยวบินที่ต้องเลื่อนเวลาการเดินทางออกไปเพราะระยะเวลาที่ถูกเลื่อน รวมไปถึงกฎการบินสหรัฐฯที่กำหนดว่า ลูกเรือแต่ละคนสามารถปฎิบัติหน้าที่บนเครื่องได้นานเท่าใด มิลเลอร์ให้ความเห็น

    นอกจากนี้เจ้าหน้าที่คมนาคมและเจ้าหน้าที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลสภาพอากาศสหรัฐฯประกาศเตือนให้ผู้ขับรถหลีกเลี่ยงการใช้ท้องถนนในช่วงวันเสาร์(28 กุมภาพันธ์) จนกว่าจะมีอุณภูมิปรับสูงขึ้น และน้ำแข็งละลาย ซึ่งมีประกาศเตือนภัยหนาวจัดที่ดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ตไปจนถึงคืนวันเสาร์(28 กุมภาพันธ์)

    นอกจากนี้ยังพบว่าฝนที่เย็นจัดปกคลุมพื้นที่ร่วม 40 ไมล์ ทางเหนือของออสตินไปจนถึงดัลลัส แอนโธนี เบน เจ้าหน้าที่ศูนย์ให้บริการทางข้อมูลอากาศแห่งชาติประจำดัลลัสแถลง

    ด้าน Flightaware.com รายงานเพิ่มเติมว่า มีเที่ยวบินจำนวน 974 เที่ยวถูกประกาศยกเลิกก่อนช่วงเที่ยงวันเสาร์(28 กุมภาพันธ์)ที่สนามบินนานาชาติดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ต และสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส์ที่ใช้สนามบินแห่งนี้เป็นหลักได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน 600 เที่ยวหลังจากก่อนหน้านั้นได้สั่งยกเลิกในวันศุกร์(27 กุมภาพันธ์)ไปราว 700 เที่ยว

    ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของสหรัฐฯ เกิดสภาพอากาศหนาวจัดมากที่สุดในรอบ 81 ปีที่รัฐนิวยอร์ก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งเดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(28 กุมภาพันธ์)ว่าเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นเดือนที่หนาวเย็นที่สุดนับตั้งแต่ปี 1934 เป็นต้นมา และพบว่าอุณภูมิในเมืองนั้นอยู่ระหว่าง -11 ถึง -24 องศาฟาเรนไฮต์เท่านั้น แลในขณะที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตต้องผจญกับสภาพหิมะตกหนักไม่ต่ำกว่า 100 นิ้วในเดือนที่ผ่านมา

    นิวยอร์กไทมส์ สื่อสหรัฐฯรายงานว่า สภาพอากาศที่ต่ำสุดนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในปี 1934 โดยพบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปในขณะนี้อยู่ที่ 19 องศาฟาเรนไฮต์ในนิวยอร์ก คล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1934 ซึ่งสามารถวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ราว - 15 องศาฟาเรนไฮต์ และ NBC News สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า “ลมหนาวไซบีเรีย” เป็นตัวการสำคัญทำให้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาต้องพบกับสภาพหนาวระดับขั้วโลกครั้งประวัติศาสตร์ และทำให้บางส่วนของน้ำตกไนแองเกลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกถึงกับจับตัวแข็ง

    ในขณะที่สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า บอสตัน รัฐแมสซาชูเซต พบกับหิมะตกหนักถึง 102 นิ้วตลอดในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้บริษัทประกันภัยต้องพบกับคลื่นการโทรศัพท์เพื่อขอรับเงินประกันครั้งมโหฬารจากชาวเมืองที่พบว่าบ้านเรือนเสียหายเนื่องจากทานน้ำหนักหิมะที่ตกหนักทับถมไม่ไหว โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เสียงดังโครมคราม หรือแคร๊กอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าหลังคาที่พักไม่สามารถทานน้ำหนักหิมะได้ และจะถล่มลงมาในทันที และได้มีการเตือนให้ผู้อยู่อาศัยรีบหลบออกไปหากได้ยินเสียงนี้

    ปีเตอร์ จั๊ด โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งแมสซาชูเซตได้ให้สัมภาษณ์กับบอสตันโกลบว่า “หากชาวบอสตันได้ยินเสียงแครก หรือเอียดอ๊าดจากหลังคาบ้าน แสดงว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่หากมีหลายเสียงผสมกันไม่ต้องรีบอพยพออกมา” จั๊ดกล่าว

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024421
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงครามจิตวิทยารอบใหม่! “มาดูโร” ประกาศ “จำกัดจำนวนนักการทูตสหรัฐฯ-นักท่องเที่ยวมะกันต้องขอวีซ่าเข้าเวเนซุเอลา” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2558 09:03 น.

    [​IMG]

    เอพี – ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร แถลงเมื่อวานนี้(28 กุมภาพันธ์) ถึงมาตรกาทางการทูตรอบใหม่กับสหรัฐฯ โดยมาดูโรจะกำหนดจำนวนนักการทูตอเมริกันที่จะสามารถมาทำหน้าที่อยู่ในกรุงคาราคัสได้ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวอเมริกันต้องขอวีซ่าเข้าเวเนซุเอลาหากประสงค์จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกิจการภายในเวเนซุเอลา

    เอพีรายงานเมื่อวานนี้(28 กุมภาพันธ์)ถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐฯและเวเนซุเอลาที่เลวร้ายลงไปทุกที หลังจากก่อนหน้านี้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ได้กล่าวหาสหรัฐฯในการแอบจับมือกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำให้เกิดการทำรัฐประหารที่เกี่ยวข้องกับการระเบิดทำเนียบประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ซึ่งวอชิงตันตอบโต้ข้อกล่าวหาของมาดูโรว่า “ไร้สาระ”

    และพบว่านับตั้งแต่ปี 2010 ทั้งสองประเทศนี้ไม่ได้ส่งเอกอัคราชทูตไปประจำอยู่ทั้งในวอชิงตันและคาราคัส แต่ยังส่งเจ้าหน้าที่การทูตไปปฎิบัติการ แต่ทว่านับตั้งแต่วันเสาร์(28 กุมภาพันธ์)มาดูโรประณามว่า สหรัฐฯส่งเจ้าหน้าที่มาประจำยังกรุงคาราคัสจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวที่เวเนซุเอลาส่งไปยังกรุงวอชิงตัน “สหรัฐฯมีนักการทูต 100 คน แต่ทางเรามีแค่17คน” มาดูดรแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์และเครือข่ายวิทยุรวมการเฉพาะกิจเพื่อตอบโต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาโดยตรงว่า “หยิ่งยโสที่ไม่ยอมให้มีการเจรจาระดับทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น”

    “ผมต้องขอโทษด้วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ คุณได้มาถึงทางตันแล้ว” มาดูโรกล่าว ซึ่งมาดูโรขอให้นโยบายจำกัดนักการทูตสหรัฐฯปรับใช้ทันที ซึ่งภายใต้สนธิสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกเหนือจากสิ่งอื่น นักการทูตสหรัฐฯมีหน้าที่ต้องขออนุญาตจากกระทรวงต่างประเทศเวเนซุเอลาในการอนุญาตให้สามารถประจำอยู่ในกรุงคาราคัสได้

    นอกจากนี้มาดูโรได้เริ่มต้นกำหนดให้นักท่องเที่ยวอเมริกันต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อเข้าอเมริกาเหมือนอย่างที่สหรัฐฯกระทำต่อนักท่องเที่ยวเวเนซุเอลา แต่ทว่าในแถลงการณ์เมื่อวานนี้(28 กุมภาพันธ์) มาดูโรยังไม่ระบุว่า จะเริ่มต้นบังคับใช้เมื่อใด

    อย่างไรก็ตามเอพีชี้ว่า นักท่องเที่ยวอเมริกันต่างหนีไม่มาเยือนเวเนซุเอลาเนื่องจากอัตราอาชญากรรมที่พุ่งสูง รวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ยุ่งเหยิงเนื่องมาจากค่าเงินที่ตกต่ำของเวเนซุเอลา รวมไปถึงมาดูโรได้เริ่มโจมตีรัฐบาลสหรัฐฯโดยตรง ซึ่งเพียงแค่ 9 เดือนแรกของปี 2014 มีนักท่องเที่ยวอเมริกันไปเยือนเวเนซุเอลาเพียงแค่ 36,000 คน และจำนวนราวครึ่งหนึ่งเดินทางเข้าไปยังเวเนซุเอลา 2 ปีก่อนหน้านั้น รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวเวเนซุเอลา และพบว่าโดยรวมในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 950,000 คนเดินทางเข้าไปในเวเนซุเอลา

    แต่ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวอเมริกันเดินทางไปยังเวเนซุเอลาไม่มากแต่ทว่า เวเนซุเอลายังคงเป็นสถานที่พักผ่อนของนักบริหารอเมริกัน และหากมีการประกาศกำหนดให้ต้องขอวีซ่าอาจกระทบต่อบริษัทอเมริกันที่ลงทุนในเวเนซุเอลา

    และในวันเสาร์(28 กุมภาพันธ์)ทางเวเนซุเอลาได้ปล่อยตัวมิสชันนารี 4 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ และทางคาราคัสยังประกาศสั่งมิสชันนารีที่เพิ่งปล่อยตัวห้ามเข้าประเทศเป็นเวลา 2 ปี

    โดยในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแถลงการณ์จากมาดูโร ถนนในเวเนซัชุเอลายังเป็นแหล่งปะทะกันทางการเมืองระหว่างฝ่ายต้านรัฐบาลมาดูโรและฝ่ายสนับสนุน โดยฝ่ายสนับสนุนเดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อฉลองเหตุการณ์ “การลุกฮือ คาราคาโซ”

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024374
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลสำรวจชี้ ฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรครบ.โปรตุเกส
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2558 23:25 น.

    [​IMG]

    @นายกรัฐมนตรีเปโดร ปาสโซส โคเอลโญแห่งโปรตุเกส

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-นายกรัฐมนตรีเปโดร ปาสโซส โคเอลโญแห่งโปรตุเกสออกโรงในวันเสาร์ (28 ก.พ.) แสดงความมั่นใจว่าพรรคการเมืองสายกลาง-ขวาภายใต้การนำของตนอย่างพรรค “โซเชียล เดโมแครตส์” จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเหนือพรรคสังคมนิยมที่เป็นฝ่ายค้านหลัก แม้ผลสำรวจความนิยมล่าสุดจะบ่งชี้ว่า พรรคฝ่ายค้านมีคะแนนนำหน้า

    นายกรัฐมนตรีปาสโซส โคเอลโญ กล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนในกรุงลิสบอนโดยแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเขาน่าจะได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากบรรดาผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งทั่วไป ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมปีนี้

    โดยผู้นำรัฐบาลโปรตุเกสระบุ รัฐบาลของตนนำพาประเทศมา “ถูกทางแล้ว” โดยเฉพาะการที่โปรตุเกสหลุดพ้นจากแผนรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหภาพยุโรป(อียู)และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตั้งแต่พฤษภาคมปีที่แล้ว และการดึงให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาสู่การเติบโตได้อีกครั้ง

    อย่างไรก็ดีบรรดานักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า การบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด การขึ้นภาษีและตัดลดเงินเดือน-สวัสดิการภาครัฐ ในช่วงที่พรรค “โซเชียล เดโมแครตส์” ครองอำนาจ ได้ส่งผลให้โปรตุเกสต้องเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 เป็นต้นมาและทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ยาก

    ท่าทีล่าสุดของนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสมีขึ้นแม้จะมีการเผยแพร่ผลการสำรวจโดยสถาบัน “Eurosondagem” ในวันเสาร์ (28) ซึ่งระบุว่า ขณะนี้พรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรคการเมืองสายกลาง-ซ้าย มีคะแนนนิยมสูงที่สุดที่ 37.5 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพรรคโซเชียล เดโมแครตส์ที่เป็นฝ่ายรัฐบาลและได้ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งมีคะแนนนิยมอยู่ที่ระดับ 35 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันเดียวกันนี้เมื่อช่วงต้นเดือนพบว่า คะแนนนิยมของพรรคสังคมนิยมเคยนำห่างถึง 4.5 จุด

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024333
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทัพยูเครนเผย! เหตุสู้รบในภาคตะวันออก “ลดน้อยลง” อย่างมีนัยสำคัญ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2558 19:02 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – กองทัพยูเครน ระบุในวันนี้ (27) ว่า การโจมตีโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกเมื่อช่วงกลางคืนมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กล่าวว่า กลุ่มกบฏได้ยิงขีปนาวุธแกรด (Grad) ใส่เมืองอัฟดีอีฟกาแม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงที่บังคับใช้มาแล้ว 2 สัปดาห์อยู่ก็ตาม

    เมื่อวันศุกร์ (27) ยูเครนได้รายงานการเสียชีวิตของทหารเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ซึ่งตอกย้ำถึงความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิงที่ถูกวางเป้าหมายให้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ขณะที่ทหารรัฐบาลและฝ่ายกบฏถอนอาวุธหลักออกจากแนวหน้าแล้ว

    เมื่อช่วงกลางคืน “การโจมตีทั่วๆ ไปมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีการหยุดอย่างสมบูรณ์ในบางส่วนของพื้นที่ขัดแย้ง” กองทัพ ระบุบนหน้าเฟสต์บุ๊ค

    ทางกองทัพระบุว่า มีการสังเกตการณ์ตรวจสอบการหยุดยิงอย่างเต็มขั้นมากที่สุดบริเวณรอบเมืองลูฮันสก์ที่ฝ่ายกบฏยึดครอง และใกล้เมืองท่ามาริอูโพลริมทะเลอาซอฟ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายรัฐบาล

    เคียฟกลัวว่าเมืองท่าและศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งนี้อาจกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของฝ่ายกบฏ หลังจากพวกเขาหยามเกียรติกองทหารรัฐบาลด้วยการบุกยึดเมืองยุทธศาสตร์เดบัลต์เซเว หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้

    กองทัพยูเครนรายงานถึง การโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวของฝ่ายกบฏต่อที่มั่นของรัฐบาล รวมถึงการโจมตีจากขีปนาวุธนอกเมืองอัฟดีวีกาที่รัฐบาลยึดครอง ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโดเนตสก์ที่อยู่ในการควบคุมของฝ่ายกบฏ และเป็นที่ตั้งของหนึ่งในโรงงานโค้กที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

    การต่อสู้ในภูมิภาคอุตสาหกรรมทางตะวันออกของยูเครนได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อภาคอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ซึ่งก่อนหน้าที่ความขัดแย้งนี้จะปะทุขึ้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ภาคอุตสาหกรรมนี้คิดเป็นร้อยละ 15 ของเศรษฐกิจประเทศ

    ทั้งทหารรัฐบาลและกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ระบุว่า พวกเขาได้ถอนอาวุธหนักจากแนวหน้าแล้ว ความเคลื่อนไหวซึ่งถือเป็น “หลักหมายที่ 2” ของข้อตกลงสันติภาพที่มุ่งหมายยุติความยัดแย้ง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 5,600 คน

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาลาวีเผชิญ “น้ำท่วมครั้งใหม่” ซ้ำเติมภัยโซนร้อน “เชดซา”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    28 กุมภาพันธ์ 2558 22:19 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิด “น้ำท่วมครั้งใหม่” ในพื้นที่ภาคใต้ของมาลาวี ซึ่งยังคงไม่ฟื้นตัวจากเหตุอุทกภัยในเดือนที่แล้ว

    รายงานข่าวล่าสุดซึ่งถูกเผยแพร่ในวันเสาร์ (28 ก.พ.) ระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วันที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่ทางภาคใต้ของมาลาวี ซึ่งเพิ่งเผชิญเหตุน้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อเดือนมกราคม โดยพื้นที่ที่ถูกระบุว่า ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภัยพิบัติรอบใหม่นี้ คือ เขตชิกวาวา และ เอ็นซานเจ

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาระลอกใหม่ยังทำให้แม่น้ำหลายสาย ซึ่งรวมถึงแม่น้ำชิเร และแม่น้ำเอ็มวานซามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จนสุ่มเสี่ยงจะเกิดการเอ่อท้นเข้าท่วมหลายชุมชนในไม่ช้า

    ด้านกระทรวงการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของมาลาวีออกคำแถลง เรียกร้องให้ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ต่ำอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่สูงกว่า เพื่อลดทอนความสูญเสียและผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้

    ก่อนหน้านี้ มาลาวีเพิ่งเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เชดซา” เมื่อ 9-20 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 176 ราย ขณะที่อีกไม่ต่ำกว่า 153 รายยังคงสูญหาย

    ขณะที่คำแถลงของทำเนียบประธานาธิบดีมาลาวีระบุว่า อุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อเดือนที่แล้วส่งผลให้มีชาวมาลาวีมากกว่า 200,000 คนกลายเป็น “ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย” และว่า ภัยพิบัติดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของมาลาวี และชาติเพื่อนบ้านทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกากว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( หรือราว 9,710 ล้านบาท)

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รองปธน.เซียร์ราลีโอนเข้ากักตัว 21 วัน หวั่นติดเชื้ออีโบลา
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 มี.ค. 2558 05:34

    [​IMG]
    @!(ภาพ: AFP PHOTO)

    รองประธานาธิบดีแห่งประเทศเซียร์ราลีโอนตัดสินใจเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 21 วัน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสอีโบลา หลังบอดี้การ์ดของเขาคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะเชื้อร้ายตัวนี้...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รองประธานาธิบดี ซามูเอล แซม-ซูมานา แห่งประเทศเซียร์ราลีโอน ตัดสินใจเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 21 วัน หลังจากหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสมรณะ อีโบลา ท่ามกลางความกังวลเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ในแอฟริกาตะวันตก ที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงที่ผ่านมา

    จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะอีโบลา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนในประเทศเซียร์ราลีโอน, กินี และไลบีเรียไปแล้วเกือบ 10,000 ราย ในช่วงระยะเวลาการระบาด 1 ปี ลดลงอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ฉบับล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า มีผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ที่ได้รับการยืนยันในภูมิภาคดังกล่าวอีก 99 ราย โดย 63 รายในจำนวนนี้อยู่ในเซียร์ราลีโอน

    นายจอห์น โคโรมา บอดี้การ์ดของนายแซม-ซูมานา เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รองประธานาธิบดีตัดสินใจเข้ารับการกักตัวด้วยตัวเอง "ผมตัดสินใจเข้ารับการกับตัว เพราะว่าผมไม่ต้องการเสี่ยงและผมต้องการเป็นแบบอย่าง" เขาเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ส "ผมแข็งแรงดีและไม่แสดงอาการป่วยใดๆ" เขาย้ำ

    รองปธน.เซียร์ราลีโอนเข้ากักตัว 21 วัน หวั่นติดเชื้ออีโบลา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมว่าฟ้าดินลงโทษ บอริส เน็มต์รอฟ นักการเมืองฝ่ายค้าน เพราะเป็นคนทรยศประเทศชาติ ไปเข้าร่วมกับประเทศที่ต้องการทำลายประเทศที่เป็นมาตุภูมิของตน ไม่ใช่ผมนิยมรัสเซีย แต่ผมไม่ชอบคนที่ไม่รู้จักรักชาติของตนเลย

    อุกอาจ! แกนนำฝ่ายค้านรัสเซียถูกยิงดับใกล้เครมลิน
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 ก.พ. 2558 23:15

    [​IMG]
    @บอริส เน็มต์รอฟ (ภาพ: AP Photo)

    บอริส เน็มต์รอฟ นักการเมืองฝ่ายค้านผู้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีปูตินเรื่องการเข้าแทรกแซงการแบ่งแยกดินแดนในยูเครน ถูกยิงเสียชีวิตใกล้พระราชวังเครมลิน เมื่อวันศุกร์...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบอริส เน็มต์รอฟ นักการเมืองฝ่ายค้านคนดังของประเทศรัสเซีย ซึ่งมักวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน บ่อยๆ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงบริเวณหลังถึง 4 นัดจนเสียชีวิตที่สะพานแห่งหนึ่งใกล้พระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ฝ่ายค้านจะเดินขบวนต่อต้านเหตุความรุนแรงในยูเครน ในวันอาทิตย์

    ตามการเปิดเผยของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย การฆาตกรรมเกิดขึ้นในเวลา 23:40 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ในขณะที่เขาข้ามสะพานบอลชอย มอสค์โวเรตสกี โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางไปด้วย ก่อนจะมีรถยนต์สีขาวคันหนึ่งมาจอดใกล้ๆ และผู้ที่อยู่ในรถก็ยิงเขาด้วยอาวุธปืนพก จากนั้นจึงหลบหนีไป

    นายเน็มต์รอฟ อายุ 55 ปี เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเคยออกมารายงานหลักฐานซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นข้อพิสูจน์ ว่ารัสเซียเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในการก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของประเทศยูเครนซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2014

    การเสียชีวิตของนายเน็มต์รอฟทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มฝ่ายค้าน ซึ่งโจมตีรัฐบาลเครมลินว่าไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และว่าการเสียชีวิตของนายเน็มต์รอฟเป็นการลอบสังหาร โดยในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ นายเน็มต์รอฟระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินอาจต้องการให้เขาตาย เพราะเขาต่อต้านสงครามในยูเครน

    อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูตินออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายเน็มต์รอฟอย่างรวดเร็ว ด้วยการส่งโทรเลขแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่นาง ดีนา เอดมัน มารดาวัย 86 ปี ของนายเน็มต์รอฟในวันเสาร์ และให้คำมั่นกับเธอว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษให้ได้ และสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเข้าไปดูแลการสืบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายเน็มต์รอฟแล้ว

    ในขณะเดียวกัน ประชาชนจำนวนหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานชั่วคราว ซึ่งอยู่ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อไว้อาลัยแก่นายเน็มต์รอฟ

    อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียดำเนินการสืบสวนอย่างโปร่งใส, เป็นกลาง และรวดเร็ว เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะที่นายกรัฐมนตรี อันเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ออกมากล่าวยกย่องว่านายเน็มต์รอฟเป็นผู้กล้าที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลบ่อยครั้ง และขอให้ประธานาธิบดีปูตินรับรองว่าจะไขคดีฆาตกรรมครั้งนี้ให้กระจ่างชัด

    อุกอาจ! แกนนำฝ่ายค้านรัสเซียถูกยิงดับใกล้เครมลิน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดินขบวนรำลึกนักการเมืองฝ่ายค้านรัสเซียที่ถูกยิงดับ

    ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านเตรียมเดินขบวนทั่วกรุงมอสโก เพื่อร่วมรำลึกถึงนายเนมต์ซอฟ นักการเมืองฝ่ายค้านที่ถูกสังหาร พร้อมนำดอกไม้มาวางตรงจุดเกิดเหตุด้วย

    [​IMG]

    วันอาทิตย์ 1 มีนาคม 2558 เวลา 12:24 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 1มี.ค.ว่าผู้สนับสนุนฝ่ายค้านจะจัดเดินขบวนทั่วกรุงมอสโกในวันอาทิตย์เพื่อเป็นการรำลึกถึงนายบอริสเนมต์ซอฟนักการเมืองฝ่ายค้านที่วิพากษ์วิจารณ์ทำเนียบเครมลินอย่างดุเดือดซึ่งการฆาตกรรมเขาอย่างอุกอาจได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของรัสเซียในกลุ่มของผู้ต่อต้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีประชาชนหลายพันคนเดินทางไปวางช่อดอกไม้และจุดเทียนบนสะพานที่นักการเมืองฝ่ายค้านและอดีตรองนายกรัฐมนตรีท่านนี้ถูกยิงเสียชีวิตใกล้ทำเนียบเครมลินเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

    คณะสอบสวนแห่งชาติซึ่งเข้าชี้แจงต่อประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า เบื้องต้นพวกเขากำลังทำการสอบสวนในหลายประเด็นซึ่งรวมทั้ง ความเป็นไปได้ว่านายเนมต์ซอฟ ซึ่งเป็นชาวยิวถูกสังหารโดยกลุ่มหัวรุนแรงหรือว่าฝ่ายค้านฆ่าเขาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีประธานาธิบดีปูติน

    ขณะที่ฝ่ายค้านของปูติน ระบุว่าเป็นการจัดฉากของบรรดาผู้นำรัสเซียขณะที่พวกเขาต้องการกระตุ้นกระแสชาตินิยมความเกลียดชังและต่อต้านตะวันตกเพื่อเรียกเสียงสนับสนุนนโยบายของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและหันเหความสนใจจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ

    “มันกำลังส่งผลกระทบต่อรัสเซียหากการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองถูกลงโทษด้วยวิธีการเช่นนี้ดังนั้น ประเทศนี้ก็จะไม่มีอนาคต”เซอร์เก มีโตรคิน ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวถึงการสังหารนายเนมต์ซอฟ

    ด้านประธานาธิบดีปูตินระบุว่า การสังหารดังกล่าวเป็นการยั่วยุและกล่าวกับแม่ของนายเนมต์ซอฟว่าฆาตกรจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษแต่พันธมิตรของนายเนมต์ซอฟกล่าวว่านี้เป็นการเข่นฆ่าทางการเมืองที่เชื่อมโยงกับการต่อต้านประธานาธิบดีปูตินและความขัดแย้งในยูเครน

    เดินขบวนรำลึกนักการเมืองฝ่ายค้านรัสเซียที่ถูกยิงดับ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาซัคผวาปิดเมืองหลังชาวบ้านเป็นโรคประหลาด'หลับไม่รู้ตัว'

    [​IMG]

    ทางการคาซัคสถานเตือนให้ชาวบ้านในเมืองคาลาจีทางภาคเหนืออพยพออกจากเมือง หลังเกิดโรคประหลาดระบาดทั่วเมือง ชาวบ้านหลับโดยไม่รู้ตัว มึนงง ประสาทหลอนและสูญเสียความทรงจำ

    วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 22:49 น.
    เว็บไซต์ข่าว อินเตอร์เนชันแนล บิสเนส ไทม์ส รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่า ทางการคาซัคสถานแนะนำให้ประชาชนในเมืองคาลาจี ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีประชากรไม่ถึง 1,000 คน อพยพย้ายออกจากเมือง หลังชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับโรคนอนหลับที่เป็นปริศนา ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2553 จนเป็นเมืองที่ถูกเรียกว่า "หุบเขานิทรา" โดยยังมีอีก 2 เมืองใกล้เคียงที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้

    หลายคนมีอาการหลับไปโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งบางครั้งในขณะที่กำลังเดินอยู่ และอาจหลับไปเป็นระยะเวลานานถึง 5 วัน นอกจากนี้พวกเขายังสูญเสียความทรงจำ มึนงง และมีอาการประสาทหลอนด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนสงสัยว่าอาจเป็นโรคที่เกี่ยวกับการทำงานที่ผิดปกติของสมอง โดยก่อนหน้านี้มีนักวิทยาศาสตร์บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจเป็นผลมาจากการได้รับธาตุเรดอน จากเหมืองยูเรเนียมสมัยโซเวียตที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น แต่นายเซอร์เก ลูกาเชนโก หัวหน้าสถาบันนิเวศวิทยาและความปลอดภัยทางรังสี จากศูนย์นิวเคลียร์แห่งชาติของคาซัคสถาน ปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรดอน

    เว็บไซต์ข่าว ไซบีเรียนไทม์ส รายงานว่า มีรายงานการตรวจพบคาร์บอนมอนนอกไซด์ปริมาณในอากาศโดยไม่สามารถอธิบายถึงที่มาได้ ซึ่งนายลูกาเชนโกกล่าวว่า คาร์บอนมอนนอกไซด์คือสาเหตุหลักของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถยืนยันว่าสภาพอากาศมีบทบาทสำคัญในส่วนนี้หรือไม่ มีการตั้งข้อสงสัยว่า เมืองนี้อาจตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติและมีรูปแบบสภาพอากาศเฉพาะ ที่ทำให้ควันจากปล่องควันลอยกลับลงมายังพื้นดินแทนที่จะลอยไปข้างบน

    ทั้งนี้ สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. 2556 ทำให้ประชาชนจำนวนมากทยอยละทิ้งเมืองนี้ไป โดยเจ้าหน้าที่เผยว่าจะมีการสั่งปิดเมืองภายในเดือน พ.ค.

    คาซัคผวาปิดเมืองหลังชาวบ้านเป็นโรคประหลาด'หลับไม่รู้ตัว' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประชันกลุ่มหนุน-ต้านอิสลามในอังกฤษ

    [​IMG]

    กลุ่มต่อต้านอิสลามสาขากลุ่มเพกีดาในเยอรมนี เดินขบวนในเมืองนิวคาสเซิลของอังกฤษเมื่อวันเสาร์ แต่เจอกลุ่มสนับสนุนจำนวนมากกว่าออกมาประชัน

    วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 22:14 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่า ผู้ประท้วงกว่า 2,000 คน ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองนิวคาสเซิล ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษในวันนี้ เพื่อแสดงพลังต่อต้านการเดินขบวนของกลุ่มสาขาในอังกฤษ ของกลุ่มต่อต้านอิสลาม เพกีดา ซึ่งมีผุ้เข้าร่วมประมาณ 400 คน สำนักงานตำรวจของเมืองระดมกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมสถานการณ์ คอยกัน 2 กลุ่มไม่ให้เข้าใกล้กัน จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างก็สลายตัวแยกย้ายกันไป โดยไม่มีการกระทบกระทั่ง

    กลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวาจัดเพกีดาของชาวเยอรมัน ประกาศเตือนมาหลายเดือนแล้วว่า เยอรมนีจะถูกยึดครองโดยชาวมุสลิม และจัดการเดินขบวนแสดงพลังต่อต้านครั้งใหญ่หลายครั้ง ส่วนใหญ่จัดที่เมืองเดรสเดน แกนนำกลุ่มพยายามขยายแนวร่วมไปยังเมืองและประเทศอื่นๆ แต่ประสบความสำเร็จในวงจำกัด อย่างไรก็ตาม ในเฟซบุ๊คของกลุ่มเพกีดาสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่า มีผุ้กด "ไลค์" มากกว่า 17,000 คน

    เกิดกระแสวิตกอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านอิสลามจะแผ่ขยายเติบโตในอังกฤษ เนื่องจากการก่อความรุนแรุงของกลุ่มไอเอสในตะวันออกกลาง กลายเป็นข่าวใหญ่รายวันของสื่อทุกแขนง รวมทั้งการโจมตีของแนวร่วมในยุโรป หลายกลุ่มองค์กรมุสลิมวิจารณ์การตอบสนองของรัฐบาลอังกฤษ ต่อภัยคุกคามของกลุ่มไอเอส เนื่องจากทำให้ภาพลักษณ์ของชาวมุสลิม 2.7 ล้านคนในอังกฤษ เลวร้ายน่าเกลียดน่ากลัว.

    ประชันกลุ่มหนุน-ต้านอิสลามในอังกฤษ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นเสนอส่งกำลังทหารช่วยเหลือพลเมืองในต่างแดน

    [​IMG]

    รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอแผนส่งกองกำลังป้องกันตนเอง ไปช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ตกอยู่ในอันตรายในต่างแดน เช่นถูกกลุ่มก่อการร้ายจับกุมเป็นตัวประกัน

    วันอาทิตย์ 1 มีนาคม 2558 เวลา 01:58 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอแผนการเมื่อวันศุกร์ การส่งทหารกองกำลังป้องกันตนเอง (เอสดีเอฟ) ไปช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ตกอยู่ในอันตรายในต่างแดน เช่น ถูกผู้ก่อการร้ายจับกุมเป็นตัวประกัน และการช่วยเหลือโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศนั้นๆ ไม่สามารถคาดหวังได้

    รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินในเรื่องนี้ ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว โดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า จะส่งเอสดีเอฟไปต่างแดนในกรณีที่บุคคลสัญชาติญี่ปุ่นถูกโจมตีก่อการร้าย และเกิดเหตุฉุกเฉินอื่นๆ และการส่งจะต้องได้รับความยินยอม จากรัฐบาลประเทศที่เกิดเหตุเสียก่อน รวมทั้งรัฐบาลประเทศนั้นจะต้องมีอำนาจครอบคลุมพื้นที่ ที่จะส่งเอสดีเอฟไปปฏิบัติการช่วยเหลือ

    การประชุมระหว่างแกนนำของ 2 พรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่น เสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) และพรรคโคไมโตะ เมื่อวันศุกร์ ซึ่งมี นายมาซาฮิโกะ โคมูระ รองหัวหน้าพรรคแอลดีพี เป็นประธาน ได้มีการหารือกันถึงความคืบหน้าของการออกกฏหมายด้านความมั่นคง และทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันว่า จะมีการหารือกับสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดส่งเอสดีเอฟ ไปปฏิบัติการช่วยเหลือในต่างแดนดังกล่าว ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย

    นอกจากนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้เสนอแผน ให้ กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล (เอ็มเอสดีเอฟ) หรือ กองทัพเรือ สามารถตรวจค้นเรือได้ในพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากเขตน่านน้ำรอบๆ ญี่ปุ่น หากเกิดกรณีที่เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงของญี่ปุ่น จากปัจจุบันที่ เอ็มเอสดีเอฟ สามารถตรวจค้นเรือได้ในกรณีฉุกเฉิน เฉพาะในเขตน่านน้ำรอบๆ ญี่ปุ่นเท่านั้น และการตรวจค้นเรือตามแผนข้อเสนอใหม่ สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากกัปตันเรือลำนั้นๆ ตราบใดที่ญี่ปุ่นได้รับความยินยอมจากประเทศที่เรือจดทะเบียนสังกัด.

    ญี่ปุ่นเสนอส่งกำลังทหารช่วยเหลือพลเมืองในต่างแดน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pst Nong ได้แชร์โพสต์ของ บีบีซีไทย - BBC Thai

    การสืบสวนการลอบสังหารฝ่ายค้านคนสำคัญในรัสเซียจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

    [​IMG]

    อาร์ทิม ลิสส์ จากบีบีซีแผนกภาษารัสเซียบอกว่าทั้งสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ รวมทั้งนักการเมืองในรัสเซียต่างพูดไปในทำนองเดียวกันว่าไม่อยากเชื่อเรื่องที่นายบอริส เน็มท์ซอฟ ถูกสังหารกลางกรุงมอสโก จุดสังหารอยู่ใกล้ ๆ กับพระราชวังเครมลิน ที่เป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดีและคณะรัฐบาล

    ปธน. วลาดิเมียร์ ปูตินบอกว่าการลอบสังหารครั้งนี้เป็น “การยั่วยุ” และสั่งให้บรรดานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เร่งสืบสวน โดยให้รายงานตรงต่อตัวเขา และนายตำรวจสามารถตั้งสมมุตฐานออกมาได้โดยเร็ว นายวลาดิเมียร์ มาร์คิน หัวหน้าคณะสืบสวนบอกว่า เขาเชื่อว่าการสังหารอาจเป็นการ “ยั่วยุเพื่อบั่นคลอนเสถียรภาพและความมั่นคงของรัสเซีย” แต่ประเด็นที่ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มมุสลิมสุดโต่งก็ทิ้งไม่ได้ รวมทั้งเรื่องที่อาจโยงกับเหตุการณ์ในยูเครน

    ตอนนี้ตำรวจทำงานกันตลอดคืน เพื่อค้นหารถฟอร์ดสีขาวที่ว่ากันว่ามือปืนใช้เป็นพาหนะ นอกจากนั้นยังได้ไปตรวจค้นที่แฟลตของนายเน็มท์ซอฟด้วย คนรัสเซียส่วนใหญ่คิดว่าคงสาวไม่ถึงตัวคนบงการ ผู้สื่อข่าวบอกว่าตำรวจรัสเซียได้ชื่อว่าจับมือปืนเก่ง แต่มักสาวถึงตัวผู้บงการไม่ค่อยได้ เขายกตัวอย่างกรณีที่ผู้สื่อข่าวมีชื่อคนหนึ่งถูกยิงกลางกรุงมอสโกเมื่อหลายปีก่อน ที่ตำรวจจับมือปืนได้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครสั่งการ อาร์ทิม ลิสส์ชี้ว่าการสืบคดีใหญ่ ๆ ในรัสเซียไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ คนรัสเซียเชื่อว่าพวกคนรวยและมีอำนาจสามารถจ่ายเงินซื้อตำรวจได้ คนที่ถูกจับและถึงขั้นต้องขึ้นศาลเป็นพวกปลาซิวปลาสร้อยเสียส่วนใหญ่ เพราะไม่มีเงินจ่าย

    การลอบสังหารนายเน็มท์ซอฟทำให้สังคมรัสเซียแตกแยกหนักยิ่งขึ้น ผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและนายปูตินก็คล้อยตามในเรื่องที่รัฐบาลบอก

    ในวันนี้ (1 มี.ค.) คาดว่าฝ่ายที่วิจารณ์รัฐบาล จะจัดพิธีไว้อาลัยให้กับนายเน็มท์ซอฟ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเป็นฝีมือใคร แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการลอบสังหารเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในยูเครน สมมุติฐานหนึ่งคือเป็นฝีมือของกลุ่มชาตินิยมรัสเซีย ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมาก หลังจากที่คนกลุ่มนี้ถอนตัวออกมาจากยูเครนแล้ว พวกเขาอาจต้องการลงโทษคนที่พวกเขาเห็นว่าเป็นปรปักษ์กับรัสเซียใหม่ นายเน็มท์ซอฟเป็นนักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมและนิยมตะวันตก จึงจัดอยู่ในข่ายที่อาจถูกหมายหัวก็ได้

    ผู้สื่อข่าวบอกว่าคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรู้ว่าใครสั่งการ หรืออาจเป็นปีกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นแรงจูงใจการสังหาร แต่เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นจุดพลิกผันสำหรับรัสเซีย และสะท้อนว่าการเป็นนักการเมืองในรัสเซียนั้นอันตรายมาก ไม่ต่างไปจากช่วงปีแห่งความโกลาหล ก่อนหน้าการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pst Nong ผ่าน สำนักข่าวไทย

    [​IMG]

    วอชิงตัน 1 มี.ค. – เจ้าหน้าที่สหรัฐรายงานว่า พายุน้ำแข็งในฤดูหนาวพัดถล่มทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวที่สนามบินดัลลัสในวันเสาร์ เนื่องจากหิมะตกหนากว่า 2 นิ้วที่ท่าอากาศยานหลักดังกล่าว
    นับจนถึงช่วงค่ำที่ผ่านมาตามเวลาในไทยต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 350 เที่ยวจากสนามบินดัลลัส คิดเป็นร้อยละ 35 ของยอดเที่ยวบินในแต่ละวัน แถลงการณ์ระบุว่าหิมะและน้ำแข็งปกคลุมหนากว่า 2 นิ้วมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ ทำให้เจ้าหน้าที่สนามบินต้องนำรถตักหิมะออกจากลานบิน คาดว่าสภาพอากาศดีขึ้นบ้างในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้มีเที่ยวบินราว 1,850 เที่ยวเดินทางเข้า-ออกจากสนามบินดัลลัส/ฟอร์ตเวิร์ธ เพื่อนำผู้โดยสารเดินทางไปจุดหมาย 55 แห่งในต่างประเทศ และ 148 แห่งในสหรัฐ

    พายุน้ำแข็งถล่มจนต้องยกเลิกเที่ยวบินที่ดัลลัส | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าปูตินจะสังหารฝ่ายค้านรัสเซีย คงไม่ทำหลังจากเขาเพิ่งจะสัมภาษณ์ประณามปูตินไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกฆ่า มันก็โยงไปหาปูตินได้น่ะสิ อาจเป็นทางฝั่งคู่อริจากประเทศอื่นของปูตินที่กำลังต้องการทำลายรัสเซียก็ได้

    ฝ่ายค้านรัสเซียให้สัมภาษณ์ประณามปูตินไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกฆ่า
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/02/28 5:47 PM

    [​IMG]

    มอสโก 28 ก.พ.- นายบอริส เนมต์ซอฟ์ แกนนำฝ่ายค้านรัสเซียให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุประณามประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเรื่องยูเครน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกลอบยิงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้านทางการกำลังสอบว่าเป็นการก่อเหตุหวังผลทางการเมืองหรือไม่

    นายเนมต์ซอฟให้สัมภาษณ์สดที่สถานีวิทยุเอโคในกรุงมอสโกเป็นเวลา 45 นาที ชักชวนผู้ฟังออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในกรุงมอสโกวันอาทิตย์นี้เพื่อเรียกร้องให้ยุติสงครามในยูเครนโดยทันที โดยเห็นด้วยกับชาติตะวันตกที่ว่าทหารรัสเซียเข้าไปพัวพันการสู้รบระหว่างรัฐบาลยูเครนและกลุ่มแยกดินแดน พร้อมกับชี้ว่า วิกฤตเศรษฐกิจรัสเซียขณะนี้เป็นผลจากนโยบายบ้าคลั่งของปูตินในเรื่องยูเครน สถานการณ์ในยูเครนที่ย่ำแย่ลงประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรและโดดเดี่ยวของชาติตะวันตก ทำให้รัสเซียถูกตัดขาด ไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ และเงินทุนไหลออกไปแล้ว 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.87 ล้านล้านบาท) เขาถูกลอบยิงอย่างอุกอาจใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงมอสโกหลังให้สัมภาษณ์ได้ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ผู้จัดการชุมนุมเปลี่ยนให้การชุมนุมวันอาทิตย์นี้เป็นการไว้อาลัยให้เขาแทน

    ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์รายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนที่จะต้องรายงานต่อประธานาธิบดีปูตินกำลังสอบสวนเหตุยิงนายเนมต์ซอฟในหลายแนวทาง มีทั้งความเป็นไปได้ว่าเป็นการสังหารเพื่อสร้างความวุ่นวายทางการเมือง เป็นการก่อเหตุของกลุ่มสุดโต่ง หรือเป็นเรื่องที่โยงไปถึงสถานการณ์การสู้รบในยูเครน.-สำนักข่าวไทย

    ฝ่ายค้านรัสเซียให้สัมภาษณ์ประณามปูตินไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกฆ่า | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,509
    ค่าพลัง:
    +97,150
    และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ปูตินไม่มีทางสั่งฆ่านายบอร์ริส เนมต์ซอฟ แน่นอน เพราะจะทำให้ประเทศที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจจากความพยายามทำลายรัสเซียให้ย่อยยับ เกิดความสั่นคลอน และไม่มั่นคงมากยิ่งขึ้น เจ้าเก่าที่เคยทำลายโซเวียตคงจะนำกลยุทธเดิมๆ มาใช้ น่าเบื่อน่ะครับ ไม่รู้จักมีการพัฒนาแผนเลวๆ บ้างเลย ใช้ซ้ำซากตลอดเลย

    ชาวรัสเซียเตรียมเดินขบวนรำลึกถึงผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกสังหาร
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/03/01 2:15 PM

    [​IMG]

    มอสโก 1 มี.ค.- บรรดาผู้สนับสนุนนายบอร์ริส เนมต์ซอฟเตรียมเดินขบวนรอบกรุงมอสโกช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อแสดงความไม่พอใจและไว้อาลัยต่อการที่ผู้นำฝ่ายค้านและนักวิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่ผู้นำรัสเซียให้คำมั่นว่าจะนำฆาตกรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

    อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียวัย 55 ปีถูกยิงข้างหลังหลายนัดจนเสียชีวิต ในช่วงก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่เขากำลังเดินข้ามสะพาน ซึ่งมีการขว้างก้อนหินจากกำแพงทำเนียบเครมลินเข้าใส่เขาด้วย การสังหารนายเนมต์ซอฟส่งผลให้การชุมนุมประท้วงในวันนี้ของฝ่ายค้านที่ได้วางแผนไว้เดิม กลายเป็นการเดินขบวนเพื่อรำลึกถึงเขา บรรดาผู้สนับสนุนที่ยังอยู่ในอาการเศร้าโศก เตรียมที่จะข้ามสะพานเดียวกับที่เขาถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งในขณะนี้สถานที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยดอกไม้และสิ่งของที่รำลึกถึงเขา – สำนักข่าวไทย

    ชาวรัสเซียเตรียมเดินขบวนรำลึกถึงผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกสังหาร | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     

แชร์หน้านี้

Loading...