ติดตามสถานะการณ์

หายาก! 3 ดวงจันทร์ยักษ์ใหญ่ชุมนุมกันหน้า “ดาวพฤหัส” (ชมคลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กุมภาพันธ์ 2558 16:33 น.

นาซา-อีซาเผยภาพปรากฏการณ์หายาก 3 ดวงจันทร์ยักษ์สุดของดาวพฤหัสเรียงหน้าผ่านดาวเคราะห์แม่ 10 ปีจะเกิดขึ้นสักครั้งสองครั้ง


คาลลิสโต (Callisto) ไอโอ (Io) และยูโรปา (Europa) สมาชิกกลุ่มดวงจันทร์กาลิเลโอ (Galilean moon) ที่มีทั้งหมด 4 ดวง และเป็นกลุ่มดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุดของดาวพฤหัสบดี ได้สร้างปรากฏการณ์หายากที่ 10 ปีจะเกิดขึ้นสักครั้งสองครั้ง โดยชุมนุมผ่านหน้าดาวพฤหัสบดีซึ่งกินเวลานาน 42 นาที

ภาพปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และองค์การอวกาศยุโรป (อีซา) ระหว่างโคจรรอบโลก ขณะที่แกนีมีด (Ganymede) สมาชิกดวงจันทร์กาลิเลโออีกดวงอยู่นอกกรอบมุมมองของกล้องฮับเบิล ระหว่างที่ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ทั้ง 3 ดวงชุมนุมกันอยู่หน้าดาวพฤหัสฯ

ชมคลิปปรากฏการณ์ (นาทีที่ 7.16 )

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/Pf6j6WJS8Ig?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ทั้งนี้ ไอโอซึ่งอยู่วงในสุดในบรรดาดวงจันทร์ยักษ์ใหญ่ใช้เวลาโคจรครบรอบดาวพฤหัสฯ ทุกๆ 1.8 วัน ส่วนยูโรปาใช้เวลา 3.6 วัน แกนีมีดใช้เวลา 7.2 วัน และคาลลิสโตใช้เวลา 16.7 วัน


---
@AFP PHOTO / NASA/ESA/HUBBLE HERITAGE TEAM HANDOUT
---
จากภาพที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อ 5 ก.พ.2015 ในภาพซ้ายบนเผยภาพเหตุการณ์ขณะเริ่มปรากฏการณ์ โดยดวงจันทร์คาลลิสโตอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนดวงจันทร์ไอโออยู่ทางด้านขวา (เหนือเงาคาลลิสโต) พร้อมเงาของไอโอที่อยู่ด้านบนสุด และเห็นเงาของยูโรปาทอดลงบนขอบซ้ายล่างของพื้นผิวดาวพฤหัสโดยที่ดวงจันทร์ยังไม่ปรากฏในภาพ

ในภาพขวาบนเป็นภาพขณะสิ้นสุดปรากฏการณ์ ซึ่งดวงจันทร์ไอโอขยับขึ้นไปด้านขวา ดวงจันทร์คาลลิสโตขยับขึ้นพร้อมกับเงาของยูโรปา ส่วนดวงจันทร์ยูโรปาปรากฏที่ขอบดาวพฤหัสฯ ขณะที่ภาพซ้ายล่างและขวาล่างเป็นภาพเดียวกัน แต่ระบุตำแหน่งดวงจันทร์และเงาของดวงจันทร์

 

หนาวสุดขั้ว ! น้ำแข็งจับตัวรูปกระจังหน้ารถจี๊ปในสหรัฐฯ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.พ. 2558 16:27



น่าตะลึง..อากาศหนาวจัดในสหรัฐฯ ทำน้ำแข็งจับตัวเป็นรูปกระจังหน้ารถจี๊ป ราวกับงานประติมากรรมน้ำแข็ง แถมไม่แตกไม่หัก หลังเจ้าของขับรถยนต์ออกจากลานจอดรถออกไปแล้ว

สื่อต่างประเทศรายงานว่า สภาพอากาศหนาวเย็นจัดระดับติดลบหลายองศา ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐฯ ได้ทำให้เกิดก้อนน้ำแข็ง สวยงามราวกับเป็นงานศิลปะ-ประติมากรรมน้ำแข็งชั้นเยี่ยม จนสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนที่พบเห็น เมื่อปรากฏมีน้ำแข็งจับตัวเป็นรูปกระจังหน้ารถยนต์ยี่ห้อจี๊ป ใสแจ๋วราวกับทำจากแก้ว และยังคงรูปร่างสมบูรณ์ ที่ลานจอดรถของศูนย์การแพทย์ ไวแดนต์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ถึงแม้เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับรถออกจากลานจอดรถแห่งนี้ไปแล้ว


จากการเกิดก้อนน้ำแข็งจับตัวเป็นรูปกระจังหน้ารถจี๊ปและยังคงรูปสมบูรณ์ ไม่แตกไม่หักนั้น ได้มีผู้คนมากมายคิดหาเหตุผลที่ทำให้น้ำแข็งที่เกาะอยู่หน้ากระจังรถคันดังกล่าวสามารถคงตัวได้เช่นนี้ โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่า เนื่องจากเจ้าของรถยนต์ได้มีการสตาร์ตรถเพื่ออุ่นเครื่อง ก่อนจะขับรถออกไป

ขอบคุณข้อมูลและภาพ :Pictured: Amazing photo of Jeep bumper 'ice sculpture' that left a driver's parking frozen in time - Mirror Online

หนาวสุดขั้ว ! น้ำแข็งจับตัวรูปกระจังหน้ารถจี๊ปในสหรัฐฯ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช
อัพเดทสถานการณ์วิกฤตยูเครนตะวันออกและท่าทีล่าสุดของอียู



----------------
+ บริษัท Gazprom ของรัสเซียได้ส่งแก๊สเข้าไปในพื้นที่ Donbass ตามคำขอจากยูเครนแล้ว
----------------
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทางยูเครนได้ปิดวาวส่งแก๊สไปยังเมืองลูฮานส์กโดยอ้างว่าวาวแก๊สมีเสียหายจากการสู้รบกัน ทำให้ชาวเมืองลูฮานส์กกำลังจะหนาวตายกันอยู่แล้ว ช่่วงสายของวันนี้สำนักข่าวต่างประเทศของรัสเซียในพื้นที่ได้รับรายงานว่าจนป่านนี้ยังไม่มีแก๊สส่งเข้ามาทั้งจากฝั่งยูเครนหรือฝั่งรัสเซียเลย
แต่เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ผู้บริหารของ Gazprom ของรัสเซียกล่าวว่าได้สั่งให้เพิ่มปริมาณการส่งแก๊สเข้าพื้นที่ลูฮานส์กและโดเนทส์กแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทาง Gazprom รอคำยืนยันการร้องขอจากบริษัท Naftogaz ของยูเครนเพื่อให้ทางรัสเซียสามารถส่งแก๊สเข้าไปช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนแก๊ส และทางยูเครนก็พึ่งจะยืนยันมาเอง
แล้วปัญหามันมาจากอะไรถึงได้ส่งแก๊สล่าช้าอย่างนี้? ก็ฝั่งรัสเซียบอกว่าจะส่งแก๊สไปช่วยเหลือประชาชนในยูเครนตะวันออก ทางยูเครนก็บอกว่าจะไม่จ่ายเงินค่าแก๊สดังกล่าวให้กับทางรัสเซีย เพราะฝั่งยูเครนจะจ่ายแก๊สไปตามปรกติแต่ตอนนี้ยังจ่ายไม่ได้เพราะอ้างว่าฝ่ายซ่อมบำรุงไปในพื้นที่ไม่ได้ ทางรัสเซียก็รอคำยืนยันจากฝั่งยูเครนและยังจ่ายแก๊สไม่ได้เช่นกันในขณะที่ชาวเมืองกำลังจะหนาวตายอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าตกลงกันอีท่าไหนสุดท้ายทางยูเครนก็อนุญาตให้รัสเซียจ่ายแก๊สจากฝั่งรัสเซียเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านได้ในที่สุด
ตามมาด้วยขบวนรถคอนวอยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากฝั่งรัสเซียจำนวน 15 คันรถพึ่งจะผ่านจุดตรวจชายแดนยูเครนเข้าไปแจกจ่ายอาหารและเครื่องนึ่งห่มให้กับชาวยูเครนตะวันออกได้ในวันนี้เอง ในขณะที่ทางรัฐบาลยูเครนเองไม่เคยส่งความช่วยเหลือใดๆ มาให้ประชาชนของตนเองในพื้นที่ดังกล่าวเลย
+ กองกำลัง DPR ยึดเมืองสำคัญมาริอูโปเพิ่มได้อีกแห่งหลังยูเครนสั่งถอนทัพ
----------------
หลังจากที่รัฐบาลยูเครนสั่งถอนกองกำลังทั้งหมดออกจากพื้นที่สู้รบในยูเครนตะวันออกแล้ว (เพื่อไปกลับไปจัดทัพใหม่) ฝ่ายผู้นำกลุ่ม DPR ก็ไม่ได้มีการตอบโต้ต่อการยั่วยุจากฝ่ายยูเครนที่บอกว่าจะขอให้ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาช่วยยูเครน แต่เขากลับส่งกองกำลัง NAF เข้าไปยึดเมืองมาริอูโปล (Mariupol) แทน ซึ่งเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมที่มีทั้งอู่ต่อเรือ โรงงานถ่านหิน และผลิตเหล็กด้วย โดยเมืองนี้อยู่ติดกับทะเลดำด้วยเป็นส่วนหนึ่งโดเนทส์ก ถือว่าเป็นชัยภูมิที่ดีอีกแห่งหนึ่งของฝ่ายนิยมรัสเซีย บอกได้เลยว่างานนี้ยูเครนมีแต่เสีย ก่อนหน้านี้ก็เสียไคร์เมียให้รัสเซียไปแล้ว ตอนนี้ก็กำลังจะเสียโดเนทส์กกับลูฮานส์กอีก โทษฐานที่ไปเชื่อคำยุแหย่จากสหรัฐฯ และต่อไปอาจจะเสียมากกว่านี้ด้วย เชื่อเถอะตอนนี้กองกำลังของกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียกำลังรุกซึมเข้าไปในพื้นที่ส่วนอื่นของยูเครนที่อยู่ติดกับทั้งสองเมืองนี้ เพราะธงของปูตินก็คือเอา Novorossiya ในอดีตที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตกลับมาเป็นของรัสเซียให้ได้ เพราะประชาชนส่วนมากในพื้นที่นี้พูดภาษารัสเซีย แม้ว่าฝ่าย DPR และ LPR จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่เขตกั้นตามข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินส์กแล้ว แต่กองกำลังของ NAF ยังก็ยังคงอยู่พร้อมอาวุธเบา ประจำการเต็มกำลังในพื้นที่ Mariupol เรียบร้อยแล้วขึ้นธงชาติของ DPR ตามสถานที่ต่่างในเมืองแล้วด้วย ถ้าเกิดศึกครั้งต่อไปก็สามารถใช้แนวรบในพื้นที่ใหม่นี้เป็นสนามรบแห่งใหม่ได้เลย
+ กองทัพเรือรัสเซียซ้อมรบหนักในทะเลดำ
----------------
ในขณะที่ทางอียูกำลังมีท่าทีลังเลว่าจะเอายังไงดีกับการคว่ำบาตรรัสเซียในรอบต่อไปตามที่อเมริกาเรียกร้อง ทางปูตินก็เดินเกมบีบหัวใจเหล่าผู้นำอียูต่อด้วยการซ้อมรบทั่วประเทศ ต่อจากนั้นก็เปิดฉากซ้ำรบโดยกองทัพเรือของรัสเซียในทะเลดำต่ออีก เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.58) กองทัพเรือรัสเซียมีการซ้อมรบเรือรบต่อต้านเรือข้าศึกและระบบต่อต้านมิสไซล์ทางเรือจำนวน 4 ลำ ในทะเลและได้มีการติดตั้งระบบต่อต้านอากาศยานในแหลมไคร์เมียอย่างเต็มกำลัง เพราะในบริเวณใกล้ๆกันนั้นมีฐานทัพของนาโต้ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิกของนาโต้อยู่ด้วยคือ Bulgaria, Romania และ Turkey เพราะเดือนที่แล้วทางนาโต้พึ่งประกาศว่าจะเพิ่มกองกำลังในยุโรปตะวันออกและเพิ่มจำนวนเรือรบของชาติพันธมิตรนาโต้ในทะเลดำเช่นกัน เรื่องนี้ทางรัสเซียถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซียเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงต้องเสริมกำลังทัพในทะเลดำเพิ่มขึ้น
ส่วนวันนี้รัสเซียก็แถลงข่าวอีกว่ากำลังพัฒนาเรือรบพิฆาตพลังงานนิวเคลียร์ 1 ลำติดตั้งระบบมิสไซล์นำวิถีด้วย ปัจจุบันนี้รัสเซียมีเรือรบพลังงานนิวเคลียร์แบบนี้ที่ไม่ใช่เรือดำน้ำอยู่ 1 ลำ และกำลังสร้างอีก 1 ลำ นอกจากนั้นก็กำลังสร้างเรือลาดตระเวนขนาดใหญ่อีก 2 ลำซึ่งสามารถเข้าประจำการได้ในปี 2018 ปูตินบอกว่า มา… ใครไม่ชอบแผนสันติภาพที่ปูตินเสนอให้เชิญมาที่ทะเลดำนี่
นอกจากนั้นแล้วปูตินยังนำเอาเทคโนโลยีเรดาร์ตรวจจับมิสไซล์ทางอากาศรุ่นใหม่แบบเคลื่อนที่มาโชว์อีกด้วย ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Nebo-M 3-D anti-missile radar เป็นนิวเจนเนอร์ชั่นของระบบต่อต้านมิสไซล์ของรัสเซียเลยหละ ใช้สำหรับต่อต้านมิสไซล์ของนาโต้โดยเฉพาะ
+ ผู้นำเยอรมันนีเลือกสันติภาพในยุโรป ไม่เป็นศัตรูกับรัสเซีย
----------------
ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่เคยหยิ่งผยองยิ่งนักกล้าเดินเกมตามอเมริกาแซงชั่นรัสเซีย เมื่อเจอปูตินเอาจริงสวนกลับเข้าให้ถึงกลับสะดุดเท้าตัวเองซะจนหัวทิ่มไม่เป็นท่าเลย ล่าสุดผู้นำเยอรมันนีออกมากล่าวในที่ประชุมพรรค CDU ของตนเองว่า เราต้องการแสวงหาสันติภาพในร่วมกับรัสเซียและไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย ผ่านทางสถานีวิทยุ North German Radio (NDR) แต่ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในกรณีของไคร์เมียเพื่อเอาใจอเมริกาโดยกล่าวว่ารัสเซียทำไม่ถูกในกรณีแคว้นไคร์เมียที่ยกกองทัพเข้ามายึดไคร์เมียอย่างนั้น นี่ทั้งสื่อฯตะวันตกและอเมริกันจะพูดอยู่แค่นี้ แต่จะไม่พูดว่าชาวไคร์เมียได้ทำประชามติและเสียงส่วนมาก 96% ให้รวมไคร์เมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเลย ซึ่งหนึ่งในกระบวนการประชาธิปไตยที่ไม่มีใครปฏิเสธได้แต่ทางสหรัฐฯกับเยอรมันกลับไม่ยอมรับผลที่ออกมา ซึ่งตรงกันข้ามกับท่าทีของฝรั่งเศสที่ยอมรับอย่างเปิดเผยแล้วว่าไคร์คือส่วนหนึ่งของรัสเซียและไม่ตำหนิรัสเซียในกรณีนี้เลย
+ สภาสูงของอังกฤษวิจารณ์ว่า EU กับ UK เดินละเมอเข้าสู่วิกฤตยูเครน
----------------
ที่ประชุมสภาขุนนางกรรมาธิการยุโรปของอังกฤษ (UK's House of Lords European Union Committee) มีความเห็นว่าทั้งอังกฤษและยุโรปเป็นเหมือนพวก "sleep-walked" เดินละเมอเข้าไปในวิกฤตการณ์ยูเครน เพราะขาดประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ และขาดความเข้าใจในสถานการณ์ภายในของยูเครนอย่างแท้จริง นอกจากนี้สภาแห่งนี้ยังกล่าวอีกว่า หากข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์กบรรลุผล ก้าวต่อไปก็คือยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย และหันมาเป็นมิตรที่ดีกับเพื่อนบ้าน (รัสเซีย) และหันมาเจรจายุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจความมั่นคงในยุโรปร่วมกันจะดีกว่า เอาหละสิ ดูเหมือนว่าท่าทีของอียูเริ่มจะเข้าข้างรัสเซียหละขยายช่องว่างระหว่างสหรัฐฯกับอียูมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ปูตินเองก็ไม่บอกว่าอยากจะเป็นศัตรูกับอียูเลย แต่เพราะอียูไปเชื่อคำยุยงของสหรัฐฯนั่นแหละจึงจะยุโรปเข้าสู่หายนะอย่างหวุดหวิด ดีนะที่ปูตินยังให้สติพวกนี้ได้ทันเวลา แต่ครั้นจะโทษอเมริกาตรงๆ ก็เกรงว่าจะเสียน้ำใจกันก็เลยทำเป็นพูดไปว่าเดินละเมอเข้าไปสู่วิกฤตยูเครนซะงั้น ก็ดีที่รู้ตัวไม่ว่าจะใช้คำพูดให้ดูสวยหรูอย่างไร ผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างกันคืออียูจับมือกับรัสเซีย sorry ด้วยนะอเมริกาจ๋า
The Eyes
20/02/2558
--------------
Donetsk Deputy Commander Rules Out Offensive on Mariupol / Sputnik International
Russia Begins Gas Deliveries to Eastern Ukraine – Luhansk / Sputnik International
TASS: World - Naftogaz Ukrainy refuses to pay for gas Russia supplies to Donbas
TASS: World - Russia’s convoy with humanitarian aid for Donbas crosses border into Ukraine
East Ukraine's Luhansk Still Without Gas, Residents Shiver With Cold / Sputnik International
Merkel Seeks to 'Make Peace' in Europe With Russia, Not Against It / Sputnik International
Russian Navy Kicks Off Anti-Cruise Missile Attack Drills in Black Sea / Sputnik International
No Signs of Russian Military Activity Detected on Border With Ukraine / Sputnik International
Russian Navy Kicks Off Anti-Cruise Missile Attack Drills in Black Sea / Sputnik International
Russia Developing New Nuclear Powered Destroyer / Sputnik International
Construction of Two New Naval Corvettes Begins in Russia / Sputnik International
http://rt.com/news/233959-russia-deploys-nebo-radars/
Merkel Seeks to 'Make Peace' in Europe With Russia, Not Against It / Sputnik International
EU, UK ‘Sleep-Walk’ Into Ukrainian Crisis – House of Lords Committee / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช

ยูเครนและสหรัฐฯหน้าแตกเมื่อนานาชาติลงพื้นที่แต่ไม่พบวี่แววกองทัพรัสเซียบริเวณชายแดนยูเครนตามที่กล่าวหามาตลอด



----------------
- วันที่ 30 ม.ค. 58 Viktor Muzhenko ผู้บัญชาการกองทัพของยูเครนให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ของยูเครนว่าไม่พบกองกำลังทหารติดอาวุธของรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนตามที่มีการกล่าวอ้างมาโดยตลอดในสื่อฯของยูเครนและตะวันตกเลย - หน้าแตกครั้งที่ 1
- วันที่ 12 ก.พ. 58 นาโต้กล่าวหาว่ารัสเซียส่งกองทัพเข้าไปในยูเครนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในการต่อสู้กับกองกำลังของยูเครน แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อพิสูจน์คำพูดดังกล่าว ฝ่ายรัสเซียกล่าวว่า "They have no proof." ไม่มีหลักฐาน - หน้าแตกครั้งที่ 2
- วันที่ 13 ก.พ. 58 หัวหน่วย OSCE ก็ลงพื้นที่ในยูเครนตะวันออก (Donbass) เพื่อหาหลักฐานตามที่มีการกล่าวหาว่ารัสเซียส่งกองทัพเข้ามาในยูเครนจริงหรือไม่ แล้วก็แถลงว่าว่า "No Russian Troops in Donbas" (ไม่มีวี่แววของกองทัพรัสเซียในดอนบาสส์ อย่างที่กล่าวหารัสเซียเลย) เขาพบแต่ประชาชนชาวรัสเซียไม่กี่คน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ทหารรัสเซีย - หน้าแตกครั้งที่ 3
- วันที่ 13 ก.พ. 58 นาย Geoffrey Pyatt เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศยูเครนได้ออกมาส่งภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัทดาวเดียมเอกชนแห่งหนึ่งผ่านทวิตเตอร์ว่า "เรามั่นใจว่าภาพเหล่านี้เป็นกองทัพรัสเซียใน Debaltseve ไม่ใช่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแน่นอน" (ภาพที่ 5) สื่อฝั่งรัสเซียก็เลยบอกว่าให้ไปหาภาพถ่ายดาวเทียมที่มันชัดๆ กว่านี้หรือจากดาวเทียมที่มีคุณภาพมากกว่านี้มาอ้างดีกว่ามั๊ง แล้วก็โชว์ภาพถ่ายตัวอย่างจากดาวเทียมที่ถ่ายจาก GeoEye มาเปรียบเทียบให้ดู (ภาพที่ 6) ว่าคุณภาพมันต่างกันขนาดไหน แต่ทางรัฐบาลสหรัฐฯก็ไม่กล้ารับมุขนี้จึงโยนให้สื่อฯกระบอกเสียงของตนเล่นแทน - นี่ก็หน้าแตกครั้งที่ 4
- วันที่ 14 ก.พ. 58 สถานีโทรทัศน์ช่อง ZDF ของเยอรมันนีก็เอาภาพเก่าที่เป็นภาพรถถังของรัสเซียออกลาดตระเวนในเขต South Ossetia ของรัสเซียในปี 2008 มากล่าวหาว่าเป็นรถถังของรัสเซียในยูเครนตะวันออก ต่อมาพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ ฝ่ายรัสเซียก็เลยตอบโต้กลับด้วยการให้สมาคม Permanent Open Committee of Media Monitoring (คณะกรรมาธิการถาวรอิสระตรวจสอบสื่อฯ) ซึ่งเป็นองค์กรภาคพลเมืองในการจับตาการนำเสนอข่าวของสื่อฯเยอรมันนีออกมาตำหนิการนำเสนอข่าวสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะชนและเรียกร้องให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวด้วย แต่สื่อฯพวกนี้ก็เงียบไม่พูดไม่ตอบโต้อะไร น่าเกลียดมาก - หน้าแตกครั้งที่ 5
- วันที่ 19 ก.พ. 58 สำนักข่าวต่างประเทศของรัสเซียรายงานว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพของตุรกีชาติสมาชิกนาโต้ได้ลงพื้นที่ชายแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียเพื่อตรวจหาร่องรอยของกองทัพรัสเซียในเขตยูเครน ในรัศมี 16,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ที่ลงไปสำรวจการนั้นทางตุรกีเป็นผู้เลือกและกำหนดเองว่าจะเป็นพื้นที่ใด ผลออกมาปรากฎว่าไม่มีวี่แววหรือร่องรอยของกองทัพรัสเซียอย่างที่ถูกกล่าวหามาโดยตลอดเลย - หน้าแตกครั้งที่ 6
- วันที่ 9-12 ก.พ. 58 กลุ่มผู้เชียวชาญด้านกองทัพของยูเครนเองก็ได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่ที่สงสัยว่ามีกองกำลังของรัสเซียเข้ามาในประเทศยูเครนแล้วในพื้นที่ 15,000 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆตามที่กล่าวหามาตลอดเช่นกัน - หน้าแตกครั้งที่ 7
- วันที่ 20 ก.พ. 58 ประธานาธิบดี Francois Hollande ของฝรั่งเศสกล่าวในที่ประชุมร่วมกับผู้นำเยอรมันนีว่า ไม่พบว่ามีหลักฐานใดๆยืนยันว่ามีอาวุธหนักของกองทัพรัสเซียอยู่ในยูเครนเลย และกล่าวขู่ด้วยว่าประเทศใดที่ละเมิดข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์กจะต้องถูกแซงชั่นแน่นอน นี่ก็คงจะเป็นการเตือนยูเครนที่พยายามจะดึงกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นและอียูให้เข้ามาในยูเครนเมื่อวันก่อนแน่ๆ เพราะปูตินบอกไว้แล้วว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการทำลายข้อตกลงกรุงมินส์กงานนี้อียูจึงไม่เอาด้วย - หน้าแตกครั้งที่ 8
- วันที่ 20 ก.พ. 58 แผนการยืมมือยูเอ็นและอียูให้ขัดแย้งกับรัสเซียที่มีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง ล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อทางรัฐมนตรีต่างประเทศของสาธารณรัฐเช็กออกมากล่าวว่าแผนดังกล่าวมีแต่เพิ่มการเผชิญหน้าและทำลายข้อตกลงกรุงมินส์ก เนื่องจากรัสเซียเป็นสมาชิกถาวรของสภาความมั่นคงยูเอ็นซึ่งมีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งกองกำลังของยูเอ็นเข้าไปยังจุดใดของโลกโดยปราศจากการยินยอมของรัสเซีย ในข้อตกลงกรุงมินส์กก็ระบุไว้แล้วว่าให้ OSCE เป็นคนกลางและเป็นผู้จับตาสถานการณ์ - หน้าแตกครั้งที่ 9
- การให้นานาชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบครั้งที่ 3 ว่ามีกองทัพรัสเซียเข้ามาในพื้นที่ของยูเครนหรือไม่นั้น ชาติต่อมาก็คือ Netherlands ซึ่งได้ทำการลงพื้นที่ 18,000 ตารางกิโลเมตร ในบริเวณชายแดนยูเครน-รัสเซียในวันศุกร์ที่ 20 ก.พ.58 นี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าพบหลักฐานใดๆ หรือไม่
พวกนี้กล่าวหาคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานและหน้าแตกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ยังไม่ละความพยายามอีก ขนาดไม่มีหลักฐาน มันก็ยังสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อกล่าวหาเขาอีก เชื่อเขาเลย! เดี๋ยวคงจะเจอปูตินเล่นกลับบ้างหละคอยดูให้ดีละกัน อ้อ… พึ่งนึกขึ้นได้ สาเหตุหนึ่งที่ตุรกีถูกขู่ให้ร่วมือกับสหรัฐฯกรณีสนับสนุนกลุ่มกบฎซีเรียนั้นนอกจากเรื่องซื้ออาวุธจีนแล้วก็คงจะมาจากเรื่องที่ตุรกีลงตรวจสอบพื้นที่ในยูเครนแล้วออกมาบอกว่าไม่พบกองทัพของรัสเซียในยูเครนนี้ด้วยหละที่ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจหนะ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมาก็เลยมีการปล่อยข่าวขู่ตุรกีว่าจะมี ISIS จำนวน 3,000 จากซีเรียและอีรัคกำลังจะรุกคืบเข้าไปในตุรกี โดยวางแผนโจมตีเป้าหมายทางการทูต เพราะอย่างนี้นี่เองตุรกีถึงยอมร่วมมือกับอเมริกา
The Eyes
20/02/2558
--------------
Ukraine Chief of Staff Admits No Russian Troops in Donetsk / Sputnik International
NATO Unable to Provide Proof of Alleged Russian Troops in Ukraine - Moscow / Sputnik International
OSCE Head Confirms No Russian Troops in Donbas / Sputnik International
Busted: Kiev MPs try to fool US senator with ‘proof’ of Russian tanks in Ukraine (PHOTOS) — RT News
​German TV channel under fire over fake ‘Russian tanks in Ukraine’ footage — RT News
German TV Channel in Trouble After Being Caught in Ukraine War Lie / Sputnik International
No Signs of Russian Military Activity Detected on Border With Ukraine / Sputnik International
No Evidence of Russian Military Hardware Presence in Ukraine – Hollande / Sputnik International
TASS: World - No UN peacekeeping force in Ukraine without Russia's consent — Czech Foreign Ministry
http://rt.com/news/233839-isis-turkey-attack-diplomatic/

 

ปอกเปลือก ทรราช
·
ดูคลิปนี้แล้วไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเรื่องว่าอย่างไร ต้นฉบับที่เป็นภาษารัสเซียเขาตั้งชื่อให้ประมาณว่า "….ถูกทอดทิ้งในสนามรบ Debaltseve" แต่ทางพวกนิยมรัสเซียเอามาโพสต์ต่อในโลกโซเชียลมีเดียว่า "ชาวยูเครนรายสุดท้ายที่ไม่ได้หลบหนี แต่ปกป้องฐานที่มั่นจนถึงที่สุด"
ถ้าเจ้าตัวนี้มาอยู่กับพวก NAF (DPR & LPR) จะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นกบฎแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธนิยมรัสเซียหรือว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนิยมรัสเซียด้วยหรือเปล่านี่? ที่ว่าติดอาวุธนี่ก็มีหลักฐานประจักษ์เลยหละเพราะที่คอของเขาแขวนลูกกระสุนปืนเอาไว้ด้วย แบบนี้คงจะโดนข้อหาทรยศชาติจากฝั่งยูเครนแน่ๆ ทำไงได้หละก็เพื่อนๆ เขาลากเข้าสู่สงครามด้วย แต่พอตอนถอยทัพเขาไม่พากลับไปด้วยอ่ะ โชคดีที่พวก NAF มาพบเข้าจึงพาไปอยู่ด้วย
The Eyes
20/02/2558
-----------
Source :

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/70HqEuiN7sg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ปอกเปลือก ทรราช

นี่ของจริงกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียซัดกับทหารยูเครน ดวลกันซึ่งๆ หน้าผลปรากฎว่าฝ่ายยูเครนยับเยิน คลิปนี้น่าจะเป็นการสู้รบกันเพียงไม่กี่วันก่อนทางยูเครนจะประกาศถอนทหารทั้งหมดออกจากพื้นที่
--------------
Source :

<iframe width="487" height="274" src="https://www.youtube.com/embed/XK7ewCuIB4s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ปอกเปลือก ทรราช

สื่อฯรัสเซียลงพื้นที่หลังสงครามเจออาวุธทหารยูเครนและของต่างชาติเพรียบ
--------------
ฝ่ายติดอาวุธนิยมรัสเซียนำสื่อฯฝั่งรัสเซียลงสำรวจสนามรบ Debaltseve หลังกองทัพยูเครนถอนทัพแล้ว แต่ไม่ได้เอาอาวุธหนักออกไปด้วย เพราะพวก NAF ไม่ให้เอาออกไป สิ่งที่เหลือไว้ก็คือคลังแสงอาวุธหนักทั้งนั้น อาวุธหลายอย่างและอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมทางทหารบ่งบอกว่าเป็นของอเมริกา หลักฐานทนโท่งานนี้โอบามาปฏิเสธไม่ได้หละว่าไม่ได้สนับสนุนอาวุธให้กรุงเคียฟ คลิปข่าวพวกนี้จะไม่มีทางไปโผล่ในสื่อฯของฝั่งสหรัฐฯและตะวันตกแน่นอน เพราะมันจะทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกบางชาติที่แอบสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนเสียหน้า ส่วนทีวีของรัสเซียจำนวน 15 สถานีที่อยู่ในยูเครนถูกรัฐบาลยูเครนสั่งปิดไปแล้ว นี่ก็เสรีประชาธิปไตยแบบอเมริกาและยูเครนอีกเช่นกัน
The Eyes
21/02/2558
-----------
Source :

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/d-aYCIjFT2I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ปอกเปลือก ทรราช

รมว.กลาโหมของ DPR พากองทัพสื่อมวลชนดูความเป็นอยู่ของเหล่าเชลยศึกในโรงพยาบาลในโดเนทส์ก
--------------
รมว.กลาโหมของสาธารณรัฐประชาชนโดเนทส์กพากองทัพนักข่าวท้องถิ่นลงพื้นที่พักฟื้นเชลยศึกชาวยูเครนที่ถูกจับกุมและเข้ามอบตัวกับกองกำลังติดอาวุธนิยมรัสเซียหลังการสู้รบใน Debaltseve จบลงเมื่อวันก่อน เชลยศึกเหล่านี้ส่วนมากจะสังกัดกองกำลัง Donbas, Azov และ Aidar ซึ่งเป็นเหมือนทหารรับจ้างไม่ขึ้นตรงแต่กองทัพของรัฐบาลกลาง มีสายบังคับบัญชาของกลุ่มตัวเองต่างหาก และพวกนี้ก็มีที่นั่งในสภาในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ด้วย เมื่อมาพักรักษาตัวที่นี่พวกเขาจะได้รับอาหารบำรุงร่างกายวันละ 2 มื้อ และมีพยาบาลสาวสวยคอยดูแลบริการด้วย
ฝั่ง DPR จะให้การดูแลทหารเหล่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีและเท่าเทียมกับผู้ป่วยรายอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันในสนามรบก็จริง แต่ในแง่ของหลักมนุษยธรรมแล้วถือว่ากลุ่ม DPR นี้มีสูงมากทีเดียว เชลยศึกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าบ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากเขตสู้รบเลยห่างออกไปประมาณ 200 กม.เท่านั้น ตอนแรกที่มาต่อสู้ก็ด้วยคิดว่าเพื่อปกป้องแผนดินของพวกเขาจากต่างชาติ แต่พอยิงทั้งปืนใหญ่และจรวดออกไปแล้วผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายนั้นก็มีแต่ชาวบ้านที่เป็นพลเมืองของยูเครนด้วยกันทั้งนั้น บ้านเรือนที่เสียหายก็เป็นบ้านเรือนของชาวยูเครนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่ของต่างชาติเลย และที่ต่อสู้กันอยู่นี้ก็ต่อสู้บนผืนแผ่นดินของชาติตัวเองสู้กับคนในชาติเดียวกันเอง เขาหวังว่าจะเกิดกระบวนการสันติภาพในเร็วๆนี้ อยากให้มานั่งคุยกันดีกว่าการทำลายชาติของตัวเอง อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
กรณีนี้ลุงตู่พูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าประเทศไทยเราก็เฉียดจะเกิดเหตุการณ์สงครามกลางเมืองแบบนี้ขึ้นมาแล้ว โชคดีที่กองทัพไม่ได้เลือกฝ่ายรีบเข้ามาป้องกันก่อนสถานการณ์จะบานปลายจนควบคุมไม่ได้อย่างที่เกิดขึ้นในยูเครนนี้เสียก่อน แต่หลายคนโดยเฉพาะสื่อฯก็เหมือนจะไม่เข้าใจและไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาซะเลย คอยถามแต่ว่าเมื่อไหร่จะยกเลิกกฎอัยการศึก เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้ง ต่างประเทศเขาต้องการให้เราเป็นประชาธิปไตย ถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้วเป็นอย่างยูเครนในทุกวันนี้ที่มีกองกำลังทหารอิสระไม่รู้กี่กลุ่มต่อกี่กลุ่มและมีสหรัฐฯเป็นโปรกเกอร์ในการจัดตั้งรัฐบาลให้และเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ใครเป็นนายกฯให้ใครเป็นรมต.กระทรวงไหน แบ่งเก้าอี้กันอย่างไร และขนทองสำรองระหว่างประเทศไปให้อเมริกาแบบที่เกิดขึ้นในยูเครน ก็อย่ามีมันเลยประชาธิปไตยแบบนั้นหนะ
The Eyes
21/02/2558
-----------
Source :

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/621-LBhvz-I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ปอกเปลือก ทรราช

คลังแสงของทหารฝ่ายยูเครนที่ขนกลับไปด้วยไม่ได้หลังประธานาธิบดียูเครนประกาศถอนทัพออกจาก Debaltseve เมื่อวันก่อน และสภาพหลังสงครามในสนามรบ (10.53 นาที)
---------------
Source :

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/y_Hsdq-DRuM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ปอกเปลือก ทรราช

กรีซยิ้ม อียูให้กู้ตามที่ขอแต่ให้เวลาแค่ 4 เดือน จากที่ขอไป 6 เดือน



--------------
ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรปเห็นด้วยที่จะช่วยเหลือกรีซให้ลอดพ้นวิกฤตการณ์ทางการเงินโดยยึดเวลาให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเป็นระยะเวลา 4 เดือน จากเดิมที่กรีซเคยขอไว้ 6 เดือน
หลังจากต่อเจรจาต่อรองกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันอยู่หลายชั่วโมงในที่ประชุมอียูที่กรุง Brussels เมืองหลวงของประเทศเบลเยียมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ประชุมอียูก็มีข้อสรุปได้ว่าอียูจะช่วยเหลือด้านการเงินให้กรีซตามที่ขอมาแต่จะให้เวลาเพียง 4 เดือน โดยที่รัฐบาลของกรีซจะต้องแผนปฏิรูปด้านการเงินเป็นที่น่าพอใจกับเจ้าผู้ปล่อยเงินกู้ภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้เพื่อให้มั่นใจว่ากรีซจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้แจ้งเอาไว้ โดยเสียงส่วนใหญ่ 19 ประเทศเห็นด้วยกับมติดังกล่าว แน่นอนว่างานนี้เยอรมันนีขาใหญ่ค้านไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว แต่ก็ฝืนมติส่วนใหญ่ในที่ประชุมไม่ได้
ปัจจุบันนี้หนี้สินของกรีซมีทั้งหมดประมาณ 11.9 ล้านล้านบาท เส้นตายของโปรแกรมให้ความช่วยเหลือด้านการเงินรอบปัจจุบันแก่กรีซที่มีมูลค่าถึง €240 billion (ประมาณ 8.9 ล้านล้านบาท) ที่ได้ทำการตกลงไว้ในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้วของกรีซในปี 2012 กำลังจะสิ้นสุดลงภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
อึ่ม!… อย่างนี้ค่อยหายใจได้อีกสักหน่อย แหมดูหน้าตาของแต่ละคนที่ก่อนหน้านี้ลุ่นกันจนเยี่ยวเหลือง ตอนนี้ก็ยิ้มแย้มมีความสุขเชียว อย่างน้อยอียูก็นับว่ายังมองกาลไกลอยู่ ยังให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของสหภาพยุโรปอยู่ เพราะถ้าปล่อยให้กรีซออกจากอียูจริงๆ ความหายนะจะมาเยือนอียูในเร็ววันแน่ๆ เพราะแตกสามัคคีกัน และประเทศอื่นๆที่กำลังจะแย่เหมือนกรีซก็จะเอาอย่างกรีซด้วย และเมื่อนั้นอเมริกาก็บอกว่าหวานหละ อเมริกาไม่ได้กลัวว่ากรีซจะออกจากอียูหรือไม่ แต่ที่อเมริกากลัวก็คือกลัวว่ากรีซจะไปเข้ากับรัสเซียต่างหาก ส่วนเยอรมันนีก็ไม่อยากให้กรีซหรือประเทศไหนออกจากอียูทั้งนั้น มีแต่ต้องการจะขยายอียูออกไปโดยเพิ่มสมาชิกใหม่เข้ามาเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้คานอำนาจกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆได้โดยเฉพาะสหรัฐฯ แต่เยอรมันนีก็ขี้งกเห็นแก่ได้เกินไป จ้องจะเอาแต่ผลประโยชน์จากประเทศสมาชิกในยามที่เขาล้มอย่างเดียว แบบนี้แล้วใครอยากจะอยู่ร่วมด้วยเล่า ในใจกรีซเองก็คงไม่ได้ต้องการจะออกจากอียูนักหรอก แต่เมื่อไม่มีทางอื่นให้เลือกก็จำเป็นต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดก่อน เมื่อมิตรกลายเป็นไม่ใช่มิตร งั้นไปหาคนอื่นที่เขาพร้อมจะเป็นมิตรไม่ดีกว่าหรือ เจอแบบนี้เข้าไปอียูก็ต้องยอมหละเพราะอเมริกาจ้องจะงาบอียูอยู่แล้ว
เมื่ออียูยืดลมหายใจให้กรีซเช่นนี้แล้ว คราวนี้ก็ต้องวัดกันที่ฝีมือของนาย Yanis Varoufakis รมว.คลังคนใหม่ของกรีซแล้วหละ
The Eyes
21/02/2558
-----------
Despite German Objections, Euro Zone Reaches Deal on Greek Bailout / Sputnik International
http://rt.com/business/234227-greece-eurozone-bailout-agree/
http://www.reuters.com/…/us-eurozone-greece-idUSKBN0LO0O620…

 

โล่ง! ยูโรโซนบรรลุข้อตกลง ขยายเวลาหนี้กรีซ 4 เดือน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.พ. 2558 12:48


(ภาพ: AFP PHOTO)

เหล่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของยูโรโซน บรรลุข้อตกลงขยายเวลาโครงการเงินช่วยเหลือแก่กรีซออกไปอีก 4 เดือน ลดความเสี่ยงที่กรีซจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหล่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโร หรือ ยูโรโซน บรรลุข้อตกลงขยายระยะเวลาโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซออกไปอีก 4 เดือน ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่กรีซจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในเดือน มี.ค. และอาจส่งผลให้กรีซต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

เยอรูน เดเซลบลูม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งเนเธอร์แลนด์ และประธานยูโรโซน กล่าวหลังการประชุม รมว.คลังของชาติสมาชิกยูโรโซน 19 ประเทศครั้งที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันศุกร์ ว่า "ข้อตกลงถือเป็นผลลัพท์เชิงบวกมากๆ ผมคิดว่าคืนนี้เป็นเพียงก้าวแรกในกระบวนการฟื้นฟูความเชื่อมั่น คืนนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญมากๆ ของกระบวนการนี้"

นายเดเซลบลูม เผยอีกว่า เพื่อแลกกับการขยายระยะเวลาโครงการเงินช่วยเหลือ กรีซตกลงจะนำเสนอรายการเบื้องต้นของมาตรการปฏิรูป ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของโครงการมอบเงินช่วยเหลือ แก่เจ้าหน้าที่ยูโรโซนภายในวันจันทร์นี้ เพื่อรับประกันว่ากรีซจะทำตามเงื่อนไข

ด้านนายยานิส วารูฟาคิส รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการคลังของกรีซ กล่าวว่า เขาจะทำงานทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงวันจันทร์ เพื่อคิดรายการมาตรการปฏิรูปนี้

หลังจากกรีซยื่นรายการมาตรการปฏิรูปใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่ยูโรโซนจะพิจารณา เพื่อดูว่ามาตรการที่กรีซเสนอมา จะสามารถทำให้เจ้าหนี้ต่างชาติพอใจได้หรือไม่ ซึ่งหากมาตรการที่เสนอมาไม่น่าพอใจ ก็มีความเป็นไปได้ว่าข้อตกลงนี้จะล่ม

ทั้งนี้ โครงการเงินช่วยเหลือกรีซฉบับเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2009 จะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ. โดยในเบื้องต้นกรีซต้องการขยายระยะเวลาออกไป 6 เดือน แต่เหล่า รมว. ไม่ยินยอม ทำให้เกิดความกังวลว่า กรีซอาจประสบปัญหาเงินคงคลังหมด และต้องออกจากยูโรโซน

โล่ง! ยูโรโซนบรรลุข้อตกลง ขยายเวลาหนี้กรีซ 4 เดือน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'ไพบูลย์' เล็งสอบมหาเถรสมาคม หลังรับรอง 'ธัมมชโย'
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.พ. 2558 02:10



'ไพบูลย์' ลั่น สอบ มหาเถรสมาคม มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ หลังมีมติรับรอง “ธัมมชโย” ไม่ปาราชิก ชี้เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยกฎหมาย จะต้องถูกตรวจสอบการทำหน้าที่...

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2558 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. กล่าวกับ "ไทยรัฐทีวี" ถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม มีมติว่าพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่อาบัติปาราชิก ว่า จากนี้ไปจะตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เหตุใดจึงวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ เพราะเท่ากับเป็นการยกเลิกพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี 2542 ซึ่งมีพระวินิจฉัยใน 2 ประเด็น คือ การยักยอกทรัพย์ และการสอนที่บิดเบือนพระพุทธศาสนา โดยมหาเถรสมาคมชี้แจงแต่ประเด็นยักยอกทรัพย์เท่านั้น

ประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯ สนช. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พฤติกรรมการนำทรัพย์ของบุคคลอื่นมาเป็นของตัวเอง ยังคงทำต่อเนื่องมาจนในปัจจุบัน ล่าสุด กรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงไปรับรองบุคคลเช่นนี้ ดังนั้นในฐานะที่มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยกฎหมายไม่ได้ตั้งโดยพุทธบัญญัติจะต้องถูกตรวจสอบ.

'ไพบูลย์' เล็งสอบมหาเถรสมาคม หลังรับรอง 'ธัมมชโย' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

หลวงพ่อธัมมขโย ถ้าก่อกรรมทำอนันตริยกรรมกับพระพุทธศาสนาจริง จุดจบคงไม่ต่างจากศิลาเปตร ตามตำนานพุทธบาท4 รอยแน่นอน



ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย (ฉบับล้านนา)
พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (พระครูบาพรชัย ปิยะวัณโณ)
วัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

ความเป็นมาของมหาศิลาเปรต

ย้อนไปในอดีตกาลอันไกลโพ้น นับได้ ๙๒ กัป ที่ล่วงมาแล้ว
ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง สมัยนั้นนั่นแล
ทรงพระนามว่า “พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า”
เสด็จอุบัติขึ้นในโลก เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ ให้ล่วงพ้นวัฏฏสงสาร
เฉกเช่นเดียวกับพระสมณโคดมพุทธเจ้าของเราในปัจจุบันสมัยนี้

ในครั้งนั้นบังเกิดมีพระสาวกองค์หนึ่งในพระวิปัสสีพุทธเจ้า
มีฐานะเป็นพระสังฆนายก ปกครองพระภิกษุเถรานุเถระเป็นอันมาก
แต่พระสังฆนายกองค์นี้ กลับแสวงหาปัจจัยทั้งสี่
อันได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย มากเกินสมควร
ได้มีคำสั่งออกไปทั่วสังฆมณฑลว่า

“วัดของเรานี้ไม่เหมือนวัดอื่นๆ
ด้วยเป็นที่ชุมนุมของพระมหาเถระเจ้าทั้งหลายอยู่เป็นเนืองนิตย์
ฉะนั้นขอให้พระภิกษุทั้งหลาย
จงนำเอาปัจจัยสี่อันเป็นของสงฆ์ทั้งหลาย
อันได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย
รวมทั้งแก้วแหวนเงินทองทั้งปวงมาให้แก่วัดของเรา
เพื่อว่าเราจะได้นำมาถวายทาน แก่พระมหาเถระเจ้าทั้งหลายต่อไป”

เมื่อพระภิกษุทั้งหลายได้รับคำสั่งของพระสังฆนายกดังนี้แล้ว
ต่างก็ล้วนลำบากใจ แต่ไม่กล้าทักท้วงคัดค้าน ด้วยเกรงจะมีความผิด
คงได้แต่จำใจนำของมามอบให้ที่วัดของพระสังฆนายก
จนเต็มโบสถ์เต็มวิหารไปหมด

ท้ายที่สุดเมื่อพระสังฆนายกองค์นั้นได้มรณภาพลงไปแล้ว
ก็ได้ตกนรก จมลงไปหมกไหม้อยู่ในอบายภูมิทั้ง ๔ ตลอดกาลนาน
ด้วยผลกรรมที่ได้เบียดเบียนพระสงฆ์ทั้งหลายให้ต้องได้รับความลำบาก
เมื่อชดใช้กรรมในนรกแล้ว อดีตพระสังฆนายกองค์นั้น
ก็ได้เกิดมาเป็นเปรต มีนามว่า “มหาศิลาลวงใหญ่” (เปรตหิน)
พูดวาจาใดใดไม่ได้ ด้วยสรีระกลายเป็นหิน

พระพุทธเจ้ากกุสันโธ เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
และทรงเมตตาประทับรอยพระพุทธบาทไว้
เหนือหินมหาศิลาเปรตเป็นรอยแรก โดยทรงเมตตาประทานให้เอง

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกาลเวลาได้ล่วงเลยมาถึง ๙๒ กัป
ลุถึงสมัย “พระพุทธเจ้ากกุสันโธ”
ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑ ในมหาภัทรกัปนี้
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ได้เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรตแล้ว
จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้เหนือก้อนหินมหาศิลาเปรตนั้นเป็นรอยแรก

และทรงมีพระมหากรุณาตรัสสอนมหาศิลาเปรต
และให้ภาวนาบริกรรมคาถาว่า “อัปปะกิจโจ อัปปะกิจโจ”
ซึ่งหมายถึง เป็ยนักบวชควรทำตนเป็นผู้มีภาระน้อย
เพราการมีภาระมากไม่ใช่ทางบรรลุมรรคผลนิพพาน
จะกลายมาเป็นมารมาผูกมัดจิตใจ
ทำให้ตนต้องได้ตกอยู่ในอบายภูมิ

พระพุทธเจ้าโกนาคมโน เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
และทรงเมตตาประทับรอยพระพุทธบาทเป็นรอยที่ ๒
โดยทรงประทานให้เอง ซ้อนรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ

ภายหลังที่พระพุทธเจ้ากกุสันโธได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
ก็มาถึงสมัยของ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน
พระองค์ก็ได้เสด็จมาที่มหาศิลาเปรต
ให้ภาวนาบริกรรมคาถาว่า “สัลละหุกะวุตติ” ไปตลอด
จะได้หลุดพ้นจากความเป็นเปรตในภายภาคหน้า
จากนั้นพระพุทธเจ้าโกนาคมโนก็ได้ประทับรอยพระบาทซ้อนไว้
ในรอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธเป็นรอยที่ ๒
(ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารอยที่ ๑)

พระพุทธเจ้ากัสสโป เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
และทรงเมตตาประทับรอยพระพุทธบาท เป็นรอยที่ ๓
โดยประทานให้เอง ซ้อนรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๒ พระองค์
ในมหาภัทรกัปนี้

ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าโกนาคมโน ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
ก็มาถึงสมัย พระพุทธเจ้ากัสสโป
ซึ่งพระองค์ก็ได้เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
ด้วยเหตุผล ๒ ประการ คือ

เพื่อทรงชี้แนวทางตรงไปสู่พระนิพานหนึ่ง
และเพื่อให้มหาศิลาเปรตนั้น พ้นจากปิติวิสัย (ภูมิแห่งเปรต) อีกประการหนึ่ง

พระพุทธเจ้ากัสสโป จึงเสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรตเป็นพระองค์ที่ ๓
และได้ทรงมีระพุทธดำรัสตรัสชี้แนะให้มหาศิลาเปรตนั้น
ภาวนาบริกรรมคาถาว่า “อัปปะคัพโภ อัปปะคัพโภ”
ด้วยทรงมีพระมหากรุณาให้พ้นจากความเป็นหิน

แล้วจึงได้ทรงประทับรอยพระบาท
ซ้อนไว้ในรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์
ปรากฏเป็นรอยที่ ๓ ขึ้นมา (ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารอยพระพุทธบาททั้ง ๒ รอย)

พระพุทธเจ้าโคตโม (พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน)
เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
ณ เวภารบรรพต (วัดพระพุทธบาทสี่รอย ในปัจจุบันนี้)
และทรงเมตตาประทับรอยพระพุทธบาทเป็นรอยที่ ๔
โดยประทานให้เอง ซ้อนรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์
ในมหาภัทรกัปนี้

ภายหลังจากที่พระพุทธเจ้ากัสสโป ได้เสด็จดับขันธปรินิพานไปแล้ว
ก็มาถึงพุทธสมัยแห่งพระศาสนาของ พระพุทธเจ้าโคตโม (พระสมณโคดม)
ได้เสด็จจาริกประกาศธรรมโปรดเวไนยสัตว์
ไปตามสถานที่ต่างๆ พร้อมด้วยพุทธสาวก ๕๐๐ องค์
อันมี พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ และพระอานนท์ เป็นต้น
จนกระทั่งเสด็จมายัง ปัจจันตยประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)

ถึงเทือกเขาตอนเหนือของประเทศชื่อ เวภารบรรพต (สถานที่แห่งนี้)
และได้แวะเสวยจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้
เมื่อพระพุทธองค์เสวยจังหันสร็จ
ขณะประทับอยู่ที่นั่น ก็ได้ทรงทราบด้วยพระญาณสมบัติว่า
ในเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า
ที่มาตรัสรู้ก่อนในภัทรกัปนี้ประทับอยุ่บนก้อนหินก้อนใหญ่

พระองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์
คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระพุทธเจ้าโกคมโน พระพุทธเจ้ากัสสโป

ในวาระนั้น พระพุทธเจ้าโคตโม
ได้มีพระพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า

“ดูกร อานนท์ ก้อนศิลาอันงามวิเศษ
ที่เป็นเหตุแห่งการโปรดสัตว์ทั้งหลายยังปรากฏมีอยู่ฤา”

พระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก จึงกราบทูลว่า

“ภันเต ภะคะวา ก้อนหินนี้มีรอยพระพุทธบาทใหญ่ ๓ รอย
งดงามยิ่งนัก เหมือนรอยพระพุทธบาทของพระศาสดาพระพุทธเจ้าข้า”

จากนั้น พระพุทธเจ้าโคตโม
จึงได้ตรัสถึงอดีตกาลที่ได้ผ่านมาแล้วแต่ปางบรรพ์
แก่พระอานนท์และพุทธสาวกว่า

“ดูกรอานนท์ ก้อนศิลานี้มิใช่ศิลาแท้จริงดอก
แต่เป็นก้อนอสุราที่กลับกลายเป็นก้อนศิลา (เป็นศิลาเปรต)
ศิลานี้เคยเป็นพุทธสาวกในพระพุทธเจ้า วิปัสสี

สมัยนั้นท่านเป็นพระสังฆนายก ถืออำนาจบาตรใหญ่
บังคับเอาของของคนอื่นมาเป็นของตน

ตนเองเป็นพระภิกษุ แต่มักมาก ถือว่าตนเองฉลาด
คิดว่าตนเองได้ของมาโดยบริสุทธิ์
โดยมิได้คำนึงถึงความผิดถูกตามพระธรรมวินัย
ถือว่าตนเองเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า
และเป็นใหญ่ เอาของของสงฆ์มาใช้ตามอำเภอใจ
จึงทำให้เป็นศิลาเปรตอยู่ในบัดนี้

พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล
ได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้ ทุกพระองค์

และแม้ พระศรีอริยเมตไตรย
ก็จะเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้
และจักประทับรอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว
(คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว)”

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว
พระองค์ก็เสด็จประทับพระบาทซ้อนรอยพระบาท
ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ แล้วก็ทรงอธิษฐานว่า

ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว
เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของกูตถาคต
มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้

ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี
พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ก็จักปรากฏแก่ปวงมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
เพื่อมนุษย์และเทวดาทั้งหลายจักได้มากราบไหว้และสักการะบูชา
เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้ว
จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
จึงกำเนิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย

เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทแล้ว
ก็เสด็จไปเขตวันอาราม อันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว
เทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์
มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย

และเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานล่วงมาแล้ว ๒,๐๐๐ วัสสา (ปี)
เทวดาทั้งหลายต้องการให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลาย
ตามที่พระองค์ทรงอธิษฐานไว้

ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้ง (เหยี่ยว) ตัวใหญ่ บินลงมาจาก เวภารบรรพต
อันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้
ไปจับลูกไก่ของชาวบ้าน (พรานป่า) ที่อาศัยอยู่เชิงเขา เวภารบรรพต
แล้วบินกลับขึ้นไปสู่ยอดเขา

พรานป่าโกรธมากจึงติดตามขึ้นไป
คิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็ติดตามไปค้นหาดู
แต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้นอีก เห็นแต่รอยพระพุทธบาทสี่รอย
อันอยู่บนพื้นใต้ต้นไม้และเถาวัลย์

พรานป่าผู้นั้นจึงทำการสักการะบูชา
เสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา
พอมาถึงหมู่บ้านก็บอกเล่าแก่ชาวบ้านทั้งหลาย
คนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชา
และเรียกขานพระพุทธบาทนั้นว่า “พระบาทรังรุ้ง (รังเหยี่ยว)”

บูรพมหากษัตริย์ในอดีตของล้านนา และเชื้อพระวงศ์
และบูรพมหากษัตริย์ของไทย ที่เคยเสด็จไปกราบไหว้
และสักการบูชารอยพระพุทธบาทสี่รอย

ในสมัยนั้นมีพระยาตนหนึ่งชื่อว่า พระยาเม็งราย
เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่
ได้ทราบข่าวจึงมีพระราชศรัทธาประสงค์
จะเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอย

ครั้นแล้วได้เสด็จพร้อมด้วยพระราชเทวี
และเสนาอำมาตย์พร้อมกับบริวารทั้งหลาย
และเมื่อทรงกราบนมัสการเสร็จแล้ว
พระองค์พร้อมด้วยพระราชเทวี
และบริวารทั้งหลายจึงเสด็จกลับสู่เชียงใหม่
เสวยราชสมบัติตราบเมี้ยน (สิ้น) อายุขัยแล้ว

พระโอรสและพระนัดดาที่สืบราชสมบัติต่อมา
ก็เจริญตามรอยพระยุคลบาทก็ได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอบทุกพระองค์

หลังจากนั้นมา พระบาทรังรุ้ง หรือ รังเหยี่ยว นี้
ก็เปลี่ยนชื่อเป็น “พระพุทธบาทสี่รอย”

มาในสมัยยุคหลัง คนทั้งหลายจึงเรียกขานกันว่า พระพุทธบาทสี่รอย
เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย

คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงมาแล้ว
ในภัทรกัป นี้คือ

๑. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ
ซึ่งเป็นรอยแรก เป็นรอยใหญ่ยาว ๑๒ ศอก

๒. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมโน
ซึ่งเป็นรอยที่ ๒ ยาว ๙ ศอก

๓. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสโป
ซึ่งเป็นรอยที่ ๓ ยาว ๗ ศอก

๔. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตโม (องค์ปัจจุบัน)
ซึ่งเป็นรอยที่ ๔ ยาว ๔ ศอก

เมื่อมาถึง พระยาธรรมช้างเผือก ผู้ครองนครเชียงใหม่
พร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน
ก็เสด็จขึ้นไปกราบสักการบูชารอยพระพุทธบาทสี่รอย
และได้สร้างครอบพระวิหารรอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว

โดยแต่เดิม ถ้าใครจะดูรอยพระพุทธบาทสี่รอยจะต้องใช้บันไดพาดขึ้นไปดู
ซึ่งก็คงขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น

ดังนั้น พระยาธรรมช้างเผือก
จึงรับสั่งให้สร้างแท่นยืนคล้ายๆ นั่งร้าน
รอบก้อนหินที่มีพระพุทธบาทสี่รอย
เพื่อที่ผู้หญิงจะได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย
และได้สร้างหลังคาชั่วคาราวมุงไว้

ต่อมา พระชายาเจ้าดารารัศมี
ได้เสด็จขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
และได้มีศรัทธาสร้างวิหารเพื่อเป็นการสักการบูชารอยพระพุทธบาทไว้ ๑ หลัง
หลังเล็กถวายเป็นพุทธบูชา

ปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้วทั้งหลัง
จะเหลือไว้แต่ผนังวิหาร พื้นวิหาร และแท่นพระ ซึ่งยังเป็นของเดิมอยู่
ถ้าหากท่านมีโอกาสขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
ก็จะเห็นวิหารแห่งนี้

นอกจากนี้ หลักฐานในกาลวัตถุที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง
ได้ปรากฏอยู่ในหนังสือโบราณ “คำให้การของขุนหลวงหาวัด”
ซึ่งเป็นหนังสือบันทึกเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ต้นจนอวสาน

ที่ พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่ามีพระบัญชา
ให้อาลักษณ์บันทึกจากถ้อยรับสั่งของ เจ้าฟ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)
ภายหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ไว้อย่างละเอียด

โดยตอนหนึ่ง ได้กล่าวถึงเมื่อคราวที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เสด็จไปทรงนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
(สมัยโบราณเรียก รอยพระบาทรังรุ้ง หรือ รอบพระบาทเขารังรุ้ง)
ไว้อย่างชัดเจนว่า

“สมัยสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปรบที่เมืองหาง
พระองค์ทรงทราบว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่บนยอดเขา
เรียกว่า เขารังรุ้ง จึงได้เสด็จขึ้นไปนมัสการ
ทรงเปลื้องเครื่องทรง ทั้งสังวาลย์และภูษาแล้ว
ทรงถวายไว้ในรอยพระพุทธบาท
และทำสักการบูชาด้วย ธง ธูป เทียน ข้าวตอกดอกไม้
มีเครื่องทั้งปวงเป็นอันมาก แล้วจึงทำการพิธีสมโภชอยู่ถึง เจ็ดราตรี”

จากข้อความประวัติศาสตร์ดังกล่าวนี้เอง
ทำให้เราได้ทราบข้อเท็จจริงในทางโบราณคดี เพิ่มเติมอีกประการหนึ่งว่า
โดยแท้จริงแล้ว รอยพระพุทธบาทในประเทศไทยรอยแรก
ที่คนไทยได้รู้จักและมักคุ้นนั้นก็คือ พระพุทธบาทสี่รอย
อันประดิษฐานอยู่ ณ เขต อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ในปัจจุบันนี่เอง

ในขณะที่ รอยพระพุทธบาท ที่ สระบุรี เขาสัจจพันธุ์ นั้น
ได้รับการค้นพบเจอในรัชสมัย พระเจ้าทรงธรรม
ซึ่งเป็นยุคหลังรัชสมัยแห่ง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึงกว่า ๕ ทศวรรษ

จากสาส์นของ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยทรงบันทึกไว้ว่า
พระพุทธบาทสี่รอย แห่งนี้ เป็นพระพุทธบาทเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
แม้กรุงศรีอยุธยาก็ยังจำลองรอยพระพุทธบาท
ไปไว้ที่ ปราสาทนครหลวง (วัดจันทร์ลอย) จ.พระนครศรีอยุธยา

พระอริยสงฆ์ที่สำคัญของล้านนาและของประเทศไทย
ที่เคยธุดงค์เพื่อไปกราบสักการบูชารอยพระพุทธบาทสี่รอย

เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
ก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
และได้รื้อพระวิหารที่ เจ้าพระยาธรรมช้างเผือก สร้างไว้ชั่วคราวนั้นเสีย
แล้วได้สร้างวิหารใหม่ครอบรอยพระพุทธบาทไว้
และได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย
เพื่อรักษาให้อยู่ค้ำชูพระศาสนาสืบไปตลอดกาลนาน

ด้วยวัดพระพุทธบาทสี่รอย
เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๔ พระองค์
คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน
พระพุทธเจ้ากัสสโป พระพุทธเจ้าโคตโม (องค์ปัจจุบัน)

จึงนับได้ว่า เป็นปูชนียสถานที่มีความสำคัญมาก
เป็นที่สักการบูชาของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ครูบาอาจารย์ พระธุดงค์กรรมฐาน
สาย ครูบาเจ้าศรีวิชัย หลายองค์ อาทิเช่น

ครูบาหน้อย ชยวํโส วัดบ้านปง, ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง,
ครูบาอินแก้ว ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี,
ครูบาบุญปั๋น ธมฺมปญฺโญ วัดร้องขุ้ม,
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ฯลฯ

พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล วัดพระธาตุศรีจอมทอง,
ครูบาเทือง นาถสีโล วัดบ้านเด่น, ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล เป็นต้น

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร
และพระธุดงค์กรรมฐานในสายหลวงปู่มั่น

ได้แก่ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่,
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก นครพนม,
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย,
หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึง เชียงใหม่,
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ เลย,
หลวงปู่สิม พุทธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่,
หลวงปู่จาม, พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
และอีกหลายองค์ ในสายพระอาจารย์มั่น

นอกจากนี้ยังมี หลวงปู่สี ฉนทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์
(ได้ยาอายุวัฒนะจากบริเวณป่าใกล้วัดพระพุทธบาทสี่รอย),
หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร,


หลวงพ่ออุตตมะ อุตฺตมรมฺโภ วัดวังก์วิเวการาม
(ไปธุดงค์ไปองค์เดียวเพื่อไปกราบนมัสการ
เมื่อ ๕๐ กว่าปีมาแล้ว ราว พ.ศ. ๒๔๙๐)
และหลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ นครสวรรค์,
หลวงปู่เมฆ วัดป่าขวางพระเลไลย์ สงขลา

ได้เคยเดินธุดงค์ ขึ้นไปนมัสการมาแล้ว
และได้รับรองว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่แท้จริง

นอกจากนี้ยังได้รับคำยืนยันรับรองของ
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก จ.นครพนม
ว่ารอยพระพุทธบาทดังกล่าวเป็นรอยพระพุทธบาทสี่รอย
ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ในมหาภัทรกัปนี้จริง

และเป็นสัญญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัปที่สำคัญสูงสุดในจักรวาล
และรอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ประดิษฐานอยู่ที่
วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ หลวงปู่สิม พุทธจาโร ซึ่งเคยเดินขึ้นไปนมัสการมาแล้วเช่นกัน
ดังธรรมเทศนาของท่านตอนหนึ่ง
(คัดลอกมาจาก หนังสือพุทธาจารานุสรณ์ ที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ
หลวงปู่สิม พุทธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว
จังหวัดเชียงใหม่ พุทธศักราช ๒๕๓๖)

“ในเขตเชียงใหม่นี้ ยังมีพระบาทสี่รอยอยูในเขตอำเภอแม่ริม
แต่ว่าลึกเข้าไปในภูเขา หลวงปู่ผู้เทศน์ปูแล้วกราบไหว้
มันเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขึ้นไปอยู่ข้างริมแม่น้ำ

พระพุทธเจ้ากกุสันโธได้มาตรัสรู้ในโลก
ท่านก็มาเหยียบรอยพระพุทธบาทไว้
ในยอดหินก้อนนั้น ยาวขนาด ๑๒ ศอก

เมื่อหมดศาสนาพระพุทธเจ้ากกุสันโธแล้ว
พระพุทธเจ้าโกนาคมโน ก็มาตรัสรื้อขนสัตว์ไปอีก
ก็นิพพานท่านก็มาเหยียบไว้ที่พระบาทแม่ริมนี้ เป็นรอยที่สอง (ขนาดลดลงมา)

มาถึงพระสัมสัมพุทธเจ้ากัสสโปมาตรัสรู้
ท่านก็มาเหยียบไว้ได้ ๓ รอย

แลพระพุทธเจ้าโคดมมาตรัสรู้
ก่อนที่ท่านจะนิพพานก็เหยียบรอยพระบาทไว้ในหินก้อนเดียวกัน
จึงให้ชื่อว่าพระพุทธบาทสี่รอย

ยังมีพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์
จะมาตรัสรู้แล้วมาโปรดเวไนยสัตว์ ก็มาเหยียบไว้อีก

เรียกว่าแผ่นดินที่เราเกิดนี้ นับว่าเป็นแผ่นดินที่ร่ำรวยที่สุด
แผ่นดินนี้เรียกว่า ภัทรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ได้ห้าพระองค์

พระพุทธเจ้าองค์ใดมาตรัสสอนก็ตาม
ก็สอนให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายบำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนา
ละกิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง อันเก่านี้แหละ

เมื่อใดปฏิบัติภาวนาบารมีเต็มแล้ว ก็รู้แจ้งพระนิพพาน
เมื่อรูปนามแตกดับแล้วไปสู่พระนิพพาน
ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกอันแสนทุรกันดารนี้อีกต่อไป”

สถานที่ประดิษฐานของพระพุทธบาทสี่รอยดั้งเดิม
ที่มีผู้รู้บางท่านสันนิษฐานไว้

มีผู้รู้บางท่านสันนิษฐานว่า
ความจริงแล้ว หินก้อนนี้อยู่ที่ป่าหิมพานต์
แต่นักปราชญ์บางท่านกล่าวว่า

หินนั้นได้ตั้งอยู่ ณ ที่นี้ ส่วนผู้ที่จะกล่าวแก้ ก็ควรที่จะบอกว่า

ป่าก็ดี เขาก็ดีที่มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ไม่ขาดทั้งกลางวันกลางคืน
ที่แห่งนั้น จึงได้ชื่อว่า ป่าหิมพานต์
ธรรมชาติของเปรตทั้งหลายไม่เคยมีตัวตนในเมืองมนุษย์
แต่ธรรมชาติของเปรตทั้งหลาย
ย่อมเกิดเป็นตัวเป็นตนในป่าหิมพานต์เท่านั้น

หากแต่พระอริยสาวกที่มีอิทธิปาฏิหาริย์
ได้อัญเชิญมาด้วยกำลังฤทธิ์
เพื่อที่จักให้เป็นที่กราบไหว้ และสักการะบูชาแก่ชาว “ตามิละ” (ลัวะ)

พวกชาวเขา ลัวะ และคนยาง
หากมารักษาและสักการะรอยพระพุทธบาทแล้ว
ฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาลเป็นอันดี ด้วยพุทธานุภาพ

และแม้ในกาลอนาคต
พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาท
ไว้ที่หินก้อนนี้อีกเป็นรอยที่ ๕

จนล่วงไปอีกราว ๒๐๐๐ ปี
หินก้อนนี้ก็จะแตกสลายลง บังเกิดเป็นมนุษย์ขึ้น
ซึ่งมนุษย์คนนี้จะได้บวชในพระพุทธศาสนา
สำเร็จมรรคผลนิพพานในสมัยพระศาสนา
แห่งพระศรีอริยเมตไตรยพระพุทธเจ้านั่นแลฯ

สถานที่ประดิษฐานของพระพุทธบาทสี่รอยดั้งเดิม
ที่มีผู้รู้บางท่านสันนิษฐานไว้

มีผู้รู้บางท่านสันนิษฐานว่า
ความจริงแล้ว หินก้อนนี้อยู่ที่ป่าหิมพานต์
แต่นักปราชญ์บางท่านกล่าวว่า

หินนั้นได้ตั้งอยู่ ณ ที่นี้ ส่วนผู้ที่จะกล่าวแก้ ก็ควรที่จะบอกว่า

ป่าก็ดี เขาก็ดีที่มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ไม่ขาดทั้งกลางวันกลางคืน
ที่แห่งนั้น จึงได้ชื่อว่า ป่าหิมพานต์
ธรรมชาติของเปรตทั้งหลายไม่เคยมีตัวตนในเมืองมนุษย์
แต่ธรรมชาติของเปรตทั้งหลาย
ย่อมเกิดเป็นตัวเป็นตนในป่าหิมพานต์เท่านั้น

หากแต่พระอริยสาวกที่มีอิทธิปาฏิหาริย์
ได้อัญเชิญมาด้วยกำลังฤทธิ์
เพื่อที่จักให้เป็นที่กราบไหว้ และสักการะบูชาแก่ชาว “ตามิละ” (ลัวะ)

พวกชาวเขา ลัวะ และคนยาง
หากมารักษาและสักการะรอยพระพุทธบาทแล้ว
ฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาลเป็นอันดี ด้วยพุทธานุภาพ

และแม้ในกาลอนาคต
พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาท
ไว้ที่หินก้อนนี้อีกเป็นรอยที่ ๕

จนล่วงไปอีกราว ๒๐๐๐ ปี
หินก้อนนี้ก็จะแตกสลายลง บังเกิดเป็นมนุษย์ขึ้น
ซึ่งมนุษย์คนนี้จะได้บวชในพระพุทธศาสนา
สำเร็จมรรคผลนิพพานในสมัยพระศาสนา
แห่งพระศรีอริยเมตไตรยพระพุทธเจ้านั่นแลฯ

ดังนั้นขอให้พุทธบริษัททั้งหลาย
ที่ได้มากราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
หรือผู้ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับ
ประวัติความเป็นมา ของพระพุทธบาทสี่รอยแล้ว

ก็ใคร่จะกล่าวกับท่านทั้งหลายว่า
การที่พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์
เสด็จมาประทับรอยพระบาทในที่นี้
เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลาย
เพื่อเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

ดังนั้นการที่เราได้กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ด้วยเครื่องสักการะบูชา มีดอกไม้ ธูปเทียน
ก็ยังไม่ได้เจริญตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์
เพราะพระพุทธองค์ทรงมุ่งหวังให้เราทั้งหลาย
เจริญรอยตามพระพุทธองค์ด้วยการให้ทาน ถือศีล เจริญสมาธิภาวนา
ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงโปรดให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งหลาย

โดยเฉพาะการเจริญสมาธินั้น
พระพุทธองค์เคยตรัสว่ามีอานิสงส์กว่าการให้ทาน
ซึ่งเป็นหนทางสู่มรรคผลนิพพานโดยแท้จริง

วาระสุดท้ายนี้
ท่านผู้ใดได้อ่านประวัติความเป็นมาของพระพุทธบาทสี่รอยนี้แล้ว
กรุณาใช้ปัญญาพิจารณาให้ถ่องแท้
และให้ถึงศรัทธาในดวงจิตดวงใจ
ให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
ที่เดินทางขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอย
อาตมาขอให้ท่านทั้งหลายที่ได้เดินทางขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอยนี้
หรือได้อ่านประวัติพระพุทธบาทสี่รอย

จงประสบแต่ความสุขความเจริญ
ก้าวหน้าใน ทาน ศีล ภาวนา
มีปัญญารู้แจ้งใน อริยสัจสี่
พ้นจากกิเลสกองทุกข์ทั้งหลาย
จงมีแด่ทุกท่านด้วยเทอญ....สาธุ

เจริญกุศลด้วยความนับถือ
ธรรมะ พร และ เมตตา

พระครูพุทธบทเจติยารักษ์
(พระครูบาพรชัย ปิยะวัณโณ)

เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทสี่รอย
::

 

น้ำมันลง หุ้นสหรัฐฯทุบสถิติ-ทองคำปิดลบหลังกรีซบรรลุข้อตกลงยืดหนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 06:02 น.



เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์(20ก.พ.) ขยับลงเล็กน้อย พบผลผลิตในสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนวอลล์สตรีททุบสถิติตลอดกาล หลังรัฐมนตรียูโรโซนบรรลุข้อตกลงขยายความช่วยเหลือเงินกู้แก่กรีซออกไป 4 เดือน ปัจจัยนี้ผลักให้นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดให้ทองคำปิดลบ

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 82 เซนต์ ปิดที่ 50.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 60.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ผลผลิตในสหรัฐฯและแคนาดายังคงเพิ่มขึ้นแม้ตลาดอ่อนแอฉุดให้น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปิดลบ แต่อีกด้านหนึ่งเหล่านักวิเคราะห์จากจีพีมอร์แดน ระบุในรายงานว่าปริมาณการผลิตและส่งออกที่ลดลงในตะวันออกกลางกับแอฟริกาเหนือ ช่วยดันสัญญาลอนดอนขยับขึ้นเล็กน้อย

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(20ก.พ.) ปิดบวกแรง โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ทุบสถิติตลอดกาลรอบใหม่ หลังเหล่ารัฐมนตรียูโรโซนบรรลุข้อตกลงยืดระยะเวลาหนี้ของกรีซออกไป 4 เดือน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 154.67 จุด (0.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,140.44 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเป็นครั้งแรกของปี 2015 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.85 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,110.30 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 31.27 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,955.97

19 รัฐมนตรียูโรโซน เห็นพ้องขยายข้อตกลงเงินกู้แก่กรีซออกไป 4 เดือน ตราบใดที่เอเธนส์ดำเนินตามคำสัญญาปฏิรูปที่เตรียมจะนำเสนอในวันจันทร์หน้า(23ก.พ.) นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ปแถลงต่อผู้สื่อข่าว ตามหลังร่วมกับเหล่ารัฐมนตรีคลังในบรัสเซลส์

ตลาดขานรับข่าวนี้อย่างคึกคัดก เนื่องจากมันถอดความเป็นไปได้ที่อาจต้องผิดนัดชำระหนี้ออกไป แม้ว่าเหล่านักวิเคราะห์ยังคงจับตาอย่างระมัดระวัง

ส่วนตลาดทองคำเมื่อวันศุกร์(20ก.พ.) ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จากข่าวดีที่ว่ารัฐมนตรีคลังมีความคืบหน้าในการเจรจายืดระยะเวลาหนี้ของกรีซ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021189

 

มูดีส์ประกาศหั่นเรตติ้ง “รัสเซีย” ลงสู่ขั้น “ขยะ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 10:17 น.


ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

เอเจนซีส์ – สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ (Moody’s) หั่นเรตติ้งรัสเซียลงอีก 1 ขั้นจนถึงระดับ “ขยะ” (junk) ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่น่าลงทุน เมื่อวานนี้(20 ก.พ.) พร้อมเตือนว่าวิกฤตการณ์ยูเครน ตลอดจนปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำและเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงกว่าครึ่ง จะยิ่งบั่นทอนเศรษฐกิจแดนหมีขาวให้ย่ำแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่

การลดเครดิตรัสเซียในครั้งนี้ทิ้งช่วงจากครั้งที่แล้วเพียง 1 เดือน โดย มูดีส์ อ้างถึงแนวโน้มที่รัสเซีย “จะต้องเชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2015 ซึ่งจะฉุดรั้งการขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2016”

“ความเชื่อมั่นที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะบั่นทอนอุปสงค์ภายในประเทศ และจะยิ่งทำให้ภาวะการลงทุนที่ซบเซาอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงไปอีก”

มูดีส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียจาก Baa3 ลงมาเหลือเพียง Ba1 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ speculative และเป็นขั้น “ขยะ”

ก่อนหน้านี้ มอสโกถึงกับออกอาการเดือดดาล เมื่อถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ลดเรตติ้งจนเหลือขั้นขยะเช่นกัน เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา

มูดีส์ แถลงวานนี้(20)ว่า ความเข้มแข็งทางการคลังของรัฐบาลหมีขาว “จะถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด” และรัสเซียจะเข้าถึงตลาดทุนนานาชาติได้ยากขึ้น

มูดีส์ ระบุด้วยว่า มีแนวโน้มสูงที่รัสเซียอาจใช้วิธีชะลอจ่ายหนี้ต่างชาติ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่มุ่งลงโทษการแทรกแซงของรัสเซียในยูเครนตะวันออก

ภาพรวมเศรษฐกิจของรัสเซียที่เป็น “ลบ” หมายความว่า มูดีส์ อาจจะปรับลดเรตติ้งเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

อันตอน ซิลัวนอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรัสเซีย ได้ออกมาแถลงตอบโต้วันนี้(21)ว่า การปรับลดเครดิตของ มูดีส์ มีพื้นฐานมาจาก “การเมือง” เป็นหลัก และเป็นการคาดการณ์ที่ “ไม่ตรงกับความเป็นจริง” เนื่องจากตั้งสมมติฐานในแง่ร้ายยิ่งกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และธนาคารนานาชาติ ได้ทำนายไว้

“ผมมองว่าการประเมินของ มูดีส์ ไม่เพียงรุนแรงเกินเหตุ แต่ยังมีพื้นฐานจากการคาดเดาไปในแง่ร้าย โดยปราศจากแนวเทียบเคียงที่น่าเชื่อถือในปัจจุบัน”


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000021227

 

ไลบีเรียเตรียม “เปิดพรมแดน-ยกเลิกเคอร์ฟิว” หลังวิกฤตอีโบลาคลี่คลาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 11:04 น.


---
@เจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของเด็กๆ ชาวไลบีเรียซึ่งเดินทางไปเรียนตามปกติที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงมันโรเวีย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์
---
รอยเตอร์ – รัฐบาลไลบีเรียเตรียมยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานยามค่ำคืนที่บังคับใช้มานานถึง 6 เดือน รวมไปถึงมาตรการปิดพรมแดน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาเริ่มคลี่คลาย ผู้นำไลบีเรียแถลงเมื่อวานนี้ (20 ก.พ.)

ไวรัสอีโบลาซึ่งกลับมาระบาดครั้งใหญ่ในแอฟริกาตะวันตกช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้คร่าชีวิตพลเมืองไลบีเรีย, กินี และเซียร์ราลีโอนไปไม่น้อยกว่า 9,000 คน ทว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ ในไลบีเรียลดลงจนเป็นที่น่าพอใจ

รัฐบาลอนุญาตให้โรงเรียนทั่วประเทศเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งบอกว่า วิถีชีวิตของพลเมืองไลบีเรียกำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

“ประธานาธิบดี เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ มีคำสั่งยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2015” คำแถลงซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีไลบีเรีย ระบุ

อย่างไรก็ดี ในส่วนของการเปิดพรมแดนนั้นยังไม่มีการระบุวันที่แน่นอน

ไลบีเรียเริ่มใช้มาตรการเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 21.00 น. ไปจนถึง 6.00 น. ของวันใหม่ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมปีที่แล้ว และได้ปรับเวลาเริ่มต้นเป็น 24.00 น. ในอีก 1 เดือนถัดมา

หลายประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกได้ประกาศปิดพรมแดน ระงับเที่ยวบิน และห้ามพลเมืองของตนเดินทางไปยังไลบีเรีย, กินี และเซียร์ราลีโอน แม้ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) จะเตือนว่ามาตรการเช่นนี้เป็นผลเสียมากกว่าผลดีก็ตาม

 

สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub.


·
UEC ทดสอบเครื่องยนต์ที่ผลิตจากส่วนประกอบภายในประเทศ
ใน"United Engine Corporation" ได้ทดสอบเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์ที่สร้างจากชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศโดยไม่ได้นำเข้าจากยูเครนเป็นครั้งแรก, RIA Novosti รายงานโดยอ้างคำกล่าวของประธาน UEC นาย Vladislav Maslov.
"การตัดสินใจเกี่ยวกับองค์กรของการผลิตเครื่องยนต์ที่เราเคยผลิตโดยร่วมมือกับ บริษัท " Motor Sich"ของยูเครนมาเป็นเวลานานได้ถูกสร้างเองแทนการนำเข้า เครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดถูกสร้างโดยความร่วมมือของผู้ประกอบการในรัสเซียซึ่งขณะนี้ได้ผ่านขั้นตอนของการทดสอบคุณสมบัติแล้ว "- Maslov กล่าว
เครื่องยนต์ใดๆก็ตาม จะไม่ถูกนำเข้ามายังสหพันธรัฐรัสเซีย
ในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของยูเครนได้ห้ามบริษัทใดๆให้ความร่วมมือกับรัสเซียในทางทหาร ในการนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซียได้เร่งแก้ไขปัญหาด้วยการผลิตชิ้นส่วนเองเพื่อทดแทนการนำเข้าจากยูเครน โดยตามแผนของกระทรวงกลาโหมภายใน 2 ปี จะสามารถตัดขาดการพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากยูเครนได้ทั้งหมด.

 

สหรัฐเตือนรัสเซียปฏิบัติตาม 'ระเบียบโลก' (ระเบียบโลกระบุไว้ว่าสหรัฐสามารถเลือกช่วยฝั่งไหนก็ได้ ตามที่สหรัฐพิจารณาแล้วว่าถูกต้องเพราะเป็นเจ้านานใหญ่ของโลก )



รัฐบาลสหรัฐเตือนรัสเซียยึดถือระเบียบและกติกาของประชาคมโลก หลังกองทัพยูเครนกล่าวหารัฐบาลมอสโกละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการยังคงช่วยเหลือกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน

วันเสาร์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:55 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่ากองทัพยูเครนออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ประณามรัฐบาลรัสเซียยังคงเดินหน้าส่งสรรพาวุธและกำลังพลข้ามพรมแดนเข้ามาให้ความสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงสันติภาพที่รัฐบาลมอสโกลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ร่วมกับฝรั่งเศส เยอรมนี และยูเครนอย่างชัดเจน

ขณะที่น.ส.เจน ซากี โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเตือนรัฐบาลรัสเซียกำลัง "ข่มขู่" ระเบียบและกฎเกณฑ์สมัยใหม่ของประชาคมโลก ผ่านการให้ความสนับสนุนกลุ่มกบฏในยูเครน รัฐบาลวอชิงตันจึงขอเรียกร้องให้ทางการมอสโกปฏิบัติตามพันธสัญญาอย่างเคร่งครัดด้วย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากบรรดาวุฒิสมาชิกของทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียให้มีความรุนแรงขึ้นอีก

ในเวลาเดียวกัน มีรายงานการสู้รบเกิดขึ้นที่เมืองมาริอูโปล หนึ่งในเมืองใหญ่ของภูมิภาคดอนบาสส์ ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีพลเมืองอาศัยอยู่มากถึง 500,000 คน ยิ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับศักยภาพของกลุ่มกบฏนิยมรัสเซียที่สามารถกระชับพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง หลังสามารถยึดครองเมืองเดบัลต์เซเว ชุมทางรถไฟสายสำคัญของภาคตะวันออกได้สำเร็จตั้งแต่ต้นสัปดาห์

สหรัฐเตือนรัสเซียปฏิบัติตาม 'ระเบียบโลก' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รัสเซียจวกมูดีส์วิเคราะห์เศรษฐกิจอิง 'การเมือง'



รัฐบาลรัสเซียไม่พอใจอย่างหนัก หลัง "มูดีส์" ลดเครดิตตราสารหนี้ของประเทศให้เป็น "ขยะ" โดยวิจารณ์มีแรงจูงใจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป และขาดตรรกะที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

วันเสาร์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 12:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่านายอันโทน ซิลูอานอฟ รมว.กระทรวงการคลังรัสเซีย แถลงเมื่อวันศุกร์ วิจารณ์กรณีมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านเศรษฐกิจชั้นนำของโลกจากสหรัฐ ประกาศปรับลดระดับความน่าเชื่อถือในตราสารหนี้ของรัฐบาลรัสเซียจากระดับ "บีเอเอ3" ลงมาเหลือเพียง "บีเอ1" เทียบเท่าระดับ "ขยะ" ว่าเป็นผลการวิเคราะห์ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป และขาดตรรกะที่สมเหตุสมผลอย่างชัดเจน

ซิลูอานอฟยืนยันว่า การปรับลดความน่าเชื่อถือของมูดีส์ต่อเศรษฐกิจของรัสเซียในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตลาดทุนของประเทศอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีกหลายแห่งยังคงระดับตราสารหนี้ของรัฐบาลมอสโกเอาไว้ที่ "บีบีบีลบ" ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจรัสเซียในมุมมองของธนาคารโลก ( เวลิด์แบงก์ ) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) และธนาคารแห่งชาติรัสเซีย ยังไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้ แม้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ( เอสแอนด์พี ) ลดเครดิตตราสารหนี้ของรัฐบาลมอสโกลงสู่ระดับขยะ เมื่อปลายเดือนที่แล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม รายงานของมูดีส์คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของรัสเซียในปีนี้ จะหดตัวราวร้อยละ 4-5 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2543 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของตะวันตก และสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงตกต่ำ

รัสเซียจวกมูดีส์วิเคราะห์เศรษฐกิจอิง 'การเมือง' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

พู่กัน ทอง ได้แชร์รูปภาพของ มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ



'จับตา “รอยเลื่อนระนอง-คลองมะรุ่ย” หวั่นไหวใหญ่ซ้ำรอย 2,000 ปี
นักธรณีวิทยา ห่วง “รอยเลื่อนระนอง-รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย” ที่กำลังสะสมพลังงานและเตรียมปลดปล่อย ซึ่งหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่า เมื่อ 2,000 ปี และ 4,000 ปีที่แล้ว เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 6-7 ริกเตอร์บนบก อีกทั้ง “รอยเลื่อนแม่จัน” รอยเลื่อนมีพลังที่สุดในประเทศที่ถูกจับตามากที่สุด เนื่องจากรอยเลื่อนในระแวกเพื่อนบ้าน จีน พม่า และ ลาว ไหวใหญ่กันไปแล้ว

รองศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา จารุศิริ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย้ำว่า ภูเก็ตไม่จมทะเลง่ายๆ เนื่องจากตั้งอยู่บนฐานหินแข็งอายุกว่า 100 ล้านปี ซึ่งรองรับแผ่นดินไหวได้มาก ส่วนเหตุแผ่นดินไหวตามมาหรืออาฟเตอร์ช็อกที่ดูเหมือนเกิดขึ้นบ่อยนั้นเป็นปรากฏการณ์ปกติหลังแผ่นดินไหว เพียงแต่เกิดบริเวณเปลือกโลกที่ค่อนข้างตื้น จึงรับรู้ได้มาก

รศ.ดร.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รอยเลื่อนในประเทศไทยที่ได้รับความสนใจที่สุดคือ รอยเลื่อนแม่จัน ที่พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังมากที่สุด และเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จากรอยเลื่อนละแวกใกล้เคียงแล้ว คือ รอยเลื่อนในมณฑลยูนนานของจีน ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อปี 2552 และรอยเลื่อนน้ำมาในลาว และพม่า ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา แต่รอยเลื่อนแม่จันยังไม่ขยับและกำลังสะสมพลังงานอยู่ ซึ่งเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้วเคยแผลงฤทธิ์ และทำให้นครโยนกในอดีตต้องล่มสลาย ซึ่งมีการบันทึกไว้ในพงศาวดาร

อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางที่ภูเก็ต ทำให้รอยเลื่อน 2 แห่งในภาคใต้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ได้รับความสนใจมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่ามีแนวรอยเลื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จัก ซึ่งทางกรมทรัพยากรธรณีกำลังส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ แต่สิ่งที่ รศ.ดร.ปัญญา ห่วงอยู่ตอนนี้คือการสะสมพลังงานของรอยเลื่อนทั้งสองแห่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นบนบก

จากหลักฐานทางธรณีวิทยา ระบุว่า เคยเกิดการแผ่นดินไหวบนบก 6-7 ริกเตอร์ จากรอยเลื่อนระนองและรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว และ 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ “ใกล้คาบอุบัติซ้ำ” ของการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แล้ว แต่ยังไม่มีแผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้น ซึ่ง รศ.ดร.ปัญญา กล่าวว่า ไม่ชอบนัก เพราะแสดงให้เห็นว่า รอยเลื่อนกำลังสะสมพลังงานอยู่และไม่รู้ว่าปลดปล่อยออกมาเมื่อไหร่ ซึ่งไม่มีใครระบุได้

ทั้งนี้ เป็นการให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมโต๊ะกลม “2012 แผ่นดินไหวข่าวลือ หรือความจริง” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย.โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน กับหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวไหวและธรณีแปรสัณฐานผืนแผ่นดินของเอเชียตะวันออก ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'
มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
จับตา “รอยเลื่อนระนอง-คลองมะรุ่ย” หวั่นไหวใหญ่ซ้ำรอย 2,000 ปี
นักธรณีวิทยา ห่วง “รอยเลื่อนระนอง-รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย” ที่กำลังสะสมพลังงานและเตรียมปลดปล่อย ซึ่งหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่า เมื่อ 2,000 ปี และ 4,000 ปีที่แล้ว เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 6-7 ริกเตอร์บนบก อีกทั้ง “รอยเลื่อนแม่จัน” รอยเลื่อนมีพลังที่สุดในประเทศที่ถูกจับตามากที่สุด เนื่องจากรอยเลื่อนในระแวกเพื่อนบ้าน จีน พม่า และ ลาว ไหวใหญ่กันไปแล้ว

รองศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา จารุศิริ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย้ำว่า ภูเก็ตไม่จมทะเลง่ายๆ เนื่องจากตั้งอยู่บนฐานหินแข็งอายุกว่า 100 ล้านปี ซึ่งรองรับแผ่นดินไหวได้มาก ส่วนเหตุแผ่นดินไหวตามมาหรืออาฟเตอร์ช็อกที่ดูเหมือนเกิดขึ้นบ่อยนั้นเป็นปรากฏการณ์ปกติหลังแผ่นดินไหว เพียงแต่เกิดบริเวณเปลือกโลกที่ค่อนข้างตื้น จึงรับรู้ได้มาก

รศ.ดร.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รอยเลื่อนในประเทศไทยที่ได้รับความสนใจที่สุดคือ รอยเลื่อนแม่จัน ที่พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังมากที่สุด และเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จากรอยเลื่อนละแวกใกล้เคียงแล้ว คือ รอยเลื่อนในมณฑลยูนนานของจีน ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อปี 2552 และรอยเลื่อนน้ำมาในลาว และพม่า ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา แต่รอยเลื่อนแม่จันยังไม่ขยับและกำลังสะสมพลังงานอยู่ ซึ่งเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้วเคยแผลงฤทธิ์ และทำให้นครโยนกในอดีตต้องล่มสลาย ซึ่งมีการบันทึกไว้ในพงศาวดาร

อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางที่ภูเก็ต ทำให้รอยเลื่อน 2 แห่งในภาคใต้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ได้รับความสนใจมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่ามีแนวรอยเลื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จัก ซึ่งทางกรมทรัพยากรธรณีกำลังส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ แต่สิ่งที่ รศ.ดร.ปัญญา ห่วงอยู่ตอนนี้คือการสะสมพลังงานของรอยเลื่อนทั้งสองแห่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นบนบก

จากหลักฐานทางธรณีวิทยา ระบุว่า เคยเกิดการแผ่นดินไหวบนบก 6-7 ริกเตอร์ จากรอยเลื่อนระนองและรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว และ 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ “ใกล้คาบอุบัติซ้ำ” ของการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แล้ว แต่ยังไม่มีแผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้น ซึ่ง รศ.ดร.ปัญญา กล่าวว่า ไม่ชอบนัก เพราะแสดงให้เห็นว่า รอยเลื่อนกำลังสะสมพลังงานอยู่และไม่รู้ว่าปลดปล่อยออกมาเมื่อไหร่ ซึ่งไม่มีใครระบุได้

ทั้งนี้ เป็นการให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมโต๊ะกลม “2012 แผ่นดินไหวข่าวลือ หรือความจริง” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย.โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน กับหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวไหวและธรณีแปรสัณฐานผืนแผ่นดินของเอเชียตะวันออก ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย