ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



ปูตินเดินหน้าเจาะไข่แดงตะวันตก
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง พี่ปูเดินหน้าเจาะไข่แดงตะวันตกอย่างเดียว คือเก็บทั้งกรีซ ฮังการี่และอิยิปต์ได้แล้ว
กรีซอยู่ในกระเป๋าพี่ปูเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเอาว่าจะอยู่เยี่ยงทาสโดยมีหนี้ที่ไม่มีวันจ่ายได้ในเขตยูโร และโดนเจ้าหนี้อียูไล่บี้ หรือย้ายข้างมาอยู่กับฝั่งBRICS ที่กำลังตั้งสถาบันการเงินขึ้นมาแข่งWorld Bank/IMF สามารถให้กู้กรีซได้ เงื่อนไขไม่โหดเหมือนพวกอียู กรีซเตรียมแท่นพิมพ์โชว์ธนบัตรDrachmaแล้ว ถ้าออกจากยูโร มีDrachmaรอ ยุโรปจะล่มสลายเพราะว่าประเทศอื่นๆทนมาตรการรัดเข็มขัดและต้องทนจ่ายหนี้ต่อไม่ไหว
พี่ปูเก็บสแปร์ฮังการี่ได้ด้วย เพราะว่านายกรัฐมนตรีฮังการี่นายViktor Orbanต้องการหันนโยบายประเทศไปทางทิศตะวันออก เข้ามาอยู่ในสหภาพยุโรปแล้วกำลังโดนกินรวบ เลยคิดย้ายมาอยู่ฝั่งรัสเซียดีกว่า อย่างน้อยได้รักษาความเป็นตัวของตัวเองได้บ้าง เป็นศัตรูกับพี่ปูไม่ดีแน่ นายOrbanเลยใช้ข้ออ้างว่านโยบายพลังงานของอียูทำให้ฮังการี่ไม่มีอำนาจอธิปไตยในเรื่องคอขาดบาดตายนี้ จับมือกับพี่ปูได้ก๊าซสะดวกใจดีกว่า
ได้ฮังการี่มาประเทศสังคมนิยมยุโรปตะวันออกอื่นๆต้องคิดยับยั้งชั่งใจใหม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนดี อยู่กับอียูเป็นเบี้ยล่าง ใช่ว่าจะสบาย อยู่รัสเซียก็โดนกดมาตลอด จะเอายังไงดี ท้ายที่สุดความอยู่รอดของประเทศสำคัญที่สุด
แต่หมากสำคัญที่พี่ปูได้มาคืออิยิปต์ เพราะว่าได้อิยิปต์มาจบเลยในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง เพราะว่าเป็นประเทศยุทธศาสตร์ ที่ได้อิยิปต์มาหลังจากการเยือนปิรามิดพูดคุยกับนายAbdul Fattah al-Sisi ผู้นำอิยิปต์ที่ได้โค่นนายMohammed Morsi และพวกมุสลิม บราเธอร์ฮู๊ด นายMorsiมาแทนอำนาจของนายฮอสนี่ มูบารัคที่เป็นประธานาธิบดีอิยิปต์มาระหว่าง1981-2011ก่อนที่จะโดนมะกันหักหลังโค่นลงจากตำแหน่ง เพราะว่าหมดประโยชน์
ตามสูตรมะกันปากมากเรื่องประชาธิปไตย แต่ชอบสนับสนุนผู้นำทหารหรือเผด็จการเพราะว่าคุยกันรู้เรื่อง แต่มักจะหักหลังเมื่อผู้นำทหารหรือเผด็จการนั้นหมดประโยชน์ ในกรณีของอิยิปต์ นายมูบารัคต้องช้ำใจมากเพราะว่าเป็นเด็กดีมาตลอดแต่มาโดนนายใหญ่หักหลังโค่นล้มผ่านการเมืองโนมินีภายใน ทำให้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แกล้งป่วย หลังจากนั้นมาอิยิปต์ปั่นป่วนมาตลอดไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองภายใน ในสงคราม6วันกับอิสราเอลในปี1967 อิยิปต์แพ้อย่างย่อยยับ ไม่ใช้เพราะยิวเก่ง แต่เพราะว่าอิยิปต์รบกับทหารมะกันข้างหลังต่างหาก แต่ยังไม่เข็ดหลาบความแสบของมะกัน
พี่ปูติดเข้ามาจีบอิยิปต์ให้ย้ายข้างได้แล้ว ได้รับการตอบตกลงเป็นอย่างดี เพราะว่ามูบารัคยังคงมีฐานอำนาจอยู่
เป็นธรรมดาก่อนที่จะตะลุมบอนกัน ต้องหาพวก และต้องแยกมิตรแยกศัตรูออกมาให้เห็นชัดเจนก่อน
ผู้นำไทยใครก็ตามที่ทำตัวเป็นเด็กดีต้องรู้ตัวด้วย เพราะว่านายใหญ่เห็นว่าหมดประโยชน์เมื่อใด มีอันต้องชีช้ำกะหล่ำปลีทุกราย ในอดีตมีให้เห็นตัวอย่างมากมายแล้ว
thanong
23/2/2015
http://www.euractiv.com/…/orban-says-eus-energy-union-threa…
BBC News - Russia's Putin in Cairo for talks with Egypt's Sisi

 

Chalee Na Roied

มุขนี้เริ่มใช้ไม่ได้ เขาเริ่มรู้ทันมากขึ้น จะส่งทหารเข้าไป ยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ด้วยข้ออ้างปราบปราบ IS เจ้าของประเทศ เขาก็เริ่มต่อต้าน ทั้งในอิรักและซีเรีย ก่อนหน้านั้นก็ เครือข่ายอัลเคด้า ต่อมาก็กลุ่ม ISIS ไม่รู้ว่าถัดจากกลุ่ม IS จะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรนะครับ..

อิรักตอกหน้าสหรัฐฯ จะเข้าปราบ IS ต้องได้รับอนุญาต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2558 09:44 น.

นายคอลิด อัล-โอเบดี รัฐมนตรีกลาโหมอิรัก แถลงว่า การที่สหรัฐฯ หรือประเทศใดก็ตาม จะส่งทหารเข้ามาปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงในอิรัก จะต้องได้รับการอนุมัติทางการเมืองจากอิรักอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ ต้องได้รับความเห็นชอบจากพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งรัฐสภาของอิรัก
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้ข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ให้รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติให้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรง

http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021754

 

สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่22 ก.พ.ว่า นายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง1 ของรัสเซียที่จะออกอากาศในวันจันทร์นี้ โดยให้สัญญาว่า เขาจะกลับมาและจะทำทุกอย่างเพื่อทวงอำนาจ พร้อมกับอ้างว่า เขาเจ็บปวดหัวใจที่เห็นความขัดแย้งในยูเครนบานปลายจนสร้างความเสียหายไปทั่วภูมิภาค

อดีตผู้นำยูเครนลั่นทวงอำนาจกลับคืน



นายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนที่ถูกโค่นล้มอำนาจจนต้องลี้ภัยไปอยู่ในรัสเซีย ประกาศจะทำทุกวิถีทางเพื่อทวงอำนาจกลับคืนมาให้ได้

วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 18:29 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่22 ก.พ.ว่า นายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง1 ของรัสเซียที่จะออกอากาศในวันจันทร์นี้ โดยให้สัญญาว่า เขาจะกลับมาและจะทำทุกอย่างเพื่อทวงอำนาจ พร้อมกับอ้างว่า เขาเจ็บปวดหัวใจที่เห็นความขัดแย้งในยูเครนบานปลายจนสร้างความเสียหายไปทั่วภูมิภาค

คำกล่าวของอดีตผู้นำยูเครนมีขึ้นหลังครบรอบ1ปีเมื่อวันที่20 ก.พ.ที่ผ่านมาในเหตุการณ์ที่ประชาชนชาวยูเครนซึ่งนิยมตะวันตกได้ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาล ทำให้นายยานูโควิช ต้องหลุดจากอำนาจและลี้ภัยไปอยู่ในรัสเซีย ทั้งนี้ การที่ประชาชนออกมาไล่นายยานูโควิชเนื่องจากทราบว่า อดีตผู้นำยูเครนใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟื่อย รวมทั้งมีสวนสัตว์ส่วนตัว และเรือโจรสลัดจำลอง ตลอดจนทองคำบริสุทธิ์ ในขณะที่ ประเทศเป็นหนี้สินล้นตัว ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยอมรับว่าให้ความช่วยเหลือนายยานูโควิชในการหลบหนีเข้าประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยูเครนอ้างว่า ปูตินยังมอบสิทธิความเป็นพลเมืองรัสเซียแก่นายยานูโควิชอีกด้วย

อดีตผู้นำยูเครนลั่นทวงอำนาจกลับคืน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ซีอีโอเอชเอสบีซีมีบัญชีลับเลี่ยงภาษี



สื่ออังกฤษแฉซีอีโอของธนาคารเอชเอสบีซี ซึ่งกำลังถูกสืบสวนอย่างหนักฐานช่วยลูกค้ารายใหญ่เลี่ยงภาษี มีบัญชีเงินฝากลับเอาไว้เลี่ยงภาษีเองเช่นกัน

วันจันทร์ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 10:00 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. อ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ "เดอะ การ์เดียน" ฉบับวันอาทิตย์ ว่านายสจวร์ต กัลลิเวอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของธนาคารเอชเอสบีซี มีบัญชีเงินฝากลับที่เปิดในนามบริษัทวอร์เซสเตอร์ อีควิตีส์ อิงค์ จดทะเบียนในปานามา โดยจำนวนเงินฝากเมื่อปี 2550 สูงถึง 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 250.8 ล้านบาท ) และบัญชีดังกล่าวเป็นแหล่งที่กัลลิเวอร์ใช้ฝากเงินโบนัสเพื่อเลี่ยงภาษีจากรัฐบาลอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของเอชเอสบีซีชี้แจงเพียงว่า บัญชีที่เดอะ การ์เดียน อ้างถึง อยู่ในสถานะใช้งานก่อนถึงปี 2546 เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่กัลลิเวอร์ย้ายจากฮ่องกงมาประจำที่สำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน

รายงานชิ้นนี้ของเดอะ การ์เดียน ได้รับการเปิดเผยเพียง 1 วันก่อนกัลลิเวอร์มีกำหนดแถลงรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท ซึ่งกำลังถูกสืบสวนอย่างหนักจากทั้งรัฐบาลเวสต์มินสเตอร์และรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ หลังอดีตพนักงานของธนาคารเปิดโปงข้อมูลว่า ธนาคารแห่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษเจตนาช่วยเหลือลูกค้าที่มีระดับเศรษฐีจำนวนมากหลบเลี่ยงภาษีด้วยการฟอกเงิน

ขณะที่นายแดนนี อเล็กซานเดอร์ รมช.กระทรวงการคลังอังกฤษ เผยว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมยื่นญัตติให้สภาพิจารณาออกกฎหมายลงโทษสถาบันการเงินที่ช่วยลูกค้าหลบเลี่ยงภาษี โดยหากได้รับการอนุมัติ ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีทั้งในทางแพ่งและทางอาญา

ซีอีโอเอชเอสบีซีมีบัญชีลับเลี่ยงภาษี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐพบไวรัสชนิดใหม่มีเห็บเป็นพาหะ



สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ พบ 'เบอร์เบิน' ไวรัสชนิดใหม่ที่คร่าชีวิตชายวัย 50 ปี ในรัฐแคนซัส โดยมีเห็บและหมัดเป็นพาหะ

วันจันทร์ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 06:53 น.
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ เรื่องการค้นพบไวรัสชนิดใหม่ จากการตรวจวิเคราะห์เลือดของผู้ป่วยชายวัย 50 ปี รายหนึ่ง ที่เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ในเมืองเบอร์เบิน รัฐแคนซัส เพียง 11 วัน หลังแสดงอาการป่วย

เมื่อช่วงต้นปี 2557 ชายคนดังกล่าวถูกเห็บและหมัดกัดจำนวนมาก ขณะทำกิจกรรมนอกบ้าน จากนั้น 2 วันเขาเริ่มมีอาการป่วยในหลายลักษณะประกอบกัน ทั้งไข้ อ่อนเพลีย ผื่นแดง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อทั่วตัว คลื่นไส้ และอาเจียน ก่อนจะไปพบแพทย์ในวันที่ 3 และหลังจากนั้นอาการก็ทรุุดลงต่อเนื่องและเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว โดยยังพบว่าเขามีปริมาณเม็ดเลือดในระดับต่ำ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อหรือมีภาวะเลือดออก

ระหว่างเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์ได้ทดสอบหาการติดเชื้อที่น่าจะเป็นไปได้ แต่กลับพบว่าผลการทดสอบเป็นลบทั้งหมด ไม่พบการติดเชื้อใดๆ จึงได้ส่งตัวอย่างเลือดไปทดสอบยังซีดีซี พบว่าเป็นไวรัสชนิดใหม่ ในกลุ่มของโทโกโทไวรัส (thogotovirus) ซึ่งปกติจะมีที่มาจากการถูกแมลงหรือปรสิตจำพวกเห็บหรือหมัดกัด พบได้ในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา โดยไวรัสชนิดใหม่นี้ได้รับชื่อตามเมืองที่พบการติดเชื้อว่า "เบอร์เบิน" ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พบการติดเชื้อกลุ่มนี้ในสหรัฐ

ซีดีซี เผยว่า ขณะนี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียว พร้อมทั้งออกประกาศเตือนให้ประชาชนป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกสัตว์ที่เป็นพาหะกัด ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ไล่แมลง สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมมิดชิด และหลีกเลี่ยงการเข้าไปยังพื้นที่รกทึบและป่า รวมถึงตรวจสอบว่ามีสัตว์ที่เป็นพาหะในบริเวณดังกล่าวหรือไม่ หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง.

สหรัฐพบไวรัสชนิดใหม่มีเห็บเป็นพาหะ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไลบีเรียเปิดพรมแดนยกเลิกเคอร์ฟิวอีโบลา



ทางการไลบีเรียประกาศยกเลิกการปิดพรมแดนและกฎเคอร์ฟิว หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของอีโบลาคลี่คลายลง ส่วนที่กานาเกิดข่าวลือกลุ่มโบโกฮาราม ผลิตอาวุธชีวภาพด้วยเชื้ออีโบลา

วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 23:00 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมันโรเวีย ประเทศไลบีเรีย เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ผู้นำหญิงของไลบีเรีย สั่งยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ที่มีการประกาศใช้มาตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว หลังเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสอีโบลา ในหลายประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อีกทั้งยังเปิดด่านพรมแดนระหว่างไลบีเรียกับกินีและเซียร์ราลีโอน ที่ถูกปิดมาตั้งแต่เดือน ก.คง ปีที่แล้ว เพื่อควบคุมการกระจายของเชื้อ โดยกลุ่มนี้นับเป็นประเทศที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุด

ในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งนี้ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2556 มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9,365 คน เฉพาะในไลบีเรียมีประมาณ 3,900 คน โดยองค์การอนามัยโลก (ฮู) เผยว่า ไลบีเรียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว และในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า นับจนถึงวันที่ 15 ก.พ. ไลบีเรียมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 2 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ 52 ราย ในกินี และ 74 ราย ในเซียร์ราลีโอน

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์การต่อสู้กับเชื้ออีโบลาจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ประธานาธิบดีเอลเลนก็ย้ำว่าไม่ควรดีใจเกินไปจนกลายเป็นความประมาท พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการคุมเข้มเพื่อเฝ้าระวัง โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดน โดยเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ประเทศได้ประกาศตั้งเป้าจะกำจัดเชื้ออีโบลาให้หมดไปภายใน 60 วัน

ด้านองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของกานา ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม ได้ผลิตอาวุธชีวภาพ ด้วยการผสมเชื้ออีโบลาเข้ากับชอล์กเพื่อใช้โจมตีพลเรือน หลังมีการส่งต่อข้อมูลเท็จ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของครู 2 คนจากการฉีดวัคซีน โดยทางการเรียกร้องให้ยุติการแพร่กระจายข่าวลือ ที่จะก่อให้เกิดความกลัวและตื่นตระหนก ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ผ่านเว็บไซต์ของทางการ.

ไลบีเรียเปิดพรมแดนยกเลิกเคอร์ฟิวอีโบลา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จีนควันออกหู นายกฯอินเดียเยือนพื้นที่ทับซ้อน



รัฐบาลจีนถึงกับควันออกหู หลังนายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย เดินทางเยือนพื้นที่ทับซ้อนในรัฐอรุณาจัลประเทศ ซึ่งจีนก็อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง ทำให้จีนต้องเรียกตัวเอกอัครราชทูตอินเดีย เข้าพบเพื่อประท้วง

วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 15:22 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อวันที่ 22ก.พ.ว่ารัฐบาลจีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงและคัดค้านอย่างหัวชนฝาหลังจากนายกรัฐมนตรีนเรนทราโมดี ของอินเดียเดินทางไปเยือนพื้นที่พิพาทพรมแดนในเขตเทือกเขาหิมาลัยซึ่งถือเป็นปัญหาที่บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองยักษ์เอเชียมานานแล้วโดยนายโมดีเข้าไปในพื้นที่ที่อินเดียควบคุมอยู่ในรัฐอรุณาจัลประเทศทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่ก็เป็นพื้นที่ที่จีนก็อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองด้วยเหมือนกันทำให้รัฐบาลจีนต้องเรียกตัวเอกอัครราชทูตของอินเดียเข้าพบเพื่อทำการประท้วง

พื้นที่พิพาทแห่งนี้มีเนื้อที่เกือบ 84,000ตารางกิโลเมตรซึ่งจีนก็อ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทิเบตที่จีนยึดครองอยู่

ทั้งนี้นายโมดีได้เข้าร่วมในพิธีครบรอบ28ปีของการสถาปนารัฐอรุณาจัลประเทศพร้อมเปิดเส้นทางรถไฟและตั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำเพื่อกระตุ้นการเติบโตของภูมิภาคด้วย

กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าหลิว เจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจีนได้เรียกตัวนายอาโชค กันตาเอกอัครราชทูตอินเดียเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงและคัดค้านอยางหัวชนฝาต่อการเยือนพื้นที่ดังกล่าวของนายโมดีโดยระบุว่า มันบ่อนทำลายอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน

จีนควันออกหู นายกฯอินเดียเยือนพื้นที่ทับซ้อน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

พยานย้ำเห็นเอ็มเอช370ตกในทะเลจีนใต้



อดีตคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลจีนใต้ ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เขาเห็นเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ คือเครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่หายไปอย่างลึกลับเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน และปฏิบัติการค้นหาที่กำลังดำเนินอยู่แถบตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียจนถึงขณะนี้ เป็นการค้นหาผิดที่อย่างแน่นอน

วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:13 น.
เว็บไซต์ข่าว อินเตอร์เนชันแนล บิสเนส ไทม์ส รายงานเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่า นายไมค์ แมคเคย์ อดีตคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันชาวนิวซีแลนด์ วัย 57 ปี ที่เคยประจำอยู่ที่แท่นขุดเจาะซอนกา เมอร์เคอร์ ของบริษัทเอ็ม-ไอ สวาโก ในทะเลจีนใต้ นอกชายฝั่งเมืองหวุงเต่า ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม ยังคงยืนยันว่า ลูกไฟที่เขาเห็นลุกไหม้ในท้องฟ้าก่อนตกลงทะเลในคืนวันที่ 7 มี.ค. ปีที่แล้ว คือเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่หายสาบสูญไปพร้อมผู้ที่อยู่บนเครื่อง 239 คน ซึ่งคำบอกเล่าดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นครั้งแรกตั้งแต่หลังเกิดเหตุ จนทำให้เขาถูกไล่ออกในเวลาต่อมา แม้บริษัทจะชี้แจงว่าการให้ออกจากงานของเขาไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้

ไมค์ เล่าว่า ลูกไฟดังกล่าวมีดวงเดียว มันเผาไหม้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 10 - 15 วินาที โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาเกิดเหตุแล้ว เขามั่นใจว่านั่นคือเอ็มเอช 370 อย่างแน่นอน และจนถึงขณะนี้ที่เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปี แล้วก็ตาม เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิม ซึ่งนั่นทำให้เขามั่นใจว่า ปฏิบัติการค้นหาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย กำลังดำเนินไปอย่างสูญเปล่า โดยมันก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจในบรรดาครอบครัวของผู้เสียหาย ที่ออกมารวมตัวกันอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียตรวจสอบตามรอยเส้นทางจากการส่งสัญญาณครั้งสุดท้ายของเครื่องอีกครั้ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ยกเลิกประกาศอย่างเป็นทางการที่ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุด้วย

เอ็มเอช 370 ออกเดินทางจากสนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเวลาประมาณ 00.40 วันที่ 8 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่งพร้อมด้วยลูกเรือ 12 คน และผู้โดยสาร 227 คน ก่อนจะขาดการติดต่อไปเมื่อเวลาประมาณ 01.22 น. ขณะบินอยู่เหนืออ่าวไทย ซึ่งการค้นหาที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มุ่งเป้าไปที่พื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย.

พยานย้ำเห็นเอ็มเอช370ตกในทะเลจีนใต้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ตุรกีส่งทหารบุกซีเรียเคลื่อนย้ายพระศพ “สุลัยมาน ชาห์” หลังถูก “ไอเอส” ปิดล้อม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2558 08:50 น.


---
@ ทหารจากกองกำลังป้องกันชาวเคิร์ดยืนสังเกตการณ์ ขณะที่ทหารตุรกีกำลังดำเนินการฝังพระศพของ สุลัยมาน ชาห์ ลง ณ สุสานแห่งใหม่ภายในเขตเอชเม จังหวัดอะเลปโปของซีเรีย ซึ่งห่างจากพรมแดนตุรกีประมาณ 200 เมตร เมื่อวันอาทิตย์(22 ก.พ.)
---
เอเอฟพี – กองทัพตุรกีส่งทหารเกือบ 600 นายบุกลึกเข้าไปในเขตแดนของซีเรียเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) เพื่อเคลื่อนย้ายพระศพ “สุลัยมาน ชาห์” พระอัยกาของสุลต่านออสมันที่ 1 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน และช่วยเหลือทหารอารักขาหลุมพระศพที่ถูกกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปิดล้อม

รัฐบาลกรุงดามัสกัสซึ่งแม้จะสูญเสียอำนาจควบคุมดินแดนในจังหวัดอะเลปโป แต่ก็ไม่กินเส้นกับตุรกีด้วยเรื่องสงครามกลางเมือง ออกมาแถลงโจมตีปฏิบัติการของตุรกีครั้งนี้ว่าเป็น “พฤติกรรมก้าวร้าวอย่างชัดแจ้ง”

นายกรัฐมนตรี อาเหม็ต ดาวูโตกลู แห่งตุรกี ประกาศว่าภารกิจครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี โดยทหารเกือบทุกนายเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย และสามารถเคลื่อนย้ายพระศพ สุลัยมาน ชาห์ ออกมาจากวงล้อมของกลุ่มติดอาวุธได้ ขณะที่กองทัพตุรกีแถลงว่า มีทหาร 1 นายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างช่วยอพยพทหารอารักขาออกจากสุสานซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเขตแดนซีเรียราว 37 กิโลเมตร ทว่าไม่ได้มีการยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธ

เจ้าหน้าที่กรุงอังการายืนยันกับเอเอฟพีว่า ภารกิจนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพตุรกีบุกเข้าไปในเขตแดนซีเรีย นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในปี 2011

เมื่อเย็นวันเสาร์ (21) ขบวนรถถังตุรกีได้ขับฝ่าเข้าไปในเมืองโคบานีซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบชาวเคิร์ด และมุ่งหน้าไปยังสุสานเพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้ชื่อ “ชาห์ ฟิรัต” จากนั้นก็สามารถยึดเนินแห่งหนึ่งในเขตซีเรียซึ่งมองเห็นได้ง่ายจากชายแดนตุรกี และทำการฝังพระศพของ สุลัยมาน ชาห์ ลงไปใหม่ ณ ที่แห่งนั้น โดยมีการปักธงชาติตุรกีไว้เป็นสัญลักษณ์ด้วย

ภาพที่ถ่ายจากแนวชายแดนเผยให้เห็นว่า พระศพของ สุลัยมาน ชาห์ ถูกฝังลงเหนือเนินดินในเขตเอชเม ซึ่งห่างจากชายแดนตุรกีเพียง 200 เมตร

ก่อนหน้านี้ ตุรกีได้ส่งราว 40 นายไปทำหน้าที่อารักขาสุสานของ สุลัยมาน ชาห์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยูเฟรติส โดยพื้นที่นี้ถือเป็นดินแดนในอธิปไตยของตุรกีตามสนธิสัญญาที่ทำขึ้นเมื่อทศวรรษ 1920 และมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เชื่อมโยงตุรกีกับประวัติศาสตร์ยุคก่อนจักรวรรดิออตโตมัน

สื่อตุรกีรายงานว่า หลังจากนำสิ่งของมีค่าทางประวัติศาสตร์ออกมาจนหมดแล้ว ทหารตุรกีได้ระเบิดอาคารครอบสุสานเดิมทิ้ง เพื่อไม่ให้นักรบญิฮาดนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ

ดาวูโตกลู ระบุว่า ภารกิจครั้งนี้ใช้ทหารรวมทั้งสิ้น 572 นาย, รถถัง 39 คัน, ยานเกราะ 57 คัน และยานพาหนะของทหารอื่นๆ อีก 100 คัน ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ “มีความเสี่ยงสูง” แต่ท้ายที่สุดทหารตุรกีก็เดินทางกลับออกมาโดยไม่ได้ทิ้งสิ่งใดเอาไว้

ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ทหารตุรกีได้ยิงปืนเป็นสัญญาณเตือนเพื่อปรามกลุ่มไอเอสไม่ให้เข้ามารบกวน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศซีเรียออกมาประณามการล่วงละเมิดเขตแดนครั้งนี้ว่า แม้จะได้รับแจ้งล่วงหน้าจากรัฐบาลตุรกีก็จริง แต่อีกฝ่ายไม่ได้รอให้กรุงดามัสกัสอนุญาตเสียก่อน

หลุมพระศพ สุลัยมาน ชาห์ ซึ่งเชื่อกันว่าสิ้นพระชนม์ในปี 1236 อยู่ในอธิปไตยของตุรกีตามสนธิสัญญาอังการาที่รัฐบาลตุรกีทำร่วมกับฝรั่งเศสในปี 1921

ดาวูโตกลู และประธานาธิบดี รีเซป ตอยยิบ เออร์โดแกน แห่งตุรกี ยืนยันว่า การย้ายพระศพไปฝัง ณ สถานที่แห่งใหม่ในซีเรียเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ถือว่าละเมิดสนธิสัญญาเมื่อปี 1921

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021729

 

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ พบน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีสูงกว่าปกติ 70 เท่ารั่วไหลโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 20:49 น.



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเปิดเผยในวันนี้ (22 ก.พ.) ว่าเซ็นเซอร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟูกูชิมะ ในประเทศญี่ปุ่น ตรวจพบน้ำที่มีกัมมันตภาพรังสีระดับสูงรั่วไหลออกสู่ทะเล เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ

บริษัท โตเกียว อิเลกทริค เพาเวอร์ (เทปโก) ระบุว่า เซ็นเซอร์ดังกล่าว ซึ่งติดตั้งบริเวณท่อของโรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ที่ปล่อยน้ำฝนและน้ำใต้ดินไปยังอ่าวใกล้ๆ ตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนของสารกัมนตภาพรังสีมากกว่าที่เคยเป็นถึง 70 เท่า

เทปโก ชี้แจงว่า ได้ทำการตรวจสอบฉุกเฉินบรรดาแทงก์กักเก็บน้ำเสียที่เป็นกากนิวเคลียร์ แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตัดสินใจปิดท่อดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีไหลออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

เทปโก อธิบายเพิ่มเติมว่า การปนเปื้อนที่สูงมากกว่าระดับปกติ ถูกตรวจพบเมื่อเวลา 10.00 น. (ประมาณ 8.00 น. ตามเวลาไทย) โดยเซ็นเซอร์ได้แสดงให้เห็นว่ามีระดับกัมมันตภาพรังสีสูงกว่าปกติ 50 - 70 เท่า

"แม้ว่าระดับการปนเปื้อนจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในวันนี้ แต่เซ็นเซอร์ตัวนี้ก็ยังคงแสดงให้เห็นว่าระดับการปนเปื้อนยังคงสูงกว่าปกติราวๆ 10 - 20 เท่า เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ระดับการปนเปื้อนพุ่งขึ้นสูงแล้วค่อยๆ ลดลงมา" โฆษกของเทปโก ระบุ

เขาบอกกับเอเอฟพีว่า จากการตรวจสอบฉุกเฉินบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และเฝ้าสังเกตการณ์เซ็นเซอร์ตัวอื่นๆ ยังไม่พบสาเหตุที่ทำให้เชื่อได้ว่าแทงก์กักเก็บน้ำเสียที่เป็นกากกัมมันตภาพรังสีเกิดการรั่ว

"เราได้ปิดท่อและกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บรรดาเซ็นเซอร์อยู่ในตอนนี้ เพื่อดูกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น" เขากล่าว

เหตุครั้งล่าสุดนี้ คือหนึ่งในเหตุร้ายหลายครั้งที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมและดำเนินการปิดเครื่องปฏิกรณ์ ซึ่งเคยเกิดการระเบิดและหลอมละลาย หลังเผชิญภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิในเดือนมีนาคม 2011

ที่ผ่านมา เทปโก ยังไม่สามารถหาหนทางรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับน้ำที่ปนเปื้อนซึ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที โดยน้ำเหล่านี้ถูกใช้ในการทำความเย็นให้แก่เครื่องปฏิกรณ์และเชื้อเพลิงแบบหลอมเหลวที่อยู่ภายใน แล้วถูกเก็บไว้ในแทงก์ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่เทปโกต้องปวดหัว นั่นก็คือ น้ำใต้ดินที่ไหลมาจากภูเขาใกล้ๆ ซึ่งไหลผ่านใต้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก่อนจะไปออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เพิ่งจะออกมาระบุเมื่อไม่นานนี้ว่า เทปโก มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ในการจัดการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังแนะนำว่าญี่ปุ่นควรจะพิจารณาหาหนทางอื่นๆ ในการปล่อยน้ำเสียที่เป็นภัยออกสู่ทะเล รวมถึงหาวิธีที่ปลอดภัยมากขึ้นในการรับมือกับวิกฤติน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021653

 

ยูเครน-กบฏตกลงถอนอาวุธหนัก เคร์รี่ขู่ฟ่อเพิ่มบทลงโทษศก.รัสเซีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 22:44 น.


---
@ทหารยูเครนนั่งบนยานลำเลียงพลหุ้มเกราะที่แล่นไปตามเมืองอาร์เทมิฟสค์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน
---
เอเจนซีส์ – รัฐบาลกรุงเคียฟและกบฏแบ่งแยกดินแดน ตกลงเดินหน้าข้อตกลงสันติภาพขั้นต่อไปเมื่อวันอาทิตย์ (22 ก.พ.) ด้วยการถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้า หลังจากแลกเปลี่ยนนักโทษเกือบ 200 คนในคืนวันเสาร์ (21) อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ยังคงออกมาข่มขู่เศรษฐกิจรัสเซียจะยิ่งสะบักสะบอม หากยังหนุนหลังให้กลุ่มกบฏละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนตะวันออก และระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะตัดสินใจในวันสองวันนี้เพื่อเพิ่มมาตรการลงโทษมอสโกยกใหม่

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ยังคงมีเสียงปืนใหญ่ดังระงมในช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ (22) ทางเหนือของเมืองโดเนตสก์ ที่มั่นสำคัญของกบฏโปรรัสเซีย ในบริเวณใกล้สนามบินที่กบฏยึดได้เมื่อเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีความกังวลกันว่า มาริวโพล เมืองท่าสำคัญของยูเครนจะเป็นสนามรบดุเดือดแห่งต่อไป โดยมีรายงานว่า มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ต่อเนื่อง และเคียฟกล่าวหาว่า รถถังรัสเซีย 20 คันกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ที่ยังระอุ เจ้าหน้าที่ยูเครนและกบฏเผยว่า ได้ตกลงร่วมกันที่จะเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้า ซึ่งตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทำกันในกรุงมินสก์ในเบลารุส กำหนดเดิมให้เริ่มถอนกำลังตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว (17) และเสร็จสิ้นในวันที่ 3 มีนาคม

เอดูอาร์ด บาซูริน ผู้นำกบฏโดเนตสก์ที่สถาปนาตัวเองเป็นสาธารณรัฐ เปิดเผยผ่านสำนักข่าวของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเตรียมการเพื่อถอนอาวุธจริงตั้งแต่วันอังคาร (24)

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เห็นขบวนรถบรรทุกทางทหารที่บรรทุกระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 20 คันเคลื่อนออกจากเมืองเดบัลเซเวมุ่งหน้าสู่โดเนตสก์

อีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายอาจยินดีปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างน้อยก็บางส่วนคือ การแลกเปลี่ยนนักโทษเมื่อคืนวันเสาร์ ซึ่งประกอบด้วยทหารยูเครน 139 นาย และนักรบกบฏ 52 คน

อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเคลือบแคลงว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการสานต่อจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากกบฏโจมตีเมืองเดบัลเซเว ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่างโดเนตสก์กับลูกันสก์ เมื่อวันอังคารอย่างหนักกระทั่งในที่สุดทหารยูเครนต้องถอนกำลังออกมา

การจู่โจมเข้ายึดเดบัลเซเวและการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในอีกหลายพื้นที่สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่ออเมริกา เมื่อวันเสาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเคร์รี กล่าวขณะแถลงข่าวที่ลอนดอนว่า หากยังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เศรษฐกิจรัสเซียที่มีปัญหาอยู่แล้วจะถูกกดดันหนักขึ้น

เคร์รียังแสดงความเชื่อมั่นว่า ในอีกไม่กี่วันนี้ โอบามา จะตัดสินใจขั้นตอนต่อไปเพื่อตอบโต้การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนตะวันออก

ขณะที่ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินตอบโต้ว่า มาตรการแซงก์ชันไม่ได้ช่วยคลี่คลายวิกฤตยูเครนแต่อย่างใด

นอกจากนั้น เพื่อตอกย้ำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน ผู้นำยุโรปหลายคนอาทิ โดนัลด์ ทัสก์ ประธานอียู ตลอดจนถึงประธานาธิบดีเยอรมนี ลิทัวเนีย มอลโดวา และโปแลนด์ ยังเข้าร่วมการเดินขบวนในเคียฟที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์เพื่อรำลึกครบรอบ 1 ปีการโค่นล้มวิกเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนที่ภักดีต่อเครมลิน ภายหลังเหตุการณ์นองเลือดบนท้องถนน โดยที่ก่อนหน้านี้ รัสเซียก็มีการจัดรำลึกแต่เรียกเหตุการณ์คราวนั้นว่า เป็นการ “รัฐประหาร” ยึดอำนาจอย่างผิดกฎหมายโดยโค่นประธานาธิบดียานูโควิชที่มาจากการเลือกตั้ง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021673

 

กรีซเร่งร่างแผนปฏิรูปเสนอเจ้าหนี้ นายกฯชีปราสยอมรับ 'ด่านหิน' คือเส้นตายวันจันทร์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 23:10 น.



@นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส แห่งกรีซ เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ รัฐสภากรีซ เมื่อวันเสาร์ (21 ก.พ.)

เอเจนซีส์ – รัฐบาลกรีซเมื่อวันอาทิตย์ (22 ก.พ.) เร่งร่างข้อเสนอปฏิรูปเพื่อต่ออายุเงินกู้ภายใต้ข้อตกลงกับอียู ขณะที่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ยอมรับว่าด่านหินที่แท้จริงรออยู่ในวันจันทร์ (23) ซึ่งเป็นเส้นตายที่เอเธนส์จะต้องโน้มน้าวเจ้าหนี้ยุโรปให้ได้ว่า สามารถเสนอแผนปฏิรูปการคลังที่เป็นทางเลือกอันน่าพอใจ แทนที่มาตรการเข้มงวดขึงตึงที่เคยถูกบังคับให้ยอมรับ

นิโคลัส ปัปปาส รัฐมนตรีต่างประเทศของกรีซ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (22) ว่า รัฐบาลจะส่งมอบข้อเสนอที่ประกอบด้วยชุดมาตรการที่จะทำให้ส่วนราชการกรีซมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปราบปรามการเลี่ยงภาษีในประเทศ

รัฐบาลกรีซขณะนี้อยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เนื่องจากทั้งต้องพยายามทำให้เจ้าหนี้ต่างชาติซึ่งที่สำคัญคือที่สุดคือสหภาพยุโรป(อียู) ยอมรับได้ว่าเอเธนส์ยังคงรักษาคำมั่นสัญญา ขณะเดียวกัน ก็ต้องทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในประเทศเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังคงดำเนินการตามคำมั่นในตอนหาเสียงที่จะยุติการใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดตามที่ถูกพวกเจ้าหนี้เรียกร้อง ขณะที่ประเทศกำลังฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20) ยุโรปยอมให้เวลากรีซจนถึงวันจันทร์ในการเสนอข้อเสนอที่น่าเชื่อถือเพื่อให้เจ้าหนี้อนุมัติการต่อสัญญาเงินกู้อีก 4 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นจะมีการเจรจาข้อตกลงปฏิรูปฉบับใหม่

แม้หลายคนบอกว่า เอเธนส์ยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของยุโรป แต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (21) นายกรัฐมนตรีซีปราส ยังคงแถลงยืนยันว่า เอเธนส์ประสบความสำเร็จในการเจรจาสำคัญเพื่อยุติมาตรการรัดเข็มขัด

ระหว่างการปราศรัยถ่ายทอดทางทีวี ซีปราสแจงว่า รัฐบาลสามารถทำลายแผนของ “กองกำลังอนุรักษนิยมตามืดบอด” ทั้งในและนอกประเทศที่ต้องการทำให้ประเทศล้มละลายสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นกำหนดเวลาเดิมที่ข้อตกลงเงินกู้กับยุโรปจะสิ้นสุดลง

แต่แม้ความกังวลที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซนเริ่มลดลง ซีปราสเตือนว่า ความยุ่งยากที่แท้จริงยังรออยู่ และรัฐบาลกำลังทุ่มเทความพยายามในการเจรจาร่างพิมพ์เขียวแผนการปฏิรูปฉบับใหม่กับเจ้าหนี้ในเดือนมิถุนายน

เดิมทีนั้นรัฐบาลชุดนี้ที่ขึ้นสู่อำนาจจากการให้สัญญายกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดและทบทวนข้อตกลงหนี้ ขอเวลาเจ้าหนี้ 6 เดือนเพื่อร่างแผนการปฏิรูประยะ 4 ปี แต่ได้ต่อเวลาเพียง 4 เดือนเพื่อบรรลุข้อตกลงกับเพื่อนสมาชิกอียู ทว่า ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่มีการอัดฉีดเงินกู้ก้อนใหม่ให้

ทางด้านประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศส ทวิตปลอบใจว่า นี่เป็นการประนีประนอมเพื่อให้เอเธนส์มีเวลาร่างแผนการปฏิรูปให้เสร็จสิ้น

ทว่า ศัตรูในประเทศของรัฐบาลกรีซไม่ได้ใจดีเหมือนผู้นำแดนน้ำหอม พรรคฝ่ายค้านสายสังคมนิยมโจมตีว่า ข้อตกลงเมื่อวันศุกร์ทำให้กรีซถอยหลังไปไกล และกล่าวหารัฐบาลชุดใหม่เล่นละครหลอกประชาชน

ด้านรัฐบาลกรีซอ้างว่า ได้ป้องกันไม่ให้มีการลดบำเหน็จบำนาญและการขึ้นภาษี รวมถึงโน้มน้าวเจ้าหนี้ให้ยกเลิกข้อเรียกร้องด้านงบประมาณที่ไม่อาจเป็นจริงได้

ทั้งนี้เพื่อบรรลุข้อตกลงยืดเวลา 4 เดือนดังกล่าว เอเธนส์ต้องยอมรับปากไม่ใช้มาตรการฝ่ายเดียวเพื่อผ่อนปรนเป้าหมายทางการคลัง รวมทั้งยกเลิกแผนการนำเงิน 11,000 ล้านยูโรที่เหลืออยู่จากกองทุนช่วยเหลือของธนาคารยุโรปไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้ลุกขึ้นยืนใหม่ และยอมรับการตรวจสอบจากเจ้าหนี้

ก่อนหน้านี้ เอเธนส์ให้สัญญากับประชาชนว่า จะจัดงบประมาณ 2,000 ล้านยูโรมาใช้บรรเทาทุกข์ครัวเรือนยากจนหลายพันครอบครัวในปีนี้ และสัปดาห์ที่แล้วได้เสนอร่างกฎหมายยกหนี้ให้พลเมืองที่มีรายได้ต่ำ ทว่า บรัสเซลส์เรียกร้องว่า ต้องการตรวจสอบมาตรการเหล่านี้ก่อน

วันอังคารที่จะถึงนี้ (24) เจ้าหนี้กรีซจะตัดสินใจว่า จะเดินหน้าข้อตกลงเมื่อวันศุกร์หรือไม่ ซึ่งยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซยอมรับว่า หากข้อเสนอปฏิรูปไม่เป็นที่น่าพอใจ โอกาสในการประนีประนอมก็อาจยุติลงทันที และฟื้นความกังวลเรื่องที่เอเธนส์อาจต้องยุติบทบาทในยูโรโซน อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า หากเป็นเช่นนั้น อาจมีการเรียกประชุมยูโรโซนนัดใหม่

ทว่า เจ้าหน้าที่บางคนกลัวว่า หากการเจรจาล้มเหลว จะเกิดความแตกตื่นเมื่อธนาคารกรีซเปิดทำการในวันอังคารหลังจากเทศกาลวันหยุดยาว

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประนีประนอมกันในวันศุกร์ที่แล้ว ได้มีการเจรจาสองครั้งซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยกรีซกล่าวหาเยอรมนีและสมาชิกอียูชาติอื่นว่า ทำลายข้อตกลงที่เอเธนส์เสนอ

 

อิสราเอลประกาศทุ่มงบ “9.7 หมื่นล้าน” ซื้อ “F-35” 14 ลำเสริมเขี้ยวเล็บ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 23:25 น.



เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ทางการอิสราเอลเผยในวันอาทิตย์ (22 ก.พ.) ระบุ เตรียมเดินหน้าจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ “เอฟ-35” จากสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 14 ลำภายใต้วงเงินงบประมาณกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 97,650ล้านบาท)

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเคยทำการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 จากสหรัฐฯไปแล้ว 19 ลำเมื่อปี 2010 และการตัดสินใจเสริมเขี้ยวเล็บล่าสุด ถือเป็นการตอกย้ำถึงกระแสข่าวที่แพร่สะพัดมาก่อนหน้านี้ว่า ทางการอิสราเอลกำลังเร่งหาทางเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศของตน ท่ามกลางสถานการณ์ด้านความมั่นคงในตะวันออกกลางที่ร้อนระอุจากทั้งกรณีซีเรีย อิรัก และเยเมน

รายงานข่าวระบุว่า ผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมอิสราเอลได้ลงนามในข้อตกลงจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ “เอฟ-35” จากบริษัท “ล็อคฮีด มาร์ติน” ของสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 14 ลำแล้ว พร้อมทั้งมีออพชั่นที่เปิดทางให้อิสราเอลสามารถจัดซื้อเพิ่มเติมได้อีก 17 ลำด้วย “ราคาพิเศษ” ในอนาคต

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในนครเทลอาวีฟเผยว่า ทางการอิสราเอลจะต้องรอจนถึงช่วง “ปลายปี 2016” กว่าที่จะได้รับส่งมอบเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ลำแรกตามข้อตกลงนี้

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กับล็อคฮีด มาร์ตินถูกระบุว่าเป็นโครงการพัฒนาอาวุธที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่าโครงการที่พุ่งสูงถึงเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13.02 ล้านล้านบาท)

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021680

 

แผ่นดินไหว 6.2 นอกฝั่งแดนจังโก้ ไร้เตือน “สึนามิ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 23:49 น.



รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในวันอาทิตย์ (22 ก.พ.) ยืนยันการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6.2 ตามมาตราแมกนิจูดบริเวณนอกชายฝั่งของเม็กซิโกด้านมหาสมุทรแปซิฟิก

รายงานระบุว่าศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 6.2 ตามมาตราแมกนิจูดครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกเพียง 10 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองซิอัวตลัน ในรัฐฮาลิสโกของเม็กซิโก ไปทางทิศตะวันตก-ตะวันตกเฉียงใต้ราว 242 กิโลเมตร

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานการพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากผลพวงของแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งของเม็กซิโกครั้งนี้ รวมถึงยังไม่มีรายงานความเสียหายของอาคารบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆเช่นกัน

ด้านศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกของสหรัฐฯออกคำแถลงยืนยันว่า ไม่พบความเสี่ยงในการเกิดคลื่นสึนามิตามมาหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้แต่อย่างใด

 

ฟีังหูไว้หูน่ะครับ ใช้ดุลยพินิจก่อนจะเชื่อข่าวที่ออกมา

“ธีระชัย” เผยคำถามปฏิรูปพลังงาน 13 ข้อ ที่ประชาชนถามตรงๆ แต่รัฐยังไม่มีคำตอบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 19:50 น. (แก้ไขล่าสุด 23 กุมภาพันธ์ 2558 10:37 น.)



ASTVผู้จัดการ - “ธีระชัย” แจกแจงคำถาม 13 ข้อที่ภาคประชาชนถามเจาะประเด็น แต่ภาครัฐยังไม่ให้คำตอบ ชี้เมื่อ ก.พลังงานยอมรับเองว่าการมีระบบแบ่งปันผลผลิตเป็นทางเลือกเพิ่มเป็นประโยชน์ต่อประเทศ แต่ทำไมยังดันทุรังแจกสัปทานไปก่อนที่จะชะลอให้การแก้กฎหมายเรียบร้อย จี้เปิดเผยสัญญาสัมปทานทั้ง 20 รอบก่อนหน้า ชี้รัฐควรทำการสำรวจเบื้องต้นเอง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง มิใช้ให้เอกชนเหมาทั้งหมด

ภายหลังจากวันศุกร์ที่ 20 ก.พ. รัฐบาลได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ภายใต้ชื่อ “เดินหน้าประเทศ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืน” โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ และภาคประชาชนเข้าแลกเปลี่ยน ทว่า ยังไม่ได้ข้อสรุป วันนี้ (22 ก.พ.) นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และตัวแทนผู้เข้าร่วมเวทีในฝ่ายภาคประชาชนได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก @Thirachai Phuvanatnaranubala เรื่อง “คำถามที่ฝ่ายประชาชนตั้งแบบเจาะประเด็น แต่ป่านนี้ ยังไม่ไดัรับคำตอบ” จำนวน 13 ข้อ ซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้

“คำถามที่ฝ่ายประชาชนตั้งแบบเจาะประเด็น แต่ป่านนี้ยังไม่ไดัรับคำตอบ

1. กระทรวงพลังงานแก้ไขประกาศ จะเปลี่ยน 3 แปลงไปเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตภายใน 4 ปี

ก็ในเมื่อยอมรับอยู่แล้วว่าประเทศจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มให้มีทางเลือกมากขึ้น ยอมรับอยู่แล้วว่าไม่ควรล็อกสเปกอยู่แต่ระบบสัมปทาน

ทำไมไม่แก้ไขกฎหมายก่อน ทำไมไม่เพิ่มทางเลือกเอาไว้เลย?

2. การจะไปออกกฎหมายในอนาคตเพื่อเพิ่มระบบแบ่งปันผลผลิต ซึ่งไม่สามารถใช้บังคับย้อนหลังได้นั้น เป็นการสร้างเงื่อนไขสำหรับรัฐบาลอนาคตที่เสียเปรียบผู้รับสัมปทาน

ทำไมไม่ออกกฎหมายก่อน ทำไมรีบร้อนแจกสัมปทานไปก่อนในวันนี้?

3. ประเทศไทยกำลังจะมีสัมปทานเก่าๆ ครบกำหนดเป็นครั้งแรกในอีกไม่ช้า เนื่องจากแปลงเหล่านี้มีผลิตปิโตรเลียมอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องต่ออายุสัมปทาน แต่ควรเปลี่ยนเป็นระบบจ้างผลิต เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด

การเปลี่ยนเป็นจ้างผลิตขณะนี้ยังทำไม่ได้ เพราะกฎหมายยังไม่เปิดช่อง ต้องแก้กฎหมายตั้งแต่เดี๋ยวนี้

ถ้าปล่อยไว้จนสายเกิน จนสัมปทานหมดอายุ จะทำให้ประเทศไทยถูกบังคับ ต้องต่อสัมปทานไปก่อน เพราะกฎหมานล็อกสเปคไว้ทางเดียว ซึ่งจะทำให้ประเทศจะเสียหาย

ทำไมไม่แก้กฎหมายตั้งแต่เดี๋ยวนี้?

4. ผลวิจัยวิชาการแสดงว่า กติกาด้านการคลังปิโตรเลียมที่ใช้อยู่นั้น ไม่ทำให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด และมีผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเสนอให้แก้ไข

ทำไมไม่แก้ไขกติกาให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุดก่อน?

5. รัฐไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ (ก) ข้อผูกพันในสัญญาสัมปทานทั้ง 20 รอบ (ข) ผลผลิตแต่ละแปลง (ค) กำไรแต่ละแปลง (ง) รายละเอียดเงื่อนไขที่เอกชนยื่น และ (จ) การให้คะแนน

จึงควรเปิดเผยก่อนเพื่อให้ประชาชนวิเคราะห์ศึกษา

ทำไมไม่เปิดเผย?

6. รัฐควรจะใช้เงินงบประมาณจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อสำรวจเบื้องต้นก่อน ซึ่งจะไม่เสียเวลา เพราะถ้าให้สัมปทานแก่บริษัทน้ำมันไปในวันนี้ เขาก็จะไปจ้างผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ให้สำรวจเบื้องต้นเข่นเดียวกัน จะใช้เวลาเท่ากัน จึงจะไม่กระทบความมั่นคงพลังงานเลย

ทำไมรัฐไม่สำรวจเบื้องต้นเองก่อน?

7. ถ้ารัฐสำรวจเบื้องต้นเอง เมื่อได้ข้อมูลธรณีวิทยา ข้อมูลนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐเด็ดขาด และถ้าข้อมูลแสดงศักยภาพว่าโอกาสมีปิโตรเลียม รัฐสามารถเปิดเผยข้อมูลนี้ในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้มีเอกชนสนใจมากขึ้น และจะเพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศไทยอย่างมาก

ทำไมรัฐไม่สำรวจเบื้องต้นเองก่อน?

8. การสำรวจเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกเพื่อเข้าถึงกะเปาะปิโตรเลียม แต่เจาะเพียงได้ข้อมูลชั้นดินก็ได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่มาก และสามารถเน้นสำรวจเฉพาะพื้นที่ติดกับแปลงที่ผลิตปิโตรเลียมอยู่แล้ว โดยเฉพาะ 3 แปลงที่กระทรวงพลังงานประสงค์จะให้รัฐบาลหน้าเปลี่ยนเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต โอกาสที่ข้อมูลจะแสดงศักยภาพจะมีสูง

ดังนั้น การสำรวจเบื้องต้นจึงจะไม่เสียเงินเปล่า

ทำไมรัฐไม่สำรวจเบื้องต้นเองก่อน?

9. กระทรวงพลังงานชอบระบบสัมปทาน และตั้งข้อรังเกียจระบบแบ่งปันผลผลิต อ้างว่าระบบนี้มีการเจรจาต่อรอง จึงเปิดให้มีคอร์รัปชัน

ภาคประชาชนเปิดเผยข้อมูล ว่าในการพิจารณาสัมปทานรอบ 19/20 ปรากฏชัดเจนว่าข้าราชการใช้ดุลพินิจให้คะแนนผู้ยื่นแต่ละราย และมีการเจรจากับผู้ยื่นเป็นรายๆ ด้วย ระบบสัมปทานจึงมีความเสี่ยงคอร์รัปชันมากกว่า

ส่วนระบบแบ่งปันผลผลิตนั้น ไทยควรกำหนดเงื่อนไขไม่ให้มีการเจรจาใดๆ แต่ให้เลือกผู้ชนะด้วยวิธีประมูลแข่งขันกันอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ประชาชนศรัทธาด้านธรรมาภิบาลมากกว่าระบบสัมปทาน

ทำไมไม่แก้ไขกฎหมายก่อน เพื่อเพิ่มระบบแบ่งปันผลผลิตเป็นทางเลือก และลดการใช้ดุลพินิจ?

10. การสำรวจที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่ทำในทะเล แต่รอบ 21 จะเปิดพื้นที่บนบกเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งขบวนการทำงานบนบกนั้น มีปัญหาสิ่งแวดล้อมรบกวนชุมชนมาก และจากความขัดแย้งที่ปรากฏขณะนี้ ยืนยันว่าขบวนการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ยังไม่ตอบโจทย์ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

ภาคประชาชนเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อสร้างกรอบคุ้มครองสิทธิของชุมชนให้ชัดเจนก่อน ควรให้สิทธิชุมชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหา

และในระบบแบ่งปันผลผลิต ซึ่งรัฐจะได้ส่วนแบ่งเป็นปิโตรเลียมนั้น รัฐจะสามารถแบ่งผลผลิตส่วนหนึ่งเพื่อเยียวยาชดเชยความเดือดร้อนของชุมชนได้ด้วย แต่ระบบสัมปทานจะไม่มีเครื่องมือที่จะเยียวยาขุมชนอย่างนี้

ทำไมไม่แก้ไขกฎหมายก่อน?

11. กฎหมายปัจจุบันเปิดให้ข้าราชการเป็นกรรมการในบริษัทพลังงานรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้ว ทั้งที่ภาคเอกชนทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย

ถึงแม้จะมีประมวลจริยธรรมกำกับการทำงานของข้าราชการอยู่ก็ตาม แต่ไม่สามารถสร้างศรัทธาแก่ประชาชนได้ในด้านธรรมาภิบาล

ภาคเอกชนจึงเสนอให้แก่ไขก่อน อย่างน้อยควรอนุญาตเฉพาะหน่วยงานที่ไม่มีส่วนได้เสีย

ทำไมไม่แก้ไขกฎหมายก่อน?

12. วิธีการจัดสรรผลผลิตขณะนี้ ไม่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์เท่าที่ควร แต่กลับเอื้อแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งประโยชน์หลักไปตกอยู่กับกลุ่มคนจำนวนน้อย ที่เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการดังกล่าว จึงควรแก้ไขกติกาเพื่อทำให้ประโยชน์พลังงานที่ผลิตในประเทศตกถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง

ทำไมไม่แก้ไขก่อน?

13. การกำหนดนโบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของประชาชนทุกคน ในขณะนี้ภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ควร ทั้งในขบวนการกำหนดนโยบาย และขบวนการกำกับธุรกิจ

ในยุคนี้ ควรจะเปิดให้ประชาชนเจ้าของทรัพยากรมีส่วนร่วมมากขึ้น

จึงควรแก้ไขกฎหมาย เพื่อกำหนดสิทธิ กรอบวิธี ในการที่รัฐจะรับฟัง และสื่อสารติดต่อกับภาคประชาชน

ทำไมไม่แก้ไขก่อน?”

 

อะไรบินมาจับได้หมด! รัสเซียตอบโต้นาโต วางข่ายเรดาร์ 'Nebo-M'
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ก.พ. 2558 07:45


@ภาพจากวิกิพีเดีย Nebo-M ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ได้หลายความถี่ พัฒนาโดย NNIIRT

กองทัพรัสเซียเริ่มต้นวางศูนย์เรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธยุคอนาคต Nebo-M เพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่มนาโต ที่อาจเป็นภัยคุกคามของรัสเซีย หลัง สหรัฐได้เข้าไปวางระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศชุดใหม่ในประเทศแถบยุโรปตะวันออก...

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2558 เว็บไซต์ rt.com รายงานว่า กองทัพรัสเซียเริ่มต้นวางเรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธที่มีความซับซ้อน ยุคอนาคต (Next Generation) แบบ Nebo-M อันเป็น ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ได้หลายความถี่ พัฒนาโดย NNIIRT เพื่อเป็นการตอบโต้ภัยคุกคามที่คาดว่าจะมาจากการที่กลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต วางระบบป้องกันขีปนาวุธข้ามทวีปไว้ในพื้นที่ของยุโรปตะวันออก


@ภาพจากทวิตเตอร์ @topwar_ru
พันเอกอเล็กไซ โซลูตูฮิน โฆษกกระทรวงกลาโหม รัสเซีย กล่าวว่า สำหรับฐานปฏิบัติการเคลื่อนที่ของศูนย์รวมระบบเรดาร์ Nebo-M มีความสามารถในการตรวจจับและติดตามอากาศยาน หรือเป้าหมายที่เป็นวัตถุขนาดเล็กที่มีความเร็วสูงได้ โดยระบบเรดาร์รุ่นใหม่นี้ ถูกรบกวนการทำงาน (แจมเรดาร์) ได่้ยากมาก นอกจากจากตรวจจับแล้วมันยังส่งข้อมูลที่ได้รับไปยังระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆ ได้ด้วย


@ภาพจากทวิตเตอร์ @AlexanruC4

สำหรับการพัฒนาและวางกำลังระบบเรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธยุคอนาคต มาจากการพัฒนาระบบ AESA เรดาร์ที่เป็นเรื่องหลักที่สำคัญที่ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียดำเนินการ นับตั้งแต่สหรัฐอเมริกาได้วางระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศชุดใหม่แก่โรมาเนีย ตุรกี และโปแลนด์ รวมทั้งสเปน เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา

ตัวเรดาร์ Nebo-M เป็นเรดาร์ 3 มิติ รุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาให้มีการจับสัญญาณได้ในหลายคลื่นสัญญาณ (มัลติแบนด์) ด้วยความซับซ้อนของการวางศูนย์รวมข้อมูลส่วนกลาง เชื่อมโยงกับเรดาร์ 3 ตัว ที่ติดตั้งบนรถบรรทุก 8 ล้อ ขนาด 24 ตัน โดยเรดาร์จะส่งข้อมูลดิจิตอลที่เชื่อมโยงด้วยสัญญาณคลื่นไมโครเวฟแบบแนโรว์แบนด์ความเร็วสูง


@ภาพจากทวิตเตอร์ @mod_russia

เรดาร์รุ่นนี้ออกแบบมาให้สามารถตรวจจับและติดตามเป็า อย่างเช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป เครื่องบินรบแบบสเตลธ์ หรือ โดรนไร้นักบิน รวมทั้งเป้าหมายที่มีการเคลื่อนที่เร็วกว่าเสียง ในการตรวจจับครั้งหนึ่งระบบเรดาร์นี้สามารถจับเป้าหมายได้พร้อมกัน 200 เป้าพร้อมทั้งระยะห่างและความสูง ได้ตั้งแต่ระยะยห่าง 600 กม.ในการทำงานแบบสแกนใน 1 ส่วน สามารถติดตามเป้าหมายได้ครั้งละ 20 เป้าพร้อมกันที่ระยะห่างตั้งแต่ 1,800 กิโลเมตร รวมทั้งที่มีระยะความสูงสุดได้ถึง 1,200 กิโลเมตร

ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมรัสเซีย มีแผนจะสร้างระบบเรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธรุ่นใหม ที่จะสามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของรัสเซียได้ปี 2020 โดยทางมอสโคว ได้ประกาศที่จะวางเรดาร์แจ้งเตือนภัยรุ่นใหม่นี้ลงในภูมิภาคกาลินนิงกราดตะวันตก โดยจะพร้อมปฏิบัติการรบได้ภายในปี 2015 นี้.

ที่มา : rt.com

อะไรบินมาจับได้หมด! รัสเซียตอบโต้นาโต วางข่ายเรดาร์ 'Nebo-M' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ยูเครนลงนามร่วมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชูถอนอาวุธ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 ก.พ. 2558 04:58


(ภาพ: REUTERS)

พล.อ.อเล็กซานเดอร์ เล็นท์ซอฟ ผบ.ศูนย์ความร่วมมือเพื่อการควบคุมและประสานงานแห่งกองทัพยูเครน (JCCC) ผู้รับผิดชอบการเจรจายุติความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครนและกองกำลังแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน แถลงข่าวเมื่อ 22 ก.พ.ว่าตัวแทนรัฐบาลและกองกำลังแบ่งแยกดินแดน ได้ร่วมกันลงนามยอมรับแผนการถอนกำลังอาวุธหนักออกจากพื้นที่สู้รบในเมืองต่างๆ ทางตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ซึ่งมีเงื่อนไขว่าทั้งสองฝ่ายต้องถอนกำลังอาวุธหนักออกจากพื้นที่ที่ตกลงกันไว้ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 14 วันหลังจากลงนาม โดยมีกำหนดเส้นตายถอนกำลังอาวุธให้เรียบร้อยภายในวันที่ 8 มี.ค.

นอกจากนี้ นายเอ็ดดูวาร์ด บาซูริน โฆษกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซีย แถลงข่าวว่ารัฐบาลและกองกำลังฯ ได้ตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกัน 191 ราย ได้แก่ ทหารยูเครน 139 นาย และนักรบกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 52 ราย อันเป็นเงื่อนไขในแผนเจรจาสงบศึกระหว่างรัฐบาลยูเครนและกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ซึ่งได้รัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นตัวกลางผลักดันให้เกิดขึ้น โดยการลงนามในข้อตกลงความเข้าใจในแผนดังกล่าวเกิดขึ้นที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุส เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายในยูเครนได้ลงนามยอมรับเงื่อนไขหยุดยิงชั่วคราว แต่ยังมีเหตุยิงปะทะเกิดขึ้นประปรายในหลายเมืองทางตะวันออก ทั้งเมืองเพสกี, เมืองโซโลบ็อก, เมืองเชียโรคีน และเมืองดีบัลท์เซเว รวมถึงเหตุระเบิดในเมืองโดเนตสก์และเมืองลูฮานสก์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยทั้งกองทัพยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนต่างกล่าวโทษว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน แต่เหตุปะทะไม่รุนแรงเพราะยังไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่นายวิกเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนผู้ฝักใฝ่รัสเซีย ซึ่งถูกประชาชนในกรุงเคียฟของยูเครนชุมนุมขับไล่พ้นจากตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ให้สัมภาษณ์สื่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลว่าตนจะกลับมาในอีกไม่นาน

วันเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯแถลงว่า จะพิจารณามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมหากมีการเคลื่อนไหวต่อต้านการเจรจาสงบศึกระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน พร้อมระบุว่าสถิติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครนตลอด 10 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนประมาณ 5,700 ราย.

ยูเครนลงนามร่วมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชูถอนอาวุธ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

พุทธะอิสระ ยื่นหนังสือถึง สปช. จี้สอบ มส. ปมธัมมชโย
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ก.พ. 2558 11:09



"หลวงปู่พุทธะอิสระ" ยื่นหนังสือถึง สปช. ขอให้มีการตรวจสอบการทำหน้าที่มหาเถรสมาคม หลังมีมติให้พระธัมมชโย พ้นจากอาบัติปาราชิก กรณียักยอกทรัพย์ และเตรียมยื่นให้นายกรัฐมนตรี กับดีเอสไอ ร่วมตรวจสอบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบ เรื่องมติที่ประชุมมหาเถรสมาคม ที่ไม่พิจารณา กรณีอาบัติปาราชิก ของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

โดยเห็นว่า ควรใช้โอกาสในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ นำไปสู่การปฏิรูปวงการสงฆ์ โดยเฉพาะการบริหารของมหาเถรสมาคม ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาและปกป้อง หลักพระธรรมวินัยเอาไว้ได้ ซึ่งพระพุทธะอิสระ อ้างว่า องค์ประชุมของมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย พระผู้ใหญ่ 20 รูป เป็นพวกเดียวกันกับ พระธัมมชโย และวัดพระธรรมกายถึง 14 รูป

ข้อเสนอของ พระพุทธะอิสระ ได้ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการ ที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคณะสงฆ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการตรวจสอบทรัพย์สิน และการใช้งบประมาณของวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหมด

ด้าน นายไพบูลย์ เผยว่า ข้อเสนอทั้งหมดของพระพุทธะอิสระ จะถูกนำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล ก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปพระพุทธศาสนา

และนอกจากการยื่นหนังสือให้กับ สปช.แล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ พระพุทธะอิสระ ก็จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้หน่วยงานทั้งหมด ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบมหาเถรสมาคมอีกด้วย.

พุทธะอิสระ ยื่นหนังสือถึง สปช. จี้สอบ มส. ปมธัมมชโย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Jeerachart Jongsomchai



... "อเมริกา : กำลังจะออกกฎหมายบังคับฉีดวัคซีนให้ผู้ใหญ่อเมริกัน อ้างเพื่อป้องกันโรค ? "
... เมื่อ กุมภาพันธ์ 2015 นี้ มีข่าวว่าอเมริกากำลังออกโปรแกรมตาม "โอบาม่าแคร์" ที่จะต้องทำให้เด็กที่เกิดใหม่ต้องฉีด "วัคซีน(อะไรก็ไม่รู้)" โดยเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบต้องฉีดไม่ต่ำกว่า 49 ชนิด ขณะที่ "ผู้ใหญ่" ก็จะโดนบังคับให้ฉีดวัคซีนนี้ด้วย และกฎหมายนี้ย้อนหลังด้วย ผู้ใหญ่หลายคนจะต้องโดนฉีด โดยกฎหมาย National Adult Immunization Plan (NAIP) จะร่างให้เสร็จภายใน 9 มีนาคม , 2015 ตามกฎหมายแม่ที่ออกมาก่อนคือ โอบาม่าแคร์ "Obama administration’s Affordable Care Act (ACA)"
... ก่อนนี้มีข่าวเรื่องนี้มานานแล้วว่า "โอบาม่าแคร์" น่าสงสัยว่าจะเป็นวิธีการลดและควบคุมประชากรโลกอย่างหนึ่งของพวกอีลิทที่ปกครองโลกแลละอเมริกา นอกเหนือวิธีการทำสงครามยุให้มีสงครามไปทั่วทุกส่วนของโลก และการปล่อยอาวุธเชื้อโรคออกมาป่วนโลก
... โดยข้ออ้างหนึ่งในการออกกฎหมายนี้เพื่อรักษาสุขภาพของคนอเมริกันโดยป้องกันจากโรค ( โรคอะไร ? มาจากห้องแลบไหน ? ) โดยกลุ่มที่เป็นเป้าหมายพิเศษคือสุขภาพคนงานและผู้หญิงตั้งท้อง
... ไม่ใช่แค่นั้นยังมีการเตรียมมาตรการกรุะตุ้นส่งเสริมและให้ความรู้แก่สังคมในภาพกว้างตามสื่อของรัฐให้มองว่านโยบายนี้เป็นสิ่งที่ดีน่าทำ และกำลังพัฒนาวัคซีนตัวต่อไปอีกเรื่อยๆเพื่อมาฉีดอเมริกันชน และน่าสงสัยว่าวัคซีนเหล่านี้มีผลในการ "ควบคุมจิตใจ" ของมนุษย์หรือไม่ ?
... ( เพราะว่าในอดีต CIA เคยมีโครงการที่อื้อฉาวมาแล้วคือโครงการ MKULTRA ที่ต้องการศึกษา "การควบคุมจิตใจของคน" ที่ผลิตยาหลอนประสาท LSD มาให้หลายคนเสพ โดยน่าสงสัยว่าเน้นกับกลุ่มฮิปปี้ผู้ต่อต้านสงครามเสพ ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นโครงการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับแนวคิดที่รัฐบาลอเมริกา เรื่องเสรีนิยม เอาเป็นจุดขายไปทั่วโลกตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ )
U.S. Government Moves on Nationwide Adult Vaccination | Global Research
MKULTRA - RationalWiki
https://www.youtube.com/watch?v=PiVxbS02kp0

 

MySci
ความเป็นกรดในมหาสมุทร



Dr Jamie Shutler นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ได้สร้างแผนที่เผยให้เห็นความเป็นกรดในมหาสมุทรทั่วโลก โดยการนำข้อมูลจากเซ็นเซอร์ดาวเทียมที่โคจรอยู่ 435 ไมล์เหนือพื้นโลก เผยให้เห็นว่าน้ำทะเลจะกลายเป็นกรดมากขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกเพราะทำทะเลจะเป็นตัวดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลรวมไปถึงสัตว์ทะเลที่เป็นอาหารของมนุษย์
______________________________

สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้