เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

วัดโพธิ์ผักไห่.........


ฤกษ์อาบน้ำมนต์ ในเดือนธันวาตม

วันพุธ ที่ ๓ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๒๘ – ๑๗.๐๐
ปลอด – ทาษี – ทลิทโทฤกษ์

วันศุกร์ ที่ ๕ ธันวาคม ๕๗
๑๖.๑๗ – ๑๗.๐๐
ปลอด – ทาษา – โจโรฤกษ์

วันเสาร์ ที่ ๖ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๒๙ – ๑๕.๓๓
มหาสิทธิโชค – กัมมะ – ภูมิปาโลฤกษ์

วันจันทร์ ที่ ๘ ธันวาคม ๕๗
๑๕.๓๘ – ๑๗.๐๐
อำมฤคราชัย – ลาภะ – เทวีฤกษ์

วันอังคาร ที่ ๙ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๑ – ๑๖.๒๓
ปลอด – ทาษา – เพชฌฆาตฤกษ์

วันพุธ ที่ ๑๐ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๒ – ๑๗.๐๐
มหาสิทธิโชค – ทาษี – ราชาฤกษ์

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๔ – ๑๐.๑๕
อำมฤคราชัย (ธงชัย) – ศุภะ – มหัทธโนฤกษ์

วันพุธ ที่ ๑๗ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๖ – ๑๖.๕๒
ปลอด – ทาษี – เทศาตรีฤกษ์

วันศุกร์ ที่ ๑๙ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๙ – ๑๗.๐๐
ปลอด – ลาภะ – เพชฌฆาตฤกษ์

วันเสาร์ ที่ ๒๐ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๗ – ๑๗.๐๐
ปลอด – ทาษา/กัมมะ – ราชาฤกษ์ – เพชรฤกษ์

วันอาทิตย์ ๒๑ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๓๘ – ๑๗.๐๐
ปลอด – ศุภะ – สมโณฤกษ์

วันพฤหัสบดี ที่ ๒๕ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๔๐ – ๑๖.๑๒
อำมฤคชัย – ทาษี – ภูมิปาโลฤกษ์

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๕๗
๑๖.๑๗ – ๑๗.๐๐
อำมฤคชัย – ทาษี – ราชาฤกษ์

วันอังคาร ที่ ๓๐ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๔๒ – ๐๘.๓๗
อำมฤคราช – มรณะ – สมโณฤกษ์ – เพชรฤกษ์
*** ดีล้างอาถรรพณ์
๐๘.๓๘ – ๑๒.๐๔
อำมฤคราช – มรณะ – ทลิทโทฤกษ์ – เพชรฤกษ์ ดีล้างอาถรรพณ์

วันพุธ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๕๗
๐๖.๔๒ – ๐๗.๒๗
สิทธิชัย – ทาษา – ทลิทโทฤกษ์

หมายเหตุ - ฤกษ์ดีล้างอาถรรพณ์และเพชฌฆาตฤกษ์ อาบเพื่อล้างสิ่งอัปมงคล
- ส่วนฤกษ์อื่น ๆ อาบเพื่อเสริมดวงชะตา

- ค่าบูชาครู เงิน ๑๒ บาท บุหรี่ ๑ ซอง ( ไม่จำกัดยี่ห้อ )

- สอบถาม ๐๓๕ - ๓๙๑๒๔๘ , ๐๘๐ - ๔๒๒๙๓๕๓ ( ชวลิต )

- * วันพระงดอาบน้ำมนต์

*** กรุณาโทรสอบถามก่อนนะครับ เผื่อพระอาจารย์มีกิจข้างนอก

 

เรื่องเล่า : เล่าเรื่องน้ำฯ

ตอน : น้ำอะไรถึงจะดี/มีน้ำดีๆ น่าจะทำอะไร

หลายวันที่ผ่านมาไม่ค่อยได้เข้ามาดูและก็ไม่ได้เข้ามาเขียน เพราะติดงานที่เป็นความจำเป็นหลายๆ อย่าง น่าจะเป็นเพราะผมเลือกอาชีพตอนแก่ๆ ผิดไป

และเป็นอาชีพที่เคยพูดไว้ว่าไม่อยากทำ เคยคุยกับคุณวินัยฯว่า การทำหอพักให้เช่าของผม เป็นอาชีพที่ผมไม่ชอบ เพราะเคยคิดว่าอาชีพบริการมันมีเรื่อง

จุกจิกมาก แต่ก็ต้องทำตามที่เล่าให้คุณวินัยฟัง คือผมกลัวว่าเมื่อผมเกษียณอายุงานแล้วหรือเลิกทำงานแล้ว เขยกับสะไภ้จะเป็นห่วงและไม่สบายใจ ห่วง

ว่าลูกเราจะแอบเอาเงินมาส่งเสียเรา มันก็มีหนทางเลือกทางนี้แหละที่พอจะทำได้ ชวนแม่บ้านให้ทำห้องพักให้คนเช่า แม่บ้านไม่เห็นด้วย/กลัวเงินหมด

แล้วจะลำบากถ้าเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย ผมก็พยายามอธิบายให้ฟังว่าเงินหมดไปกับการทำหอพัก ก็จะได้คืนจากค่าเช่าเอามาเลี้ยงตัวเอง แต่ถ้าเก็บเงินไว้มันมี

แต่จะหมดไปเรื่อยๆ แม่บ้านผมก็ลังเล ผมเลยเปลี่ยนเรื่องพูดใหม่ว่า สมมติว่าพ่อเกษียณหรือเลิกไม่ทำงาน ลูกเขยกับลูกสะไภ้เรา เขาถามลูกเราว่า "พ่อ

เธอไม่ได้ทำงานแล้ว เธอต้องส่งพ่อ-แม่เธอเดือนละเท่าไร" ลูกเราได้ฟังคงช้ำใจ แต่ถ้าทำอย่างที่พ่อบอก เรามีเงินค่าเช่าบ้านพอกิน เราทำร้านค้าขาย

ของชำ มีรายได้เพิ่ม ไม่เหงา ลูกเราไม่ต้องห่วงเรา เขยกับสะไภ้ก็ไม่ระแวงลูกๆ ของเรา.....เรื่องเจ็บไข้ไม่น่าห่วง เพราะเราใชสิทธิ์ข้าราชการบำนาญ ดี

กว่าประกันสังคมเสียอีก ยิ่งได้ใช้โรงพยาบาลของทหารเรือ จะมีหมอมีพยาบาลมาเรียกเราเพราะๆ เช่น ครูเป็นอะไรมา... นั่นแหละแม่บ้านถึงยอมควักเงิน

ที่อดออมไว้เอามาให้ผมทำ ผมทำแบบเล็กๆ ดูแลเองได้ ชุดแรกผ่านไปได้ 5 ปี สนุกกับการขายของ เลยคิดหาทางเพิ่มลูกค้าด้วยการสร้างเพิ่มอีกชุดหนึ่ง

จะได้มีคนเช่ามากขึ้นคนซื้อของก็มากขึ้น ทีนี้สิ่งที่ไม่เคยคิดไว้ล่วงหน้าก็เกิดขึ้นตามมา หอใหม่มีปัญหาน้อย หอเก่าเริ่มมีปัญหา เช่น ลุงๆ ห้องหนูท่อน้ำ/

ก๊อกน้ำแตก...รั่ว...ไฟฟ้าหลอดไฟไม่ติด น้ำหยดจากหลังคาตอนฝนตกหนัก/ลมแรง ลุงๆ กล่องจานดาวเทียมหนูเป็นอะไร???...พ่อๆ ปั๊มน้ำเป็นยังไง

ปั๊มยาวเลย พ่อ...เครื่องซักผ้าเครื่อง 2 กินเหรียญหยอดไป 30 บาท แต่ขึ้นแค่ 20 บาท หรือไม่ก็ตู้หยอดน้ำ/ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญมีปัญหา มิเตอร์น้ำ/

มิเตอร์ไฟ มีปัญหา ทุกอย่างผมต้องทำเองหมด ทำไปก็คิดไปว่าโชคดีที่ตอนเป็นทหารเรือได้รับการส่งเสริมให้เรียนโน่นเรียนนี่จนนำมาใช้เอาตัวรอดได้

ได้เรียนไฟฟ้ากำลังและไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์มา ก็นำมาแก้ไขปัญหาได้ เรียนช่างสรรพาวุธมา ก็เลยใช้เครื่องมือเป็น เรียนการป้องกันความเสียหาย ก็ได้วิธี

การทำงานในรูปแบบแก้ไขปัญหาฉุกเฉิน ต่อตู้ต่อโต๊ะเป็น ต่อไฟเป็น เรียกได้ว่าเหมือนเป็ด เดินได้ บินได้ ว่ายน้ำได้ ดำน้ำก็ได้ แต่ปัญหาก็มี เพราะ

ทุกอย่างมันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่อยากเขียนภาษาที่เกี่ยวกับ บาลี/สันสกฤต/มคธ เพราะเพิ่งได้ความรู้ใหม่มาว่า คนไทยเข้าใจน้อยมากในเรื่อง

ที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ/คำสั่งสอนหรืออ่านพระไตรปิฎก เพราะไม่ได้เรียนพื้นฐานภาษาเหล่านั้นให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เช่น คำว่า ทิฐิ ความจริงมันเป็น

กลางๆ แต่เรามักเข้าใจแบบเป็น ลบ หรือคำว่า ตถาคต ก็ยังคลาดเคลื่อนในความเข้าใจ ก็เลยเปลี่ยนใจแบบตั้งใจว่าจะไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องภาษา

แบบนี้ เขียนมาตั้งนานยังไม่เข้าประเด็นเรื่องน้ำ คือผมได้รับการร้องขอจากหนุ่มทิพย์ฯ ว่า พ่อ...ช่วยเขียนเรื่องเกี่ยวกับน้ำให้ที...น้ำอะไรก็ไม่บอก น้ำ

แล้ง,น้ำท่วม,น้ำฝน,หรือน้ำฝนที่เมือง"เชราปุนจิ" ไม่ได้รับปาก ได้แต่เล่าให้แม่บ้านฟังว่า วันที่กลับจากไปกราบหลวงปู่ห้วยฯ เขาบอกให้เขียนเรื่องน้ำให้

ที...แล้วจะเขียนยังไง แม่บ้านก็บอกว่า...พ่อก็เขียนๆ ไปเหอะ...แม่ยังนึกสงสารไม่หาย...ตอนที่พ่อปฏิเสธ...ว่าไม่ไปศรีสะเกษด้วย พอพ่อเปลี่ยนใจ

ไป...เห็นเลยว่า ดีใจ...คงจะเหนื่อยเพลียไม่หาย ถึงบอกให้พ่อช่วยเขียน..................(ก่อนจะเดินทางไปศรีสะเกษ ปั้มน้ำผมเสียไปปั้มหนึ่ง จึงคิดจะ

ไม่ไปด้วย จะอยู่ทำปั้มน้ำ เพราะเป็นเรื่อสำคัญมากๆ)..............................

ผมก็มานั่งนึกว่า เราจะเขียนน้ำอะไรดี นึกถึงตอนเป็นเด็กๆ มักได้ฟังผู้หลักผู้ใหญ่พูดถึงน้ำมนต์ว่า องค์นั้นดีเรื่องนั้น องค์โน้นดีทางค้าขายฯลฯ บางองค์ถึง

กับไปปรากฎกายนั่งในขวดน้ำมนต์ก็มี ถ้าฟังเรื่องเล่าของท่านองคุลิมาล ก็จะได้ฟังเรื่องน้ำมนต์ที่ทำให้คลอดลูกง่าย คือ อังคุลิมาลปริต คนแก่ชอบเรียก

ยะโตหัง น้ำมนต์หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี ใครได้ไปให้ท่านรดก่อนเกณฑ์ทหาร รับรองวจับได้ใบแดงทุกราย มีคนไปถามท่านถึงเหตุผลว่า หลวงพ่อ...

ทำไมคนที่มาให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ ทำไมมันจับได้ใบแดงทุกคน...??? ก็กูชอบทหาร...!!! มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขยายความเรื่องน้ำมนต์หลวงพ่อ เต่า วัด

น้ำพุ ชื่อ ตาเต๊ก แกบอกว่าน้ำมนต์หลวงพ่อเต่า เอาไปให้คนเจ็บท้องกิน คลอดง่ายเหมือนไหลออกมา...ส่วนตัวแกโดนให้เจ็บท้องแทนเมีย เพราะแกไป

ขอน้ำมนต์หลวงพ่อเต่าจะเอาไปให้เมียแกที่เจ็บท้องอยู่ แกคงจะลุกลี้ลุกลนมาก จนหลวงพ่อสังเกตุเห็น ก็ถามว่าเป็นห่วงมากหรือไง แกก็ตอบว่าใช่ หลวง

พ่อเต่าก็พูดว่า ถ้าให้เจ็บท้องแทนเมียก็คงเอาสินะ(อะไรทำนองนี้) ตาเต๊กก็ตอบว่า ถ้าเจ็บแทนได้ก็เอา...หลวงพ่อก็ส่งน้ำมนต์ให้ ตาเต๊กเดินออกมาจาก

หลวงพ่อตรงไปที่ศาลาน้ำหน้าวัด ซึ่งแกเอาเรือผูกไว้ที่แพท่า แต่แกไม่สามารถก้าวขาลงเรือได้ เพราะพอถึงศาลาน้ำ ตาเต๊กก็ปวดน่องอย่างชนิดที่ก้าวขา

ไม่ออก จึงต้องนั่งลงบีบนวดน่องตัวเองอยูพักใหญ่ๆ พอหายปวดก็รีบลงเรือพายกลับบ้าน พอถึงบ้านก็โดนคนเฒ่าคนแก่ด่าเป็นกระบุงโกย ว่าทำไมถึงมา

ช้านัก รอน้ำมนต์มึงจนออกไปแล้ว แต่ก็ดีว่ะ...คลอดง้ายง่าย... ตาเต๊กก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ผู้ใหญ่ทุกคนลงความเห็นว่า ตาเต๊กเจ็บท้องแทนเมีย

เพราะหลวงพ่อเต่าท่านทำให้เป็นอย่างนั้น...นี่ก็เรื่องของน้ำตามที่หนุ่มทิพย์อยากได้...แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม? ..................

ตอนเป็นวัยรุ่น ผมชอบอ่านเรื่องเขียนของ ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ หรือเรื่องแบบเหนือโลก เพราะท่านเป็นนักวิทยา

ศาสตร์ เป็นอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ ม.จุฬา ฯ เพราะผมมีความเชื่อว่าคนระดับนี้ถ้าลงมาใส่ใจในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องจริง หรือ

เรื่องอย่างนี้มีอยู่จริง ต่อมาก็ชอบ ดร.อาจอง ชุมสาย ฯ เพราะท่านเป็นคนเก่งเรื่องไฟฟ้า แต่ก็ทำการทดลองด้วยการปลูกต้นดอกไม้(อะไรทำนองนั้น)ที่

หน้าตึงคณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ หรือ คณะวิศวะกรรมศาสตร์จุฬาฯ นี่แหละ ผมจำไม่ได้อ่านเจอมานานมากแล้ว 2 แปลง แล้วแบ่งนักศึกษาให้พูดจาหยาบ

คายหรือด่าทอในแปลงหนึ่ง ส่วนอีกแปลงหนึ่งก็ให้พูดจาดีไพเราะร้องเพลงเพราะๆ ให้ฟัง สักระยะเวลาหนึ่ง ปรากฎว่าแปลงที่ถูกแช่งถูกด่า "เฉา" ส่วน

แปลงที่ได้พูดแต่สิงดีๆ หรือร้องเพลงให้ฟัง กลับงดงามเจริญดี ก็แสดงว่าต้นไม้มีความรับรู้ กับอีกเรื่องหนึ่งที่ ดร.อาจองฯ เขียนถึงการรวมตัวของท่านกับ

เพื่อนนักศึกษานานาชาติ(น่าจะเป็นตอนที่ท่านเรียนอยู่อังกฤษ : ไม่ขอยืนยันสถานที่)ส่งพลังจิต ไปช่วยเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน ที่หมอบอกว่าเธอจะไม่

รอดแน่ ปรากฎว่า คนไข้ที่มีอาการค่อยๆ เดินทางสู่ความตาย กลับฟื้นขึ้นมาโดยไม่น่าเชื่อ ก็ทำให้ผมเชื่ออีกน่ะแหละว่า"พลังจิตมีจริง" พอโตขึ้นก็ชอบ

ทพ.วิชิต ตริชอบ ที่เอาเรื่องเหล็กไหลมาถ่ายทอดให้อ่านกัน มันทำให้ผมเชื่อว่า ธาตุกายาสิทธิ์น่าจะมีจริง ต่อมาก็ชอบ ทพ.สม สุจีรา ตั้งแต่อ่านเรื่อง

"ไอน์สไตน์ พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ก็ให้ชอบและเชื่อว่าพลังเร้นลับไม่ใช่ของโกหก โดยเฉพาะ ทพ.สมฯ ผมเคยอ่านเจอเรื่องลักษณะ ความสักดิ์สิทธิ์ของ

คาถากับน้ำมนต์(ทำนองนั้น)เรื่องก็คือ ตอนที่ท่านเป็นเกลื้อน ท่านไปแถวเชียงใหม่หรืออย่างไรนี่แหละ ท่านไม่วิตกอะไร เพราะมันเป็นในร่มผ้า ไม่มีใคร

เห็น ท่านได้รับการประพรมน้ำมนต์ จากพระที่เคารพนับถือ(ทำนองนั้น)พร้อมกับรับพรแบบในบทสวด"มงคลจักรวาลน้อย" คือ อายุวัฑฒะโก,ธะนะวัฑฒะ

โก,สิริวัฑฒะโก,ยะสะวัฑฒะโก,พะละวัฑฒะโก,วัณณะวัฑฒะโก,สุขะวัฑฒะโกฯลฯ................(น้ำมนต์ 7 วัด ได้ชื่อมาจากตอนนี้)

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เกลื้อนหาย...แสดงว่าพรที่ได้รับจากพระดี ตรงที่กล่าวว่า วัณณะวัฑฒะโก ศักดิ์สิทธิ์จริง ผิวหนังจึงหายจากเกลื้อน ตอนพวกผมเด็กๆ

ส่วนใหญ่เข้าใจกันดี เรื่องน้ำมนต์ 7 วัด ที่คนชอบพูดกันหมายถึงอะไร??? แต่เด็กเดี๋ยวนี้ผมไม่แนใจ หรืออย่างคำว่า ชายสามโบสถ์หรือคนสามโบสถ์

หมายถึงอะไร ถึงแม้จะมีเพลงของคุณสมยศ ทัศนะพันธ์ ร้องให้เขวไปบ้าง แต่ก็มีผู้ใหญ่ชี้แจงให้เข้าใจว่า คำว่าสามโบสถ์ หมายถึงเปลี่ยนศาสนา ถึง 3

ศาสนา เวลาพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ครั้งใด ใจผมมักจะไปหยุดอยู่กับการทำขวัญนาคในสมัยโน้น โดยเฉพาะตอนที่หมอขวัญร้องว่า....พอกลืน

น้ำมนต์เข้าไป...ลูกก็ไหลออกมา....(ปี่พาทย์ตะโพนรับ)....ใครเสียงดีโห่ด้วยช่วยอวยชัย.....ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น หมอแกก็เอื้อนเอ่ยความเจ็ปวดของผู้

เป็นแม่อย่างน่าเวทนา พอดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไป....ลูกเลยไหลออกมา แสดงว่าน้ำมนต์นี้มีความสักดิ์สิทธิ์จริง............

และเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ได้ดูรายการทางโทรทัศน์รายการหนึ่ง จำชื่อรายการชื่อช่องไม่ได้ เนื้อหาสาระเป็นไปในทำนองว่า มีชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งท่านได้ทำการ

ค้นคว้าและทดลองเกี่ยวกับเรื่องน้ำ สรุปพอได้ความว่า ถ้าเราเอาน้ำมาจากที่เดียวกันแล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเราเอาไปไว้ในห้องหนึ่งเปิดเพลง

เพราะๆ หวานๆ / หรือ ให้อยู่กับคนดี มีดนตรีเพราะๆ ทำนองนั้น กับอีกส่วนหนึ่งเราเอาไปไว้ในห้องที่เปิดเพลงร็อกหรือเพลงหนักๆ หู หรือในที่ไม่ดี เสร็จ

แล้วนำน้ำทั้ง 2 ส่วนนั้นไปทำการทดลองตรวจผลึก จะได้ผลว่าน้ำที่อยู่กับเสียงเพลงเพราะๆ มีการพูดจาดี ดนตรีนุ่มหูเสียงนุ่มนวล ผลึกน้ำนั้นจะดีกว่า

ส่วนที่อยู่กับเสียงดังอึกทึกครึกโครม โดยเฉพาะถ้าเป็นน้ำที่เอาไปไว้กับที่มีการสวดมนต์ภาวนา หรือพูดง่ายๆ ว่า อยู่ในสถานะที่ทำให้เป็นน้ำมนต์ ผลึกน้ำ

ที่ตรวจได้ จะเป็นไปในทางบวกคือไม่อยาบกระด้าง คงเอาพอเข้าใจตามนี้ สิ่งสำคัญของการทดลองนี้อยู่ที่....ในเมื่อร่างกายของคนเรามีน้ำอยู่ถึง

ประมาณ 70 % แล้วพวกเราทำไมไม่เอาน้ำดีๆ หมั่นใส่เข้าไป เพื่อให้ในร่ายกายเรามีแต่น้ำดีๆ ของดีๆ ถ้าเรามาเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมจากการที่เคย

แต่"รดน้ำมนต์"เปลี่ยนเป็น"กินน้ำมนต์"กันดีไหม?????....ระวังน้ำมนต์ที่ไปเอามาจากที่ต่างๆ เก็บไว้นานๆ บางทีก็มีการหมดอายุ....อันตราย ถึงไม่ได้

กินแต่อาบก็ต้องระวัง ผมชอบพระหลายองค์หลายวัด ที่เวลามีคนไปขอน้ำมนต์ท่าน ท่านจะชี้ไปที่หอส่วดมนต์ ผมสังเกตุครั้งแรกและองค์แรกคือ

ท่านพระครูวิเศษสมณกิจ หลวงพ่อพร้อมอุปัชฌาย์ของผม ผมเคยแอบถามหลวงตาไล้ว่า หลวงพ่อไม่เสกน้ำมนต์เองหรือ ได้รับคำตอบว่า ที่นั่น

แหละดีที่สุด ที่หอสวดมนต์ได้มนต์เสกทุกบทที่มีอยู่ในบทสวดมนต์ และสวด/เสกกันทุกวัน พวกท่านสึกไปแล้วพวกผมก็ต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็น-ทำวัตร

เช้า ที่หอสวดมนต์กันทุกๆ วัน..........แถมให้เอาไปคิด จะเอาแบบเสกองค์เดียวหรือหลายองค์ เสกเดี๋ยวเดียวหรือเสกกันเป็นปีๆ ........ขอขอบคุณมาก

ครับ...สวัสดีครับ

 

มีคณะจากฉะเชิงเทราจะมาไถพระฯพี่นิ่ม อ้างชื่อหนุ่มทิพย์ ทำให้พี่นิ่มเกรงใจ
แต่ผมยืนยันกับพี่นิ่มไปแล้ว ว่าเพื่อนสมาชิกจากเวปพลังจิตมีมารยาท ไม่รบกวนพร่ำเพรื่อ

หากท่านใดประสงค์จะขอฟรี โปรดแจ้งผมก่อน เพื่อนัดหมายล่วงหน้า
จะมีสมุดสองเล่มให้ลงชื่อ เล่มเขียวนัดหมายมาเยี่ยมคารวะให้กำลังใจ เล่มแดงนัดหมายมาขอของฟรี
หากพี่นิ่มไม่อยู่ ก็จะมีบุตรบริวารอนุเคราะห์ให้เป็นที่สะดวก

ผมกับพี่นิ่มมีวาระกรรมต้องปฏิบัติ หากใครไปรบกวนในเวลาปฏิบัติกรรมของพี่นิ่ม ซักพักพี่นิ่มก็จะโทรฯมารบกวนเวลาปฏิบัติกรรมของผมเช่นกัน
ผมเป็นพนักงานบริษัทฯ เวลาผมว่างผมก็ทำเรื่องส่วนตัวได้ แต่ถ้าเป็นการรับโทรศัพท์ส่วนตัว ควรเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแบบนี้ โปรดเห็นใจ

อาจจะลองฟังน้ำเสียงของคนเหนื่อยหน่ายอย่างพี่นิ่มเพลินๆได้

ความว่า... วันนี้เวลาประมาณ 11.00น. จะมีคณะอ้างชื่อหนุ่มทิพย์มาไถหนุมานฯ กับพี่นิ่ม!

 

รอได้ครับพี่

 

ไถ กับ ไถ่ คนละความหมายเน้อ
ไถ่ ต้องจ่ายเพื่อแลกกัน
ไถ ไม่จ่ายแต่ขอแหลกและต้องได้

พี่นิ่มนี่กำลังใจพระโพธิสัตว์จริง ๆ
อ่านแล้วแล้วนึกเห็นภาพพฤติกรรมระหว่าง ชูชก กับ พระเวสสันดร

"

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก"​

 

ดวงแรกชายต้อม
ดวงสองเขยป้อม เกิดก่อนหนึ่งวัน

สองดวงนี้วางลัคนาได้เหมือนกัน แต่เรื่องงานและเรื่องคู่ แตกต่างกันมาก
คุณghostlinux กับพี่ศนิวาร ลองดูที
คุณบีก็ลองวางเลข7ตัวทดสอบดูได้ครับ... สมาชิกท่านอื่นก็ลองมาช่วยกันวิเคราะห์

 

ที่ต่างประเทศ เคยมีการวิจัยเรื่องอิทธิพลของดวงจันทร์ ว่ามีผลต่อพฤติกรรมของตัวบุคคล
ร่วมถึงการเกิดอาชญากรรมด้วย

ตั้งแต่เด็กแล้ว ผมเชื่อในเรื่องอิทธิพลของดวงจันทร์ แต่ไม่ใช่เพราะดวงจันทร์มีผลต่อคน แต่มันมีผลต่อน้ำ

น้ำขึ้นน้ำลง เกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์
แล้วในตัวเรา ในสมองเรามีน้ำอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ตำแหน่งของดวงจันทร์ย่อมน่าจะมีผลต่อน้ำในสมองของตัวบุคคลด้วย โดยเฉพาะช่วงแรกเกิด

น้ำที่มีอยู่ในสมอง ไม่รู้ว่าน้ำอะไรบ้าง แต่ในทางโหราศาสตร์ แม้เกิดวันเดียวกัน แต่ต่างเวลากัน ดวงจันทร์เคลื่อนต่างองศากัน ก็มีผลต่อพฤติกรรมของเจ้าชะตา หรือตามที่เราเรียกว่า ลัคนา(ลักษณะ) ตนุลัคน์(พฤติกรรม) ตนุเศษ(บุคลิก)

ถ้าใครว่างอยากมาเยี่ยมผมที่ทำงาน ผมจะแนะนำให้รู้จักพี่ดุ๊ก ศิษย์หลวงพ่อกวย
ลองถามแกดูว่ารู้จักหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม วิเศษฯหรือเปล่า
พี่ดุ๊คมาถามหาเอากับผม เพราะหลวงพ่อทองใบ เคยทำให้น้ำมนต์ในขันงานพิธีแต่งงานเทไม่ออกต่อหน้าต่อตาเจ้าบ่าวและแขกเหรื่อมาแล้ว...เหมือนว่าใครเอาฟิลม์หรือกระจกมาปิดขันไว้อย่างนั้น เรื่องนี้เกิดในยุคของเราๆนี่แหละครับ ไม่ไกลเลย....(ใครพอหาพระฯของท่านได้ ก็เก็บไว้เป็นที่ระฤกบ้าง ไม่แพงเลย)

ผมเสกน้ำล้างหน้าทุกวันไม่เคยขาด นับจากที่หลวงพ่อไสว วัดปรีดารามยังแข็งแรง และลงทองเข้าหัวใจให้ผม

ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยทำให้เรามั่นใจมากเลยในทุกเช้าของวัน

 

ผมตอบพีเอ็มแล้วเหมือนเวปฯมีปัญหา
ผมตอบทางหน้ากระทู้แล้วกัน ว่าของคุณเจินโจ้ ผมจะจัดส่งไปรษณีย์วันพรุ่งนี้นะครับ

ของคุณมดดำน้อย รอต่อไปเถอะ...

 

สวัสดีครับพี่หนุ่มทิพย์

รบกวนฝากวัตถุมงคลไว้ก่อนนะครับ ตลอดเดือน ธค. มค. (ช่วงนี้ยังยุ่งๆอยู่ครับ) ขอบคุณครับ

 

อัพเดท 11 ธันวาคม 57

ขอบคุณครับ

 

ขออนุญาติถามครับยังไม่รู้เลย
คุณหนุ่มทิพย์รู้จักพี่นิ่มได้อย่างไรครับ(คู่มันส์)

 

ความจริง ผมก็ยาก ถาม มานานเหมือนกันครับ
แต่ก็เกรงใจ จนลืม คำถามนี้ไปเลย
5555 ยังไงก้อยาก ฟัง ทีมา เหมือนกันครับ
ขอบคุณครับ

 

ผมเขียนบทความลงในเวปพลังจิตมานานแล้วครับ แต่เขียนให้กระทู้ของท่านอื่น
ทุกกระทู้ที่ผมเขียน ทำยอดอ่านติดอันดับทุกกระทู้ แต่น่าเสียดายที่กระทู้เหล่านั้นปิดตัวเองไปนานแล้วและทางเวปฯก็น่าจะลบหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นคุณจะสามารถกดไล่อ่านได้จากลายเซ็นต์ด้านล่างของผม "ประวัติหลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง"

ผมเขียนไว้น่าอ่านมาก อ่านได้เพลินเชียวหล่ะ ผมถึงได้แฟนคลับติดตามมาถึงปัจจุบันนี้

คร่าวๆก็คือ ผมติดตามหลวงปู่ฯ(พาท่านไปส่ง) ไปงานพิธีอธิฐานจิตที่วัดป่าแดง วันนั้นมีหลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียนมาด้วย

ผมเจอพี่นิ่มครั้งแรกก็วันนั้น เจอคุณอ๊อดครั้งแรกก็วันนั้นเช่นกัน(แต่คุยทางเวปฯและทางโทรศัพท์กันมาก่อน)

พี่นิ่มจะให้ผมอยู่รอดูหลังงานพิธีฯ จะมีการทดสอบด้วยปืนนาๆชนิด
ผมเชื่อในสัมผัสของผม ว่าสามารถแยกออกระหว่างคนที่ต้องระวังกับคนที่วางใจได้ ผมเห็นคุณอ๊อดครั้งแรก ผมก็นิยมว่าเป็นคนหนุ่มที่มีลักษณะดี

ส่วนพี่นิ่มผมดูไม่ออก ดูไม่ออกเลยว่าเป็นแบบไหน ถ้าเป็นแบบนี้ผมทายดีไว้ก่อน แต่ที่ดูออกอย่างแรกเลยคือเป็นคนอัธยาศัยดี และขี้โม้มาก

พี่นิ่มยุให้ผมเก็บหนุมานไว้เยอะๆ ...แต่ผมไม่เชื่อแก ถึงอย่างนั้นผมก็อยากได้เนื้อเงินไว้ซักตัว แค่1,500 บาท พอจะเก็บได้ ไว้เป็นที่ระฤก เพราะเนื้อเงินเค้าทำสวยมาก แสดงว่าใช้แก่เงินจนเห็นได้ชัดเลย แต่เนื้อนี้หมดก่อนเสกซะอีก ผมเลยเฉยๆ

หลวงปู่ฯเสกเสร็จก็กลับ.... ผมตามส่งจนถึงกรุงเทพฯก็แยก และวันนั้นก็ได้ข่าวว่าทางวัดป่าแดง มีการทดสอบกันจริง แม้ท่านสุวิระจะห้ามพี่นิ่มแล้ว แต่พี่นิ่มรอท่านสุวิระกลับก็ประกาศให้มีการยิงทดสอบ แล้วได้ผลดีมาก เนื้อนวะหมดวันนั้นทันที และมีควันหลงในการยิงทดสอบต่อเนื่องทุกวัน จนเนื้อทองแดงหมดภายในสัปดาห์เดียว

ผมยังไม่ประทับใจพี่นิ่มเท่าไหร่ แต่ประทับใจคุณอ๊อดมากกว่า
เพราะผมซื้อเนื้อนวะไม่ได้ เจ้าอาวาสฯก็ให้ผมลองคุยกับคุณอ๊อดดู เพราะเธอเป็นคนทำถวาย

คุณอ๊อดทำถวายวัดฯทั้งหมด แล้วซื้อคืนมาจำนวนหนึ่ง
ผมก็ขอซื้อคุณอ๊อดเอามาแจกเพื่อนสมาชิกที่ลงขันกันทำรูปเหมือนหลวงปู่ฯรุ่นแรกคนละตัว(10ตัว)
คุณอ๊อดขายผม 5,000บาท แต่ให้โอนเงินเข้าวัดฯ แล้วส่งพัสดุมาให้ผม10ตัว

งานนั้นพี่นิ่มกับคุณอ๊อดหาเงินเข้าวัดฯได้ไปกว่า10ล้านบาท

พี่นิ่มตามผมให้ไปตามเก็บพระปิดตาพิมพ์เล็ก บอกว่าเป็นของดี แล้ววานให้ผมช่วยประชาสัมพันธ์ให้วัดป่าแดงด้วย

เหมือนโดนเรียกไปใช้งาน ไม่อยากทำแต่ขัดไม่ได้ ทางวัดฯก็ใจดี ส่งวัตถุมงคลมาเป็นสินน้าใจให้ผมจำนวนหนึ่งด้วย ผมขายให้วัดได้ไปหลายแสน เก็บสลิปโอนเงินไว้ทุกใบ แต่เจ้าอาวาสฯไม่เคยตรวจสอบเลย ทำงานแบบไว้ใจกันหมด บางครั้งผมจะฝากตังค์ให้พี่นิ่มแกไปถวายวัดฯ แกก็ไม่เอา ถ้าจะถวายผมกับแกก็ต้องไปด้วยกัน

พี่นิ่มแม้จะคุยกับผมทุกวัน แต่ยังไม่วางใจผม นัดเจอกันครั้งแรกก็บ้านคุณอ๊อด ครั้งที่สองก็สถานีตำรวจบ้านบึง ครั้งที่สามก็หนองชาก ครั้งที่สี่ก็วัดป่าแดง ใกล้บ้านแกมาเรื่อยๆ

แกระวังตัวมาก และผมก็รำคาญแกมากเหมือนกัน
เรียกใช้งานแต่ละครั้ง เหมือนเราเป็นน้องแกยังงั้น ผมก็แปลกปฏิเสธแกไม่ได้ซักครั้ง

พอคุยกันบ่อยๆ ก็เลยรู้ภูมิของแก
พระเกจิที่เรารู้จักดี แกรู้จักยิ่งกว่า
พระเกจิที่เราไม่ทัน แกทัน

และที่ทำให้ผมมั่นใจในวัตถุมงคลของแกก็คือ แกท้าให้ผมยิงทุกครั้ง!

..............

หนุมานรุ่นแรกนั้น พี่นิ่มขอหลวงปู่จ้อย วัดหนองน้ำเขียว ว่าอย่าให้ยิงออกเชียว วัดป่าแดงเป็นวัดยากจน วันงานจะทดสอบ หากยิงออกทุกอย่างที่ลงทุนมาจะเสียหายหมด

หลวงปู่จ้อย จารอักขระ มอบเหล็กไหล และคุมชนวนหลอมโลหะด้วยตนเอง
เสร็จแล้วคุณอ๊อดแอบยิงตั้งแต่ยังไม่ได้เสก
จากนั้นจึงนำมาอุดผง อุดเสร็จพี่นิ่มยิงเองอีก
แล้วจึงตระเวนเสก ก่อนงานพิธีเสกหมู่

..............

แต่เรื่องยิงพระฯ มีสมาชิกที่เอาไปยิงแล้วไม่ออกก็มี ออกแต่ไม่โดนก็มี โดนแต่พระฯไม่เป็นไรก็มี มีที่แตกป่นเป็นผงแล้วมาด่าผมก็มี .... แต่ยิงหนุมานออกนั้นยังไม่เคยได้ยิน

มีเคล็ดลับอยู่ในการทดสอบ ถ้าคนยิงคิดเสมอว่าออกแน่ มันก็ออก
ดังนั้นถ้าใจไม่มั่นอย่าเอาไปทดสอบด้วยวิธีนี้เลย เสียของเปล่า หากไม่นับถือแล้วขายไปยังได้ราคา

แต่หากสวดมนต์เก่งๆแล้ว ไม่ต้องเสียลูกปืน พี่ไพรัชชอบหนุมานมาก แกเลี้ยงจนขนขึ้นให้ดูแล้ว แกยังขอร้องผมเลยว่า "คุณทิพย์ คุณแขวนพระฯของหลวงปู่ฯนั้นดีแล้ว เป็นพระฯที่อธิฐานขอได้ แต่ผมขอให้คุณทิพย์ติดหนุมานของคุณนิ่มไว้ด้วย.."

พระฯของพี่นิ่ม ใช้มวลสารคล้ายๆกันในแต่ละรุ่น จะหนักจะเบาต่างกันเท่านั้น
พระเถระที่อธิฐานจิตก็มีจำนวนใกล้เคียงกัน จะต่างกันก็ตรงที่ให้ฤกษ์ต่างกันในแต่ละรุ่นเท่านั้น เรื่องนี้พี่นิ่มรู้ดี จึงใช้วิธีตระเวนเสกจนกว่าจะมั่นใจ

แต่ในครั้งหน้าเรื่องฤกษ์ ผมกับคุณอ๊อดไม่ยอมให้เสียเป็นช่องโหว่เลยครับ รอหน่อยละกัน

ครั้งนี้ผมเขียนได้ไม่มันส์ เพราะเพิ่งจะรู้ว่าทางเวปฯลบข้อมูลเก่าผมไปหมดแล้ว....

 

เมื่อก่อนเขาเก็บเอาไว้ในคลังข้อมูลอยู่ แต่เป็นประเภทเปิดอ่านได้อย่างเดียวโพสต์ตอบไม่ได้ หลัง ๆ มาคาดว่าข้อมูลเยอะขึ้นทำให้เกิดโอเวอร์โหลดบ่อย ๆ เขาเลยลบข้อมูลเก่า ๆ ออกบ้าง

แต่ก่อนจะลบก็น่าจะประกาศแจ้งเจ้าของกระทู้บ้างเผื่อว่าอยากได้ข้อมูลเก็บไว้จะได้ทำการเซฟข้อมูลออกมา น่าเสียดายเหมือนกัน ช่วงนั้นเขียนกันสนุกมากจริง ๆ

 

สนุกมากครับ ได้รุ่นพี่อาวุโสเข้ามาร่วมเขียนกันหลายคน รักสามัคคีกันดี
แต่ทุกอย่างมีวันหมดอายุ เหลือไว้แต่ความทรงจำ

.........

เมื่อเช้านึกขึ้นได้ว่า พระพิมพ์ขุนแผนมีมวลสารของเพื่อนสมาชิกที่ร่วมกันอุดหนุนมะพร้าวไม่มีตามาทำน้ำมัน๙ทัพอยู่ และผมเคยรับปากไว้ว่าจะขอพี่นิ่มมาตอบแทนเพื่อนสมาชิก

ใว้จะหาตารางครั้งที่จองน้ำมันฯได้แล้ว จะนับจำนวนเพื่อตอบแทนน้ำใจครั้งนั้นให้นะครับ น่าจะขอจากพี่นิ่มได้

.........

คุณเจิ้นโจ้ คอยรับพัสดุรหัส EN831496365TH
ขอบคุณครับ

 

ยุคแรกที่เริ่มเขียน ผมเขียนเชียร์ให้วัดโพธิผักไห่
ต่อมาเขียนให้หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง(ผมเรียกหลวงปู่ฯตามหลาน)

ซึ่งตอนนั้นเขียนกันมันส์มาก และได้คนที่เคยมีประสบการณ์จากหลวงปู่ฯมาช่วยกันเขียนบ้างสลับกัน นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง

 

ไปค้นเจอภาพประวัติศาสตร์ ไม่ชัดนัก ที่ชัดก็ไม่เหลือแล้ว น่าเสียดาย
ภาพนี้ปลายปี 2011 ตอนนี้ไปนิพพานแล้วทั้งคู่
ส่วนที่ก้มให้หลวงปู่ฯเป่าให้นั้น ตอนนี้ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบตร. และน่าจะได้ขึ้นเป็น ผบตร.อีกไม่เกิน3ปีนี้ ท่านพล.ต.ท.ดร.สุวิระ ทรงเมตตา

 

มีรูปยุคแรกที่เจอพี่นิ่มมาอวด
เป็นภาพถ่ายในงานพิธีฯ หลวงปู่ฯถูกวางตัวเป็นผู้ดับเทียนชัยทุกครั้ง
พี่ไพรัชบอกว่า "ใครจะจุดเทียนชัยก็ได้ แต่สำคัญที่คนดับ"





เคยมีคนมาติดต่อผม จะให้ผมหลักแสนถ้าหากเอาลายเซ็นต์อนุญาตจัดสร้างพระเครื่องของหลวงปู่บัวมาได้

เรื่องขออนุญาตจัดสร้างไม่ใช่เรื่องยาก เรากำลังจะดำเนินการอยู่ แต่เรื่องจุดประสงค์ของคนที่อยากสร้างไม่ชัดเจน ผมกับพี่นิ่มเลยยกเลิก และไม่นึกเสียดายโอกาสเลย ดีกว่าสร้างแล้วให้ใครมาด่าลับหลัง

มีเซียนพระสายระยอง เอ่ยชื่อต้องรู้จัก อยากให้พี่นิ่มจัดสร้างในนามหลวงปู่บัวมาก ยอมควักทุนให้หลักล้าน แต่เรื่องนี้พี่นิ่มปรึกษาผมตลอด แม้แต่ตอนจะถ่ายรูปคู่พี่นิ่มยังต้องถามผมเลย... "เราอยู่ของเราแบบนี้แหละดีแล้วพี่..."

 

เป็นหนี้เพื่อนสมาชิกมานานแล้ว ก็เลยนัดคุณชนะ(พุทโธฯ)ไปหาพระอาจารย์พิจารณ์ จะคุยเรื่องตัดเหล็กฯ
แต่ท่านฯไม่อยู่วัดฯ น่าจะลงไปตัดเหล็กเพิ่มอีก พักหลังๆตัดได้เก่งขึ้นมาก

เลยเปลี่ยนแผนไปหาพี่นิ่มแทน เพราะติดหนี้คุณบีอยู่
ก่อนเข้าไปหาก็ต้องโทรฯไปนัดก่อนตามมารยาท แต่ครั้งนี้แปลกไม่ยอมรับโทรศัพท์ ให้ลูกชายรับแทน ผมเลยต้องแนะนำตัวก่อน...แปลกๆ

พอพี่นิ่มรู้ว่าเป็นหนุ่มทิพย์ถึงรับสาย ถามทุกข์สุขแล้วเริ่มเรื่อง...
ผมชิงขอพระฯพี่นิ่มก่อน อยากได้พระพิมพ์ขุนแผนมาแจกเพื่อนสมาชิก อยากจะได้ซัก100องค์ แต่กระดากปาก

"จะขอพระฯพี่ไปแจกสมาชิกซักเล็กน้อย"

"ได้ซิ หนุ่มฯจะเอาซักกี่องค์"

"...10องค์ก็น่าจะพอครับ"

"พอเหรอ งั้นพี่ให้20องค์ละกัน"

"กำลังดีครับ น้องๆในเวปฯจะได้หายคิดถึง"

"อ้อ..คิดถึงด้วยเหรอ งั้นเอาไป30องค์แล้วกัน"

"กำลังดีครับ พักนี้ถามถึงพี่กันมาก"

"ยั้งงั้นเลยเหรอ...งั้นเอาไป40องค์แล้วกัน"

"กำลังดีครับ แต่พี่ไม่ต้องให้เพิ่มแล้วครับ แค่40องค์ ผมเอาไปแจกฟรี มากกว่านี้ผมจ่ายค่าไปรษณีย์ไม่ไหว.. แล้วก็ไม่ได้มีใครคิดถึงเท่าไหร่ด้วย ถามถึงพี่ฯจริงก็มีอยู่แค่คนสองคนเอง..."

......................

พยายามจะหาตารางเพื่อนสมาชิกที่ช่วยอุดหนุนน้ำมัน๙ทัพ เพื่อเอาไว้อ้างอิงในการแจก แต่ผมหาเจอเท่านี้ หากใครหาได้มากกว่านี้โปรดแจ้งนะครับ เพื่อประโยชน์ของเพื่อนสมาชิกด้วยกันเอง

คุยกับพี่นิ่มไว้หลายเรื่อง จะค่อยๆทยอยเล่าแล้วกัน

..............

พระปิดตาทรงเมตตาเนื้อขาว ผมได้มาคืนคุณบีแล้ว แต่เหล็กไหลท้องปลาไหล พี่นิ่มกดเข้าองค์พระฯไม่ลง ผมจะส่งคืนไปให้เหมือนเดิม หรือถ้าคุณบีอยากทำให้ดูดีขึ้น ก็เอาเหล็กฯใส่หลอดแบบน้ำมัน๙ทัพก็ได้ (แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมจะขอให้พี่ไพรัชทำให้ อาจจะเป็นน้ำผึ้งบริสุทธ์ หรือน้ำมันฯเลี้ยงไว้ในหลอดประมาณนั้น)

.................

พระพิมพ์ขุนแผนฯ ที่จะแจกฟรีนี้ (ผมยังไม่ได้นับว่าได้มากี่องค์) มีกติกาข้อเดียวครับ
เพื่อนสมาชิกที่มีรายชื่อในตารางนี้ โปรดแสดงความจำนงว่า "ขอรับน้ำใจพี่นิ่ม" ก็จะเป็นภาระของผมจัดส่งให้ (หรือใครจะใจดีอนุเคราะห์ค่าจัดส่งก็จะขอบคุณครับ)

 

ในราคาตลาด พิมพ์นี้ยังไม่แพง พันสองพันก็หาแบบสวยๆได้ เพราะเป็นพิมพ์ที่ออกนอกวัด แต่ผมควักสตางค์จ่ายให้พี่ดุ๊คไป3พัน น้อยกว่าที่มีใครในเฟสบุ๊คเสนอให้แก

พี่ดุ๊คไม่รับเงิน บอกว่ากินเหล้ามื้อเดียวก็หมด ขอเป็นหนุมานกายทิพย์ตัวเดียวแล้วกัน

ผมเลยเติมเสือสมิงฯให้ไปอีกตัว แกรับแล้วพนมมือท่วมหัว
คนนี้ใช้ของขึ้น เพราะเชื่ออะไรแล้วเชื่อจริง