"ของดี มีค่าไม่เท่ากัน" (ท่านพ่อลี ธัมมธโร)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิริยะ13, 30 มกราคม 2015.

  1. วิริยะ13

    วิริยะ13 สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,886
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +12,460
    [​IMG]
    .

    "ของดี มีค่าไม่เท่ากัน"

    " .. พระพุทธรูปธรรมดาราคาน้อย พระแก้วมรกตมีค่าสูงกว่ารัตนะทั้งหลาย
    ของดีนำหนักเท่ากัน แต่มีค่าไม่เท่ากัน

    เหมือนกับเงินทองและเพชร ซึ่งมีน้ำหนัก ๔ บาทเท่า ๆ กัน
    แต่ราคาไม่เหมือนกัน

    ทำทาน ๑๐๐ ครั้ง ไม่เท่ารักษาศีล ๑ วัน
    รักษาศีล ๑๐๐ วัน ก็ไม่เท่าเจริญภาวนา ๑ วัน .. "

    ท่านพ่อลี ธัมมธโร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2015
  2. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    ทำไมภาวนาเฉยๆทำแล้วได้บุญเยอะแบบนี้ครับ
     
  3. วิริยะ13

    วิริยะ13 สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,886
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +12,460
    เพราะ ทาน ละกิเสอย่างหยาบ คือ โลภะ ความตะหนี่ เห็นแก่ตัว
    ศีล ก็ละกิเลสอย่างหยาบ คือ ความโกรธ ความเบียดเบียน

    ภาวนา นั้นละกิเลศอย่างกลาง คือนิวรณ์ห้า ทั้งเป็นฐานของ วิปัสสนาปัญญา
    ปัญญาอันสูงสุด สามารถละกิเลสอย่างละเอียด คือโมหะ ความหลงและตัณหา อวิชชา
    ยังปุถุชนคนธรรมดา กลายเป็นพระอริยะบุคคลได้

    อย่างไรก็ตาม ทาน ศีล ภาวนานี้ ย่อมอาศัยกันและกัน หนุนเสริมกัน ก่อให้เกิดศรัทธา
    เกิดเข้มแข็งทางจิตใจ สามารถฟันฝ่ากองกิเลสตัณหา ทั้งหลายทั้งปวง
    ให้เราท่าน ถึงฝั่งอันเกษมได้ ..

    เหมือนทหารออกไปรบ ..

    ต้องอาศัย ทั้งสะเบียง(ทาน) โล่ห์(ศีล)
    กำลัง(สมาธิ)และอาวุธ(ปัญญา) ..

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2015
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ความสุขสบายที่ได้รับจากการภาวนา ได้ทันที
    ไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งใด ๆ มาเป็นเครื่องมือ
    ศาสนาเป็นเรื่องของจิตที่ส่งผลทันที เช่น..
    ทำทานแล้วปรารถนาในสิ่งอื่น แต่ทำเพื่อให้
    เป็นเครื่องปรุงแต่งจิต ลด ละ ความตระหนี่
    มันได้ผลทันที ไม่ต้องรอ ได้มากที่สุด.
     
  5. boy thanawat

    boy thanawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +288
    สาธุครับ
     
  6. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +14,165
    สาธุ ส่งเสริม ซึ่งกันและกันครับ ทาน ศีล บุญกุศลทุกประเภท สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน
    ควรทำให้ครบทุกอย่างครับ ตามกำลัง
    ให้เคยชิน อย่างสม่ำเสมอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มกราคม 2015
  7. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ตอบกันไปเยอะละ เสริมนิดหน่อยละกัน

    การเจริญสมถะและวิปัสสนาอย่างง่ายๆ ประจำวัน

    (๑) มีจิตใคร่ครวญถึง มรณานุสสติกรรมฐาน
    (๒) มีจิตใคร่ครวญถึง อสุภกรรมฐาน
    (๓) มีจิตใคร่ครวญถึง กายคตานุสสติกรรมฐาน
    (๔) มีจิตใคร่ครวญถึง ธาตุกรรมฐาน

    ควรจะได้ทำให้บ่อยๆ ทำเนืองๆ ทำให้มากๆ ทำจนจิตเป็นอารมณ์แนบแน่น ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด คือ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ก็คิดและใคร่ครวญถึงความเป็นจริง ๔ ประการ
    ซึ่งหากทำแล้วพระพุทธองค์ตรัสว่า “จิตของผู้นั้น ไม่ห่างจากวิปัสสนา และเป็นผู้ไม่ห่าง จากมรรคผลนิพพาน”
     
  8. Tewadhama

    Tewadhama เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +188
    สาธุ
     
  9. athip999

    athip999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +151
    สาธุ ครับ
     
  10. Kwan LPM

    Kwan LPM Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +48
    ตอบคุณ bschaisiri

    พุทธดำรัส
    “... ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญภาวนา (อบรมจิต) เสมอด้วยแผ่นดินเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้
    ดูก่อนราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือกบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัด หรือระอา หรือเกลียดด้วยของนั้น ก็หาไม่ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินนั้น ฉันนั้นแล”
    “... ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญภาวนาด้วยน้ำเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้... เปรียบเหมือนคนทั้งหลายล้างของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ลงในน้ำ... น้ำจะอึดอัด หรือระอา หรือเกลียดด้วยของนั้น ก็หาไม่...”
    “... ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญภาวนาด้วยลมเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยลมอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตของเธอได้... เปรียบเหมือนลม ย่อมพัดต้องของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง... ลมจะอึดอัด หรือระอา หรือเกลียดด้วยของนั้น ก็หาไม่...”
    “... ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญภาวนาด้วยอากาศเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้... เปรียบเหมือนอากาศไม่ตั้งอยู่ในที่ไหนๆ...”
    “... ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญเมตตาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญเมตตาภาวนาอยู่ จักละพยาบาท (ความคิดจองล้าง) ได้ เธอจงเจริญกรุณาภาวนาเถิดเพราะเธอเมื่อเจริญกรุณาภาวนาอยู่ จักละวิหิงสา (ความคิดเบียดเบียน) ได้เธอจงเจริญมุทิตาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญมุทิตาภาวนาอยู่ จักละอรติ (ความอิจฉาตาร้อน) ได้ เธอจงเจริญอุเบกขาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอุเบกขาภาวนาอยู่ จักละปฏิฆะ (ความขุ่นเคือง) ได้ เธอจงเจริญอสุภภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอสุภภาวนาอยู่ จักละราคะ (ความกำหนัดยินดี) ได้เธอจงเจริญอนิจจสัญญาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอนิจจสัญญาภาวนาอยู่จักละอัสมิมานะ (ความถือตัวว่าเป็นเรา) ได้”

    มหาราหุโลวาทสูตร ม. ม. (๑๔๐-๑๔๕)
    ตบ. ๑๓ : ๑๓๘-๑๔๐ ตท.๑๓ : ๑๒๖-๑๒๘
    ตอ. MLS. II : ๙๔-๙๖
     
  11. Kwan LPM

    Kwan LPM Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +48
    ตอบคุณ bschaisiri : ภาวนาในความหมายของหลวงปู่มั่น

    หลวงปู่มั่น องค์ท่านกล่าวว่า “การภาวนา คือการอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผล อรรถธรรม รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวเองและสิ่งทั้งหลาย ไม่ให้จิตผาดโผนโลดเต้นแบบไม่มีฝั่งมีฝา ยึดการภาวนาเป็นรั้วกั้นความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผล อันจะเป็นทางแห่งความสงบสุขใจ ที่ยังมิได้รับการอบรมจากการภาวนา”

    Cr: วัดป่าภูหายหลง / Blog คุณ chai_tf

    ภาวนา ไม่เฉยๆนะครับ เป็นการปฏิบัติธรรมมิใช่เพียงเพื่อไปสวรรค์หรือเพื่อให้ภพหน้าอยู่ดีกินดี หรือเป็นผู้มีกายงดงามเท่านั้น แต่เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงโดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยเจ้า อรหันตสาวกทุกพระองค์ พ้นทุกข์ได้เพราะภาวนานี่ล่ะ

    อาจมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า แล้วพระอรหันต์ที่ท่านฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้วบรรลุธรรมเลย ท่านไม่เห็นต้องภาวนา หลวงปู่ครูอาจารย์หลายองค์ยืนยันว่า ท่านเหล่านั้นล้วนแต่สั่งสม ศีล สมาธิ ในอดีตจนเต็มที่แล้วทั้งสิ้น เมื่อได้ฟังพระพุทธองค์แสดงพระธรรมเทศนาที่ตรงกับจุดที่ตนเองติดอยู่ จึงสามารถใช้ปัญญาบนพื้นฐาน สมาธิที่สุดแข็งแกร่ง แล้วจึงหลุดพ้นไปได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...