ร่วมทำบุญบูชา นัยน์ตาพระธรณีเจาะจำเพาะมหาถอดแสนมนต์(องค์ปฐมเปลื้องผ้ากาสา) พ่ออาจารย์พล

เหรียญหล่อเพชรฆาตฤกษ์รัศมีพรหมซุ้มระฆัง(เทวดาเล่นด้วย) ร่วมทำบุญบูชา เหรียญละ 1,000 บาท

จอง 2 เหรียญครับ

 

ขอจองเหรียญหล่อซุ้มระฆัง 1 เหรียญ วันจันทร์จะโอนให้ครับ

 

แจ้งโอนครับ 24/01/58
-เวลา 12.45 น. โอนจำนวน 1,000.05 บาท
-เวลา 12.46 น. โอนจำนวน 100.05 บาท

 

ตัวอย่างด้านหลัง

เหรียญหล่อซุ้มระฆังรัศมีพรหมนี้ ด้านหลังจะเรียบ พ่ออาจารย์ท่านจะลงเหล็กจารไว้ทุกเหรียญมากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่พระยันต์

วันนี้นำไปส่ง 4 เหรียญ จึงถือโอกาสถ่ายรูปมาชมเเละต้องขออนุญาติเจ้าของเหรียญทั้ง 4 ท่านไว้ล่วงหน้าเลย เห็นเเล้วมันรู้สึกว่าโดนเเละชอบจริงๆ ผู้บูชาให้ใส่ตลับหรือเลี่ยมพลาสติกให้ดี รอยจารท่านละเอียดมากๆ

อีกประเด็นหนึ่งคือขอไว้ ว่าไม่ต้องเลือก เพราะผมมั่นใจว่าพ่ออาจารย์ท่านจัดเต็มทุกเหรียญเเละลงเต็มที่ทุกเหรียญเเน่นอน ใครบูชาไปสบายใจได้ ต้องขออภัยที่กล้องถ่ายไม่ชัด รับเหรียญจริงเเล้วส่องดูรายละเอียด ผมว่าลงเยอะมากๆ

 

โอนเงินให้แล้วครับ -เหรียญหล่อเพชรฆาตฤกษ์รัศมีพรหมซุ้มระฆัง(เทวดาเล่นด้วย) ขอจอง 1เหรียญ
ชื่อที่อยู่ทาง PM นะครับ

 

จองเหรียญหล่อ 1 เหรียญครับ

 

วันนี้ได้รับเหรียญหล่อรัศพรหมแล้วครับ

 

ความสบาย

วันนี้ก็จะนำโอวาทเรื่องหนึ่ง ที่พ่ออาจารย์ท่านได้สอนเเละบอกกล่าวไว้มาลงเพิ่มเติม

จำเนียรกาลพระพุทธศาสนาแห่งพระสมณะโคตม ได้ล่วงเลยผ่านกาลเวลาและห้วงสมัยมาเป็นเวลากว่า 2,500 ปี ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายบนพื้นโลกแห่งนี้ วันแล้ววันเล่า แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเกิดขึ้นเเละมีพัฒนาการไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนั้น คือความเจริญกว้าวหน้าทางวัตถุของมนุษย์ ตรงกันข้าม สิ่งที่มีน้อยและค่อยๆหมดไป ขาดการพัฒนาก็คืออารยธรรมเเละคุณค่าด้านจิตตใจจิตสำนึกในตัวบุคคล

การเปลี่ยนแปลงงของห้วงเวลานั้น ทำให้มนุษย์สมัยนี้ รู้จักความลำบากน้อยลง นับตั้งแต่การเกิด การเริ่มต้นทุกสิ่งก็พบกับความสะดวกสบายไปเสียหมด ไม่มีโอกาสได้รู้จักการดิ้นรนเเละความยากลำบากแบบที่บรรพชนในสมัยก่อนได้เคยผ่านมา

เมื่อคนเราชินกับความสะดวกสบายเเล้วก็ย่อมจะไม่ขัดเกลาตนเอง และปล่อยอารมณ์ออกไปหลงใหลเพลิดเพลินกับกิเลสฉาบฉวยทั้งหลาย ดังนั้นจริยธรรมเเละจิตสำนึกของคนจึงวิวัฒนาการย้อนกลับโดยสิ้นเชิงกับความเจริญทางวัตถุเเละกายภาพ

เรื่องนี้ผู้มีธรรมาพิศมัยทั้งหลายก็อยากให้ลองระลึกดูว่าจริงหรือไม่ ในห้วงชีวิตของตนเองนั้น เคยลำบากเพียงใดพบกับความสบายแค่ไหนอันนี้ก้ต้องทบทวนกันดู เมื่อพิจารณาด้วยสติเเละความระลึกได้ทั้งหมดของตนเองเเล้วก็ถามตัวเองเสียว่าเห็นอะไรเเละรู้สึกอย่างไร

หากต้องการจะฝึกปฏิบัตินั้น ควรเริ่มจากทำตัวเองให้รู้จักความลำบากเสียก่อน ไม่ใช่การทรมานตนเองที่สุดโต่งเกินไป เพียงแต่ให้จิตวิญญาณรับรู้ถึงความลำบากอันเกิดเเต่กายสังขารนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการฝึกขั้นต่อๆไป

สมมติว่าเรา มีมือที่ถนัดข้างหนึ่ง เราต้องใช้มือข้างนี้ประจำเสมอๆ ไม่ว่าจะทานข้าว จะหยิบจับทำอะไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ ให้หาเวลาในยามว่างซักวันหนึ่ง ลองตั้งสัตย์กับตัวเองและจงทำตามให้ได้ ในหนึ่งวันนี้ เราจะงดใช้มือข้างที่เราถนัดเสีย จะใช้เพียงอีกมือหนึ่งข้างที่ไม่ถนัดหยิบจับ ทานข้าว ลองแสร้งทำตัวเป็นคนพิการมีมือข้างเดียวซักวัน ลองดูว่าจะฝึกควบคุมสติตนเองไม่ให้ยกมือข้างที่ถนัดขึ้นมาใช้ได้มั๊ย และตัวเรารู้ถึงความลำบากที่เกิดขึ้นจากร่างกายนี้รึยัง

แน่นอนว่าถ้าฝึกตามนี้หลายๆคนต้องเกิดความรำคาญใจไม่มากก็น้อย ทั้งนี้บุคคลผู้ลุแก่ความเพียรทั้งหลาย ผู้มีสติตั้งมั่นดีเเล้ว ก็จะผ่านการทดสอบง่ายๆเช่นนี้ไปได้ เป็นการฝึกอย่างง่ายๆให้ตนเองรู้จักความลำบาก พร้อมทั้งฝึกสติและความเพียรรวมถึงการรักษาคำสัตย์ด้วย

แต่เริ่มเดิมทีพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ศาสดา ตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ทุกท่านทุกพระองค์ล้วนผ่านความยากลำบากมาทั้งนั้น ทั้งในการดำเนินชีวิตเเละการฝึกปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเปนพื้นฐานเเละเป็นบันไดให้เราปีนเหยียบขึ้นไปสู่จุดที่สูงขึ้นทั้งสิ้น ดังนั้นคนเราควรจะเผชิญหน้ากับความยากลำบาก มิใช่กลัวเเละคอยหลบลี้หนีออกจากมัน

การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทำให้มีความก้าวหน้าและมนุษย์ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ชนิดที่เทียบไม่ได้กับยุคสมัยก่อน เรียกได้ว่าความเป็นอยู่ของคนปกติธรรมดาๆคนหนึ่งในสมัยนี้ ยังสุขสบายกว่าพระราชาหรือกษัตริย์ในอดีต

ดังนั้นเราควรคิดกับชีวิตของเราที่เกิดมาเเละหายใจอยู่ในทุกวันนี้เสียว่า จะทำอย่างไรให้ตัวเองรู้เท่าทันจิตใจตนเอง ทำอย่างไรให้ตัวเราเองเจริญสติได้ไม่ขัดต่อการดำรงค์ชีวิตในปัจจุบัน การพิจารณาสิ่งๆต่างๆตัวนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราดึงเข้ามาช่วยก็จะเกิดผลดีแก่การฝึกมากขึ้น รู้จักคิดรู้จักพิจารณาในสิ่งรอบข้าง สิ่งที่มองเห็นต่างๆ และพิจารณาลึกซึ้งไปถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจตนเอง

กาลเวลาภายหน้านักปราชญ์จะตกต่ำลง ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจวาสนา การเปลี่ยนแปลงตามวัฏฏจักรทั้งฤดูกาลตลอดจนธรรมชาติร่วมไปถึงน้ำใจของมนุษย์นั้น ได้เริ่มเกิดขึ้นเเละมีให้เห็นอยู่มากมายเเล้ว ความผันผวนทั้งหลายนี้มาพร้อมความเสื่อม ในยุคปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าทอดสายตาไปที่แห่งใดก็ล้วนเเต่พบเจอความทุกข์ทั้งสิ้น แม้มองเห็นความสุขก็ยังเป็นความสุขในความทุกข์อยู่ดี เราทั้งหลายนอกจากจะรู้จักความทุกข์ยากลำบากเเล้ว ควรจะมองเข้าไปให้เห็นความทุกข์ อย่าไปหดหู่ท้อแท้ใจกับมัน ให้ปลงอนิจจังเอาไว้ ตั้งอารมณ์ให้เป็นกลาง หมั่นฝึกฝนสติเเละต่อพระกรรมฐานเป็นทุนของชีวิตไว้ไม่หลงไปตามกระเเสโลกและสังคม

สิ่งเหล่านี้หากไม่รีบทำก็ยากที่จะอยู่ต่อไปให้มีความสุขได้ในอนาคตเบื้องหน้า ฝากเอาไว้ให้ท่านทั้งหลายได้คิดเเละพิจารณาไป ถือว่าเป็นการบอกบุญและทำบุญร่วมกัน การระลึกชอบ ดำรงค์ชีพชอบ ปฏิบัติชอบ สิ่งเหล่านี้สำหรับเรานั้นถือว่าเป็นการทำบุญที่ให้ผลมหาศาล เพราะว่าเราใช้ร่างกายเเละจิตวิญญาณนั้นปฏิบัติให้เข้าถึง ดีกว่าการใช้วัตถุไปซื้อบุญมากมายนัก ซึ่งสิ่งดีงามทั้งหลายล้วนเเต่ปฏิบัติไปได้พร้อมกับการดำเนินชีวิตของเราทั้งสิ้น

 

จองเหรียญหล่อเพชณฆาตฤกษ์รัศมีพรหม เพิ่มด้วย 1 เหรียญครับ

 

ขอโอนสิ้นเดือนนะครับ

 

โอนแล้วครับ รายละเอียด PM ครับ

 

จอง 1 เหรียญครับ

 

วันนี้เวลา 15.08 น.โอนค่าพระ 1,000 +100 บาท
นายชัยวัฒน์ วินิจมนตรี 333 หมู่ 6 สหกรณ์การเกษตรด่านขุนทด จำกัด
ต.ด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 30210

 

แจ้งได้รับเหรียญหล่อซุ้มระฆังรัศมีพรหมแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

 

ได้รับเหรียญหล่อแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

ผมขออนุญาติ โอนวันศุกร์ครับ

 

ขุนกระบี่ลิงดำ (ลิงหางกุด)

ก็เป็นคำถามที่มีเข้ามา ว่าชาวสิงคโปร์เค้าศรัทธาอะไร เค้าบูชาอะไรของท่านไปมีประสบการณ์อย่างไร ก็จะขอตอบทีเดียวเลย เพราะยังไม่เคยพิมพ์ไว้เพื่อให้เผยแพร่เป็นข้อมูลสาธารณะมาก่อน

สืบเนื่องจากนิมิตรอันเกิดจากอารมณ์กรรมฐานของท่าน ท่านได้พบครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ในการเข้ากรรมฐานนั้น ซึ่งท่านจำหน้าได้ติดตา เพราะครูบาอาจารย์รูปนี้ช่างมีประวัติที่ลึกซึ้งเเละเป็นตำนานที่แม้จะสิ้นใจไปแล้วก็ยังกลับมีคนพบเห็นอยู่เนืองๆ นั่นคือพระมหาชวน หรือองค์หลวงพ่อโอภาสีนั่นเอง

การพบกันครั้งแรกเป็นการสนทนาถามไถ่กันปกติ พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าได้คุยกับท่าน ท่านเป็นพระที่มีรัศมีดีมาก ดีกว่าพระหลายๆรูปที่เรากราบไหว้เสียอีก ซึ่งการมาพบนั้นท่านมาจองตัวและจะขอไปอยู่ด้วย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ไม่ได้เล่าลงรายละเอียดอะไรมากนัก

ในครั้งที่สองที่ท่านมาหา พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ครั้งนี้ท่านไม่ได้มากับบริษัทมากมายแบบครั้งก่อน แต่ท่านมาพร้อมกับลิงตัวหนึ่ง เป็นลิงสีดำสูงประมาณหน้าอกเรา ท่านมาด้วยกัน ท่านว่าเอาคนมาช่วยจะทิ้งไว้ให้อยู่ที่นี่เลย พอพูดจบ ลิงสีดำนั้นก็วิ่งเข้ามาหาพ่ออาจารย์ พร้อมกับช่วยจัดแจงทำงานต่างๆแม้แต่จารตะกรุดเสกพระ ในนิมิตรนั้น ลิงดำตัวนี้ทำแทนท่านหมดเลย

หลังจากนั้นท่านจึงนำกระดาษมาแผ่นนึง มาวาดรูปลิงดำที่พระมหาชวนพามาอยู่กับท่าน ท่านว่ายังไม่ทันเสกเลย แค่กำหนดจิตให้เขาเข้ามาอยู่ในรูปของเขา พลังงานมหาศาลก็แผ่ออกมาแล้ว ท่านเรียกลิงดำนี้ว่าลิงครู

จนเวลาผ่านไป ท่านก็พกกระดาษที่วาดรูปลิงแผ่นนี้ติดตัวไปไหนมาไหนประจำเวลาจะทำอะไรก็บอกกล่าวให้ลิงดำนี้ช่วยเหลือก็จะสำเร็จสมความตั้งใจทุกเรื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งของใช้ประจำตัวท่านเลยก็ว่าได้

เป็นที่น่าสังเกตุคือ วิชาการทำลิงนั้นท่านก็ได้ร่ำเรียนมาหลายสายเเม้เเต่วิชาธาตุ4เเละการทำเครื่องรางลิงในสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว แต่ท่านก็ไม่เคยสร้างหรือคิดจะทำลิงออกมาเลยซักครั้งๆ ทั้งที่ลิงครูนี้มีอานุภาพครอบฟ้าคลุมดินใช้ได้ร้อยแปดพันประการ ถามเรื่องลิงหรือหนุมานเมื่อไหร่ ท่านจะตอบเลี่ยงออกไปว่ารอของของเราอยู่

เมื่อลิงดำมาอยู่กับท่าน ท่านก็ได้วาดรูปขึ้นมาเพื่อพกบูชาในขั้นต้นแต่ถัดจากนั้นท่านก็ตั้งใจจะแสวงหากายสิทธิ์สีดำๆมาแกะเป็นลิงครูไว้สักตัวหนึ่ง ก็ปรากฏว่าพระมหาชวนหรือองค์หลวงพ่อโอภาสีได้มาเข้านิมิตร ให้เอาไม้ช่อฟ้าของท่านนั่นแหละแกะไป ท่านจึงได้ทำขึ้นเเละนำมาตั้งบูชา

เมื่อมีผู้เดือดร้อนมาหาท่าน ใครได้เห็นลิงครูหรือลิงดำที่ท่านแกะไว้นี้ก้อยากจะรับไปบูชาทั้งสิ้น นับเป็นเรื่องแปลก แต่ก็ไม่มีคนสมหวังเสมอๆ แม้จะขอให้ท่านแกะท่านทำให้เฉพาะตัวก็เเล้วแต่ ก็ยังได้รับการปฏิเสธจากท่านอยู่เนืองๆ

ท่านมักจะถามเสมอว่าเดือดร้อนอย่างไร มีเรื่องอะไรแล้วก็จะเเนะนำอย่างอื่นไปในกรณีที่ท่านเห็นเหมาะเห็นควร ท่านว่าลิงดำนี้ เอาไว้ใช้กับเรื่องใหญ่ๆ ปัญหาหนักๆที่หาทางออกไม่ได้ ต้องใช้บารมีเข้าแก้ไขมาก งานไม่ใหญ่เราไม่เคยให้เขาไปทำ

ก็เห็นจะจริง ต้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องที่คิดหาทางออกไม่เจอเท่านั้นพ่ออาจารย์ถึงจะสร้างลิงดำให้เอาไปบูชาเป็นกรณีรายบุคคล เช่นต้องการขายที่ขายบ้านในราคาสูงๆได้ไวหรืออะไรที่แปลกๆก็ตามที ท่านว่าลิงดำนี้ถ้าไม่มีอะไรก็ให้เค้าอยู่เฉยๆ หากให้ขยับทีก็ต้องทำเรื่องที่พลิกฟ้าพลิกดินได้

ว่างๆจะขออนุญาติถ่ายลิงดำที่ท่านตั้งไว้บูชามาให้ชมกัน ถือว่าเป็นมงคลวัตถุ เเละเป็นทิพย์ญาณคู่บารมีของพ่ออาจารย์ท่านอีกชนิดหนึ่ง วันนี้ขอรูปลิงดำในกระเป๋าที่ท่านวาดไว้พกออกมาถ่าย

ถามท่านเกี่ยวกับประวัติลิงดำ เพราะปกติจะเห็นใครๆทำเป็นลิงขาวหรือหนุมานกันมาก ท่านว่าลิงดำก็นิลพัท แต่ตนนี้ไมใช่นิลพัท เพราะเป็นลิงหางกุด หางไม่ยาวแบบธรรมดาทั่วไปตามตัวเค้าจะเป็นลายขนเป็นวงแบบขุนกระบี่ราชาวานรทั้งหลาย แต่หางของเขาจะกุด และตามลายขนเป็นวงนั้นจะมีประกายไฟประทุออกมาจากร่างกายเขา

ถ้าพระมหาชวนถึงกับนำมาฝากมาทิ้งไว้เราก็ไม่อยากจะไปสงสัยอะไรมาก แค่เชื่อว่าต้องดีแน่เเละไม่ใช่ลิงสามัญธรรมดา

ก็เป็นเรื่องน่าแปลก สำหรับใครที่ท่านอนุญาติให้รับลิงดำนี้ไปบูชาได้ท่านจะให้หาไม้พญางิ้วดำหรือกายสิทธิ์อื่นๆสีดำมาเองมาให้ท่านแกะให้พร้อมกับถวายพานครู ท่านจะดูฤกษ์ดูเวลาให้อย่างดีว่าต้องทำตอนไหนอย่างไร ยกเว้นคนที่หาไม่ได้จริงๆท่านถึงจะใช้ไม้ช่อฟ้าของท่านแกะให้

ถือว่าเป็นของที่จะรับไปบูชาได้ยากที่สุดและท่านก็ทำก็สร้างเป็นเอกลักษณ์ของท่าน วิชาการทำลิงดำหางกุดนี้ท่านว่าเป็นครูลิงทั้งหมด ถ้าพระมหาชวนไม่นำมาให้ก็เห็นจะไม่มีสืบต่อไปในโลก

ก็พอจะบอกได้คร่าวๆว่าคณะศรัทธาสิงคโปร์บูชาอะไร เพราะภารกิจเเละการเเข่งขันของบ้านเมืองเขาค่อนข้างสูงเเละเป็นงานใหญ่งานช้างกันโดยส่วนมาก ท่านพิจารณาของท่านตามเรื่องที่ส่งเข้ามา เห็นควรมอบลิงดำนี้ไปบูชาท่านถึงจะมอบให้ไป

และในอนาคตอันใกล้พ่ออาจารย์ท่านก็กล่าวเสมอว่า คนรวยจะเยอะขึ้น คนจนก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัวแต่คนชั้นกลางจะหาได้ยากและค่อยๆหมดไปที่รวยก็ยิ่งรวย ที่จนก็จนทนทุกข์เวทนาไปเลย เราต้องเลือกเองว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย หากอยากรวยก็ต้องคิดตั้งตัวเสียตอนนี้ ถ้ารอเวลาก็มีแต่ต้องรอเวลาตกต่ำเท่านั้น เพราะคนรวยเขาจะตัดสินใจกันเเละลงมือทำฉับพลันทันที เรื่องนี้เป็นข้อคิดฝากไว้กับทุกๆคน

 

ได้รับของแล้วครับ
ขอบคุณครับ

 

ขุนกระบี่ลิงดำ (ลิงหางกุด)

ก็มีโอกาสถ่ายมาให้ชมกัน สำหรับองค์นี้ก็เป็นเนื้อไม้ช่อฟ้าแกะที่พ่ออาจารย์ท่านใช้บูชาของท่านเอง ดูมีชีวิตเเละมีเสน่ห์แบบแปลกๆดี

 

ได้รับเหรียญหล่อแล้วครับ ขอบคุณครับ