ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จาก “ซัลมาน รุชดี” สู่ “ชาร์ลี เอปโด” แนวรบที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของตะวันตก
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby ยูซุฟ ญาวาดี - ก.พ. 7, 2015 18

    [​IMG]

    ในยุคสมัยใหม่ การเดินทางของข่าวสาร เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของมุมโลก ทุกคนสามารถติดตาม และรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุกๆที่ แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไกลออกไปอีกซีกโลกก็ตาม ในการส่งข้อมูล และเผยแพร่ข่าวสารนั้น ย่อมมีจุดมุ่งหมายเสมอ และเป้าหมายของมันก็คือ อาณาจักรทางความคิดของมนุษย์ พวกเขาถือว่า ผู้ใดครอบครองความคิดของมนุษย์ได้สำเร็จ เขาผู้นั้นจะเป็นผู้กุมอำนาจ และจะไม่มีสิ่งใดจะขวางกั้นเขาผู้นั้นได้อีก นั่นคือหลักการอันแยบยลของตะวันตก !!

    เพื่อจะได้ครอบครองความคิด ความเชื่อ และความศรัทธาของมนุษย์ และหันมานิยมในสิ่งที่พวกเขานำเสนอ พูดในสิ่งที่พวกเขาอยากให้พูด ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากให้ทำ จะต้องหาทางทำลาย ความศรัทธา ความเชื่อ และความคิด ที่มวลชนยึดมั่นเสียก่อน และหนึ่งในนั้นคือ การดูหมิ่นเกียรติของศาสดามุฮัมหมัด (ศ)

    ถ้าได้ติดตามเรื่องราว “การดูหมิ่นศาสดามูฮัมมัด” ในช่วง ศตวรรษที่ 20 และ 21 นี้ จะพบว่า มีเหตุการณ์ทำนองนี้ถูกทำให้เกิดขึ้นมามากมาย โดยผู้เขียนขอเริ่มเรื่องราวจาก ซัลมาน รุชดี จนถึงชาลี เอปโด จะเห็นว่า ตะวันตก ไม่เคยเปลี่ยนแนวรบสงครามในการทำลายอารยธรรมทางศาสนา มาตลอดสองศตวรรษเลยแม้แต่น้อย และเมื่อถูกท้วงติงจากผู้นับถือศาสนา ทั้งที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม และผู้รักในเสรีภาพ และความสันติ พวกเขาจะเอาคำว่า “เสรีภาพทางความคิด” หรือ “ประเทศเสรี” หรือ “เสรีภาพทางการแสดงออก” มาใส่ไว้ในปากตัวเองเสมอ

    1.ซัลมาน รุชดี กับ โองการซาตาน

    ซัลมาน รุชดี คือ นักเขียนชาวอินเดีย ถือกำเนิดในเมือง มุมไบ อินเดีย ปี 1947 ย้ายไปอยู่อังกฤษในเมื่ออายุได้ 14 ปี และอาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น โดยถือสัญญาติอังกฤษในเวลาต่อมา ในปี 1968 เขาเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัย แคมบริทจ์ และสนับสนุนฝ่ายซ้าย เจ้าของหนังสือ โองการซาตาน ผลงานที่สร้างขึ้นมา โดยยึดข้อมูลจาก หลักฐานที่อ่อนแอ (ดออีฟ) ความสงสัย , การคาดเดา และการตีความตามความคิดของตัวเอง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ เขียนในแนวนวนิยาย โดยการดูหมิ่นศาสดามูฮัมมัด (ศ), อิสลาม พระเจ้า และญิบรออีล

    article-2560683-0011DFF700000258-976_634x424

    หนังสือโองการซาตาน ตีพิมพ์ในวันที่ 26 สิงหาคม 1988 โดยสำนักพิมพ์ Viking Press มีจำนวนประมาณ 547 หน้า แบ่งออกเป็น 9 ส่วน หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่ใช้อ้างอิงทางวิชาการ แต่เป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาล้อเลียนศาสนา และมีการใช้คำสบประมาทมากมาย หลังจาก ที่หนังสือเล่มนี้ ถูกตีพิมพ์ ทำให้ชาวมุสลิมทั่วโลกต่างโกรธแค้นกับการดูหมิ่นอิสลาม ของซัลมาน รุชดี

    มุสลิมทั่วโลกต่างรวมตัวกันประท้วง เพื่อบอยคอตหนังสือเล่มนี้ และขณะเดียวกัน เหล่าบรรดาผู้ครองอำนาจของตะวันตก ต่างก็ออกมาแสดงตัวปกป้อง นักเขียนคนนี้ โดย อ้าง คำว่า “เสรีภาพในการบรรยาย ” เพื่อสร้างความชอบธรรมในการดูหมิ่นศาสดา

    ต่อมาหลังจากนั้น ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1989 อิมามโคมัยนีได้ ออกคำฟัตวาประวัติศาสตร์ โดยการสั่งประหารชีวิต ซัลมาน รุชดี จากการออกคำสั่งฟัตวานี้ บรรดาผู้รู้มุสลิม ทั้งซุนนี่ และชีอะฮ์ ต่างเห็นพ้อง โดยการประกาศสาส์นให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลก ให้ปฏิบัติตามคำฟัตวานี้ ซึ่งในช่วงแรก รัฐบาลอังกฤษได้ให้ความคุ้มครองกับซัลมาน รุชดี โดยหน่วยความมั่นคง ได้นำตัวซัลมาน ไปซ่อนไว้ในเซฟเฮ้าส์ลับแห่งหนึ่ง และแก้เกมด้วยการใช้ สื่อตะวันตก โดยฉายคำว่า เสรีภาพ และ ความน่าหวาดกลัวของอิสลาม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ท่ามกลางกระแสการดูหมิ่นอิสลาม และการออกคำฟัตวา ประชาชนชาวอังกฤษได้ออกเดินขบวนประท้วง ให้ทางการอังกฤษ เลิกคุ้มครองชายผู้นี้เสีย อังกฤษจึงส่งซัลมาน ให้อยู่ในการคุ้มครองของ สหรัฐอเมริกาแทน และอาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่ในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง มาจนมาถึงทุกวันนี้

    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 การเผยแพร่การดูหมิ่นศาสดา(ศ) คือ เป้าหมายของหนังสือ โองการซาตาน

    หนังสือ โองการซาตาน ไม่ได้เริ่มต้นในรูปแบบของการวิจารณ์หรือดูหมิ่นอิสลาม แบบไร้ทิศทางหรือเป้าหมาย พวกเขาได้เริ่มต้นในการดูหมิ่นอิสลาม โดยการใช้สิ่งเหล่านี้ เป็นนโยบายทางการเมือง แน่นอนว่า เมื่อศาสนาหนึ่ง เฉกเช่นอิสลาม ซึ่งมีประชากรโลกหลายพันล้านคน ได้ศรัทธา และยืดมั่น ศาสนานั้น ย่อมเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ทิศทางที่เป็นเป้าหมายของศาสนา การดูหมิ่นศาสนา จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และไม่ใช่ว่า ใครคิดอยากจะทำก็ทำได้ โดยไม่มีผู้ทรงอำนาจคอยหนุนหลัง

    ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า แม่แต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และประเทศพันธมิตรของสหรัฐบางประเทศ ไม่สามารถแสดงความเป็นปฏิปักษ์โดยตรง หรือ ดูหมิ่นต่อศาสนาโดยตรง และก็ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรวมตัวกันพูดคุย เพื่อหาหนทาง หรือ หาใครสักคนหนึ่ง ที่จะมารับบท ผู้ต่อต้านศาสนา โดยสวมอาภรณ์ของนักคิด นักเขียน นักกวี เพื่อโจมตีอิสลาม จนกระทั่งว่า การดูหมิ่นอิสลามบริสุทธิ์เริ่มที่จะแพร่ขยายเป็นวงกว้าง พวกเขาจึงเลือกที่จะปั้นหนังสือเล่มหนึ่ง นามว่า โองการซาตาน ซึ่งเขียนโดยผู้ตกศาสนา เป็นวัตถุดิบในการตอบสนองนโยบายนี้

    หลักฐานก็คือ ในช่วงที่ ซัลมาน รุชดี กำลังเขียนหนังสือ อยู่ที่อังกฤษ นิตยสารของสหรัฐฯ ต่างร่วมกันเผยแพร่หนังสือของเขาเป็นวงกว้าง เนื้อหาที่นิตยสารเหล่านี้นำมาเผยแพร่ เป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนต้องถึงกับช๊อค

    จากบันทึกชีวิตของ อายะตุลเลาะฮ์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี (ก่อนเป็นผู้นำสูงสุด) ท่านได้เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น ว่า

    “ข้าพเจ้าได้พิจารณา นิตยสารอเมริกาที่ส่งมาถึงที่นี่ และรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง นี่มันคือ หนังสืออะไรกัน พวกเขาถึงได้พยายามเผยแพร่มันให้ได้มากขนาดนี้ ? แน่นอนมันคือหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นมา อย่างมีเป้าหมาย เพราะ ในทันทีทันใด สื่อทั่วทุกมุมโลก ต่างก็เริ่มหยิบปากกา , ไซออนิสต์ ผู้ซึ่งกุมอำนาจทางสื่อมากที่สุด , วิทยุ และสถานีโทรทัศน์ตะวันตก ต่างเริ่มกระจายข้อมูลกันจากมือหนึ่งสู่มือหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อ เผยแพร่หนังสือเล่มนี้”

    หนังสือเล่มนี้ เปรียบเสมือนการเปิดประเด็นในการดูหมิ่นศาสดา ในยุคสมัยนั้น โดยการนำเอาศาสดามาเยาะเย้ยถากถาง และเปลี่ยนให้กลายเป็นนิยายที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการอ้างอิงหลักฐาน ซัลมาล รุชดี ได้นำชื่อของศาสดา ชื่อของภรรยาศาสดา ชื่อของบรรดาสาวก มาใส่กลายเป็นตัวละครในนิยายเล่มนี้ และดูหมิ่นแต่ละท่านราวกับเป็นเรื่องปกติ และหากใครคิดจะออกมาต่อต้าน ผู้มีอำนาจที่อยู่ข้างหลังของเขา ก็จะรีบออกมาประกาศทางสื่อทันทีว่า “นี่คือเสรีภาพทางการบรรยาย”

    ประเด็นที่ 2 การออกคำฟัตวาสังหาร ซัลมาน รุชดี และการหยุดยั้งแผนสมคมคิดของ มหาอำนาจผู้หยิ่งยโส

    เมื่อหนังสือ เล่มนี้ ถูกเผยแพร่ และประชาชนเริ่มอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายใน การดูหมิ่นอิสลาม จึงค่อยๆ กลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อมันเป็นเรื่องปกติ นั่นคือ สิ่งที่พวกเขาต้องการ !! และประเด็นนี้ผู้เขียนเห็นว่า ควรจะกล่าวถึง บทบาทของ อิมามโคมัยนี ในการเคลื่อนไหว เพื่อสกัด และทำลาย แผนสมคบคิด จากคำบอกเล่าของซัยยิด อาลี คาเมเนอีย์ ดังนี้

    “ในห้วงเวลานั้น อิมาม โคมัยนี ได้วางพื้นฐานความคิด และการไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมกับ รัศมีของพระผู้เป็นเจ้าที่ส่องสว่างในหัวใจของบรรดาปวงบ่าว ท่านได้ออกคำฟัตวา หรือ คำสั่งทางศาสนบัญญัติ “อิรติดาด” หรือ การตกศาสนา ของ ผู้ตกศาสนาคนหนึ่ง (ซัลมาน รุชดี) และกล่าวว่า “ชายผู้นี้ จะต้องถูกไต่สวนด้วย กฎหมายทางชัรอีย์ (นิติบัญญัติอิสลาม)”

    รัฐบาลต่างๆ ของยุโรป และบรรดาทูตของพวกเขา ได้เรียกร้องอีหร่านให้ล้มเลิกภารกิจนี้ นี่เป็นการกระทำตรงข้าม มันเป็นเรื่องปกติหรือ ? หมายความว่า รัฐบาลต่างๆ อย่างอังกฤษ ฝรั่งเศษ อิตาลี เคยสนใจเป็นห่วง ชีวิตมนุษย์คนหนึ่งจริงมากขนาดนี้หรือ ? ทั้งที่พวกเขา ได้ทำตัวออกห่างจากมนุษย์นับพันคน เพียงแค่เรื่องเล็กๆเรื่องเดียว มีประเทศไหนบ้างที่ไม่เป็นเช่นนี้ ? มีประเทศไหนบ้างที่ไม่เคยสังหารหมู่มนุษย์ ? ถ้าหากวันนี้ ผลประโยชน์ของพวกเขา เป็นสิ่งที่ได้รับการการันตี คิดหรือว่าพวกเขาจะไม่ฆ่ามนุษย์เป็นพันๆคน ? พวกเขาถูกเผาไหม้ด้วยความเป็นห่วง มนุษย์กระนั้นหรือ ? ในวันเดียวกันนี่ละ ที่พวกเขาได้สังหารหมู่บรรดามุสลิม ในวันเดียวกันนี่ ที่อิสราเอล ได้ทรมาน เจ้าของแผ่นดินที่แท้จริง (ชาวปาเลสไตน์) แต่พวกเขากลับไม่ตื่นจากการหลับไหล แต่เมื่อ มีคนๆ หนึ่ง ถูกประกาศให้ประหารชีวิต เนื่องด้วยความผิดของเขา พวกเขาเหกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นี่คือ อีกประเด็นหนึ่ง พวกเขาได้วางแผนไว้แล้ว คือ แผนการดูหมิ่นอิสลาม และวางโครงสร้างในการทำให้อิสลามเจือจางลง แต่เพราะจากฟัตวาของอิมามโคมัยนี ในทันทีทันใด ทุกๆ แผนการและบทบาทของพวกเขา สูญเปล่าไปในทันที และโลกอิสลามต่างก็ยอมรับ และแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามฟัตวาฉบับนี้ของอิมามโคมัยนีทั่วโลกเช่นกัน

    2 Kurt Westergaard ผู้เขียนการ์ตูนล้อเลียนชาวเดนมาร์ก กับการดูหมิ่นศาสดามูฮัมมัด(ศ)

    ในปี 2007 นักวาดการ์ตูนล้อเลียน ชาวเดนมาร์ก ได้วาดภาพล้อเลียนศาสดามูฮัมมัด (ศ) ซึ่งทาง หนังสือพิม์ Jyllands-Posten ได้นำภาพเหล่านี้ออกเผยแพร่และตีพิมพ์ ผลจากการเผยแพร่ภาพล้อเลียนศาสดา (ศ) ได้ทำให้ชาวมุสลิมทั่วโลก รวมตัวกันประท้วง ต่อการดูหมิ่นศาสดาของชายผู้นี้ ประเด็นเหล่านี้ กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ถูกพูดถึงกันทั่วยุโรป ต่อมาทางฮอลแลนด์ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปลุกกระแสอีกครั้ง โดยอ้างเรื่อง เสรีภาพทางความคิด และเสรีภาพในการบรรยาย

    Kurt Westergaard

    ทางรัฐบาลเดนมาร์กโดยมีนาย Anders Fogh Rasmussen นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กในยุคสมัยนั้น ได้ออกแถลงข่าว เรื่อง กระแสการต่อต้านที่ตามมา หลังจากการเผยแพร่ภาพการ์ตูนล้อเลียน เช่นกันโดยทางเดนมาร์กนิวส์ได้รายงานว่า รัฐบาลเดนมาร์กได้ประกาศสนับสนุน ให้ตีพิมพ์ ภาพการ์ตูนล้อเลียนอีกครั้ง และยังประกาศผ่านสื่ออีกว่า พวกเขาไม่มีความกลัวว่า จะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับปี 2006 แต่อย่างใด

    นอกจากนี้ รัฐบาลเยอรมัน โดยนาย Wolfgang Schauble ยังประกาศสนับสนุน ให้ ตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนดังกล่าวเผยแพร่ไปทั่วยุโรป โดยทางสำนักข่าว เดนมาร์กนิวส์ ได้รายงานว่า รัฐมนตรีเยอรมัน ได้เปิดเผยทัศนะของตนโดยการเรียกร้องให้สำนักพิมพ์ทั่วยุโรป เผยแพร่การ์ตูนล้อเลียนฉบับนี้

    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 ในทัศนะของ อิมามคาเมเนอีย์ ท่านถือว่า เบื้องหลังการเมืองอันชั่วร้ายนี้ คือ การเมืองของไซออนิสต์, สหรัฐ,แ ละมหาอำนาจผู้หยิ่งยโส ด้วยความคิดอันเป็นโมฆะของพวกเขา ว่าจะสามารถดึงอิสลามบริสุทธิ์ ออกจากสายตาของเยาวชนรุ่นใหม่ในโลกนี้ จากจุดที่สูงส่ง ให้ลงต่ำมาได้ และพวกเขายังพยายามปิดความรู้สึกในการเรียกร้องหาศาสนา ถ้าหาก วิธีการสกปรกเหล่านี้ ไม่ถูกสนับสนุนมาก่อน อย่าง ซัลมาน รุชดี หรือ นักวาดการ์ตูนล้อเลียนชาวเด็นมาร์ก และหาก ภาพยนต์ต่อต้านอิสลามมากมาย ไม่ถูกสนับสนุน โดยผู้ครองทุนอย่างไซออนิสต์ พวกเขาไม่มีทางจะมาถึง ความผิดพลาด และบาปอันยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถอภัยได้อย่างแน่นอน

    ประเด็นที่ 2 การเคลื่อนไหว ในห่วงเวลาดังกล่าว เป็นเวลาเดียวกับ การกระแสการตื่นตัวของโลกอิสลาม กล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่มีกระแสความนิยมอิสลามเกิดขึ้น ณ แห่งหนึ่งบนโลก มักจะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นตามมาเสมอ โดยในประเด็นนี้ ท่านซัยยิด อาลี คาเมเนอีย์ ได้กล่าวว่า “การเคลื่อนไหวตามความต้องการของศัตรูในครั้งนี้ เป็นการเผชิญหน้า กับกระแสการตื่นตัวของโลกอิสลาม เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ความยิ่งใหญ่ความสำคัญของการตื่นตัวในครั้งนี้

    3 หนังสือพิมพ์แสกนดิเนเวีย 17 สำนัก กับการเผยแพร่ภาพล้อเลียนศาสดา (ศ)

    ในเวลาเดียวกัน สำนักหนังสือพิมพ์ทั้ง 17 แห่ง ทั่วประเทศแถบสแกนดีเนเวีย ได้ทำการตีพิมพ์ ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมมัด (ศ) ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แต่ละสำนัก

    โดยทางสถานีโทรทัศน์ยูโรนิวส์ ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับ การเผยแพร่ภาพล้อเลียนศาสดาอิสลาม โดยบรรณาธิการของสำนักหนังสือพิมพ์โดยพวกเขาได้กระทำการเผยแพร่ภาพเหล่านี้ เพื่อเป็นการประท้วง ในเรื่องแผนการลอบสังหาร นักวาดการ์ตูนล้อเลียนชาวเดนมาร์ก

    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 จากการเผยแพร่ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดา (ศ) ไม่ได้ทำให้ หลักการเสรีภาพทางการบรรยาย ของตะวันตกถูกพิสูจน์แต่อย่างไร เพราะถ้าพวกเขา ทำการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นศาสดา เพื่อแสดงถึงจุดยืนนี้อย่างแท้จริง ทุกคนในตะวันตก คงสามารถพูดถึงเบื้องหลังความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลเหล่านี้ ตัวอย่างหลักฐาน คือ พวกเขาไม่อนุญาตให้พูดถึงเรื่องโฮโลคอสต์ แต่กลับอนุญาตให้เผยแพร่การ์ตูนล้อเลียนศาสดาได้ ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่เสรีภาพในการบรรยายแต่อยู่ที่บรรยายเรื่องอะไร ผู้เขียนเคยนำเสนอตัวอย่าง อิทธิพลในการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสารของบุคคลเหล่านี้มาแล้ว ซึ่งนั่นยอมเป็นตัวยืนยันที่ดี ว่า เสรีภาพในการบรรยายของพวกเขา คืออะไรก็ตามที่ผ่านการเซ็นเซอร์โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

    ประเด็นที่ 2 จากการร่วมมือร่วมใจกันของ สำนักพิมพ์เหล่านี้ ย่อมชี้ให้เห็นว่า สื่อฝั่งตะวันตก มีทิศทางเดียวกันในทำลายในการต่อสู้ทางการเมือง แม้จะมีการอ้างเรื่องเสรีภาพในการบรรยาย แต่คำถามที่ผู้คนอยากจะฟังก็คือ เมื่อเผยแพร่แล้ว การเผยแพร่เหล่านี้ มันทำให้ หลักการเรื่องเสรีภาพในการบรรยาย มั่นคงยิ่งขึ้นอย่างนั้นหรือ ? และการยืนยันที่จะเผยแพร่ภาพดูหมิ่นศาสดา ทำให้ ตะวันตก เป็นประเทศที่มีคุณธรรม และใส่ใจกับเรื่องของสิทธิมากยิ่งขึ้นกระนั้นหรือ ? ถ้าเราอยากจะมองตะวันตกในมุมมองเรื่องของ การเมืองที่ขาวสะอาดแล้ว ผู้เขียนขอเสนอให้ตั้งคำถามว่า “มีกี่ประเทศในโลกนี้ที่ตะวันตกไม่ได้เข้าแทรกแซงบ้าง ? ซึ่งจะเห็นว่า จำนวนประเทศที่ตะวันตกไม่อาจแทรกแซงได้ มันช่างเบาบางเสียเหลือเกิน

    และคำถามที่สองคือ ทุกครั้งที่พวกเขาต้องการแทรกแซงประเทศใด ประเทศหนึ่ง พวกเขาจะพูดเรื่องอะไรเป็นประการแรก ? คำตอบย่อมตายตัว ว่า ถ้าไม่ใช่ เรื่อง ประชาธิปไตย, เสรีภาพ, การละเมิดสิทธิ, นิวเคลียร์ ก็คำใดๆ คำหนึ่งซึ่งดูสละสลวยและมีคุณธรรม

    และเมื่อเข้าแทรกแซงแล้ว คำถามที่สามคือ เกิดอะไรขึ้นบ้างจากการแทรกแซงของมหาอำนาจเหล่านี้ ใครได้โทษ ใครได้ผลประโยชน์ คำถามอันเป็นอรัมภบทเหล่านี้จะทำให้เรารู้จักบทบาททางการเมืองของตะวันตกได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

    4 บาทหลวงเทอรี่ โจนส์ กับการจัดงานวันเผาอัลกุรอ่าน

    ในปี 2012 เกิดกระแสการดูหมิ่นอิสลามอีกครั้ง โดยนาย เทอรรี่ โจนส์ บาทหลวงชาวสหรัฐ ได้ประกาศจัดกิจกรรมเผาอัลกุรอ่าน เพื่อประท้วงบรรดามุสลิม จากเหตุ 9/11 แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีการวิเคราะห์ว่าสมควรจะจัดงานดังกล่าวหรือไม่ สาเหตุที่มีการลังเลในครั้งนี้ เนื่องมาจากฝ่ายทหารสหรัฐได้ท้วงติงมาว่า การเผาอัล-กุรอานอาจทำให้เกิดผลกระทบกับกองทัพสหรัฐที่ปฏิบัติการรบอยู่ในประเทศมุสลิมหลายประเทศ

    Pastor-terry-jones-nekat-dan-caper-jpeg.image_

    นายพล David Petraeus ผู้บัญชาการกองทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน ออกแถลงการณ์ว่า การเผาอัล-กุรอานอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่กับทหารสหรัฐ รวมทั้งจะกระทบความพยายามของสหรัฐทั้งมวล เกี่ยวกับการแก้ปัญหาในอัฟกานิสถาน

    โจนส์ได้ตอบโต้แถลงการณ์ของ Petraeus ในการให้สัมภาษณ์ CNN ว่า ทางที่ดีท่านนายพลควรจะชี้นิ้วสั่งพวกอิสลามหัวรุนแรงเหล่านั้นให้หุบปาก มากกว่า และบอกพวกเขาว่า สหรัฐจะไม่มีวันคุกเข่า หรืออ่อนข้อให้

    ในวันที่ 11 ก.ย.2012 สำนักข่าว สกายนิวส์ รายงานว่า ตำรวจแห่งรัฐฟลอริดาสหรัฐ ได้จับกุมตัวเทอรี่ โจนส์ ในวันพุทธ ซึ่งเขาถูกจับกุมตัวในขณะที่กำลังเดินทางยังจุดหมายที่จะลงมือทำการเผาอัลกุรอานจำนวน 3,000 เล่ม ตำรวจเมือง “โฟลค์” ไม่ได้เปิดเผยถึงข้อหาในการจับกุมตัวโทรี่ในครั้งนี้ แต่รายงานอ้างว่า สาเหตุที่ถูกจับกุมคือ ทางตำรวจตรวจพบยาเสพติดที่ซุกซ่อนในรถยนต์ของเขา

    ตามรายงานของสื่อรัฐบาลอเมริกา เผยว่า ทางตำรวจได้ค้นพบอัลกุรอานซุกซ่อนในรถของเขา จำนวน 3,000 เล่ม ซึ่งที่ถูกราดด้วยน้ำมันสีขาว โจนส์ ได้ประกาศผ่านโลกไซเบอร์ ว่า ตนมีเจตนา ที่จะทำการเผาอัลกุรอานจำนวน 2998 เล่ม อีกครั้ง ในวันครบรอบ 12 ปี เหตุการณ์ 11กันยา

    ประเด็นที่ 1 สิ่งที่ตะวันตกจะต้องรับผิดชอบ คือ การนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และเน้นย้ำให้ใช้มาตรการอย่างจริงจัง ในกรณีที่มีการดูหมิ่นศาสนาเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ ก็เช่นกัน เมื่อมีการดูหมิ่น หรือการไม่ให้เกียรติ สิ่งที่ศาสนิกชนให้ความเคารพ พวกเขาควรจะแสดงความจริงใจ ต่อการให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้

    ก่อนหน้านี้ ก็มีการเผยแพร่ภาพชาวฝรั่งนั่งเล่นบนเศียรของพระ หรือ การนำเอาเศียรของพระมาประกอบในภาพยนต์ หรือ การล้อเลียน พระพุทธเจ้า แต่เราก็ไม่เห็นบทบาทความจริงจังเหล่านี้จากตะวันตก แม้ว่าการกระทำดังกล่าว จะสร้างความขุ่นเคือง ให้กับ พี่น้องศาสนิกชนชาวพุทธก็ตาม

    ในครั้งนี้ เป็นการประกาศการเผาอัลกุรอ่าน และจากแผนการอันนี้ ย่อมชี้ให้เห็นเป็นอย่างดีว่า ถ้าตะวันตก โปร่งใสในเรื่องนี้จริง พวกเขาจะต้องจับกุมตัวบาทหลวงคนนี้ ก่อนที่ นาย เทอรรี่ จะถูกจับกุมขณะที่กำลังเดินทางไปเผาอัลกุรอ่าน เพราะนายเทอรี่ ประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การเพิกเฉยเหล่านี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่า สหรัฐไม่เคยให้ความสำคัญกับจิตใจของศาสนิกชน แต่เมื่อมีใครสักคน เขียนภาพล้อเลียนศาสดา หรือ เขียนหนังสือดูหมิ่นศาสนา พวกเขากลับให้ที่หลบภัย พร้อมกำลังอารักขา เพื่อพิทักษ์ชีวิตของคนผู้นั้น พร้อมด้วยการประกาศสโลแกน เสรีภาพทางการบรรยาย

    ประเด็นที่ 2 เป้าหมายหลักในการสร้างกระแสในครั้งนี้ ไม่ใช่ มีเป้าหมายเพื่อ 11 กันยา แต่อย่างใด แต่เป็นความพยายามในการสร้างความเกลียดชังระหว่าง มุสลิม และ คริสต์ และมีความพยายามในการ เพิ่มสีสันของการปฏิบัติการในนามของนักการศาสนา แต่แน่นอนว่า มุสลิมที่ติดตามสถานการณ์อยู่เสมอ ย่อมไม่ตกเป็นเครื่องมือ ของผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใดๆกับ โบสถ์และศาสนาคริสต์ แต่มันเป็นเพียงการออกมาเคลื่อนไหว ของ บาทหลวงจอมปลอม เราผู้เป็นมุสลิม จะต้องไม่ให้กระทำการใดๆที่คล้ายกับการกระทำในลักษณะนี้ ต่อสิ่งที่ศาสนิกชนของศาสนาอื่นๆ ให้ความเคารพ

    5 ภาพยนต์หมิ่นศาสดา กับการรวมตัวประท้วงของมุสลิมทั่วโลก

    ในปี 2012 มีการเผยแพร่ภาพยนตร์ลบหลู่ศาสดาอิสลามมีผู้สร้างหนังแนววาบหวิวเป็นคนกำกับ เขียนบทโดยนักโทษคดีฉ้อโกง มีกลุ่มคริสเตียนหัวสุดโต่งเป็นผู้สนับสนุน

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ภาพยนตร์เรื่อง “Innocence of Muslims” เป็นภาพยนต์ที่สร้างความโกรธแค้นแก่ชาวมุสลิมทั่วโลก สร้างขึ้นโดยกลุ่มในสหรัฐ ที่ใช้ชื่อว่า “Media for Christ” และบางแหล่งข่าวรายงานว่า ผู้กำกับรายนี้ได้รับเงินทุนในการสร้างภาพยนต์จากชาวยิว จำนวนหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งในช่วงเริ่มต้น พวกเขาได้เผยแพร่หนังตัวอย่างทางเว็บไซต์ยูทูบ ความยาว 14 นาที มาได้พักหนึ่ง จนกระทั่งโทรทัศน์ในอียิปต์ได้นำเสนอข่าวนี้

    Innocence-of-Muslims

    ผู้กำกับมีชื่อว่า อลัน โรเบิร์ต วัย 65 ปี ซึ่งเคยสร้างหนังโป๊และหนังแอ็กชั่นมาแล้วหลายเรื่อง เช่น Young Lady Chatterlay II และ Karate Cop

    เว็บไซต์ Gawker ได้สัมภาษณ์พวกนักแสดงในหนังเรื่องนี้ ทุกคนต่างบอกว่าตัวเองถูกหลอกให้แสดง ซึ่งเดิมเข้าใจว่าเป็นหนังเชิงประวัติศาสตร์ แต่เพิ่งรู้ทีหลังว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านศาสนาอิสลาม

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์โดยกลุ่มปีกขวา ชื่อ Coptic and Evangelical Christians ซึ่งเป็นเครือข่ายของชาวอเมริกันเชื้อสายอียิปต์ มอร์ริส ซาดิก กับนักเทศน์หัวรุนแรงในฟลอริดา เทอร์รี โจนส์
    และจากการเผยแพร่ภาพยนต์ดังกล่าวทำให้เกิดกระแสการประท้วงของมุสลิมทั่วโลก ทั้งในประเทศไทย อิยิปต์ มาเลเซีย ลีเบีย อินเดีย อินโดนิเซีย อิหร่าน แอฟริกา และประเทศต่างๆในแถบยุโรป และตะวันออกกลาง กล่าวได้ว่า มีการประท้วงทุกทวีปของโลก เนื่องจากการเผยแพร่ภาพยนต์ดูหมิ่นศาสดาอิสลาม นอกจากนี้ ทางกูเกิ้ล และยูทูป ยังประกาศไม่ลบภาพยนต์ดังกล่าว จากการเรียกร้องของมุสลิม และทางด้านอิหร่าน ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเรียกร้องให้ชาติตะวันตกระงับการเผยแพร่ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดาของศาสนาอิสลาม

    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 การสร้างภาพยนต์ดูหมิ่นศาสดา (ศ) เรื่องนี้ เป็นการดูหมิ่นที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับครั้งไหน เพราะเนื้อหาของภาพยนต์ทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงความจริงเกี่ยวกับศาสนา และ อิสลาม ไปอย่างหมดสิ้น แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีการดูหมิ่นศาสดา ในรูปแบบนี้มาแล้ว แต่ ภาพยนต์ฉบับนี้ ถือเป็นการดูหมิ่นที่แรงที่สุด จนทำให้ โลกอิสลามต่างออกมาเคลื่อนไหว ประท้วงอย่างพร้อมเพรียงกัน

    ประเด็นที่ 2 จากการรวมตัวกัน และกระแสการตื่นตัวของอิสลาม พร้อมด้วยปัจจัน สภาวะ และเงื่อนไขต่างๆ ทำให้ เกิดการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง ในการ โค่นล้ม รัฐบาลที่ขึ้นตรงกับ ตะวันตก ในห่วงเวลานั้น ซึ่งการรวมตัวของมุสลิม ยังเป็นจุดเด่น ที่แม้แต่ ชาติตะวันตก ก็ไม่อาจคาดคิดถึงผลของมันได้

    ประเด็นที่ 3 ก่อนที่จะมีการสร้างภาพยนต์ดูหมิ่นศาสดา เรื่องนี้ ตะวันตกนำทีมโดย สหรัฐอเมริกา ได้ยึดหลักการในการสนับสนุน การดูหมิ่นมาเสมอ โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง เสรีภาพในการบรรยาย ดังที่เราได้นำเสนอไปแล้วตั้งแต่ ซัลมาน รุชดี และหมากตัวอื่นๆ แต่เมื่อ มีสถานการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ทั้งยุโรปและสหรัฐที่อ้างว่า ไม่ได้มีปัญหากับอิสลาม และจะให้เกียรติศาสนานี้ กับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดของตัวเอง

    ประเด็นที่ 4 ในอดีต สหรัฐและยุโรป ได้กล่าวหา ประเทศอิสลามบางประเทศ เช่น อิหร่าน ว่าเป็นประเทศนิยมความรุนแรง นโยบายด้านหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดในสมัยนี้ คือ การแยกชีอะฮ ออกจากโลกอิสลาม โดยการใช้พวกอิสลามอเมริกาอีย์ อิสลามหัวรุนแรง เป็นผู้ตอบรับนโยบายเหล่านี้ แต่เมื่อ ประเด็นเรื่องการหมิ่นศาสดา(ศ)เกิดขึ้น ทั้งชีอะ และ ซุนนี่ ต่างร่วมมือ ร่วมใจ และพูดในภาษาเดียวกัน เพื่อปกป้อง ศาสนา ดังนั้น ถือได้ว่า นโยบายทางการเมืองของตะวันตกในการแบ่งแยกและยึดครองโลกอิสลาม เป็นความพ่ายแพ้ และความล้มเหลวในรูปแบบหนึ่ง

    6 เหตุการณ์จับตัวประกันออสเตรเลีย

    เหตุการณ์จับตัวประกันในออสเตรเลีย ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งผลลัพธ์คือ กระแสความหวาดกลัวต่อโลกอิสลาม โดยมี นาย มาน ฮารูน โมนิส นักการศาสนากำลอ ซึ่งหนีคดีฉ้อโกงจากอิหร่าน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 4 ราย

    เหตุการณ์จับตัวประกันในซิดนีย์สิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังมี คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ หลงเหลืออยู่ ซึ่งการตอบคำถามอันนี้ อาจทลายม่านที่ซ่อนความจริง มากกว่า เรื่องราวแค่ โจรจี้ตัวประกัน

    สื่อตะวันตก ต่างร่วมตัวกัน เสนอข่าว เรื่องเหตุการณ์จับตัวประกันในซิดนี่ย์ อย่างพร้อมเพียงกัน โดยโจรจี้ตัวประกันรายนี้ คือหนึ่งในสมาชิก ผู้เข้าร่วม กลุ่มก่อการร้าย ISIS และญับฮาตุนนุศเราะฮ

    141215-man-haron-monis-930a_fb4b8d18036e67de6161b45210a9282f

    โดยทางสำนักข่าว รอยเตอร์ ได้รายงานว่า “มีชายติดอาวุธ ได้เข้าร้าน คาเฟ่ แห่งหนึ่ง ในใจกลางเมืองซิดนีย์ และได้บังคับ ตัวประกัน ให้นำธงของ ISIS มาติดไว้ตามหน้าต่างของร้าน”

    นอกจากนี้ ทางตำรวจ ยังใช้เวลาหลาย ชั่วโมง ในการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถปฏิบัติภารกิจ ช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ หลังจากนั้น ภาพของโจรจี้ตัวประกัน ก็โผล่ขึ้นมาตามกล้องวงจรปิด

    สำนักข่าว ฟาร์ซ รายงานว่า หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้ประมาณ 15 ชั่วโมง แหล่งข่าวจาก กระทรวงยุติธรรมของออสเตรเลีย รายงาน ระบุตัวตนของ โจรจี้ตัวประกันรายนี้ แต่ยังไม่ได้ ประกาศชื่อ หรือ สัญชาติของเขาแต่อย่างใด แต่เรื่องแปลกก็คือ สำนักข่าว รอยเตอร์ และสำนักข่าวอื่นๆของตะวันตก เช่น เอพี กลับรายงานข่าว โดยอ้างอิงจากตำรวจออสเตรเลีย ในทันที ว่า ชายมีอาวุธคนดังกล่าว เป็นอดีต เชค หรือ ผู้รู้ศาสนา ซึ่งถือสัญชาติอิหร่าน นาม ฮารูน โมนิส
    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 การเผยแพร่ข่าว เป็นไปอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่มีอะไรที่ทำให้เรา ไม่รู้จักนายคนนี้ได้เลย เพราะ ทันที ที่ข่าวออกมา ก็มีการเผยแพร่ ประวัติบุคคล ครอบครัว หรือ แม้แต่กระทั่งภาพที่เกี่ยวกับตัวเขา

    นอกจากนี้ ทาง วิกีพิเดีย ก็ยังได้ นำเสนอประวัติของชายผู้นี้ด้วยเช่นเดียวกัน คือ นาย มูฮัมมัด ฮะซัน มันติกีย์ นักการศาสนา เกิดในอิหร่าน และลี้ภัยไป ออสเตรเลีย เมือง ซิดนี่ย์ ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น ฮารูน โมนิส ประเด็นนี้คือ สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว มันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกยอมรับ สำนักข่าวสายตะวันตก ต่างพากันนำเสนอ เอกลักษณ์ และสัญชาติของเขา ให้เป็น อิหร่าน ฮารูน โมนิส ผู้ซึ่ง ประกาศการเข้าร่วม ISIS อย่างเป็นทางการ และการจับตัวประกัน ก็มีเป้าหมายเพื่อ แขวนธง ISIS แต่สื่อกลับขยายเรื่องไปในทิศทางของ ในการดึงอิหร่านเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ มีสมาชิก ISIS นับร้อยคนที่ถือสัญชาติ อเมริกัน หรือ ยุโรป ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในอิรัค และซีเรีย แต่กลับไม่มีความกังวลใดๆ กับคนเหล่านี้ จากคำกล่าว ของ รมต และ บุคคลระดับสูง ของตะวันตก ก็ไม่ได้แสดงให้เห็น ถึงความกังวล ในการที่จะมี คนสัญญาติตนเอง ไปเข้าร่วม ISIS และนอกจากนี้ สื่อตะวันตกก็เลือกที่จะไม่พูดถึง ความเกี่ยวข้องระหว่าง สหัรฐอเมริกา และตะวันตก กับ ISIS และเอาจริงแล้วๆ เหมือนกับว่า พวกเขาลืมไปเสียด้วยซ้ำ ว่า นักรบ ISIS ถือสัญชาตอะไรกันบ้าง และพวกเขาก็ลืมไปแล้วว่า อิหร่าน ได้พยายามปราบปราบ วิกฤตการณ์ตักฟีรีย์ มากเพียงใด

    ประเด็นที่ 2 นับเป็นเวลาหลายปี ที่เหตุการณ์ทำนองนี้ เกิดขึ้น ในประเทศตะวันตก และทุกครั้ง ที่มี มีชาวอิหร่านเข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องมีการกล่าวประนามประเทศอิหร่านเสมอ เหมือนกับการกล่าวว่า ถ้าคนไทยสักคนหนึ่ง ทำผิดในต่างประเทศ ประเทศไทยทั้งประเทศจะต้องถูกประนาม ดังนั้น จากจุดนี้จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีผู้ประสงค์ร้าย คิดเอาเอกลักษณ์ของ นายฮารูน โมนิส มาใช้ในทางลบ

    ประเด็นที่ 3 นายฮารูน โมนิส ได้ลี้ภัยทางการเมือง โดยศาสอิหร่าน ได้พิพากษา ความผิดในข้อหา กระทำการฉ้อโกงทรัพย์สิน แต่เขา อ้างว่า เพราะมีแนวคิด liberalism จึงขอลี้ภัยทางการเมืองไป ประเทศ ออสเตรเลีย และหลังจากที่ทางฝ่าย เจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจสอบ และพิจารณา ความประพฤติ ความเหมาะสม และด้านอื่นๆ ของเขาแล้ว ทางการจึงมอบสัญญาติออสเตรเลีย ให้กับ ฮารูน โมนิส

    ประเด็นที่ 4 ถ้าเราดูในคลิป หรือ วิดิโอ ที่ นาย ฮารูน ได้เผยแพร่ จะเห็นเขาแสดงให้เห็นถึง ความสุข และความสะดวกสบายหลังจากที่ได้ลี้ภัย ยังประเทศออสเตรเลีย แต่ไม่นานนัก ก็โดนคดี ล่วงละเมิดทางเพศ และยังอ้างอีกว่า เขาได้ทำข่มขืนผู้หญิง เพื่อรักษาโรคทางจิต ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้น ก็คือ เวลาเดียวกันที่มีการเผยแพร่ข่าว ความเสื่อมทางจริยธรรม สื่อตะวันตก ก็ได้เปลี่ยนทิศทางกลายเป็น สื่อต่อต้านสงครามในทันที

    ประเด็นที่ 5 และประเด็นสุดท้าย ในการเคลื่อนไหว ที่เปี่ยมสุขหลังจากหนีจากอิหร่าน คือ การเปลี่ยน มัซฮับ หรือ นิกาย ของเขา ตามคำประกาศ เมื่อวันที่ 24 เดือนมุฮัรรอม ของอาหรับ ฮารูน โมนิส ได้ ประกาศมอบสัตยาบัน ให้กับ อบูบักร อัลแบคดาดีย์ และได้ถือว่า อบูบักร เป็น อิมามซะมาน ของเขา หรือ ผู้นำซึ่งถูกสัญญาไว้ตามความเชื่อของทุกๆนิกายในอิสลาม ซึ่งประเด็นนี่ เป็นประเด็นที่น่าสนใจ และน่าขบคิดมากที่สุด เพราะหลังจากการเผยแพร่ คำมอบสัตยาบันของนายฮารูน โมนิส แล้ว รัฐบาลซิดนีย์ ไม่ได้ออกคำสั่ง หรือแม้แต่ดำเนินการสอบสวนใดๆ ชายผู้นี้ และทางการซิดนีย์ ก็ทราบข่าว ถึงการประกาศตัว เป็น ISIS ของชายผู้นี้ดี

    ประวัติศาสตร์ได้บอกเล่าเรื่องราวของมันว่า เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่องค์กรณ์สื่อ-การเมือง ของตะวันตก ได้สร้างความปั่นป่วน โดยใช้ คีย์เวิร์ดเฉพาะ ในการสร้างอิทธิพลสื่อ ในโลก ไม่ว่าจะเป็นการโยงใยในเรื่องสัญชาติ , ศาสนา หรือ การนำคำเฉพาะมาใช้ เพื่อเปลี่ยนความหมายตามความเป็นจริง ในกรณีนี้ เราก็ได้เห็นกันอีกครั้งว่า หัวข้อข่าวของสื่อเหล่านี้ คือ การนำเอาภาพของนายฮารูน โมนิส ในชุดนักการศาสนา มาเผยแพร่ และแน่นอน ประเด็นนี้ จะกลายเป็น เรื่องที่จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความปั่นป่วนอีก ในอนาคต

    และที่น่าแปลกไปกว่านั้น คือ ทำไม สื่อต่างๆ ถึงพยายามนำเสนอ ภาพลักษณ์ของกลุ่มก่อการร้าย โดยใส่คำว่า มุสลิม, ชีอะฮ, อิหร่าน เขาไป ภายหลังจากเสร็จสิ้น วันครบรอบอัรบาอีน เพียงไม่กี่วัน ขณะเดียวกัน การที่คนร้ายได้แสดงสัญลักษณ์ของความเป็นมุสลิม ก็ได้สร้างกระแสเกลียดชังศาสนาอิสลาม (islamophobia) ยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งในออสเตรเลียรวมทั้งในยุโรปก็มีความความพยายามที่จะสร้างกระแสดังกล่าวอยู่แล้ว

    7 ชาร์ลี เอปโด กับ การล้อเลียนศาสดาอิสลาม (ศ)

    การบุกโจมตีโดยกลุ่มอิสลามิสต์ที่อาคารสำนักงานของนิตยสารชาร์ลี เอ็บโด ในกรุงปารีสเมื่อ ในวันที่ 7 มกราคม 2014 มีผลสืบเนื่องจากการเผยแพร่ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดา ทั้งนี้ มีการตั้งขอสงสัยและข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่าอาจเป็น “การจัดฉาก” เพื่อกล่าวหามุสลิมและสร้างกระแสโรคกลัวอิสลาม (Islamophobia) ทั้งเรื่องของการถ่ายคลิปจาก Handy cam ที่มีความต่อเนื่องกันตั้งแต่ต้นจนจบ หรือ เรื่องเส้นขีดตำแหน่งปฏิบัติการ และทางสำนักข่าวอย่าง ดิเอนดิเพนเดนท์ ก็ยังได้เรียกการรวมตัวของ ผู้นำกว่า 40 ประเทศที่มาร่วมไว้อาลัย ในเหตุการณ์นี้ว่า “เอกภาพในความชั่วร้าย” อีกด้วยเช่นกัน

    First International Edition Of Charlie Hebdo Published Since Paris Terror Attacks

    บอร์ซู ดาราฆาฮี (Borzou Daragahi) ผู้สื่อข่าวของ Financial Times ในภาคพื้นตะวันออกกลางได้ให้ความเห็นไว้ว่า “ดูเหมือนว่าบรรดาผู้นำของโลกจะไม่ได้ “นำ” การเดินขบวนเพื่อไว้อาลัยต่อชาร์ลี เอบโด ในปารีส แต่เป็นการแสวงหาโอกาสในการเก็บรูปภาพอย่างเป็นทางการบนความว่างเปล่า หรือไม่ก็เดินเพื่อปกป้องถนน”

    เอียน เบรมเมอร์ (Ian Bremmer) นักรัฐศาสตร์และผู้ก่อตั้งกลุ่มยูเรเซีย (Eurasia Group) ได้กล่าวว่า “ทุกคนล้วนเป็นผู้นำของโลก แต่ไม่ใช่ “ที่” การชุมนุมในปารีสอย่างแน่นอน”

    และอีกคำวิจารณ์จากเกอรี่ ฮัสซัน (Gerry Hassan) นักวิเคราะห์ชาวอเมริกาได้เรียกการมีส่วนร่วมของบรรดาผู้นำชาติต่างๆว่า “ความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการหลอกลวง”

    ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเก้าประเทศจากทั้งหมด ที่เป็นตัวแทนของบรรดาผู้นำและบุคคลสำคัญในการเดินขบวนเพื่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน คือประเทศของตนเองที่อยู่ในกลุ่มลำดับล่างสุดในการให้สิทธิเสรีภาพแก่สื่อมวลชนตามดัชนีชี้วัด (รวบรวมข้อมูลโดยกลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน)

    และนอกจากนี้ยังมีข้อมูลยืนยันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้าย ในปารีส ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก CIA โดยสำนักข่าวเอพี (The Associated Press) ระบุว่า หนึ่งในจำนวนผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุก่อการร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน ในเมืองหลวงของฝรั่งเศส น่าจะอาศัยอยู่กับชายชาวไนจีเรียที่อยู่เบื้องหลังแผนการ “ระเบิดชุดชั้นใน” ที่ล้มเหลวของอัล-กออิดะฮ์เมื่อห้าปีที่แล้ว

    ประเด็นสำคัญ

    ประเด็นที่ 1 บทวิเคราะห์ของ สโนว์เดน กับ เบื้องหลัง ชาร์ลี เอปโด

    อดีตเจ้าหน้าที่ NSA ผู้ที่นำความลับของรัฐบาลสหรัฐมาเปิดโปง ฮีโร่และผู้ก่อกวนระบบความมั่นคง ได้ออกมาเปิดเผย ว่า รมต.อิสราเอล มีส่วนกี่ยวข้องกับสถานการณ์ก่อการร้ายที่สำนักพิมพ์ชาร์ลี เอปโด

    สโนว์เดน ให้สัมภาษณ์กับ นสพ.รัสเซีย ว่า รัฐบาลอิสราเอล มีปัญหาเรื่องการอพยพของชาวยิวในหลายๆ ปีที่ผ่านมา และเพราะเรื่องนี้ ทาง รบ.ไซออนนิสต์ จึงออกใบสั่งให้มอสสาด หาวิธีในการ หยุดการอพยพเหล่านี้ สโนว์เดนเปิดเผยว่า องค์กรทางด้านข้อมูล และเจ้าหน้าที่พิเศษของอิสราเอล ได้ตอบรับใบสั่งของทางการ โดยการทำการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นศาสดาอิสลาม (ศ) ในประเทศต่างๆ ของตะวันตก เพื่อสกัดกระแสการต่อต้านชาวยิวที่อาศัยอยู่ในยุโรป ทำให้กระแสเหล่านี้เงียบหายไป

    สโนว์เดนเผยว่า ในปี 2005 เคยมีการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นศาสดามาแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเขาได้หวังไว้ หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มต้นภารกิจนี้อีกด้วย โดยการใช้ พิทบูล ในปี 2012 และเหตุการณ์ก่อการร้าย ชาลี เอปโด และซูเปอร์มาร์เก็ตชาวยิวในปารีส

    ประเด็นที่ 2 มัสยิด 75 แห่งในฝรั่งเศส ถูกก่อกวน หลังจาก เหตุการณ์ชาลี เอบโด และการแทงเพื่อนบ้าน 30 แผล เหตุเพราะเป็นมุสลิม

    สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ ชาวมุสลิม ในฝรั่งเศส รู้สึกภาคภูมิใจแต่อย่างใด มีเพียงแต่อิสลามอเมริกาอีย์ อย่าง ISIS ที่ อยู่ใกล้โพ้นออกมาแสดงความดีใจ และนับผู้ก่อการเป็นพวกพ้องของตน หลังเกิดขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่ง คือ ผลกระทบที่มีต่อมุสลิมในฝรั่งเศส ซึ่งทาง นสพ ฝรั่งเศส และ นสพ อัลกุดส์อัลอาราเบีย ฉบับตีพิมพ์ลอนดอน ได้รายงานว่า ทางสภาชูรออิสลามแห่งฝรั่งเศส ได้ออกแถลงการ์ว่า หลังเหตุชาร์ลี เอบโด มีมัสยิดกว่า 75 หลัง ถูกโจมตี และมุสลิมจำนวนหนึ่งถูกลอบทำร้าย โดยนาย อะฮหมัด ริฎวาน อิมามนมาซญะมาอัตของมัสยิดแห่งหนึ่งในตัวเมืองปารีส ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง นสพ ว่า มีการโจมตีมัสยิดในฝรั่งเศสหลายครั้ง เพื่อทำการล้างแค้น โดยการบุกโจมตีในบางแห่งมีระดับความรุนแรงที่น่าวิตก และมีการยิงปืนใส่มัสยิด เมือง โลโมน หลายครั้ง และมีร้านอาหารมุสลิม ถูกก่อกวน และโจมตี อะฮหมัด ริฎวาน กล่าวว่า “ตำรวจกลับนิ่งเงียบจากการโจมตีเหล่านี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้เลย”

    ทาง นสพ ฝรั่งเศสบางฉบับ ก็รายงานเช่นกันว่า หลังเหตุการณ์ ชาลี เอบโด มีการวางระเบิดมัสยิดในหลายแห่ง หรือ การเอาหัวหมูไปตั้งไว้หน้ามัสยิด เพื่อแสดงการต่อต้าน และความเกลียดชังอย่างเปิดเผย และยังมีเหตุการณ์เพื่อนบ้านฝรั่งเศสลอบแทงเพื่อนบ้านชาวมุสลิม จนถึงขั้นเสียชีวิต

    ประเด็นที่ 3 ถ้า เสรีภาพทางการบรรยาย เป็นเรื่องจริง ทำไม การดูหมิ่นศาสดา จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และการพูดถึงเรื่อง ยิว ถึงเป็นสิ่งต้องห้าม

    ประเด็นนี้ ต้องพูดถึง นักวาดการ์ตูนล้อเลียนชื่อดังอีกคนหนึ่ง นามว่า มอริส ซีน หนึ่งในนักวาดการ์ตูนของชาลี เอปโด ถูกไล่ออก เพราะมีเจตนาต่อต้านยิว ซึ่งเรื่องนี้ ทาง เอบีนิวส์ ได้นำเสนอไว้แล้วในบทความชื่อ ทำไมผมถึงไม่เป็นชาลี เอบโด นายมอริส ถูกไล่ออก ด้วยข้อหาเจตนาต่อต้านยิว เพราะเขาได้ วาดการ์ตูน ล้อเลียน ลูกชายของอดีต ปธน ฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนไปนับถือ ศาสนายิว คำถามก็คือ ทำไม การล้อเลียน บุคคลเกี่ยวข้องกับ ยิว จะต้องถูกแบนทุกครั้งเสมอไป แต่เมื่อ มีการล้อเลียนอิสลาม พวกเขากับอ้างเรื่อง เสรีภาพทางการบรรยาย

    ประเด็นที่ 4 ชาลี เอบโด ไม่ได้มีประวัติที่ขาวสะอาดและซื่อตรงต่อการนำเสนอข้อมูล เพราะ ชาลี เป็นหนังสือ ที่นำเสนอที่สิ่งที่จะนำมาซึ่งความเกลียดชัง ไม่ใช่ นสพ ที่ แสดงถึงเสรีภาพในยุคสมัยใหม่ และการเผยแพร่ นสพ ก็มีข้อสงสัยหลายประการ หนึ่งในนั้น ก็คือ เมือการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นศาสดา จำนวนการตีพิมพ์ และการจำหน่ายกลับมากกว่า ฉบับอื่นๆที่เคยตีพิมพ์มา และยังจงใจในการสร้างกระแสความเกลียดชังต่ออิสลามให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อย่างที่นาย มอริส ได้เล่าไว้

    “มันต้องการจะเสี้ยมความขัดแย้งให้แหลมคมยิ่งขึ้น และส่งเสริมการต่อสู้ระหว่างมุสลิมกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในฝรั่งเศสให้หนักหน่วงขึ้น”

    แนวทางในการรับมือ กับการดูหมิ่นอิสลาม ตามคำชี้นำของ อายะตุลเลาะฮ์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี

    ในส่วนสุดท้าย จึงมาถึง ภาคการปฏิบัติในการเผชิญหน้า กับ การดูหมิ่นอิสลาม การดูหมิ่นศาสดา (ศ) เราจะต้องทำอะไรเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เขียน ขอนำเสนอ แนวทางในการรับมือ กับการดูหมิ่นศาสนา ศาสดา ตามคำแนะนำของ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ดังนี้

    Ayatollah-Ali-Kham_2128806b

    1 ทำการศึกษาและทบทวน บทเรียนต่างๆจากคำสอน และการกระทำของศาสดา(ศ)อิสลาม

    2 นำเสนอเอกลักษณ์ที่แท้จริงของศาสดา(ศ)

    3 รักษาเอกภาพโดยมีศาสดาเป็นจุดเชื่อมจิตใจในการต่อต้านศัตรูอิสลาม

    4 พิจารณาและค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการดูหมิ่น และตัวการผู้สร้างความขัดแย้ง

    5 หลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่าง มุสลิม และ คริสต์

    6 เรียกร้องการลงโทษต่อบรรดาผู้ดูหมิ่นศาสดา จากบรรดาผู้นำประเทศที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้

    1 ทำการศึกษาและทบทวน บทเรียนต่างๆจากคำสอน และการกระทำของศาสดา(ศ)อิสลาม

    เมื่อไซออนิสต์ และรัฐบาลที่ขึ้นกับไซออนิสต์ ต้องการทำให้ ประชาชาติอิสลามตกต่ำ พวกเขาจะใช้อิสลามสร้างความขัดแย้งภายใน โดยการใช้ศาสดา (ศ) เป็นเป้าหมายในการโจมตี หมายความว่า การรำลึกถึงผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ การรำลึกถึงวันประสูติของท่าน การรำลึกถึงรูปแบบและวิถีทางการใช้ชีวิตของท่านศาสดา(ศ) สามารถมอบบทเรียนที่นำมาสู่การพัฒนา และความก้าวหน้าของมุสลิมได้เป็นอย่างดี หากพวกเขาทำการพิจารณา ศาสดา คือ การชี้นำสำหรับ มุนษย์ และสำหรับประชาชาติอิสลาม การกลับไปทบทวนถึงแก่นแท้ และวิถีของศาสดาอย่างแท้จริง คือ จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาชาตินี้ หมายถึง คนจำนวน 1,500 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่า นั่นย่อมเป็นอันตรายกับไซออนิสต์อย่างแน่นอน หนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จก็คือ กระแสความตื่นตัวของโลกอิสลาม เมื่อมีการนำเสนอภาพลักษณ์ของศาสดา ที่ต่อต้าน ผู้กดขี่ขึ้นอีกครั้ง และเมื่อทุกคนเข้าถึงหลักการของศาสดา ประการนี้ การต่อสู้เพื่อ ความยุติธรรม และโค่นล้มผู้กดขี่ จึงเริ่มต้นขึ้น

    ซัยยิด อาลี คาเมเนอี กล่าวว่า

    “มุสลิมทุกคนจะต้องตื่นขึ้นมา และจะต้องทำเข้าใจ ถึง การมีอยู่ของท่านศาสดา,บุคลิคภาพของท่านศาสดา,บันทึกชีวิตของท่านศาสดา(ศ) ,การฮิจเราะฮของท่านศาสดา,การญิฮาดของท่านศาสดา,บทเรียนต่างๆทั้งจากคำพูด และการปฏิบัติของท่านศาสดา สิ่งนี้นับเป็นคลังความรู้อันยิ่งใหญ่สำหรับสำหรับมุสลิม และหากเราใช้ประโยชน์จากคลังความรู้นี้ ประชาชาติอิสลาม จะไปถึงยุคสมัยหนึ่งซึ่ง ไม่มีใครสามารถรังแกพวกเขาได้อีกต่อไป ประชาชาติอิสลามจะไปถึงยุคสมัยหนึ่งซึ่ง จะไม่มีใครสามารถบีบคั้นพวกเขาได้อีก ประชาชาติอิสลามจะไปถึงยุคสมัยหนึ่งซึ่ง ไม่มีใครสามารถข่มขู่พวกเขาได้อีก นี่คือ บทเรียนสำหรับเรา”

    2 นำเสนอเอกลักษณ์ที่แท้จริงของศาสดา(ศ)

    สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การนำเสนออิสลาม ที่ไม่ถูกแต่งเสริมเติมต่อ ตลอดหลายศตวรรษบรรดาศัตรู,มิตรสหายผู้โง่เขลา,ผู้เพิกเฉย ได้ทำให้อิสลามอันเจิดจรัส แปดเปื้อนด้วย คาวเลือด และความรุนแรง และด้วยการนำเสนออิสลาม จากคนเขลา ได้ทำให้อิสลามที่แท้จริงกลับถูกบดบังด้วยความมืดมน

    ในประเด็นนี้ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ได้ให้คำแนะนำว่า

    “ในวันนี้แม้จะมีจะมีความอ่อนแอในเรื่องการทำความเข้าใจ และการแสวงหาผลกำไรจากภายใน โดยการบิดเบือนภาพลักษณ์ของอิสลาม ทว่าโดยสัจธรรมแล้ว การโฆษณาของบรรดาศัตรูยังมีมากกว่านั้น พวกเขาต่างก็กำลังหมกหมุ่นกับการใช้วิธีการต่างๆที่เฉียบคมและร้ายกาจ โอ้พี่น้องชาวมุสลิม ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเรา คือ การรู้จักอิสลามที่แท้จริง และการทำให้ผู้คนรู้จักศาสนานี้…..

    3 รักษาเอกภาพโดยมีศาสดาเป็นจุดเชื่อมจิตใจในการต่อต้านศัตรูอิสลาม

    การมีศาสดา ผู้ทรงเกียรติ(ศ) นับเป็นจุดสำคัญที่สุดในการสร้างเอกภาพ ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอไปแล้วว่า โลกอิสลาม สามารถรวมกันได้ด้วย จุดสำคัญอันนี้ นี่คือ แนวทางการสร้างความสัมพันธ์สำหรับมุสลิมทุกๆคนโดยมีศาสนา เป็นศูนย์กลาง ในการสร้างความรัก และมิตรภาพ

    ในประเด็นนี้ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี กล่าวว่า

    “ท่านจะเห็นว่า ผู้ถือปากกาได้รับค้าจ้างจากไซออนิสต์ โดยการใช้จุดสำคัญอันนี้ และได้ดูถูก และหมิ่นเกียรติ ต่อศาสดา เพื่อให้การให้ความสำคัญต่อการดูหมิ่นต่อประชาชาติมุสลิม และการดูถูกโลกอิสลาม ค่อยๆจืดจางไปนี่คือประเด็นหลักอันสำคัญ บรรดานักการเมือง นักวิชาการ นักเขียน นักกวี ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ จะต้องอาศัย จุดสำคัญอันนี้ และมุสลิมทุกคนจะต้องสร้างความใกล้ชิดต่อกันด้วย สโลแกนนี้ พวกเขาจะต้องไม่นำเสนอในเรื่องของความขัดแย้ง หรือกล่าวหาและก่นดาต่อกัน จะต้องไม่ตักฟีรต่อกัน หัวใจของอุมมัตอิสลามทุกดวง จะต้องรำลึก และสร้างความรักต่อศาสดา และพวกเราทุกคนจะต้องมอบความรัก และหัวใจ ให้กับผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้”

    4 พิจารณาและค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการดูหมิ่น และตัวการผู้สร้างความขัดแย้ง

    เบื้องหลังการเคลื่อนไหวเหล่านี้ คืออะไร และคือใคร ? การทบทวน และศึกษา ถึงกระบวนการอันมีความชั่วร้ายเหล่านี้ ในหลายๆปีที่ผ่านมา จะทำให้เราเข้าถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลัง และทำให้เรารู้จักโฉมหน้าของศัตรูผู้ที่เป็นตัวการในการสร้างความขัดแย้งเหล่านี้

    ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

    “อาชญากรรมที่เกิดขึ้นใน อัฟกานิสถาน อิรัค ปาเลสไตน์ เลบานอน ปากีสถาน เป็นผลที่ควบคู่จากยุทธศาสตร์เหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้นำเสนอ ผู้บัญชาการ ผู้ออกคำสั่งนั่งเขียนใบสั่งอยู่ในห้องของนักล่าอาณานิคม และห้องความคิดแบบไซออนิสต์ ห้องซึ่งมีอิทธิพลต่อสหรัฐอเมริกา และองค์กร์หน่วยงานความมั่นคง และกองทัพ รัฐบาลอังกฤษ และยุโรป มากที่สุด เบื้่องหลังการเมืองอันชั่วร้ายนี้ คือ การเมืองของไซออนิสต์,สหรัฐ,และมหาอำนาจผู้ยิ่งยโส ด้วยความคิดอันเป็นโมฆะของพวกเขา ว่าจะสามารถดึงอิสลามบริสุทธิ์ ออกจากสายของเยาวชนรุ่นใหม่ในโลกนี้ จากจุดที่สูงส่ง ให้ลงต่ำมาได้ และพวกเขายังพยายามปิดความรู้สึกในการเรียกร้องหาศาสนา ถ้าหาก วิธีการสกปรกเหล่านี้ ไม่ถูกสนับสนุนมาก่อน อย่าง ซัลมาน รุชดี หรือ นักวาดการ์ตูนล้อเลียนชาวเด็นมาร์ก และหาก ภาพยนต์ต่อต้านอิสลามมากมาย ไม่ถูกสนับสนุน โดยผู้ครองทุนอย่างไซออนิสต์ พวกเขาไม่มีทางจะมาถึง ความผิดพลาด และบาปอันยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถอภัยได้อย่างแน่นอน”

    5 หลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่าง มุสลิม และ คริสต์

    เหตุการณ์ 11 กันยา เป็นเพียงข้ออ้างในการบุกโจมตี อัฟกานิสถาน และอิรัค โดยประธานาธิบดี มือเปื้อนเลือดในเวลานั้น และเขาก็ได้เปิดสงครามครูเสดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตัวเขาเองได้ประกาศว่า สงครามครูเสดครั้งนี้ จะสมบูรณ์ได้ ต้องให้โบสถ์มาเข้าร่วมในศึกนี้ และนอกจากนี้เป้าหมายในการเผาอัลกุรอ่าน ของนาย เทอรรี่ ก็เพื่อสร้างความขัดแย้งระหว่างอิสลาม กับคริสต์ ในสังคมของชาวคริสต์

    อยาตุลลอฮ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

    “ทุกคนจะต้องรู้ว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับโบสต์และศาสนาคริสต์แต่อย่างใด และเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นเพียงการเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดในนามบาทหลวงผู้โง่เขลา ดังนั้น จะต้องไม่มีใครโยนความผิดให้ชาวคริสต์ และศาสนิกชนผู้ยืดมั่นในศาสนาของพวกเขา เราผู้เป็นมุสลิม จะต้องไม่ทำในสิ่งที่ใดก็ตามที่เป็นการดูหมิ่นสิ่งที่ศาสนาอื่นๆให้ความเข้าร่วม และความขัดแย้งระหว่าง มุสลิม และชาวคริสต์ คือ ในเชิงทั่วไป คือสิ่งที่ศัตรู และผู้วางแผนการอันบ้าคลั่งเหล่านี้ต้องการ”

    6 เรียกร้องการลงโทษต่อบรรดาผู้ดูหมิ่นศาสดา จากบรรดาผู้นำประเทศที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้

    เมื่อมีเหตุการณ์ ดูหมิ่นศาสดา เกิดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง บรรดามุสลิม จะต้องเรียกร้องจากผู้มีอำนาจของประเทศนั้น ให้ทำการตัดสินและพิจารณาอย่างยุติธรรมต่อเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ โดยเฉพาะประเทศตะวันตก และยุโรป

    ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

    ” เราไม่ได้ต้องการพิสูจน์ว่า ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเหล่านี้ แต่เพราะ พฤติกรรม และแนวทางทางการเมืองของเหล่าผู้นำสหรัฐและประเทศยุโรปบางประเทศ ทีให้ หลายๆชาติต่างชี้นิ้วไปที่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำให้พิสูจน์ตัวเองจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ พวกเขาจะต้องพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอันร้ายแรงเหล่านี้ และการพิสูจน์จะต้องไม่ใช่เพียงแต่คำพูด แต่จะต้องด้วยการกรระทำ พวกเขาจะต้องขัดขวางการละเมิดเหล่านี้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ทำสิ่งเหล่านี้ เพราะผู้ต้องหาหมายเลขหนึ่ง คือ ไซออนสิต์ และรัฐบาลสหรัฐ หากนักการเมืองสหรัฐอ้างว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องบุคคลที่ก่ออาชญากรรม ซึ่งได้สร้างความเจ็บปวดต่อประชาชาติมุสลิม อย่างเหมาะสม”



    แหล่งอ้างอิง

    در مقابل اهانت به مقدسات اسلامی چه باید کرد؟

    เรื่องเด่นประเด็นร้อน | abnewstoday

    گرافیک - چاپ و فیلمسازی - مروری بر اهانت کاریکاتوریست دانمارکی

    پیام در پی اهانت نفرت‌انگیز دشمنان اسلام به ساحت نورانی پیامبر اعظم صلوات‌الله‌علیه‌وآله

    فیش‌های آیات شیطانی

    تحلیل اسنودن دباره پشت پرده شارلی ابدو

    75 حمله به مساجد و مسلمانان فرانسه بعد از حادثه شارلی ابدو / قتل همسایه با 30 ضربه چاقو به دلیل مسلمان بودن

    اداره مشاوره و پاسخ نهاد نمايندگي مقام معظم رهبري -سلمان رشدي كه بود و درباره آيات شيطاني توضيحاتي دهيد.

    จาก “ซัลมาน รุชดี” สู่ “ชาร์ลี เอปโด” แนวรบที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของตะวันตก | abnewstoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "จอร์แดน : แลกชีวิตนักบินกับเงินฟรีจากอเมริกาพันล้านและความนิยมในกษัตริย์จอร์แดนกลับคืนมา"

    ... หลังสงครามโลกครั้งงที่ 2 จอร์แดนก็เหมือนอาหรับหลายประเทศที่ไม่พอใจที่อังกฤษพายิวมาตั้งประเทศอิสราเอล ( อังกฤษตอบแทนยิวที่ช่วยรบและล้มอาณาจักรอ๊อตโตมันเติร์กได้ ) และปี 1948 ได้ร่วมกับซีเรีย อียิปต์ ซาอุ รบกับอิราเอล เพื่อต้องการไล่ "ยิว" ออกจากดินแดนแถบนี้ไป ... แต่จอร์แดนก็ไม่ชนะ แถม "อเมริกา" มาปกป้องอิสราเอลเต็มตัว จอร์แดนจึงรู้ว่าโอกาศชนะยิวยากมาก

    ... จากนั้นปี 1994 จอร์แดนก็เหมือนกับอียิปต์ คือถือคติผู้แพ้ ( = ถ้าชนะไม่ได้ก็เป็นพวกเดียวกันเสียเลย ) เพราะว่าประเทศจอร์แดนอยู่ติดกับอิสราเอลตลอดแนวตะวันตก รบไปก็จะบอบช้ำมากกว่านี้ แถมตอนนั้นมีปาเลสไตน์อพยพมาอีก ประเทศไม่เคยสงบ เลยต้องเปลี่ยนนโยบายยอบรับยิวเสียเลย ( ที่ต่างจากซีเรีย ยังแน่วแน่อยู่ทุกวันนี้ เพราะซีเรียอยู่ไกลจากอิสราเอลกว่า )

    ... จากนั้น "จอร์แดน" ก็ได้รางวัลตอบแทนเป็นพันธมิตรหลักนอกนาโต้ของอเมริกา ได้เงินช่วยเหลือฟรีทางการทหารจากอเมริกา (ภาษีคนอเมริกันทั่วไป ) ปีละประมาณ 411 ล้านดอลลาร์ซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับอิสราเอลและอียิปต์ที่ได้หลักหมื่นล้านบาทต่อปี

    ... และ ปี 2014 ในเดือนกันยายน อเมริกาต้องการขยายความสัมพันธ์ทางการทหารและเศรษฐกิจกับพันธมิตรในแถบตะวันออกกลาง จึงได้เสนอออกกฎหมาย "ความร่วมมือระหว่างอเมริกาและจอร์แดนขึ้น" United States-Jordan Defense Cooperation Act of 2014 (H.R. 5648) ซึ่งถ้าผ่านสภาคองเกรส จอร์แดนจะได้เงินช่วยเหลือเพิ่มเป็น 1 พันล้านดอลล่าร์ทันทีมากกว่าเดิมกว่าเท่าตัว

    ... โดยจุดประสงค์ต้องการให้มีการขายอาวุธของอเมริกาออกไปให้เร็วและมากที่สุดสู่จอร์แดน ( คล้ายๆอียิปต์ก็เอาเงินไปซื้ออาวุธอเมริกาอีกที หรือให้อาวุธที่ผลิตจากบริษัทอเมริกาไปตรงๆ แล้วแต่ข้อตกลง ) และต้องการใช้จอร์แดนเป็นฐานใน "สงครามซีเรีย" ที่อยู่ทางเหนือของจอร์แดน

    ... โดยจุดเด่นที่สำคัญของจอร์แดน คือเมืองท่า Aqaba ทางทิศใต้ที่เชื่อมต่อกับอิสราเอลและทะเลแดง ทะเลเมดิเตอร์เนียน และยุโรปนาโต้ได้ง่าย เพื่อที่จะผ่านอาวุธหรือทหารต่อไปยังซีเรียได้ง่าย

    ... แม้ว่ารัฐบาลของจอร์แดนจะสนิทและเอียงข้างอเมริกาชัดเจนมาตลอดตั้งแต่ 1996 แต่สำหรับประชาชนชาวจอร์แดนเองกลับตรงกันข้าม ที่นี่มีกลุ่มที่ "ต่อต้านอเมริกัน" อย่างรุนแรงที่สุดในโลกและมีมากกว่า 85% ที่รู้สึกไม่ชอบอเมริกัน จึงอยากที่จะเอาชนะใจคนกลุ่มนี้ได้

    ... แต่แล้วข่าวที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางสื่อตะวันตกได้ออกข่าวว่ากลุ่ม ISIL ได้เผานักบินชาวจอร์แดนทั้งเป็น ( ต้องพิสูจน์อีกที ) และข่าวนั้นได้ทำให้ประชาชนชาวจอร์แดนโกรธแบบสาธารณะไปทั่วทั้งประเทศ ตรงตามแนวคิดผู้ออกแบบการโฆษณาชวนเชื่อ

    ... และถ้าข่าวออกไปมากๆ คนโกรธกันทั้งประเทศ "กฎหมายความร่วมมือระหว่างอเมริกาและจอร์แดน" ก็น่าจะผ่านได้ไม่ยาก, สภาคองเกรสก็จะผ่านเงินภาษีชาวอเมริกันไปให้จอร์แดนซื้ออาวุธบริษัทค้าอาวุธอเมริกันได้รวยกันอีก เพื่อจะให้จอร์แดนเป็นฐานอีกแห่งด้านทิศใต้ในการโจมตีซีเรียต่อไป เพราะ ISIL เป็นแค่เป้าหลอก เป้าจริงของอเมริกาและอิสราเอลคือ "ซีเรีย"

    ... ยิ่งกว่านั้นจะทำให้ทัศนคติ ความนิยมต่อคนอเมริกันของชาวจอร์แดนมากขึ้นอีก ในฐานะเป็นตำรวจโลกผู้มาปราบ ISIL โจรผู้ร้ายในสายตาสื่อตะวันตก และคะแนนความนิยมในระบบและกษัตริย์จอร์แดนที่เริ่มง่อนแง่นและถูกท้าทายอย่างหนักตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาจะได้เข้มแข็งมากขึ้นกลับมาเป็นที่รักของชาวบ้านอีกครั้ง โดยมีแพะเป็น ISIL ( คล้ายๆ จอร์จ บุช ได้ใช้เหตุการณ์ 9 11 และชาวมุสลิมเป็นแพะในการดึงคะแนนเสียงที่ตกต่ำจากการโกงเลือกตั้งในรัฐฟลอริด้าในปี 2000 กลับคืนมา )

    ... แต่ที่น่าประหลาดและขัดแย้งอย่างมากคือ ปี 2012 มีข่าวว่า "จอร์แดน" เป็นดินแดนที่ทหารอเมริกันที่ได้รับเงินหนุนจากซาอุดิอาระเบีย มาฝึกอาวุธให้กับกลุ่ม ISIL เสียเอง

    .
    http://en.wikipedia.org/…/Jordan–United_States_rela…
    http://securityassistance.org/…/congress-introduces-bill-si…
    Robert Satloff and David Schenker: Political Instability in Jordan - Council on Foreign Relations
    https://www.youtube.com/watch?v=yhuo7-U7mOo
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธันวา สงวนสิน

    ได้ต้นแบบมาจากกฎหมาย “Homeland Security” ของสหรัฐอเมริกา !!

    สิทธิชัย โภไคยอุดม: ขอให้หมดห่วง กม.มั่นคงดิจิทัลเอามาจากกม. Homeland Security หน่วยงานรัฐไม่ทำตามคำสั่งคณะกรรมการดิจิทัลฯ มีความผิด
    2015.02.06 15:39

    ที่ปรึกษารองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจแจง ทุกมาตราที่มีปัญหาในชุดร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล “ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว” ระบุกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลต้องมีความเป็นสากลมากที่สุด เผยร่างกฎหมาย “มั่นคงไซเบอร์ฯ” ได้ต้นแบบมาจากกฎหมาย “Homeland Security” ของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการดิจิทัลฯ มีอำนาจสั่งการกระทรวง หากไม่ทำตามภายในเวลาที่กำหนด รมต.และปลัดมีสิทธิต้องโทษอาญามาตรา 157

    [​IMG]
    สิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที (ที่สองจากขวา)
    สิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที (ที่สองจากขวา)

    6 ก.พ. 2558 – ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวถึงความคืบหน้าร่างกฎหมายชุดเศรษฐกิจดิจิทัล ในงานเสวนา “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัล” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ว่า

    ตอนนี้ ร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล กำลังจะผ่านกฤษฎีกาภายในไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนที่ร่างกฎหมายจะกลับมาที่คณะรัฐมนตรีและเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยทั้งหมดนี้น่าจะใช้เวลารวมไม่เกิน 2 สัปดาห์

    เผยไม่ต้องการออกกฎหมายเผด็จการ ทุกรายมาตราที่มีปัญหา “ได้รับการแก้ไขหมดแล้ว”

    สิทธิชัยเผยด้วยว่า ร่างกฎหมายหลายมาตราที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะบางมาตราในร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาตินั้น ขณะนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

    “ที่กลัวกัน แก้ไปหมดแล้ว แก้ทุกมาตราที่จะเป็นเผด็จการหรือละเมิด ท่านรองนายกได้สั่งแก้หมดแล้ว ก่อนจะคลอดจากกฤษฎีกามาอำนาจพวกนี้จะหายหมด ถ้าไม่หายหมดก็ต้องไปแก้ต่อในสนช.

    “กฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งหมด จะไม่มีฉบับใดที่จะน่าเป็นห่วงอีกต่อไป ผมรับประกันได้ ถ้าออกมาแล้วยังละเมิดสิทธิอยู่ ผมคงต้องลาออก ผมอยู่ไม่ได้… ท่านนายกสั่งมาโดยตรง ว่าต้องแก้ทุกข้อที่มีคนร้องเรียนท่านไป อย่าให้เป็นกฎหมายเผด็จการโดยเด็ดขาด

    “ถ้ารัฐบาลชุดต่อไปไม่มีคุณธรรมจริยธรรมพอก็จะแย่ เพราะฉะนั้นการร่างกฎหมายที่ดีจะต้องไม่มีเผด็จการ เพราะเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ถ้ากฎหมายเผด็จการ ละเมิดสิทธิได้ตามใจชอบ อีกหน่อยลูกหลานเราก็จะโดนเอง”

    สิทธิชัยกล่าวด้วยว่า กฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลต้องมีความเป็นสากลให้ได้มากที่สุด เพื่อที่บริษัทต่างชาติจะได้มีความมั่นใจ

    อย่างไรก็ตาม สิทธิชัยไม่ได้ให้รายละเอียดการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว และไม่ได้ระบุว่าจะมีการเปิดเผยร่างที่ได้รับการแก้ไขแล้วแก่สาธารณะหรือไม่

    เผย ร่างกฎหมาย “มั่นคงไซเบอร์ฯ” เลียนแบบกฎหมายกระทรวงความมั่นคงของสหรัฐฯ

    สิทธิชัยเปิดเผยด้วยว่า หนึ่งในเหตุผลที่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น เนื่องจากขั้นตอนการร่างกฎหมายมีความเร่งรีบเกินไป

    “ตอนนี้ที่กฎหมายทั้ง 10 ฉบับถูกตีเละเทะ เพราะมีการเร่งมาก พอเร่งมากเจ้าหน้าที่ที่เป็นข้าราชการ คุ้นอยู่กับการมีอำนาจ ก็อาจใส่อะไรบางอย่างที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทำให้ทำงานง่าย ซึ่งอันนี้ได้รับการแก้ไขหมด”

    พร้อมทั้งยืนยันถึงความจำเป็นในการมีพ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยระบุว่า ประเทศมีความต้องการกฎหมายที่เข้มข้นกว่าพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากทุกวันนี้ประเทศเผชิญกับปัญหาการอาชญากรรมไซเบอร์

    ส่วนการที่เจ้าหน้าที่จะเข้าถึงข้อมูลการสื่อสารของประชาชนนั้น ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงจะไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในศาลได้ เว้นแต่การเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวจะมีหมายศาลเท่านั้น

    นอกจากนี้ สิทธิชัยเปิดเผยด้วยว่า แบบอย่างของร่างกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติคือกฎหมายของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) ของสหรัฐอเมริกา

    “ถ้าท่านอ่านกฎหมาย Homeland Security มีคนอยากให้เราทำกฎหมายแบบอเมริกา เราก็เลยแปลกฎหมาย Homeland Security กับกฎหมายของซีไอเอ พอแปลอย่างนี้แล้วเอาไปให้เอ็นจีโออ่าน ตกใจกัน บอกไม่เอากฎหมายแบบนี้ อ้าวคุณอยากให้แปล อยากได้เป็นแบบอเมริกาไง เราเอาของอเมริกามาเลย ปรากฎว่าละเมิดสิทธิเยอะมาก”

    คณะกรรมการดิจิทัลสั่ง กระทรวงไม่ทำตาม ต้องโทษอาญามาตรา 157

    สิทธิชัยกล่าวถึงคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่า คณะกรรมการดิจิทัลฯ จะมีอำนาจสั่งการกระทรวงต่างๆ และหากกระทรวงไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษทางอาญา ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นวิธีที่จะทำให้นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลสำเร็จได้

    “คณะกรรมการดิจิทัลฯ มีมติใดๆ ออกมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงใด เช่น ถ้าจะบังคับให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงอะไร กระทรวงสาธารณะสุขทำอะไร ถ้ากระทรวงไม่ตอบสนองภายในเวลาที่กำหนด รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงจะโดนคดีอาญามาตรา 157

    “อันนี้เป็นหัวใจ ถ้าไม่มีมาตรานี้ไว้เราก็เลิกหวังเศรษฐกิจดิจิทัลได้เลย เพราะจะไม่มีใครสนใจ เราพยายามทำรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์มา 20 ปี พยายามทำไรหลายอย่างไม่เคยสำเร็จเพราะไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนเป็นเจ้าของอาณาจักรของตัวเอง แต่ถ้าคณะกรรมการนี้มีมติออกมา แล้วถ้าไม่ทำตามจะมีมาตรการลงโทษ อันนี้น่าจะสำเร็จ”

    ทั้งนี้ มาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญาฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

    สิทธิชัยเผยว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดิจิทัลฯ จะไม่มีสิทธิสั่งการดังกล่าวกับภาคเอกชน

    https://thainetizen.org/2015/02/sitthichai-digital-economy-homeland-security/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกางามหน้า!! ไล่ศาสตราจารย์ เหตุทวีต ต้านรัฐยิว อิสราเอล
    สหรัฐby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 6, 2015 397

    [​IMG]

    ศาสตราจารย์ที่ถูกไล่ออกจากงาน เนื่องมาจากการทวีตต่อต้านรัฐอิสราเอลของเขา ขณะนี้กำลังดำเนินการฟ้องร้องต่อหลายๆสำนักงานในมหาลัยอิลลินอยต์ โดยเขาได้อ้างว่า การเลิกจ้างอันนี้เป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม มีการละเมิดเสรีภาพในการพูด และได้รับอิทธิมาจาก”ผู้สนับสนุนของทางมหาวิทยาลัย”

    ศาสตราจารย์ สตีเฟน ซาลัยตา (Steven Salaita) ถอนตัวออกจากมหาวิทยาลัย Virginia Tech หลังจากได้รับข้อเสนอให้เข้าสอนในมหาวิทยาลัย อิลลินอยต์ แห่ง Urbana-Champaign (UIUC) อย่างไรก็ตาม เพียง 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มการเรียนการสอนของปีการศึกษา 2014 ซาลัยตา ได้รับแจ้งว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ยกเลิกข้อเสนอตำแหน่งงานดังกล่าวให้แก่เขา อันเนื่องมาจาก โพสต์ทวีตเตอร์ ที่ ‘ไร้ความเป็นศิวิไลซ์’ ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อช่วงสงครามฤดูร้อนในกาซ่า ปาเลสไตน์

    ทางมหาลัยวิทยาลัยได้ทำการอ้างอิงถึง บางข้อความที่เขาได้โพสต์ไว้ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพื่อประกอบการตัดสินความในครั้งนี้

    “คุณอาจจะเรียบร้อยเกินไปที่จะพูดมันออกมา แต่ผมไม่เป็นเช่นนั้น ผมขอให้ พวก *คำหยาบ* ที่มาตั้งถิ่นฐานในเขต เวสแบงค์ หายหัวไปซะ,” _หนึ่งในโพสต์ทวีตของ ซาลัยตา อีกอันคือ “หากคุณกำลังปกป้อง #อิสราเอล อยู่ ณ ตอนนี้ (ผมขอบอกไว้เลยว่า) คุณน่ะ คือ สวะมนุษย์”

    “ข้อความเหล่านี้ และอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน แสดงให้เห็นว่า ดร. ซาลัยตา ขาดกระบวนความตัดสิน ไร้การยับยั้งอารมณ์ และความคิดใคร่ครวญ ในฐานะที่จะมาเป็นสมาชิกหนึ่งของคณะเรา ไม่ว่าจะในด้านใดๆก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเข้ามาสอนในหลักสูตรที่เกี่ยวโยงกับ ตะวันออกกลาง,”_ แถลงการณ์มหาวิทยาลัย

    ในคำร้อง/ฎีกาของรัฐบาลกลาง ยื่นต่อศาลชั้นต้น (ที่เรียกว่า US District Court) ในชิคาโก เมื่อวัน พฤหัสบดี ซาลัยตา กล่าวแย้งว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ละเมิดสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ต่อเสรีภาพในการพูดของเขา ทั้งยัง “เหยียบย่ำหลักการ ในกรณีของเสรีภาพทางวิชาการ”

    “การถูกไล่ออกจากงาน ได้ทิ้งอาชีพทางวิชาการของผม (อาชีพซึ่งเป็นดั่ง) กลไกหลักที่ผมใช้ในการประคับประคองครอบครัวของผม ไว้ในโรงฆ่าสัตว์,” ซาลัยตากล่าว ในงานแถลงข่าว “เมื่อปราศจากแหล่งรายได้นี้ ภรรยา และลูกชายตัวน้อยของผม รวมถึงตัวผมเอง จำต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ของผม ทั้งตอนนี้ ต้องมากระเสือกกระสน พยายามที่จะยุติเรื่องนี้ลงให้จนได้”

    กระนั้น ศูนย์เพื่อสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ แห่งนิวยอร์ก (New York-based Center for Constitutional rights) ก็ได้ให้การสนับสนุนซาลัยตาต่อกรณีดังกล่าว

    “การตอบโต้ของทางมหาวิทยาลัย (UIUC) โดยการปลดศาสตราจารย์ที่มีสิทธิทางวิชาการ ในแง่ของการตอบกลับไปยัง มุมมองที่ตัวศาสตราจารย์ได้แสดงออกมา ต่อเรื่องที่ถือเป็นความกังวลของสาธารณะ เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึง การละเมิดอย่างจริงจังต่อ สิทธิอันชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญด้านเสรีภาพในการพูด,” _ศูนย์เพื่อสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญกล่าว “,ตามประวัติศาสตร์แล้ว นานามหาวิทยาลัยต่างอนุญาตให้มีการโต้วาทีกันในกรณีของการเมืองที่เข้มงวด ที่ซึ่งความไม่ลงรอย ไม่เห็นชอบด้วยประการใดๆ ไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อนรับ แต่คือสิ่งที่อยู่ในหัวใจของสังคมวิทยาลัย ที่ส่งเสริมไอเดียใหม่ๆ”

    ทนายความของ ซาลัยตาอ้างว่า คณะกรรมาธิการของทางมหาวิทยา กลุ่มผู้ที่ไม่อนุมัติให้ซาลัยตาเข้ารับตำแหน่งงานนั้น ได้รับอิทธิพลมาจากผู้สนับสนุน (ผู้บริจาค) ของทางมหาวิทยาลัย ขณะที่ทางมหาวิทยาลัย UIUC กล่าวปฏิเสธ และจะขอสู้คดีฟ้องร้องในครั้งนี้

    “ในฐานะปัจเจกพลเมือง ดร. ซาลัยตา ถือครองสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ในการแสดงความคิดเห็น สาธารณะใดๆ ที่เขาเลือก,” คำแถลงการณ์ของมหาวิยาลัย เมื่อวันพฤหัสบดี ระบุ “อย่างไรก็ตาม ดร. ซาลัยตา ไม่ได้ถือครองสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญอันใด ต่อตำแหน่งงานในคณะ ของทางมหาวิทยาลัยอิลลินอยต์”

    ทางมหาวิทยาลัย UIUC ยังกล่าวอีกด้วยว่า ซาลัยตา ได้ปฏิเสธที่จะ “เจรจาต่อรอง เพื่อจัดการความเสียหายและค่าใช้จ่ายใดๆที่สมเหตุสมผลของเขา”

    ซาลัยตายังมีผู้สนับสนุนอื่นๆอีก อาทิ เช่น นิสิต นักศึกษาที่ได้ออกมาเดินประท้วงต่อต้านการตัดสินของทาง

    มหาวิทยาลัย และ บัญชีผู้ใช้เฟสบุกในนามผู้สนับสนุนศาสตราจารย์ ที่มีจำนวนไลค์ มากกว่า 3600 ‘likes’ ซึ่งทำการอัพเดทเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

    คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยด้านเสรีภาพทางวิชาการ และการสิทธิด้านวิชาการ ออกระเบียบในช่วงปลายเดือนธันวาคมให้มีการพิจารณาการว่าจ้างงาน ซาลัยตาอีกครั้ง ขณะที่ คณะกรรมาธิการยังคงยืนยันคำตัดสินของพวกเขา ที่ให้มีการยกเลิกการเสนองานให้แก่ซาลัยตา เมื่อเดือน มกราคม



    โดย ดุออฺ กุเมล

    อเมริกางามหน้า!! ไล่ศาสตราจารย์ เหตุทวีต ต้านรัฐยิว อิสราเอล | abnewstoday
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ฉลามเอเลี่ยน’ เกยตื้นในฟิลิปปินส์
    by Sathit M. 7 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 13:51 น.

    [​IMG]

    ฉลามปากกว้าง หัวโตใหญ่ หน้ามู่ทู่ ถูกคลื่นซัดเกยหาดในฟิลิปปินส์ เผยเป็นปลาน้ำลึกหายากมาก ตั้งแต่พบครั้งแรกเมื่อราว 40 ปีก่อน แทบไม่เคยมีใครเห็นตัวเป็นๆ

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/bHiL7MPAZ0g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ชาวประมงเจอซากของเจ้าฉลามตัวยาว 4.5 เมตรตัวนี้บนชายหาดแห่งหนึ่งระหว่างจังหวัดอัลเบย์กับมาสบาเตเมื่อวันที่ 28 มกราคม ฉลามพันธุ์นี้มีชื่อสามัญว่า Megamouth shark มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Megachasma pelagios


    คริสโตเฟอร์ เบิร์ด นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน ในแคว้นอิงแลนด์ ซึ่งศึกษาปลาฉลามน้ำลึก บอกว่า นักวิทยาศาสตร์มีความรู้เกี่ยวกับปลาฉลามปากกว้างน้อยมาก ตั้งแต่พบครั้งแรกเมื่อปี 2519 แทบไม่เคยมีใครเห็นตัวเป็นๆเลย มีแต่พบซากตามชายหาด หรือติดอวน

    ปลาฉลามปากกว้างที่โตเต็มที่ มีความยาว 5 เมตร มีอายุขัยประมาณ 100 ปี ใช้ชีวิตในน้ำลึก กินแพลงก์ตอน กุ้งฝอย กุ้งเคย ในปากกว้างมีซี่ฟันเล็กๆ ทำหน้าที่กรองอาหารเข้าปากและบ้วนน้ำออก

    นับแต่ค้นพบฉลามชนิดนี้ เคยมีผู้พบเห็นตัวเป็นๆราว 66 กรณี และที่จับตัวได้ก็ยิ่งน้อยครั้งกว่านั้นอีก.

    ‘ฉลามเอเลี่ยน’ เกยตื้นในฟิลิปปินส์ - VoiceTV
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทอ.จอร์แดนบอมบ์ไอซิสสะดวก ได้เอฟ-22 สหรัฐฯช่วยคุ้มกัน
    โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 7 ก.พ. 2558 08:15

    [​IMG]

    เครื่องบินขับไล่ เอฟ-22 แร็พเตอร์ ภาพจากทวิตเตอร์ ล็อคฮีทมาร์ติน

    เพนตากอน รายงานว่า เครื่องบินขับไล่ เอฟ-22 แร็พเตอร์ และเครื่องบินโจมตีขัดขวางการป้องกันภัยทางอากาศ เอฟ-16 ซีเจ เข้าร่วมปฏิบัติการในการคุ้มกันเครื่องบินของจอร์แดนในระหว่างที่บินเข้าถล่มเป้าหมายที่มั่นของกลุ่มไอซิส...

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน รายงานว่า เครื่องบินขับไล่ เอฟ-22 แร็พเตอร์ และเครื่องบินโจมตีขัดขวางการป้องกันภัยทางอากาศ เอฟ-16 ซีเจ เข้าร่วมปฏิบัติการในการคุ้มกัน เครื่องบินของกองทัพอากาศจอร์แดนในระหว่างที่บินเข้าถล่มเป้าหมายที่มั่นของกลุ่มไอซิส ในซีเรีย เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2558 ที่ผ่านมา

    พันเอกสตีฟ วอร์เรน โฆษกเพนตากอน กล่าวว่า เครื่องบินขับไล่สเตลธ์ของสหรัฐฯได้เป็นส่วนหนึ่ง ของชุดโจมตีแบบมาตรฐานที่เป็นการสนธิกำลังกันระหว่าง กองทัพอากาศสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอซิสในประเทศซีเรีย และอิรัก

    จอร์แดนได้เข้าโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายในเมืองรักกาด้วยอาวุธมากกว่า 12 ลูกเพื่อทำลายคลังแสงเก็บอาวุธและเครื่องกระสุน รวมทั้งถล่มสถานที่ฝึกซ้อมการสู้รบของกลุ่มไอซิส โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯในศูนย์บัญชาการกลาง ได้จัดชุดเฉพาะกิจเข้าปฏิบัติการประกอบด้วย เครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-22 แร็พเตอร์ และ เอฟ-16 เพื่อคุ้มกันฝูงบินรบของจอร์แดน รวมทั้งสหรัฐฯ ยังได้ส่งอากาศยานไร้นักบินเข้าร่วมตรวจการณ์ และหาข่าวในพื้นที่เป้าหมายด้วย

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.พ.ฝูงบินรบของพันธมิตรได้เข้าโจมตียังเป้าหมายในเมืองโคบานีถึง 9 ระลอก โดยจุดดังกล่าวมีกองกำลังรบของของกลุ่มไอซิส อีกทั้งยังมีเครื่องบินรบและยานไร้นักบิน เข้าโจมตีเป้าหมายในอิรักอีก 8 ระลอก โดยเมื่อรวมการปฏิบัติการทางอากาศ Operation Inherent Resolve จนถึงวันที่ 5 ก.พ.2558 มีการโจมตีไปแล้ว 2,294 เที่ยวบิน โดยเป็นการโจมตีในซีเรีย 1,259 เที่ยวบิน และ ในอิรักอีก 1,035 เที่ยวบิน โดยกองกำลังทางอากาศของสหรัฐฯ เข้าโจมตีมากที่สุดถึง 1,856 เที่ยวบิน ขณะที่กองกำลังของพันธมิตรมี 438 เที่ยวบิน

    นอกจากนี้เพนตากอนยังยืนยันว่า ได้มีการส่งหน่วยค้นหาและกู้ภัยอากาศยานในสนามรบ และกองทหารอีกส่วนหนึ่ง เคลื่อนที่เข้าไปรับผิดชอบในเขตทางตอนเหนือของอิรัก เพื่อให้การช่วยเหลือนักบิน กรณีถูกยิงตก หรือ สละเครื่องในเขตแดนของศัตรู จะได้ช่วยเหลือออกมาได้เร็วที่สุด แต่ไม่ได้ระบุว่าส่งอากาศยานแบบใดเข้าไปประจำการบ้าง.

    ที่มา : airforcetimes

    ทอ.จอร์แดนบอมบ์ไอซิสสะดวก ได้เอฟ-22 สหรัฐฯช่วยคุ้มกัน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิชาการเฉลยสัตว์ประหลาดในกระป๋องทูน่าคือแมงกินลิ้น
    06 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 18:43 น. |

    [​IMG]

    นักวิชาการเผยสิ่งมีชีวิตที่พบในกระป๋องปลาทูน่าในอังกฤษเป็น "แมงกินลิ้น" เผยในไทยพบได้จากปลาสดที่ซื้อจากริมทะเล แต่ส่วนใหญ่ผู้ค้าจำกำจัดทิ้งก่อน


    เมื่อวันที่ 6 ก.พ. หลังจากที่สื่ออังกฤษได้รายงานว่า หญิงชาวเมืองน็อตติ้งแฮม ในอังกฤษ ได้พบสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดในปลาทูน่ากระป๋อง มีลักษณะคล้ายเม็ดถั่วสีชมพูและมีตาสีดำกลมโต 2 ดวง ซึ่งสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวไปอย่างกว้างขวางและตั้งคำถามว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวคือสิ่งมีชีวิตชนิดใดนั้น

    ล่าสุด ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า สิ่งมีชีวิตดังกล่าวเป็น แมงกินลิ้น หรือ tongue-eating louse ซึ่งเป็นสัตว์ในกลุ่มกุ้งปู ใช้ชีวิตด้วยการเข้าไปเกาะที่ลิ้นของปลาทะเลเพื่อดูดเลือดปลากิน และจะเกาะอยู่นานจนลิ้นปลาฝ่อและฝังตัวเข้าไปแทนลิ้นปลา

    "สำหรับในไทยเรา มีแมงกินลิ้นหรือไม่ ... ยินดีด้วยครับ.. เจอประจำในปลาสดๆ ที่ซื้อจากริมทะเลครับ แต่ปรกติแล้ว พ่อค้าปลาเค้ามักจะกำจัดทิ้งไปก่อน ลูกค้าจะได้ไม่สยอง grin emoticon (ถ้าต้มสุกแล้ว ก็กินได้ ไม่ได้มีพิษอะไรนะ ... แต่ใครจะกล้ากิน ฮะๆ)" ผศ.ดร.เจษฎากล่าว

    ในเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุรายละเอียดของ แมงกินลิ้นเอาไว้ว่าเป็นปรสิตจำพวกกุ้ง-กั้ง-ปูในวงศ์ Cymothoidae และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymothoa exigua มีขนาดความยาวตั้งแต่ 3 ถึง 4 ซม.

    แมงกินลิ้นจะเข้าไปในปากของปลากะพงทางเหงือกและเกาะที่ลิ้นของปลา แมงกินลิ้นจะใช้ก้ามที่ขาสามคู่หน้าหนีบลิ้นของปลาไว้ทำให้เลือดออก ยิ่งแมงกินลิ้นตัวโตขึ้น ลิ้นของปลาก็จะมีเลือดไหลเวียนได้น้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลิ้นนั่นฝ่อเนื่องจากขาดเลือด จากนั้นแมงกินลิ้นจะเอาตัวเองติดกับกล้ามเนื้อลิ้น ซึ่งปลาจะใช้แมงกินลิ้นได้เหมือนลิ้นปกติ แมงกินลิ้นจะดูดเลือดหรือไม่ก็กินเนื้อเยื่อของของปลาเป็นอาหาร โดยไม่ได้กินเศษอาหารของปลาแต่อย่างใด แมงกินลิ้นเป็นสัตว์จำพวก Cymothoa เพียงชนิดเดียวจากจำนวนหลายสายพันธุ์ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

    เมื่อพ.ศ. 2548 ได้มีการพบปลาที่ถูกแมงกินลิ้นเกาะในสหราชอาณาจักร ซึ่งปกติแล้วจะพบแมงกินลิ้นในแถบชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้มีการคาดเดาว่าแมงกินลิ้นอาจจะเพิ่มถิ่นหากินมากขึ้น


    นักวิชาการเฉลยสัตว์ประหลาดในกระป๋องทูน่าคือแมงกินลิ้น - โพสต์ทูเดย์ ข่าวสังคม
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โลกต้องจารึก! เผยคำสาปแช่ง บนลูกระเบิด ที่จอร์แดนใช้ถล่มISIS

    [​IMG]

    <iframe width="628" height="385" src="https://www.youtube.com/embed/kpv9EzqaXCY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    คงไม่มีใครลืมลงจริงๆกับเหตุการณ์ที่กลุ่มรบหัวรุนแรงISIS ได้ทำการเผาทั้งเป็นตัวประกันนักบินหนุ่มของจอร์แดน พร้อมถ่ายคลิปสุดอลังการเผยแพร่ออกมาเย้ย สร้างความร้าวฉานให้กับศาสนาอิสลามและความเครียดแค้นให้กับประชาชนชาวจอร์แดนเป็นอย่างมาก

    และเมื่อไม่กี่วันมานี้ กษัตริย์แห่งจอร์แดนหรือ King Abdullahที่2 ก็ทรงเป็นผู้ที่ประกาศกร้าวถึงการทวงแค้น และนำทัพขับเครื่องบินรบนำระเบิดไปบอมบ์กลุ่มISIS ด้วยพระองค์เอง แต่นอกเหนือจากลูกระเบิด ก็ยังมีคำสาปแช่งต่างๆที่ถูกเหล่าทหารเขียนลงไป

    ข้อความต่างๆเมื่อแปลเป็นไทยก็จะมีความหมายทั้ง

    "ระเบิดลูกนี้ของมอบให้แก่ศัตรูของศาสนาอิสลาม"

    "อิสลามไม่ได้เกี่ยวข้องกับISIS"

    "ขอให้นักรบของพวกเจ้าถูกแผดเผาเป็นจุลในนรก"

    ซึ่งกษัตริย์แห่งจอร์แดนยืนยันว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการเอาคืนเท่านั้น

    Jordan ISIS airstrike

    ISIS airstrike Jordan

    ISIS Jordan airstrike

    ISIS airstrikes Jordan

    ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงนี้จะมีไปอีกนานแค่ไหน สงครามที่ยืดเยื้อมีแต่จะทำให้เกิดความอดอยาก ชีวิตและทัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ที่เสียไปโดยไร้ค่า

    Boxzaขอภาวนาในสงครามครั้งนี้สิ้นสุดในเร็ววันนะคะ

    ขอบคุณข้อมูลและคลิปจาก

    businessinsider,Youtube

    เรียบเรียงโดย

    Boxza

    โลกต้องจารึก! เผยคำสาปแช่ง บนลูกระเบิด ที่จอร์แดนใช้ถล่มISIS - ข่าว isis จอร์แดนทิ้งระเบิด ข้อค
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 7 ก.พ.58 เจรจาลดหนี้ล่ม ทางรอดตายกรีซเมิน EU เข้าซบ BRICS
    ผู้นำกรีซ ส่งนายยานิส วารูเฟกิส รัฐมนตรีคลัง เดินสายไปเยือนประเทศใน EU เช่น ฝรั่งเศส และอิตาลี เพื่อโน้มน้าวให้ชาติยุโรป เห็นพ้องกับความต้องการของกรีซในการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด และทำการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งหมด
    ประเทศยุโรปต่างก็ยืนกรานบีบให้กรีซ ปฏิบัติตามข้อผูกพันที่ทำไว้กับ EU และ IMF และคัดค้านการปรับลดหนี้ให้แก่กรีซ แต่รัฐมนตรีคลังกลุ่ม EU จะประชุมพิเศษในวันที่ 11 ก.พ. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงิน แบบมีเงื่อนไข ต่อกรีซต่อไป
    ----------------------------->
    เป็นไปตามคาด นายธนาคารใหญ่ในยุโรป และอเมริกา กลุ่มอิิลลูมินาติ ไม่ยินยอม เพราะ มาตรการรัดเข็มขัด ฟังเหมือนดูดี แต่มันจะถูกบีบด้วยเงื่อนไขจากเจ้าหนี้สารพัดแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และกรีซจะถูกบีบให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ และสินทรัพย์ดีๆ ที่พอมีเหลืออยู่บ้างให้ขายถูกๆ
    จากนั้นพวกกระสืออิลลูมินาติ จะส่งแนวรบอีกชุดพวก เช่น เฮดฟันด์ ของจอร์ทโซรอร์ท เข้ามาช้อนซื้อสินทรัพย์พวกนี้ในราคาเปิดท้ายขายของเก่า ซึ่งเป็นมุขเดียวที่เคยทำกับไทยเมื่อปี 2540 สมัยจิ๋วเป็นนายกฯ และคนแดนไกลเป็นรองนายกฯ จนต้องออกกฎหมาย ปรส.บังคับขายสินทรัพย์ไทยดีๆ ต่อมานั่นแหละ
    อิลลูมินาติ มัน มามุขเดียวกันทั้งโลก ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเอาเปรียบ ใครล้ม พวกนี้กระทืบซ้ำทันที เพื่อนฝูงก็หักหลังกันหน้าตาเฉย แต่กรีซมีทางเลือกว่าอยากอยู่แบบทาส หรือ อิสระเป็นไทย เพราะ BRICS เขาอ้าแขนรับ พร้อมจะดามหัวใจช้ำกลัดหนองให้แล้ว โดยพร้อมจะปล่อยกู้ช่วยเหลือกรีซแบบดอกเบี้ยต่ำ และชดใช้คืนในระยะยาวๆ
    มีเงื่อนไขแสนง่ายดายสองข้อ ที่ BRICS เสนอ คือ กรีซ ต้องออกจากกลุ่ม EU มาซบกลุ่ม BRICS ซะดีๆ และยอมให้รัสเซียสร้างท่อแก๊สไปเตรียมปล่อยปลายท่อที่กรีซ เมื่อสองเงื่อนไขนี้กรีซตกลง โอนเงินให้เอาไปเลย ขั้นตอนต่อไปรัสเซียจะปิดวาล์วท่อแก็สที่ผ่านยูเครนไปยุโรปทิ้ง
    ให้มีรูออกที่กรีซ และตุรกี เท่านั้น ยุโรปที่จำเป็นต้องใช้แก๊ส 66 % จากรัสเซีย เพื่อผลิตไฟฟ้า พลังงานทางอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงให้ความอบอุ่นประชาชน จะต้องไปคุกเข่าขอซื้อจากกรีซ ที่จะกลายเป็นยี่ปั้วขายแก็สรัสเซียในยุโรปแต่เพียงผู้เดียว
    กรีซจะตั้งราคาขายโขกสับยุโรปเท่าไรก็ได้ เพราะอีกทางอิหร่าน และตุรกี ก็จะฮั้วกันตั้งราคาขายแพงๆ ให้ยุโรป เช่นกัน วันก่อนประชาชนกรีซหลายพันคนมาชุมนุมสนับสนุนนโยบายผ่อนคลายการรัดเข็มขัดของ ผู้นำกรีซ โดยเขาไม่ส่งตำรวจสักคนไปห้าม ทำให้ประชาชนผู้ชุมนุมชูนิ้วขึ้นว่า " นายยอดมาก"
    นาทีนี้ผู้นำกรีซ ต้องคิดให้หนักว่า จะจมน้ำตายไปกับเพื่อน EU หรือ จะพาประชาชนคว้าเชือกที่ BRICS โยนลงน้ำไปช่วยชีวิต !!
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 8 ก.พ.58 เครื่องบินทิ้งระเบิดเรือรบ Tu-22M3 และลาดตระเวณ Tu-214ON
    เครื่องบิน Tu-22M3 ความเร็วเหนือเสียง ของรัสเซีย ได้รับสมญานาม "นักล่าเรือบรรทุกเครื่องบิน" เป็นที่เกรงกลัวของกองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ ที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร มันสามารถโจมตี และจมเรือบรรทุกเครื่องบินได้ จากระบบอาวุธแบบใหม่ล่าสุด
    มันสามารถค้นหา และตามล่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินได้ทั่วทุกมหาสมุทรของโลก ด้วยความรวดเร็ว โดยสามารถปฏิบัติการเพียงลำพัง เครื่องบินรุ่นนี้จำนวน 2 ลำได้รับการส่งมอบไปยังกองทัพอากาศรัสเซีย ส่วนอีก 1 ลำ อยู่ในระหว่างการทำสีใหม่ รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องรุ่นนี้ส่วนที่สำคัญ ยังไม่เป็นที่เปิดเผย เช่น การใช้ระบบการเล็งแบบใหม่ และ อุปกรณ์ช่วยเดินอากาศ
    ส่วนเครื่องบินลาดตระเวณ Tu-214ON ของรัสเซีย มีการติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะทางที่ทันสมัย รวมถึงกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ยังคงใช้ฟิล์ม สามารถถ่ายภาพวัตถุขนาด 30 x 30 ซม. ที่ความสูง 3 กิโลเมตรจากบนท้องฟ้า โดยละเอียด ภายใต้เงื่อนไข และข้อจำกัด
    สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดถึง 8 นิ้ว โดยเรดาร์ตรวจการณ์ของมันมีความละเอียด 3 เมตร พร้อมอุปกรณ์ตรวจจับอินฟราเรด เครื่องถ่ายภาพอัตโนมัติ และอุปกรณ์สำหรับการสอดแนม อื่นๆ โดยใช้ลูกเรือสำหรับปฏิบัติการณ์ 5 นาย
    เมื่อมีสงครามระหว่างโลกจะวันออก และโลกตะวันตก คงจะได้เห็นศักยภาพของเครื่องบิน 2 รุ่นนี้ประชันกับเครื่องบินรบจากอเมริกา และ NATO
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 8 ก.พ.58 โครงการอวกาศของรัสเซียบนดวงจันทร์
    พ.ศ.2505 รัสเซีย ได้เริ่มต้นการพัฒนา มอบให้วิศวกร และนักบิน ทำโครงการอวกาศมีชื่อว่าโครงการ "Barmingrad" เพื่อการสร้างสถานีวิทยาศาสตร์ บนดวงจันทร์ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก จนเกิดน้ำขึ้น น้ำลง นั้น จะมีด้านมืดที่คงที่อยู่ตลอดเวลา
    ด้านมืดนี้แหละ ที่เป็นเป้าหมายของอเมริกา รัสเซีย และจีน เพราะมันอุดมด้วยแร่ธาตุสำคัญ ที่ได้มาจากการพัดมาสะสม ของพายุสุริยะ และเป็นธาตุที่ชาติมหาอำนาจ วางแผนจะทำเหมืองพลังงานในอนาคต
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 8 ก.พ.58 เกิดการยิง และปะทะกันใกล้ที่ทำการรัฐบาลยูเครน
    ที่ยูเครนมีคนงานเหมือง กลุ่มตำรวจ และทหารส่วนหนึ่ง ก่อเหตุชุมนุมประท้วง และขอให้ผู้คุมกำลังของรัฐบาลลาออก และมีเหตุตึงเครียด ขึ้นเป็นระยะๆ แต่ยังไม่เกิดการปะทะกันรุนแรงนัก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ระหว่างกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง และตำรวจกว่าร้อยคน
    ที่อาคารที่ทำการของรัฐบาลยูเครน ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ตำรวจมีการยิงใส่ผู้ประท้วงสนั่นหวั่นไหว มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่แขน และมีผู้ถูกควบคุมตัวประมาณ 24 คน ตอนนี้สถานการณ์ยังค่อนข้างสับสน
    สถานการณ์ของยูเครน มีโอกาสความเป็นได้ที่จะเกิดการปฎิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ฝักไฝ่ชาติตะวันตก น่าจับตาว่าพวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่
    @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    ตอนนี้สิ่งที่น่าจับตา ในสถานการณ์ในยูเครน ก็คือการตัดสินใจเสริมอาวุธหนัก ให้กับรัฐบาลยูเครน ของสหรัฐนี่แหละครับเพราะนี่ถือว่าเป็นการ ราดน้ำมันเข้ากองไฟ และถือเป็นการยั่วยุ กำลังจะทำให้รัสเซีย เริ่มหมดทางเลือก เพราะต้องทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องความมั่นคงของรัสเซีย http://www.euronews.com/…/kerry-in-kyiv-to-discuss-possibl…/
    ในขณะเดียวกัน ทั้งฝรั่งเศส และเยอรมันพยายาม เจรจาหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลาย กลายเป็นการเผชิญหน้ากัน ระหว่างรัสเซีย และกองกำลังนาโต ซึ่งทางรัสเซียได้ มีการเตรียมความพร้อม โดยการสั่งการให้ กองกำลังขีปนาวุธข้ามทวีป(Strategic Missile Forces) มีการลาดตระเวนในบริเวณ 6 ภูมิภาค ทั่วรัสเซียเพื่อเตรียมพร้อม สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น http://www.washingtontimes.com/…/russia-increases-missile-…/
    แน่นอนครับนี่คือ สิ่งที่ไม่ปรากฎในสื่อหลักๆ ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์ ที่พร้อมจะกลายเป็น สงครามนิวเคลียร์ได้ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ที่ยูเครน ได้รับการติดอาวุธหนัก จากรัฐบาลสหรัฐ แม้จะอ้างว่า ใช้สู้รบกับกองกำลัง ติดอาวุธในยูเครนตะวันออก ที่ฝักใฝ่รัสเซีย แต่รัสเซียจะถือเป็น"ภัยคุกคาม"(threat)ทันที ตามที่ นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษก รมต.ต่างประเทศ ได้ประกาศไปก่อนหน้านั้น
    http://news.yahoo.com/russia-sees-security-threat-us-gives-…
    เมื่อมี "ภัยคุกคาม" หลักการของทุกประเทศ จะต้องทำลายทันที เพราะนี่คือยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ ก็อย่าแปลกใจครับว่าทำไม ผู้นำฝรั่งเศส และเยอรมัน ต้องรีบบินไปเจรจากับรัสเซีย และสมาชิกในสหภาพยุโรป ถึงเสียงแตก และเริ่มไม่เห็นด้วย กับการสนับสนุนอาวุธหนักของสหรัฐ ให้กับรัฐบาลยูเครน http://www.voanews.com/…/us-allies-could-split…/2630267.html
    เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ สิ่งนี้เกิดขึ้น .."สงครามนิวเคลียร์"..ระหว่างรัสเซีย และนาโตรวมถึงสหรัฐ ก็อยู่ไกล้แค่เอื้อมนั่นเอง..
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    นิโคลาส ซาร์กอซี อดีตประธานาธิบดีของฝรั่งเศสไม่ตำหนิที่ไครเมียเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียและไม่เห็นด้วยที่จะให้ยูเครนเข้าร่วมอียู
    ------------
    วันนี้ (8 ก.พ.58) สำนักข่าว RT News ของรัสเซียรายงานว่า นาย Nicolas Sarkozy อดีตประธานาธิบดีคนก่อนของฝรั่งเศสได้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมพรรค UMP ต่อกรณีแหลมไครเมียและวิกฤตยูเครนว่า แหลมไม่ควรถูกตำหนิที่แยกตัวออกจากยูเครนประเทศที่มีแต่ความวุนวาย และเลือกที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และยังกล่าวอีกว่ายูเครนไม่ได้ถูกกำหนดให้เข้าร่วมอียู "พวกเราเป็นส่วนหนึ่งในความเจริญรุ่งเรืองทั่วไปกับรัสเซีย" นายนิโคลาส ซาร์กอซี กล่าวต่อที่ประชุมพรรค และกล่าวต่อว่า "ผลประโยชน์ของชาวอเมริกันกับชาวรัสเซียไม่ใช่ผลประโยชน์ของยุโรปกับรัสเซีย พวกเราไม่ต้องการรื้อฟื้นสงครามเย็นระหว่างยุโรปกับรัสเซีย"
    อนึ่งในวันที่ 16 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมาในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยก็มีการประท้วงผู้คนส่วนมากก็ไม่ค่อยจะมีเวลาให้ความสนใจสถานการณ์ต่างประเทศสักเท่าไรนัก เพราะมัวยุ่งอยู่กับเหตุการณ์ในบ้านเมืองเราเอง ที่แหลมไครเมียได้มีการจัดทำประชามติ (Crimean status referendum, 2014) เฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในแหลมไครเมียนั้นว่าต้องการจะไปแยกตัวออกจากยูเครนและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่ ประชาชนส่วนมากที่อาศัยอยู่ที่ไครเมียเป็นคนรัสเซียและพูดภาษารัสเซีย ผลปรากฎออกมาว่าประชาชนชาวไครเมียจำนวน 95.7% เลือกที่จะให้แคว้นไครเมียไปอยู่กับรัสเซีย จากนั้นก็ก่อให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วงในเมืองหลวงของยูเครนว่าไม่เห็นด้วย และนำไปสู่การขับไล่รัฐบาลชุดก่อนที่มาจากการเลือกตั้งเช่นกัน รัฐบาลชุดใหม่ที่มีสหรัฐฯชักใยอยู่เบื้องหลังได้ออกกฎหมายฉบับแรกที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซีย สหรัฐฯอียูเสียงส่วนมากบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้ไครเมียแยกออกจากยูเครนไปรวมกับรัสเซีย แต่ไม่ดูว่านั่นเป็นสิทธิ์และความต้องการของชาวไครเมียหรือไม่ แล้วอเมริกามาเกี่ยวอะไรกับไครเมียด้วย
    ในขณะที่สหรัฐฯพยายามชักชวนให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปโจมตีรัสเซียกรณีไครเมียอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียก็โต้แย้งกลับในที่ประชุมนานาชาติได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแหลมไครเมียมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเอง (self-determination) โดยอ้างถึงการลงประชามติเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แถมยังได้ยกกรณีของ Kosovo ที่แยกตัวออกจาก Serbia ได้สำเร็จโดยไม่มีการทำประชามติด้วยซ้ำไป ซึ่งประกาศเอกราชเป็น "สาธารณรัฐคอซอวอ" (Republic of Kosovo) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 และสหประชาชาติก็ให้การรับรองสถานะและมีกองกำลังของนาโต้ดูแลด้านความมั่นคงให้
    เมื่อทั้งอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสและรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียออกมาพูดอย่างนี้ก็จบสิครับ อเมริกากับนาโต้จะแถอย่างไรก็แถไปเถอะ ตอนนี้ดูเหมือนว่ากระแสเริ่มจะตีกลับแล้วนะ ยังไม่อีกหลายกรณีที่จะเปรียบเทียบกัน เช่นกรณีการลงประชามติของชาวสก๊อตแลนด์ที่ต้องการแยกตัวออกจากอังกฤษเมื่อปลายปีที่แล้วก็เช่นกัน แล้วทำไมกรณีนั้นถึงทำได้ แต่โชคดีเป็นของอังกฤษที่เสียงส่วนมากเลือกโหวด "No" คือไม่แยก ทั้งอเมริกาและอังกฤษก็เลยไม่โวยวาย แต่กรณีของไครเมียเมื่อพวกเขาโหวดชนะแล้วทำไมถึงไม่ยอมรับอย่างนักประชาธิปไตยบ้างหละ? งานนี้เล่นเอา UN อึ้งไปเลยเหมือนกันนะ
    The Eyes
    08/02/2558
    ----------
    http://rt.com/news/230283-sarkozy-crimea-russia-blamed/
    Lavrov: If West accepts coup-appointed Kiev govt, it must accept a Russian Crimea — RT News
    Crimean status referendum, 2014 - Wikipedia, the free encyclopedia
    95.7% of Crimeans in referendum voted to join Russia - preliminary results — RT News
    http://www.theguardian.com/…/crimea-referendum-sham-display…
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ความคืบหน้าวิกฤตยูเครน อียู-รัสเซียเดินหน้าเจรจาสันติภาพ สหรัฐฯ-นาโต้เดินหน้าหนุนอาวุธยูเครน
    ------------
    เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.58) ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพวิกฤตยูเครนจากผู้นำ 3 ประเทศคือ รัสเซีย-เยอรมันนี-ฝรั่งเศสไปแล้ว พร้อมทั้งวิเคราะห์ข่าวและสถานการณ์ให้ฟังถึงการเดินเกมของแต่ละฝ่ายแบบหมัดต่อหมัด ระหว่างฝ่ายที่ต้องการสันติภาพคืออียูนำโดยเยอรมันกับฝรั่งเศสร่วมกับรัสเซีย ในขณะที่อีกฝ่ายคือสหรัฐฯและยูเครนนั้นดูเหมือนว่าต้องการจะให้เกิดสงครามการสู้รบกันซะจริงๆ วันนี้มาติดตามดูความคืบหน้ากันบ้าง
    + ท่าทีของผู้นำเยอรมันนีและนักการเมืองในเยอรมันนี
    ------------
    เห็นได้ชัดว่าทั้งเยอรมันนีและฝรั่งเศสนั้นไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นในยุโรป ซึ่งจะมีชนวนความขัดแย้งมาจากยูเครนตะวันออกนี่แหละ ดังนั้นผู้นำทั้งสองประเทศนี้จึงเลือกที่จะเดินเข้าไปขอเจรจาแผนสันติภาพกับพี่หมีปูตินซะเลย ซึ่งจะนำมาสู่การเจรจา 4 ฝ่ายที่มียูเครนเพิ่มเข้ามาด้วยอีกหนึ่ง (โดยอาจจะมีสหรัฐฯคอยเป็นแบ็คให้ก็ได้) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันพูดในที่ประชุมด้านความปลอดภัยที่เมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีว่า "พวกต้องการที่จะสร้างความปลอดภัยในยุโรปร่วมกับรัสเซีย และไม่ใช่ต่อต้านเขา วิกฤตการณ์ในยูเครนไม่สามารถแก้ไขด้วยกองกำลังทหาร รัสเซียต้องการที่จะนำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้ง การสร้าง "ยุโรปไพศาล/ขยายยุโรป" (expansive Europe) จาก Vladivostok ไปถึง Lisbon จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครนนี้ให้ได้ซะก่อน"
    นอกจากนี้แล้วผู้นำเยอรมันนียังพูดอีกว่า "ไม่มีใครสนใจในการแยกยุโรปใหม่ ยิ่งกว่านั้นไม่มีใครสนใจในการเผชิญหน้าทวีความรุนแรงให้ยิ่งขึ้นไปอีก"
    + ท่าทีของนักการเมืองในเยอรมันนี
    ------------
    รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมันนีซึ่งค่อนข้างจะเป็นฝ่ายซ้ายอนุรักษ์นิยม (SPD) มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกับผู้นำของตน โดยได้ตำหนิที่นาโต้เริ่มขยับกองทัพเข้าใกล้พรมแดนของรัสเซีย และแนะนำให้หันมาร่วมมือกับรัสเซียในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันแทน การใช้ทั้งกำลังและการแซงชั่นรัสเซียมีแต่จะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากขึ้นไปอีก ต่อกรณีที่อเมริกาเสนอให้รับยูเครนเข้าร่วมกับนาโต้นั้น รองนายกฯของเยอรมันนีกล่าวว่าไม่เห็นด้วย และไม่อาจจะยอมรับได้เพราะมันจะทำให้สถานการณ์แย่ยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ยังยอมรับอีกว่ามีความขัดแย้งภายในทั้งในรัสเซียและในยูเครน สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนนั้นเลวร้ายอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงชักชวนประเทศสมาชิกในยุโรปให้เข้าร่วมจุดยืนเดียวกันกับเยอรมันนีเพื่อกำหนดนโยบายใหม่ของตะวันตก
    ความจริงก็คือว่ามาตรการแซงชั่นรัสเซียนั้นทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเยอรมันเป็นอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของเยอรมันนี มีประชาชนทำงานในภาคการส่งออกทั้งหมดประมาณ 300,000 อัตรา ในปี 2014 ยอดการส่่งออกของเยอรมันไปที่รัสเซียลดลงถึง 16 - 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รายได้ของเยอรมันลดลงถึง 8 พันล้านยูโร (ประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีก่อน
    ส่วน Sahra Wagenknecht ส.ส.ของเยอรมันนีนั้นตำหนินาโต้ที่กำลังทำให้ยุโรปปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้ และกล่าวว่าท่าทีที่กร้าวร้าวของนาโต้ที่มีต่อรัสเซียนั้นได้เริ่มต้นสงครามเย็นครั้งใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว และยังเสริมอีกว่าผ่านไปเพียงร้อยกว่าปีหลังสงครามโลกครั้งที่1 พวกเขายังไม่ได้ตระหนักอีกว่าพวกเราไม่สามารถจ้างสงครามให้เกิดขึ้นในยุโรปได้อีกแล้ว
    + ท่าทีของผู้นำฝรั่งเศส
    ------------
    หลังจากเจรจา 3 ฝ่ายแล้วประะธานาธิบดีออลลองด์ผู้นำฝรั่งเศส ได้ออกมาเรียกร้องให้มีอิสรภาพมากขึ้นในยูเครนตะวันออก โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผู้นำฝรั่งเศสได้กล่าวในรายการทีวีเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนว่าพื้นที่โดเนทส์กและลูฮานส์กในตะวันออกของยูเครนนั้นควรจะมีอิสรภาพที่ค่อนข้างจะแข็งแรง (rather strong autonomy) จากกรุงเคียฟ "คนพวกนี้ได้เข้าสู่สงครามกันแล้ว มีจะเป็นการยากที่จะทำให้พวกเขาหันมาใช้ชีวิตร่วมกับกรุงเคียฟได้แบบปรกติอีก"
    + ท่าทีของผู้นำอังกฤษ
    ------------
    นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากหลังจากไม่ได้เข้าร่วมการประชุม 3 ฝ่ายที่กรุงมอสโคว์ ปัญหาก็คือไม่ใช่แกไม่อยากเข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวนะ แต่แกถูกเขาถีบออกต่างหากก็เหมือนกกับที่เขาไม่ให้อเมริกาเข้าร่วมด้วยนั่นแหละ เนื่องจากการเจรจาดังกล่าวเป็นการก้าวไปอีกขั้นหนึ่งของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยูเครน
    คนที่ออกมาตำหนินายคาเมรอนคนแรกเลยก็คือ อดีตผู้บัญชาการนาโต้ของสหราชอาณาจักรนั่นเอง โดยตำหนิรัฐบาลของนายคาเมรอนว่าเป็นการวางตัวแบบไม่มีชั้นเชิง นายพล Richard Shirreff พูดกับรายการวิทยุ Radio 4's ของ BBC ว่า "อังกฤษเป็นสมาชิกที่สำคัญของนาโต้ เป็นสมาชิกที่สำคัญของอียู เป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น มันเป็นความโชคร้าย (แย่) ที่นายกรัฐมนตีอังกฤษไม่สามารถมีน้ำหนักในการความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์นี้ โดยปรากฎว่าไม่มีส่วนร่วม" นอกจากนี้ Shirreff ยังเย้ยคาเมรอนอีกว่าเป็นผู้เล่นรายเล็กในนโยบายต่างประเทศ และยืนยันว่าเดวิด คาเมรอนกำลังทำให้อิทธิพลด้านต่างประเทศของอังกฤษอ่อนแอลงในเวลาที่มีความต้องการมากที่สุดเช่นนี้ และยังตำหนิคาเมรอนว่า "(แอบ) อยู่ข้างหลังพันธมิตรของพวกเรา"
    ส่วนคาเมรอนรีบแก้ตัวทันทีว่า สิ่งที่ทำให้อังกฤษยืนอยู่แถวหน้าในอียูได้ก็คือการใช้มาตรการแซงชั่นรัสเซีย ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นการเหมาะสมต่อตอบสนองต่อวิกฤตการแล้ว โดยก่อนหน้านี้นายคาเมรอนได้เคยกล่าวไว้ว่าอังกฤษจะไม่ก่อสงครามในยุโรปหรือย่างก้าวเข้าไปเหยียบทะเลดำเหนือยูเครน แต่จะใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจแทน
    + ท่าทีสหรัฐฯ
    ------------
    โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปร่วมกันแซงชั่นรัสเซีย ทั้งยังกล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯกับยุโรปจะต้องยืนร่วมกัน รัสเซียจะไม่ได้รับอนุญาตให้ร่างแผนที่ยุโรปใหม่ โดยก่อนหน้าที่จะมีการเจรจา 3 ฝ่ายเกิดขึ้นที่กรุงมอสโคว์ ทางรัฐบาลสหรัฐฯได้ส่งนายจอห์น แคร์รี่ ในฐานะเลขาธิการด้านความมั่นคงของประเทศสหรัฐฯเข้าไปกล่อมรัฐบาลยูเครนว่าจะให้การสนับสนับสนุนอาวุธหนักแก่ยูเครน พร้อมทั้งหาแหล่งเงินทุนให้ด้วย ทำให้รัฐบาลกรุงเคียฟดี๊ด๊าประโครมข่าวตามสื่อฯต่างๆกันใหญ่
    + ท่าทีของนาโต้
    ------------
    นายพล Philip Breedlove ผู้บัญชาการกองทัพนาโต้กล่าวว่า จะไม่มีการส่งกองกำลังเข้าไปในพื้นที่ (สู้รบในยูเครน) แต่จะสนับสนุนกรุงเคียฟด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์แทน ผู้บัญชาการนาโต้แสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอแผนสันติภาพของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูนติน ที่ต้องการจะยุติความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกว่า "ไม่อาจะยอมรับได้โดยสิ้นเชิง" และเสริมอีกว่า "ไม่มีการสนทนาเกี่ยวกับการใส่รองเท้าบูทแล้วย่ำไปบนพื้น" (หมายถึงว่าปูตินไม่พูดถึงเรื่องที่ส่งทหารไปในพื้นที่ นี่ก็เป็นการกล่าวหาทางการเมืองกันตามประสานักการเมืองและคนบ้าสงคราม) ด้านประธานสภาดูมาของรัสเซียกระแทกกลับทันทีว่านั่นเป็นการ "เหยียดหยามกันอย่างชัดเจนเลย" ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาแล้วว่าทางนาโต้กำลังจะสั่งระดมพลให้ได้ถึง 30,000 นายในยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียง 13,000 นายเท่านั้น และก็มีรายงานว่าทั้งสหรัฐฯและนาโต้ได้ให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้กับกรุงเคียฟไปบ้างแล้ว ซึ่งแม็คเคนก็พึ่งจะออกมายอมรับเมื่อวานนี้เอง
    + ท่าทีของรัสเซียในเวทีการเจรจาด้านความมั่นคงที่มิวนิค
    ------------
    เมื่อวานนี้มีการจัดการประชุมระดับผู้นำในยุโรปว่าด้วยความปลอดภัยที่เมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีครั้งที่ 51 (the 51st Munich Security Conference ) มีทั้งตัวแทนจากสหรัฐฯและรัสเซียเข้าร่วมด้วย ด้านนอกการประชุมนั้นก็มีการเดินประท้วงขึ้นเกี่ยวกับมาตรการใช้ความรุนแรงในยูเครนตะวันออกโดยกลุ่มผู้ประท้วงตระโกนว่า "การเพิ่มกองกำลัง การเพิ่มอาวุธ ไม่สามารถสร้างสันติภาพได้" ต่อกรณีที่นาโต้มีแผนจะสั่งเพิ่มจำนวนพลในกองทัพต่อวิกฤตยูเครน
    รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐเซียกล่าวว่ารัสเซียจะไม่สูญเสียผลกำไรของประเทศชาติ แต่พร้อมที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ รัสเซียเตือนตัวแทนสหรัฐฯเกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐฯมีแผนจะสนับสนุนทางอาวุธให้กรุงเคียฟว่า อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ รวมทั้งถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางความพยายามที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครนตะวันออกด้วย
    + รัสเซียเสนอให้ยูเอ็นตัดแหล่งเงินทุนหนุนกลุ่มก่อการร้าย IS ดัดหลังรัฐบาลสหรัฐฯ
    ------------
    ส่วนการประชุมยูเอ็นที่ประเทศสหรัฐฯอเมริกาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.58 ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายรัสเซียดัดหลังอเมริกากับชาติพันธมิตรในยุโรปที่สนับสนุนเงินทุนให้กลุ่มก่อการร้ายในตะวันออกกลางได้แสบมาก โดยรัสเซียเสนอร่างมติสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ตัดแหล่งเงินทุนท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มก่อการร้ายสุดโฉด “ไอเอส”ที่ยึดครองพื้นที่บางส่วนของอิรักและซีเรีย โดยร่างมตินี้เสนอให้คว่ำบาตรบริษัทและบุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนเงินทุนให้กับกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้ ร่างมติจะได้รับการเวียนไปให้สมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจำนวน 193 ประเทศ พิจารณาลงความเห็น ในประเด็นการซื้อน้ำมันและวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมหรือศาสนาจากผู้ก่อการร้ายที่ถูกนำออกมาจากประเทศซีเรีย เอกสารร่างมติยังระบุด้วยว่า จะเป็นการละเมิดกฎหมายหากผู้ใดก็ตามดำเนินการจ่ายค่าไถ่ให้กับบริษัทและปัจเจกบุคคลใดๆที่มติยูเอ็นลงความเห็นคว่ำบาตรเอาไว้ หากมตินี้ได้รับการรับรองก็จะกลายเป็นมติที่พุ่งเป้าในประเด็นคว่ำบาตรการก่อการร้ายเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์9/11 เอาหละสิงานนี้รัสเซียมาแผนเหนือเมฆจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้อเมริกาชอบแถลงอยู่บ่อยๆ ว่าให้การสนับทั้งด้านเงินทุนและอาวุธให้กลุ่มกบฎซีเรียเพื่อโค่นรัฐบาลของซีเรีย
    + กรีกกำลังจะออกจาก NATO
    ------------
    หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่นานนักมีการพูดคุยกันระหว่างรัฐมนตรีของรัฐเซียกับรัฐบาลใหม่ของกรีก โดยทางรัสเซียได้เชื้อเชิญให้ผู้นำกรีกมาเยี่ยมและพูดคุยการบ้านการเมืองกันที่ประเทศรัสเซียบ้างนั้น ล่าสุดสื่ออีตาลีลงข่าวว่ากรีกอาจจะขอถอนตัวออกจากนาโต้ก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการวางจุดยุทธศาสตร์ทางกองทัพของนาโต้ในอ่าว Souda Bay ของกรีกก็ต้องเปลี่ยนไป ซึ่งนาโต้ใช้เป็นฐานติดตั้งการทดสอบระบบขีปนาวุธทั้งทางอากาศและทางทะเลเพื่อปฏิบัติทางในแอฟริกาและต่อต้านอดีตสหภาพโซเวียต ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่างานนี้ปูนตินไม่รู้เห็นด้วย
    + โคฟี แอนนัน เสนอให้ยุติการสนับสนุนด้านอาวุธแก่ทั้งกลุ่มติดอาวุธและฝ่ายรัฐบาลในซีเรีย
    ------------
    นายโคฟี แอนนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมด้านปลอดภัยที่กรุงมิวนิคเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้เสนอให้ทุกฝ่ายถอนการให้การสนับสนุนทั้งด้านกองทัพและด้านการเงินให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายในประเทศซีเรีย โดยฝ่ายกบฎISนั้นมีสหรัฐฯและชาติพันธมิตรให้การสนับสนุนทั้งเงินทุนและอาวุธ ส่วนรัฐบาลรัฐซีเรียนั้นมีรัสเซียและอีหร่านเป็นแบ็คให้ เป็นการทำสงครามตัวแทนกันของประเทศมหาอำนาจ ปัจจุบันนี้ซีเรียกลายเป็นประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองมาโตยตลอดตั้งแต่ปี 2011 ฝ่ายยุโรปและสหรัฐฯก็มีมาตรการคว่ำบาตรตั้งหลายครั้ง ทำให้รัฐบาลซีเรียไม่สามารถส่งออกน้ำมันของตัวเองได้ แต่ยุโรปก็ผ่อนคลายให้กลุ่มกบฎ IS ที่เข้ายึดบ่อน้ำมันของรัฐบาลและบริษัทเอกชนสามารถส่งออกน้ำมันได้ เป็นเรื่องตลกอีกฉากหละ สุดท้ายก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์และน้ำมันล้วนๆ
    ------------
    + วิเคราะห์ข่าวและสรุป
    ------------
    สรุปทั้งเยอรมันนีและฝรั่งเศสไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนด้านอาวุธให้รัฐบาลกรุงเคียฟ ในขณะที่ฝรั่งเศสเริ่มจะไม่เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซียอีกต่อไปแต่ก็ยังไม่กล้าออกตัวแรงนัก ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯและนาโต้นั้นอยากจะทำสงครามเต็มที่แล้ว เพราะเมื่อปลายปีที่แล้วนาโต้ได้ถอนกองกำลังทั้งหมดออกมาจากแอฟกานิสถานแล้ว ตอนนี้นั่งตบยุงอยู่ไม่มีอะไรทำ จึงอยากจะให้เกิดสงครามในยูเครนต่อไป โดยตอนแรกบอกว่าจะสนับสนุนด้านอาวุธเท่านั้น แน่นอน หมากต่อไปก็คือลงไปลุยด้วยตัวเองเลยอุตสาหกรรมและธุรกิจขายอาวุธสงครามก็เฟื่องฟูอีก ส่วนอังกฤษนั้นตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังมึนๆ ไม่แน่ใจว่าเข้าข้างฝ่ายสหรัฐฯหรือเข้าข้างเยอรมันกับฝรั่งเศสดี เพราะตอนนี้ถูกพวกขาใหญ่ในยุโรปถีบออกนอกวงประชุมแล้ว ก็เลยเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก มีหรือที่ปูตินจะปล่อยให้ฝั่งสหรัฐฯกับนาโต้เดินแต้มเป็นต่ออยู่ฝ่ายเดียว ปูตินก็ยุให้กรีกออกจากอียูและนาโต้ซะเลย แถมเป็นผู้ร่วมเสนอแผนสันติภาพซะเองด้วยสิ ในขณะที่ภาพของสหรัฐฯกับนาโต้เริ่มจะกลายเป็นผู้ร้ายชอบใช้ความรุนแรงขยายความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆแล้ว กลับกลายเป็นว่ารัสเซียที่สหรัฐฯสร้างภาพให้เป็นผู้ร้ายมาโดยตลอดเป็นผู้ที่มีบทบาทในการสร้างสันติภาพซะงั้น
    The Eyes
    08/02/2558
    ----------
    Merkel Wants West to Build Security in Europe With Russia, Not Against It / Sputnik International
    http://rt.com/op-e…/211843-russia-germany-against-sanctions/
    http://rt.com/news/230251-ukraine-plan-autonomy-hollande/
    http://rt.com/news/230155-cameron-uk-criticized-ukraine/
    Biden says Europeans questioning Russia sanctions 'inappropriate, annoying' – Spiegel — RT News
    http://rt.com/news/230215-nato-breedlove-ukraine-military/
    http://rt.com/ne…/230203-munich-security-conference-updates/
    TASS: World - Lavrov, Kerry said that to promote confrontation pressure on Russia - hopeless
    Russian Foreign Minister in Talks Ahead of Official Meetings in Munich / Sputnik International
    ยูเอ็นเตรียมโหวตตัดแหล่งเงินทุนหนุนไอเอส | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
    http://www.reuters.com/…/us-mideast-crisis-un-idUSKBN0LA2BZ…
    Greek Exit from NATO Could Alter Established International Order / Sputnik International
    Kofi Annan Calls for End to Sponsoring Militants, Government in Syria / Sputnik International
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ปูติน-ออล็องค์-แมร์เคิล 3 ผู้นำปิดห้องถกกรณียูเครนที่มอสโคว์
    ------------
    + ข่าวเจรจา 3 ฝ่ายกรณีวิกฤตยูเครน
    ------------
    เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.58) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งลงข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดต่อกรณีวิกฤตยูเครน โดยล่าสุดผู้นำสามประเทศคือ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมันนี นายฟร็องซัว ออล็องด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายวราดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ร่วมกันหารือร่างข้อเสนอหยุดยิงในยูเครนตะวันออกร่วมกัน โดยวัตถุประสงค์ของการพูดคุยระหว่างสามผู้นำประเทศในครั้งนี้เป็นไปเพื่อสันติปราศจากการใช้อาวุธและความรุนแรง ซึ่งผู้รายงานข่าวโทรทัศน์ของ RT News ของรัสเซียรายงานว่า ทั้ง 3 คนใช้เวลาในการพูดคุยกันเกือบ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการพูดคุยกันโดยไม่มีบุคคลอื่นร่วมอยู่ด้วยแม้กระทั่งที่ปรึกษาหรือผู้ให้คำแนะนำ หลังจากที่ทั้ง 3 ได้เดินออกจากห้องประชุมและปูตินกล่าวขอบคุณสื่อฯมวลชน แต่ก็ไม่มีใครเปิดเผยรายละเอียดของการพูดคุยใดๆ ต่อสื่อฯมวลชนเลย
    ต่อมาโฆษกรัฐบาลของกรุงเครมลิน (Moscow Kremlin) ได้แถลงต่อสื่อฯว่า บนพื้นฐานของข้อเสนอที่ร่างขึ้นโดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีของเยอรมันนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การร่างเอกสารร่วมกันเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงหรือสัญญากรุงมินส์ก (Minsk agreements) เอกสารดังกล่าวจะรวมข้อเสนอที่ร่างโดยประธานาธิบดีโปโรเชนโกของยูเครนและผลักดันโดยประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย
    ก่อนที่จะเกิดการลงนามร่วมกันนั้น ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ทั้ง 4 ฝ่ายจะมีการเจรจาร่วมกันทางโทรศัพท์อีกครั้งระหว่าง รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน และ ยูเครน ซึ่งเเรียกว่า "Normandy Four"
    + วิเคราะห์
    ------------
    เห็นได้ชัดว่าท่าทีจากทั้งฝ่ายรัสเซียและยุโรปรวมทั้งกรุงวาติกันด้วยไม่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง ไม่สนุบสนุนให้เกิดสงครามในยูเครน ทุกฝ่ายต่างต้องการการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และใช้การเจรจาในการยุติข้อขัดแย้งระหว่างกัน แต่ก่อนจะนำมาสู่การเจรจากันได้นั้น มักจะมีเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงก่อนเสมอ อย่างน้อยก็ได้แสดงให้ทุกฝ่ายได้รับรู้แล้วว่าสงครามไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใดเลย มีแต่ความสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ฝั่งที่ต้องการจะให้เกิดสงครามและความรุนแรงเสมอมาตั้งแต่ยังไม่เกิดขึ้นนั้นก็คือสหรัฐนั่นเอง งานนี้ผู้นำทั้งสามประเทศรู้ดีว่าถ้าให้สหรัฐฯเข้าร่วมการประชุมด้วยรับรองได้ว่าสันติไม่มีทางเกิดขึ้นได้ที่ยูเครนตะวันออกแน่นอน ดังนั้นจึงตัดสินใจเขี่ยตัวแทนรัฐบาลสหรัฐฯออกจากวงประชุมร่วมกันในครั้งนี้
    เพราะผู้นำยุโรปทั้งสองประเทศรู้แล้วว่าสงครามครั้งนี้มันจะไม่หยุดอยู่เฉพาะที่ยูเครนตะวันออกแน่นอน มันจะลามไปทั่วยุโรปตะวันออกทั้งหมด เพราะประเทศเหล่านั้นเห็นดีเห็นงามกับสหรัฐฯทุกอย่าง และเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการซื้ออาวุธสงครามจากสหรัฐฯไม่แพ้ชาติอื่นเลย เศรษฐกิจยุโรปกำลังย่ำแย่หากปล่อยให้สหรัฐฯมายุยงให้ประเทศเหล่านั้นทำสงครามกับรัสเซียความเสียหายที่จะเกิดกับยุโรปนั้นยากที่จะประเมินนัก
    ท่าทีของนาโต้ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะเข้าข้างสหรัฐฯกับยูเครนเป็นอย่างมาก โดยออกมาขู่อยู่บ่อยๆ ว่าจะส่งกองทัพเข้าไปในยูเครนเพื่อฝึกทหารยูเครนและจะสนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครนอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อเจอผู้นำฝรั่งเศสกับเยอรมันบอกว่าจะไม่สนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและอาวุธให้กับยูเครนเข้าไป ชักจะเริ่มลังเลแล้ว ทางทูตนาโต้ประจำรัสเซียรีบออกมาประจานนาโต้ทันทีเลยว่า นาโต้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำลายล้างที่ยูเครน และบอกอีกว่าการส่งอาวุธหนักของนาโต้เข้าไปยังยูเครนนั้นไม่อาจจะยอมรับได้และยิ่งจะเป็นการนำสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงและอันตรายมากขึ้นและผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดคิดได้ นอกจากนี้ทางกรุงมอสโคว์ยังเตือนรัฐบาลกรุงวอชิงตันด้วยว่าให้หยุดส่งอาวุธไปทำลายยูเครนได้แล้ว
    เมื่อวานนี้วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ จอห์น แม็คเคน ยอมรับว่าสหรัฐฯส่งระเบิดดาวกระจายอานุภาพทำลายล้างสูง (cluster bombs) ไปให้ฝั่งยูเครนเอง และจอห์น แม็คเคนกล่าวว่าสหรัฐฯจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อกรณีนี้ด้วย เมื่อ HRW รับลูกแสร้งออกมาเป็นตำหนิรัฐบาลกรุงเคียฟต่อกรณีใช้ cluster bombs ในยูเครนตะวันออกทางรัฐมนตรีของยูเครนก็รีบปฏิเสธเลยทันทีเลยว่าไม่หลักฐานว่ากองทัพยูเครนทำเช่นนั้น ก็ซากปรักพังของตึกรามบ้านช่องพวกนั้นไง แต่ทั้ง HRW และ OSCE ก็ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบ ก็ได้แต่เล่นละคร bad cop good cop เท่านั้น
    แม็คเคนบอกว่าจะไม่ส่งทหารอเมริกันเข้าสู่สนามรบนี้ที่ยูเครน ก็รู้ฤทธิ์ของอาวุธฝั่งรัสเซียแล้วนี่ ถ้าสหรัฐฯส่งทหารของตัวเองเข้าไปมีหรือที่ปูตินจะไม่ส่งกองทัพรัสเซียเข้าไปบดขยี้บ้าง ปูดินท้าเลย เอาดิ มาดิ แต่แม็คเคนบอกว่าจะส่งทหารอเมริกันไปฝึกให้กองทัพยูเครนแทน นั่นดูสินิสัยรัฐบาลอเมริกาเขาต้องการสงบศึกและสันติซะที่ไหน มันจะยุให้เขาฆ่ากันตายท่าเดียวเลย นี่แหละเหตุผลที่เขาไม่ให้อเมริกาเข้าร่วมเจรจาด้วยหนะ
    ส่วนนาย Ben Rhodes รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯบอกว่า การสนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จะต้องเพิ่มมาตรการแซงชั่นกับรัสเซียขึ้นไปอีก ดูมันพูดเข้า ฝั่งเยอรมันกับฝรั่งเศสบอกว่าสหรัฐฯอยู่ตั้งไกลก็พูดได้สิ แล้วยุโรปที่อยู่ติดกับรัสเซียนี่จะตายก่อน ถ้าลุยกันทั้งยุโรปและรัสเซียก็เป็นเสือเจ็บด้วยกันทั้งคู่ในขณะที่สหรัฐฯ ก็เป็นตาอยู่คอยฉกพุงปลาไปกินหละสิ เมื่อสองขั้วมหาอำนาจอ่อนแอเพราะสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายอ่วมอรทัย คนที่จะแข็งแกร่งขึ้นาก็คือสหรัฐฯผู้เดียว คราวนี้การจะหันไปปราบจีนกับอีหร่านก็ไม่ใช่เรื่องยาก แถมฐานทัพของสหรัฐฯกระจายอยู่เต็มยุโรปไปหมดแล้วด้วย คิดหรือว่าทั้งรัสเซียและฝรั่งเศสกับเยอรมันจะไม่รู้ลูกไม้นี้ของสหรัฐฯ
    ส่วนด้านประธานาธิบดีของยูเครนก็ร้องแงๆ เป็นเด็กอ้อนสหรัฐฯว่าอยากจะได้ระบบมิสไซล์ต่อต้านรถถังของสหรัฐฯ (Javelin anti-tank missile systems) และการสนับสนุนด้านงานข่าวกรองจากสหรัฐฯด้วย เนื่องจากรถถังของยูเครนถูกกองกำลังติดอาวุธนิยมรัสเซียทำลายไปเป็นจำนวนมาก อันที่จริงก่อนหน้านี้ยูเครนก็มีมิสไซล์ทำลายรถถังที่ซื้อมาจากรัสเซียเหมือนกันนะ แต่สงสัยคงจะใช้หมดไปแล้วและรัสเซียอาจจะไม่ขายให้อีกแล้วมั๊งก็เลยอยากจะได้ของอเมริกันมาใช้บ้าง ทำไมนักการเมืองพลเรือนพวกนี้มันถึงได้ชอบก่อสงครามยิ่งกว่าฝ่ายทหารซะอีกนะ
    The Eyes
    07/02/2558
    ----------
    Hopes for breakthrough: Moscow talks on Ukraine 'constructive,' joint doc 'possible' — RT News
    TASS: World - Peskov: joint document is being drafted after Putin-Merkel-Hollande meeting
    TASS: World - Putin, Hollande, Merkel continuing talks in Kremlin
    BBC News - Ukraine crisis: Leaders upbeat after Moscow talks
    http://rt.com/news/229835-nato-ukraine-weapons-unacceptable/
    US partly to blame for Ukraine’s use of cluster bombs – McCain — RT News
    McCain to Sputnik: Ukraine's Use of Cluster Bombs Is US' Fault / Sputnik International
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    11. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
    ชัดเจนว่าฝรั่งเศสแตกแถวจากนาโต้ นายฟังซัว ออลลองด์เสนอว่าให้ยูเครนตะวันออกมีอำนาจปกครองตัวเองพิเศษ เพื่อที่จะเป็นทางออกของวิกฤติยูเครน
    เขาบอกว่าแคว้นDonetsk และLuganskทางตะวันออกของยูเครนควรที่จะแยกตัวเป็นเขตปกครองพิเศษของตัวเอง เพราะว่าคนที่นั่นไปไกลจากเคียฟมากพอแล้ว
    ออลลองด์เป็นเสียงที่มีเหตุผลในยุโรป เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเสนอให้ยุโรปยุติการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างทันทีเพื่อลดความเสี่ยงของสงครามระหว่างกัน เหตุร้ายCharlie Hebdoตามมาทั้นทีทำให้เขาเงียบไป แต่หลังจากพบปะกับปูติน พร้อมกับนางแองเจลล่า แมร์เกิ้ลแล้ว ออลลองด์แสดงทีที่ที่ประนีประนอมต่อไปด้วยการเรียกร้องให้ยุติควมขัดแย้งในยูเครน ด้วยการที่เคียฟให้อิสระแคว้นทางตะวันออกสิทธิที่จะปกครองตัวเอง
    Nicolas Sarkozy อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกมาช่วยเสริมออลลองด์ด้วยการพูดว่ามันไม่เป็นความผิดของไครเมียเนื่องจากเหตุการณ์ที่วุ่นวายที่จะขอแยกตัวออกมารวมกับรัสเซีย
    นอกจากนี้ เขาแสดงความเห็นว่ายูเครนจะต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป
    "ผลประโยชน์ของสหรัฐฯกับรัสเซีย ไม่ใช่ผลประโยชน์ของยุโรปและรัสเซีย ยุโรปไม่ต้องการรื้อฟื้นสงครามเย็นกับรัสเซีย" Sakorzyกล่าว
    จุดยืนของฝรั่งเศสต่อรัสเซียมีความประนีประนอมอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากจุดยืนของสหรัฐฯ อังกฤษและเยอรมันที่ต้องการไล่บี้แซงชั่นและก่อสงครามเย็นกับรัสเซียเนื่องจากวิกฤติยูเครน
    ฝรั่งเศสไม่เล่นด้วยกับเกมไล่บี้รัสเซีย เพราะว่าแอบไปคุยกับปูตินแล้วว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ จะมีอะไรตูมตามก็ช่วยเอ็นดูหอไอเฟิ้ลหน่อยนะ เพราะว่าเป็นจุดขายการท่องเที่ยวของปารีส
    ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในเสาหลักของสหภาพยุโรปและนาโต้ เมื่อต้องการแตกแถวแบบนี้ ยุโรประส่ำแล้ว ยังไม่นับตุรกีที่เป็นสมาชิกสำคัญของนาโต้ที่เอาใจออกห่างยุโรปไปแล้ว และกรีซกำลังจะออกจากเขตยูโรซึ่งจะทำให้ระบบการเงินยุโรปพัง ถ้าเจ้าหนี้ยุโรปยังคงเล่นทวงเงินแบบไม่ให้ลูกหนี้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอย่างนี้
    thanong
    8/2/2015
    French President Hollande calls for broader autonomy for E.Ukraine — RT News
    Sarkozy: Crimea cannot be blamed for joining Russia — RT News
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แห่ดู เหล็กไหลเพชรดำ! ร่างทรงอ้างเจอในถ้ำ ขนมาเพียบ
    โดย ทีมข่าวภูมิภาค 8 ก.พ. 2558 13:55

    [​IMG]

    ชาวบ้านแตกตื่นไปดู‘เหล็กไหลเพชรดำ’ในตำหนักร่างทรงที่พะเยา เจ้าของบอกมี ‘พ่อปู่’ มาลง ให้ไปเอาจากในถ้ำขนลงมาทุกวันพระจนเป็นกองพะเนิน บอกคนที่บูชาจะแคล้วคลาดปลอดภัย แต่ก็เป็นความเชื่อส่วนตัว และอย่าไปลองกับลูกปืน...

    เมื่อวันวันที่ 8 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวได้ร่วมขบวนไปกับชาวบ้านทั้งในและต่างจังหวัด ที่ทราบข่าวพากันเดินทางมาดูและกราบไหว้เหล็กไหลที่บ้านเลขที่ 169 บ้านสางใต้ ต.สาง อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเป็นบ้านของนางศรีวรรณ เภตรา อายุ 46 ปี และนางจิตดาภา ธิมา อายุ 44 ปีเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เปิดเป็นตำหนักร่างทรงพ่อปู่พญานาคราชธุมะสิกขี–พระแม่ทับทิม

    ทั้งนี้ ทั้งสองคนได้อ้างเป็นผู้ที่พบเหล็กไหลย้อย หรือพญาเหล็ก หรือเหล็กไหลเพชรดำ ซึ่งจัดเป็นเครื่องรางของขลังที่มีอานุภาพสูงในถ้ำบนดอยหลวง ท้ายหมู่บ้าน แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาขอโชคลาภ

    สำหรับ วัตถุหรือเหล็กไหลดังกล่าว ลักษณะสีดำมันวาวเงางามเนื้อแน่น โดยผู้ครอบครอง บอกว่า เมื่อนำมาปัดขัดล้างด้วยน้ำจะพบว่าเป็นสีเงิน สีปีกแมงทับและสีอื่นๆ สวยงามมาก มีคนที่ขอไปบูชาเกิดอุบัติเหตุรถชน แต่ปลอดภัยไม่ได้รับอันตราย อีกทั้งยังปกปักรักษาคุ้มครองผู้ที่นำไปบูชาติดตัว จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่วในความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนหลั่งไหลมาขอดูกราบไหว้บูชากันทุกวัน


    นายกรรณส จันทร์พานิชเจริญ หรือหรือ หนานเอ อายุ 39 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านเหล็กไหล เปิดเผยว่าได้ศึกษาเรื่องเหล็กไหลมามาก พบว่าในภาคเหนือตอนบน มีเหล็กไหลเพียง 2 ชนิด คือ จ.พะเยา จะพบเหล็กไหล เป็นเหล็กไหลย้อย คล้ายหยดน้ำ แต่การหยดของเหล็กไหลนั้นจะหยดขึ้นไปด้านบนไม่ลงด้านหลัง และมีเหล็กไหลอีกชนิดเรียกว่าเหล็กไหลเงินยวง พบใน จ.เชียงราย ซึ่งเหล็กไหลแต่ชนิดจะมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ส่วนในภาคอื่นก็จะมีเหล็กไหลอีกหลายอย่างหลายชนิด แล้วแต่จะเรียกกันในแต่ละท้องถิ่น

    หนานเอ กล่าวด้วยว่า เหล็กไหลย้อย หรือพญาเหล็ก หรือเหล็กไหลเพชรดำ บางคนดูว่าเป็นหินมากกว่าโลหะ เมื่อนำมาทดสอบจะพบว่ามีความแตกแต่งกันหลายอย่าง อาทิ บางก้อนจะเป็นเนื้อเงินแต่ไม่ใช่แร่เงิน หรือเป็นแร่เหล็กแต่เมื่อนำแท่งแม่เหล็กไปติดจะไม่มีแรงดูด แต่เชื่อในอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหล ทุกชนิดมีอานุภาพในตัวเอง

    ด้านนางศรีวรรณ เภตรา เจ้าของตำหนักร่างทรง และเจ้าของเหล็กไหล กล่าวว่า ก่อนจะได้เหล็กไหลนี้มา ได้มีองค์พ่อปู่มาลง บอกให้ไปเอาเหล็กไหลที่น้ำตกผาเกร็ดนาค ในถ้ำบนดอยหลวง เมื่อไปถึงได้ทำพิธีขอและพบว่ามีเหล็กไหลอยู่ในถ้ำจริง จึงได้ช่วยกันกับเพื่อนขนลงมาทุกวันพระนานนับปี จนในบ้านมีเหล็กไหลพอสมควร

    "การค้นพบเหล็กไหลดังกล่าว เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งเหล็กไหลที่ได้มานั้นเป็นเหล็กไหลชนิดย้อย เป็นก้อนๆ แต่ละก้อนมีน้ำหนัก เมื่อนำมาขัดถูจะเห็นเนื้อในสวยงามมาก หากดูผิวเผินก็จะเหมือนก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อสัมผัสดูจะรู้ว่าเหล็กไหลนั้นมีความแปลกแตกต่างอย่างไร ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง อีกทั้ง เป็นความเชื่อของแต่ละคน แต่ห้ามทดลองอมเหล็กไหลแล้วเอาปืนยิงเด็ดขาด" นางศรีวรรณ กล่าว.

    แห่ดู เหล็กไหลเพชรดำ! ร่างทรงอ้างเจอในถ้ำ ขนมาเพียบ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปัญหาเรื่องลัคนาราศีเกิด PDF พิมพ์ อีเมล
    โหราศาสตร์ฮินดู(ภารตะ) - โหราศาสตร์ฮินดู(ภารตะ)
    วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:56 น.

    ปัญหาเรื่องลัคนาราศีเกิด
    ปัญหาที่มักพบบ่อยก็คือ เวลาไปดูดวงกับหมอดูต่างๆ ทำไมบางครั้งลัคนาของแต่ละอาจารย์คำนวนออกมาแตกต่างกันเหตุผลก็คือการคำนวนดวงชาตาทางโหราศาสตร์ในเมืองไทย มีการใช้ปฎิทินที่แตกต่างกันอยู่ 2 ระบบ
    1.ปฏิทินแบบสุริยาตร์(ไทย) มีการวางลัคนาโดยใช้หลากหลายแบบ เช่น
    1.1 วางลัคนาแบบอันโตนาทีสามัญ สมผุสอาทิตย์อุทัย
    1.2 วางลัคนาแบบอันโตนาทีสามัญ สมผุสอาทิตย์อุทัยเวลา 6.00 น. ไม่ตัดเวลาท้องถิ่น
    1.3 วางลัคนาแบบอันโตนาทีสามัญ สมผุสอาทิตย์อุทัยเวลา 6.00 น. ตัดเวลาท้องถิ่น
    1.4 วางลัคนาแบบอันโตนาทีสารัมภ์ สมผุสอาทิตย์อุทัย
    1.5 วางลัคนาแบบอันโตนาทีท้องถิ่น สมผุสอาทิตย์อุทัย
    1.6 วางลัคนาแบบพหินาที ไม่ตัดเวลาท้องถิ่น
    1.7 วางลัคนาแบบพหินาที ตัดเวลาท้องถิ่น
    2.ปฎิทินดาราศาสตร์ ของลาหิรี(อินเดีย) วางลัคนาแบบเดียวก็คือโดยใช้เวลานักษัตร
    ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าครูอาจารย์ที่ผูกดวงชาตามาจากสายไหน หากคำนวนแบบสายไทยสามารถคำนวนลัคนาได้มากถึง 7แบบและแต่ละแบบก็อาจให้ผลของลัคนาแตกต่างกัน หากสมมุติดวงคุณลัคนาเป็นราศีกันย์ (คำนวนแบบไทย 1.1)หากเป็นสายอินเดียลัคนาก็อาจจะเปลี่ยนเป็นราศีตุลย์ก็ได้ (คำนวนแบบอินเดีย ข้อ2.) เนื่องจากโหราศาสตร์ 2 ระบบนี้มีการทำนายและคำนวนดวงชาตาแตกต่างกัน อีกทั้งดวงดาวต่างๆในดวงชาตาก็จะมี องศา ลิปดา ราศี แตกต่างด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
    (เพิ่มเติม)การดูดวงตามนิตยสารต่างๆมักจะวางลัคนาอีกแบบหนึ่งเรียกว่า Sunsign ซึ่งเราทุกคนมักคุ้นเคยกันดีก็คือการคำนวนลัคนาแบบง่าย โดยใช้อาทิตย์กำเนิดหรือใช้วันเกิดของเรากำหนดลัคนาเช่นคนเกิดระหว่างวันที่ 21 มีค-20 เมษา เป็นราศีเมษ คนที่เกิดวันที่ 23 กรกฏา-21 สิงหาเป็นคนราศีสิงห์ เป็นต้น การคำนวนลัคนาแบบนี้ง่ายและสะดวกให้ผลแม่นยำเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ก็สะดวกสำหรับคนที่อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือทำนายกันเล่นๆ เพราะหากคำนวนลัคนากันจริงๆแล้วจะต้องคำนวนโดยใช้วิธีการสลับซับซ้อนยุ่งยาก มีหลายแบบอย่างที่อธิบายข้างต้น

    ปัญหาเรื่องลัคนาราศีเกิด
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Anna Jill

    [​IMG]

    เสียวรายวัน น่าตกใจ .... นกแอร์ กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด บินวนลงดอนเมือง 2 รอบ สัญญาณระบบความดันน้ำมันหล่อลื่น เตือนขึ้นหน้าจอมอนิเตอร์ กัปตันไม่มั่นใจความปลอดภัย จึงนำเครื่องลง เปลี่ยนเครื่องใหม่ ทำดีเลย์ไป 3 ชม.

    นับตั้งแต่ปี 57 สายการบิน เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินบ่อยจัง โดยเฉพาะ "สายเอเซีย" ผลการวิเคราะห์ ของ IATA เหตุเพราะ "อุตสาหกรรมการบินในเอเซีย โตเร็วเกินไป" การแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะ สายการบิน low cost ที่ขายราคาถูกมาก มีปัญหานักบินขาดแคลน การฝึกนักบินร่นระยะเวลาลง ช่างซ่อมบำรุงเครื่องบินผลิตไม่ทัน ที่เป็นปัญหาใหญ่ สายการบินลดค่าใช้จ่าย ด้วยการจ้างนักบิน ที่มีชั่วโมงบินต่ำ เครื่องต้องบินถี่กว่าปกติ ไม่มีเวลาตรวจเชค ยิ่งเที่ยวบินระยะสั้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุง่าย เพราะสถิติเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เกิดขึ้น ช่วง landing and taking off อีกทั้งเส้นทางระยะสั้น มีความเสี่ยงจากอากาศแปรปรวน จากการบินหลบพายุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...