เตือนก่อนจะสาย..ชีวิตหลังฆ่าตัวตาย.. !!

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ชูนุ่น, 20 ตุลาคม 2014.

  1. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ชีวิตหลังฆ่าตัวตาย.. !! โดย โจโฉ

    สงสัยไหมครับ ทำไมทั่วโลกมักเล่าตรงกันว่า.. "คนฆ่าตัวตายจะกลายเป็นผีที่พยายามฆ่าตัวตายซ้ำๆ อยู่ในสถานที่เดิม"คน ผูกคอตายก็ขึ้นไปผูกแล้วผูกอีก คนกระโดดตึกก็ขึ้นไปกระโดดลงมาใหม่ หรือกลายเป็นผีทรมานอยู่ตรงนั้นไปไหนไม่ได้ เรื่องเล่าจากคนละซีกโลกตั้งแต่โบราณ สมัยยังไม่มีดาวเทียมส่งข้อมูลถึงกันไวอย่างตอนนี้ ดังนั้นการเลียนแบบหรือได้อิทธิพลจากกันจึงเป็นไปได้ยาก "น้ำตาลอยู่ตรง ส่วนไหนของโลกก็หวานทั้งนั้น ความจริงของธรรมชาติจะเกิดที่ไหนก็ปรากฎรูปแบบตรงกันเสมอ จึงไม่แปลกที่คนทุกชาติจะเจอปรากฎการ์ณเห็นผีที่คล้ายกัน"

    มีการศึกษาเรื่องต่างมิติในยุโรป-อเมริกาอย่างจริงจัง แต่เผยแพร่ในสื่อเฉพาะกลุ่มเท่านั้น น่าแปลกที่คนไม่เชื่อมักพูดแค่ว่า.. "มันพิสูจน์ไม่ได้" แต่กลับไม่เคยศึกษาจริงจัง ไม่เคยพิสูจน์ให้ถูกวิธี หลายคนอ้างตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ช่างน่าสลดใจเหลือเกิน ที่ไม่รู้ว่า นักวิทย์ที่ดี เขาจะบอกว่าอะไรไม่มีจริง เขาต้องพิสูจน์ ศึกษา ค้นคว้าอย่างหนัก จนแน่ใจเท่านั้น เต็มที่ก็จะบอกว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่จะไม่ยอมบอกหรอกว่า .... "ไม่มี"

    ตัวอย่างโลกหลังตายที่ทุกคนสัมผัสได้คือ.. " ความฝัน" ซึ่งสภาพใกล้เคียงกันเพราะทุกอย่างเกิดจากจิตล้วนๆ ให้นึกถึงตอนฝันร้าย โดนใครไล่ฆ่า หรือจะด่าจะทำร้ายใคร เราจะทุกข์ใจ เจ็บใจมาก ด่ายังไงก็ไม่หายแค้น ฆ่ามันก็ไม่ตาย วิ่งหนีเท่าไหร่ไม่พ้นซะที ในโลกความฝันเราจะรู้สึกสมจริงมาก ทั้งได้กลิ่น หิว เจ็บปวด ร้อน หนาว ขณะอยู่ในฝันก็จะลืมไปเลยว่า.. มีอีกร่างของเรานอนหลับอยู่บนเตียงในโลกมนุษย์ เราจะรู้สึกว่าร่างกายในโลกความฝัน เป็นคนละคนกับที่นอนบนเตียงโดยสิ้นเชิง เมื่อถูกร่างกายกระตุ้นให้ตื่น ตัวตนในฝันก็หายวับไป กลับมารู้สึกตัวในร่างหยาบบนเตียงอีกครั้ง ครั้นตื่นจากฝันร้ายก็จะดีใจว่า.."โชคดีที่แค่ฝันไป" ลองคิดดูว่าถ้าขณะฝันร้ายแล้วเกิดตายไป หรือตื่นขึ้นมาไม่ได้ ต้องจมอยู่ในฝันร้ายนั้นไปแสนนาน จะทุกข์ทรมานแค่ไหน??


    นี่คือเรื่องใกล้เคียงกับสิ่งที่จะเกิด กับคนที่ต้องตายในขณะที่ใจเป็นทุกข์ เช่น คนฆ่าตัวตาย หรือตายด้วยจิตอาฆาตแค้น เขาก็ไม่ต่างกับคนฝันร้ายต่อเนื่องแล้วตื่นไม่ได้ อาจนานหลายร้อยปี ไม่มีใครกำหนดว่าจะหมดกรรมเมื่อไหร่ ทุกอย่างขึ้นกับตัวเอง จะเลิกหลงผิด จะยกโทษให้ใคร เราต้องคิดได้เอง ถ้าตอนมีชีวิตให้อภัยง่าย โกรธยาก ทุกข์ใจแป๊บเดียวหาย หากเผลอตายด้วยใจเป็นทุกข์ จะปล่อยวางและคิดได้ จนพ้นสภาพหมดกรรมได้ไวกว่าผีที่ปล่อยวางไม่เป็น

    "กฎ ธรรมชาติคือ.. คนที่เพียรสร้างความดี จิตใจดี จะฝันดีได้ง่าย คนชั่วปล่อยวางไม่เป็น หรือสะสมความเครียด-ความกดดันไว้มาก จะฝันร้ายได้ง่าย และคนที่ไม่ฝันคือพระอรหันต์เท่านั้น" ปกติสมองจะคิดได้วันละเป็นหมื่นเรื่อง(แม้ขณะหลับ) คนที่คิดว่าไม่ฝันคือพวกฝันมากจนจำไม่ได้ซะมากกว่า ศาสนาพุทธถือว่า.. จิตสุดท้ายก่อนตายสำคัญที่สุด มีผลต่อชีวิตโลกหน้าว่าจะไปดีหรือร้าย จึงย้ำให้ทำจิตผ่องใสก่อนตายให้ได้ ซึ่งทำได้ง่ายกับคนที่สะสมความดีมาเยอะ ส่วนคนทำชั่วประจำ จะมาลักไก่ทำจิตผ่องใสก่อนตาย แทบเป็นไปไม่ได้ยก ตัวอย่างเช่น.. คนขี้โมโหจะบังคับจิตก่อนตายให้หายโกรธทันทีได้รึเปล่า คนเห็นแก่ตัวจะมีใจเสียสละเพียงชั่วข้ามคืนได้หรือไม่?? ความฝันและจิตก่อนตายจะแสดงภาพตามสันดานจริง หลอกกันไม่ได้ บางคนกดข่มจิตไว้สนิท คิดว่าตัวเป็นคนดี แต่ตอนฝันจะเห็นชัดว่า ยังอยากด่า อยากทำร้าย อยากขโมยได้เช่นกัน ความฝันใช้ตัดสินคร่าวๆ ได้ว่า... สันดานจริงเป็นแบบไหน หลังตายจะสุขหรือทุกข์ ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกันแน่ !!


    คนนอนหลับแล้วฝัน จิตจะตัดขาดกับโลกความเป็นจริงจนลืมและมองไม่เห็นว่ามีอีกร่างอยู่บนเตียง คนฆ่าตัวตายก็เช่นกัน จิตจะแยกจากกายมาอีกมิติหนึ่ง จะลืมและมองไม่เห็นอีกร่างคือศพของตัวเองเช่นกัน (เพราะจิตจดจ่อเรื่องอยากตาย อยากหมดทุกข์จนไม่สนใจสิ่งอื่นด้วย) ผีที่ฆ่าตัวตายมักไม่รู้ว่าตนตายแล้ว และต่างมีความเชื่ออย่างเหนียวแน่นว่า ตายแล้วต้องสูญสลายไป แต่หลังฆ่าตัวตายกลับรู้สึกว่ายังมีตัวตนเป็นคนเดิม มีความทุกข์เหมือนเดิม ต่างสงสัยว่าทำไมไม่หายวับไป อยากตายก็เหมือนไม่ตายซะที ทรมานทุกข์ใจหนักกว่าเดิม จึงต้องขึ้นไปผูกคอหรือกระโดดลงมาอีกครั้ง ทำซ้ำเรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นสงสัยหรือคิดได้ เราเรียกพวกนี้ว่า.."ผีหลงตาย"


    ความทุกข์ที่กดดันให้ฆ่าตัวตายเป็นเรื่องเล็กมาก หากเทียบกับการต้องทุกข์ใจทุกวินาทีไปอีกหลายร้อยปี แบบผีหลงตาย ครั้นพ้นสภาพผีที่น่าสมเพช ได้โอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง จะมีความอดทนต่ำ คิดฆ่าตัวตายได้ง่ายกว่าคนอื่น ต้องวนกลับมาทุกข์ซ้ำซากไม่จบสิ้น ที่บอกต้องฆ่าตัวตายอีก 500 ชาตินั้น เป็นสำนวนแขกหมายถึงยาวนานประมาณไม่ได้ ไม่ใช่มีคนกำหนดการรับโทษให้ห้าร้อยครั้ง การฆ่าตัวตายเป็นบาปมากในทุกศาสนา ส่งผลเสียต่อเนื่องหลายชาติ ไม่มีความเศร้าใดเท่าลูกตาย ฆ่าตัวตายเท่ากับฆ่าพ่อแม่ทั้งเป็น


    ความทุกข์ใจเป็นสิ่งที่ทนได้ยาก แต่จะดีกว่ามากหากรับรู้ไว้บ้างว่า หลังฆ่าตัวตายคุณจะทุกข์กว่าที่เป็นอยู่นี้อีกพันล้านเท่า ถ้าอยากตายจริง ลองตัดใจไปถือศีล-ทำบุญติดต่อกันสัก 7 วัน รับรองว่า.. จะเจอทางออกที่ดีกว่านี้แน่ครับ !!


    โจโฉ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ..อย่าท้อ..
    "ถ้าท้อ..ต้องใช้ปัญญาขับไล่ความท้อ
    ให้ถอยออกไป เราจะท้อไปทำไม
    ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย สู้สร้างความดีไปดีกว่า
    สร้างในระดับไหนก็ได้ แต่ขอให้เป็นความดี
    ทำความดีเรื่อยไป อย่าท้อ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    "หนุ่มอังกฤษ"ตามหาชายนิรนาม พูดให้เขาเลิกคิดฆ่าตัวตาย


    จอนนี่ เบนจามิน


    หนุ่มอังกฤษประกาศตามหาชายปริศนา พูดให้เขาเลิกคิดกระโดดสะพานตายเมื่อ 6 ปีก่อน


    เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า หนุ่มชาวอังกฤษสุดซาบซึ้งน้ำใจ ทำแคมเปญประกาศหาชายแปลกหน้าที่เคยพูดให้เขาเลิกคิดกระโดดสะพานตายเมื่อ 6 ปีก่อน

    เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 14 มกราคม 2551 จอนนี่ เบนจามิน หนุ่มชาวอังกฤษ ได้ไปปีนขึ้นไปนั่งบนราวสะพานวอเตอร์ลู ในกรุงลอนดอน หวังจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย เพราะเครียดที่ไม่สามาถรรับมือกับโรคอารมณ์แปรปรวนของตัวเองได้ แต่แล้วในวินาทีที่เขากำลังตัดสินใจกระโดดสะพานนั้น กลับมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับบอกเขาอย่างใจเย็นว่า "อย่าทำแบบนี้เลย ผมก็เคยยืนอยู่ในจุดที่คุณยืนอยู่ตอนนี้นะ คุณจะต้องได้เจอสิ่งที่ดีกว่านี้แน่ ไปดื่มกาแฟกันเถอะ เราจะได้คุยกันเรื่องนี้"


    เบนจามินบอกว่า แค่คำเชิญชวนไปดื่มกาแฟของชายคนนี้ กลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขาตระหนักได้ว่าผู้คนทำอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน และจากนั้นชายคนนั้นก็จากไป ส่วนเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    ด้วยความซาบซึ้งที่ชายคนนี้ได้หยุดยั้งการฆ่าตัวตายของเขา เบนจามินจึงประกาศหาชายคนนี้เพื่อขอบคุณ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ชายคนนั้นทำได้เปลี่ยนชีวิตเขาอย่างมาก ที่สำคัญคือ ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนั้น เขาก็คงไม่ได้อยู่มองเห็นความเป็นไปของโลกในทุกวันนี้แล้ว


    อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงลักษณะของชายคนนั้น เบนจามินบอกว่าเขาเองไม่รู้ชื่อหรอกเพราะตอนนั้นเขาเครียดมาก ไม่ค่อยมีสติเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะอายุประมาณ 20 ต้น ๆ ได้ และน่าจะกำลังเดินทางไปทำงานในช่วงเวลานั้น


    CR:"หนุ่มอังกฤษ"ตามหาชายนิรนาม พูดให้เขาเลิกคิดฆ่าตัวตาย - ดูบนมือถือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    เมื่อมีใครมาขอความช่วยเหลือ
    จงเต็มใจให้ความช่วยเหลือ
    และให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

    โลกนี้ต้องแบ่งปันและแบ่งกัน
    เราเคยให้เขา
    ถึงเวลาเราขอ เขาจะให้เรา

    เราไม่เคยให้อะไรใครเลย
    ถึงคราวเราขอความช่วยเหลือ
    ใครจะอยากยื่นมือมาช่วยเหลือเรา...//♥♥


    https://m.google.com/app/basic/stre...D%2525252523AlmostThere%25252526sri%2525253D0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    มีหลานชายซึ่งเป็นญาติห่างๆอายุ17ปี เพิ่งผูกคอตายในบ้านตัวเองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ญาติไม่มีใครทราบว่าทำไมจึงตัดสินใจทำอย่างนั้น คนที่บ้านบอกว่าตายหกโมงเย็น มีคนเห็นศพตอนห้า-หกทุ่ม เนื้อตัวยังอุ่นอยู่เลย... น่าเสียดายที่ครอบครัวไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่จึงทำให้เด็กเกิดมาขาดภูมิต้านทานทางจิตใจ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
     
  6. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    อะไรเป็นเหตุให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนแปลง สิ่งหนึ่งก็คือ เวลา ยิ่งเราต้องเข้มแข็งนานเท่าไร เราก็ยิ่งจะรู้สึกอ่อนแอ คือเหนื่อยล้านั่นเอง เมื่อครอบครัวหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งอยู่ในความเครียดเป็นเวลานานประมาณหนึ่ง เขาจะรู้สึกอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ลองยกของหนักๆ ดูสิ คุณอาจจะยกขึ้นมาได้ คุณยกขึ้นมา เอาละ คุณแข็งแรง แต่ลองยกของหนักนั้นไว้สักพักหนึ่ง แล้วคุณจะคิดเลยทีเดียวว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วมันไม่ได้หนักขึ้นหรอก เราอ่อนล้าลงและเหน็ดเหนื่อยนั่นเอง.. ทราบว่าหลายครอบครัวและหลายคนได้ประสบกับสิ่งนี้

    อีกสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้เรารู้สึกอ่อนล้าก็คือ กรอบความคิดเราเอง ถ้าเราอยู่ในช่วงเวลาที่ชีวิตเรามีความเครียดมาก และเราก็ทำสิ่งซ้ำๆ เราก็รู้สึกอ่อนล้าลงเรื่อยๆ เราจึงพ่ายแพ้ที่จิตใจ คุณอาจตัดสินว่าตนเอง เข้มแข็งหรืออ่อนแอโดยเปรียบเทียบกับผู้อื่น คุณเชื่อว่าคุณไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเขา บางทีอาจมีใครเคยบอกว่าคุณอ่อนแอ ไม่เข้มแข็งพอ ถ้าคุณเชื่อเขา คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าที่จริงคุณเข้มแข็งเพียงไร เมื่อบางเหตุการณ์หรือความยากลำบากบางประการเกิดขึ้นซ้ำๆ เราจะรู้สึกท้อถอย ในจิตใจเราตอนนั้น เราก็จะอ่อนล้า เมื่อความหวังสูญสิ้นไป ความเข้มแข็งก็สิ้นสูญไปด้วย

    เหมือนดั่งต้นมะเขือเทศที่ต้องการเสาหลักเพื่อช่วยให้ตั้งต้นตรงอยู่ได้ เราก็ต้องการคนอื่นมาช่วยเราให้ยืนอยู่ได้เช่นกัน เพื่อนเรา และครอบครัว ช่วยเราให้มองเห็นเหตุการณ์ และสภาวะตามที่เป็นจริงได้ ด้วยความช่วยเหลือของเขาเหล่านั้น เรารู้ว่าทุกสิ่งไม่ได้สิ้นหวัง และเราก็สามารถจะลุกขึ้นยืนสู้ต่อไปได้ เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อย่างที่เราเจอ พวกเขาจะมองภาพรวมได้ดีกว่า เรา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน ให้ความหวัง และความเข้มแข็งแก่กัน

    ความศรัทธา ศาสนาของเราช่วยให้เข้มแข็ง ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาใด หวังว่าคุณจะพบความเข้มแข็งในศาสนานั้นด้วย สิ่งที่เราเชื่อเกี่ยวกับชีวิต สิ่งซึ่งเราเชื่อเกี่ยวกับเรื่องคุณค่าของเรา คุณค่าของเรานั้นจะมอบความเข้มแข็งให้แก่เรา การที่เรารู้ว่ามีบางสิ่งยิ่งใหญ่กว่าเรา จะช่วยให้ความหวังและความเข้มแข็งแก่เรา

    เมื่อคุณอยู่ในจุดที่อ่อนล้าสุดสุด คุณหันไปหาเพื่อนของคุณได้ เมื่อคุณรู้สึกว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว หันไปหาใครสักคน หรือสิ่งใดก็ได้ที่จะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่าและรู้สึกดี เมื่อคุณไร้สิ้นความเข้มแข็ง คุณอาจจะต้องการให้นักวิชาชีพช่วยเหลือ ผู้ให้การปรึกษาที่ดี จะสามารถช่วยเราให้กลับมารู้สึกเข้มแข็งได้อีกครั้ง

    ทำไมเราจึงจำเป็นต้องได้รับสิ่งเหล่านี้? เพราะว่าโดยลำพังตัวมนุษย์เราเองนั้น เรามีความเข้มแข็งจำกัด เมื่อบางสิ่งมีอยู่อย่างจำกัด ก็อาจจะใช้หมดไปได้ เราไม่ได้มีพลังอำนาจสูงสุดรอบด้านอย่างพระเจ้าตลอด แต่ความเข้มแข็งนั้นมีอยู่สำหรับคุณ และหวังว่าคุณจะมีความเข้มแข็งที่คุณจำเป็นต้องมีสำหรับวันนี้
    - See more at: ความเข้มแข็งของฉันอยู่ที่ใด Where is my Strength? | สมาคมสายใยครอบครัว
     
  7. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    10 เหตุผลที่คนฆ่าตัวตาย
    การฆ่าตัวตายถือเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคนในสังคมมีสุขภาพจิตดีแค่ไหน สามารถผ่านพ้นปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆได้หรือไม่ แต่จากที่ดูแล้วในสังคมไทยมีแต่จะแย่กับแย่ โดยประเทศไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายของประชากรคือ ประมาณ 9 : 100,000 คน ซึ่งประชากรที่ฆ่าตัวตายในปัจจุบัน อายุ 15 - 24 ปี แต่ก็ใช่ว่าคนที่โตแล้วมีวุฒิภาวะแล้วจะไม่สิ้นคิดฆ่าตัวตายแบบเด็กๆ เพราะข่าวก็ได้ทำให้เราเห็นอยู่ทุกวันว่าเดี๋ยวนี้คนมักหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย วันนี้ทางทีมงาน Toptenthailand จึงได้รวบรวมเหตุผลทั้งหลายที่ทำให้คนคิดจะฆ่าตัวตายมานำเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคน

    1. อกหัก
    อาจเป็นเพราะทุกวันนี้คนให้ความสำคัญกับอะไรที่ผิดๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก มักคิดว่าการเลิกรากันไปเป็นจุดจบสิ้นของชีวิต เลยตัดสินใจที่จะไม่อยู่บนโลกนี้ต่อ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตมาได้โดยที่ไม่มีเค้า แต่พอเลิกกันกลับใช้ชีวิตของตัวเองต่อไม่ได้ อย่าลืมว่ายังมีคนที่รักอยู่ข้างๆ ทั้งครอบครัว และเพื่อนก็ไม่ได้จากคุณไปไหน ดังนั้นก็ขอให้คิดให้ดีๆคนที่รักคุณยังมีอีกมาก


    2. ปัญหาจากการเรียน
    เป็นเหตุผลที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน กับการที่เด็กหลายคนรับไม่ได้กับคะแนนสอบที่ออกมาต่ำกว่าที่คิดไว้ ไปจนถึงการสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กหลายๆคน ที่มีความตั้งใจ และความพยายามแต่เมื่อผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพอใจ ทางออกที่พวกเค้าคิดได้ก็คือการฆ่าตัวตาย เพื่อหนีความอับอายนั้น ทั้งที่จริงแล้วคนที่ตอกย้ำความเจ็บปวดก็คือตัวเองทั้งนั้น


    3. เป็นโรคร้าย
    การตายนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเราก็ต้องตายกันอยู่ดี แต่คงไม่มีใครที่ก่อนจะตายต้องมาเป็นภาระให้คนอื่นคอยดูแล เสียเงินรักษาชีวิตเอาไว้ทั้งๆที่รู้ว่าทำไม่ได้ สู้การที่ตายเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คนที่อยู่สุขสบาย ไม่ต้องกังวลว่าเราจะจากไปเมื่อไหร่


    4. ไม่มีที่พึ่งทางใจ
    คนที่มีปัญหาต่างต้องการใครสักคนมารับฟัง มาคอยปลอบ และให้คำปรึกษา แต่เมื่อใดที่เราไม่มีคนเหล่านั้น อาจจะสูญเสียครอบครัวไปหมดแล้ว หรือไม่มีแม้แต่เพื่อน ก็จะทำให้ความเครียดทั้งหมดสะสมอยู่ที่ตัวเอง จนถึงจุดที่ว่าถ้าตายไปอาจจะมีความสุขกว่านี้


    5. ท้องเมื่อยังไม่พร้อม
    ผู้หญิงทั้งหลายควรจะระวัง และป้องกันให้ดีๆ เพราะเมื่อพลาดท้องแล้วคนที่ต้องทนอยู่กับความทุกข์ก็คือคุณ!! หลายคนอาจจะตัดสินใจทำแท้งเพียงเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดจากการถูกสังคมประณาม แต่บางคนก็เลือกที่จะตายไปพร้อมกับบาปที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้น


    6. ติดหนี้
    เงินเป็นปัญหาหลักของใครหลายๆคน ซึ้งแล้วแต่ว่าจะแก้ปัญหานั้นด้วยวิธีไหน บางคนก็ต้องไปกู้ยืมจนทำให้เกิดหนี้สิน ซึ่งใช้ว่าจะหาเงินมาคืนให้ได้ง่ายๆ เจ้าหนี้ถึงกับต้องมีการขู่ หรือทำร้ายร่างกายเพื่อให้ลูกหนี้จ่ายตามกำหนด เมื่อโดนกดดันมากๆความเครียดก็เพิ่มขึ้น ทางออกโง่ๆก็อาจจะผุดเข้ามาในหัวว่าถ้าตายไปก็คงจะไม่ต้องใช้หนี้ แต่คนที่คิดอย่างนั้นคงลืมว่า ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังคุณจะต้องมาลำบากแทน


    7. สังคมกดดัน
    เหตุผลนี้จะพบได้บ่อยกับคนที่มีสถานะทางสังคมในระดับหนึ่ง เป็นคนที่คนให้ความสนใจ หรือเป็นที่รู้จักของคนอื่น เมื่อทำอะไรผิดพลาดไปก็เป็นธรรมดาที่จะต้องโดนทำโทษ ซึ่งโทษในที่นี้อาจไม่ใช้การเข้าคุก แต่เป็นการลงโทษที่คนในสังคมร่วมกันประจาน จนทำให้ผู้นั้นอับอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนี และคิดว่าคงอยู่ต่อไปในสังคมนี้ไม่ได้แล้วจึงหาทางออกด้วยการหายไปจากโลกอย่างถาวร


    8. ตายตามคนที่รัก
    ความตายเป็นเรื่องที่ใครก็หนีไม่พ้น แต่ก็ไม่มีใครทำใจได้ในเมื่อคนที่เรารักจากไป ยิ่งถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ความรู้สึกที่ว่าเราอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีเค้าก็เริ่มผุดขึ้นมา ความโศกเศร้าที่มีก็ยิ่งทวีความรุนแรง จนทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สุขภาพก็ย่ำแย่ ซึ่งก็คือการฆ่าตัวตายทางอ้อม เพราะสักวันร่างกายของคุณก็จะแบกรับความทรมานนี้ไม่ไหว


    9. ตกงาน
    คงไม่มีใครที่ไหนอยากกลายเป็นคนตกงาน เพราะนอกจากจะหาเงินเลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว ยังถูกใครหลายๆคนดูถูกในความสามารถว่ามีไม่พอบ้าง จนกลายเป็นตัวถ่วงของครอบครัว แล้วยิ่งถ้าเค้าเป็นเสาหลักของบ้านที่ควรจะเป็นคนรับผิดชอบชีวิตของทุกคนแล้วหละก็ คงเครียดอยู่ไม่ใช่น้อย และหากเมื่อไหร่ที่คิดหาทางออกไม่ได้ก็ต่างพากันหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายกันทั้งนั้น


    10. ประชดชีวิต
    เชื่อว่าคนทุกคนต้องมีข้อเสียเป็นของตัวเอง แต่ในบางครั้งการพูดถึงข้อเสียของคนอื่นอย่างรุนแรงทำให้เค้านำไปคิดฟุ้งซ่าน ต่างๆนานาๆ ทั้งบอกว่าเค้าไม่มีอะไรดี ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง หน้าตาอัปลักษณ์ ไม่ได้เรื่อง คำพูดเหล่านี้จะวนเวียนอยู่ในหัว จนเป็นเหตุที่ทำให้คนคิดฆ่าตัวตายได้
    TOPTENTHAILAND.COM - 10 เหตุผลที่คนฆ่าตัวตาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุ..คนรอบข้างมีส่วนสำคัญในการช่วยหยุดยั้งความคิดที่ขาดสติแบบนี้ การเลี้ยงดูบุตรหลานที่สำคัญ ควรเลี้ยงดูให้มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับเขามากๆ..ควรปลูกฝังไว้ตั้งแต่เด็กๆ บางครั้งควรขัดใจเขาบ้าง..เพื่อให้รับรู้รสชาดถึงสถานการณ์อย่างนี้และทำใจได้ในท่ี่สุด บางทีการที่เราตามใจหรือขัดใจโดยไม่เคยบอกเหตุผล อาจก่อให้ขาดภูมิต้านทานทางจิตใจ เกิดความน้อยใจ และขาดสติได้ง่าย

    ห้ามบอกคนที่คิดจะฆ่าตัวตายว่า “อย่าฆ่าตัวตายนะ มิฉะนั้นคนข้างหลังจะเดือดร้อน” แบบนี้ไม่ได้ผล ต้องถ้าสงสัยว่าผู้นั้นคิดฆ่าตัวตายหรือไม่ ควรถาม
    การถามเรื่องการฆ่าตัวตายสามารถทำได้ เพราะอาจช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ได้ วิธีการถามควรใช้ชุดคำถามแบบขั้นบันได ดังนี้
    1.เมื่อพบว่าใครมีอารมณ์ซึมเศร้า ให้ถามว่า“ความเศร้านั้นมากจนทำให้เบื่อชีวิตหรือไม่”
    2.ถ้าตอบรับ ให้ถามต่อไปว่า “ความรู้สึกเบื่อชีวิตนั้น ทำให้คิดอยากตายหรือไม่”
    3.ถ้าตอบรับ ให้ถามต่อไปว่า “เมื่อคิดอยากตาย เคยคิดจะทำหรือไม่”
    4.ถ้าตอบรับ ให้ถามต่อไปว่า “คิดจะทำอย่างไร”
    5.ถ้าตอบรับ ให้ถามต่อไปว่า “เคยทำหรือไม่”
    6.ถ้าตอบรับ ให้ถามต่อไปว่า “เคยทำอย่างไร”
    7.สุดท้าย ให้ถามต่อไปว่า “มีอะไรยับยั้งใจ หรือหยุดความคิดนี้ได้ จนทำให้ไม่ได้ทำ”
    คำถามข้อสุดท้ายไม่ว่าจะตอบอย่างไร แสดงถึงปัจจัยบวกของผู้นั้นที่ช่วยให้เขายั้งคิด และป้องกันไม่ให้ฆ่าตัวตาย ควรชมและส่งเสริมให้กำลังใจในข้อดีนี้ เพื่อให้เป็นปัจจัยป้องกันในครั้งต่อไป
    บางคนเชื่อว่า การถามเรื่องฆ่าตัวตายจะไปกระตุ้นคนที่ยังไม่คิดให้คิด หรือกระตุ้นให้คนที่คิดอยู่บ้างทำจริง ๆ ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องเพราะในความเป็นจริงการถามเรื่องนี้ไม่ได้ชักจูงหรือกระตุ้นให้คิดหรือทำ แต่สำหรับคนที่คิดจะทำอยู่แล้ว เมื่อมีคนถามจะรู้สึกว่ามีคนเข้าใจความรู้สึกดีขึ้นจนไม่คิดอยากทำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    สายลมฯเสียใจกับเหตุการที่ไม่มีใครอยากให้เกิดและไม่คาดคิดนี้ด้วย..สาเหตุคงมีอย่างแน่นอนที่ทำให้เขาคิดฆ่าตัวตาย อะไรสักอย่างที่ทำให้เขาหาทางออกแบบขาดสติอย่างนี้..บรรยากาศก็ช่างเป็นใจเสียด้วย แต่เท่าที่อ่านดูไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อนเลย มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็อย่าโทษตัวเองเลย แต่จงตระหนักไว้เป็นอุทาหรณ์..ขอให้เขาเป็นรายสุดท้าย
     
  10. athip999

    athip999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +151
    สาธุ สาธุ สาธุ เป็นเครื่องเตือนใจให้คนที่จะเข้ามาอ่าน
     
  11. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ตอนนี้มีหลานกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เป็นคนขี้ใจน้อย ใครว่าอะไรนิดหน่อยก็มักจะเก็บมาคิดจนเครียดแล้วก็มักปวดหัวบ่อยๆ และติดโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมาก พออะไรนิดหน่อยก็จะระบายในนั้น และบางทีก็ว่าถ้าทนไม่ไหวเดี๋ยวเจอกันกับคนที่เพิ่งฆ่าตัวตาย... ห่วงเขาจริงๆ สอนจนไม่รู้จะสอนยังไงดี กลัวว่าเขาจะคิดสั้นๆอย่างนี้เสียเหลือเกิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2014
  12. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ในยุคที่โลกซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เด็กรุ่นหลัง ๆ จึงถูกแรงเหวี่ยงของโลกสมัยใหม่ซัดหัวทิ่มหัวตำอยู่ตลอดเวลา หากพ่อแม่ยังเฉยชา และไม่รีบสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้กับลูก นอกจากเด็กจะถูกเหวี่ยงให้ล้มง่าย ๆ แล้ว ยังขาดเรี่ยวแรงที่จะยืนตรงขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง

    เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจนำไปสู่การหนีปัญหามากกว่าเผชิญปัญหา ส่งผลให้แนวโน้มที่เด็กจะคิดสั้นฆ่าตัวตายย่อมเกิดได้สูง โดยสถิติเด็กไทยฆ่าตัวตายทั่วประเทศเคยสำรวจพบปีละ 600 คน เฉลี่ยวันละ 2 คน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นมีความเสี่ยงสูงสุด สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความเครียด และน้อยใจพ่อแม่

    ความน่าเป็นห่วงข้างต้น ทีมงาน Life & Family ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ หรือ "หมอเบิร์ท" จิตแพทย์โรงพยาบาลศรีธัญญา อดีตนางสาวไทยปี 2542 โดยเธอสะท้อนให้ฟังว่า เด็กรุ่นใหม่มีการนับถือตัวเองน้อยลง มีการจัดการกับความกังวลและความเครียดต่าง ๆ ได้ไม่ค่อยดี ทำให้ล้มแล้วลุกยาก ขาดพลังที่จะต่อสู้กับปัญหา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ และผู้ใหญ่ในสังคมที่ขาดความเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก

    "เด็กทุกคนเกิดมาเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่พอค่อย ๆ เติบโตมา พ่อแม่เองนั่นแหละที่เริ่มเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นกบ ซึ่งเรากำลังพูดถึงเรื่องความมั่นใจ และความภูมิใจในตัวเอง หรือ Self ของเด็ก เนื่องจากเด็กทุกคนมีความเชื่อมั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อผู้ใหญ่ในสังคมตัดสินเขาจากผลงาน เช่น ไม่สวย หรือพ่อแม่ชอบแต่จับผิด และไม่ค่อยชมเชย

    เป็นไปได้ที่เด็กจะค่อย ๆ สะสมความไม่มั่นใจจนกลายเป็นความน้อยใจและไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ทำให้ Self ข้างในไม่แข็งแรง โอกาสที่เด็กจะรับมือ หรือทนอยู่กับสภาพปัญหาต่าง ๆ ย่อมเกิดได้น้อยลง ดังนั้นผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ หรือเปล่าที่ทำให้เด็กมองข้ามคุณค่าในตัวเองที่มีมาตั้งแต่เกิดเหล่านั้นไป" คุณหมอเบิร์ทขยายภาพของปัญหาพร้อมกับตั้งคำถามต่อสังคมถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

    นอกจากเรื่องของคุณค่าในตัวเด็กที่ควรให้ความสำคัญแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังต้องเข้าใจลูกตามวัย และคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอนทั้งการแสดงออก และใช้คำพูดอย่างเหมาะสมด้วย โดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต และมีปัจจัยเรื่องฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2014
  13. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    "พอลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น มันมีเรื่องปัจจัยฮอร์โมน และพัฒนาการตามวัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พ่อแม่บางท่านยังคงยึดติดอยู่กับแนวการเลี้ยงลูกตอนเด็ก คือ บอกอะไรก็ต้องเชื่อฟัง แต่พอโตเป็นวัยรุ่น กลับดื้อดึง ไม่เชื่อฟังเหมือนแต่ก่อน ตรงนี้ถ้ายิ่งไปกดดัน หรือต่อว่ามากเกินไป เด็กจะรู้สึกอึดอัด และน้อยใจจนไม่อยากทำอะไร เพราะเด็กรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่รัก และไม่เข้าใจ ยิ่งมีภูมิคุ้มกันทางใจต่ำด้วยแล้ว เด็กยิ่งมีความเสี่ยงต่อการคิดสั้นได้สูง" คุณหมอเบิร์ทเผย

    สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็ก และวัยรุ่นมีอัตราการคิดฆ่าตัวตายนั้น มีงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นระบุว่า เกิดจากการขยายตัวของสังคม และสภาพการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยวัตถุ หรือให้เงินใช้แทนการเอาใจใส่ดูแล หรือตามใจเด็กมากเกินไป จนทำให้เด็กไม่รู้จักการปรับตัวเอง และขาดทักษะในการแก้ปัญหา

    สอดรับกับงานวิจัยของกรมสุขภาพจิตเรื่อง "ปัจจัยด้านครอบครัวที่มีความสัมพันธ์กับการพยายามฆ่าตัวตายของประชาชนจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย" ที่เคยเก็บข้อมูลจากครอบครัวผู้พยายามฆ่าตัวตายในทุกอำเภอของจังหวัดตรังจำนวน 30 ครอบครัว และครอบครัวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันจำนวน 30 ครอบครัวเมื่อปี 2551 พบว่ามี 5 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญดังต่อไปนี้

    1. การสื่อสารในครอบครัวที่ไม่เข้าใจกัน มีการใช้คำพูดที่รุนแรง คำด่าทอ เช่น “มึงโง่” โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่มักได้ฟังคำพูดจากพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือญาติว่า "อยู่ไปก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใคร ให้ไปตายเสีย" คำพูดเหล่านี้อาจสร้างความน้อยใจให้เกิดขึ้นกับลูกโดยที่ไม่มีใครรู้

    2. สัมพันธภาพในครอบครัวที่พ่อแม่ลูก หรือคนในครอบครัวเดียวกันไม่มีการพูดคุย ปรึกษาหารือกันและกัน และไม่มีเวลาให้กันอย่างเพียงพอ ทำให้ไม่ทราบเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตของแต่ละคน จึงไม่สามารถช่วยกันคิดแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นำไปสู่การคิดว่าหาทางออกไม่เจอของใครคนใดคนหนึ่ง จนคิดแก้ปัญหาในทางที่ผิดด้วยการฆ่าตัวตาย

    3. วิธีการเลี้ยงดูแบบกดขี่ สั่งการ โดยพ่อแม่มักคิดเองว่าลูกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ฟังความต้องการหรือความคิดเห็นของอีกฝ่าย

    4. การปรับตัวของสมาชิกในครอบครัวต่อปัญหาเศรษฐกิจและความเครียด เกิดการแสดงออกหรือมีท่าทีที่ทำให้สัมพันธภาพของคนในครอบครัวห่างไกลกันมากขึ้น

    5. บทบาทของสมาชิกในครอบครัว สมาชิกบางคนอาจรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่าที่จะอยู่ในครอบครัวต่อไป ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการถูกตอกย้ำความไร้ค่าจากสมาชิกคนอื่น ๆในครอบครัวเดียวกัน

    ดังนั้น วิธีที่จะช่วยเด็กดับทุกข์ทางใจแทนการดับชีวิตตัวเองนั้น คุณหมอเบิร์ทให้แนวทางว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกต และเข้าใจพฤติกรรมลูกตามวัย โดยเฉพาะลูกวัยรุ่นที่มักจะคัดค้าน และอยากออกเสียง จึงไม่ควรแสดงพฤติกรรม หรือโต้ตอบด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม และแทงใจดำ เพราะวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่วัยผู้ใหญ่ เขาจึงต้องการเหตุผล และต้องการความรัก และคนเข้าใจ

    "เวลาที่ไม่อยากให้ลูกทำอะไร ควรมีการนั่งพูดคุยกันว่า ที่ไม่ให้ทำเพราะอะไร พร้อมกับเปิดโอกาสให้ลูกได้เป็นผู้ตัดสินใจเองเหมือนกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง นอกจากนี้ หน้าที่ของพ่อแม่ต้องทำให้ลูกเชื่อ และมองชีวิตตามความเป็นจริง เช่น ผิดได้ พลาดได้ พ่ายแพ้ได้ ไม่กลัวการผิดหวัง แต่เด็กทุกวันนี้กลัว และกดดัน เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง พอไปเจอกับสถานการณ์จริงกลับรับสภาพไม่ได้ นั่นเพราะภูมิคุ้มกันทางใจไม่มี ดังนั้นครอบครัวคือจุดเปลี่ยนทุกอย่าง" คุณหมอเบิร์ทสรุป

    CR..http://www.noyshop.com/web-board/board.php?newsId=1315
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ทำอย่างไร ไม่คิดน้อยใจ ไม่คิดสั้น
    ที่มาบทความ 美容院のクーポンを探してみましょう | お得なクーポンを利用して美容院でビューティーアップ。なりたい髪型になれる方法。

    ความน้อยอกน้อยใจ เป็นปัญหาทางอารมณ์ ที่สามารถเกิดได้กับทุกคน เป็นความรู้สึกในทำนองไม่พอใจที่ผู้อื่นมองไม่เห็นคุณค่า หรือ เห็นความสำคัญของตนเอง ทำให้ผู้ที่มีอาการเกิดความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจระคนกับความโกรธ อยากจะทำอะไรที่มันเป็นการประชดประชันผู้อื่น เช่น ไม่ยอมทำการงาน คิดอยากจะทำร้ายตัวเอง หรือ บางคนที่มีความน้อยใจรุนแรงก็อาจจะถึงกับฆ่าตัวตายได้
    ดังนั้น คนเราจึงไม่ควรประมาท ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจเกิดขึ้นในจิตใจของเรา เพราะความน้อยใจเป็นอารมณ์ร้ายที่สามารถทำลายอนาคตของเรา ทั้งในด้านหน้าที่การงาน และ ครอบครัว หรือ แม้แต่ชีวิตทั้งชีวิตเลยทีเดียว
    เครือข่ายชาวพุทธฯจึงขอเสนอ วิธีคิดป้องกันและแก้ไข ไม่ให้ความรู้สึกน้อยใจเกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา ด้วยเทคนิคคิด ๔ วิธี ขอเชิญเลือกใช้ตามความถนัดเลยครับผม
    ๑.ละอายใจ
    ให้บอกกับตัวเองว่า การที่เราชอบน้อยอกน้อยใจ นี่แสดงว่าจิตใจของเรายังเป็น เด็กอยู่ ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง คือคนเรานั้นถึงแม้จะมีอายุแก่เฒ่าสักปานใด แต่หากว่ายังเป็นคนที่ชอบน้อยอกน้อยใจ ก็ถือว่าคน ๆ นั้นยังมีนิสัยเป็นเด็กอยู่นั่นเอง
    การใช้วิธีล้อตัวเองให้เกิดความละอาย จนไม่กล้าน้อยใจ เป็นวิธีที่ได้ผลวิธีหนึ่งที่ช่วยเราได้ เช่น เราอาจจะล้อตัวเองให้อายว่า "น่าไม่อาย.. ตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่ใจยังเด็ก" อะไรทำนองนี้ ล้อตัวเองให้จิตใจเกิดความละอาย มันจะได้ไม่กล้าน้อยใจ จากนั้นนิสัยนี้ก็จะค่อย ๆ เลิกไปเอง
    (ประยุกต์วิธีคิดมาจากหลักธรรมข้อ "หิริ" หรือความละอายใจต่อบาป ในพระไตรปิฎก)
    ๒.ภูมิใจ
    สร้างความภูมิใจในตนเองเข้าไว้ บอกกับตัวเองว่าเรานี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราจะไม่ยอมไปน้อยอกน้อยใจอะไรให้ไร้มันสาระ ผู้ใหญ่ไม่ถือสาหาความเด็ก ๆ ฉันใด เราย่อมไม่ถือสาคนที่ทำให้เราน้อยใจแม้ฉันนั้น ความเป็นคนมีใจหนักแน่น และ เป็นมิตรกับทุก ๆ คน เช่นนี้ ถือว่าเป็นคุณธรรมของผู้ใหญ่ที่น่าเคารพที่สุด ใครคิดได้เช่นนี้ ให้ยกมือไหว้ตัวเองได้เลยครับ
    ( ประยุกต์วิธีคิดมาจากหลักธรรมข้อ "คุรุ" ความมีใจที่หนักแน่น น่าเคารพ ในพระไตรปิฎก)
    ๓.เห็นใจ
    เห็นอกเห็นใจคนที่ทำให้เราน้อยใจ ด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา ดูตัวอย่างพระพุทธองค์ที่ทรงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อมหาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ แต่บางครั้งพระพุทธองค์ก็ถูกโจมตีว่าร้าย บางทีก็ถึงกับปองร้ายหมายชีวิต แต่ทว่าแทนที่พระพุทธองค์จะเกิดความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ทรงกลับมีความกรุณาเมตตาสงสารบุคคลเหล่านั้นเช่นเดียวกับบิดารักบุตร ให้เราเอาแบบอย่างพระพุทธองค์ คือมีความเมตตาต่อผู้ที่ทำให้น้อยใจเหมือนบิดามารดารักบุตร
    ( ประยุกต์วิธีคิดมาจากหลักธรรมข้อ "เมตตาและกรุณา" ในพระไตรปิฎก )
    ๔.เข้าใจ
    ให้คิดเสมอว่าการที่เรามามัวน้อยอกน้อยใจ แล้วเราจะเข้าใจความเป็นจริงได้อย่างไร ให้รวบรวมจิตใจให้หนักแน่นโดยอาศัยวิธีการจากข้อ ๑- ๓ เมื่อจิตใจมั่นคงดีแล้ว ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองหาเหตุผลจนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ โดยไม่เอาอารมณ์ หรือความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปปะปน คือ ทำใจให้ว่าง วิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยใจที่เป็นกลาง (อุเบกขา) มองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จนเห็นเหตุปัจจัยความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ
    (ประยุกต์วิธีคิดมาจากหลักธรรมข้อ "อนัตตา" ในพระไตรปิฎก)
     
  15. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    มาหายขาดจากโรคขี้น้อยใจกันเถอะ | ตราบที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง


    มีสติยอมรับว่าทุกวันมีปัญหา
    และเราต้องแก้ปัญหา
    ด้วยการไม่ยอมแช่อยู่กับการบ่นกระปอดกระแปด
    ไม่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่กับกิจกรรมที่เสียเวลาเปล่า

    มีสติแก้ปัญหา ไม่เอาแต่คิดว่าเราต้องมีปัญหาร่ำไป
    การมีศรัทธาเห็นตัวเองแก้ปัญหาได้
    ตั้งเป้าหมายเองได้ ไปถึงเป้าหมายได้ด้วยกำลังขาของตน
    จะเปิดโอกาสให้ไฟทางความคิดลุกโพลง
    และเมื่อไฟทางความคิดโชติช่วงขึ้นถึงจุดหนึ่ง
    ความสว่างในชีวิตจะตามมาเอง
    เห็นเองว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เราถนัดด้านไหนจริงๆ
    หรือกระทั่งควรอยู่กับใครแน่ๆ

    ชีวิตแท้ๆต้องเริ่มต้นด้วยเหตุผล
    แล้วต่อยอดด้วยสัมผัสทางใจ
    อันเป็นสัญชาตญาณที่เกิดเองหลังมีสติที่สมบูรณ์แล้ว
    ชีวิตไม่ใช่เรื่องของเหตุผลทางความคิดอย่างเดียว
    มันยังมีเหตุผลของหัวใจประกอบอยู่ด้วย
    แต่ถ้าฐานของเหตุผลทางความคิดล้มเหลว
    โอกาสที่เหตุผลของหัวใจจะถูกต้องก็ห้าสิบห้าสิบ
    หรือไม่ก็เป็นศูนย์ไปเลยครับ

    เอาล่ะ ตัวเรามีค่าถ้าหากว่ามีสติ สรุปเป็นคำให้จำง่ายๆ อย่างนี้

    ดังตฤณ
    กรกฎาคม ๕๕

    อ้่างอิง http://dharmamag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=698&Itemid=40
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอบคุณครับ
     
  17. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    อย่าฆ่าตัวตายกันเลยนะครับ หมั่นสร้างบุญกุศลมากๆทุกๆอย่างก็จะดีขึ้นเอง
     
  18. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    สำหรับคนมีความรักและผิดหวังในความรัก..

    การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง
    การถูกรักเป็นเรื่องธรรมดา
    ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกสิ่ง
    แต่การที่ได้รัก คือการเสี่ยง
    ว่าจะไม่ได้รับรักเป็นการตอบแทน
    การตั้งความหวัง คือ การเสี่ยงความเจ็บปวด
    การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว
    แต่ยังไงต้องเสี่ยง เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือ
    การไม่เสี่ยงอะไรเลย
    สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
    แม้แต่กิ้งกือยังมีวันหกล้ม เจริญพร

    จะโสดจนตาย ให้ผู้ชาย เสียดายเล่น
    แต่ถ้าเจอ คนหล่อ ตัวเป็นๆ
    ถือว่า พูดเล่น ก็แล้วกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2015
  19. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ใจของเราอยู่ในกรง



    ......ใจของเรามันอยู่ในกรง
    ยิ่งกว่านั้น มันยังมีเสือกำลังอาละวาดอยู่ในกรงนั้นด้วย
    ใจที่มันเอาแต่ใจของเรานี้
    ถ้าหากมันไม่ได้อะไรตามที่มันต้องการแล้ว มันก็อาละวาด
    เราจะต้องอบรมใจด้วยการปฏิบัติภาวนา ด้วยสมาธิ
    นี่แหละที่เราเรียกว่า "การฝึกใจ"......

    ธรรมะจากหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ยังมี "ลมหายใจ"...อย่า "สิ้นหวัง"
    ยังมี "สองขา" ก้าวย่าง...อย่า "ยอมแพ้"
    ยังมี "สองมือ" ฟันฝ่า...อย่า "อ่อนแอ"
    ยังมี "รักแท้ของพ่อและแม่" ...อย่า "หลงทาง"

    https://www.facebook.com/PhramahaSompong?fref=nf&pnref=story
     

แชร์หน้านี้

Loading...