เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525

    ยาบำรุงประสาท + ยาแค๊ปซูลมะรุม(บำรุงสายตา ไม่มีรายชื่อในเวบวัดนะครับ) ทานจำนวนตามใบกำกับยา

    ยาพระประทาน กับ ยา 900 ทานเฉพาะก่อนนอนครับ

     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525


    [​IMG]
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ชีวิตเหมือนฝัน: อุทิศไว้ในพระศาสนา

    ฌานิศ วงศ์สุวรรณ


    <dd>ผมรู้จักวัดท่าซุงครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ จากรายการ “ตามไปดู” ซึ่งได้นำภาพความวิจิตรงดงามอลังการของวิหารแก้วร้อยเมตรมาออกอากาศ ผมเห็นแล้วรู้สึกประทับใจความสวยงามของพระวิหาร ที่เป็นประกายระยิบระยับ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากแม้หลวงพ่อฤาษีลิงดำศักดิ์สิทธิ์จริง และผมมีกุศลต้องแก่วัดนี้แล้วไซร้ ขอให้ผมได้ไปที่วัดนี้ด้วย”

    </dd><dd> จากนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก ติดจะลืมไปเลยเสียด้วย เพราะความรู้สึกที่เป็นเด็กบ้านนอกในขณะนั้น (สุราษฎร์ธานี) การที่จะเดินทางไปถึงนครศรีธรรมราช ก็ออกจะไกลมากแล้ว ไฉนเลยจะพูดถึงอุทัยธานี ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ปี พ.ศ.๒๕๓๓ ผมมีโอกาสได้ฝึกวิชามโนมยิทธิจากนักเรียน ป.๖ คนหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ ตอนนั้นไม่รู้จักเลยว่าคืออะไร รู้แต่เอาไว้ถอดวิญญาณดูผีดูสาง

    </dd><dd>กระทั่งจิตเป็นสมาธิลึกเกินไปก็ไม่รู้อีก (ย้อนกลับไปตอนนั้น คาดว่าอารมณ์น่าจะเป็นฌาน ๓ หรือฌาน ๔ ไม่แน่ใจนัก) การสนทนาธรรมหรือสื่อสารเรื่องอื่นใดกับหลวงพ่อในขณะนั้นก็ต้องสนทนาผ่านนักเรียน ป.๖ คนนั้น โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลวงพ่อที่เราสนทนาด้วยคือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ที่มีวิหารแก้ว ผมเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในปีการศึกษานี้เอง

    </dd><dd>ตอนนั้นได้บนหลวงพ่อว่าขอให้สอบเข้ามัธยมศึกษาตอนปลายได้ แล้วจะบวชให้หลวงพ่อ ๑๕ วัน แต่เมื่อบวชแล้วเกิด “ของขึ้น” จะไม่ยอมสึกเอาดื้อๆ ขณะที่บวชนั้นทำตัวไม่ดีนัก จนแทบจะเรียกได้ว่า “เสียข้าวสุกชาวบ้าน” ในที่สุดเมื่อนักเรียนประถมที่ว่านี้มาบอกว่า “พี่น้อย หลวงพ่อบอกให้สึก ไม่งั้นจะเลวกว่าเดิม สึกแล้วไปหาหลวงพ่อที่วัดด้วย”

    </dd><dd>ความรู้สึกตอนนั้นมันแปล๊บขึ้นมาทีเดียว คำพูดแทงใจดำของหลวงพ่อ ทำให้ผมรู้สึกว่าหลวงพ่อเตือนแล้ว สึกเสียเถอะ จะว่าไปแล้ว วัดที่ผมบวชก็ไม่ได้เอื้อให้ผมเป็น “คนดี” ขึ้นแม้แต่น้อย ภายหลังคุยกับแม่ แม่กับพ่อยอมลางาน ๑ สัปดาห์ เพื่อพาผมไปหาหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ผมเองก็ต้องลาเรียน ๑ สัปดาห์เช่นเดียวกัน ผมและพ่อแม่ ทั้งพี่สาว เดินทางไปถึงวัดท่าซุงในตอนเย็นวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๔

    </dd><dd>ก่อนช่วงหลวงพ่อจะเป่ายันต์เกราะเพชรไม่กี่วัน ครอบครัวของผมพักในห้องพักหมายเลข ๑๘ ข้างพระอุโบสถ แล้วได้เข้าพบหลวงพ่อที่ตักรับแขกในวันรุ่งขึ้น ครอบครัวผมนั่งอยู่ฝั่งซ้ายสุดของศาลา (ด้านขวาสุดของหลวงพ่อ) ขณะนั้นทุกคนไม่มั่นใจว่า พวกเราจะมาเสียเวลาเปล่าหรือไม่ ผมเองก็มีความพะวงอยู่ไม่น้อย กลัวว่าการสนทนากับหลวงพ่อผ่านนักเรียนคนนั้นจะเป็นการ “คิดเองเออเอง”

    </dd><dd>จึงระลึกอยู่ในใจตลอดเวลาว่า “หลวงพ่อ ผมอยู่ที่นี่ ผมมาแล้ว หลวงพ่อให้ผมสึก ผมก็สึกแล้ว ให้ผมมา ผมก็มาแล้ว จะให้ผมมาเสียเวลาเปล่าหรือ” ผมคิดเช่นนี้ตลอดเวลาที่หลวงพ่อกำลังรับสังฆทาน ส่วนหลวงพ่อก็เหมือนได้ยินที่ผมคิด หลวงพ่อเหลือบตามองอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน บางทีรู้สึกว่าหลวงพ่อเหลือบมามองแบบรำคาญเสียด้วย

    </dd><dd>ไม่รู้หลวงพ่อกำลังคิดว่า “แหม... เรียกอยู่ได้” หรือเปล่า เมื่อหลวงพ่อรับสังฆทานจากญาติโยมทั้งหลายเสร็จแล้ว หลวงพ่อก็หันมาเรียกผมและครอบครัวให้เข้าไปหาหลวงพ่อทันที ทั้งที่มีคนอยู่เต็มศาลาตึกรับแขก แต่หลวงพ่อก็ไม่เหลียวไปจะคุยกับใครที่ไหนก่อนเลย หลวงพ่อถามว่า มาจากไหน ธุระอะไร แม่ก็ตอบคำถามแล้วบอกว่า “เอามายกให้เป็นลูกค่ะ มันดื้อเหลือเกิน ว่ายากสอนยาก”

    </dd><dd>หลวงพ่อก็หัวเราะแล้วตอบว่า “เลี้ยงมันไปเถอะ” แล้วพรมน้ำมนต์ให้ผม น้ำมนต์ของหลวงพ่อเย็นอย่างอบอุ่น ไม่เหมือนน้ำเย็น ไม่เหมือนน้ำฝน น้ำมนต์นั้นเย็นก็จริง แต่กลับมีความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์ จนบัดนี้ผมก็ไม่เคยสัมผัสน้ำหรือน้ำมนต์ที่ไหนมีความแปลกพิเศษ อย่างน้ำมนต์ที่หลวงพ่อพรมให้ ขณะที่หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ให้ผม หลวงพ่อตีหัวผมเอาแรงๆ หลายครั้งทีเดียว

    </dd><dd>แล้วบอกว่า “ตั้งใจเรียนนะ เรียนหนังสือเก่งๆ นะ อย่าดื้อนะ...” ตอนนั้นความพยศของผมไม่รู้มันหายไปไหนหมด แทบจะกอดหลวงพ่อแล้วร้องไห้อยู่ตรงนั้น เมื่อกลับถึงสุราษฎร์ธานี นักเรียนคนนั้นใช้มโนมยิทธิไปหาหลวงพ่อ แล้วบอกว่าครอบครัวผมไปพักห้องหมายเลข ๑๘ โดยที่พวกผมยังไม่ได้เล่าอะไรแก่เด็กคนนี้เลย แถมยังบอกอีกว่า หลวงพ่อเอาของไปวางไว้ให้หน้าห้องพัก

    </dd><dd>ในเช้าวันที่พวกเราจะเดินทางกลับ ทำไมไม่หยิบมา ใส่ห่อผ้าขาวไว้ วางไว้บนเก้าอี้หน้าห้อง ผมได้ยินแล้วรู้สึกอัศจรรย์เพราะห่อผ้านั้นมีอยู่จริงๆ วางอยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่ผมไม่หยิบเพราะคิดว่าของใครลืมทิ้งเอาไว้ เกรงว่าจะเป็นการลักทรัพย์ ไม่นึกว่าจะเป็นความกรุณาของหลวงพ่อ (ผมเห็นห่อผ้าตอนเช้า พบหลวงพ่อตอนบ่าย กลับสุราษฎร์ธานีตอนเย็น)

    </dd><dd> อัศจรรย์กับมโนมยิทธิ

    </dd><dd>หลังผมกลับจากวัดได้ราวๆ ๒ เดือน ผมจึงฝึกวิชามโนมยิทธิได้สำเร็จ เมื่อครั้งแรกนั้นนอกจากไปเที่ยวสวรรค์ พรหม และพระนิพพานทุกวันแล้ว ก็ยังมักรบเร้าให้องค์ปัจจุบันหรือหลวงพ่อ พาไปเที่ยวป่าหิมพานต์เสมอๆ เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ แม้ต้องนั่งสมาธิอยู่เป็น ๒ – ๓ ชั่วโมง ก็ไม่รู้สึกเมื่อยเลย มีแต่ความอิ่ม เย็น สุข สงบ หาสุขที่ไหนเทียบไม่ได้กับสุขในสมาธิจริงๆ ภายหลังเมื่อสนทนาธรรมด้วยพรหม เทวดา และพระอริยเจ้าทั้งหลายบ่อยเข้า

    </dd><dd>ก็เกิดความรู้สึก “บ้าวิชา” อยากจะมีความรู้ให้หมดทุกอย่าง อะไรที่ไม่รู้ต้องไม่มี ก็ถามองค์ปัจจุบันว่าทำอย่างไร
    </dd><dd>ท่านก็บอกว่า “เป็นพระพุทธเจ้าอย่างฉันซิ อยากเป็นไหมล่ะ” วินาทีนั้นผมไม่ได้ไตร่ตรองอะไรเลย
    </dd><dd>ตอบทันทีว่า “เอาครับ ผมอยากเป็น” ท่านก็หัวเราะ

    </dd><dd>แล้วถามผมต่อว่า “สมมติว่าเธอต้องเดินทางไกล ฝ่าไฟที่ร้อนดุจอเวจีมหานรกเป็นแสนโยชน์ แล้วมีพระโพธิญาณคอยเธออยู่สุดปลายข้างโน้น เธอจะเอาไหม”
    </dd><dd>ผมได้ยินดังนั้นก็หัวเราะทันที แล้วถามองค์ปัจจุบันว่า “มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือครับ ถ้าแค่นั้นผมทำได้แน่ๆ ให้ผมออกเดินลุยไฟอันนั้นในขณะนี้เลยก็ได้ แสนโยชน์แป๊บเดียวเอง”

    </dd><dd>อารมณ์ตอนนั้นคิดว่าแค่นั้นจริงๆ ดีใจแทบแย่ว่า “มันช่างง่ายดายอะไรอย่างนี้” องค์ปัจจุบันท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นใช้ได้” นับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อผมกลับจากโรงเรียน ทำงานบ้านเสร็จแล้ว ก็ใช้กำลังมโนมยิทธิไปหาองค์ปัจจุบัน หลวงพ่อ รวมไปถึงพรหมเทวดาทั้งหลายทุกวัน ท่านเหล่านั้นก็สั่งสอนผมเพื่อ “บ่มเพาะ”

    </dd><dd>ในสิ่งที่ผมปรารถนาอยู่ทุกวันเช่นเดียวกัน เอากันตั้งแต่อสุภกรรมฐาน กายคตานุสติกรรมฐาน สังโยชน์ ๑๐ ประการ (อย่างหลังนี้ท่านบอกว่าตัดไม่ขาด แต่ต้อง “ข่มให้อยู่” อย่างน้อยก็ ๓ ประการ) และข้อธรรมอื่นๆ วันที่งงมากที่สุดก็คงเป็นวันที่ขึ้นไปจุฬามณี กราบองค์ปัจจุบันเสร็จ ท่านก็ให้การบ้านทันทีว่า “เธอจงพิจารณาเวทนาในเวทนา” ท่านไม่อธิบายอะไรเลย

    </dd><dd>ให้เวลา ๓ วันไปคิดมาให้ได้ ผมเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน สงสัยอยู่ว่า “เวทนาในเวทนา...มีด้วยหรือ...มันคืออะไรหว่า” จนในที่สุดก็ต้องไปให้ท่านเฉลย วิธีอธิบายของท่านก็พูดเพียง ๒ – ๓ คำ พอ “แนะ” ให้คิดต่อเองได้เท่านั้น คิดเสร็จแล้วถามท่าน ท่านก็ตอบว่า “ถูกแล้ว พิจารณาให้บ่อยๆ นะ ขันธ์ ๕ น่ะ พิจารณาให้หมดนะ” แล้วท่านก็ยิ้ม

    </dd><dd>เรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีก อย่างเมื่อคราวคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จัดให้มีการเลือกตั้ง ผมนั้นเชื่อในสัจจะทหาร มั่นใจว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร จะไม่ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อผมใช้วิชามโนมยิทธิขึ้นไปหาท้าวสหัมบดีพรหม (ผมเรียกท่านสั้นๆ ว่า “ท่านท้าว”) ท่านบอกว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นอยู่แค่ ๔๐ วันเศษก็ต้องลาออก

    </dd><dd>จะมีการปลุกระดมประชาชน คนไทยจะฆ่ากันเอง ทะเลาะกันเองอีกวาระหนึ่ง เมื่อลาออกแล้วก็จะมีการเลือกตั้งหาสภา “กระท่อนกระแท่น” การเมืองยังไม่แน่นอน แล้วจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนเป็นผู้ร่วมกันร่าง จนในที่สุดก็จะมีเศรษฐีตั้งพรรคการเมือง พรรคนี้เพียงพรรคเดียวจะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา แต่ก็ยังดึงพรรคอื่นเข้าร่วมด้วยเพื่อความมั่นคงของรัฐบาล ประเทศไทยในระยะนี้ยังไม่ดีนัก

    </dd><dd>แต่ภายหลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ คนในประเทศ รัฐบาล การเมือง จะดีขึ้น คนไทยจะสุขสบายมากขึ้น ขณะนั้นผมไม่เชื่อเลย คิดว่าต้องเฝือแน่ การณ์ทั้งหมดนี้หาใครพูดในสมัยปี พ.ศ.๒๕๓๕ ก็คงหาว่าบ้า ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งการฆ่าประชาชน การร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชน การที่รัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียงพรรคเดียว ฯลฯ “ไม่มีวันเป็นไปได้เลย” แต่ในที่สุดก็เป็นตามจริงนั้นทุกประการ

    </dd><dd>...เหตุมหัศจรรย์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งต้องการทราบเรื่องพระดังรูปหนึ่ง ใครๆ ก็เชื่อกันว่าเป็นพระอรหันต์ ผมเองก็พลอยฟ้าพลอยฝนถือมงคลตื่นข่าวเอากับเขาด้วย แต่เมื่ออารมณ์ได้ที่ปุ๊บ องค์ปัจจุบันท่านก็มาปรากฏต่อหน้าแล้วพูดทันทีว่า “พระรูปนี้ปาราชิกเสียแล้ว” แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดทั้งบนเรือไวกิ้ง ไม่ไวกิ้ง... ตอนนั้นผมก็ไม่เชื่อเช่นเคย คิดว่าคงเฝือ แต่หลังจากนั้นก็เป็นจริงตามนั้นอีก

    </dd><dd> ขออะไรท่านก็ให้

    </dd><dd>ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมชอบอธิษฐานของบารมีหลวงพ่อ และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ให้ช่วยเหลือเสมอ ทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องอื่นๆ ก็ประสบผลสำเร็จแทบทุกครั้ง เช่น การสอบตรงเข้าศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี ปีนั้นมีนักเรียนเขต ๑๔ จังหวัดภาคใต้เลือกสอบเข้าสาขานี้เกือบ ๑,๗๐๐ คน แต่รับเพียง ๗ คนเท่านั้น

    </dd><dd>ผมก็สอบเข้าไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ภายหลังผมจะลาออกเพื่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางเขน ครั้นสอบเข้าปริญญาโทที่คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ขณะนั้นผมต้องฝึกสอนตามหลักสูตรปริญญาตรี (มศว. บางเขน) ทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ มิหนำซ้ำวันที่ต้องไปสอบ ผมก็ยังนอนไม่ตื่น (ง่วงจัด)

    </dd><dd>เพื่อนที่สอบด้วยกันต้องมาปลุก แล้วพาขึ้นรถมาสอบทั้งยังงัวเงียอยู่ ผมระลึกถึงหลวงพ่อในใจแล้วบอกว่า “หลวงพ่อ ต้องให้ผมสอบได้นะ ไม่งั้นไม่มีใครเป็นยักษ์เฝ้าประตูห้องญาณ ๘ ให้หลวงพ่อนะครับ ถ้าผมสอบไม่ได้ ผมจะกลับปัตตานีนะครับ” ปรากฏว่าสอบได้ ได้ยังไงผมก็ยังประหลาดใจอยู่จนทุกวันนี้

    </dd><dd> กอดหลวงพ่อแล้วร้องไห้

    </dd><dd>ตลอดมานับตั้งแต่ที่ผมได้รู้จักกับหลวงพ่อ ผมรู้สึกว่าหลวงพ่ออยู่กับผมตลอดเวลา มีปัญหาอะไรที่หนักหน่วง หาที่พึ่งไม่ได้ ผมก็เอากรอบรูปภาพหลวงพ่อมากอด หรือเอาภาพหลวงพ่อออกมาดูแล้วร้องไห้ ผมร้องไห้กับหลวงพ่อได้โดยไม่ต้องอายใคร เพราะมีแต่ผมกับหลวงพ่อ และปัญหาร้ายๆ เหล่านั้นก็มักผ่านไปอย่างไม่น่าเชื่อ จะด้วยเหตุใดก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกอบอุ่นเสมอ เวลาแลภาพหลวงพ่อ

    </dd><dd>ครั้งแรกที่ผมร้องไห้ คือคราวที่ทราบข่าวการจากไปของหลวงพ่อ ตอนนั้นร้องไห้เพราะรู้สึกว่า หลวงพ่อทิ้งผมไปแล้ว แต่ครั้งหลังผมร้องไห้กับหลวงพ่อ แล้วได้แต่พร่ำบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมเบื่อทุกข์ ถ้าไม่เพราะผมต้องเหนื่อยเพื่อคนอื่น ผมคงเข้านิพพานในชาตินี้ จะไม่ยอมเกิดอีก...”

    </dd><dd>สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากบอกสหายธรรมรุ่นหลัง อย่าได้ลำพองกับวิชามโนมยิทธิที่ตนมี อย่าอวดข่มใครว่าฉันแน่กว่าเธอ ฉันดีกว่าเธอ แต่จงระลึกไว้ว่า เราต้องทำพระนิพพานให้ถึงที่สุด มโนมยิทธิมีไว้เพื่อให้เราเป็นคนดี ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นคนเลว อยากดีอย่าเลว อยากเลวก็ไม่ต้องดี ถ้าสงสารหลวงพ่อ รักหลวงพ่อ ให้ระลึกเช่นนี้ไว้เสมอๆ

    </dd>
    <dd>จงเตือนตนด้วยตนเอง
    </dd><dd>จงพิจารณาตนเองด้วยตนเอง
    </dd><dd>ภิกษุเอย ถ้าเธอคุ้มครองตนได้
    </dd><dd>มีสติรอบคอบ เธอจักอยู่เป็นสุข</dd>
    <dd>

    ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง
    ตนมีทางเดินเป็นของตน
    เพราะฉะนั้น ควรควบคุมตน
    เหมือนพ่อค้าม้า ทะนุถนอมม้าดี
    </dd><dt>
    </dt><dt>(จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 5 หน้า 141-145)

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1467#12
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/ViewAlbum/spd_20081117114453_b.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/ViewAlbum/spd_20081117114453_b.jpg" border="0" alt=" photo spd_20081117114453_b.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DaTa/DSC05000.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DaTa/DSC05000.jpg" border="0" alt=" photo DSC05000.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DaTa/DSC04997.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DaTa/DSC04997.jpg" border="0" alt=" photo DSC04997.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  5. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    สวัสดียามเช้าครับพี่วรรณ และลูกศิษย์หลวงพ่อทุก ๆ ท่าน

    สัปดาห์นี้งานยังไม่เสร็จ แว๊บ..มาทักทายกันครับ คิดถึงไม่ได้อ่านหนังสือที่พี่รรณโพสต์เลย
     
  6. mikoto

    mikoto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ขอบคุณครับ
     
  7. mikoto

    mikoto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ขอบคุณครับอาวรรณ ถามอะไรอามีข้อมูลให้เสมอๆ:cool:
     
  8. tossa

    tossa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +3,028
    สาธุ สาธุ สาธุ ได้กำลังใจอย่างยิ่งครับพี่วรรณ. วันนี้ ตามมาอ่านถึงเรื่องนี้แล้ว เอิบอิ่ม มีความหวัง สบายๆ ใจผ่อนคลายครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  9. win-sirawat

    win-sirawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +1,176
    สวัสดีช่วงบ่ายค่ะพี่วัน และพี่ๆ ทุกท่าน
    ตามอ่านตามเก็บข้อมูล ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่มอบให้นะคะ
     
  10. Prasong9500

    Prasong9500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +1,347
    [​IMG]
    พระคำข้าวและพระหางหมากเลี่ยมไว้ด้วยกัน
     
  11. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]




    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี -/\-


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  12. tossa

    tossa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +3,028
    อ.สุเบญจาภาฯ จะมาที่ศูนย์ฯโคราชอยู่เสมอครับพี่วรรณ จะช่วยงานอย่างแข็งขันอยู่บริเวณจุดถวายสังฆทานครับ. เห็นท่านกราบเรียนถามข้อปฏิบัติต่อท่านพระครูปลัดสมนึก(ท่านดูแลงานสังฆทาน) เมื่อครั้งล่าสุดครับ. ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า...ขนาด อาจารย์ฯท่านฝึกมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อฯ ท่านก็ยังไม่ถือตัวตน แม้ว่าท่านจะฝึกได้แจ่มใสแล้ว. ท่านเล่าให้ผมฟังว่า เห็นภาพแจ่มใสเหมือนจริง เคยเป็นทหารออกรบ ใช้ดาบฟันต่อสู้กับข้าศึก ฯลฯ
     
  13. tossa

    tossa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +3,028
    ผมมีความรู้สึกว่า ในภาพนี้ หลวงพ่ออนันต์ฯ ดูคล้ายหลวงพ่อฯมากๆครับ โดยเฉพาะเปรียบเทียบกับรูปเหมือนหลวงพ่อฯองค์สีเหลืองทอง ด้านหลังหลวงพ่ออนันต์น่ะครับ พี่วรรณ
     
  14. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    พบหลวงพ่อ

    เมื่อวันทำพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ(เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 36 หลังจากสวดอิติปิโสเสร็จแล้วก็นั่งภาวนา เขาภาวนากัน แต่เราฟุ้งเรื่องงาน ไฟฟ้าจะเดินยังไง ท่อจะวางยังไง ช่างจะไปขัดกับพระสามารถเขาไหม คิดฟุ้งตลอด จนจิ้งจกทัก " จ๊อกๆๆ " ตกใจเสียงดังมาก เสียงอย่างกับเปิดลำโพงเลยเลิกคิด ภาวนาต่อสักพักก็เห็นหลวงพ่อ

    ท่านก็บอกว่า " งานทำไปเรื่อยๆ อย่าทำให้มันเคลียด อย่าทำให้มันหนัก ทำใจสบายๆ ไม่เร่งร้อน ไม่ได้แข่งกับใครเขานี่ ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อสร้างบารมีให้เต็ม " ก็บอกท่านว่า ผมกลัวหลวงพ่อครับ ผมกลัวจะตัดสินใจผิดครับ

    ท่านเลยบอกว่า " กลัวน่ะดี ดีกว่าไม่กลัว ความประมาทก็จะน้อย " ครับๆ หลวงพ่อครับ ก็กลัวเหมือนกับท่านยังมีชีวิตอยู่ บางคนก็บอกว่าเจ้าอาวาสตัดสินใจช้าจัง ก็เพราะกลัวหลวงพ่อนี่แหละ

    โอ้โฮ เกิดมาก็ไม่เคยคุยกับท่านนานอย่างนี้สักที ตามธรรมดาเจอแว๊บเดียวหายไปแล้ว คืนนั้นท่านอยู่นานเลย หรือว่าท่านทำให้เราเห็นนานเองก็ไม่รู้สัก 20 นาทีได้

    " หลวงพ่อคงจะอยู่จนพิธีเสร็จแล้วจึงไปมั๊ง "

    คงอย่างนั้นแหละ คุยกับท่านหลายเรื่อง แต่เป็นเรื่องงานเราปรารภถามท่าน สำหรับเรื่องพระเรื่องปลุกเสก ไม่ต้องเกี่ยว ท่านบอกเป็นเรื่องของพระท่าน เราก็โอ โล่งอก

    ตอบแทนคุณหลวงพ่อ

    จะทำบุญแบบไหน จึงเป็นที่ชื่นใจหลวงพ่อและเป็นการเทิดทูนต่อหลวงพ่อ เจ้าคะ ?

    ดร.ปริญญา ตอบว่า " ไปนิพพานให้ได้ชาตินี้ ช่วยอยู่อย่างเดียวแหละ "

    พระครูปลัดอนันต์พูดเสริมว่า

    เหมือนกับเราเป็นพ่อเป็นแม่ ถ้าลูกเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา เราก็สบายใจ ที่ท่านสอนเรา หวังให้เราเป็นคนดี ท่านก็มีความดีใจว่าท่านไม่เหนื่อยเปล่า ที่ทรมาณร่างกายเจ็บไข้กินข้าวไม่ได้ กินอะไรไม่ได้ กลับมาก็ทรมานร่างกาย ดันทนอยู่เพราะอะไร ถ้าไม่ทนอยู่เพราะเราท่านไปตั้งแต่ปี 13 แล้ว ที่ท่านทนอยู่เพราะพวกเราใช่ไหม เราอยู่นึกถึงคุณท่านอย่างนี้เราถึงทำอย่างที่ ดร.ปริญญาตอนนี้

    ที่ถูกต้องที่สุดจะให้อะไร จะให้ทรัพย์ ให้สิน ให้เงิน ให้ทอง ทุกอย่างก็ยังไม่คุ้มเท่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเมื่อทราบว่าท่านอัญญา โกณทัญญะเห็นธรรมเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าดีใจมาก ท่านอุทานวาจาเปล่งอกมาว่า " อัญญาสิ วะตะโก โกณทัญโญๆ " ท่านโกญทัญญะรู้แล้วหนอ ท่านดีใจ ที่ท่านแสวงหาคนพ้นทุกข์นี่เจอคนแล้ว คำพูดของท่านมีผลแล้ว

    หลวงพ่อท่านอยู่มาตั้งนาน ท่านจะมรณภาพตั้งแต่ปี 13-14 แล้ว ท่านก็กลับมา กลับมาเพราะพวกเรา ท่านรอพวกเราอยู่ตรงนี้แหละ(วัดท่าซุง) ที่ท่านทรมานร่างกายทุกอย่างก็ตรงนี้ ฉะนั้นที่จะตอบแทนท่านให้ดีที่สุดก็คือการปฏิบัติธรรม จนเป็นพระอริยะ แม้แต่เบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องสูง แล้วแต่เราจะทำได้ อย่างน้อยถ้าไม่ได้ อย่างนั้นก็ให้ก็ขอให้งดความชั่วทุกอย่าง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ที่ท่านชื่นใจหน่อยและอันนี้ชื่อว่าทดแทนคุณได้และท่านพอใจ


    (จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ มกราคม 2537)




    [​IMG]
     
  15. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    นักเทศน์เก่าอีกเรื่องในหมวด " ธรรมบันเทิง " ครับ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    [​IMG]


    [​IMG]



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับรวมเล่ม ปีที่ 1 * 2523 * 1-8 หน้า 437-441)
     
  17. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
  18. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    น้อมกราบหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยความเคารพศรัทธา.....สวัสดีครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  19. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]





    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี -/\-


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ถวายสังฆทานเพราะนางฟ้า

    เหตุเกิดต้นเดือนกันยายน ปี พ.ศ.๒๕๓๓ เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปที่บ้านสายลม หลังจากหลวงพ่อสอนกรรมฐานประจำเดือนแล้ว ในตอนเช้าของวันอังคารที่จะเดินทางกลับวัด ขณะที่พระกำลังนั่งฉันภัตตาหารเช้าอยู่ภายในบ้านท่านเจ้ากรมเสริม

    คุณโยมปรุง ตุงคะเศรณี ได้ลงมาจากห้องของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านฉันเสร็จแล้ว ได้มาเล่าให้พระที่กำลังนั่งฉันฟังว่า

    ในตอนกลางคืนของวันจันทร์ หลังจากหลวงพ่อสอนกรรมฐานเสร็จแล้ว ก็มีการถวายสังฆทาน ก่อนที่จะมีการถามตอบปัญหาธรรมต่อไป ปรากฏว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งใส่ชุดขาว หิ้วของสังฆทานเข้ามาถวายหลวงพ่อ

    หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นท่านมองเห็นผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาแต่ไกล ก็มีความสงสัย จึงคิดว่าเป็นท่านแม่ศรี หรือเป็นเจ๊จันทนา (เวลานั้นเจ๊จันทนาเสียชีวิตแล้ว) แต่ทว่าท่านแม่ศรีและเจ๊จันทนาก็ยังอยู่ข้างๆ ท่าน

    ในเวลานั้นใกล้ที่จะถามปัญหากันแล้ว คนที่ถวายสังฆทานยังเดินมาเรื่อยๆ แต่ไม่มาก ในขณะที่หลวงพ่อนั่งก้มหน้ารับสังฆทาน ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาถวาย เมื่อเธอถวายแล้วก็หมุนตัวเดินตามคนอื่นออกไป หลวงพ่อแหงนหน้าขึ้นมาจะมอง ปรากฏว่าไม่เห็นตัวเสียแล้ว

    รุ่งขึ้นเช้าของวันอังคาร หลวงพ่อกำลังจะเข้าห้องน้ำ ท่านย่ามาถามหลวงพ่อว่า

    “รู้ไหมว่าคนเมื่อคืนนี้เป็นใคร?”

    เมื่อหลวงพ่อตอบว่าไม่รู้

    ท่านย่าจึงบอกว่า “เธอเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กำลังจะตัดไปนิพพานเลย แต่ขาด “ทานบารมี” อยู่นิดหน่อย จึงได้ลงมาถวายสังฆทานกับท่าน...”

    เรื่องนี้ผู้เขียนก็ได้สอบถามท่านอาจินต์ ซึ่งในเวลานั้นนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อ ท่านอาจินต์บอกว่าเห็นเหมือนกัน เป็นผู้หญิงหน้าตาดีใส่ชุดขาว

    โยมปรุงเป็นผู้เล่าถึงกับบอกว่า ต่อไปถ้าผมมาบ้านสายลมทุกเดือน ผมจะต้องถวายสังฆทานทุกครั้ง หลังจากหลวงพ่ออกจากสมาบัติแล้ว ซึ่งรวมทั้งผู้เขียนเองด้วย บางทีก็ฝากเขาเข้าไปด้วยคิดว่า

    นางฟ้าท่านมีใจเป็นทิพย์ ท่านต้องรู้วาระดีว่า เวลาไหนควรจะทำบุญแล้วได้อานิสงส์มาก ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ของมาก จะเป็นของน้อยหรือของมากไม่สำคัญ ขอให้ทำบ่อยๆ ให้ถูกกาลเวลา ก็จะได้อานิสงส์มาก เช่นเดียวกับท่านเป็นตัวอย่าง

    ผู้เขียนถือเรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ โดยคิดว่า ท่านเป็นนางฟ้ายังอุตส่าห์ย่องมาทำบุญได้ เราเป็นคนทั้งทียังมีชีวิตอยู่ ยังมีโอกาสสร้างความดี บางทีอาจจะมีมากกว่าท่านก็ได้ ทำไมถึงจะต้องปล่อยโอกาสให้พลาดไปเช่นนี้ ใช่ไหมล่ะ...ท่านผู้อ่าน!


    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 4 ขบวนรถเที่ยวสุดท้าย ของหลวงพี่ชัยวัฒน์ อชิโต หน้า 82)

    ปัจจุบันนี้เรายังมีโอกาสได้ทำบุญทำสังฆทานกับองค์หลวงพี่นันต์หลังการเจริญกรรมฐานเสร็จแล้วช่วงที่ท่านมาที่บ้านซอยสายลมอยู่ะนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...