สลบไป 4 วัน เทวดาพาไปท่องนรกสวรรค์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yo09(), 3 พฤศจิกายน 2014.

  1. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    เรื่องจริงจากท่านอาจารย์ สิทธินันท์ อุทโท

    [​IMG]
    [​IMG]



    ในวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันของข้าพเจ้าวันนั้น วันที่ 4 ส.ค. 2548 วันนั้น

    ข้าพเจ้าไปทำงานตามปกติ หลังจากที่ข้าพเจ้ากลับจากสอนหนังสือที่โรงเรียน

    ข้าพเจ้าได้เข้าไปทำงานในสวนไผ่ของข้าพเจ้าเป็นประจำ ขณะที่กำลังขุดดินใส่

    ปุ๋ยต้นไผ่อยู่นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บและแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก ทุรนทุราย

    ดิ้นอยู่ที่พื้นดินตรงนั้นเหงื่อไหลออกมาท่วมตัวแล้วตัวดำกล่ำ คิดว่าตัวเองไม่รอด

    แน่ๆ แต่ก็มีสติ กระเสือกกระสนเอาตัวเองออกมาจากสวนไผ่ และร้องให้คนช่วย

    ญาติพี่น้องก็นำตัวไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่หมอบอกให้ส่งต่อเข้าโรง-

    พยาบาลจังหวัด ในขณะนั้นญาติๆบอกว่าข้าพเจ้าไม่รู้สึกตัวแล้ว เหมือนหลับไป

    ไม่ได้ยินเสียงของใครเรียก หรือทำอะไรทั้งสิ้น พอหลับไปไดัสักพักหนึ่ง ข้าพเจ้า

    รู้สึกตัวอีกที ก็เห็นตัวเองเดินอยู่ในป่าไม้ใหญ่ แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว มันวังเวง

    น่ากลัวจนจับจิตและไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน จะถามใครก็ไม่มีสักคน ข้าพเจ้าก็เดินไป

    พร้อมรำพึงรำพันคนเดียวว่า ที่นี่คือที่ไหนหนอ แล้วขณะนั้นก็มีชายแก่คนหนึ่ง

    เดินเข้ามาหาข้าพเจ้า ดูท่านเป็นคนที่มีสุขภาพผิวดี ผิวพรรณผ่องใส ข้าพเจ้าได้

    ถามท่าน ท่านบอกให้เรียกท่านว่าอาจารย์บุญหรือลุงบุญก็ได้ แล้วก็บอกว่าที่นี่คือ

    "แดนมนุษย์มาไม่ถึง นอกจากคนที่ตายแล้วเท่านั้น" ข้าพเจ้าก็เลยถามท่านว่า

    ถ้าอย่างนั้นกระผมก็ตายแล้วนะสิท่าน ท่านบอกว่ายังไม่ตายแต่เจ้ามาได้นั้นเป็น

    เพราะเจ้ามีทั้งบุญและบาปอยู่ในตัวเอง แต่บาปมีมากกว่า เจ้าใช้ชีวิตแบบประมาท

    เกินไป. ก็เลยอยากใหัเจ้าเห็นว่า คนที่ใช้ชีวิตที่ไม่คิดหน้าคิดหลังนั้น สุดท้ายจะเป็น

    เช่นไร แล้วลุงบุญก็พาข้าพเจ้าไปดูสิ่งที่ไม่เคยเห็น ในระหว่างที่เดินไปนั้น

    สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่หนาตามาก ถ้าไปคนเดียวมีหวัง ออกมาไม่ได้แน่

    แล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีผู้คนมากมายกำลังเดิน บัางก็นอนขวักไขว่ไปมา

    เห็นที่บ้านมีป้ายชื่อติดไว้ทุกหลัง แล้วก็ไปเห็นคนที่ข้าพเจ้ารู้จักแต่ตายไปแล้วเมื่อ

    หลายปีก่อน พอเขาเห็นข้าพเจ้า เขาก็เข้ามาถามขาพเจ้าว่าตายหรือยัง ถึงได้มา

    กับท่านลุงบุญ และทางบ้านเมืองทางโน้นเป็นอย่างไร แล้วก็มีอีกหลายคนที่

    ข้าพเจ้ารู้จักเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ตอบไปว่าข้าพเจ้ายัง

    ไม่ตาย แต่ท่านลุงบุญพามาดูชีวิตหลังความตาย ว่าความเป็นอยู่แตกต่างกัน

    อย่างไร เขาเหล่านั้นได้ฝากความมาบอกญาติของเขาว่าให้ทำบุญใหัด้วย และ

    อย่าได้ทำบาปกันเลย เพราะเมื่อมาอยู่ที่หมู่บานวิญญาณนี้มันทรมานมากสำหรับ

    คนที่ทำบุญ ไว้น้อย แต่ถ้าคนที่ทำบุญไว้มากก็จะมีความสุขสบายมาก โดยเฉพาะ

    คนที่ถือศีลให้ทาน และภาวนาปฏิบัติธรรมเป็นนิตย์จะมีความสุขสบายเป็นที่สุด



    และท่านลุงบุญ ก็ได้พาข้าพเจ้ามา ณ ศาลาหลังหนึ่งใหญ่โตมากดูร่มรื่นและเย็น

    สบาย สะอาด กลิ่นหอม. ในศาลานั้นจะมีโต็ะจัดวางเป็นแถวอย่างมีระเบียบและมี

    ป้ายชื่อติดอยู่ตามโต๊ะๆหนึ่งมีป้ายชื่อว่าโต๊ะ นายสิทธินันท์ อุทโท ลุงบุญก็บอก

    ข้าพเจ้าว่า หิวใช่ไหม กินได้เลย ข้าวปลา อาหาร น้ำเป็นของข้าพเจ้าเฉพาะใน

    โต๊ะของข้าพเจ้าเท่านั้นนะ ส่วนโต๊ะอื่นนั้นอย่าไปแตะต้องเด็ดขาด เขายังไม่ได้

    อนุญาตถ้าไปหยิบของเขา ไฟจะไหม้มือทันที ข้าพเจ้ามองดูอาหารเหล่านั้นก็จำได้

    ว่าเป็นอาหารที่เคยตักบาตรไว้ อาหารยังร้อนๆและมีกลิ่นหอม พอมองไปอีกโต๊ะ

    หนึ่งอาหารบางชนิดกลับมีกลิ่นบูดเน่า ลุงบุญก็บอกว่าอาหารเหล่านี้คือของที่พวก

    เรามนุษย์ทั้งหลายที่ยังไม่ตายไดัทำบุญมา ถ้าเราทำบุญด้วยข้าวปลาอาหารที่ยัง

    ร้อนอยู่และหอม มันจะอยู่แบบนั้น.....(มีต่อ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2014
  2. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ต่อมาท่านลุงบุญก็พาข้าพเจ้าไปพบพ่อและแม่ของข้าพเจ้า (เสียชีวิตไป 30 กว่าปีแล้ว). ใน

    ระหว่างทางนั้นมีต้นไม้และสัตว์ป่าน้อยใหญ่วิ่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานและมีความสุข พอ

    เดินมาได้ระยะหนึ่งก็มาถึงอีกหมู่บ้านหนึ่งมีผู้คนมากมาย. ล้วนแต่งกายสะอาดสะอ้าน และ

    ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยกันและให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่คนเหล่านั้นล้วนมีแต่คนที่ตายไป

    แล้วทั้งนั้นเลย. มีคนหนึ่งเคยเป็น ผอ.ในโรงเรียนที่ข้าพเจ้าเคยทำงานด้วย. ได้เข้ามาทักทาย

    และฝากให้ข้าพเจ้ามาบอกญาติพี่น้องของท่าน และมนุษย์ทุกคนว่า ขอให้เราทำบุญให้มาก

    จะได้สบายเมื่อละโลกมา ท่านว่าเมื่อตอนที่ท่านมาอยู่ใหม่ๆนั้น ท่านทุกข์ทรมานมาก เพราะ

    ก่อนที่จะมานั้นไม่ค่อยได้ทำบุญ เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มแน่นอยู่ไม่ตายง่ายๆหรอก แค่ได้

    ทำนิดๆหน่อยๆแค่นั้นเอง พอไม่นานก็ตายเลยต้องทรมานมาก จะคอยแต่ให้ญาติทำบุญมาให้

    มันก็ไม่ได้เต็ม ถึงแม้ว่าเขาจะอุทิศให้เรา เราก็ได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น จึงข อฝากให้ไปบอก

    เหล่ามนุษย์ทั้งหลายด้วยนะ อย่าลืมซะล่ะ พูดคุยกันพอสมควรก็ลาท่าน ผอ. ออกมา ลุงบุญ

    ก็พาข้าพเจ้าไปสวรรค์ ลุงบุญได้พาข้าพเจ้าเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยควรมร่มรื่นและเย็น

    สบาย มีเสียงนกและเสียงดังกังสดาล เหมือนมีคนมาบรรเลงเพลงที่ไพเราะจับจิตให้เราฟัง

    ยิ่งเข้าไปใกล้สวรรค์เท่าใด ยิ่งได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้นและมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ๋

    มันหอมชื่นใจจนบอกไม่ถูกว่าจะเปรียบเทียบกับอะไรได้ในโลกมนุษย์แห่งนี้ มองดูสองข้างทาง

    ดูมันสวยสดงดงามเสียจริงๆ และมีชีวิตชีวาเหมือนกับเนรมิตขึ้น ข้าพเจ้าได้ถามลุงบุญว่า

    สิ่งเหล่านี้เนรมิตขึ้นมาหรือ ลุงบุญตอบว่าเปล่า มันเป็นดินแดนของทางขึ้นสู่สวรรค์นั่นเอง

    ลุงบุญบอกว่าเราใกล้ถึงสวรรค์แล้ว. สวรรค์มี 6 ชั้น ต่อจากชั้นที่ 6 ขึ้นไป เรียกว่า ชั้นพรหม..

    ชั้นพรหมมี 20 ชั้น. เดินมาถึงประตูสวรรค์ ข้าพเจ้ามองดูแล้วได้นึกในใจว่า...โอ้โห ประตูสวรรค์

    หรือนี่ ทำไมถึงได้สวยเหลือเกินหาที่เปรียบไม่ได้ กำแพงก็สวย นี่ขนาดกำแพงกับประตูนะแล้ว

    ข้างในจะขนาดไหน ลุงบุญบอกว่า กำแพงนี้ทำด้วยแก้วผลึก...แล้วท่านลุงบุญก็ขออนุญาต

    นายประตูที่เฝ้าอยู่หน้าประตูสวรรค์ แล้วประตูก็เปิดออกทันที ...ก้าวแรกที่ข้าพเจ้าเดินเข้าไป

    ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่าตั้งแต่เกิดมาในโลกใบนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นที่ไหนสวยและอากาศหอม

    ขนาดนี้เลย. ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบ ตรงที่ข้าพเจ้าเดินเข้าไปก็อ่อนนุ่ม ข้าพเจ้ามี

    ความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย ลุงบุญบอกว่าสวรรค์ชั้นที่ 1นี้ แบ่งออกเป็น 4 แคว้น มีความ

    กว้างใหญ่ไพศาลมาก มีแคว้นยักษ์ แคว้นคนธรรพ์ แคว้นนาคา แคว้นครุฑ แต่ละแคว้นมี

    เจ้าแคว้นปกครองอยู่ ผู้ที่จะมาอยู่สวรรค์ชั้นนี้ได้ต้องทำบุญให้มากๆ...ให้ทาน...ปฏิบัติธรรมด้วย

    และไม่ผิดศีล



    ข้าพเจ้ากับลุงบุญเดินมาอีกก็ถึงประตูชั้นที่ 2 พอประตูเปิดออก สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นมันช่าง

    สวยงามจนไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้ ข้าพเจ้าว่าสวรรค์ชั้นที่ 1 สวยงามไม่มีที่ติแล้วนะ

    แต่พอได้เห็นชั้นที่ 2 นี้ข้าพเจ้ามองจนตะลึงเดินไม่ออกเลย ทางเดินมันนุ่มมากๆเลย คล้ายๆ

    กับพรม แต่ทุกสัมผัสมันอ่อนนุ่มเหลือเกิน อีกท้งกลิ่นหอมที่โชยมาแต่ไกล. มันหอมเหมือน

    ดอกไม้นานาพันธุ์ หอมเย็นชื่นใจจนบอกไม่ถูก มันทำให้ข้าพเจ้าสดชื่นมีความสุขจนไม่อยาก

    กลับบ้านข้าพเจ้ามองเห็นผู้คนทั้งชาย หญิง ชายแต่งกายด้วยสีขาวบ้าง เหลืองบ้าง และ

    สีชมพูอ่อนๆเย็นตา เวลาผู้คนเหล่านั้นเยื้องย่างกายไปไหน ผ้าแพรก็จะสะบัดพลิ้วไปตามลม

    มองดูอ่อนนุ่มน่าสัมผัส ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นยิ้มแย้มแจ่มใสสวยงามมาก ผิวพรรณไร้

    ไฝฝ้าราคีใดๆทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเลยถามลุงบุญ ลุงบุญตอบว่าเขาเหล่านี้คือนางฟ้า - เทวดาหรือ

    เทพบุตร - เทพธิดา - พรหม นั่นเอง เขามีบุญมากก็ได้มาเกิดที่นี่ สวรรค์ชั้นนี้เรียกว่า

    ชั้นดาวดึงส์ มีท่านท้าวสักกะ หรืออีกอย่างที่มนุษย์ทุกคนรู้จัก ที่ชอบเรียกว่า พระอินทร์ เป็นผู้

    ปกครองอยู่ที่นี่ แล้วลุงบุญก็พาข้าพเจ้าไปกราบท่าน เมื่อมาถึงอาศรมของท่าน โอ้ช่างสวย

    งามเหลือเกิน. สวยงามมากไม่มีที่ติเลย วิจิตพิสดารมาก ข้าพเจ้าและลุงบุญเข้าไปกราบท่าน

    เพื่อขออนุญาตผ่านขึ้นไปเบื้องบนอีก. ...ท่านองค์อินทร์ได้ถามข้าพเจ้า เป็นอย่างไร บ้านของ

    เราน่าอยู่ไหม
     
  3. I'm da ?

    I'm da ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +214
    ติดตามอยู่ นะค่ะ รีบๆ มาเล่าต่อค่ะ....อ่านแลัวก็มีกำลังใจทีจะสร้างบุญสร้างกุศล อันมี ทาน ศีล ภาวนา ทำแบบต่อเนื่อง เพราะช่วงนี้เป็นแบบฟู ๆ แฟ้บ ๆ กำลังใจแผ่วอยู่เรื่อย ขอบคุณมากค่ะ ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง
     
  4. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ..และเรามีตัวเขียวเหมือนที่มนุษย์ทุกคนพูดไหม พูดจบท่านก็หัวเราะ...ด้วยความโง่เขลาเบา

    ปัญญาของมนุษย์อย่างข้าพเจ้าก็เลยตอบท่านไปว่า บ้านของท่านน่าอยู่มากทั้งสวยงามและมี

    ความสุข ท่านองค์อินทร์เลยพูดกับข้าพเจ้าว่า เมื่อเจ้ารู้และเห็นว่าบ้านของเราน่าอยู่ เราขอ

    ฝากไปบอกมนุษย์ทุกคน รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยว่าให้พากันเร่งทำบุญ..ละบาป..ถือศีลให้ทาน

    และหมั่นเจริญภาวนาให้มาก เพราะคนที่จะมาอยู่ที่นี่ได้คือ คนรวยบุญเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งของ

    นอกกายเหมือนพวกมนุษย์เข้าใจกัน...และอีกอย่างที่ข้าพเจ้าสงสัยว่ามีจริงหรือไม่ ก็คือ

    ทิพย์อาสน์ของท่าน ข้าพเจ้าก็เลยขอดู ท่านก็เลยให้ดู ให้จับแตะตัองสัมผัสดู มันอ่อนนุ่ม

    ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนที่เราพูดกันเลย. ก็เลยถามท่าน ท่านตอบว่าเพราะวันนี้มนุษย์ไม่ได้

    บนบานหรือร้องขออะไรให้เราเดือดร้อน ทิพย์อาสน์เลยอ่อนนุ่ม แต่ถ้าวันไหนมีมนุษย์มาร้อง

    ขอหรือบนบานเรียกชื่อของเรา ทิพย์อาสน์ก็จะแข็งทันที ข้าพเจ้าขอถามท่านอีกว่า เวลาที่

    มนุษย์มาบนบานขอให้ท่านช่วยอะไร ท่านก็จะประทานให้เลยหรือ ท่านตอบว่าเปล่าเลย เราจะ

    ต้องเอาปัญหาเหล่านั้นมาพิจารณาดูก่อนว่า มนุษย์ผู้นั้นบุญบารมีของเขาถึวจุดที่เขาควรได้รับ

    ความช่วยเหลือหรือยัง ถ้าบุญเก่าเขามาถึงแล้วเราก็จะประทานพรนั้นให้ แต่ถ้าบุญยังมาไม่ถึง

    ก็ไม่ได้ แล้วท่านก็บอกลุงบุญให้พาข้าพเจ้าชมสวรรค์ ชั้นนี้จะมีเจดีย์อยู่องค์หนึ่งสวยงามมาก

    เรียกว่าเจดีย์จุฬามณี มีความสูงไม่รู้กี่โยชน์ ลุงบุญบอกว่าเจดีย์นี้สร้างด้วยแก้ว 7 ประการ

    เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในทุกๆวันพระ เหล่่าเทพเทวดา

    ก็จะพากันมานมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งมาคารวะท่านองค์อินทร์ด้วย และไม่ห่าง

    จากเจดีย์เท่าไหร่นัก ก็จะมีศาลาเพื่อเป็นที่ประชุมของเหล่าทวยเทพทั้งหลา คือ

    ศาลาสุธรรมมา มองไปรอบๆก็มีสวน มีดอกไม้นานาชนิดหลากหลาย หอมตลบอบอวลและ

    สวยงามมาก ดอกไม้ที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น บางชนิดก็มีบนพื้นโลก บางต้นก็สูงใหญ่

    บางต้นก็เล็ก ดอกไม้สวรรค์นี้จะออกดอก 1 ปี ต่อ 1 ครั้ง เวลาเราเดินผ่านหรือเราอยาก

    เชยชมดอกไม้เหล่านั้นก็จะลอยลงมาอยู่ที่ฝ่ามือของเรา ถ้าเราไม่อยากเชยชม ก็จะลอยขึ้น

    ไปอยู่ที่เดิม จะไม่ร่วงลงพื้นดิน เมื่อเดินดูและเห็นว่าควรแก่เวลาแล้ว ข้าะเจ้าและลุงบุญก็ได้

    ไปกราบลาท่านองค์อินทร์ ท่านยังย้ำกับข้าพเจ้าว่า อย่าลืมที่เราฝากไปบอกสาธุชนนะ และ

    อีกอย่างเจ้าอย่าลืมบอกเขาล่ะว่าเราตัวเขียวหรือเปล่า แล้วท่านก็หัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี

    และใจดีมีเมตตา ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายว่า พระอินทร์ตัวไม่เขียวเหมือนที่เราคิดและ

    พูดกัน ท่านหล่อมาก สูงสง่าเหลืองผ่องใสเหมือนคนที่ศีลจับ



    ข้าพเจ้าก็ออกมาและขออนุญาตผ่านชั้นต่างๆ จนถึงพรหมชั้น 7 ซึ่งเป็นที่อยู่ของคุณพ่อและ

    คุณแม่ของข้าพเจ้า อาศรมของท่านสวยงามมาก ท่านทั้งสองอยู่อย่างสบาย และมีความสุข

    มาก เมื่อเจอคุณพ่อคุณแม่ ข้าพเจ้าร้องไห้และวิ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยคงามคิดถึงเป็นที่สุด

    และได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทั้งน้ำตาอยู่ระยะหนึ่งแล้ว ก็ได้เวลากลับ ท่านก็ได้บอกกับ

    ข้าพเจ้าว่าจำเอาไว้นะลูก เมื่อเจ้ากลับถึงบ้านแล้ว เจ้าจะต้องบอกญาติพี่น้องทุกคนให้ทำแต่

    ความดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ละจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หันมาปฏิบัติธรรมถือศีลให้ทาน ช่วย

    เหลือคนที่ไม่มีโอกาส ตกทุกข์ได้ยาก. เหมือนกับที่พ่อทำมาตลอด ถ้าพ่อรู้ก่อนหน้าว่าการที่

    คนเราพอละบุญจากโลกมนุษย์แล้วมาอยู่ที่นี่นั้น ต้องรวยบุญเท่านั้นถึงจะอยู่สบาย พ่อเสียดาย

    ที่ทำบุญน้อย ถ้ารู้อย่างนี้จะทำบุญให้มาก จะถือศีลไม่ให้ขาด พ่อกับแม่ได้สอนข้าพเจ้าหลาย

    อย่าง และข้าพเจ้ายังสงสัยเลยถามแม่ว่า ทำไมที่บ้านของพ่อกับแม่ถึงได้มีผู้คนมาหามากมาย

    ขนาดนี้ และแม่เอาผลไม้อะไรมาต้อนรับ. ทำไมมันมีกลิ่นหอม และมีสีสวยสดน่ากินจังเลย

    แต่ทำไมแม่ไม่เอาให้ผมมั่ง แม่ตอบว่าคนเหล่านี้พวกเขาถึงวาระการเกิดแล้ว พวกเขาหมดบุญ

    ในเมืองสวรรค์ หรือไมีบางคนยังมีกรรมในเมืองมนุษย์อีกมาก พอถึงวาระที่พวกเขาจะลงมา

    เกิดในเมืองมนุษย์ เขาเหล่านั้นก็มาลาและขอบคุณพ่อที่เคยช่วยเหลือเขามาตลอด และผลไม้

    นั้นเป็นผลไม้ที่กินแล้วทำให้ลืมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและมิอาจจำได้ว่าตนมาจากไหน แล้วแม่ก็

    บอกว่าถ้าลูกอยากกินก็กินสิจะได้ลืมทุกอย่างเลยเมื่อไปถึงบ้าน ข้าพเจ้าก็ไม่กล้ากินผลไม้นั้น

    เพราะกลัวจะลืมเรื่องราวต่างๆ เมื่อพูดคุยกันพอสมควรแก่เวลา ข้าพเจ้ากับลุงบุญก็ได้ลาท่าน

    ทั้งสอง กลับลงมายังหมู่บ้านอีกครั้ง กีอนที่จะไปดูนรกต่อไป ในขณะที่เดินไปเพื่อจะดูนรกนั้น

    ข้าพเจ้าสงสัยมากว่า ทำไมบ้านคุณพ่อถึงได้สวยงามใหญ่โตขนาดนั้น และมีบริวารมากมาย

    หัอมล้อม และที่สำคัญ ทำไมผิวพรรณของทั้งสองถึงได้ผ่องใสสวยงามเช่นนั้น และใบหน้าดู

    อิ่มเอิบไร้ความเศร้าหมอง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ดูอบอุ่นมีกังวาน แฝงไว้ด้วยความเมตตา

    ไม่เหมือนคุณพ่อเมื่อตอนอยู่ในโลกมนุษย์เลย ตอนท่านเป็นมนุษย์นั้นใบหน้าของท่านดูมีกังวล

    และเป็นคนคิดมากเนื่องจากท่านได้ตั้งโรงเรียนสอนนักเรียน เมื่อ 50 - 60 ปีมาแล้ว ในสมัย

    นั้นผู้คนยังไม่มีที่จะเรียนมากเหมือนสมัยนีั สมัยก่อนถัาใครได้เรียนถือว่าสุดยอดคน ท่านได้

    ต่อสู้ และเอาชีวิตเป็นเดิมพันแทบเอาตัวไม่รอด ทำให้กังวลเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในโรงเรียนและ

    ครอบครัวอีกมากมาย กลัวจะไม่มีเงินเดือนจ่ายให้ครูบ้าง ทั้งกังวลว่าจะหาอะไรมาให้ลูกกิน

    บ้างสารพัดที่ท่านคิด ใบหน้าของท่านดูหมองคล้ำ บางครัังท่านต้องดื่มเหล้าเพื่อดับทุกข์

    แต่ท่านไม่เคยย่อท้อเลยแม้แต่วันเดียว ถึงแม้ว่าท่านจะเลี้ยงและดูแลลูกๆถึง 9 คน โดยลำพัง

    เพราะแม่เสียชีวิตก่อนพ่อ ตอนที่แม่ของข้าพเจ้าเสียชีวิตนั้น แม่อายุเพียง 46 ปี ลูกๆก็ยังเล็ก

    มาก. ครอบครัวที่ขาดแม่บ้านไป หนำซ้ำข้าวปลาอาหารก็อดอยาก ลูกๆก็กำลังเรียนหนังสือ

    พร้อมกันหลายคน ไหนจะงานที่โรงเรียนของท่านอีก ข้าพเจ้ามองดูพ่อบางครั้งเห็นพ่อนั่งหลับ

    ตาแสดงว่าคิดมากและเป็นทุกข์ใจ แต่ท่านไม่เคยปริปากบ่นให้ลูกๆเสียกำลังใจเลย ไม่ว่าจะ

    ทุกข์จะสุขพ่อจะยิ้มและต้อนรับแขกอาคันตุกะทึ่มาเยี่ยมเยือนและขอความช่วยเหลือในบาง

    ครั้งคราว พ่อจะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกๆเสมอมา จนวาระสุดท้ายของท่าน แต่วันนี้

    ข้าพเจ้าได้มาพบพ่อ ทำไมพ่อดูเปลี่ยนไปมาก ดูพ่อมีความสุข ไม่มีความกังวลใจเหมือนเมื่อ

    ก่อน. จะมีที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือรอยยิัมที่มุมปาก พ่อจะยิัมอยู่ตลอด ข้าพเจ้าได้ถามลุงบุญ

    ลุงบุญจึงอธิบายให้ฟัง. เมื่อตอนที่คุณพ่อ(ของข้าพเจ้า)เป็นมนุษย์นั้น ท่านได้สร้างโรงเรียนขึ้น

    และรับเอาเด็กๆเข้ามาเรียน. บางคนก็ไม่มีเงินให้ค่าเทอม บ้างไม่มีสมุดดินสอ เสื้อผ้าสารพัด

    ปัญหา บางคนท่านก็ให้เรียนฟรีบ้าง บางเดือนท่านไม่มีแม้เงินที่จะจ่ายเงินเดือนให้แก่ครูที่มา

    สอน. ท่านต้องเจียดส่วนรายได้ในครอบครัวไปให้ครูเหล่านั้น ครูบางคนที่มาอยู่กับท่าน บางคน

    ก็เห็นใจในความมีมานะและเสียสละของท่าน ก็ไม่เอาเงินเดือนก็มี ร่วมต่อสู้กับท่านจนพากัน

    เอาชีวิตแทบไม่รอด แต่ท่านก็พากันทำเพราะเด็กๆอยากเรียน การให้ทานของท่านมันสูงและ

    บริสุทธิ์ มันจึงเป็นบุญและกุศลหนุนนำให้ท่านสบาย และมีอาศรมที่ใหญ่โต และมีบริวารมาก

    มายห้อมล้อม ให้จำเอาไว้ พอพูดจบลุงบุญก็ให้ข้าพเจ้ารีบเดิน ใกล้จะถึงเมืองนรกแล้ว...

    ...( มีต่อ ครับ ^.^ )
     
  5. Nat Simon

    Nat Simon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +172
    ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องนี้มาลงเป็นการเตือนสติได้มากเลยค่ะ
     
  6. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอขอบคุณมากๆค่ะที่นำมาลงเพื่อเตือนสติแก่ทุกๆคนที่ได้อ่านมีคุณค่ามากๆค่ะ
    อยากอ่านต่ออีกเร็วๆค่ะ
     
  7. anantanit

    anantanit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +16
    อนุโมทนาบุญคะ 1 ใน ล้าน ของผู้ที่มีโอกาสได้พบประสพการณ์อย่างนี้ บุญล้นจริง ๆ สาธุ
     
  8. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ข้าพเจ้ากับลุงบุญพากันเดินตามทางที่จะไปเมืองนรกนั้นผิดกันกับทางที่ไปสวรรค์ลิบลับ

    มันน่ากลัวและวังเวง มีแต่ป่าและต้นไม้ใหญ่ ป่าทึบมาก. พอเราเดินทางอีกไม่นานก็เห็นประตู

    เหล็กขนาดใหญ่และสูงมาก ลุงบุญบอกว่าเรามาถึงประตูนรกแล้ว ข้าพเจ้าจึงถามลุงบุญ

    ลุงบุญตอบว่าประตูเมืองนรกนั้นจะแตกต่างจากเมืองสวรรค์มาก คือจะทำด้วยเหล็กขนาดใหญ่

    และหนักไม่รู้กี่หมื่นกิโลกรัมและสูงมาก เพราะถ้าไม่ทำให้หนักและสูงขนาดนี้แล้วสัตว์นรก

    ทั้งหลายก็พากันหนีออกมา ทำให้โลกวุ่นวายไปตามๆกันเลยล่ะ พอเราเดินมาหยุดที่หน้าประตู

    ก็มีชายสองคนยืนอยู่คนละข้าง. นุ่งผ้าเตี่ยวสีแดง มือถือหอกขนาดยาวและแหลม พอชายทั้ง

    สองมองเห็นลุงบุญ ก็เข้ามาทำความเคารพและถามลุงบุญ. ลุงบุญก็ตอบว่าจะมาคารวะท่าน

    ท้าวยมราช และได้พาข้าพเจ้ามาขอดูเมืองนรกหน่อย ขออนุญาตทั้งสองเข้าไปหน่อย ชาย

    ทั้งสองตอบว่า เชิญท่านเทพบุตรตามสบายเลย ท่านพ่อยมอยู่พอดีเลยวันนี้ (ข้าพเจ้าเพิ่งรูัว่า

    ลุงบุญคือเทพบุญนั่นเอง..มิน่า) พอพูดจบประตูก็เปิดออก. เราก็เดินเข้าไปถึงอาศรมแห่งหนึ่ง

    ดูเงียบมาก. เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ท่านมองมาที่เราสองคน แล้วท่านก็เอ่ยทักลุงบุญ ลุงบุญ

    ยกมือทำความเคารพท่านและบอกข้าพเจ้าให้เข้ามากราบท่านพ่อยมราชสิ ข้าพเจ้าเข้าไป

    กราบและได้พูดคุยกับท่าน บอกว่าข้าพเจ้าชื่อ นายสิทธินันท์ อุทโท เป็นครูสอนเด็กอยากดู

    เมืองนรกว่ามีจริงไหม และพระยายมราชมีจริงหรือเพราะได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวจริงสักที

    ท่านเลยถามว่าเห็นตัวจริงแล้วเป็นอย่างไรบ้างละ. น่ากลัวไหม ข้าพเจ้าตอบว่าไม่น่ากลัว

    เหมือนที่คนเขาพูดกันเลย ดูท่านเป็นคนใจดีมาก มีอัธยาศัยดีแต่น้ำเสียงของท่านที่เปล่งออก

    มานั่นมันกังวาน และเย็นยะเยือกและแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น และมีเมตตามาก ในเมืองมนุษย์

    ใครๆก็บอกว่าพ่อยมราชนั้นดุร้าย มีเขา ใส่ชุดแดง. แต่เมื่อมาเห็นแล้วกลับเป็นคนละอย่างกัน

    ท่านยมราชก็พูดว่า เป็นครูมิใช่หรือแล้วเวลาสอนลูกศิษย์ ก็อยากให้ลูกศิษย์ได้ดีใช่ไหม พ่อก็

    เหมือนกัน พ่ออยากให้สัตว์นรกเหล่านี้กลับกลับใจเป็นคนดี ไม่ไปทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และที่

    พวกเขาได้รับโทษนั้น ก็พ่อไม่ได้ทำเขานะ เขาทำตัวเองทั้งนั้นเลย ลูกชายรู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้

    เมืองนรกมันล้นแล้วนะ..ขอฝากให้เจ้าไปบอกพวกมนุษย์หน่อยเถอะ ว่าให้พากันละบาป

    อย่ามัวเมากิเลสตัณหา บ้าทรัพย์สมบัตินอกกายอยู่เลย ให้หันมาทำบุญกันให้มากๆ จะได้ไป

    เกิดในเมืองสวรรค์จะได้สบาย ถ้าทำบาปมากๆจะได้มาเกิดกับพ่อที่นรกนี้นะไม่สบาย

    เหมือนสวรรค์นะ ท่านพูดแล้วก็ยิัมและหัวเราะเบาๆ เสียงเย็นๆ ท่านว่า อันที่จริง พ่อก็มีอาศรม

    ของพ่ออยู่ที่เมืองสวรรค์เช่นกัน แต่ท่านได้มาอยู่นรกนี้นั้นเพราะเป็นหน้าที่ และอยากจะช่วย

    เหลือมนุษย์ ให้พ้นจากความทุกข์ ความมัวเมาในการทำบาปที่ไม่สิ้นสุดตลอดทั้งอบายมุขทั้ง

    หลาย จากนั้นข้าพเจ้ากับลุงบุญก็ขออนุญาตไปดูเมืองนรก ในขณะที่เดินไปนั้น ลุงบุญได้

    อธิบายให้ฟังว่า. นรกนั้นแบ่งออกเป็นขุมใหญ่ 4 ขุม. แต่ละขุมได้แบ่งแยกออกไปอีก เป็นขุม

    เล็กๆรวมแล้วประมาณ 400 กว่า เกือบ 500 ขุม มีดังนี้

    มหานรก ประมาณ 8 ขุม

    นรกรอง ประมาณ 128 กว่าขุม

    ยมโลก ประมาณ 320 กว่าขุม

    นรกอเวจี ประมาณ 1 ขุม

    นรกแต่ละขุมกว้างขวางมากและจะทำโทษไม่เหมือนกัน เพราะต่างคนต่างทำบาปไม่เหมือนกัน

    วันนี้ลุงจะพาไปดูสัตว์นรกที่ทำผิด ศีล 5 ข้อ ว่ามันหนักหนาสาหัสขนาดไหน

    แล้วก็มาถึงสระน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้คนมากมายไม่รู้ว่าวิ่งมาจากไหน พอวิ่งมาถึงสระก็พากันดีใจ

    กระโดดลงไปอาบดื่มกันอย่างสบาย แต่พอไม่นานจู่ๆก็พากันทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

    และร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ทัองก็ใหญ่ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และแตก

    ออกมามีแต่ดิน หิน ทราย แกลบบ้าง เหล็กบ้าง ไม้บ้าง ฯลฯ บางตัวที่ทัองไม่แตก ผู้คุมก็เลื่อย

    มาเลื่อยออกและมีเหล็กแทงทะลุออกมา สร้างความทุกข๋ทรมานให้สัตว์นรกเหล่านั้นเหลือเกิน

    พอทนไม่ได้ก็พากันตายไป พอตายไป..เหล่าผู้คุมก็เอาน้ำทิพย์มารด ต่างก็พากันฟื้นขึ้นมาอีก

    และรับกรรมแบบนั้นไม่รูัจบสิ้น กี่เดือน กี่ปี กี่ชาติ สุดแสนที่จะเวทนายิ่งนัก ลุงบุญบอกว่า

    เขาเหล่านั้นเมื่อตอนที่เป็นมนุษย์ เป็นคนชั้นผู้ใหญ่ เจ้านายใหญ่โต มีอำนาจเป็นผู้บริหารแต่

    ได้โกงบ้านเมืองหลอกลวงผู้อื่น เพื่อความสุขสบายของตัวเอง. พอตายแล้วก็มารับกรรมที่ขุมนี้

    บางคนเป็นพ่อค้าข้าว ค้าพืชผลต่างๆ ได้โกงเอาจากชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน พอตายไปก็

    ต้องมารับกรรมกินแต่แกลบและดินตลอด ทั้งแบกก้อนดินอย่างหนัก เป็นอย่างนี้ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ

    ในเมืองนรก ข้าพเจ้าได้เจอคนที่รู้จักที่ทรมานอยู่ในขุมนี้ เขาเป็นพีอค้าข้าว ตอนเป็นมนุษย์

    เขาคดโกงข้าวชาวนามากมาย เขาร้องขอให้ข้าพเจ้าช่วย แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จะช่วยอย่างไร

    ได้แต่ภาวนาให้เขาหลุดพ้นจากที่เขาถูกทรมาน


    ข้าพเจ้ากับลุงบุญได้มาหยุดอยู่อีกขุมหนึ่ง มีสัตว์นรกมากมายไม่ได้สวมเสื้อผ้า เต็มอยู่ใน

    กระทะที่มีไฟร้อนมาก ข้าพเจ้านึกว่าเป็นหุบเขา แต่ที่ไหนได้เป็นกระทะที่กว้างใหญ่มาก

    ข้าพเจ้าจึงถามลุงบุญ ท่านตอบว่า กระทะนี้ถ้าเปรียบบนพื้นโลกก็ประมาณ 20 กิโลเมตร

    บรรจุสัตว์นรกได้หลายล้านตัว ความรัอนที่ประมาณไม่ได้ สัตว์นรกพากันร้องครวญครางด้วย

    ความเจ็บปวด ถ้าตัวไหนคนไหนคิดที่จะกระโดดออกมาจากกระทะ ผู้คุมก็จะเอาหอกแหลมทิ่ม

    แทงจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มร่างกายตายไป แต่ที่น่าแปลกใจก็มีสัตว์นรกบางตัวทำไมไม่รู้สึก

    ร้อนเลยนั่งนิ่งไม่ไหวติง. ลุงบุญก็เลยบอกว่า เพราะเขามีญาติในเมืองมนุษย์กำลังทำบุญและ

    กรวดน้ำมาให้นะสิ เขาได้รับผลกุศลจึงทำให้เขาเย็นไม่รู้สึกร้อนเลย แต่พอเวลาผ่านพ้นไปนาน

    เขาก็รับผลกรรมทุกข์ทรมานเหมือนเดิม บางตัวก็โดนผู้คุมกรอกน้ำทองแดงเข้าไปในปาก

    รัอนจนไหลทะลุทะลวงท้องไส้ขาดเป็นผุยผงหมดแรงล้มตาย บางตัวก็โดนไฟเผาจนมอดไหม้

    แล้วก็ตายอีก ทำไมมันทรมานขนาดนี้ล่ะท่านลุงบุญ นี่ล่ะผลของการทำบาปของแต่ละคน

    ตอนที่เป็นมนุษย์นั้นทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อน. จึงตัองทรมานอย่างนี้ ตอนเป็นมนุษย์

    เขาเหล่านั้น ด่าทอคนอื่นและกล่าวร้ายใส่ความคนอื่น พูดจานินทาโกหกพกลม จนคนอื่นต้อง

    เดือดรัอนเพราะการกระทำของสัตว์นรกเหล่านี้



    แล้วเราก็มาถึงอีกแดนหนึ่ง เรามาหยุดอยู่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง คล้ายต้นมะม่วงแต่ไม่ใช่

    เพราะต้นใหญ่สูงมากและออกลูกเต็มต้นดกมาก อยู่ๆก็ได้ยินเสียงวิ่งของสัตว์เป็นฝูงเหมือน

    ฝูงวัวควายบ้านเรา แต่ไม่ใช่ สันเป็นฝูงสัตว์นรกต่างหากวิ่งหนีตายกันมามากมาย พอเห็นต้นไม้

    ที่มีลูกดกขนาดนั้น ก็พากันเข้าไปใต้ร่มเงาไม้เพื่อปีนขึ้นไปเก็บกิน แต่พอสัตว์นรกเหล่านั้น

    เข้าไปแย่งกันกินใต้ต้นไม้นั้น ลูกมะม่วงก็พากันร่วงลงมาใส่สัตว์นรกเหล่านั้น ได้กลายเป็นหอก

    เป็นลูกตุ้มหนามแหลม และเป็นเหล็กแหลมเหมือนลูกดอกทิ่มแทงตามร่างกายของเขาเหล่านั้น

    สร้างความเจ็บปวด ล้มตายระเนระนาดเกลื่อนกราดเลือดแดงฉานน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนัก

    ข้าพเจ้าได้ถามลุงบุญว่าเขาเหล่านัันทำบาปอะไร ท่านตอบว่า ตอนเขาเป็นมนุษย์เขาเหล่านั้น

    ได้ไปล่าสัตว์ และคอยดักยิงสัตว์ตามต้นไม้ ตามป่าดง พอตายก็ได้มารับกรรมตรงนี้...ไปดูอีก

    แดนหนึ่งก็น่ากลัวมาก เรียกแดนนี้ว่าภูเขาไฟกระทบกัน. เอาไว้ทรมานสัตว์นรกที่ทำบาปโดย

    การจับสัตว์มาทรมาน ใหัชนกัน หรือไม่ก็ฆ่าสัตว์ เช่น วัว ควาย. หมู หมา เป็ด ไก่ และสัตว์

    อื่นๆอย่างทรมาน ก็จะต้องมารับกรรมอยู่ขุมนี้ เวลาสัตว์นรกวิ่งผ่านภูเขาลูกนี้ ภูเขาลูกนี้ก็จะ

    เลื่อนเข้าหากันกระทบกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว บดร่างกายของสัตว์นรกให้แหลกเหลวเป็นผง

    ในพริบตาอย่างทรมาน จะเป็นอยู่แบบนี้วันแล้ววันเล่า จนกว่าสัตว์นรกเหล่านี้จะหมดกรรมที่

    กระทำในขุมนี้ แล้วไปใช้กรรมในขุมต่อไปอีก ถัากรรมนั้นยังไม่หมด แต่อาจจะเบาลงหรือไม่

    ก็หนักกว่าเดิม แล้วแต่กรรมที่ตัวเองทำไว้ ...แล้วก็มาถึงอีกขุมหนึ่ง โหดร้ายน่ากลัวไม่แพ้กับ

    ขุมอื่นๆ ผู้คุมกำลังใช้เลื่อยตัดท้องของผีนรกอยู่ มันร้องดัวยความเจ็บปวด และทรมานมีทััง

    เลือดแดงฉานและไส้ไหลออกมาอย่างสยดสยอง และพวกที่ยังไม่ถูกกวาดต้อนให้ลงไปใน

    กระทะทองแดงที่มีไฟลุกท่วมกระทะอยู่ พวกมันพากันร้องโหยหวนน่าเวทนายิ่งนักทั้งหญิง

    และชาย บางตัวผู้คุมก็ตักเอาน้ำหลอมทองแดงในกระทะมากรกเข้าที่ปาก มันร้อนจนน้ำที่

    กรอกเข้าไปในปากนั้นทะลุทะลวงทัองไส้ออกมา สร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากให้กับ

    สัตว์นรกเหล่านััน ลุงบุญบอกว่าสัตว์นรกพวกนีัตอนอยู่เมืองมนุษย์นัันสรัางกรรมโดยการดื่ม

    สุรา ยาบ้า ยาฝิ่น เฮโรอีน ฯลฯ เมาไม่เป็นอันทำมาหากิน พอเมาแล้วก็อาละวาดทุบตีผู้อื่น

    บางคนก็ด่าทอพ่อแม่และทำร้ายลูกเมีย เป็นนักเลงโตไม่เกรงกลัวใคร ทำความเดือดร้อน

    รำคาญให้ผู้อื่น พอตายจากมนุษย์ ก็มารับกรรมในขุมนี้... ( มีต่อ ครับ ...^.^ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2014
  9. noawarat pakdee

    noawarat pakdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +682
    ขออนโมทนาสาธุคะ ที่เมตตาเล่าเรื่องราวที่ใครหลายๆคนไม่เชื่อ ให้ อาจทำให้คนที่ไม่รู้กลัวบาปกลัวกรรมจะได้รู้ว่าชีวิตหลังความตายของคนเราก็คือบุญกับบาป ติดตามเราเพื่อสนองผลแห่งการกระทำที่เราทำไว้ในปัจจุบัน นั้นมันส่ฃผลอย่างไร จะรออ่านต่อนะคะ
     
  10. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    โมทนากับคุณ yo09() ทีแรกก็นึกนะทำไมจำได้เยอะขนาดนี้ แต่คิดอีกที ก็ท่านต้องการให้มาบอกบุญกับมนุษย์นะ ถ้าท่านไม่ให้จำ ไม่ต้องการความลับรั่วไหล ก็จะจำอะไรไม่ได้เลย อยากอ่านต่อ 4วันหลังจากสลบของเมืองมนุษย์ มันกี่ชั่วโมงของสวรรค์และนรกคะ
     
  11. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    รักษศีล 5 ให้ครบและบริสุทธ์ พร้อมกับ กรรมบท 10 ด้วย หรือมีพรหมวิหาร 4 บำรุงเอาไว้นะครับ อบายภูมิ จะไม่มีสำหรับท่าน แน่นอน
     
  12. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ขอตอบท่าน sirigul นะครับว่าไม่ทราบครับ ทั้งๆที่อาจจะเคยไปอยู่มาแล้ว แต่จำ

    ไม่ได้นะครับ ..หุ หุ แต่มีตำราบอกไว้ครับว่า

    1 วันของสวรรค์ชั้น จาตุมมหาราชิกา เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์

    1 วันของนรก สัญชีพนรก เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์ ถ้าเป็นนรกขุมอื่นๆก็ยิ่งนานกว่า

    นั้น จนถึงที่สุดแห่งนรก. คือ โลกันต์นรก ไม่มีกำหนดอายุเวลา ต้องรอจนกว่า

    จะมีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น แล้วจึงเกิดแสงเหมือนสายฟ้าแลบหนึ่งครั้ง

    ถ้าสัตว์โลกันต์นรกตนใดเห็นแสงนั้น ก็จะได้ขึ้นไปเกิดต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป

    แต่ถ้าสัตว์นรกไม่เห็นก็รับกรรมที่เดิมต่อ ครับ..
     
  13. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    พี่หมายถึง พอคุณตื่นขึ้นมา แล้รู้สึกไหมว่า มันไปแป๊ปเดียวเอง ทำไมมัน 4 วันแล้วหว่า อะไรทำนองนี้อะ คุณไปท่องสวรรค์นรกกี่ชั่วโมงคะ
     
  14. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    รู้สึกเหมือนกันครับ เคยฝันว่าไปเที่ยวบนสวรรค์ดูโน่นนิดนี่หน่อย พอตื่นขึ้นมาก็

    เช้าซะแล้ว...ครับ
     
  15. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    มาอ่านที่ อ. สิทธินันท์ อุทโทเล่าต่อนะครับ ว่า...

    ..ข้าพเจ้ากับลุงบุญมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ และเสาสูงใหญ่หลายต้น ตั้งเรียงกันเต็มพืันที่กว้าง

    ดูแล้วมันเปํนเสาธรรมดาไม่มีอะไรน่ากลัวเลย แต่สักพักหนึ่ง ผู้คุมก็ต้อนสัตว์นรกมา พวกมัน

    พากันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพราะความกลัว พอวิีงมาถึงต้นไมัหรือเสาที่อยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

    ก็พากันปีนขึ้นไปเพราะกลัวหมาดำใหญ่ที่วิ่งไล่มาจะกัดเอา เขี้ยวของหมาตัวนั้นแหลมและยาว

    มาก และตัวมันก็ใหญ่มากเท่าควายบ้านเราดีๆ นี่เอง พอสัตว์นรกเหล่านั้นมาถึงต้นไม้ ถัาตัว

    ไหนปีนขึ้นไปไม่ทันหมาก็จะกัด หรือไม่ผู้คุมก็จะเอาหอกแหลมแทง แต่พอขึ้นไปถึงกลางต้นไม้

    ก็จะเหล็กหนามแหลมแทงเนื้อตัวของสัตว์นรกเหล่านั้น เลือดไหลพุ่งแดงฉานกลิ่นคาวตลบ

    ไปหมด สาดกระเซ็น ออกมา สร้างความเจ็บปวดให้อย่างมาก ตัวไหนตกลงมาก็ถูกหมากัดกิน

    ถ้าตัวไหนปีนขึ้นไปถึงยอดต้นไม้ ก็ถูกกาตัวใหญ่มีจงอยปากแหลมคม สับจิกท้องดึงไส้ออกมา

    รุมกินเหมือนอีแร้งกระทุ้งซากสัตว์ บางตัวทนไม่ไหวก็ตกลงข้างล่าง พวกหมาก็รุมทึ้งกัดกิน

    เนืัอและตายไป พอตายผู้คุมก็สาดด้วยน้ำทิพย์ แล้วก็พากันฟื้นคืนมารับกรรมอย่างนี้ต่อไปอีก

    ไม่รู้อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เป็นอย่างนี้จนกว่าจะหมดกรรม พอข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้นแล้ว. ข้าพเจ้า

    รูสึกกลัวจนจับจิตพูดอะไรไม่ออก เดินขาสั่นเดินแทบไม่ไหว และคิดคนเดียวว่า อะไรมันจะ

    โหดร้ายและน่ากลัวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ลุงบุญหันมาถามข้าพเจ้าว่า เป็นอย่างไรน่ากลัวไหม

    ข้าพเจ้าตอบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวกว่านีอีกแล้ว ทำไมมันถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ลุงบุญพูดว่า

    ตอนที่พวกเขาเปํนมนุษย์นั้นสิ่งทึเขาทำไว้มันโหดร้ายกว่านี้เยอะ แค่นี้มันยังไม่สมกับสิ่งที่พวก

    เขาไดัทำไว้หรอก ไม่ใชเฉพาะมนุษย์ชาย-หญิงเท่านั้น ยังมีทัังพระและแม่ชีด้วย กฎแห่ง

    กรรมไม่เลือกว่าหญิงหรือชาย พระหรือใครทั้งนั้น ถ้าใครทำคนนั้นรับ คนที่จะมารับกรรมแดนนี้

    นั้น คือคนที่ทำบาปผิดศีลข้อ 3 กาเมฯ ผู้ลักลอบเข้าหากัน มีผัวมีเมียอยู่แล้วยังอยากหา

    คนใหม่ไปเรื่อยๆ พระก็เล่นชู้กับสีกา พากันทำผิดโดยไม่อายต่อเวรกรรมที่จะตามมา บางคน

    ตอนเป็นมนุษย์นั้น รู้อยู่ว่าเขามีเมียแล้ว ก็ยังไม่วายจะแย่งมาครอบครองเป็นของตัวเอง

    ส่วนผู้ชายนั้นก็ร้ายไม่แพ้กัน ทั้งโกหกภรรยาสารพัดที่จะไปหาเมียน้อย จนทำให้ภรรยาต้อง

    ทุกข์ระทมและตรอมใจตายด้วยความทรมานใจ หรือไม่ก็พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็พลอยทุกข์ใจ

    และอับอายไปด้วย บางคนพ่อแม่พูดมากก็ด่าทอทุบตี จนได้รับความเจ็บปวด หรือตายไปด้วย

    ความตรอมใจในการกระทำของลูกตัวเองก็มี ลองคิดดู ว่ามันสาสมไหมกับการที่เขาได้รับ

    โทษอันนี้ ไม่ว่าโทษแดนไหนๆ มันก็ไม่สาสม
    เหล่ามนุษย์ผู้ไม่มีจิตอันฝักใฝ่ในคุณธรรม
     
  16. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ไม่ว่าแดนไหนๆมันก็ไม่สาสมกับการกระทำของเหล่ามนุษย์ผู้ไม่มีจิตอันฝักใฝ่ในคุณธรรมหรอก

    เมื่อเจ้าเห็นแล้วรู้แล้ว ก็ขอให้เจ้ากลับตัวกลับใจ หันมาปฏิบัติตัวใหม่ซะจะได้ไม่สายเกินไป

    ข้าพเจ้ารับคำท่าน .. เราได้เดินมาหยุดอยู่อีกแดนหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากแดนต้นงิัวเท่าไร

    ลุงบุญบอกว่ายังมีอีกเยอะที่เราไม่ได้ไปดู ดูเป็นเดือนก็ไม่ทั่วหรอก. วิธีการทรมานสัตว์นรกและ

    ลงโทษทั้งตัดมือ แขน ขา ฯลฯ สารพัดของการลงโทษแล้วแต่บาปหรือกรรมที่สัตว์เหล่านั้น

    ก่อขึ้น เช่น ถ้าใครไปลักทรัพย์ หรือไม่ก็ฆ่าเจ้าทรัพย์ทั้งก่อการโจรกรรมเผาบ้านเรือนผูัตาย

    อะไรทำนองนี้ พอหมดบุญลงนรกก็จะถูกผู้คุมนำตัวไปทรมานอย่างโหดร้าย ไฟที่ตัวเองเผา

    บ้านเรือนผู้คนให้ตายอย่างทรมานนั้น ก็จะยัอนมาเผาตัวเองรัอยเท่า พันเท่าหรือประมาณไม่ได้

    บางตัวก็หนี บางตัวก็ไปไม่รอด บางตัวก็หนีไปได้หลายวันก็ตามทัน ข้าพเจ้าถามว่า ที่ตามทัน

    นั้นหมายถึงยังไง ท่านลุงบุญก็เลยอธิบายว่า การตามสัตว์นรกที่หนีออกจากนรกนั้น ที่ว่า

    ตามทันนั้นคือเช่นว่า เด็กที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่อึดใจก็ตาย ขณะยังเป็นซากอยู่นั้น แสดงว่าหนีมา

    เกิดโดยไม่ได้รับอนุญาต หร่อบางคนเป็นหนุ่มแล้วก็มีมันหลายลักษณะ ลืมบอกไปว่าหลายวัน

    ในเมืองนรกเท่ากับหลายปีในเมืองมนุษย์ แล้วเราก็ไปดูที่อื่นต่อ..


    พอมาถึงหลุมหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องโหยหวนมีทัังเสียงวิงวอนขอความเห็นใจ ขอความ

    เมตตาจากผู้คุมสารพัดทีีจะได้ยิน. เมื่อถามลุงบุญ ท่านตอบว่า แดนนรกนี้คือแดนนรกอเวจี

    หรือโลกันตนรก เอาไว้ทรมานสัตว์นรกที่ฆ่าพ่อ - แม่ พระสงฆ์ แม่ชี ผู้มีพระคุณหรือผู้ถือศีล

    และผู้ที่ชอบลักขโมยตัดเศียรพระพุทธรูปในวัดวิหารทั่วไป ที่นี่โหดเหี้ยมอำมหิตมากที่สุดกว่า

    ขุมอื่นๆ ในเมืองนรกแห่งนี้ ท่านถามว่าจะเข้าไปดูไหม พอข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังเช่นนัันก็เกิด

    อาการคล้ายจะเป็นลม มือเท้าเย็นสั่น เหงื่อไหลท่วมตัวด้วยความกลัว และเวทนายิ่งนัก เลย

    บอกกับท่านลุงบุญว่าไม่อยากดูอีกแล้วครับ อยากกลับบ้าน ท่านลุงบุญมองข้าพเจ้าแล้วก็

    หัวเราะ แล้วพาข้าพเจ้ามากราบลาท่านพ่อยมราช ก่อนจะออกมาท่านพ่อยมราชได้กำชับ

    กับข้าพเจ้าอีกว่า เมื่อมาเห็นที่นี่แล้วก็จำให้ดี และกลับไปบอกกับเหล่ามนุษย์ทั้งหลายให้ทำตัว

    เป็นคนดี ทำความดีอย่าก่อกรรมทำบาป นรกล้นแล้วนะ. แล้วเราก็พากันกลับออกมา พอเรา

    เดินออกพ้นประตู เสียงประตูบานใหญ่ปิดลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนฟ้าร้อง ข้าพเจ้าหัน

    กลับไปมองอีกก็ไม่เห็นอะไร นอกจากต้นไม้ใหญ่หนาทึบเต็มไปหมด และอีกอึดใจลุงบุญก็พา

    ข้าพเจ้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงคนไข้ห้องไอซียูของโรงพยาบาล ข้าพเจ้ามองเห็นตัวเองนอน

    หลับสนิทอยู่ ก็แปลกใจว่าทำไมตัวเองมีสองคน ลุงบุญบอกว่านั่นคือร่าง นี่คือวิญญาณ

    ข้าพเจ้าถามว่าอันไหนตัวจริงตัวปลอม ท่านบอกว่า จิตอาศัยร่าง ถ้าจิตไม่กลับเข้าร่าง ร่างก็จะ

    ผุพัง ร่างกายนั้นมันไม่เที่ยงแท้แน่นอน จิตสิคือตัวจริง ร่างนั้นเป็นแค่สังขาร แล้วก็ผลัก

    ข้าพเจ้าเข้าร่าง ต่อมาขัาพเจ้าค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น เห็นญาติพี่น้องห้อมล้อมกันอยู่

    หลายคน พวกเขาต่างพากันดีใจ ขัาพเจ้าได้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน เมื่อร่างกาย

    แข็งแรงแล้ว หมอก็ให้กลับบ้านได้ ต่อมาข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องนี้ให้ญาติพี่น้องฟัง แต่ไม่มี

    ใครเชื่อ........


    ~~~~~~~~~~ จบ ~~~~~~~~~~~~~

    ที่มา :- เรียบเรึยงจากหนังสือ " เบื้องหลังความตาย นรก- สวรรค์มีจริงหรือ ? "

    โดย อาจารย์ สิทธินันท์ อุทโท


    โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ

    ปัจจุบันท่าน อ.สิทธินันท์ อุทโท ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ อยู่วัดป่าพุทธบุตร ต.กุดสิม

    อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์
     
  17. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอขอบคุณมากๆค่ะ ที่นำมาลงจนจบ
     
  18. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    อ่านสนุกได้ข้อคิดดีดี ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านครับ
     
  19. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ผมเชื่อสนิทใจครับ และจะพยายามทำความดีตามที่ลุงบุญและพ่อยมบอกให้ทำ
     
  20. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...