ติดตามสถานะการณ์

เชียงราย พร้อมรับปัญหา ภัยแล้ง หมอกควันป่า น้ำแห้งขอด
โดย ทีมข่าวภูมิภาค 10 ก.พ. 2558 00:45



เชียงราย เตรียมรับมือปัญหาภัยแล้ง รวมถึงการเผาวัชพืชของเกษตรกร ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันไฟปกคลุมเชียงราย รวมทั้งแม่น้ำสายสำคัญแห้งขอด จังหวัดจึงประกาศให้เกษตรกรงดเผาทุกชนิด เพื่อเตรียมรับแล้งรุนแรง...

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.58 ที่โรงแรมโพธิ์วดล จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผวจ.เชียงราย ได้เป็นประธานประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล อบต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาภัยแล้ง จำนวนกว่า 100 คน เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ประจำปี 2558


นายสว่าง ม่อมดี ปภ.เชียงราย รายงานสถานการณ์ภัยแล้งว่าขณะนี้ เกษตรกรได้เริ่มมีการเผาวัชพืช ไร่นาเตรียมฤดูการปลูกมากขึ้น ทำให้เกิดหมอกควันแผ่คลุมพื้นที่ตัวเมืองเชียงราย ขึ้นสูงถึง 70 ไมครอน แม้ยังไม่เกิน 120 ไมครอนที่เป็นค่ามาตรฐาน แต่ถ้าไม่มีการควบคลุมจะเกิดหมอกคลุมทั่วทั้งจังหวัดเกินมาตรฐาน และขณะนี้แหล่งน้ำต่าง ๆ แม่น้ำลาว แม่น้ำกก แม่น้ำคำ แม่น้ำโขง เริ่มแห้งแล้งขอดทำให้เกิดเกาะกลางแม่น้ำเห็นได้ชัดเจน คาดว่าปีนี้จะเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย.58 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องระมัดระวังปัญหา ไฟป่า หมอกควัน จนกว่าเข้าสูฤดูฝน

นายประจญ กล่าวว่า จะมีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย หากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงจะมีการประกาศพื้นที่ภัยแล้ง ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านตำบล ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ และหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องให้ความรู้แก่ประชาชนในการเฝ้าระวังไฟป่าและการเผาทุกชนิด ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศกำหนดวันงดการเผาทุกชนิดตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-20 เม.ย.2558 หากมีการฝ่าฝืนจะถูกจับดำเนินคดี และประชาสัมพันธ์ให้ระมัดระวังการใช้ น้ำอุปโภคบริโภค การใช้น้ำทำเกษตรในเขตนอกชลประทาน และบริเวณพื้นที่สูง ให้งดปลูกพืชที่ใช้น้ำมากควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยทดแทนตลอดถึงการเตรียมภาชนะเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งคาดว่าแหล่งน้ำต่าง ๆ แม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดเชียงรายจะลดลงถึงกลับแห้งขอดได้บางแห่ง.

เชียงราย พร้อมรับปัญหา ภัยแล้ง หมอกควันป่า น้ำแห้งขอด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เจ้าหนี้ยืนยันกรีซต้องทำตามสัญญา



เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้รายใหญ่ของกรีซ ยืนยันรัฐบาลเอเธนส์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อลดหนี้ และแลกกับการรับเงินช่วยเหลือต่อไป ขณะที่อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธ สร้างความกังวลอย่างหนักให้กับหลายฝ่ายว่ากรีซอาจต้องโบกมือลาเงินยูโรในไม่ช้า

วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:00 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่านายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก 20 แห่ง ( จี-20 ) ที่เมืองอิสตันบูล เมื่อวันจันทร์ เตือนรัฐบาลกรีซอย่าคาดหวังว่า บรรดาเจ้าหนี้รายใหญ่จะยอมรับข้อเรียกร้องเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้และอนุมัติโครงการเสริมสภาพคล่องระยะสั้นให้กับสถาบันการเงินของกรีซ

นอกจากนี้ ยุงเกอร์ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ยึดมั่นในข้อตกลงที่รัฐบาลกรีซชุดก่อนหน้านี้ลงนามร่วมกับเจ้าหนี้กลุ่ม "ทรอยกา" ได้แก่ สหภาพยุโรป ( อียู ) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) และธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) ว่าด้วยมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดภาระหนี้สินของประเทศ ผ่านการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและการปรับลดงบประมาณในหลายด้าน เพื่อแลกกับการรับเงินช่วยเหลือเป็นงวด

ขณะที่นายโวล์ฟกัง ชอยเบลอ รมว.กระทรวงการคลังของเยอรมนี หนึ่งในผู้กำหนดข้อปฏิบัติให้กับมาตรการรัดเข็มขัด ยืนยันรัฐบาลเอเธนส์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการนี้ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เนื่องจาก "วิธีอื่น" ของซีปราสยังมีแนวทางคลุมเครือและยังไม่ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเพียงพอจากนานาประเทศที่เกี่ยวข้อง

ด้านกระทรวงการคลังของกรีซออกแถลงการณ์แสดงความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร กลุ่มทรอยกาและรัฐบาลเยอรมนีไม่มีทางปล่อยให้รัฐบาลเอเธนส์ผิดนัดชำระหนี้ หรือถึงขั้นต้องกลายเป็นประเทศล้มละลายอย่างแน่นอน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวสร้างความกังวลอย่างหนักให้กับนักลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ของกรีซปิดลบเกือบ 5% เมื่อวันจันทร์ และรัฐบาลอังกฤษที่แม้ไม่ได้ร่วมกลุ่มยูโรโซน แต่ประกาศเตรียมแผนสำรองรับมือกรีซออกจากการใช้เงินยูโรแล้ว

ปัจจุบันภาระหนี้สินของกรีซที่เริ่มกู้ตั้งแต่ปี 2553 อยู่ที่ราว 322,000 ล้านยูโร ( ราว 12 ล้านล้านบาท ) จากเงินต้น 240,000 ล้านยูโร ( ราว 9.1 ล้านล้านบาท ) คิดเป็น 175% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) แต่พรรคซีริซาของซีปราสอ้างว่า ครึ่งหนึ่งของเงินดังกล่าวควรได้รับการหักลบแทนค่าปฏิกรรมสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยที่กองทัพนาซีเข้ามายึดครองกรีซ

เจ้าหนี้ยืนยันกรีซต้องทำตามสัญญา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เยอรมนีค้านส่งอาวุธช่วยกองทัพยูเครน



รัฐบาลเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับท่าทีของสหรัฐ ที่แง้มเรื่องการช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กองทัพยูเครน โดยยืนยันว่า การเจรจาอย่างสันติเท่านั้นที่จะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเคียฟกับกลุ่มกบฏได้

วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:33 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี แถลงระหว่างการเยือนแคนาดาอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสตีเวน ฮาร์เปอร์ เมื่อวันจันทร์ คัดค้านท่าทีของประเทศมหาอำนาจที่ออกมาเปรยเรื่องการมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธให้แก่กองทัพยูเครน โดยเธอยืนยันว่า หนทางเดียวที่จะสามารถแก้ไขวิกฤติการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ต้องเป็นการเจรจาตามหลักการทูตเท่านั้น

ท่าทีดังกล่าวของผู้นำเยอรมนีมีขึ้นในวันเดียวกับที่เธอเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน เพื่อหารือระดับทวิภาคีร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังพิจารณาการมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธให้แก่กองทัพยูเครน ที่ยังคงสู้รบอย่างดุเดือดกับกลุ่มกบฏนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกของประเทศ ขณะที่รัฐบาลมอสโกยังคงยืนกรานปฏิเสธการสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กลุ่มกบฏ ตามข้อกล่าวหาของรัฐบาลวอชิงตัน

นอกจากนี้ แมร์เคิลยังมีกำหนดเข้าร่วมการประชุม 4 ฝ่าย ร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส และประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ผู้นำยูเครน ที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส ในวันพุธนี้ด้วย ซึ่งแมร์เคิลยืนยันว่า หากการเจรจาครั้งนี้ไม่บรรลุผลที่น่าพอใจ พันธมิตรตะวันตกจะหารือเรื่องการเพิ่มมาตรการกดดันรัสเซียต่อไป

เยอรมนีค้านส่งอาวุธช่วยกองทัพยูเครน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

โอบามาเลื่อนตัดสินใจ “ติดอาวุธให้ยูเครน” ออกไป เปิดโอกาสให้ “แมร์เคิล” ใช้วาทะลิ้นทองกล่อม “ปูติน” ยอมสงบในวิกฤตยูเครน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
10 กุมภาพันธ์ 2558 13:01 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 13:11 น.)



เอเอฟพี - ในวันจันทร์ (9 ก.พ.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ยอมที่จะยืดเวลาการตัดสินใจในการให้การสนับสนุนด้านอาวุธกับยูเครนออกไป จนกระทั่งความพยายามทางการทูตในการแก้ปัญหาวิกฤตยูเครนที่นำโดยเยอรมันนั้นล้มเหลว

ในระหว่างการเข้าพบของอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (9) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา กล่าวย้ำว่า เขาหวังว่าแมร์เคิลจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้สำเร็จเพื่อยุติปัญหานองเลือดทางตะวันออกของยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่า 10 เดือน แต่กระนั้นผู้นำสหรัฐฯส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีมาตรการลงโทษหนักหน่วงต่อรัสเซียออกมาแน่นอนหากการหาทางออกทางการทูตล้มเหลว ซึ่งที่ผ่านมารัสเซียปฎิเสธไม่เคยให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก

“ความหวังของผมคือการที่เห็นความพยายามกาทางออกทางการทูตเหล่านี้สามารถทำให้ประธานาธิบดีปูตินเห็นคล้อยตามในการหาทางออกอย่างสันติ ซึ่งผมจะไม่ขอทำนายว่าความพยายามเหล่านี้จะสัมฤทธิผลหรือไม่ ซึ่งถ้าหากว่าไม่ เห็นว่าต้องมีความจำเป็นที่จะทำให้ใช้ทางเลือกที่เป็นยาแรง และเราจะไม่ยอมอ่อนข้อให้” โอบามากล่าว

เห็นได้ชัดว่าผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่า การติดอาวุธให้ยูเครน และรวมไปถึงการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงมากขึ้นยังคงเป็นทางเลือกที่สหรัฐฯ จะยังสามารถเลือกใช้หากจำเป็น แต่ปัดว่าในขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ

ในขณะที่แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนีนั้นต่อต้านความคิดในการส่งอาวุธช่วยยูเครน ด้วยเกรงว่าจะเป็นการเร่งปฏิกิริยาขยายความขัดแย้งให้ลุกลามออกไป แต่กระนั้นแมร์เคิลยอมรับว่าอาจมีความล้มเหลวในการกล่อมปูตินในการเจรจายุติยิง “เราไม่มีการรับประกันอันใดเลย ซึ่งดิฉันไม่สามารถให้การยืนยันในความสำเร็จกับพวกคุณถึงผลลัพธ์ในการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันพุธ (11) นี้ และบางทีอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นเลย แต่ส่วนตัวดิฉันเอง คงจะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้โดยไม่ยื่นมือไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้” แมร์เคิลกล่าว และเสริมต่อว่า “หากเราล้มเลิกจุดยืนในการยึดถือหลักพรมแดนของประเทศเป็นสำคัญ เราคงไม่สามารถคงดำรงสันติภาพของยุโรปให้เกิดขึ้นได้”

อย่างไรก็ตาม ทางฟากฝั่งพรรครีพับลิกันที่ต้องการให้มีการใช้ไม้แข็งส่งอาวุธไปช่วยยูเครน ได้กล่าวโจมตีโอบามา หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืดเวลาที่จะตัดสินใจส่งอาวุธช่วยยูเครนออกไป “ประธานาธิบดีโอบามายังคงความอ่อนแอในการเผชิญหน้ากับความแข็งกร้าวที่เปลี่ยนให้โลกอันตรายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องเศร้าในความจริงที่ปรากฏ ซึ่งไม่บ่อยครั้ง ในขณะที่ศัตรูกำลังท้าทายอยู่ซึ่งหน้า แต่ทว่าเพื่อนของเรากลับถูกทอดทิ้ง หรือทำให้อ่อนแอลงเสมอ” ส.ว.ลินด์เซย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกันกล่าว

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000016295

 

รัสเซียรุกหนักเจรจา “ตั้งฐานทัพเรือ-ฐานทัพอากาศ” ในไซปรัส หวังกุมจุดยุทธศาสตร์ “รอยต่อ 3 ทวีป” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 13:20 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลรัสเซียและไซปรัสเปิดการเจรจาในวันจันทร์ (9 ก.พ.) ถึงความเป็นไปได้ในการขอตั้งฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของรัสเซียในไซปรัส ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่บ่งชี้ถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างมอสโกและนิโกเซีย

รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงนิโกเซียของไซปรัสระบุว่า การเจรจาทวิภาคีระหว่างผู้แทนรัฐบาลรัสเซียและไซปรัส ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันจันทร์ (9) ดำเนินไปด้วยดี และอาจมีการบรรลุข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมกันในเร็วๆนี้

ด้านประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส ผู้นำไซปรัสออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวโดยระบุ ไซปรัสไม่ขัดข้องต่อข้อเสนอของรัสเซียในการขอใช้พื้นที่และดัดแปลงสนามบินและท่าเรือในไซปรัสเพื่อใช้เป็นฐานทัพรองรับเครื่องบินรบ ตลอดจนเรือรบรัสเซีย โดยผู้นำไซปรัสระบุด้วยว่า ทางการรัสเซียได้เสนอ “ผลประโยชน์ที่น่าดึงดูด” ทางเศรษฐกิจให้กับไซปรัสเป็นการแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ดี ผู้นำไซปรัสยืนยันว่าการเข้ามาตั้งฐานทัพของรัสเซียในไซปรัสนี้ จะเป็นไปเพื่อรองรับภารกิจของกองทัพรัสเซียในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติฉุกเฉินเท่านั้น โดยที่รัสเซียจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับ “กิจการภายใน”ของไซปรัสอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ หากการเจรจาตั้งฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศรัสเซียในไซปรัสประสบผลสำเร็จ จะส่งผลให้รัสเซียมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในบริเวณ “ด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน” ที่ถือเป็นรอยต่อระหว่างยุโรป แอฟริกา และภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัสเซียมีฐานทัพอีกแห่งตั้งอยู่ที่เมืองท่า “ลาตาเกีย” ของซีเรียเช่นกัน

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000016306

 

น้ำมันขึ้นหลังสหรัฐฯ ลดผลิต หุ้นมะกันลง-ทองคำบวกกังวลหนี้กรีซ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 05:25 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 10:41 น.)



เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องในวันจันทร์ (9 ก.พ.) โอเปกคาดอุปทานสหรัฐฯ จะน้อยลง หลังกิจกรรมการผลิตลดลงในอเมริกาเหนือ ส่วนวอลล์สตรีทปรับลดและทองคำปิดบวก ท่ามกลางความกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้และออกจากยูโรโซน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 54 เซ็นต์ ปิดที่ 58.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โอเปก ออกประมาณการรอบใหม่ต่อการเติบโตทางอุปทานของเหล่าชาติผู้ผลิตที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม ว่าน่าจะเพิ่มขึ้น 850,000 บาร์เรล ในปี 2015 น้อยกว่าที่คาดหมายคราวก่อน อันเป็นผลจากปริมาณการผลิตที่ลดลงในสหรัฐฯ

ผลสำรวจของเบเกอร์ ฮิวส์ อิงก์ บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (6 ก.พ.) พบว่าจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ที่ยังคงปฏิบัติการอยู่ ลดลง 83 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เหลือ 1,140 แท่น หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ก็มีแท่นขุดเจาะที่หยุดปฏิบัติการถึง 94 แท่น

ตัวเลขการขุดเจาะที่ลดลงดังกล่าว สอดคล้องกับคำแถลงปรับลดการใช้จ่ายของเหล่าบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ผลจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ บ่งชี้ว่าตลาดอาจเผชิญกับภาวะอุปทานตึงตัวในอนาคต

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ก.พ.) ปิดลบตามตลาดทุนอื่นๆ ทั่วยุโรป หลังมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า กรีซอาจผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจากยูโรโซน

ดาวโจนส์ ลดลง 95.08 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,729.21 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.73 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,046.74 จุด แนสแดค ลดลง 18.39 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,726.01 จุด

อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีซีปราส ประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าจะรักษาสัญญาต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่ให้ไว้ในระหว่างหาเสียง เพิ่มกังวลว่าเอเธนส์อาจผิดนัดชำระหนี้ที่มีอยู่ถึง 315,000 ล้านยูโร

ตลาดหุ้นกรีซร่วงลงเกือบร้อยละ 5 ส่วนตลาดอังกฤษกับฝรั่งเศส ก็ปิดลบเช่นเดียวกับตลาดเยอรมนี ขณะที่นายกรัฐมนตรี นางอังเกลา แมร์เคิล บอกในวันจันทร์ (9 ก.พ.) ว่าเธอกำลังรอข้อเสนออันยั่งยืนจากกรีซที่เคารพต่อกฎระเบียบพื้นฐานของโปรแกรมช่วยเหลือที่กำหนดโดยเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ

ความกังวลต่อภาวะยุ่งเหยิงทางการเมืองในกรีซ ข้อมูลการค้าที่อ่อนแอเกินคาดหมายของจีน ส่งผลให้นักลงทุนพากันหลบหนีออกจากตลาดทุน และแห่ช้อนซื้อทองคำในฐานะทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้ ขยับขึ้นในวันจันทร์ (9 ก.พ.) โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,241.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

IMF ประกาศยกหนี้มากกว่า 3,200 ล้าน ให้ไลบีเรีย-กินี-เซียร์ราลีโอน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 07:16 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 09:08 น.)



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศในวันจันทร์ (9 ก.พ.) ยกหนี้สินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,260 ล้านบาท) ให้กับไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน ซึ่งเป็นสามประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหนักหน่วงที่สุดจากการระบาดของเชื้อไวรัส “อีโบลา” ในช่วงที่ผ่านมา

กริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ที่ออกมาแถลงยืนยันข่าวดังกล่าวด้วยตัวเองในวันจันทร์ (9) พร้อมเผยว่า นอกเหนือจากการยกหนี้สินจำนวนดังกล่าวให้กับไลบีเรีย กินี และ เซียร์ราลีโอน แล้ว ไอเอ็มเอฟยังเสนอปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้กับทั้งสามประเทศโดย “ไม่คิดดอกเบี้ย” ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวทางการทูตเผยว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของไอเอ็มเอฟเป็นเพียงการ “ยกหนี้สินบางส่วน” ให้กับไลบีเรีย กินี และ เซียร์ราลีโอน เท่านั้น มิได้เป็นการล้างหนี้สินที่สะสมอยู่ทั้งหมดให้แต่อย่างใด ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า ถึงแม้ทั้งสามประเทศจะได้รับการยกเว้นหนี้สินจากไอเอ็มเอฟในคราวนี้ แต่ยอดหนี้รวมทั้งหมดที่ทั้งสามประเทศยังติดค้างไอเอ็มเอฟอยู่นั้น ยังคงสูงลิ่วไม่น้อยกว่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 20,213 ล้านบาท)

ทั้งนี้ การระบาดของเชื้อไวรัส “อีโบลา” ในช่วงที่ผ่านมาในประเทศแอฟริกาตะวันตกทั้งสาม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 8,000 คนนับตั้งแต่ที่มีการยืนยันการพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมให้การระบาดของเชื้ออีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก


IMF

 

IEA ชี้ “สหรัฐฯ” รั้งแชมป์ผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ได้ถึงปี 2020 แต่ “รัสเซีย” น่าห่วง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 10:26 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 13:27 น.)



รอยเตอร์ – ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ)ชี้ สหรัฐฯ จะยังครองแชมป์ผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ต่อไปจนถึงปี 2020 คาดวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อกำลังการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) อย่างที่หลายฝ่ายคาดเดา

รายงานของไออีเอว่าด้วยแนวโน้มตลาดน้ำมันในระยะกลางชี้ว่า ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจาก 115 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ลงมาเหลือแค่ราวๆ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งเกือบต่ำสุดในรอบ 6 ปี จะเริ่มเข้าสู่ภาวะเสถียรโดยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันที่ทรุดหนักเป็นผลมาจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับยุทธศาสตร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยประกาศคงกำลังผลิตเท่าเดิมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดแข่งกับผู้ผลิตน้ำมันหินดินดานในสหรัฐฯ

“การปรับสมดุลของตลาดน่าจะเกิดขึ้นเร็ว แต่ค่อนข้างจำกัด” ไออีเอ ระบุ

ไออีเอ ชี้ว่า สหรัฐฯ อาจต้องชะลอการผลิตน้ำมันเบา (light oil) และน้ำมันจากชั้นหินดินดานลงในระยะแรก แต่จะฟื้นตัวในภายหลัง และมีกำลังผลิตสูงถึง 5.2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2020 ขณะที่อุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซียค่อยข้างน่าเป็นห่วง

“รัสเซียซึ่งเผชิญมรสุมหลายด้านทั้งปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ มาตรการคว่ำบาตรจากต่างชาติ และค่าเงินรูเบิลอ่อน อาจจะกลายเป็น ‘ผู้แพ้’ อย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมน้ำมัน” และมีแนวโน้มว่ากำลังผลิตจะลดลง 560,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ปี 2014 ไปจนถึง 2020

ไออีเอ ยังทำนายว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกซึ่งอยู่ที่ระดับ 29.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ จะขยับสูงขึ้นเป็น 29.90 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกลดกำลังการผลิตลง

นักวิเคราะห์รายอื่นๆ มองว่า ราคาน้ำมันที่ตกต่ำและการลงทุนที่ซบเซาลงจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกรุนแรงเป็นพิเศษ

รายงานประจำเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งโอเปกเผยแพร่วานนี้(9) ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันของโอเปกในปีนี้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากยุทธศาสตร์ของโอเปกที่ไม่ยอมลดกำลังผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน

ไออีเอคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 1.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 จากระดับ 910,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2015 ทว่าราคาน้ำมันที่ถูกลงจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในช่วงทศวรรษนี้

IEA

 

Thanong Fanclub



35. จับตาวิกฤติกรีซ & วิกฤติยูเครน
ในขณะที่รัฐมนตรีคลังของอียูกำลังประชุมกันที่กรุงบรัสเชลล์ในวันนี้ถกปัญหาวิกฤติหนี้กรีซ นายNikolaos Kotziasรมว ต่างประเทศของกรีซจะเดินทางไปมอสโคว เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทำให้เกิดมีการตั้งคำถามขึ้นมาว่ากรีซจะย้ายวิกจากนาโต้ + สหภาพยุโรปไปอยู่ค่ายรัสเซียหรือไม่
นายKotziasมีกำหนดการจะพูดคุยกับSergei Lavrovรมว ต่างประเทศของรัสเซีย
วันก่อนนายPanos Kammenos รมวกลาโหมของกรีซออกมาขู่แล้วว่าถ้าหากกรีซไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหนี้ฉบับใหม่กับเขตยูโร กรีซจะไปหาแหล่งเงินกู้ใหม่
Kammenosบอกว่ากรีซจำต้องพึ่งพาแผนสำรอง หรือแผนB แหล่งเงินกู้ใหม่อาจจะเป็นสหรัฐฯ รัสเซีย จีน หรือประเทศอื่นๆก็ได้
ยุโรปฟังแล้วคงต้องหนาวถึงหัวใจ เพราะว่ากรีซกำลังดำเนินนโยบายออกหากอียูอย่างชัดเจน ถ้าบีบกรีซหนักๆอย่างนี้เรื่องเงื่อนไขเงินกู้รอบใหม่ และกรีซทนไม่ได้ ตัดสินใจออกจากเขตยูโรไปซบอกรัสเซีย ผลกระทบต่อยุโรปจะมากมายมหาศาล
รัสเซียมีศักยภาพที่จะอุ้มกรีซอยู่แล้ว แน่นอนข้อแลกเปลี่ยนของการช่วยเหลือกรีซคือการได้ตั้งฐานทัพรัสเซียบนดินแดนของกรีซที่เป็นสมาชิกของนาโต้
thanong
11/2/2015
http://www.ekathimerini.com/…/_w_articles_ws…/02/2015_547053
http://www.reuters.com/…/us-eurozone-greece-kammenos-idUSKB…

 

ปอกเปลือก ทรราช



ปูตินสานสัมพันธ์อียิปต์ด้วยการค้า การท่องเที่ยว ยกเลิกดอลล่า ฯลฯ เย้ยอเมริกา
-------------
เห็นข่าวนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะเอามาเล่าต่อให้เพื่อนๆครับ พออ่านข่าวแล้วรู้สึกว่ามีความสุข อ่านไปยิ้มไป ยินดีกับปูตินและพล.อ.อับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซี (Abdel Fattah el-Sisi) ประธานาธิบดีของอียิปต์และขาวอียิปต์ด้วย ยิ่งกว่านั้นท่านผู้อ่านจะรู้สึกสะใจกับเดินหมากของปูตินเหนือรัฐบาลสหรัฐฯมากๆ
เป็นระยะเวลาสิบปีที่ปูตินไม่ได้ย่างกรายเข้าสู่อียิปต์เลย เพราะก่อนหน้าหนี้อียิปต์ถือว่าเป็นเขตอิทธิพลของอเมริกาก็ว่าได้ เพราะอดีตผู้นำคนก่อนของอียิปต์ (มุฮัมมัด มุร์ซี ผู้นำกลุ่มภราดรภาพมุสลิม - Muslim Brotherhood) มีอเมริกาหนุนหลัง ในปี 2556 เกิดการประท้วงใหญ่ในอียิปต์เพื่อขับไล่อดีตประธานาธิบดีมุร์ซี และมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก กองทัพนำโดยพล.อ.อับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซี ทำการเข้ายึดอำนาจรัฐบาลชุดก่อน (รัฐประหาร) และต่อมาในเดือนพฤษภาคมปี 2557 พลเอกซิซีก็ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยและได้รับคะแนนสูงสุดชนะการเลือกตั้ง ดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีโดยชอบธรรมซึ่งไม่มีใครกล่าวหาได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ไปที่มาเริ่มจะคล้ายๆลุงตู่ของพวกเราในบางตอนแล้วนะ (พูดกันไว้ก่อนนะครับ ของเราไม่มีประธานาธิบดีนะ)
กลับมาที่พี่หมีขาวปูตินต่อนะ การเดินทางไปเยี่ยมผู้นำอียิปต์ในครั้งนี้ปรากฎว่าทางรัฐบาลของอียิปต์ให้การต้อนรับปูตินเป็นดีมากๆ ตามริมทางที่ขบวนรถของปูตินผ่านไปจะมีการติดธงชาติของทั้งสองประเทศสลับกันไปทั้งสองฝั่ง พร้อมด้วยป้ายไวนิลรูปปูตินขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ตลอดเส้นทาง มีการจัดกองทหารเกียรติยศต้อนรับอย่างสมศักดิ์ศรี สีหน้าของผู้นำอียิปนี่อิ่มเอิบภูมิใจมาก
บรรยายบรรยากาศเสร็จและเข้าเรื่องงานบ้างครับ การไปเยี่ยมอียิปต์ในรอบ 10 ปีของปูตินในครั้งนี้ได้อะไรบ้าง และอียิปต์ได้อะไรจากรัสเซียบ้าง ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศมีการทำข้อตกลงร่วมกันหลายอย่างทั้งในระดับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เดินทางไปด้วย เช่น ข้อตกลงด้านการค้า เกษตรกรรม พลังงาน การลงทุน และพลังงานนิวเคลียร์ การขุดคลองซูเอซแห่งใหม่ การสร้างเขตการค้าเสรีร่วมกัน ปีที่แล้วเศรษฐกิจการค้าระหว่างอียิปต์กับรัสเซียเริ่มฟื้นตัวจากปี 2556 มีมูลค่าการซื้อขายระหว่างกันถึง 1.5 ล้านล้านบาท
ทั้งสองประเทศได้ตกลงทำเขตการค้าเสรีร่วมกันระหว่างอียิปต์กับกลุ่มสหภาพการค้ายูเรเซียน (Eurasian) ที่นำโดยรัสเซีย ซึ่งรวมถึง Belarus, Kazakhstan, Kyrgyzstan และ Armenia และยังจะเปลี่ยนสกุลเงินในการซื้อขายระหว่างทั้งสองประเทศจากดอลล่าสหรัฐฯมาเป็นสกุลเงินของอียิปต์กับของรัสเซียแทน นอกจากนี้อียิปต์ยังต้องการให้รัสเซียช่วยเหลือในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวของอียิปต์ตกต่ำมาก โดยมีสาเหตุมาจากความอ่อนแอด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2554 แล้วขณะนี้ต้องการจะดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้กลับมา พูดแบบนี้ก็เข้าทางปูตินอีก เรื่องความปลอดภัยหนะหรือไม่มีปัญหาเดี๋ยวปูตินจัดให้ เอา AK-47 ไปซักหมื่นกระบอกก่อนเลยดีไหม?
ในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของรัฐบาลซิซี เนื่องจากมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธโจมตีอยู่บ่อยๆ แถวแหลมไซนาย (Sinai) และมีการลอบวางระเบิดในเมืองใหญ่หลายแห่ง
กลุ่มผู้สนับสนุนภราดรภาพมุสลิมซึ่งฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ภายใต้การปกครองของมุร์ซี ถูกรัฐบาลนี้แบนและกำหนดให้เป็นองค์กรก่อการร้าย ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังของรัฐบาล โดยสถานการณ์เริ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับทางกรุงวอชิงตันซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนระยะยาวของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมนี้ ทางสหรัฐฯได้อยู่เบื้องหลังของอดีตประธานาธิบดี Mubarak ที่ถูกขับออกไป และรวมกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเข้ามาเป็นกลุ่มอำนาจทางการเมืองเสียงข้างมาก แต่ก็ถูกถีบออกไปด้วยการทำรัฐประหารของกองทัพนำโดยพล.อ.ซิซีและพันธมิตรของเขา (เหมือนลุงตู่ยังครับ?) ตรงนี้แหละที่ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจหยุดการส่งเงินสนับสนุนปีละ 4.9 หมื่นล้านบาทให้อียิปต์ และยังยกเลิกการส่งมอบเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Apache ที่กองทัพอียิปต์จะต้องนำไปปราบกลุ่มจีฮัด (jihadists) ในเขตไซนาย เห็นความทุกข์ของรัฐบาลอียิปต์ชุดปัจจุบันหรือยังครับ ถ้าซิซีเข้ามาปรึกษากับปูตินแต่เนิ่นๆ อาจะได้ Mi-28 Night Hunters ของรัสเซีย แทน Apache ของสหรัฐฯไปใช้นานแล้วเหมือนอย่างอีรัคก็ได้นะ
ในยามที่อเมริกาเล่นตัวและทำบึ้งตึงใส่อียิปต์นี่มันช่างแสนจะเศร้าใจและน้อยใจจริงๆ เมื่อความทราบถึงหูของปูตินไฉนเลยปูตินจะเฉยอยู่ได้เล่า โบราณว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรของเรา หากเข้าไปช่วยเหลือเขาในยากมีหรือเขาจะปฏิเสธน้ำใจเรา มีหรือเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับเรา ปูตินจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนแรกที่เป็นปักลายข้อตกลงเรื่องซื้อขายอาวุธตามที่รัฐบาลอียิปต์ต้องการที่มีมูลค่าถึง 1.14 แสนล้านไปให้ประธานาธิบดีอียิปต์ซับน้ำตาซับเหงื่อ โดยข้อตกลงได้สิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ พึ่งนึกได้ว่าตายหละเสร็จปูตินแน่งานนี้จึงรีบส่งมอบเฮลิค็อปเตอร์มาให้รัฐบาลอียิปต์ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอียิปต์กับสหรัฐนมันช่างไกลเหลือเกินเนื่องจากสหรัฐฯชอบออกมาวิพากวิจารณ์รัฐบาลของอียิปต์ชุดนี้ว่าใช้ความรุนแรงกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ลูกไม้นี้ก็เอาใช้กล่าวหารัฐบาลลุงตู่ต่อกรณีของนางปูรั่วกับพวกเผาไทยเช่นกัน สหรัฐฯใช้สูตรเดียวกันตลอดเลยนี่หว่า
การที่ปูนตินไปเยี่ยมอียิปต์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้โอกาสแก่ทั้งสองฝ่าย (อียิปต์-รัสเซีย) และเป็นการส่งข้อความถึงสหรัฐฯด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ต้องการคำแนะนำในการดำเนินนโยบายต่างประเทศเลย ทางไคโรบอกว่าสามารถหาการสนับสนุนจากผู้เล่นรายอื่นนอกจากอเมริกาเพื่อแก้ไขปัญาภายในประเทศของตนก็ได้ พูดง่ายๆก็คือไม่ง้ออเมริกาก็ได้
มีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่จะถูกหยิบยกขึ้นสู่โต๊ะเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศก็คือเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้กับอียิปต์ โดยทางรัสเซียจะเข้าร่วมประมูลด้วย ว้าวก็พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นแหละ ใครจะไปเลือกคนอื่นหละครับ งานนี้ปูตินบอกว่าหมูในอวยอ่ะ
สำหรับเรื่องในระดับนานาชาตินั้นทั้งปูตินและซิซีคาดว่าจะมีการพูดคุยกันถึงภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของภูมิภาคในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือด้วย รวมทั้งรัสอิสลามซึ่งเป็นองค์กรผู้ก่อการร้าย (IS) รวมถึงปัญหาในลิเบีย และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ด้วย
โอ้! อเมริกาได้ยินอย่างนี้ต้องสะดุ้งเฮือกเลยหละ ตายแน่ IS ลูกบุญธรรมของอเมริกา เมื่อรัสเซียเริ่มขยับเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตะวันออกกลาง แล้วอเมริกาจะทำอย่างไรหละคราวนี้ ส่วนที่แอฟริกานั้นจีนรุกฆาตไปนานแล้วครับจีนเข้าไปสร้างเมก้าโปรเจ็คที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ชาวแอฟริกาตั้งนานแล้ว งานนี้บอกได้เลยว่าอเมริกาเดินหมากผิดตาซะแล้ว
ป.ล. หนึ่งในของกำนัลพิเศษที่ปูตินนำไปเสนอให้กับรัฐบาลกรุงไคโรในครั้งนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น AK-47 สัญชาติรัสเซียนั่นเอง
The Eyes
10/02/2558
----------
http://rt.com/news/230859-putin-egypt-visit-sisi/

 

Chalee Na Roied



และแล้วสิ่งที่ผมคาดไว้ก็ไม่ผิดนะครับ จากการส่งสัญญาณ ถึงสหรัฐและบรรดาผู้อยู่เบื้องหลัง "ระเบียบโลกใหม่" ของผู้นำรัสเซียเมื่อวันก่อน ว่าต่อต้านความพยายาม ในการสถาปนารัฐบาลโลก ของสหรัฐให้ถึงที่สุด http://www.eutimes.net/…/russia-opposes-one-world-governme…/
เพราะมีกระแสข่าวรายงานว่า ภายหลังการเจรจา 4 ฝ่ายระหว่าง เยอรมัน ฝรั่งเศส ยูเครน และรัสเซียที่เรียกว่า "Normandy Four" โดยพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ 5 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะการเจรจา 4 ฝ่าย ท่ามกลางการประกาศติดอาวุธ ของรัฐบาลสหรัฐให้กับรัฐบาลยูเครนนั้น แทบไม่มีความหมายอะไร ถ้ารัฐบาลวอชิงตันไม่เอาด้วย Ukraine crisis: Putin, Poroshenko, Hollande, Merkel voice plans for Minsk meeting — RT News
และผู้นำรัสเซียได้แจ้ง ผู้นำเยอรมันและฝรั่งเศสว่า จะคัดค้านการสนับสนุนอาวุธ ให้กับรัฐบาลยูเครน และส่งสัญญาณเตือนให้ระวังสงครามเต็มรูปแแบ(total war) จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปห์ดา ถ้าสหรัฐยังไม่สนใจ ในคำเตือนดังกล่าว เพราะรัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่แล้ว http://www.eutimes.net/…/putin-warns-europe-total-war-if-o…/
ซึ่งในเวลาต่อมาทาง ผู้นำเยอรมันได้ออกมาเตือน สมาชิกยุโรปว่า อย่าไปคิดว่าจะ ทำให้ผู้นำรัสเซีย หวาดกลัวด้วยการสนับสนุนอาวุธ ให้กับรัฐบาลยูเครน เพราะไม่มีทางสำเร็จ นอกจากจะนำมาซึ่งสงคราม และทางผู้นำฝรั่งเศส ก็แสดงความเห็นออกมาในทำนองเดียวกันว่า การเสริมอาวุธ ให้กับรัฐบาลยูเครน จะนำมาซึ่งสงครามเต็มรูปแบบเท่านั้น Hollande: If lasting Ukraine peace not found 'scenario is war' — RT News
ในระหว่างการประชุม มีรายงานผู้นำรัสเซียไม่พอใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตามรายงานของหน่วยข่าวเยอรมัน ตัวเลขผู้เสียชีวิต จากสถานการณ์สู้รบ ในยูเครนตะวันออกนั้น มีมากกว่า 50,000 คน ซึ่งสื่อตะวันตกรายงานตัวเลขเพียง 5,000 เท่านั้น German Intelligence Estimates Death Toll in Ukraine Ten Times Higher / Sputnik International
และในขณะที่ รอง ปธน.สหรัฐ นาย โจ ไบเดน ก็ออกมาประกาศ ติดอาวุธให้กับกองกำลังยูเครน แต่ไม่มีการบอก ความจริงกับชาวอเมริกัน ถึงแผนการของรัฐบาลสหรัฐ ที่กำลังติดอาวุธให้รัฐบาลยูเครน สังหารพลเมืองชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซีย และรัสเซียได้ประกาศว่า ถ้ารัฐบาลยูเครนยังเดินหน้า สังหารชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียก็จะติดอาวุธ เพื่อทำการกวาดล้างทหารยูเครน ครั้งใหญ่และจะไม่หยุดอยู่เพียง หัวเมืองด้านตะวันออกของยูเครนเท่านั้น แต่จะเดินหน้าไปจนถึงกรุงเคียฟ ในขณะที่ทางสาธารธรัฐโดเนสต์ ที่เพิ่งประกาศแยกตัวออกมา ได้มีการประกาศระดมกำลังทหารกว่า 100,00 นาย เพื่อเตรียมรับมือสงครามที่เกิดขึ้น http://www.aljazeera.com/…/ukraine-rebels-vow-mobilise-1000…
ในขณะที่ผู้นำยูเครน นายโปโรเชนโก แทบจะไม่มีอำนาจอะไร เพราะยูเครนเวลานี้ อยู่ในสถานการณ์ถังแตก และรัสเซียก็เริ่มทวงเงิน 3พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ยังคงค้างค่าก๊าซ และผลจากการสู้รบที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนสูญเสีย ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ และรถถังเป็นจำนวนมาก มีทหารยูเครนที่พร้อม สำหรับการรบเพียง 41,000 นาย และอาสาสมัครอื่นๆอีกราว 20,000 นายเท่านั้น อาวุธส่วนใหญ่ ที่ใช้สู้รบล้วนมาจาก สมัยสงครามเย็น http://m.ibtimes.com/ukraine-fighting-21st-century-war-cold…
แน่นอนครับการเจรจาทั้ง 4 ฝ่าย จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่? คงขึ้นอยู่กับรัฐบาลวอชิงตัน เพราะผู้นำเยอรมันกำลังบินไป พบปะกับบารัค โอบามา เพื่อเจรจาหาข้อยูติในเรื่องนี้ ในขณะที่สหภาพยุโรป ก็ได้เลื่อนมาตรการคว่ำบาตร ต่อรัสเซีย ระลอกใหม่ออกไปอีก เพื่อรอการเจรจา 4 ฝ่าย ที่กำลังจะมีขึ้นที่เบราลุสในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ และสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่า จะสนับสนุนอาวุธ ให้กับรัฐบาลยูเครนหรือไม่? ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจา ที่เบราลุสนั่นเอง http://www.reuters.com/…/us-ukraine-crisis-idUSKBN0LD15B201…
ในขณะที่ทางวิทยุ ท้องถิ่นของรัฐบาลเครมลินก็ได้ ออกมาส่งสัญญาณ เตือนสหรัฐและยุโรป อีกครั้งว่า อย่าพยายาม ใช้คำพูดที่เป็นการยื่นคำขาด (ultimatum) เพื่อข่มขู่ ปูติน เพราะไม่ควรมีใครพูดลักษณะเช่นนี้กับ ปธน.ของรัสเซีย แม้จะมีความต้องการก็ตาม http://news.sky.com/…/kremlin-dont-issue-ultimatums-to-putin
นี่คือความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับสหภาพยุโรปและสหรัฐ ซึ่งดูเหมือนว่า ถ้ายิ่งสถานการณ์ในยูเครน เลวร้ายไปมากเท่าไหร่ แม้กระทั่งบานปลาย เป็นการเผชิญหน้ากัน ระหว่างรัสเซียและกองกำลังนาโต ประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นสหรัฐนั่นแหละครับ
เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่สหรัฐดำเนิน มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คือ ..."ทำสงครามอยู่นอกประเทศ เพื่อไม่ให้ตัวเองได้รับผลกระทบ และได้รับอานิสงค์ทางเศรษฐกิจนั่นเอง"...

 

Thanong Fanclub



33. จับตาวิกฤติกรีซ & วิกฤติยูเครน
อังกฤษเตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญการรบ2,000นาย รวมทั้งเครื่องบินสอดแนมหนึ่งลำเข้าไปในจอร์แดนเพื่อช่วยในการรบกับพวกISIS
คราวนี้คงจะเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องมีการสร้างหนังฮอลลี่วู๊ดเผานักบินจอร์แดน และให้กษัตริย์จอร์แดนออกมารับบทบู้ ขอขับบินเครื่องบินรบเพื่อไปถล่มฐานที่มั่นของISISในซีเรียด้วยพระองค์เอง
สาเหตุเป็นเพราะว่าตุรกีไม่ยอมให้พันธะมิตรตะวันตกและอาหรับใช้ฐานทัพตุรกีเพื่อถล่มซีเรียและอิหร่าน ถึงต้องมีการวิ่งจ้าระหวั่นกันมาขอใช้พื้นที่ของจอร์แดนเป็นฐานทัพที่สำคัญในตะวันออกกลาง เพื่อให้ได้ใจประชาชนชาวโลก เลยต้องมีการสังเวยนักบินจอร์แดนด้วยการเผาบูชายัญให้ดูเป็นหนังสะยองขวัญตัวอย่าง
จอร์แดนเป็นหนึ่งในพันธมิตรอาหรับประกอบด้วยซาอุดิฯ คูเวต การ์ต้า ยูเออี โอมาน และอิสราเอลที่กำลังทำสงครามกับซีเรียและอิรัคทั้งในทางลับและเปิดเผย สหรัฐฯและโลกตะวันตกให้การสนับสนุนสงครามISISนี้อยู่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นสงครามอำพรางเป้าหมายที่แท้จริงคือซีเรีย อิรักและอิหร่าน
ISISเป็นผีเอาไว้ล่อเป้า
อังกฤษส่งกองกำลังเข้าจอร์แดน เพราะว่าตามฟอร์มคณะกรรมาธิการด้านป้องกันประเทศบอกว่าอังกฤษไม่ได้ส่งกองกำลังหรือยุทธปัจจัยอย่างพอเพียงในการสงครามกับISIS
ในเบื้องต้นอังกฤษจะส่งทหาร60นายไปที่กองบัญชาการรบที่จอร์แดนก่อน ซึ่งจะช่วยพวกเคร์ด และพวกอิรักสุหนี่รบกับISIS หลังจากนั้นจะส่งผู้เชี่ยวชาญตามมาอีก2,000นาย
จะเห็นได้ว่าสงครามตะวันออกกลางรอบใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ด้วยการจุดปะทุเหตุการณ์ก่อการร้ายCharlie Hebdoที่ฝรั่งเศส ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์หงส์ดำเผานักบินจอร์แดนทั้งเป็น เพื่อสร้างความสะเทือนขวัญให้ประชาชนชาวโลกและสร้างชอบธรรมให้กองทัพจากโลกตะวันตกเข้ามาก่อสงครามในตะวันออกกลาง
ตะวันออกกลางกำลังจะลุกเป็นไฟรอบใหม่ รอบนี้จะยาว และจะสัมพันธ์กับสงครามยูเครนหรือไม่อย่างไร ต้องดูกันไป
thanong
10/2/2015
http://rt.com/uk/230571-uk-jordan-military-support/

 

Thanong Fanclub



34. จับตาวิกฤติกรีซ & วิกฤติยูเครน
ป้าแองจี้ตกอยู่ในฐานะลำบากแล้ว เพราะว่าขว้างงูไม่พ้นคอตัวเอง
จะโทษใครไม่ได้ยกเว้นโทษตัวเองที่แส่หาเรื่องเอง ป้าแองจี้มีส่วนสร้างเรื่องวิกฤติยูเครนและยืนอยู่แนวหน้าในการแซงชั่นรัสเซียตามใบสั่งของสหรัฐฯ
แต่ทำไปทำมาวิกฤติยูเครนไม่ได้ดำเนินไปตามแผน เพราะว่ารัสเซียไม่ได้ล้มตามแผนการทุบราคาน้ำมันและทุบเงินรูเบิ้ลให้รัสเซียพังพินาศ พี่ปูยังยืนหยัดอยู่อย่างเหนี่ยวแน่น แถมขู่กลับว่าถ้าประเทศใดส่งอาวุธช่วยเคียฟถือว่าประเทศนั้นประกาศสงครามกับรัสเซีย
เล่นขุ่อย่างนี้ ป้าแองจี้ที่บอกว่าเป็นหญิงเหล็กเยอรมันถึงกลับถอดใจ ลูกน้องป้าแองจี้บอกว่าถ้าเยอรมันส่งอาวุธให้ยูเครนมีหวังเยอรมันเละแน่ ส่วนยูเครนไม่ต้องห่วงเละอยู่แล้ว
ส่วนนายออลลองด์หันเหนโยบายLook Eastไปนานแล้ว คือต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย และลดบทบาทของสหรัฐฯลง แม้ว่าจะโดนสั่งสอนด้วยบทเรียนCharlie Hebdoที่ราคาแพง แต่ฝรั่งเศสต้องเดินหน้าเกาะขารัสเซียไปก่อน
ตอนนี้มาถึงจุดหักเหที่สำคัญแล้วว่าตะวันตกจะช่วยเคียฟทางอาวุธและการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าไม่ช่วยทางการเงิน เศรษฐกิจยูเครนจะล่มสลาย จะเกิดไฮเปอร์อินเฟลชั่น และถ้าไม่ติดอาวุธให้เด็กกะโปโลเชนโก้ เคียฟจะโดนพวกกบฎแยกดินแดนรุกคืบเข้ามาตีจนยึดเมืองหลวงได้
ทางที่ดีรีบยกแคว้นตะวันออกของยูเครน หรือบริเวณDonetsk และLuganskให้เป็นรัฐอิสระไป เหมือนกับที่ไครเมียที่ได้แยกตัวออกก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นแคว้นกบฎพวกนั้นจะไปรวมตัวกับรัสเซียก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยก็เก็บเคียฟและดินแดนส่วนใหญ่ไว้ได้อยู่ ปูตินนั่งคอยเคี้ยวหมู่ย่าง+ข้าวเหนียวอยู่
นี้คือแผนประนีประนอมที่ป้าแองจี้บินแจ้นไปบอกโอมาม่าถึงทำเนียบขาว ไม่รู้เหมือนกันว่าป้าแองจี้เป็นผู้นำเยอรมัน หรือเป็นเบ๊ให้กับโอบามาถึงกับต้องไปหาโอบามาถึงบ้าน โทรคุยกันอย่างเดียวไม่ได้หรือ
แสดงว่าสหรัฐฯต้องการโชว์ฟอร์มว่าใครใหญ่จริงในโลกนี้ เยอรมันที่บอกว่าใหญ่สุด แน่สุดของยุโรปยังต้องเดินทางมาก้มหัวคำนับโอบามาถึงทำเนียบขาว
ระหว่างที่พูดคุยกัน ป้าแองจี้บอกว่าถ้าจะให้เยอรมันยั่วอารมณ์พระเจ้าซาร์ปูติน ด้วยการส่งอาวุธไปให้เคียฟ ไม่ขอเอาด้วยนะ เพราะว่าปูตินเสียงกร้าวเอาจริง จะส่งนุ๊กมาให้ชิมเล่น ถ้ายังดึงดันอุ้มเคียฟทางอาวุธ ทางที่ดีใช้ช่องทางทางการทูตหาข้อยูติวิกฤติยูเครนจะดีกว่า
โอมาม่าฟังแล้ว ไม่สบอารมณ์ เพราะว่านักการเมืองอเมริกันทั้งฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ทั้งสีเหลือง หรือสีแดงเอาด้วยกันทั้งหมดแล้วที่จะต้องติดอาวุธให้เคียฟเพื่อต้านทานกองทัพกบฎ หรือกองทัพรัสเซีย
โอมาม่าบอกว่าจะพิจารณาทุกช่องทางในวิกฤติยูเครน รวมทั้งการส่งอาวุธไปให้เคียฟ ทางปูตินฟังแล้วคิดในใจว่าโอมาม่าเล่นประกาศสงครามกับรัสเซียแล้วนี่
เมื่อเป็นเช่นนี้ยุโรปต้องรับกรรมไป เพราะว่าสหรัฐฯจะขายอาวุธให้ยุโรปรบกันเองกับรัสเซีย แล้วตัวเองคอยคุมเชิงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
งานนี้ป้าแองจี้หมดฟอร์ม เพราะว่าสงครามตัวแทนในยูเครนที่จะเกิดขึ้นจะมีผลกระทบทั่วทั้งภาคพื้นยุโรป ถ้าสหรัฐฯส่งอาวุธไปช่วยเคียฟ ทำให้นาโต้ต้องส่งกองทัพมาหนุนยูเครนด้วย
ซาร์ปูตินนั่งคอยว่าโอมาม่าแลป้าแองจี้จะเอาอย่างไรต่อไป รีบๆส่งอาวุธไปให้เคียฟเถอะ นุ๊กรัสเซียเตรียมพร้อมหมดแล้ว
thanong
10/2/2015

 

ปอกเปลือก ทรราช



ปี 2014 เพนตาก้อนซื้อยาไวอากร้าแจกทหารไม่ต่ำกว่า 16.4 ล้านบาท
---------------
เท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียมาได้สักพักเริ่มสังเกตเห็นได้อยู่อย่างหนึ่งก็คือช่วงนี้สื่อฯฝั่งรัสเซียเริ่มเอาอย่างสื่อฯยักษ์ใหญ่กระบอกเสียงของอเมริกาอย่าง CNN และกระบอกเสียงของอังกฤษอย่าง BBC บ้างแล้วครับ โดยหันมาเจาะประตูหลังบ้านของสหรัฐฯหนักขึ้นทุกที โดยนำเรื่องอื้อฉาวหรือเรื่องเน่าๆที่เกิดขึ้นภายในประเทศสหรัฐฯหรือในยุโรปที่สื่อฯของอเมริกากับของยุโรปไม่นำเสนอมาประจานต่อชาวโลกแทนซะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทรมานนักโทษในคุกลับของ CIA เรื่องการทำ fracking ที่ทำให้แหล่งน้ำดื่มปนเปื้อนใน California เรื่องเกี่ยวกับคดีที่เมืองเฟอร์กูสัน หรือแม้กระทั่งเรื่องสถานที่กักกันผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในประเทศกรีซซึ่งมีเจตนาที่สหรัฐฯกับยุโรปที่ไปก่อสงครามที่ซีเรียจนทำให้คนเซียและตุรกีหนีเข้ามาอยู่ในกรีกและเพื่อล้อเลียนเรื่องสิทธิมนุษยชนต่อยูเอ็นที่ทำเป็นออกมาเรียกร้องเรื่องชาวโรฮิงญาในพม่านั่นแหละ
ล่าสุดก็เล่นข่าวเรื่องเพนตากอนสั่งซื้อยาไวอากร้าแจกทหารที่ไปทำสงครามในต่างแดนนะสิ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับมีข่าวหลุดออกมาว่ากระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯได้เสนอให้มีการใช้ยาไวอากร้าสำหรับทหารมาตั้งแต่ปี 1998 โดยเจ้ายาตัวนี้ใช้สำหรับเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายโดยเฉพาะ โดยปีที่แล้วมีการซื้อยาไวอากร้าให้ทหารสหรัฐฯมีมูลค่าถึงมากกว่าครึ่งล้านเหรียญ (ก็ประมาณ 8.2 ล้านบาท) ($504,816) โอ้! ทหารอเมริกันเวลาไปรบนี่เขาใช้ทั้งปืนยาวและปืนสั้นเลยน้อ แล้วตอนไปรบที่แบกแดดกับที่อัฟกานิสถานกลางทะเลทรายนี่จะใช้ปืนสั้นอย่างไรหละนี่
ตามรายงานข่าวบอกว่าในปี 1998 นั้นราคาไวอากร้าตกอยู่ที่เม็ดละ $8-$10 เหรียญ (260 - 330 บาท) ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ $25 เหรียญต่อเม็ด (820 บาท) โดยในสัญญาการจัดซื้อนั้นระบุว่า "สำหรับสนับสนุนกองทัพ" (Troop Support) โดยในปี 1998 อนุญาตให้ใช้คนละ 6 เม็ดต่อเตือน หากทำหายหรือว่าถูกขโมยจะไม่สามารถเบิกใหม่ได้
สื่อฯวิเคราะห์ว่า ณ ราคาที่ $25 เหรียญต่อเม็ดที่เพนตากอนจัดซื้อนี้จะสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ทหารอเมริกันได้นานถึง 80,770 ชั่วโมง 33 นาที และ 36 วินาที ภายใต้คำกำกับคุณภาพของยาที่บอกว่าใช้ได้ผลนานสูงสุด 4 ชั่วโมงต่อหนึ่งเม็ด
ว้าว! ตื่นไม่รู้หลับตั้ง 4 ช่วงโมงเลยนะ แล้วถ้าบังเอิญมีใครกินเข้าไปแล้วมีภารกิจด่วนเข้ามาหลังกินยานี้เข้าไปพอดีมันคงจะลำบากตอนใส่กางเกงน่าดูเลยนะ ไหนจะตอนนอนราบกับพื้นอีก นอนคว่ำไม่ได้แน่ๆ ยกเว้นพื้นทราย คงเป็นเพราะว่ายานี้กินแล้วสู้นี่เองเพนตาก้อนก็เลยซื้อแจกทหารซะเลยจะได้สู้ๆ สู้ๆ
ป.ล. อันที่จริงมีการแจกยานี้ให้ทหารมาก่อนปี 1998 ซะอีก แต่หยุดไปพักหนึ่งและก็กลับมาซื้อแจกใหม่อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน
The Eyes
10/02/2558
--------------
Pentagon Spent More Than $500K On Little Blue Pill for “Troop Support” / Sputnik International
​Pentagon dropped over $500,000 on Viagra last year — RT USA
http://freebeacon.com/…/pentagon-spent-504816-on-viagra-la…/

 

ทั้งเมืองอัมพาต! พายุหิมะระลอก3 ถล่มซ้ำบอสตัน ปิดร.ร.-ยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน



พายุหิมะระลอกสามในรอบสองสัปดาห์ทำให้พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐเป็นอัมพาตในวันจันทร์ ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว ปิดโรงเรียนและสถานที่ร...

ทั้งเมืองอัมพาต! พายุหิมะระลอก3 ถล่มซ้ำบอสตัน ปิดร.ร.-ยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน ทั้งเมืองอัมพาต! พายุหิมะระลอก3 ถล่มซ้ำบอสตัน ปิดร.ร.-ยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน

พายุหิมะระลอกสามในรอบสองสัปดาห์ทำให้พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐเป็นอัมพาตในวันจันทร์ ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว ปิดโรงเรียนและสถานที่ราชการในนครบอสตัน

สื่อบอสตันรายงานคาดว่า จะมีหิมะตกหนาถึง 60 เซนติเมตรในนครบอสตัน ซึ่งเผชิญหิมะตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีหิมะตกลงมากว่า 61 นิ้วเมื่อวันจันทร์ มากกว่าสถิติเดิม 58.8 นิ้วเมื่อปี 2521 เว็บไซต์ไฟลท์อแวร์รายงานว่า ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,840 เที่ยวในวันจันทร์ ซึ่งรวมถึงร้อยละ 70 ของเที่ยวบินที่สนามบินบอสตันโลแกน และร้อยละ 55 ที่สนามบินลาการ์เดียในนิวยอร์ก นอกจากนี้ต้องปิดโรงเรียนหลายแห่ง และออกประกาศให้คนทำงานที่ไม่มีกิจจำเป็นให้อยู่แต่ภายในที่พักอาศัยในนครบอสตัน สถานีอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติประกาศเตือนพายุฤดูหนาวจะยังคงส่งผลกระทบไปทั่วพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ


FB : TrueLifefan TW : TrueLifeweb

ภาพประกอบจาก imgkid.com,AP

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย

วันที่ เวลา 12.00 น. 10 ก.พ.58

สถานที่ บอสตัน อเมริกา

- See more at: ทั้งเมืองอัมพาต! พายุหิมะระลอก3 ถล่มซ้ำบอสตัน ปิดร.ร.-ยกเลิกหลายร้อ...

ทั้งเมืองอัมพาต! พายุหิมะระลอก3 ถล่มซ้ำบอสตัน ปิดร.ร.-ยกเลิกหลายร้อ...

 

จีนพบขุมทรัพย์พลังงานแห่งใหม่ในทะเลจีนใต้



ทางการจีนประกาศการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ ใต้ทะเลนอกชายฝั่งเกาะไหหลำ มีปริมาณมากถึง 1 แสนล้านคิวบิกเมตร

วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 23:36 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า รัฐบาลจีนประกาศการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีปริมาณก๊าซมากถึง 100,000 ล้านคิวบิกเมตร ในระดับความลึกประมาณ 1,500 เมตรใต้ทะเลเขตน่านน้ำทะเลจีนใต้ ที่มีความผันผวนทางการเมือง อันเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของจีน ในการสกัดทรัพยากรจากน่านน้ำ ที่กล่าวอ้างกรรมสิทธิ์โดยหลายประเทศ

แหล่งก๊าซดังกล่าวคือ หลิงฉุ่ย 17-2 อยู่ในทะเลนอกชายฝั่งเกาะไห่หนาน หรือเกาะไหหลำ ไปทางใต้ 150 กม. สำรวจพบโดย บริษัทไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป หรือ ซีเอ็นโอโอซี (CNOOC) โดยการอนุมัติของกระทรวงที่ดินและทรัพยากร

ปิโตรเลียม และการประมง ในน่านน้ำทะเลจีนใต้ เป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรที่หลายประเทศหมายปอง จีนกล่าวอ้างกรรมสิทธิเหนือเขตน่านน้ำแห่งนี้ทั้งหมด ขณะที่ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวีดยาม และบรูไน กล่าวอ้างบางส่วน

นายสีโจว โจว ผอ.อาวุโสและผู้จัดการบริษัท ไออาร์เอส เอ็นเนอร์จี ประจำประเทศจีน กล่าวว่า ก๊าซธรรมชาติ 100,000 ล้านคิวบิกเมตรถือว่ามากพอสมควร แต่ไม่มากเท่าไหร่หากเทียบกับความต้องการบริโภคในจีน โดยจะเท่ากับประมาณ 6-7 เดือนของปริมาณการใช้ก๊าซในจีนในปัจจุบัน นอกจากนั้น การค้นพบแหล่งใหม่มักใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา ดังนั้น ถึงตอนที่ก๊าซแหล่งนี้เริ่มไหล ตลาดก๊าซของจีนอาจใหญ่โตกว่าทุกวันนี้มาก.

จีนพบขุมทรัพย์พลังงานแห่งใหม่ในทะเลจีนใต้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Focus : ความต่างที่เหมือน “กระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง VS โรงหนังIMAX ติดขอบแกรนด์แคนยอน” โปรเจกต์เพื่ออิ่มของอินเดียแดง "นาวาโฮ" โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 16:25 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 17:51 น.)



เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - จากปัญหาความคืบหน้าที่ยังไม่คืบของแนวคิดการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงที่ค้างคามาตลอดในไทย แต่ทว่าในสหรัฐฯ ปัญหาที่คล้ายกันกับกำลังเป็นข้อถกเถียงใหญ่และอาจลุกลามเป็นศึกระหว่างชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน เมื่อโปรเจกต์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ของชนเผ่านาวาโฮ (Navajo) ที่ติดกับแกรนด์แคนยอน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่เสนอโดย Confluence Partners บริษัทพัฒนาที่ดินซึ่งมีประธานาธิบดีแห่งชาตินาวาโฮ เบน เชลลี (Ben Shelly) หนุนหลังในการเปลี่ยนให้พื้นที่ชนเผ่าเป็นแหล่งเมก้าบิสซิเนส คอมเพล็ก ที่รวมไปถึงโรงภาพยนต์ 3 มิติ IMAX โรงแรม ร้านค้า และกระเช้าไฟฟ้าที่จะนำนักท่องเที่ยวเดินทางร่วม 1.6 ไมล์จากด้านบนไปสู่เบื้องล่างของแกรนด์แคนยอนภายใน 10 นาที

ปัญหาชุมชนกับการพัฒนาทางธุรกิจมักจะพบเสมอในความต้องการที่สวนทางกันอย่างช่วยไม่ได้ ในไทยที่ปัญหาการสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูถือเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมายาวนาน ระหว่างกลุ่มคนที่มองถึงศักยภาพในการเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ และกลุ่มที่ยังคงต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและความสวยงามตามแบบฉบับของภูกระดึงเอาไว้ เช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่ถือเป็นองค์กรหนึ่งในการจับตาโครงการนี้ ล่าสุดในวันจันทร์ (9 ก.พ.) ได้เสนออีกหนึ่งความท้าทายผ่านทางเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการขององค์กร ในการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง โดยทางมูลนิธิรวบรวมจากสื่อเนชันที่ออกรายงานพิเศษถึงปัญหาการจัดการขยะบนภูกระดึง ซึ่งประเสริฐ กมลวัทนนิศา ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเลย (อพท.5) ฝ่ายสนับสนุนการสร้างกระเช้าอ้างว่า ปัญหาขยะมีเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากผู้เดินเท้าขึ้นภูทิ้งขยะตามข้างทาง และทำลายสิ่งแวดล้อมสองข้างทาง แต่ในทางกลับกันโครงการกระเช้าขึ้นภูนั้นได้มีการออกแบบการกำจัดขยะ ที่กระเช้าจะถูกออกแบบให้ขนขยะนำลงมาข้างล่าง และมีบางส่วนฝังกลบบนภู ซึ่งแนวคิดการสร้างกระเช้ามาจากมูลฐานความคิดที่ “ต้องการให้ทุกคนไม่ว่าทุกเพศทุกวัย สามารถขึ้นชมธรรมชาติได้” และยังต้องการลดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้ใช้เวลานานอยู่บนภู ซึ่งจะมีปัญหาความแออัด และน้ำเสียเกิดขึ้น

แต่ทว่ากลุ่มคัดค้านยืนยันว่า หากเกิดโครงการนี้จะมีผลเสียมากมาย โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้สะท้อนถึงความเห็นของนักอนุรักษ์ต่างๆของไทย เช่น ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เตรียมฟื้นโครงการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่าโครงการดังกล่าวไม่มีความจำเป็น เนื่องจากภูกระดึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว และกำลังประสบปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชควรจะเดินหน้าจัดการการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ และการตัดสินใจดำเนินการตามโครงการนี้ขัดแย้งกับแนวคิดในการอนุรักษ์ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของกรมอุทยานฯ

ด้านประยงค์ อัฒจักร ประธานมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นคนหนึ่งที่สนใจและติดตามความเคลื่อนไหวของประเด็นการสร้างกระเช้าภูกระดึงมาตั้งแต่ต้น และได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่น้อยเขากล่าวว่า ขณะนี้หากถามความเห็นส่วนตัวต่อเรื่องนี้แน่นอนว่าจุดยืนแรก คือ คัดค้าน ส่วนอีกความเห็นหนึ่ง คือ หากคิดจะสร้างจริงๆ อยากให้มีการศึกษาอย่างถี่ถ้วน “ที่น่ากลัว คือ เรื่องที่ต่อเนื่องจากกระเช้า ตอนนี้ผมกำลังเห็นภาพเซเว่นอยู่บนภูกระดึง มีการสัมปทานภูกระดึงให้เอกชน สุดท้ายจะมีสนามกอล์ฟ เป็นต้น ข้อเท็จจริงนี้สุดท้ายมันก็คือการรวมกลุ่มของผู้มีประโยชน์แอบแฝงต่อภูกระดึง”

และ ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า เป้าหมายของการสร้างกระเช้าลอยฟ้า เราจะต้องชัดเจนว่าสามารถตอบโจทย์การลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปค้างคืนได้หรือไม่ หากสามารถดำเนินการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวได้จริง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำข้อมูลมาพูดคุยกัน และนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม. แต่นี้ถ้าดำเนินการเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้ค้างคืนได้เช่นเดิม ก็ไม่เห็นความจำเป็นในการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ประเด็นนี้ต้องมีการนำรายละเอียดทั้งหมดมาพิจารณาก่อนและต้องมีการถกเถียงกันในวงกว้างต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

และเมื่อมองไปอีกซีกโลก ศึกอภิมหาโปรเจกต์แกรนด์แคนยอนกำลังจะทำให้เกิดข้อบาดหมางขึ้นในระหว่างชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐฯ หรือที่รู้จักในชื่ออินเดียนแดง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ยากไร้ มีปัญหาด้านอัตราการว่างงานสูง และอัตราได้รับการรับการศึกษาต่ำ นอกจากนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงทางการแพทย์ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแกรนด์แคนยอน เป็นดินแดนหินผาและหุบเหว หน้าผามีความสูงถึง 1,600 ม. และหุบเหวยาวถึง 450 กม. อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอริโซนา มีนักท่องเที่ยวนับแสนๆคนในแต่ละปี และผู้ค้นพบคือพันตรีจอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์และคณะเมื่อปี 1869 กำลังกลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งของบรรดาชนเผ่าต่างๆ ที่มีพื้นที่ใกล้บริเวณนี้ โดยเอพีรายงานว่า สถานที่เรียนกว่า “the confluence" ซึ่งเป็นบริเวณแม่น้ำโคโลราโดไหลบรรจบกับแม่น้ำโคลาโดน้อยทางด้านตะวันออกของแกรนด์แคนยอน และจากตำนานของชนเผ่านาวาโฮ “the confluence” ถือเป็นสถานที่มนุษย์อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ กำลังตกอยู่ในอันตราย

Confluence Partners บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การผลักดันของประธานาธิบดีแห่งชาติอินเดียนนาวาโฮ เบน เชลลี (Ben Shelly) ได้เสนอโครงการพัฒนาที่ดินซึ่งอยู่ในความครอบครองของชนเผ่านาวาโฮ ติดกับแกรนด์แคนยอนให้กลายเป็น “เมก้าคอมเพล็กซ์” ที่มีพื้นที่ใช้สอยราว 420 เอเคอร์เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวเยือนแกรนด์แคนยอนร่วม 5 ล้านคนต่อปี ซึ่งในเมก้าคอมเพล็กซ์แห่งนี้คาดว่าจะรวมไปถึงโรงภาพยนต์ 3มิติ IMAX ร้านค้าต่างๆ โรงแรม และที่ตั้งแคมป์สำหรับรถบ้านเคลื่อนที่ของบรรดานักท่องเที่ยว และแน่นอนที่สุดต้องมีกระเช้าลอยฟ้า หรือ gondola tram ที่จะนำนักท่องเที่ยวลงมาสู่เบื้องล่างในระยะทาง 1.6 ไมล์ในเวลาเพียง 10 นาที ซึ่งดูไปก็ไม่ต่างจากภูกระดึงเท่าใดนัก

และนอกเหนือไปกว่านี้ ในโปรเจกต์การพัฒนายังกล่าวถึง “Riverwalk” บนพื้นเบื้องล่างของแกรนด์แคนยอน ที่จะรวมไปถึงทางเดินเชื่อมยกระดับศูนย์อาหารพาวิเลียน และสถานีกระเช้าลอยฟ้า บริเวณเทอร์เรซที่นั่ง และโรงงานบำบัดน้ำเสียผุดขึ้นในแกรนด์แคนยอน

โดยเชลลีเปิดเผยว่า ชนเผ่านาวาโฮต้องประสบปัญหาการว่างงาน รวมไปถึงมีอัตราฆ่าตัวตายสูง “และสิ่งที่ผมได้จากสถิติเหล่านั้นคือ สมาชิกชนเผ่าต้องการงานทำ พวกเขาต้องการที่อยู่อาศัย มีความต้องการศึกษาที่ดีกว่านี้ พวกเขาต้องการเป็นส่วนร่วม และสร้างธุรกิจขึ้นมา”

ทั้งนี้ เอพีชี้ว่า ผู้นำแห่งชาติอินเดียนนาวาโฮมีแผนที่จะอนุมัติโปรเจกต์การพัฒนารอบแกรนด์แคนยอนนี้ รวมไปถึงเงินร่วม 65 ล้านดอลลาร์จากชนเผ่าเพื่อสร้างถนน จัดหาน้ำประปา และการสื่อสารต่างๆ แต่ทว่าการที่โอกาสของธุรกิจจะมาลงทุนในดินแดนครอบครองของชนเผ่านาวาโฮนั้นยากมาก เป็นเพราะมานานกว่า 40ปีแล้วที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯหยุดแผนการพัฒนาลงทุนทางธุรกิจที่จะมีขึ้นในที่ดินร่วม 1.6 ล้านเอเคอร์ของนาวาโฮในกฎหมาย “The Bennett Freeze” เนื่องจากมีความขัดแย้งในการถือกรรมสิทธิที่ดินบางส่วนระหว่างเผ่านาวาโอและเผ่าโฮพิ (Hopi)

นอกจากนี้ ดูเหมือนโปรเจกต์แกรนด์แคนยอนของผู้นำเผ่านาวาโฮจะไม่ได้ทำให้สมาชิกของชาตินาวาโฮทุกคนเห็นชอบ หนึ่งในเสียงคัดค้านคือ รีเน เยลโลว์ฮอร์ส (Renae Yellowhorse) ที่เปิดเผยว่า “สถานที่นี้ถือเป็นโบสถ์ นี่เป็นสถานที่ซึ่งดิฉันถวายสักการะ และเป็นสถานที่ซึ่งดิฉันติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ เทพเจ้าที่ท่องอยู่ในแกรนด์แคนยอน ดิฉันคิดว่าเราสมาชิกชนเผ่าทุกคนรอการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่สถานที่แห่งนี้” ทั้งนี้ครอบครัวของเยลโลว์ฮอร์สยังคงดำรงชีวิตตามแบบดั้งเดิม ที่มีหาเลี้ยงชีพด้วยการต้อนปศุสัตว์ในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันออกของแกรนด์แคนยอน

เสียงคัดค้านยังดังมาจากเผ่าโฮพิที่มีหลายเสียงเห็นว่า สถานที่ก่อสร้างโปรเจกต์นี้ใกล้กับสถานที่ศักดิสิทธิของชนเผ่า Hopi Salt Trail และลิจ เจ.คูวานวิซิวมา (Leigh J. Kuwanwisiwma ) ผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งชาติอินเดียโฮพิเปิดเผยว่า “สำหรับเผ่าโฮพิแล้ว the confluence ถือเป็นสุสานบรรพบุรุษ และหากมีการสร้างแหล่งบันเทิงในบริเวณใกล้เคียงอาจจะเป็นการรบกวนและขัดขวางสมาชิกชนเผ่าในการเข้าไปประกอบกิจทางศาสนาได้” คูวานวิซิวมากล่าว

แต่ทว่า อัลเบิร์ต เฮล (Albert Hale) นักพัฒนาจาก Confluence Partners และเป็นชาวอินเดียนแดงชนเผ่านาวาโฮกลับให้ความเห็นแย้งว่า โปรเจกต์ธุรกิจนี้จะทำให้เผ่านาวาโฮได้ผลกำไรจากที่ดินที่อยู่ในความครอบครอง และยังทำให้นักท่องเที่ยวสามารถตื่นตะลึงในทัศนียภาพที่แปลกใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเผ่านาวาโฮจะมีรายได้กำไรขั้นต้นราว 8-18% จากการพัฒนา “จุดมุ่งหมายเพื่อทำให้คนที่ยังไม่ได้สัมผัสแกรนด์แคนยอน สามารถเดินทางมาถึงและสัมผัสต่อสิ่งมหัศจรรย์นี้” เฮลกล่าว และช่างน่าแปลกใจที่คำกล่าวของเฮลคล้ายกับจุดมุ่งหมายการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงที่อ้างว่า เพื่อให้ทุกคนสามารถสัมผัสธรรมชาติบนยอดดอยได้

ท้ายที่สุดเอพีเผยว่า ถึงแม้เชลลีจะมุ่งมั่นที่จะทำให้โปรเจกต์นี้เป็นจริงขึ้นมาโดยการอนุมัติ และทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้เร็วที่สุดในต้นฤดูใบไม้ผลิปี 2017 แต่สมาชิกชนเผ่านาวาโฮอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เช่น เยลโลว์ฮอร์ส รวมไปถึง คูวานวิซิวมาจากเผ่าโฮพิประกาศไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าจัดตั้งกลุ่มคัดค้านการก่อสร้างภายใต้ชื่อ "Save the Confluence" รวมถึงมีการเผยแพร่สติกเกอร์ข้อความ และสัญลักษณ์การคัดค้านทั่วอาณาเขตอนุรักษ์ชนเผ่านาวาโฮ “ดินแดนทั้งหมดรวมถึงแกรนด์แคนยอน สุสานบรรพบุรุษ ยังคงมีความสำคัญมากต่อเผ่าโฮพิ และเราจะไม่มีวันยอมให้หลุดมือไปเด็ดขาด” คูวานวิซิวกล่าวตบท้าย

โปรเจกต์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ของชนเผ่านาวาโฮ(Navajo)ที่ติดกับแกรนด์แคนยอน หนึ่งใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่เสนอโดย Confluence Partners บริษัทพัฒนาที่ดินซึ่งมีประธานาธิบดีแห่งชาตินาวาโฮ เบน เชลลี (Ben Shelly)หนุนหลังในการเปลี่ยนให้พื้นที่ชนเผ่าเป็นแหล่งเมก้าบิสซิเนส คอมเพล็ก ที่รวมไปถึงโรงภาพยนต์ 3 มิติ IMAX โรงแรม ร้านค้า และกระเช้าไฟฟ้าที่จะนำนักท่องเที่ยวเดินทางร่วม 1.6 ไมล์จากด้านบนไปสู่เบื้องล่างของแกรนด์แคนยอนด์ภายใน 10 นาที

Focus :

 

กบฏฝักใฝ่รัสเซียใช้จรวดยิงถล่มศูนย์บัญชาการกองทัพยูเครน พลเรือนดับ 6 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 20:51 น.



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระบุในวันนี้ (10 ก.พ.) ว่ามีจรวดถูกยิงเข้ามาในกองบัญชาการของกองทัพยูเครน ที่บริเวณพื้นที่สู้รบทางภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย

ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก บอกว่า จรวดเหล่านั้นถูกยิงมาจากเครื่องยิงหลายลำกล้อง "ทอร์นาโด" ไปโดนศูนย์บัญชาการในครามาตอสก์ เมืองที่อยู่หลังเขตแนวหน้าของการสู้รบ ที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลยูเครน

ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายราย ระบุตรงกันว่า การโจมตีด้วยจรวดเหล่านั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 21 รายในละแวกใกล้เคียง

ดมิโทร คูเลบา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ได้ทวิตข้อความว่า จรวดเหล่านั้นถูกยิงมาจาก "ทอร์นาโด" ซึ่งเป็นเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซีย อาวุธแบบนั้นยูเครนยังไม่มีไว้ในครอบครอง

ที่ผ่านมา ยูเครนได้กล่าวหารัสเซียว่าให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน แต่รัฐบาลหมีขาวปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด ขณะที่ฝ่ายกบฏก็อ้างว่าอาวุธที่พวกเขาใช้นั้นยึดมาจากกองกำลังฝ่ายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยูเครนได้ชี้ให้เห็นว่ามีหลายกรณีที่พวกกบฏได้ใช้อาวุธหนักที่หาได้จากคลังแสงของรัสเซียเท่านั้น

ฝ่ายรัฐบาลยูเครนสามารถยึดเมืองครามาตอสก์ กลับคืนมาจากพวกกบฏฝักใฝ่รัสเซียได้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว แล้วใช้เป็นศูนย์กลางฐานที่มั่นสำคัญในการดูแลพื้นที่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายรัฐบาลในบริเวณพื้นที่การสู้รบ

การโจมตีด้วยจรวดในวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่ฝ่ายกบฏพายามรุกหนักเพื่อช่วงชิงดินแดนเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการประชุมสันติภาพที่กรุงมินสก์ในวันพุธนี้ ตามแผนที่วางไว้

ตำแหน่งที่ตั้งของฝ่ายกบฏที่อยู่ใกล้เมืองครามาตอสก์มากที่สุด เชื่อว่าน่าจะเป็นกอร์ลิฟกา อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 45 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะยิงของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง "ทอร์นาโด"

 

วันที่ 12 - 13 ผมจะไปเข้าค่ายบำเพ็ญประโยชน์ที่ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อาจจะไม่ได้เข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลข่าวสาร เขาจะให้ผมไปมีส่วนร่วมในการสร้างฝายชะลอน้ำครับ แต่ยังไงหลังจากกลับจากกิจกรรมบำเพ๊ญประโยชน์ก็จะมาเพิ่มเติมข่าวสารอีกครั้ง ปล ถ้าไม่ใช้ทำฝายชะลอน้ำและโดนโคลนถล่มมาทับตายก่อน

 

สื่ออังกฤษรายงาน เทสโก้อังกฤษยอมรับ “เจ้าสัวซีพี” ทาบขอซื้อ “เทสโก้ โลตัส”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 18:30 น. (แก้ไขล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2558 10:09 น.)



เอเจนซีส์ - หลังมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง ล่าสุด บ.เทสโก้ ในอังกฤษยอมรับว่า ธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี แสดงความสนใจใน “เทสโก้ โลตัส” จริง ซึ่งเทเลกราฟ สื่ออังกฤษคาดดีลธุรกิจอาจฉลุยเพราะทางบริษัทแม่ในอังกฤษอาจต้องการขายทรัพย์สินในต่างแดนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางบัญชี

เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ว่า เทสโก้ บริษัทห้างค้าปลีกที่มีฐานในอังกฤษ ขณะนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง โดยบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานล่าสุดในวันนี้ (10) ว่า ทางเทสโก้เพิ่งจะเห็นการเติบโตทางยอดขายมากขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มกราคม 2014 โดยเพิ่มขึ้น 0.3% ในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ มาจนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เมื่อเปรียบเทียบในช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

โดยเป็นที่เข้าใจว่า ธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ได้ติดต่อทาบทาม บ.เทสโก้ ตั้งแต่ธันวาคม 2014 ถึงข้อตกลงทางธุรกิจ และถึงแม้ว่าเจ้าสัวซีพีจะให้การปฏิเสธออกมาอย่างเป็นทางการ แต่พบว่าธนินทร์ยังคงสนใจข้อเสนอการซื้อขายนี้อยู่

ทั้งนี้ พบว่าธนินทร์ได้ถือครอบครองบริษัทค้าปลีก สยามแม็คโคร ในไทย และหากเขาประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อเทสโก้ โลตัส สำเร็จจะทำให้นายธนินทร์สามารถควบคุมตลาดธุรกิจค้าปลีกในไทยได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ เทสโก้ โลตัส ถือเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของเทสโก้ อังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในต่างแดน และมีสาขามากกว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ แต่กระนั้นดูเหมือน เดฟ ลูว์อิส (Dave Lewis) ซีอีโอเทสโก้ อังกฤษ มีความสนใจในดีลการขอซื้อครั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถทำให้บริษัทแม่ในอังกฤษที่กำลังประสบปัญหาอื้อฉาว และมียอดขายที่ตกต่ำสามารถฟื้นคืนกลับมาได้

และเป็นที่เข้าใจว่า เจ้าสัวซีพีได้แต่งตั้งให้ UBS และธ.ไทยพาณิชย์ ให้คำปรึกษาด้านการเงินและการตกลงทางธุรกิจ นอกจากแบงก์ออฟอเมริกาที่ให้ความช่วยเหลือเจ้าสัวซีพีมาก่อนหน้านี้ เพื่อขอเจรจาซื้อ “เทสโก้ โลตัส” จากเทสโก้ อังกฤษ รอยเตอร์เผย แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าที่ผ่านมายังไม่พบว่าทั้งธนินทร์และเทสโกได้หารือถึงดีล “เทสโก้ โลตัส” ที่มีมูลค่าทางธุรกิจราว 6.6 พันล้านปอนด์ และอีกทั้งเทสโก้บริษัทแม่ในอังกฤษยังไม่มีการเปิดแถลงทางสาธารณะแสดงเจตจำนงที่จะขายกิจการในไทยนี้ออกไป

แต่ในทางตรงกันข้าม เทสโก้กลับเดินหน้าเต็มที่ในการเจรจาเพื่อขายกิจการบางส่วน หรือทั้งหมดของ Dunnhumby บริษัทวิจัยทางการตลาด ที่อยู่เบื้องหลัง “คลับการ์ด” แต้มสมนาคุณของห้างค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ ซึ่งทางเทสโก้ได้แต่งตั้งให้สถาบันทางการเงิน โกลด์แมนแซกส์ หาช่องทางเพื่อทำกำไรกับบริษัทวิจัยแห่งนี้ที่มีมูลค่าราว 2 พันล้านปอนด์

โดยสื่ออังกฤษรายงานต่อว่า เป็นที่เข้าใจว่าทางเทสโก้ตั้งเป้าเดินหน้าที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Dunnhumby มากกว่าที่จะขายทิ้งทั้งหมด หรือเลือกทำ IPO ซึ่งเทเลกราฟเชื่อว่าวิธีนี้จะยังคงทำให้เทสโกยังคงมีบทบาทในกิจการแห่งนี้ต่อไป

จากรายงานพบว่า เทสโก้ได้เข้ามาเป็นเจ้าของ Dunnhumby ร่วม 10 ปี และได้ใช้บริษัทแห่งนี้ในการวิจัยพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเทสโก้ผ่าน “คลับการ์ด” เพื่อสามารถที่จะออกแคมเปญสมนาคุณลูกค้าได้ตรงความต่องการ และหากเทสโก้ยังคงสามารถมีหุ้นใน Dunnhumby ต่อไป ทางบริษัทจะสามารถกำหนดทิศทางการลงทุนในอนาคต และยังสามารถป้องกันบริษัทค้าปลีกคู่แข่งได้อีกด้วย ซึ่ง ลูว์อิส ซีอีโอเทสโก้ย้ำว่า “คลับการ์ด” ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางห้างมอบให้เหล่านักชอป