เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/ZjlO_2A6pWI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ในเรื่องนี้มีเพลงประกอบภาพยนต์ที่โดดเด่นอยู่2เพลง
    1เป็นเพลงที่สร้างความฮึกเฮิม ชื่อเพลงว่า Heroes of the Gobi เป็นเพลงที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสามัคคี ว่าแม้ในอดีตเราจะไม่เคยดีต่อกัน แต่หากวันนี้เราทำได้ เราจะมีความสุขที่จะได้อยู่ร่วมกัน

    อีก1เป็นเพลงที่ทำให้คิดถึงความสวยงามของอดีตหรือถิ่นเกิด ฟังแล้วน้ำตาคลอได้เลย


    บ้านเราควรทำตัวให้เป็นผู้สูงส่งด้วยการยอมรับที่จะเสมอภาคกับเพื่อนบ้าน
    ไม่เรียกตัวเองว่าเป็นเมื่องพี่ไทยน้องลาว
    ไม่พูดว่าไทยกับพม่ารบกัน เพราะจริงๆแล้วเป็นเรื่องของหงสาวดีกับอโยธยา
    ไม่พูดถึงละแวก-ญวน ในทางที่เสียหาก

    ข้อเท็จจริงกับประวัติศาสตร์ ต้องแบ่งแยก และสร้างร่วมกันใหม่ในปัจจุบัน ไม่บิดเบือนและไม่ต่อเติมเสริมเกินจริง

    เฉพาะตลาดการค้าอาเซียน ถึงตอนนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ยุโรป ขาดแต่ประสบการณ์ที่จะรียนรู้และอยู่ร่วมกันเท่านั้น

    หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนคริสตกาล50ปี ในพื้นที่ดินแดนสายไหม
    ว่างก็ไปดูเถอะครับ ไม่เบื่อเลย....
     
  2. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมเป็นคนความจำสั้น แต่จำครูสอนภาษาอังกฤษได้ครบทุกคน.... เพราะเป็นคนที่ทำให้ผมเกลียดภาษาอังกฤษ

    แม้มาทำงานแล้ว ก็ยังได้ยินน้องในออฟฟิตที่ไปเรียนเสริม ว่าโดนครูดุเรื่องการออกเสียง
    ต้องออกเสียงให้เหมือนคนอังกฤษ ถ้าทำไม่ได้ จะแย่มาก เหมือนที่มีอาจารย์สถาบันไหนไม่รู้ มาติซิโก้ว่าออกเสียงสำเนียงเหมือนเมียเช่าประมาณนั้น

    ผมเคยสนทนากับคุณแอนดรูบิ๊ก ที่เป็นคนออสเตรเลียแล้วถูกใจเมืองไทย สอนภาษาอังกฤษให้กับคนที่สนใจ

    คุณแอนดรู พูดให้เข้าใจง่ายๆว่า คนอเมริกัน พูดอังกฤษสำเนียงอเมริกัน ไม่ผิด
    คนยุโรปพูดอังกฤษ สำเนียงไม่เหมือนคนออสเตรเลีย และคนประเทศอังกฤษ
    แม้แต่คนอังกฤษที่อยู่คนละเมืองยังมีสำเนียงไม่เหมือนกัน แล้วประสาอะไรกับคนไทยที่พูดอังกฤษสำเนียงไทย

    "มันสำคัญแค่ พูดแล้วเข้าใจกันหรือเปล่า"
     
  3. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    จะไม่อยู่หลายวัน จะไปเยี่ยมพ่อตาว่ายังอยู่สบายดีรึเปล่า กว่าจะกลับก็คงเป็นวันจันทร์

    ใครที่ชอบดูดวง พอจะเอาดวงตัวเองไปผูกกับโปรแกรมในเวปได้ ก็เรียนเรื่องนี้ไว้หน่อย

    ผมมีดวงตัวอย่าง เป็นดวงเก่าที่เคยทายเคยศึกษาไปหลายทีแล้วมาเป็นตัวอย่าง
    เผื่อใครที่คิดว่าปีนี้ตัวเองจะมีโชคมีเคราะห์หรือไม่

    ผมคัดจากตำรามาให้นะครับ ครั้งนี้เอาเรื่องเคราะห์ไปก่อน

    วิธีดูว่าปีนี้จะมีเคราะห์หนักหรือไม่

    1.เอาอายุย่าง มาหาบริวารจร
    2.เอากำลังของบริวารจรมาบวกอายุ
    3.เอาผลที่ได้มาหาร12
    4.เอาเศษที่ได้ นับจากราศีพฤษภไปจนเท่าเศษ
    5.ถ้าตกต้องลัคน์ ต้องดาววันเกิด ต้องดาวกาลกิณีกำเนิด เรียกว่าต้องฆาต ปีนั้นจะมีเคราะห์ให้ระวัง

    ตัวอย่าง
    [​IMG]

    เจ้าชะตาเกิดวันจันทร์ หลังวันเกิดมาก็อายุย่าง40ปี
    นับทักษาจากภูมิจันทร์๒ ไปตกภูมิเสาร์๗
    ๗มีกำลังวันเท่ากับ 10
    เอาอายุย่าง40+กำลังวัน10 ได้50
    เอาจักราศีหาร 50หาร12 ได้เศษ 2
    นับราศีพฤษภเป็น1 นับราศีมิถุนเป็น2
    ทำเครื่องหมายไว้เลย
    ถ้าต้องลัคน์ ต้องดาววันเกิด(๒) ต้องดาวกาลกิณีเดิม(๑)เรียกว่าต้องฆาตพระเสาร์

    พระเสาร์ก็ให้ผลรุนแรงยืดเยื้อ

    ดวงนี้เป็นดวงหญิงโอ๋ วันเกิดเหตุเป็นวันที่เธอเฉี่ยวชนกับคู่กรณีจนต้องผ่าตัด และเจ็บเรื้อรังจนกระทั่งปัจจุบัน

    จริงๆแล้วมีดวงคนอื่นอีก แต่ขอเวลาไปค้นก่อน
    ใครที่พอจะผูกดวงตัวเองได้ ก็ลองทดสอบดูครับ ระวังไว้ก่อนไม่เสียหลาย

    ** มีข้อแม้นิดหน่อย
    1.ต้องเริ่มนับหนึ่งที่ราศีพฤษภทุกครั้งนะครับ
    2.ถ้าเป็นฆาตราหู ให้นับแต่ราศีเมษไปเท่าเศษ
    3.ถ้าอายุจรตกตากลาง เรียกฆาตพระเกตุ เอา9บวก เอา12หารปรกติ
    3.1 เกิดวันอาทิตย์ นับ1ที่ราศีสิงห์
    3.2 เกิดวันพุธ นับ1ที่มิถุน
    3.3 เกิดวันพฤหัสฯ นับ1ที่ธนู
    3.4 เกิดพุธกลางคืน นับ1ที่กุมภ์
    3.5 นอกจากนั้นนับ1ที่เมษ

    ลองดูครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • โอ๋.JPG
      โอ๋.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18.2 KB
      เปิดดู:
      502
  4. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ems

    เดี๋ยวจะว่าดูหนังแล้วลืมสมาชิก
    ของท่านอื่นรอผมกลับจากพิจิตก่อนนะครับ เติมของแถมเป็นปรกติ

    Shinray01 ek831082236th
    ทำความดี ek831082219th
    rave22 ek831082222th
     
  5. Funfun27

    Funfun27 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +7,868
    อัพเดทตาราง 21 ก.พ. 58 (ร่วมสร้างพระฯ กับพี่ธวัชชัย)

    ขอบคุณครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    ได้รับของแล้วนะครับพี่ทิพย์แต่น้ำมันเกินมา 1 ขวด
    ผมเลยโอนเพิ่มไปให้อีก 500 บาท แล้วร่วมบุญสร้างพระกับพี่ธวัชชัยอีก 300 บาทนะครับ
    รวมเป็น 800 บาท 22/02/2558 13.28น.
    อนุโมทนาบุญกับพี่ๆทุกท่านด้วยนะครับ
    ขอบพระคุณครับ
     
  7. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : เล่าเรื่องในทะเลเพื่อแบ่งปันให้คนไม่เคยรู้ ได้รู้จัก จนนึกแล้วอาจจะเห็นได้ฯ

    ตอน : มันไม่เหมือนกัน แต่ก็เหมือนกัน อีกทีนะครับฯ(5)

    เห็นหน้ากระทู้ดูเหงาๆ ก็เลยเข้ามาเขียนต่อ กว่าจะหมดเที่ยวเรือนี้คงยาวเป็นเดือนๆ หลังจากที่เรือผ่านตอนกลางๆ ของประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ก็มาถึงตอน

    เหนือของฟิลิปปินส์ คือ เกาะ Luzon ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี มีพายุไต้ฝุ่นหรือพายุที่กำลังพํฒนาความเร็วขึ้นเป็นไต้ฝุ่น ก็จะมีข่าวให้เราได้ยินคำว่า มนิลา

    หรือว่าลูซอน อยู่เป็นประจำว่าตอนนี้พายุ...กำลังก่อตัว...อะไรทำนองนั้น ผมประทับใจอะไรบ้าง? มีน้อยจริงๆ สำหรับผม นอกจากเรื่องที่เล่าไม่ได้

    เพราะความใจง่ายของผม เป็นเมืองที่ผมคิดว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้ดีที่สุด ในยามที่ห่างบ้านไปนานๆ ถึงผมจะไปบ่อยๆ และมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาว

    ฟิลิปปินส์อยู่เสมอๆ ก็จริง แต่ผมพูดภาษาฟิลิปปินส์ไม่ได้เลย ที่มนิลา ผมชอบไปดูพิธีเชิญธง ตอนเย็นๆ ที่สวนสาธารณะ เพราะดูแล้วมันสง่างามดี แถมมี

    ดนตรีให้ดูฟรีเป็นประจำ มีเรื่องที่บอกไม่ได้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร คือ คนเรือฟิลิปปินส์ กับ คนเรือไทย จะไม่ค่อยถูกชะตากัน มีการกระทบกระทั่งกันอยู่

    เสมอๆ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นหรือสิงค์โปร์ Agent จะรู้ดีว่า"ต้องแยกเรือบริการ ไม่ให้เป็นเรือลำเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเป็นเรื่อง" ผมเคยตั้งข้อสังเกตุว่า คน

    ฟิลิปปินส์ไม่ค่อยมีความเอื้อเฟื้อ อย่างคนไทยเราหรือชาติอื่นๆ ที่ผมเคยร่วมงานมา ส่วนใหญ่จะมีการถามไถ่กันว่า ใครจะฝากซื้ออะไรไหม? หรือไม่ก็มี

    การถามกันเองว่า เราจะเอาอะไรไปฝากคนอื่นกันดี เคยตั้งคำถามว่ามันเป็นเพราะอะไร? มีผู้ใหญ่ท่านให้คำตอบว่า มันเป็นความเคยชินมาตั้งแต่เกิดจน

    ตาย พร้อมทั้งอธิบายว่า ไม่ใช่ใจดำ แต่บริบทของเขาเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตเรื่อยๆ ไป บ้านเมืองของพวงกเขาต้องผจญกับพายุ/อากาศที่เลวร้าย

    มีความเสียหายเป็นประจำ...บ้านเอ็งก็พัง...บ้านข้าก็พัง...บ้านข้าอดไม่มีจะกิน...บ้านเอ็งก็ไม่เหลืออะไร แล้วจะมีใครไปพูดไปบอกหรือยื่นมือเข้าช่วย

    หรือไปถามคนโน้นคนนี้ว่า...มีอะไรให้ช่วยไหม? เพราะฉะนั้นวัฒนธรรมงดงามอย่างของไทยๆ เราจึงไม่มีให้เห็น แต่เราไม่เข้าใจในสภาพความเป็นอยู่

    หรือสภาพที่เป็นประจำๆ ของเขาก็เลยเหมาเอาว่า...ไม่มีจิตใจที่เผื่อแผ่...ผมเป็นคนติดนิสัย(แก้ไม่หาย)คือ เวลาผมกินข้าวไม่ว่าเวลาไหน...ผมจะพูดกับ

    คนที่ผ่านมาให้เห็นว่า...กินข้าวกันหรือทานข้าวกัน แต่ก่อนโน้นก็เป็นปกติดี แต่เดี๋ยวนี้...บางคนที่ผมเรียกทานข้าว...เขาจะมองหาไปรอบๆ ตัวเขา

    เหมือนจะหาว่า...ผมพูดกับใคร อันนี้ไม่น่าจะเกิดจากการผจญกับภัยธรรมชาติ แต่เป็นเพราะพิษเศรษฐกิจมันบิดจนเบี่ยงเบนไป ในเที่ยวเรือนี้เป็นช่วงต้นปี

    ของ พ.ศ. นั้น จึงไม่ใช่ฤดูที่จะเกิดพายุรุนแรงหรือไต้ฝุ่นแต่อย่างใด เส้นทางจากเหนือเกาะ Luzon ขึ้นไปจนถึงไต้หวัน ก็จะผ่านชอ่งแคบแต่จริงๆ ก็ไม่

    แคบนัก คนยุคโบราณเขาเรียกกันว่า ช่องมรสุม แต่เดี๋ยวนี้คนเรือด้วยกันเองก็อาจจะไม่รู้จักแล้ว ช่องที่อยู่ใกล้มาทางเกาะ Luzon เรียกันว่าช่อง บาตาน

    หรือเรียกเป็นทางการว่าช่องแคบหมู่เกาะ"บาตาเนส" BATANES ระดับความลึกของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-5,000 เมตร กัปตันเรือบางท่านก็ชอบผ่าน

    ทางช่องนี้ไปญี่ปุ่น

    [​IMG]

    บางครั้งที่เรากำหนดเดินทางผ่านช่องนี้ ในสมัยโน้น บางทีต้องไปลอยเรือรอดูท่าทีของไต้ฝุ่นที่จะผ่านทางหัวเกาะลูซอนก่อน จนแน่ใจว่าจะไม่วกกลับมา

    หาทางเส้นทางเดินเรือิของเรา จึงจะเดินทางต่อ เคยลอยลำแล้วตกปลาหมึกขึ้นมาได้จำนวนมาก เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีข้าวต้มปลาหมึก ก็อร่อยดี แตไม่มีใครกิน

    ปลาหมึก...เพราะมันเหนียวมากๆ

    [​IMG]


    กัปตันบางท่านก็ไม่ชอบผ่านทางช่องบาตาน ต้นหนก็ต้องขีดเส้นทางให้ท่านผ่านค่อนไปทางตอนเหนือ เรียกกันว่า ช่องบาชิ


    [​IMG]

    การผ่านด้านใต้ของเกาะไต้หวันเพื่อไปยังญี่ปุ่น บางทีก็พบกับความยุ่งยากบ้าง ถ้าเป็นฤดูที่มีหมอกก็จะพบกับความยากลำบากอยู่เหมือนกัน สำหรับไต้หวัน

    ผมก็ผ่านเข้าไปทำงานเพียง 4 เมืองท่า เช่น ตอนเหนือสุดคือเมือง Chilung คนบกอ่านอย่างไรผมไม่รู้ พวกผมเรียกเมือง"คีลุง" ที่นี่มีสินค้าประเภททั่ว

    ไป ส่วนใต้ลงมาทางตะวันออกอีกเมืองหนึ่งที่เคยไปทำงานหลายหนคือเอาสินค้าไปส่ง คือแร่"ยิปซั่ม"คงเดาได้นะครับว่า เมืองนี้เป็นที่ผลิต ปูนซีเมนต์

    ส่งออก ส่วนด้านตะวันตกใต้เมือง คีลุง ลงมา คือ Taichung เมืองนี้เราส่งออกแป้งมันอัดเม็ดไปขายเขา ส่วนเกาชุง Kaoshiung ส่วนใหญ่ถ้าเอาจาก

    ไทยไปขายเขา ก็เป็นแร่"ยิปซั่ม"แล้วรับเหล็กเก่ากลับไทย หรือไม่ก็รับเอาปูนซีเมนต์ไปส่งยังประเทศ บังคลาเทศ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  8. jatukarm

    jatukarm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +810
    ร่วมบุญสร้างพระกับพี่ธวัชชัย

    วันนี้ 22/2/58 เวลา 14.04น. ได้โอนเงินร่วมบุญสร้างพระกับพี่ธวัชชัย จำนวน 300.06 บาท

    ขอร่วมอนุโมนาบุญกับพี่ธวัชชัยและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    อาบัติปาราชิก คืออาบัติขั้นสูงสุดของพระสงฆ์ ซึ่งทำให้ขาดจากการเป็นพระในทันที (เข้าใจประโยคนี้ไหม?????!!!!!!!!!!!!!!)

    อาบัติปาราชิก มีอยู่ทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้

    1. เสพเมถุน หมายถึงการร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์

    2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน หมายถึงการขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นในราคา 5 มาสกขึ้นไป (5 มาสก = 1 บาท)

    3. การพรากกายมนุษย์จากชีวิต หมายถึงการฆ่ามนุษย์ให้ตาย

    4. การกล่าวอวดอุตริมนุสธรรม หมายถึงการอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน เช่น อ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ (ทั้งที่ไม่ได้เป็น) การอวดอ้างว่าไปเข้าเฝ้า

    พระอินทร์หรือเทวดา การอวดอ้างว่าตนเองเหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นต้น

    อาบัติปาราชิกนี้คือความผิดขั้นสูงสุดของพระสงฆ์ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศีล 227 ข้อของพระสงฆ์) พระสงฆ์รูปใดที่ทำผิดในข้อหาปาราชิก จะถือว่าขาด

    จากความเป็นพระทันที ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ ดังนั้นถ้าเรากราบไว้ผู้ที่ต้องอาบัติปาราชิก (โดยที่เราไม่รู้ แต่เจ้าตัวรู้) ก็เปรียบได้กับว่าเรากราบไหว้คนห่ม

    ผ้าเหลืองเท่านั้น ไม่ได้กราบไว้พระสงฆ์ผู้เป็นสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ประการใด

    ผมเองตอนบวช ก็ได้แค่พระ นวก แต่สวดปฏิโมกข์ได้ อ่านนวโกวาท ก็พอเข้าใจ แต่เพิ่งมีความรู้ใหม่ตาม มติ มส. ที่เพิ่งลงมติไปหมาดๆ คือ ปราชิกมี

    การแก้ไขได้ ก็นับว่าได้เพิ่มพูนความรู้ขึ้นมาก ที่เข้าใจได้ในตอนนี้ คือ

    ปราชิก ข้อ 2 ถ้าใครที่ต้องปราชิกข้อนี้ ให้เอาทรัพย์สินไปคืนเขา แล้วก็ถือว่าอาบัตินั้นตกไป ทีนี้ที่ผมยังสงสัยวิธีการแก้ไขในข้อต่อไปคือ

    ถ้าปราชิกข้อ 1 พระไปเสพเมถุนมา/หรือว่ากลับบ้านไปฉันโยมอุปฐากมาแล้วจะแก้ยังไง ต้องเอาไปยัดใส่คืนอีกครั้งใช่หรือไม่ และต้องคืนกี่ที เอาจน

    ครบ 3 ที เหมือนพระสุทินหรือไม่???

    ถ้าปราชิกข้อ 3 ถ้าไปฆ่าคนตาย จะมีวิธีเอาชีวิตคืนได้แบบไหน หรือจะให้เอาไปชุบเลี้ยงแบบ เณรแอ?????

    ส่วนข้อ 4 มันมีจนผมละอาไปหมดแล้ว

    ปัญหาที่มีมากสำหรับผมตอนนี้คือ ปกติผมไหว้พระทุกรูป โดยนึกถึงพระพุทธองค์ แต่ตอนนี้ผมอยากจะเลิกไหว้พระและนับถือพระเป็นรูปๆ ไป ใครช่วยบอก

    ผมทีว่า มติ มส.ที่ตัดสินว่า พระธัมชโยไม่ผิด/ไม่ปราชิก มีใครบ้าง เพราะผมจะเลิกไหว้และไม่นับนับว่าคนพวกนี้เป็นพระ ช่วยบอกผมทีนึกว่าเอาบุญ

    เพราะผมกลัวจะเป็นบาปถ้าเผลอไปไหว้คนพวกนี้เข้า กลัวว่าจะขัดต่อคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

    ใครจะห่วงอะไร หรือ ไม่ห่วง ก็นานาจิตตัง ถ้ามันเป็นอย่างนี้ เราๆ ท่านๆ จะเอาอะไรไปสอนลูกหลานที่เรากำลังจะไปแห่พวกเขาเข้าโบถส์ ที่ผมห่วงก็

    ห่วงตรงนี้แหละ เกิดมีใครไปสอนนาคว่า ถ้าลักขโมย/ฉ้อโกงแล้ว/เอาของวัดเป็นของตัวเองแล้ว เอาไปคืน ก็ไม่ปราชิก แล้วเอาชื่อ คณะ มส.ที่ลง

    มติ กรณี ธัมชโยไปอ้าง สำคัญต้องช่วยกันหารายชื่อมาให้ได้.....สวัสดี...พศ. เสียดายภาษีจัง....ยกเลิกหน่วยงานนี้ได้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  10. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    12 พระราชาคณะที่มีสัมพันธ์กับธรรมกลายมีมติอุ้มเจ้าสำนักจานบิน

    ........................
    ฝ่ายมหานิกาย
    ........................

    1. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ >> พ่อใหญ่ธรรมกลาย
    (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    2. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ >> ธรรมกลาย
    (วีระ ภทฺทจารี) วัดสุทัศน์เทพวราราม

    3. สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ >> ธรรมกลาย
    (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม

    4. สมเด็จพระพุฒาจารย์ >> ธรรมกลาย
    (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยาราม

    5. พระพรหมวชิรญาณ >> ธรรมกลาย
    (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) วัดยานนาวา

    6. พระวิสุทธิวงศาจารย์ >> ธรรมกลาย
    (วิเชียร อโนมคุโณ) วัดปากน้ำ

    7. พระพรหมดิลก >> ธรรมกลายตัวเอ้
    (เอื้อน หาสธมฺโม) วัดสามพระยา

    8. พระพรหมโมลี >> ธรรมกลาย
    (สุชาติ ธมฺมรตโน) วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    9. พระพรหมสิทธิ >> ธรรมกลาย
    (ธงชัย สุขญาโณ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

    10. พระพรหมบัณฑิต >> ไหลตามน้ำ
    (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) วัดประยุรวงศาวาส

    .............................
    ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย
    ..........................

    1. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ >> ธรรมกลาย
    (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม

    2. พระพรหมเมธี >> ธรรมกลาย
    (จำนงค์ ธมฺมจารี) วัดสัมพันธวงศาราม

    https://www.facebook.com/pages/แฉธรรมกาย/254150517955549
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมไม่อยู่...ไม่ใช่ว่ากลับไปกระทู้โดนปิดนะครับ
    แต่ก็ดี วัดใจทางเวปฯด้วย

    ในสมัยพุทธกาล ไม่มีชั้นราชาคณะ
    พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ชั้นพระครู
    การปกครองใช้พระวินัยชำระ

    แต่ยุคสมัยของระบอบประชาธิปไตยไร้สาระ
    ต้องฟังเสียงข้างมาก...เลอะเทอะ

    เดี๋ยวผมกลับเข้ากรุงฯ จะชำระให้
     
  12. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าตั้งใจให้เกิน เพราะหมดแล้วก็หมดเลย ไม่ทำอีก
    ไม่อยากให้คุณได้น้อยกว่าตั้งใจ

    สตางค์ที่โอนมาจะนำไปใช้ประโยชน์ให้เพื่อนสมาชิก
    ขอขอบคุณครับ
     
  13. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    รายชื่อเหล่านี้เปิดเผยรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ถือว่าท่านเป็นบุคคลสาธารณะ
    ก็วัดใจเวปเพื่อพระพุทธศาสนาด้วยว่าจะตรงหรือเลี้ยวขึ้นจานบิน
     
  14. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ขอขอบพระคุณมากครับ ที่ได้ร่วมเป็นจำเลยที่ ๒

    สมัยผมเป็นเด็ก ชอบฟังปู่เล่าเรื่องหลวง นรินทร์ กลึง ผมฟังด้วยความไม่แน่ใจ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง พอโตขึ้นก็หาอ่าน พออ่านแล้วผมก็ทึ่ง ถ้าเราเอา

    ท่านหลวงนรินทร์ กลึง มาเปรียบเทียบกับสิ่งเลวร้ายในปัจจุบัน ผมจะไหว้ หลวงนรินทร์ กลึง แต่จะไม่ไหว้คนห่มผ้าเหลืองกิเลสหนาอีกหลายคน


    ศาสนา-พระเครื่อง : ข่าวทั่วไป

    วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 255512 'นารีวงศ์’ประวัติร์ภิกษุณีแห่งแรกในสยาม(๑)ใครคือ'นรินทร์กลึง'?

    'นารีวงศ์’ประวัติศาสตร์วัตร์ภิกษุณีแห่งแรกในสยาม( ๑ )ใครคือ'นรินทร์กลึง' ? : วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพระชาย วรธัมโม เรื่อง อุสาห์ รงคสุวรรณ

    ภาพ

    บ่ายวันหนึ่งผู้เขียนมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านของนักต่อสู้ในอดีตนาม "นรินทร์ ภาษิต" บ้านของเขาตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เมืองนนทบุรี จึงได้สอบถามถึงเรื่อง

    ราวในอดีตของ "นายนรินทร์" และ "นางสาระ" จากสุภาพสตรีผู้ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อและตัวตนของเธอ เราจึงไม่อาจเปิดเผยที่มาที่ไปของเธอได้

    เพราะเธอต้องการเป็นเพียงบุคคลธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่สำคัญเธอมอบภาพถ่ายเก่าๆ ไว้ใช้ประกอบงานเขียนชิ้นนี้ซึ่งเป็นภาพถ่ายโบราณที่มีคุณค่าทาง

    ประวัติศาสตร์จนไม่อาจประเมินราคาได้ ข้อมูลต่างๆ ในบทความนี้ได้มาจากการสัมภาษณ์เธอ เอกสารที่พอจะหาได้จากบุคคลต่างๆ คือ อ.ศักดินา ฉัตร

    กุล อ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และคุณปุ้มปุ้ย

    ย้อนหลังกลับไป ๘๔ ปีที่แล้ว หรือราว พ.ศ.๒๔๗๑ เรื่องราวการพาลูกสาวออกบวชเป็นสามเณรีของนรินทร์ ภาษิต กลายเป็นประเด็นร้อนในเมืองสยาม

    ณ ช่วงเวลานั้นไม่มีใครไม่รู้จัก นรินทร์ ภาษิต เพราะเขาสร้างวีรกรรมไว้หลายอย่างเพื่อช่วยเหลือสังคมให้เกิดความเป็นธรรม เราจะย้อนกลับไปในช่วง

    เวลาดังกล่าวเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ด้านที่ไม่มีการจดบันทึกไว้ซึ่งกำลังจะถูกลืมเลือนไปจากสังคมไทย

    นรินทร์ ภาษิต ชื่อนี้คือใคร

    หากจะนิยามบุรุษผู้นี้หรือที่ใครๆ มักเรียกขานชื่อจริงผสมชื่อเล่นของเขาว่า ‘นรินทร์กลึง’ นั้นคือใคร ก็อาจนิยามได้ว่านรินทร์เป็นประชาชนชาวสยามคน

    หนึ่งที่ต้องการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับชนชั้นล่าง ชนชั้นล่างที่มักถูกเอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐ เขาไม่ต้องการให้รัฐรีดนาทาเร้นคนยากจนจึง

    ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมอยู่เสมอ เขามุ่งมั่นเรียกร้องความจริงจากผู้มีอำนาจจนความจริงที่เขาพูดออกไปทำให้เขาติดคุก เขาเป็นชาวพุทธที่

    อยากเห็นพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจึงเสนอให้มีการสังคายนากำจัดอลัชชี เปลี่ยนคำว่าวัดเป็นวัตร์ พาผู้หญิงออกบวชห่มเหลือง เสนอให้ยกเลิกกฎหมาย

    ประหารชีวิตและปล่อยตัวนักโทษเพื่อเปิดโอกาสให้คนได้กลับตัว

    ทั้งหมดนี้น่าจะนิยามได้ว่า นรินทร์เป็นโพธิสัตว์แห่งสยามสมัยผู้เกิดมาเพื่อช่วยคนให้พ้นทุกข์ เปลี่ยนแปลงสังคมให้เกิดความยุติธรรม ทั้งก่อนเปลี่ยน

    แปลงการปกครองและหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถึงแม้หลายเรื่องที่เขาทำจะยังไม่สำเร็จก็ตาม

    เขาเกิดในตระกูลสามัญชน เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.๒๔๑๗-๒๔๙๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๙ อายุ ๑๕ ได้บวชเป็นสามเณร หลังลา

    สิกขาเข้าทำงานในวงราชการตลอด เป็นเสมียนสังกัดกระทรวงต่างๆ ได้ยศเป็น หลวงศุภมาตรา แล้วเลื่อนเป็น หลวงรามบุรานุกิจ จนเป็นพระพนม

    สารนรินทร์ มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองนครนายก ที่นี่นรินทร์ได้แต่งงานกับนางผิว มีบุตร ๕ คน เป็นหญิง ๒ ชาย ๓ คือ สาระ ณรงค์ จงดี ศรีไทย

    และไชยโย

    นรินทร์ลาออกจากข้าราชการเมื่ออายุ ๓๕ ปี แล้วพาครอบครัวหันไปปั้นหม้อดินขาย ส่วนตัวเขาเองสนใจเรื่องพัฒนาสังคม เขาจัดตั้ง ‘พุทธบริษัทสมาคม’

    เป็นองค์กรพุทธองค์กรแรกที่ดำเนินงานโดยคฤหัสถ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแผ่พุทธธรรม ปฏิรูปพุทธศาสนา ปราศจากความงมงายให้เข้าถึงแก่น มีการออก

    วารสารธรรมะ ๒ เล่มคือ สารธรรม และโลกกับธรรม

    เคยจัดตั้ง ‘คณะยินดีการคัดค้าน’ เพื่อช่วยใครก็ได้ที่ถูกกลั่นแกล้ง ถูกกดขี่หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาแจ้ง คณะของเขาจะช่วยให้ได้รับความเป็น

    ธรรม และยังออกวารสาร ‘เหมาะสมัย’ รวมเรื่องราวของบุคคลที่มาร้องทุกข์เพื่อนำเสนอแก่เจ้าพนักงาน

    เขาเคยผลิต ‘ยาดองตรานกเขาคู่’ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนกลายเป็นเศรษฐีแล้วนำกำไรไปสร้างตึก ๗ ชั้น ต่อมาตึกนี้ได้กลายเป็นวัตร์นารีวงศ์ วัตร์ภิกษุณี

    แห่งแรกในสยาม

    เพราะเป็นคนฉลาดอ่านออกเขียนได้ อาวุธที่เขาใช้ในการตอบโต้ผู้มีอำนาจคือ ‘ใบปลิว’ ทุกครั้งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสิ่งที่เขาลงมือทำทันทีคือการ

    เผยแพร่ใบปลิว ใบปลิวของเขา “แรง” ถึงขนาดถูกห้ามแจก แต่เขาก็แค่วางทิ้งไว้บนพื้นแล้วมันก็หมดไปในพริบตา ในชีวิตของเขาก่อตั้งองค์กรเพื่อเปลี่ยน

    แปลงสังคมมาแล้วประมาณ ๑๐ องค์กร เขียนหนังสือและเผยแพร่ใบปลิวเพื่อปฏิวัติสังคมในแต่ละช่วงเวลาจนนับจำนวนไม่ได้ว่าออกหนังสือมาแล้วกี่เล่ม

    แจกใบปลิวไปแล้วกี่แผ่น

    วีรกรรมจำคุก ๖ ครั้งในชีวิต

    จะมีใครถูกตัดสินจำคุกได้มากครั้งเท่าเขาคนนี้ การติดคุกแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีสาเหตุมาจากตัวเองแต่ติดคุกเพราะเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นทั้งสิ้น

    เมื่ออายุ ๔๗ ปี ติดคุกครั้งแรก พ.ศ.๒๔๖๐ เวลานั้นมีการจี้ปล้นของโจรผู้ร้ายเกิดขึ้นในหลายท้องที่ เขาจึงแจกใบปลิว ‘สงบอยู่ไม่ได้’ ประณามการทำงาน

    ของรัฐบาลและข้าราชการที่กินเงินภาษีราษฎรแต่ไม่เอาใจใส่ปกป้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน รัฐบาลตั้งข้อหาว่าเขาแจกใบปลิวใส่ร้ายรัฐ ยุยง

    ประชาชนให้เกลียดชังรัฐ นี่เป็นการติดคุกครั้งแรกในชีวิตเป็นเวลา ๒ ปี ๑ เดือน

    เมื่ออายุ ๕๗ ปี พ.ศ.๒๔๗๔ เวลานั้นเศรษฐกิจตกต่ำ เขาเขียนหนังสือทูลเกล้าฯ ถึงสมเด็จพระสังฆราชขอให้พระสังฆราชและพระสงฆ์ทุกรูปสละทรัพย์

    และนิตยภัตคืนแก่ประเทศชาติเพื่อช่วยเศรษฐกิจของชาติและขอให้พระองค์ช่วยกำจัดพระอลัชชีที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย จดหมายนี้ทำให้เขาถูกฟ้อง

    ด้วยข้อหาหมิ่นพระสังฆราชเป็นเหตุให้ถูกจำคุกเป็นครั้งที่ ๒ เป็นเวลา ๒ ปี

    อายุ ๕๙ ปี เขาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการเก็บเงินรัชชูปการอันเป็นเงินภาษีเก็บจากชายไทยทุกคนปีละ ๖ บาท ไม่เว้นแม้คนยากจน ใครไม่จ่ายถูกปรับ

    เป็น ๑๒ บาท ใครไม่ชำระต้องจำคุก เขาจึงแจกใบปลิว ‘ไทยไม่ใช่ทาส’ มีเนื้อหาประณามรัฐบาลว่ามีใจเหี้ยมโหดยิ่งกว่ามหาโจรปล้นได้กระทั่งคนยากจน

    และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการเก็บเงินรัชชูปการ เขาถูกจับเข้าคุกเป็นเวลา ๒ ปี ๘ เดือนในข้อหากบฏ แม้อยู่ในคุกก็ยังประท้วงต่อด้วยการอดอาหาร

    นาน ๒๑ วัน เขาเป็นบุคคลแรกที่นำวิธีการอดอาหารมาใช้ ในที่สุดรัฐบาลยอมยกเลิกเก็บเงินรัชชูปการ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงการ

    ปกครอง พ.ศ.๒๔๗๖ สร้างความดีใจให้กับชายไทยที่ยากจนทุกคน

    การติดคุก ๓ ครั้งสุดท้ายครั้งละ ๒ ปีเป็นการติดคุกเพราะมีเรื่องกับนายกรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม นรินทร์ออกหนังสือ “แนวหน้า” วิจารณ์จอมพล

    ป.เป็นเผด็จการ เรื่องห้ามนุ่งโจงกระเบน ห้ามเคี้ยวหมาก ออกใบปลิวและเขียนจดหมายใช้ถ้อยคำหยาบคายถึงจอมพล ป. โดยตรง พร้อมกับท้าให้จอม

    พล ป.สละตำแหน่งนายกฯ แล้วให้ตนขึ้นเป็นนายกฯ แทน เขาเข้าคุกครั้งสุดท้ายเมื่อปัจฉิมวัย ๖๙ ปี ออกจากคุกเมื่ออายุ ๗๑ ปี

    นรินทร์เคยพูดไว้ว่า ‘คนเราอย่างมากที่เขาจะทำกับเราได้คือจับไปฆ่าเสียเท่านั้น’ นี่จึงเป็นคติประจำใจที่ทำให้เขามีแรงต่อสู้กับผู้มีอำนาจโดยไม่สนว่าตัว

    เองจะถูกลงโทษอย่างไร (ถ้าจะทำใจให้ได้อย่างผม ต้องอ่านหลายๆ version หน่อยนะครับ)

    คิดถึงคดีท่านที่บางละมุงในอดีตกันไหมครับ เอารถวอลโว่เถื่อนเข้า คดีสิ้นสุดที่ = เอาไปเสียภาษีแล้วจบ

    พอมีพระบวชใหม่ ก็เรี่ยไร หาโยมช่วยซื้อหนังสือ นวโกวาท พอพระใหม่สอบ นวก ก็ดันเอาคำถาม ปัจจัยเครื่องอาศัยของพระภิกษุ มาถาม ส่วนตัว

    อาจารย์ คนออกข้อสอบ อยู่ห้องแอร์ ไม่ได้อยู่โคนต้นไม้หรือใช้ชีวิตสมถ, บิณฑบาตรเป็นพิธี มีการผูกสำรับ/ปิ่นโต กินไข่เต่า, ความจำเลอะเลือนไม่รู้

    ว่าพระวินัยจริงๆ เป็ยอย่างไรนิจฉัยมั่ว ต้องให้ไปฉันยาดองด้วยน้ำมูลเน่าจะได้ช่วยให้คิดดีได้ ชอบห่มผ้าแพร/ขัดผิว/ไม่ใช้ผ้าบังสุกุล(บัง ส สระ อุ กุล /

    หลายๆองค์หลายๆที่ชอบอ่านผิด)

    มิน่า ... เฮีย เกษม ถึงเล่นได้เป็นประจำ... ต้องเจอ สังฆทาน หลวงพี่ สุวิทย์ ...วัดอ้อน้อย ....สาธุๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  15. penicillin2

    penicillin2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +898
    สวัสดีครับ พี่ numtip ตอนนี้พี่ numtip ยังพอมีน้ำมันแม่ทัพให้บูชาไหมครับ ถ้ายังพอมี ผมขอบูชา 1 หลอดครับ และ ผมขอบูชา พระสมเด็จมหาบารมี 1 องค์ด้วยนะครับ
     
  16. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    มีข่าววงในแจ้งมาว่า สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม สมเด็จท่านไม่ได้เข้าประชุมในมหาเถรสมาคมในวันก่อน เนื่องจากสมเด็จท่านมีอายุ 98 แล้ว ดังนั้นข่าวเรื่องที่ท่านเป็นหนึ่งในธรรมยุติที่ไปรวมกับมหานิกายโหวตให้วัดธรรมกายนั้นอาจจะไม่เป็นเรื่องจริง

    หากเป็นเช่นที่ว่าคะแนนที่ลงมตินั้นเป็น 8-12 หรือ 8-11 กันแน่

    แต่ถ้าคะแนนเป็น 8-12 ใครเอาเสียงของสมเด็จท่านไปใช้โหวตวันนั้น


    เห็นแต่ สส.พรรคเพื่อปูเพื่อกูคนไกล เสียบบัตรแทนกัน
    แต่นี่เป็นพระลงคะแนนเสียงแทนกัน ผิดศีลมุสาวาทนี่ไม่ปราชิกแต่จะอาบัติข้อไหน
    หากเป็นอย่างที่ข่าวบอกมา ก็คงมีการตะแบงแถไปเรื่อยว่า
    พระวินัยบางข้อยกเลิกได้เพราะพระพุทธเจ้ามีพุทธานุญาตไว้

    เรื่องนี้น่าสนใจเพราะพระจากวัดสัมพันธวงศ์เป็นสมเด็จถึง ๒ รูปที่เป็นกรรมการ มส.
    ถ้าองค์แรกไม่ได้ไป แล้วองค์ไหนออกเสียงแทน เป็นพระวัดท่านหรือพระวัดอื่น
     
  17. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ถึงกรุงเทพฯวันนี้ จะจัดการให้ครับ
     
  18. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พระลิขิตฉบับสุดท้ายมีความหมายมาก... ก็ไม่มีใครสนองพระลิขิตกันเลย

    รอผมกลับไปก่อน!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  19. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : เล่าเรื่องในทะเลเพื่อแบ่งปันให้คนไม่เคยรู้ ได้รู้จัก จนนึกแล้วอาจจะเห็นได้ฯ

    ตอน : มันไม่เหมือนกันแต่ก็เหมือนกัน อีกทีนะครับฯ(5)

    เถลไถลออกไปนอกเรื่อง ก็ด้วยเรื่องง่ายๆ แต่มีคนเพี้ยนๆ ทำเป็นไม่เข้าใจเจตนาของพระวินัยฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ตามที่วินิจฉัยฯ ต่อไปโจรหรือขโมยทำผิด

    ไปแล้วเอาของมาคืนก็คงพ้นโทษได้ไม่มีความผิด ตัวอย่างของพระวินัยฯกล่าวไว้ถึงขนาดว่า ถ้าพระใช้หรือจ้างคนไปฆ่าผู้อื่น เมื่อคนรับไปทำ ทำสำเร็จ

    เมื่อไรก็ถือว่าต้องอาบัติตั้งแต่คนที่ถูกกระทำชีวิตตกร่วงลงแล้ว ไม่เว้นไว้แม้แต่พระที่ใช้ไปจะกำลังนอนหลับเสียด้วยซ้ำไป ผมเรียนนิติศาสตร์มาน้อยก็จริง

    แต่ก็พอรู้ว่าหลักกฎหมายก็มีที่มาจากหลักของศีลธรรม และหลักของธรรมชาติ อย่าเอาความปรองดองมาอ้างฟังไม่ขึ้น ที่ผมเอาเรื่องหลวงนรินทร์ กลึง

    มาให้อ่านก็เพื่อให้สมาชิกลองไปเปิดอ่านกันดู เพื่อเอามาเปรียบเทียบกันดูว่า หลวงนรินทร์ กลึง ที่ในสมัยโน้นว่ากันว่า"เพี้ยน"กับคนเพี้ยนสมัยนี้อันไหนดี

    กว่ากัน แจ้งมาเพื่อทำความเข้าใจ มาเข้าเมือง ไต้หวันกันดีกว่า ที่ไต้หวันนี้ขอฉายภาพกว้างๆ ตามที่ได้ความรู้จากการเล่าของผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นอาวุโส

    ของคนเดินเรือหรือท่านที่เป็นครูสอนผมทั้งทางตรงและทางอ้อมเสียก่อน เป็นเวลานานมาแล้วที่เรารู้กันว่า ไต้หวันมีของปลอมหรือของ ทำเรียนแบบมาก

    ที่สุด มีการจับมีการทำลายของเป็นข่าวอยู่เสมอๆ แต่ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา ในวงการหนังสือทางวิการต่างๆ รู้กันดีว่า ถ้าอยากได้หนังสือราคาถูกที่สุดใน

    โลก ต้องที่ไต้หวัน คนเรือทั้งหลายที่ต้องการหนังสือวิชาการต่างๆ ก็จะฝากคนที่อยู่เรือเดินทางไปไต้หวันให้หาซื้อเล่มที่ต้องการ สรุปที่ได้คำตอบมาก็คือ

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องถือว่าจีนคณะชาติชนะด้วยเพราะเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อชนะแล้วก็ต้องมีการแบ่ง CAKE กัน ประเทศต่างๆ ก็แบ่งปันกัน

    ไปตามที่ต้องการ ส่วนไต้หวันก็เพิ่งก่อร่างสร้างตัว ก็ขอให้ได้รับสิทธิ์ในการ COPY สิ่งต่างๆ ได้(เขียนให้เข้าใจง่ายดี) ก็ได้รับตามนั้น มีเรื่องเล่าที่เป็น

    เรื่องจริงก็เช่น หลังสงครามโลกแล้ว ไต้หวันก็ Copy รถ Jeep ขายเป็นว่าเล่น และก็มา Copy บรรณสารต่างๆ ขายชนิดเป็นรายได้หลัก เป็นที่ทราบกันดี

    ว่า หนังสือที่ไต้หวันทำขายราคาถูก เพราะใช้ถ่ายเอกสารเอามาเย็บเล่มขายก็มี เช่น ตำรากฎหมาย เรือบรรณสารการเดินเรือ ถ้าเราซื้อที่สิงคโปร์หรือที่

    อื่นๆ ราคาเล่มละ 2,000.-บาท จะซื้อได้ที่ไต้หวันไม่เกิน 1,000.-บาท หนังสือเอกสารที่ใช้ในเรือมีมากมายต้องใช้ที่เก็บเป็นห้อง และหลายห้อง ดังนั้น

    คนเรือส่วนใหญ่จึงมีความรอบรู้ในหลายๆ วิชาการ เช่น กฎหมายก็ต้องรู้ทั้งของเราและของประเทศต่างๆ ที่จะไป ต้องรู้เรื่องสินค้าสังคมโลก หรือทาง

    วิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ มากมาย เช่น บางทีอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็เปิดหนังสือ Guide to ports ขึ้นมาอ่าน อยากรู้เรื่องเมืองท่าต่างๆ ในโลกใบนี้ที่

    ติดทะเล หาได้เลย จะรู้ตั้งแต่ มีพลเมืองเท่าไร มีอะไรเป็นอาชีพหลัก ประชากรมีนิสัยเป็นอย่างไร มีวัฒนธรรมอย่างไร มีขโมยไหม? มีการปล้นสดมส์หรือ

    ไม่ คุณภาพน้ำดื่มเป็นอย่างไร เสบียงอาหารคุณภาพเป็นอย่างไร สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ มีให้รู้อย่างพอเพียง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง อย่างละเท่าไร

    มีให้อ่านหมด สภาพอากาศ หรือการทำงาน มีอะไรที่ควรรู้ อยู่ในหนังสือ Guide to ports ผมเคยทำหน้าที่ด้านเอกสารต้องอ่านก่อนจะได้เตรียมการถูก

    และใครอยากรู้เรื่องอะไรเขาก็จะมาถามคนทำเอกสาร เพราะเชื่อได้ว่าคนทำเอกสารทุกคนต้องรู้อะไรๆ ก่อนคนอื่นๆ เสมอ หนังสือนี้ถ้าซื้อที่อื่นก็หลาย

    พัน/ที่ไต้หวันถูกมากๆ นี่ก็เป็นความชาญฉลาดของผู้นำประเทศไต้หวันในยุคนั้น ผมเสียดายจำชื่อ ไต้หวัน อีกชื่อหนึ่งที่ ญี่ปุ่นเตรียมตั้งไว้แล้ว คือกะไว้ว่า

    ถ้าชนะสงครามก็จะผนวกไต้หวันเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก นี่แหละเรื่องเก่า ถ้าไม่เล่าเดี๋ยวก็ลืม ชื่อเก่าของ ไต้หวันที่ โปรตุเกตุ

    ตั้งให้คือ Formosa แปลว่า เกาะสวยงาม สรุปคือที่ไต้หวันทำของเทียมขายในสมัยก่อนโน้น ถือว่าไม่ผิด เพราะเป็นของที่ยินยอมกันมาก่อน เป็นรางวัล

    ที่ได้จากการร่วมรบด้วยกันมาของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่...ก็ว่ากันไป ตาม มส.(มติสัมพันธมิตร)

    [​IMG]
    ต้องขออภัย comp ของผมมีปัญหามาก จะเอารูปมาให้ดูก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าออกจาหหน้าจอไปแล้วกว่าจะกลับเข้ามาก็ต้องรอเป็นชั่วโมงๆ ถึงจะกลับ

    มาได้ ก็ขอเล่าไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกันนะครับ ผมเคยนั่งแท็กซี่ไต้หวันแล้วคุยกัน ถามเขาว่ารายได้เป็นอย่างไร? เขาตอบว่าประมาณ 30,000-บาท

    เงินไทย/เดือน ผมก็บอกเขาว่าอย่างนี้ก็รวยสินะ ที่กรุงเทพฯ ขนาดขยันหาแทบตายเหลือวันละไม่กี่ร้อยบาท เขาตอบว่าไม่รวยหรอกเพราะของมันแพง

    รายได้จากแท็กซี่ที่เขาบอกผมนั้น เป็นการขับแท็กซี่หารายได้เสริมหลังจากเลิกงานแล้วไปจนถึงประมาณ 4 ทุ่ม...ตอนกลางวันทำงานตามปกติ ผม

    บอกเขาว่าบ้านเราเศรษฐกิจแย่คนไม่ค่อยมีเงิน...เขาเถียงว่าไม่จริง...เพราะเขาเคยมาเมืองไทย...เคยมาเที่ยวกรุงเทพฯ รวมถึงออกไปต่างจังหวัดเพื่อ

    ไหว้พระฯ เขาว่าในโลกนี้ไม่มีที่ไหนหรอก...ที่เศรษฐกิจไม่ดี...แต่มีคนกินอาหารได้ตลอดวันตลอดคืน...ไต้หวันไม่มีร้านโต้รุ่ง...เพราะฉะนั้นอย่าบ่นกัน

    เลยครับว่าจน...เพราะภาพลักษณ์ของคนไทยมันฟ้องคนต่างชาติว่า...ไม่จน/เศรษฐกิจดี!!!!ผมเคยคุยกับนำร่องสิงค์โปร์ถึงเรื่องเศรษฐกิจและรายได้

    ของคนไต้หวัน นำร่องสิงค์โปร์ถามผมว่า...คุณว่ารายได้นำร่องสิงค์โปร์เดือนละเท่าไหร่...ผมตอบว่าไม่ทราบ...เขาบอกว่าก็พอๆ กับกัปตันน่ะแหละ

    คืออยู่ระหว่าง 3,000-4,000 USD. และวันหนึ่งๆ ทำงานหนักกว่านำร่อง ไต้หวันมาก เพราะขนาดช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ(ต้มยำกุ้ง) มีเรือ เข้า-ออก และ

    เลื่อนเรือ ที่ต้องใช้นำร่อง สิงคโปร์ ไม่น้อยกว่า 300 ลำ แต่นำร่อง ไต้หวัน นำเรือน้อยกว่ามาก กลับมีรายได้เดือนละ 6,000 USD. เห็นไหมว่าค่าครอง

    ชีพแพงมากจริงๆ ผันแปรไปตามรายได้ ที่ไต้หวันในเที่ยวเรือนี้ผมซื้อของหลักๆ คือเสื้อยืด/เสื้อกันหนาว เพราะถูกขโมยจนหมดที่เมือง สุราบายา

    เหลือแต่เสื้อสูท อยู่ 3-4 ตัว เพราะซื้อไว้ตอนหมดฤดูหนาวของญี่ปุ่น ที่ไม่หายเพราะ บริกร เขาเอาไปซักรีดให้ หวังว่าผมจะได้เอามาใส่ทำงานที่

    ไต้หวัน ที่ญี่ปุ่น ถ้าเราอยากได้ของถูก ก็ต้องซื้อตอนเปลี่ยนฤดูกาล เช่น หมดหน้าร้อนจะเข้าหน้าหนาว เราก็ซื้อเสื้อผ้าที่เขาขายในหน้าร้อน ถ้า

    หมดหน้าหนาว เราก็ซื้อเสื้อผ้าเครื่องใช้สำหรับหน้าหนาว เพราะเขาจะขายถูกมาก เช่น เสื้อสูท ก็เข้าไปซื้อได้เลยในร้าน 100 เยน หรือ ร้าน 500 เยน

    หรืออยากซื้อเสื้อ โอเวอร์โคส ก็จะขายในราคาประมาณ 3,000 เยนไม่เกินนี้ ถามว่าทำไม??? เพราะพื้นที่เขามีน้อย,ไม่มีที่เก็บ,พอเปลี่ยนฤดู ก็ต้องรีบ

    โละขายทิ้ง จะได้มีที่ว่างสำหรับนำของใหม่ๆ ตามฤดูกาลมาขาย แขกอินเดียขนกันเป็นคันรถฯ ผมเองก็จะซื้อแบบนั้น ก็เอามาเล่าแถมไว้เสียเลย...ใน

    เที่ยวเรือนี้นอกจากเสื้อยืดแล้วผมก็ซื้อของเครื่องแก้วสวยๆงามๆกะเอาไว้กลับบ้าน และเหล้าตัวอย่างมากพอสมควรเพราะดูแล้วมันสวยดี พอเรือรับปูน

    ซีเมนต์ประมาณ 9,000 ตัน เสร็จก็เดินทางเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง คือ เมืองท่า จิตตะกอง บังคลาเทศ และก็เหมือนๆ กันสำหรับเรือใหญ่ในโลก

    นี้ คือถ้าต้องผ่านสิงค์โปร์ ทางบริษัทฯ จะกำหนดมาให้รับน้ำมันเชื้อเพลิง(BUNKER)เฉพาะพอไปถึง สิงคโปร์ และให้แวะรับ BUNKER ให้เต็มที่ ที่

    สิงคโปร์ เรือในโลกนี้ต้องผ่าน สิงคโปร์ ปีละเป็น แสนลำ เขาก็รับ BUNKER หรือน้ำมันเชื้อเพลิงที่ สิงคโปร์ ทั้งนั้นแหละครับ หรือใครมีที่ไหนใน

    ภูมิภาคนี้ขายถูกกว่าสิงคโปร์ จะแนะนำไหมครับ เอาของจริงๆ มาเล่าให้อ่านกัน จะได้ไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่อยเปื่อยไป จะได้ไม่ว่า เจ้าโคบาล ที่มัน

    โดดลงหลุมหลบวัวบ้า แล้วโดดขึ้นมาทำไม? จะได้ไม่หาว่ามันโง่... มีเด็กหนุ่มเจ้าของร้านส่งสินค้า สองคนพี่น้อง เขาจะมาส่งของร้านผมเป็นร้านสุด

    ท้าย เพราะเขาอยากคุยกับผม เขาจบบริหารฯ เขามาตั้งคำถามกับผมว่า ทำไมราคาน้ำมันบ้านเรา จึงตั้งราคาอิงกับสิงคโปร์ ผมไม่ตอบเขา แต่ถาม

    กลับว่า แล้วมันมีที่ไหนที่เธออยากให้เราไปอิงราคาเขาบ้าง มาเลเซียรึ...ถ้ามันขายส่งออกถูกจริง บริษัทฯที่ลุงทำงาน เขาไม่ไปรับที่สิงคโปร์หรอก หรือ

    จะให้อิง เวียตนาม ตอนดีเซล บ้านเราขายลิตรละ 14 บาท ลุงขนจากไทยออยล์ไปส่งเวียตนามลิตรละ 24 บาท หรือจะให้ไปอิงราคา ฮ่องกง...

    ไต้หวัน....ไม่เอาแล้วลุง...ตายๆๆ....เฮ้อ....อีกซักที....ไอ้โน่นก็ไม่ดี...ไอ้นี่ก็ไม่ดี...แล้วบอกที่ดีๆ มาบ้าง...พม่าล่ะ...ดีไหม??? คนพม่า...มีเงินยัง

    ซื้อไม่ได้...ผมเอาน้ำมันไปส่ง กัมพูชา/เวียตนาม ถ้ามีการเดินทางกลางคืนต้องมีเจ้าหน้าที่ทหาร/ตำรวจ ติดเรือตลอด....ฯลฯ...นึกภาพแล้ว...คงเห็น

    ลางๆ อย่างที่ตั้งชื่อเรื่องไว้นะครับ จะพยายามย่อๆ เพราะกลัวว่า จะไปถึง อัฟริกาช้าเกินไป..........จะคัดค้านอะไรก็ไม่ว่ากัน เห็นด้วยที่มีความคิดความ

    อ่าน แต่บางอย่างที่คัดค้าน อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร อย่าคัดค้านเฉยๆ ต้องประเมินความเสี่ยง เอามากางให้ดูด้วยว่า ไม่มีความเสี่ยง...และ

    ต้องบอกวิธีบริหารความเสี่ยงมาด้วย... อย่าให้เหมือนโครงการ...รับจำนำข้าว....นึกแล้วเห็นได้ไหมครับ....ขอขอบคุณ....สวัสดีครับ

    ปล. ผมคิดถึงท่าน อโศกหาราช ท่านสู้อุตส่าห์ เป็นโยมที่ดีทุ่มเทเลี้ยงพระภิกษุ เลี้ยงให้ดี ให้อยู่ดี กินดี หวังว่าจะช่วยทำนุบำรุงช่วยเผยแผ่พระพุทธ

    ศาสนา แทนที่จะเป็นเช่นพระราชประสงค์ แต่กลับปรากฎว่า มีพวกนักบวชนอกศาสนา เป็นจำนวนมาก...พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้ตรัสให้สึกพระ

    อลัชชีเหล่านั้นทั้งหมด 60,000 รูป ..........

    ถ้าท่านยังมีพระชนมายุอยู่ก็คงดี จะได้ทูลแถมให้ท่านอีกสัก สิบกว่ารูป จะได้มีประธานที่ปรึกษาที่เป็น ฆราวาส ทำการบวชพระ 1 แสนรูป อีกสักสิบกว่า

    คน คิดถึงคำพูดของคุณหญิงสุพัตรา มาสดิษฐ์ ที่พูดไว้ในสภาตอนอภิปราย...."ขอใช้ภาษาที่บ้านอิชั้นพูดหน่อนนะ...แถวบ้านอิชั้น...ถ้าเป็นอย่าง

    นี้....เขาเรียกว่า...ไอ้คนมันพรรค์เดียวกันฯ" ทำนองนี้........

    ตอนผมบวชพระ...มีลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยเต็มนัก...เวลาเห็นพระทำไม่ถูกต้อง...หรือเวลาเขาโมโหพระ...เขาจะพูดประโยคนี้เสมอๆ คือ ไอ้พระอย่างนี้

    บวชก็เสียผ้าเหลือง...สึกก็เปลืองผ้าลาย...นรกจะกินหัว" ที่วัดโพธิ์เอน คนทั่วไปจะเรียกเขาว่า...ไอ้หนู...แต่อดีตท่านเจ้าอาวาส...พระอาจารย์พยุงฯ

    เรียกเขาว่า...นกแก้ว...ผมคิดถึงเขา...ก็เอามาเล่าให้ฟัง...สติเขาไม่สมประกอบนัก...อายุก็ประมาณ 70 ปีแล้ว แต่เขารู้จักดีว่า พระดีเป็นอย่างไร พระ

    ไม่ดีเป็นอย่างไร ถ้าบวชได้หรือให้รับราชการ อาจได้เป็น พอสอ. หมายถึง พวกเพรียงพระศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  20. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    "ร่วมกุศลกับพี่ธวัชชัย"
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...