รับขันฑ์แล้วจิตใจร้อนรุ่มโกรธง่าย

พอดีแฟนเพิ่งรับขันฑ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วปรากฎว่า มาบอกว่าจิตใจร้อนรุ่มโกรธง่ายไม่มไทราบว่าเป็นการลององค์ท่านหรือเปล่ามีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

 

อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่รู้ไปรับขันธ์อะไรมาน่ะ ครับ

ระวังไปเจอขันธ์มารหลอกเอาไปเป็นสาวกก็แล้วกัน

อาละวาดกันอยู่ในวงการมานานแล้ว ครับ

น่ากลัวน่ะ จะบอกให้ อยู่ห่างๆพวกนี้เป็นดีที่สุด

เอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด แน่นอนกว่า ครับ

 

ไม่ใช่ขันฑ์มารแน่นอนครับเพราะเขาเน้นให้ปฎิบัติแต่สิ่งดีสวดมนต์ไหว้พระและอุทิศครับไม่ได้หรอกให้เสียเงินเสียทองอะไรประมาณนั้น

 

ช่วงนี้เขาฮิตรับขันธ์พระพิฆเนตกันนะครับ
ไม่ทราบว่าใช่หรือป่าว
หรือบางทีเขาก้อเป็นพระแม่อุมา
อะไรประมาณนั้น
...(one-eye)
ระวังไว้ก็ดีนะครับ
มีจริงและมีปลอมครับ
ท่านเทพจริงๆท่านคงไม่มาเข้าทรงกันง่ายๆหรอกครับ(tm-love)
และส่วนมากที่มาก็มักจะเป็นวิญญาณบนโลกที่พอจะทำอะไรได้บ้าง
และมักจะแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
บางทีก็มีแนวคำสอนให้นับถือปฏิบัติตามเพื่อความน่าเลื่อมใสครับ
...
แนะนำให้เลิกดีกว่าครับผม...
ไม่ทราบว่าเคยปฏิญานตนเป็นพุทธมามกะหรือยังครับ
???
พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันอุดมสูงสุดครับผม(good) (ping)

 

วิธีแก้คือ
1.คืนขัน คือ จุดธูปประกาศบอกเทพหรือพวกเปรต อสุรกายที่จะแฝงมาลงเพราะสามีคุณไปประกาศเปิดบ้าน(กาย-ใจ)ให้เขาแทรกแทรงแสดงเดช โดยรู้เท่าไม่ถึงการ มันไม่เป็นบุญเป็นกรรมมากกว่า สวดไตรสรณะคมสัก 9 จบสวดอิติปิโสเสกน้ำดื่มกินอธิฐานให้กายใจนี้เป็นอิสระ ได้บำเพ็ญความดีด้วยตนเอง ขอท่านที่จะมาลงอนุโมทนาได้ตลอดไปไม่ต้องมาแจมร่าง เพราะเราถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว ขอบอก หากมีขันครูๆนั้นก้เอาไปฝากไว้ในวัดบอกพระก่อนให้รับรู้แล้วก็อธิฐานบอกให้เขามากับขันครูอยู่ในวัดนี้เเหละคอยรับบุญกุศล
2.ยังนึกไม่ออก

เจริญพร
พระ 12

 

ห้ามรับ ซี้ซัว นา เพราะอาจเป็นพวก ยักษ์ มาร มาลงแทนอะดิ ก็ต้องเป็นทาสรับใช้เค้าตลอดเลยแหละ ขอบอก ใครให้ไปรับขันธ์ อย่าไปรับซี้ซัวนะครับ

 

มีคนชวนให้รับบ่อยๆ
ขัน มันก็มีหลายขันนะ
ขันที่ต้องทำตามโบราณ
เอาเหล้า เอา ข้าว เอาอะไรๆ ใส่ ตามที่เขาทำกันมา
ขันครู ขันเจ้าทรง
กับขันที่เราทำเองก็ได้
เอาไว้ไหว้พระพุทธเจ้า ใส่ ธูป ๕ เทียน ๕ ดอกบัว ๕
ก็เป็นขัน ๕ (ทำเอง)
เอาไว้บูชา
ขัน ๙ ก็ใส่ ๙
ขัน ๑๐๘ ก็ใส่ไป ๑๐๘
จุดประสงค์ของการทำขัน
ให้ใคร ให้เทพ ให้วิญญาณใช่ปะ
แต่นี่เราทำให้พระพุทธเจ้า
เป็นขัน ทาสพระพุทธเจ้า
ให้เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม
เช่น ธูป เช่น เทียน ข้าวตอกดอกไม้
ลูกจะถือศีล ลูกจะกินเจ
อะไรก็ว่าไป
อย่าให้ขันมันมามีอิทธิพลเหนือชีวิตเรา
มีแล้วต้องดีขึ้น ไม่ดีก็เอาไปคืนเสีย เนอะ

ก็อยากรับนะ เขาไปรับที่ไหนกันเหรอ เห็นรับกันจัง​

 

มีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นหญิง รับขันธ์มา เมื่อปี 30 โดยประมาณ
จนบัดนี้ ชีวิตมีแต่ตกต่ำ เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เราต้อง
คอยบอกว่า มันบาปมหันต์นะ อย่าทำนะ เราก็เคยบอกเขาว่า
ลองไปคืนขันธ์ที่รับมาดีกว่า เพราะก่อนหน้าที่จะรับขันธ์ ชีวิต
รุ่งเรืองมาก มีแต่คนรัก ทำอะไรก็ดีไปหมด ตั้งแต่รับขันธ์มา
อารมณ์เสียเป็นประจำ ทะเลาะกับสามี บ้านโดนยึด จากที่เป็น
คนเทรดหุ้น ตกต่ำจนต้องไปทำก่อสร้าง บางมื้อไม่มีแม้แต่เงิน
จะซื้อกับข้าวกิน นี่ผ่านมาเป็นยี่สิบปีแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย เคย
เห็นเขากับเพื่อนเข้าทรงว่าเป็น องค์อุมาเทวี เจ้าแม่ทุรคา บ้าง
แต่ในส่วนนี้เราไม่ออกความเห็น ว่าเป็นองค์จริง หรือเป็นพวก
แอบแฝง รู้แต่ว่า ชีวิตตกต่ำจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้โงหัวเลย

 

เคยรับเหมือนกัน วันสงกรานต์ ลอยมาแต่ไกล แต่รับไม่ทัน เลยเปียก โชคยังดีที่เป็นขันพลาสติก ถ้าเป็นขันอลูมีเนียมคงแย่

 

เคยคิดจะรับเหมือนกัน ขันธ์คือ การรับหน้าที่ เหมือนไก่ ที่ต้องคอยขันอยู่ทุกเช้าเป็นหน้าที่ เหมือน ขันที่เรามีอยู่ห้าใบในกระเป๋าหลัง รับขันที่หกมาก็หนักขึ้น ปวดหลังอีกต่างหาก แต่ก็ย่อมมีด้านดีเช่นกัน เช่นการรับขันเพื่อสร้างบุญบารมีพร้อมกันไป เคยคิดจะรับขันเหมือนกันครับ แต่เป็นขันของพระอรหันต์คงจะดีกว่า ยิ่งเป็นขันธ์ของพระรัตนตรัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขันธ์ของพระธรรมย่อมดีแน่นอะ

 

ของแบบนี้เหมือนดาบสองคม รับขันธ์พระรัตนตรัยชัวร์สุด มีแต่ดีกับดี เจริญกับเจริญ...

 

ต้องถามก่อนว่าทำไมถึงต้องไปรับขัน...เพราะการรับที่ถูกต้องเจ้าสำนักจะต้องแจงให้ทราบก่อนว่า ต่อไปนี้คุณจะต้องยอมเป็นลูกศิษย์ของเขาไปตลอดชีวิต เขาจะสั่งคุณทำอะไรก็ได้ด้วย..........อีกอย่างเขาจะต้องบอกคุณด้วยว่า เมื่อรับมาแล้ว คุณจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคุณ เช่นถ้าเป็นสิ่งที่ดี คุณก็คงจะต้องสวดมนต์ไหว้พระให้ได้ทุกวันอย่างน้อยวันละนิดก็ยังดี หากรับมาแล้วคุณไม่ได้ทำก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้ได้ และต่อไปคุณก็อาจจะต้องประสบกับปัญหาต่างๆ อีกมากมายก็เป็นได้ ดังที่มีคนบอกเล่าก็ที่ผมจะตอบกระทู้ ทางที่ดี ถ้ายังไม่พร้อมก็ขอนำกลับไปคืนที่เดิม โดยต้องขอขมาเจ้าเขาด้วย ก็ต้องถามเขาอีกว่าจะต้องทำอย่างไร ดีไม่ดีเขาไม่รับคืน คุณก็ต้องทนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอีกในวันข้างหน้า เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี แล้ว คุณจะได้รู้ว่าสวรรค์ นรก เป็นเช่นไร.....

จาก......ผู้ที่มีประสพการณ์มาแล้ว........ธรรมรักษา(อุดร).......

 

ดีนะท่าน แล้วเอาขันไปคืนเค้ายังครับ เหอๆๆ

 

แนะนำ ให้ รับ คุณ ขันธ์ ดีกว่า รับขันธ์
คือ ให้เลิกไปสนใจมัน รับมาแล้ว ตอนรับมีอะไรไหม ถ้าไม่มีอะไร มันก็ไม่มีอะไร
รับขันธ์มันเป็นแค่พิธีไร้สาระ ที่แฟนคุณโมโห จิตใจร้อนรุ่ม เพราะเขาร้อนรุ่ม มาก่อนหน้านี้ เพราะเขาเครียด เขาหาทางออกไม่เจอ เลยไปรับขันธ์นะ ไม่ใช่รับขันธ์แล้วเป็น แต่เป็นก่อนรับขันธ์

ก็ คอยปลอบใจกัน คือ ให้เอากระแสของคนหมู่มาก พูดให้เขาเชื่อว่า อารมณ์ไม่ดีนั้นมันเกิดจากความเครียด ไม่ใช่เรื่องรับขันธ์ พูดกันหลายๆหู ดึงกระบวนทัศน์วิธีคิดของเขาออกจากการเชื่อเรื่องเจ้า แต่ให้เขาหันมาคิดในเชิงวิทยาศาสตร์ให้ได้ นั้นแหละคือวิธีการแก้

 

ไม่รีบทำตอนนี้อีกหน่อยเพี้ยนนะ ให้เลิกพูด เลิกคิดเรื่อง เจ้าบ้าบอไปเลย
ให้ตั้งสมมติฐานแต่ในเชิงวิทยาศาสตร์อย่างเดียว เช่น ปวดหัว ก็ให้กินพารา อาจจะมีไข้หวัด
อารมณืไม่ดี ก็ให้บอกว่า น่ากลัวเครียด ทำงานมากไป หรือคิดมากหรือเปล่า
ท้องเสียก็บอกว่า อาหารเป็นพิษ
นอนไม่หลับก็ บอกว่า เป็นเพราะคิดมาก ให้ออกกำลังกาย บ่อยๆ
นะ เชื่อผม แล้วจะหาย

 

ไม่แนะนำให้ไปรับขันธ์ไม่ว่าขันธ์อะไรนะครับ
เพราะมันจะมีแต่เรื่องเดือดร้อนไม่ช้าก็เร็ว
รับมาแล้วควรไปคืนซะ
แล้วขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกเพียงอย่างเดียว
แต่ถ้าไปขอคืนแล้วเขาไม่รับคืนซึ่งก็คงเป็นอย่างนั้นซะส่วนใหญ่ผมมีวิธีแก้ไขอย่างนิ่มนวล บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น


แต่ถ้ากลัวคำขู่ของคนที่ไปขอรับมาหรือกลัวว่าคืนแล้วจะเป็นโน่นเป็นนั่น
ก็คงเป็นกรรมบีบคั้นต้องลำบากก้มหน้ารับกรรมอีกนานครับ

ว่าแต่คุณจะต้องการคืนหรือเปล่าครับ หรือจะตามแก้ปัญหาภรรยาไปเรื่อยๆจะได้ช่วยหาวิธีกันต่อไปครับ

 

ขันธ์ก็มีกันทุกคนอยู่แล้ว มนุษย์มี ตั้ง 5 ขันธ์ สลัดกันเป็น ร้อยเป็นพันชาติ ยังไม่หลุด แล้วนี่ไปรับมาอีก 1 ขันธ์ ..... โถ่ เวรกรรม

 

โดยย่อ....

เทวดาถามพระสมณะที่ผ่านมา.....ท่านเป็นเทวดา พรหม องค์เจ้า คนธรรพ์ นาค หรือ มนุษย์

พระพุทธองค์ตรัสตอบ เราไม่ได้เป็นเทวดา พรหม องค์เจ้า คนธรรพ์ นาค หรือ มนุษย์แต่อย่างใด พระองค์เป็น พุทธะ

* * * *

เหตุที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะทุกอย่างที่กล่าวมานั้นล้วนมีขันท์
พระองค์เป็นผู้ปราศจากแล้วในการยึดถือขันท์ทั้งปวงจึงเป็นพุทธะ

คุณเจ้าของกระทู้ หรือแฟนจะรับขันท์ใดๆก็ได้ จะรับอีกกี่ขันท์ก็ได้
แต่สุดท้ายแล้ว ในการหมดสิ้นไปแห่งทุกข์ ล้วนไม่มีขันท์เหล่านั้น

 

เราก็เป็นคนหนึ่งที่รับขันธ์มา...เมื่อรับแล้วให้พึงระลึกถึงครูบาอาจารย์เสมอ...จะได้ไม่พลาดพลั้งเสียทีแก่มาร...(โลภ...โกรธ...หลง...)การรับขันธ์ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปเสมอ...เช่นถึงเวลาต้องบำเพ็ญต่อไป...หรือถึงเวลาที่ชะตาจะต้องตกต่ำไปจนสุดที่จะสามารถดึงจิตของเรากลับมาด้วยตนเองได้...ก็จะมีครูบาอาจารย์ที่มีบุญสัมพันธ์กันในอดีต...มาช่วยเหลือดูแล...แต่มีข้อแม้ว่าต้องปฏิบัติบำเพ็ญอย่างตั้งใจ...หากผู้ใดรับขันธ์แล้วถือว่าได้ให้คำสัตย์ต่อครูบาอาจารย์แล้วว่าจะปฏิบัติบำเพ็ญ...ไม่ใช่ซี้ซั้วรับเพื่อตัดปัญหา...หากยังไม่พร้อมให้สอบถามผู้รู้ก่อน...โดยปกติผู้ที่จะรับขันธ์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้ที่ปฏิบัติถือศีลเป็นปกติอยู่แล้ว...ซึ่งการรับขันธ์เป็นประเพณีมากกว่า...คือเป็นการบอกกล่าวแก่ฟ้า-ดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปให้ทราบว่าเราเป็นศิษย์มีครู...และแน่นอนก็เป็นการประกาศว่าเราจะลดละเลิกจากกิเลสทั้งปวงเพื่อฝึกการหลุดพ้น...เหล่ามารทั้งหลายย่อมไม่พึงพอใจ...จึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้เกิดขึ้น...แต่อย่ากลัวเลย...เพราะมารเหล่านี้จะมีผลเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น...หากเราไม่ท้อถอย...และยังคงปฏิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ...มารเหล่านี้จะไม่สามารถมารังควานเราได้...คงจะเหลือแต่มารในใจเราเท่านั้นที่มีอยู่และจะคอยผจญเราเรื่อยไป...จนกว่าเราจะพบธรรมที่แท้จริง...และสามารถหาทางหลุดพ้นจากธรรมนั้น...ดีเสียอีกที่มีมารมาผจญ...เพราะไม่เกิดปัญหาก็ไม่เกิดปัญญา...เมื่อมีสิ่งยั่วยุในใจเราก็ถือเสียว่าเป็นบททดสอบอารมย์ของเรา...จงแนะนำเขาแบบนี้...

 

ถ้าไม่มีทิพยจักขุญาณ จนรู้ว่าขันธ์ที่รับมาเป็นขันธ์ใคร ก็ไม่ต้องไปรับหรอกครับ เราจะตกต่ำอย่างไรมันก็เป็นเพราะกรรมชั่วที่เราเคยทำมา ทำกรรมดีมาก ๆ มันก็จะดีเอง ความดีไม่หายไปไหน แต่การรับขันธ์ของใคร เราก็ต้องตกเป็นทาสของคนนั้น ทำความดีมามากมาย ตายเป็นแล้วเป็นทาสเขามันเสียทีนะครับ จะเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่อะไรก็ช่าง ถ้าต้องตกไปเป็นทาสเขา เราก็อดไปนิพพาน 90% ของตำหนักทรงต่าง ๆ มันของปลอมทั้งนั้น