เปิดข้อมูลพระพุทธศาสนาในถิ่นไทยเป็นการสาธารณะ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒

วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ วันคล้ายวันดับขันธปรินิพพานของ "พระมหาโมคคัลลานะเถระ"

ในกาลนั้น พระมหาโมคคัลลานะเถระสถิตอยู่ที่กาฬศิลาประเทศ ในมคธชนบท หมู่เดียรถีย์ทั้งหลายเห็นร่วมกันว่า พระโมคคัลลานะเถระเจ้า มีอานุภาพมาก สามารถไปสวรรค์ได้ ไปนรกได้ ครั้นไปแล้วก็นำเอาข่าวสารจากเทพดาในสวรรค์ จากสัตว์นรกในแดนพวกนั้น ๆ มาบอกแก่มนุษย์ทั้งหลายผู้เป็นญาติ เป็นมิตรสหายในโลกนี้ มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นบิดามารดาของเทพดาและสัตว์นรกนั้น ๆ ก็เลื่อมใส อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา หากพระสมณะโคดมก็ดี พระสงฆ์ทั้งหลายก็ดี เว้นพระโมคคัลลานนะเถระเจ้า ก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ คือไม่อาจยึดเหนี่ยวใจชนทั้งหลายได้เลย พวกเราทั้งหลายต้องเสื่อมคลายความนับถือของมหาชน เสื่อมจากลาภผล ก็เพราะพระเถระเจ้าองค์นี้ ดังนั้น ตราบใดที่พระเถระเจ้าองค์นี้ยังมีชีวิตอยู่ ตราบนั้นชื่อเสียงลาภผลของพวกเราจะดีขึ้นไม่ได้เลย ควรหาอุบายจ้างคนฆ่าพำระเถระเจ้าเสียเถิด
ครั้นแล้วจึงจัดการเรี่ยไรทรัพย์จากอุปัฏฐากของตน ๆ จ้างโจรทั้งหลายที่โลภในทรัพย์ ให้ไปฆ่าพระเถระเจ้า ซึ่งอยู่ ณ กาฬศิลาประเทศ พวกโจรเหล่านั้นรับเอาทรัพย์ค่าจ้างแล้ว ยกพวกไปล้อมจับพระเถระเจ้ายังที่อยู่ พระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าได้ทำปาฏิหาริย์หนีไปได้ทุกครั้ง แต่โจรพวกนั้นก็พยายามล้อมจับอยู่ถึงสองเดือน ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ครั้นถึงเดือนที่สาม พระเถระเจ้าพิจารณาเห็นกรรมของท่าน ที่ทำในชาติก่อนติดตามมา เห็นควรจะรับผลแห่งกรรมที่ตามมาสนองนั้น จึงยอมให้โจรล้อมจับตามประสงค์ ครั้นพวกโจรจับพระเถระเจ้าได้แล้ว จึงได้ทุบตีจนอัฐิหัก แตก แหลกไม่มีดี โดยเกรงว่าจะไม่ตาย แล้วจะกลับฟื้นคืนชีพได้ ครั้นแน่ใจว่า พระเถระเจ้าไม่อาจฟื้นคืนชีพได้แล้ว จึงเอาสรีระของท่านไปทิ้งไว้ในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าพอจะลับตาคนได้ แล้วพากันหนีไปจากที่นั้น
พระโมคคัลลานะเถระดำริว่า อาตมาควรจะไปทูลพระบรมศาสดาเสียก่อนจึงปรินิพพาน ครั้นดำริแล้วก็เรียงลำดับสรีระกาย ผูกเข้าให้มั่นด้วยกำลังฌาน แล้วเหาะไปโดยอากาศวิถี เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลว่า
" ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลาปรินิพพาน "
มีพระพุทธดำรัสว่า
" เธอจะปรินิพพานล่ะหรือ ? โมคคัลลานะ "
" พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลาปรินิพพานในวันนี้แล้ว "
" โมคคัลลานะ เธอจะปรินิพพาน ณ ที่ใด ? "
“ ที่กาฬศิลาประเทศ พระเจ้าข้า “
พระโมคคัลลานะกราบทูล
" ถ้าเช่นนั้น เธอจงแสดงธรรมแก่ตถาคตก่อน "
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับสั่ง
" ด้วยการที่จะเห็นสาวกเหมือนอย่างเธอ จะไม่มีต่อไปแล้ว "
พระมหาโมคคัลลานะเถระ รับพระพุทธบัญชาแล้ว ได้ทำปาฏิหาริย์ เหาะขึ้นไปในอากาศ โดยอาการเช่นเดียวกับพระสารีบุตรเถระ ครั้นแสดงธรรมแล้ว ลงมาจากอากาศถวายอภิวาท ทูลลาพระบรมศาสดาไปยังกาฬศิลาประเทศ ปรินิพพานในที่นั้น ในวันสิ้นเดือน ๑๒ หลังจากพระสารีบุตรเถระปรินิพพาน ๑๕ วัน
ในกาลนั้น เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้ไปสโมสรประชุมกันถวายสักการบูชาสรีระศพพระเถระเจ้า ด้วยดอกไม้ ธูป เทียน และไม้หอม อันวิจิตร มีประการต่าง ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย ได้เสด็จไปเป็นประธานจุดเพลิง ทำฌาปนกิจสรีระศพพระเถระเจ้า ในท่ามกลางเทพดาและมนุษย์ ซึ่งได้พร้อมเพรียงกันมามากยิ่งนัก ขณะนั้น ฝนดอกไม้ทิพย์ได้ตกลงมาในบริเวณถวายเพลิงพระเถระเจ้า ประมาณโยชน์หนึ่งโดยรอบ มหาชนได้มาประชุมสักการะศพพระเถระเจ้าถึง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดให้เก็บอัฐิธาตุพระเถระเจ้า มาก่อเจดีย์บรรจุไว้ที่ซุ้มประตูพระเชตวนาราม
คัดลอกมาจาก พุทธประวัติทัศนศึกษา โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)
Buddha Main Page

พระมหาโมคคัลลานะ ท่านเป็นชาวเมืองราชคฤห์ ดับขันธปรินิพพานก็ที่เมืองราชคฤห์..ซึ่งจากการศึกษา ค้นคว้าของผมในเวลานี้ ที่ตั้งเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ จะมีศูนย์อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย..จึงไม่แปลก ที่จะมีเรื่องราวของพระโมคคัลลานะ เดินทางไปโปรดญาติโยมทั้งทางภาคเหนือของประเทศไทย เช่นที่ ดอยโมคคัลลาน์ ที่เชียงใหม่..หรือที่ภาคอีสาน ที่บ่อพันขัน ร้อยเอ็ด

 

REBIRTHS-ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจ ขอรับไฟล์หนังสือ ทั้ง 2 เล่ม มามากมายพอสมควรในวันนี้ ..ทำให้ผม มีกำลังใจ ที่จะมาตรวจแก้ไข ไฟล์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง..ซึ่งเป็นบันทึกการเดินทาง ตามรอยพระพุทธเจ้า...ตามรอยพระเจ้าอโศกมหาราช ในถิ่นไทย ที่ชื่อ "ถอดรหัสลับ ดับชนวนกรรมโลก" จนแล้วเสร็จแล้ว จึงขอถือโอกาสนี้ ส่งไฟล์มาให้ กับทุกท่าน ที่ได้แจ้ง อี เมล์ มา ขอหนังสือทั้ง ๒ เล่ม ไว้ก่อนนี้ นะครับ

สำหรับท่านที่ ยังไม่เคยได้อ่าน ไฟล์หนังสือ ทั้ง ๒ เล่ม ก่อนนี้ ทั้ง
๑. ความลับพระพุทธเจ้า
๒. ความลับกึ่งพุทธกาลวันล้างโลก

ก็แจ้ง อี เมล์แอดเดรส ของท่านเข้ามานะครับ เพื่อจะได้ส่ง ไฟล์ หนังสือ ทั้ง 3 เล่ม ไปให้เป็น ธรรมบรรณาการ แด่ทุกท่านทุกคน เพื่อให้ความตั้งใจ ที่จะให้การเผยแพร่งานศึกษาค้นคว้า เรื่อง ความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในถิ่นไทย เพื่อพิสูจน์ว่า "พระพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นในดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน" และ "สถานที่ตั้ง สังเวชนียสถาน ทั้ง ๔" ล้วนแล้ว ตั้งอยู่ในแผ่นดินที่เป็นประเทศไทยและพม่า ในปัจจุบัน ไม่ใช่ใน อินเดีย-เนปาล ดังที่ถูกทำให้เข้าใจผิด มาเป็น เวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมา นั้น "เป็นเรื่องสาธารณะ" ที่ใครๆ ก็สามารถ ที่จะเข้าถึงอย่างกว้างขวาง เพื่อน้อมนำมาพิจารณา และช่วยกัน "ค้นหาความจริง"

และจะได้ นำไป upload ลงใน คลังหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (eBooks) ประเทศไทย ในมือคุณ เพื่อให้ ใครๆ ที่เข้าถึงโครงข่ายอินเตอร์เน็ต สามารถที่จะเปิดอ่าน หรือ Download ไปศึกษา วิพากย์ วิจารณ์ ให้ความเห็น ได้อย่างกว้างขวาง เพื่อ "ช่วยกันค้นหาความจริงอันเป็นที่สุด" ต่อไป

ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล
Re-Establishment of Buddha’s Instruction & Research of Thailand’s History Society (REBIRTHS)
๒๒ พศจิกายน ๒๕๕๗

 

เอามาแต่ บันทึกและเรื่องเล่า ที่ไม่มีอะไรยืนยัน หลักฐานนะ ที่บอกไปๆ นะ คือทางโบราณคดี ครับ ถ้าไม่มี ก็ไม่ตั้องมา นั่งเทียน พิมพ์ มั่วครับ

 

พูดไว้เมื่อห้าปีก่อนว่าผู้ไม่เห็นด้วยจะได้เห็นหลักฐานที่เป็นวัตถุแน่ในปีพศ.2555 ผ่านมา2ปีแล้วครับ เชิญคุณเอกอิสโรนำมาโชว์ให้โลกตะลึงเลย

หรือจะแก้ตัวว่าโลกมันยังไม่วินาศก็ได้นะ เลยยังไม่มีอะไรให้ดู แล้วถ้าโลกมันวินาศจริงๆใครมันจะไปอยู่ดูล่ะเนี่ย เอกหนอเอก

 

เอก ... ตอแห... ครับ คำเดียวจบ บิดเบือนพุทธประวัติ เอาสมอง ที่ไหนมาคิด เนี่ย

 

จะค้นพิสูจน์ ไปใย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กี่พระองค์ ท่านทรงสอนเข่นเดียวหมด ปฏิบัติให้ถึง แล้วจะรู้ได้เฉพาะตน เถิด

 

นั่นคือข้อผิดพลาดที่ผมต้องยอมรับครับ ว่าเอาเรื่องงานค้นคว้าไปผูกกับกระแส 2012 และเรื่องของ สนามแม่เหล็กโลกพลิกตัว..ซึ่งก็ได้ผ่าน ปี 2555 โดยไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี..งานค้นคว้าเรื่องพระพุทธศาสนาในถิ่นไทย จากข้อมูลที่ผมรวบรวมมาได้ในเวลานี้ ผมยังมั่นใจในข้อสมมติฐาน ที่ว่า..พระพุทธศาสนาไม่ได้ก่อกำเนิดที่ประเทศอินเดีย หรือพระพุทธเจ้าไม่ได้ประสูติ ตรัสรู้ แสดง
ปฐมเทศนา และปรินิพพานที่ เนปาล-อินเดีย
ดังนั้น ผมจึงตั้งใจที่จะให้ข้อมูลที่รวบรวมมาได้นี้ ถูกเผยแพร่ให้เป็นการสาธารณะ ให้มีการศึกษาต่อยอดร่วมกัน อย่างกว้างขวาง และให้ผู้ที่มีความเห็นแย้งได้ ชี้ประเด็นที่ไม่เห็นด้วย เพื่อนำไปสู่การพิสูจน์และค้นหาข้อเท็จจริงอันเป็นที่สุดครับ

 

คุณเอกเขียนมาอย่างนี้ก็จบแล้วครับ เรื่องพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดง
ปฐมเทศนา และปรินิพพานในไทยที่คุณพยายามเผยแผ่ แต่คุณสามารถเอาไปผูกโยงกับวันสิ้นโลก2012และแกนแม่เหล็กโลกพลิกตัวได้ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว 5555+ มันจับแพะชนวัวเลยนะนั่น

 

ผมว่าคุณมีปัญหาเรื่องคำพูดแล้วล่ะครับ พูดมานี่ผิดแล้วผิดอีก กลับคำไปมา ขอโทษแล้วขอโทษอีกหลายต่อหลายครั้ง อย่างนี้ใครเขาจะเชื่อคุณได้

 

มั่ว ตลอด ชื่อนี้ การันตี ถึงความมั่ว ...

 

สำเร็จแล้ว...เพื่อนๆ ผู้ที่สนใจ จะโหลดไฟล์ หนังสือ เรื่อง "ความลับพระพุทธเจ้า" จาก เว๊บ ebooks ในรูปแบบ pdf file ไปเก็บไว้อ่าน ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย...สามารถโหลดได้แล้ว นะครับ

ความลับพระพุทธเจ้า (ปรุง 7 ก.ค. 52)

สำเร็จแล้ว...เพื่อนๆ ผู้ที่สนใจ จะโหลดไฟล์ หนังสือ เรื่อง "ความลับกึ่งพุทธกาลวันล้างโลก" จาก เว๊บ ebooks ในรูปแบบ pdf file ไปเก็บไว้อ่าน ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย...สามารถโหลดได้แล้ว นะครับ

ความลับกึ่งพุทธกาล วันล้างโลก (ปรุง 24 พ.ค. 56)

สำเร็จแล้ว...เพื่อนๆ ผู้ที่สนใจ จะโหลดไฟล์ หนังสือ เรื่อง "ถอดรหัสลับดับชนวนกรรมโลก" จาก เว๊บ ebooks ในรูปแบบ pdf file ไปเก็บไว้อ่าน ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย...สามารถโหลดได้แล้ว นะครับ

ถอดรหัสลับ ดับชนวนกรรมโลก (ปรุง 22 พฤศจิกายน 2557)

 

ขอขอบคุณ เว๊บ ebook.in.th ที่ ทำให้ ความตั้งใจที่จะเปิดเผยงานศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวความเป็นมาของ "พระพุทธศาสนา" ที่ถูกบิดเบือนประวัติศาสตร์ ด้วยการ "ย้ายชมพูทวีป ที่เคยเชื่อว่า อยู่ในดินแดนประเทศพม่า รามัญ ลาว และไทย ไปอยู่ที่ อินเดีย เนปาล ปากีสถาน" ทำให้ พระพุทธเจ้ากลายเป็นแขก ทำให้ คนทั้งโลกคิดว่า พระพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นที่ อินเดีย
บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เรา ท่านทั้งหลาย จะได้มาร่วมกัน ศึกษา ค้นคว้า เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ สมดังที่ เมื่อครั้งท่านลาลูแบลร์ ราชทูตฝรั่งเศส ได้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นั้น ท่านได้รายงานกลับไปยังพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุลาลูแบลร์ ว่า “พระพุทธเจ้าโคตมะเป็นบรรพบุรุษของชาวสยาม”
และถึงเวลาแล้ว ที่เรา จะนำ "ชมพูทวีป กลับมาสู่ดินแดนประเทศพม่า รามัญ ลาว และไทย" และ ประกาศให้โลกรู้ว่า "พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ประเทศไทย พระพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยในปัจจุบัน"

คลิ้กตามลิงค์ข้างล่างนี้..

ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล

 

ประเทศไทย แผ่นดินว่างเปล่าในอดีตต แล้วมี คนอพยพ มาตั้งถิ่นฐานเมื่อหลายร้อยปีก่อน ต่างหาก...
..สมัยก่อน คนมีไม่มากเหมือนในยุคนี้ การอพยบย้ายถิ่นฐาน เป็นเรื่องปรกติ
...การตั้งชื่อเมืองต่างๆในประเทศต่อให้เป็นเมืองที่เก่าที่สุดในประเทศ ไทยก็ตั้งมาแค่ไม่กี่ร้อยปี ที่ผ่านมา..
ใน อินเดีย ชื่อเมืองเขามีมาตั้งแต่ ยุคพระพุทธเจ้า เอกอิสโร ไร้หลักฐาน ทาง โบราณคดี และ โบราณวัตถุ อยากให้มีคนเชื่อถือ แต่ตัว เองไม่มีหลักฐานอะไร นักโบราณคดีสมุยก่อน เขาไม่พึ่งพา GOOGLE ครับ เขาพิสูจนืจากหลักฐาน ต่างๆในสถานที่นั้นเลย นายเอกอิสโร ทำตัวเป็นนักโบราณคดี กดแต่ GOOGLE หาข้อมูลแต่ใน GOOGLE อย่างเดียว ... นี่แหละ คำว่า ไร้สติ..
...เอกอิสโร มั่ว แบบไร้สติ ...

 

ยังไม่สำเร็จ ก็คือยังไม่มีหลักฐานโบราณวัตถุหรือโบราณสถานมาแสดงได้ ที่บอกว่าจะโผล่มาให้เห็นเมื่อปี2555 ก็เผยมาแล้วว่ามั่ว

เพื่อนๆ ผู้ที่สนใจจะโหลดรูปข้างล่างเอาไว้ใช้คั่นหนังสือของนายเอกก็ได้

 

ในพระคัมภีร์ถูปวงศ์ ว่าด้วยอัญเชิญไม้ศรีมหาโพธิไปลังกา..ตอนหนึ่งมีว่า..
พระเจ้าอโศกมหาราชจึงตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น แม่จงนำเอาไม้ศรีมหาโพธิไปด้วย ตรัสนี้แล้วก็รับสั่งให้จัดทำมรรคาตั้งแต่เมืองปาตลีบุตรไปถึงไม้ศรีมหาโพธิ แล้วเสด็จออกจากเมืองปาตลีบุตรพร้อมด้วยเสนาหมู่ใหญ่อันมีกำหนดทางกว้างถึง 3 โยชน์ ทางยาวถึง 7 โยชน์ ทรงพาพระอริยสงฆ์เสด็จไปสู่บริเวณไม้ศรีมหาโพธิ

ซึ่ง จากการใช้ Google Map ตรวจเช็คระยะทางเบื้องต้น ระหว่าง บ้านโนนวัด กับ บ้านโพธิ์ชัย ได้ระยะทางเดิน ประมาณ 104 กิโลเมตร หรือประมาณ 6.5 โยชน์ ใกล้เคียงกับระยะทางในพระคัมภีร์ถูปวงศ์...จึงมีความน่าสนใจยิ่ง..ว่า ที่แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด ตำบลพลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมานี้..อาจจะเป็นที่ตั้งของ "นครปาตลีบุตร ของพระเจ้าอโศกมหาราช" องค์ที่อยู่ในอรรกถานะ ไม่ใช่พระเจ้าอโศกอินเดีย ที่เกิดหลังการสังคายนาครั้งที่ 3 และหลังจากเหตุการณ์การอัญเชิญกิ่งพระศรีมหาโพธิไปลังกานี้

ซึ่งจะเป็นข้อมูลในการสืบค้นหาหลักฐาน พิสูจน์ทราบต่อไป

 

ในพระคัมภีร์ถูปวงศ์..ว่าด้วยบรรจุพระบรมธาตุ ใจความตอนหนึ่งมีว่า..
ลำดับนั้น พระมหากัสสปเถระจึงอธิษฐานว่า ดอกไม้ทั้งหลายจงอย่ารู้เหี่ยว กลิ่นหอมทั้งหลายจงอย่าหาย ประทีปทั้งหลายจงอย่ารู้ดับ แล้วให้จารึกอักษรลงที่แผ่นทองคำไว้ว่า
ในข้างหน้าโน้น เมื่อใด ปิยทาสกุมารได้เสวยราชย์ เป็นพระเจ้าอโศกธรรมราชา เมื่อนั้น พระองค์จักทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย พระเจ้าอชาตศัตรูทรงบูชาด้วยเครื่องประดับสำหรับกษัตริย์ทั้งปวง แล้วปิดประตูเริ่มแต่ชั้นแรกออกไปเป็นลำดับ พอปิดประตูทองแดงแล้วก็ใส่กุญแจที่เชือกสายยู แล้ววางแก้วมณีดวงใหญ่ไว้ที่นั้น ทั้งโปรดให้จารึกอักษรไว้ว่า ในข้างหน้าจงให้พระราชาผู้เข็ญใจเอาแก้วมณีดวงนี้แล้วสักการบูชาพระบรมธาตุเถิด

ในพระคัมภีร์ถูปวงศ์..ว่าด้วยพระสถูป ๘๔,๐๐๐ องค์ ใจความตอนหนึ่งมีว่า..
...ครั้งนั้น พระราชาทรงถือตรากุญแจ ที่ติดอยู่ที่เชือกผูกทอดพระเนตรเห็นแท่งแก้วมณีและเห็นอักษรจารึกว่า
ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจนถือเอาแก้วมณีแท่งนี้แล้ว จงทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลาย ทรงกริ้วว่า ไม่ควรพูดหมิ่นพระราชาเช่นเราว่า เจ้าแผ่นดินยากจน ดังนี้แล้วทรงเคาะซ้ำ ๆ กันให้เปิดประตู เสด็จเข้าไปภายในเรือนประทีปที่ตามไว้เมื่อ ๒๑๘ ปี ก็โพลงอยู่อย่างนั้นนั่นเอง ดอกบัวขาบก็เหมือนนำมาวางไว้ขณะนั้นเอง เครื่องลาดดอกไม้ก็เหมือนลาดไว้ขณะนั้นเอง เครื่องหอมก็เหมือนเขาบดวางไว้เมื่อครู่นี้เอง. พระราชาทรงถือแผ่นทอง ทรงอ่านว่า ต่อไปในอนาคตกาล ครั้งกุมารพระนามว่า อโศก จักเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระธรรมราชาพระนามว่า อโศก ท้าวเธอจักทรงกระทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย ดังนี้ แล้วตรัสว่า ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้า มหากัสสปเถระเห็นตัวเราแล้วทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบกับพระหัตถ์ขวา...

พ.ศ. 218 พระเจ้าอโศกที่อินเดีย ยังเป็นวุ้นอยู่เลยครับ..พิจารณาเอาเถิด..ดังนั้น จารึกพระเจ้าอโศก เสาศิลาพระเจ้าอโศก จึงเป็นเพียง "ของจำลอง" ทั้งสิ้น

 

นักโบราณคดีตัวจริง เขาเดินทางไปสำรวจสภถานที่จริงๆ และ เขาร่ำเรียน มาโดยตรง .....นักโบราณคดีตัวปลอม นั่งหน้าจอคอม พิมพ์ GOOGLE หาข้อมมูล แลวแต่งเติม ความคิดของตัวเอง ว่า ชื่อ เหมือนนะ มันใช่ ชื่อคล้ายมันก็ใช่ รูปก็ขโมยของคนอื่นมาแปะ ที่เอารูปชาวบ้านมาแอบอ้างนะ มานะไม่อายเหรอครับ ... ทำได้เท่านี้ อย่า มาพูดเรื่องพุทธประวัติพระพุทธเจ้าเลยครับ บิดเบือนมากๆ และ มั่วมากๆๆๆๆ ... อายแทน พ่อ แม่ คุณจริงๆ ..

 

... นี่แหละ คำว่า ไร้สติ..
...ท่าน siritach มั่ว แบบไร้สติ


ประเทศไทย แผ่นดินว่างเปล่าในอดีต แล้วมี คนอพยพ มาตั้งถิ่นฐานเมื่อหลายร้อยปีก่อน


นี่สิ มั่วของจริง ซุปเปอร์มั่ว ของแท้
แค่บ้านเชียงที่เดียว ก็มีมากี่พันปีแล้ว บ้าป่าว
ประเทศแถบนี้น่ะหรือ ไร้ผู้คน เป็นแผ่นดินว่างเปล่า

เอ็งเป็นคนประเทศไหนวะเฮ้ย ใช่คนไทยรึป่าววะ

เฮ้อ...ตูล่ะหน่ายกะคนโง่จริงๆ



กระต่ายป่า ข้างวัด / เล็บครุฑ นารายณ์ทรง
.

 

ดูเหมือนว่า จารึกที่เนปาล จะถูกท้าทาย เหมือนกันครับ..ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องภาษาอังกฤษ ท่านใด เชี่ยวชาญ ลองพิจารณา อ่านดู จากเว๊บนี้ นะครับ
ว่ากันว่า จารึกที่ลุมพินีอาจเป็นจารึกปลอมที่ทำขึ้น เมื่อไม่กี่ร้อยปีนี่เอง

Lumbini On Trial: The Untold Story ตอนที่ว่าด้วย The Lumbini Pillar Inscription.

http://www.lumkap.org.uk/Lumbini On Trial.htm#p5

 

แต่..ลอง copy คำนำ 2-3 ย่อหน้าแรก ไปให้กูเกิลแปล ถึงแม้ว่าจะแปลแบบกระท่อน กระแท่น ก็มีความน่าสนใจ ไม่ใช่น้อย..

The present site of Lumbini, the Buddha’s birthplace, is a gigantic fraud. The details of its discovery in 1896 reveal an extraordinary tale of deception and intrigue, which is now told for the first time.

At present, controversy continues to surround the location of Kapilavastu, the Buddha’s native town, with both India and Nepal promoting bids for this historically significant site. The Indian claim is based on the finds made at Piprahwa, in Basti District, Uttar Pradesh; the Nepalese, by that of Tilaurakot and its surrounding sites, in the Western Tarai of Nepal. It is my intention in this paper, however, to demonstrate that neither of these claims can be considered as acceptable, and to show that equal doubt attaches to the site of Lumbini also. I further propose to nominate what I consider to be the correct locations for these and other major Buddhist sites, and to give detailed evidence in support of these proposals.

ประโยคแรก เขาบอกว่า สถานที่ประสูติที่ลุมพินี คือการหลอกลวงครั้งมโหฬาร..