แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

เล่นซะผมกินข้าวไม่ลงเลย แล้วไม่มีรูปเอายาออกมาจากผู้ต้องหาหญิงบ้างหรือท่าน แล้วจะเรียกว่า ยาผ่าอะไร ไม่อยากคิดเลยน้องมินต์

 

มีมากมายค่ะคุณน้องใหม่ผู้ต้องหาหญิงที่นำยาเสพติดซุกซ่อนทางทวารหนักและช่องคลอด ดูแค่ภาพตอนเอาออกมาแล้วละกันนะคะ :boo:

ตำรวจแพร่ จับสองสาวเชียงรายรับจ้างขนยาบ้า ยัดใส่ช่องคลอดและทวารหนักคนละกว่าพันเม็ด นำส่งเอเย่นต์ที่สถานีขนส่งอุตรดิตถ์

ตำรวจได้ควบคุมตัว 2 สาว ไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาล และนำเอาถุงยาบ้าออกมา ทราบชื่อ น.ส.ดุษฎี หมื่นแล อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย นำยาบ้าจำนวน 3 ก้อน รวม 2,012 เม็ด ซุกซ่อนในช่องคลอดและช่องทวารหนัก มีเงินสดติดตัวอีก 9,000 บาท และ น.ส.ลลิตา วิเศษศรีวิโรจน์ อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย นำยาบ้า จำนวน 3 ก้อน รวม 1,897 เม็ด ซุกซ่อนมาในช่องทวารหนัก มีเงินสด 5,000 บาท

 

กว่าจะได้กิน ต้องเป็นขี้มาก่อน ลำบากมาก

 

วันที่ 28 ก.ย.57 บิ๊กตู่ ขอตัว ตั้ง อาชีวะจากทางการกัมพูชาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนเดินทางไปอำลาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ที่ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช พร้อม พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผบ.ทบ.คนใหม่

ต่อกรณีนายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาทางการเมืองของไทยที่ขอลี้ภัยกับข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในประเทศกัมพูชาว่า ได้มีการขอความร่วมมือประสานขอตัวแล้ว ส่วนโอกาสที่จะได้ตัวคืนมาหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของประเทศกัมพูชา

ส่วนกรณีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติมอีก 28 คนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เพื่อให้มีจำนวนครบตามรัฐธรรมนูญ เพราะการทำงานของ สนช.มีกรรมาธิการหลายคณะ และมีกฎหมายหลายฉบับที่ต้องเร่งดำเนินการเร็วที่สุด

สำหรับการแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติทั้ง 250 คน ยืนยันว่าไม่ได้มีการล็อกสเปกใดๆ ทั้งสิ้น โดยขอให้รอดูรายชื่อที่จะประกาศออกมาก่อน เพราะในขั้นตอนการสมัคร กกต.ก็ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
ถ้ามีปัญหาตรงไหนก็ให้ไปร้องศาลปกครอง ส่วนข้อครหาเรื่องการคัดเลือกบุคคลที่เน้นนักศึกษาที่จบหลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.นั้นว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง และ คุณสมบัติของ สนช. ที่กำหนดไว้ในกฎหมายก็ไม่มีข้อใดห้ามนักศึกษาหลักสูตร วปอ.เป็น สปช.

ตั้ง อาชีวะ ตอนนี้ UNHCR ของอเมริกาคุ้มครองอยู่ แต่ทางการเขมรไฟเขียวให้สายลับไทย ที่เกาะติดหนับอยู่ หากสบจังหวะเข้าชาร์ตหิ้วตัวกลับไทยได้เลย (แต่ทิ้งหัวไว้) ดูท่า ตั้ง อาชีวะ จอมหมิ่นเจ้า คงหมดวาสนาแต่เพียงเท่านี้

ส่วนรองโรมานอฟ จอมหมิ่นเจ้าอีกคน คงเป็นเจ้าชายนิทรา ไร้แผ่นดินไทยกลบหน้าเสียแล้ว จอมหมิ่นเจ้าในยุกต์ทุนนิยมเลือกตั้งทั้งหลาย มีอันเป็นไปที่ละคน สองคน พวกที่เหลืออยู่อย่าหวังจะรอดในยุกต์อนุรักษ์นิยมนี้ เสร็จแน่ๆ








@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 27 ก.ย.57 อึ้ง พบเกล็ดทองคำจริงติดอยู่กับเศษหินที่ใช้ถมที่ตลาด ที่ขนมาจาก จ.กาญจนบุรี

พบเกล็ดสีทอง มีลักษณะคล้ายกากเพชรติดอยู่กับหิน โดยรถบรรทุกขนมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อนำมาใช้ถมที่หลังตลาดสุขสวัสดิ์ ซอยเอกชัย 66 เขตบางบอน กทม.

โดย ระหว่างที่รถบรรทุกจะเทดินเพื่อถมที่บริเวณหลังตลาดสุขสวัสดิ์นั้น ชาวบ้านได้พบวัตถุสีเหลืองในก้อนดิน หิน จึงนำไปให้ร้านทองตรวจสอบ และได้รับการยืนยันว่าเป็นแร่ทองคำ แต่ระบุไม่ได้แน่ชัดว่ามีความบริสุทธิ์ของทองเท่าไหร่

หินดังกล่าวขนมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อใช้ถมที่ไม่ให้น้ำขัง เนื่องจากพื้นที่ด้านหลังเป็นหลุมเป็นบ่อ จึงให้ผู้รับเหมานำหินเกล็ดหินคลุก มาถมได้ 2-3 วัน ทั้งนี้ อนุญาตให้เก็บได้ แต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตลาด
ตอนนี้ชาวบ้านได้แห่กันไปค้นหาและเก็บเกล็ดทองคำดังกล่าวซึ่งมีจำนวนมาก และได้ไปครอบครองกว่าร้อยคน

เอ้า..พอมายุคนี้ ถีบคนโกงเผาไทยตกเก้าอี้ไป ทองคำต่างไหลออกมาไม่ขาดสาย ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์









@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

ประเทศไทยจะรวยแล้วครับ โกโบริเอาทองมาให้แล้วครับ

 

วันที่ 29 ก.ย.57 ฮ่องกงเดือด ปะทะเจ็บอื้อ หลงลืมวัฒนธรรมตะวันออก

กลุ่มอ็อคคิวพายเซ็นทรัล ภายใต้การหนุนหลังของมะกัน และชาติตะวันตก ได้ก่อเหตุประท้วงตามแรงยุ ที่เกาะฮ่องกง ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีน จนปะทะกับตำรวจปราบจราจล เจ็บไปกว่า 45 คน และถูกจับไปอีกเกือบ 200 คน

การชุมนุมตามท้องถนนสายต่างๆ มีการปิดล้อมย่านศูนย์กลางทางธุรกิจของฮ่องกง ธนาคาร 17 แห่ง 29 สาขา ในฮ่องกง ที่ตั้งอยู่ในจุดชุมนุมประท้วงพร้อมใจกันหยุดให้บริการเนื่องจากวิตกกังวลด้านความปลอดภัย รวมถึงสถานที่ทำการของรัฐบาลฮ่องกง
สถานประกอบการต่างๆ และโรงเรียนหลายแห่ง ต้องปิดทำการ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงปิดล้อม เช่นเดียวกับ ภาคการขนส่งก็ไม่สามารถให้บริการได้ จนสร้างความโกลาหลให้กับชาวฮ่องกง ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ร่วงลง

ฮ่องกง กำลังจะกลายเป็น " ยูเครน แห่งเอเซีย " ที่หลงลืมอารยะธรรมตะวันออกรากเหง้าชนชาติตนเอง ไปหลงไหลได้ปลื้มกับวัฒนธรรมเลือกตั้งตะวันตก สุดท้ายก็จะถูกชาติตะวันตกเข้าครอบงำ และอยู่ภายใต้การปกครองฝรั่งมายาวนานถึง 99 ปีเหมือนในอดีต

ฝรั่งก็มาสูบเอาทรัพยากรจากฮ่องกง กลับประเทศไป ส่วนคนฮ่องกงเอง ก็กินของเหลือเดนจากตะวันตกมายาวนาน จนคิดว่าขี้ตะวันตก คือทองคำ หลังฮ่องกง กลับมาอยู่กับจีน เศรษฐกิจฐานอนุรักษ์นิยมจีน ก็ขยายตัวอย่างมันคง ถ้าอิงเศรษฐกิจทุนนิยมตะวันตก ป่านนี้ฮ่องกงคงดิ่งเหวแบบประเทศใน EU ไปแล้ว










@ เสธ น้ำเงิน2
tps://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 30 ก.ย.57 ศาลแพ่ง เพิกถอนคำสั่งเนรเทศ สาธิต เซกัล เหตุฝ่าฝืนคำสั่งศาลก่อนหน้านี้ที่มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุม

ศาลแพ่ง เคยได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย ในกรณีเป็ดเหลิม และริดสีดวง ลงนามเนรเทศออกนอกประเทศไทย เพราะเขาจงรักภักดี และประพฤติตนเป็นพลเมืองดี ประกอบแต่คุณงามความดี และทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยหลายด้าน

วันนี้ ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) ในเป็นโมฆะ ที่ให้เนรเทศ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย โดยให้เหตุผลว่า ขั้นตอนส่อเป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่สุจริต และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาลแพ่งก่อนหน้านี้ที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุม

อ้าว..เป็ดเหลิม ริดสีดวง ขัดคำสั่งศาล แบบนี้ถ้าสาธิต เอาเรื่องต่อ ผู้สั่งการเหงื่อตกแน่




@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 29 ก.ย.57 ภูเขาไฟ ทางตอนกลางของญี่ปุ่นปะทุหนัก ล่าสุด คร่าประชาชนแล้วอย่างน้อย 36 ราย

เกิดเหตุภูเขาไฟ ออนตาเกะ ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของญี่ปุ่น ระหว่างจังหวัดนางาโนะและกิฟู ที่สูง 3,067 เมตร ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อวันอาทิตย์ จนเป็นเหตุให้มีเถ้าถ่านฟุ้งกระจายเป็นจำนวนมากปกคลุมทั่วบริเวณ มี นักไต่เขาที่ติดค้างอยู่บริเวณภูเขาไฟ 31 ราย และเชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตทั้งหมด

ทางการญี่ปุ่น พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 รายบริเวณใกล้กับจุดที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย ภูเขาไฟจะยังคงปะทุอย่างต่อเนื่อง ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 1,100 คน กำลังทำงานอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์นำร่างผู้เสียชีวิตลงจากภูเขาไฟ ได้แล้ว 4 ราย และยังทำการค้นหาร่างที่เหลือต่อไป

ก่อนหน้านี้ ภารกิจต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากก๊าซพิษมีระดับเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และมีเหยื่ออีก 27 ราย ถูกระบุว่ามีอาการหัวใจและปอดทำงานล้มเหลว

ภูเขาไฟปะทุนี้ สอดคล้องกับก่อนหน้าที่นักบินที่เห็นน้ำทะเลเป็นสีแดงฉาน คล้ายลาวา ใกล้ๆ เกาะญี่ปุ่นนี้ และพบสัตว์น้ำปั่นป่วน หลายที่ทั่วโลก










@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/thailandcoup?fref=photo

 

ไม่ใช่ทองนะครับ

มันคืือ ไพไรต์ หรือ fool's gold

แก้ข่าวครับ
ปล.อีกนานล่ะมั้งครับ กว่าทองจะโผล่บ้านเมืองเรา

 

สับสนอยู่เหมือนกันค่ะ บางข่าวว่านำไปให้ร้านทองตรวจสอบก็ยืนยันว่าเป็นแร่ทองคำ นักวิชาการว่าเป็นแร่ไพไรต์ รอฟังข่าวยืนยันจากกรมศิลปากรว่าตกลงเป็นอะไรกันแน่ค่ะ

 

วันที่ 30 ก.ย.57 ไขปริศนา..ใครฆ่าปิดปากนักข่าวญี่ปุ่นตายในเหตุการณ์ปล้นประเทศ เผาเมืองปี 53

นายทาอิชิ อากิโมโต เลขานุการเอก และหัวหน้านายตำรวจ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ประจำสถานเอกอัครราชทูตประเทศญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบตำรวจกองปราบปราม เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ

เขาเป็น ช่างภาพชาวญี่ปุ่นซึ่งเสียชีวิต โดยถูกชายชุดดำ นปช.ยิงตาย ระหว่างการชุมนุมเมื่อปี 2553
ทางสถานทูตญี่ปุ่นจึงให้ความสนใจว่ากลุ่มชายชุดดำ นปช.ดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่นวัย 43 ปี (ขณะนั้น)

เขาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 53
เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.53 เขายืนทำข่าวอยู่ที่หลังแนวของทหาร ด้านหนึ่งคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ลีลาศ
ทหารในชุดปราบจลาจลเต็มยศยืนประจำการ พร้อมโล่ กระบอง และปืนยิงลูกยาง ทหารมองมาที่มูราโมโตะ หลายครั้งด้วยท่าทีห่วงใย เกรงจะได้รับอันตรายจากกลุ่มก่อร้าย นปช.

ช่วงนั้นกลุ่มก่อการร้ายชุดดำ นปช.ทีมที่ 2 ของเสธ แดง และนายพลชัจจ์ (อดีต รมต.เผาไทย) ใช้อาวุธสงครามร้ายแรง M79 ยิงใส่ทหาร จากนั้นระเบิดตกลงตรงหน้ามูราโมโตะ ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ส่งผลให้ทหาร 4 นายกระเด็นร่วงลงกับพื้นในทันทีท่ามกลางประกายไฟและหมอกควัน กระจัดกระจาย

ทหาร 2 ใน 4 นาย ทรงตัวลุกขึ้นเดินโขยกเขยกออกไป ช่างภาพโทรทัศน์อีกคน วิ่งแตกตื่นเข้ามาหา มูราโมโตะ ผ่านเขาไป ทหารจำนวนหนึ่งพร้อมโล่ปราบจลาจล ขยับชิดเข้ามา แล้วก็ถอยห่างออกไปเช่นกัน มูราโมโตะยังคงถ่ายภาพต่อเนื่อง และก้าวถอยหลังล่าถอยออกมาช้าๆ

ทหารนายหนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น พร้อมกับบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดของชายชุดดำ นปช.เลือดท่วมบริเวณลำคอ แต่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อนทหารพยายามปลดเสื้อเกราะกันกระสุนออกมาจากลำคอของทหารนายนั้น
ทหารกลุ่มหนึ่งลากแขนของเพื่อนทหารที่บาดเจ็บอีกคนหนึ่งที่ไม่ไหวติงแล้วลากออกไป คราบเลือดบนถนนเป็นทางยาว ของชายชาติทหารไทย ที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มการเมืองเผาไทยทำลายชาติ

ทหารทั้งชุดเริ่มล่าถอย และทันทีทันใด แถวของกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่มีท่อนไม้ และอีกส่วนกำลังอวดโล่ซึ่งยึดเอาไปได้จากทหาร หลายคนโบกไม้โบกมือ ทำท่าทางเยาะเย้ย ที่กองกำลังชายชุดดำก่อการร้าย นปช.สามารถทำร้ายทหารไทย ที่ปกป้องแผ่นดินได้

มวลชนเสื้อแดงบางคน ด่าทอแบบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้กับทหาร อีกหลายคนโยนสิ่งของขึ้นฟ้า แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง ที่บริเวณสี่แยกนี้ กองกำลังชายชุดดำก่อการร้าย นปช. จำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหลบหนี ไม่ได้ใส่เสื้อแดงหรือชุดพรางของทหาร แต่เป็นชายชุดดำทะมึน (ตามที่เห็นกันทางสื่อโทรทัศน์)

ทันใดนั้น ชายชุดดำก่อการร้าย นปช.ได้สาดกระสุนปืนอาก้า (ไม่มีใช้ในหน่วยทหาร) สาดกระสุนใส่แนวทหารซ้ำ และมีคนเสื้อแดงชี้ล็อคเป้าตัวเขา เพราะเขาถ่ายภาพชายชุดดำไว้ได้

ภาพวิดีโอความยาว 7 นาที ที่นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์บันทึกไว้ขณะทำข่าวการปะทะกันของกลุ่มก่อการร้าย นปช. กับทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 53 นั้น นำพาให้เขาถูกยิงจากกลุ่มชายชุดดำก่อการร้าย นปช. กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าบริเวณหน้าอกทะลวงออกทางด้านหลัง จนเสียชีวิต
เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพไม่สามารถจับชีพจรได้ กล้องหลุดจากมือถูกมวลชนเสื้อแดงเก็บไว้ทันที แล้วนำไปลบ และตัดทอนดัดแปลงภาพสำคัญออก ส่วนที่เหลือคืนให้พร้อมกล้องให้กับสำนักข่าวรอยเตอร์ในเวลาต่อมา

ผู้ที่เป็นพยานเหตุการณ์นี้ คือ นิค แม็คฟี เพื่อนร่วมอาชีพของเขานั่นเอง และ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2553 วันถัดมาญาติของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ เดินทางมาขอรับศพเขา ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

การก่อการร้ายของชายชุดดำ นปช.ครั้งนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ชาย เป็นทหาร 5 ราย พลเรือน 22 ราย โดยพลเรือน 22 ราย 1 ในนั้นคือ นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพข่าวชาวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ ถูกยิงตายหน้าโรงเรียน สตรีวิทยา

เขาเสียชีวิตจาก กลุ่มก่อการร้ายชุดดำ นปช. ช่วงกลางคืนนั้น กระสุนปืนจากหน้าไปหลังเจาะเข้าร่างกายเขา 2 จุด คือศีรษะ และเข้าหน้าอกตัดขั้วหัวใจ มีคนเสื้อแดงอีก 19 คน ถูกยิงตาย แถวบริเวณถนนตะนาว-แยกคอกวัว บริเวณถนนดินสอ-หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และอีก 1 รายถูก กลุ่มก่อการร้ายชุดดำ นปช.ฆ่าตายใน สวนสัตว์ดุสิต

ทุกคนที่ตาย รวมทั้งนายฮิโรยูกิ เกิดจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริงจากอาวุธสงครามที่ไม่มีในราชการ ส่วนทหาร 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา

ปริศนาการตายของเขาครั้งนั้น สาเหตุก็เนื่องจากแกนนำ นปช.สั่งฆ่าปิดปากเขา เพราะเขาไปถ่ายภาพของกลุ่มผู้ก่อการร้ายชุดดำ นปช. พร้อมอาวุธครบมือ ยิงถล่มทหาร และเสื้อแดงด้วยกันเอง จนล้มตายบาดเจ็บจำนวนมาก

แสดงว่าญี่ปุ่นได้กลิ่นเรื่องนี้แล้ว เพราะสื่อญี่ปุ่นเพิ่งเปิดโปงเมื่อปี 56 ว่ากลุ่มก่อการร้ายแดง นปช.เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่อันตรายต่อระบอบการปกครองของไทย เพราะวันที่นักข่าวตายนั้น มีกลุ่มแดง นปช.ชี้ล็อคเป้า ให้กลุ่มชายชุดดำ นปช.ยิงตาย

เพราะเป้าหมาย ของกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.คือต้องสังหารนักข่าวต่างชาติให้ได้มากที่สุด เพื่อใส่ร้ายทหารไทย แล้วกระพือข่าวให้ดังไปทั่วโลก แต่ความแตกเสียแล้ว ญี่ปุ่นดันรู้ทันเผาไทย เสรีเทย และแดง นปช.ซะแล้ว

และวันที่ 14 ต.ค.57 นี้ ขบวนการล้มเจ้าเผาไทย เสรีเทย กลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. ได้ฉวยโอกาสเนียนแฝงตัว ไปกับเหตุการณ์ในอดีต นัดคนเสื้อแดง ใส่เสื้ือดำ อ้างว่าเป็นวันสถาปนาระบอบประชาชน โค่นล้มสถาบัน

ใครใส่เสื้อดำในวันนั้น ( ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ) นั่นคือพวกสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า และเป็นคนชุดดำก่อความวุ่นวาย หวังทำลายความสงบแผ่นดินเกิดตัวเองนั่นเอง













@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 1 ต.ค.57 เผย..บิ๊กตู่เขิน หอมแก้มภริยา 2 ฟอด ซ้ายขวา เสียงเชียร์กรี๊ดตรึม

วานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับอดีตผู้นำเหล่าทัพทุกเหล่า เข้าเยี่ยมคารวะ ป๋าเปรม กราบลาประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จับเข่าคุยกันนานกว่า 30 นาที ซึ่งในการพบกันต่างฝ่ายต่างให้ กำลังใจซึ่งกันและกันในทำงาน

และป๋าเปรมมอบพระเครื่อง หลวงพ่อทวด รุ่น “รักบ้านเกิด” ให้กับทุกท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล ขอให้ช่วยกันดูแลชาติบ้านเมือง รวมถึงอวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้

และเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล เวลาประมาณ 11.50 น. ภายหลังเสร็จพิธีการส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ให้กับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อย่างเป็นทางการ ที่กองบัญชาการกองทัพบก

นายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนรถยนต์ประจำตำแหน่งแล้ว โดยใช้รถเบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร (ไม่ได้ใบ้เลขอะไรนะ) ส่วนรถประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก หมายเลขทะเบียน 1251 กรุงเทพมหานคร ได้ส่งคืนแล้ว

จากนั้นบิ๊กตู่ ได้ไปร่วมงานแสดงมุทิตาจิตแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2557 ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี-รังสิต โดยมีข้าราชการในสังกัดกองทัพบก ที่เกษียณอายุราชการในปี 2557 และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ สังกัดกองทัพบกเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ( บิ๊กโด่ง) ผบ.ทบ.คนใหม่ , พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา (บิ๊กติ๊ก) ผช.ผบ.ทบ. นำ บิ๊กๆ ทบ.ร้องพลง “พี่ชายที่แสนดี” มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างสุดซึ้ง จน บิ๊กตู่ น้ำตาซึม

จบงาน พล.อ.ประยุทธ์ และภริยา เดินลอดซุ้มกระบี่ ลงจากเวที มุทิตาจิต คว้าไมค์รัองเพลง คืนความสุขฯ จนจบเพลง ตาแดงน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ และประกาศบนเวทีว่า "ขอลงไปหอมแก้มภริยาเป็นตัวอย่างก่อน"

บิ๊กตู่ เดินลงจากเวทีลงมา หอมแก้ม ซ้ายขวา ของอาจารย์นราพร (นัอง) ภริยา 2 ฟอด ท่ามกลางเสียงเชียร์ ปรบมือตรึม และเรียกเสียงกรี๊ดของผู้ร่วมงาน เพราะบิ๊กตู่ไม่มีปมเรื่องฉาว

ท่ามกลางศึกนอก ศึกใน และสถานการณ์ที่กำลังกดดันบีบคั้นให้ บิ๊กตู่ ต้องเครียด และต้องตัดสินใจบางอย่าง เพื่อไม่ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ สตรีผู้นี้ จะคอยเป็นน้ำเย็นที่คอยดับไฟในใจ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

เมื่อบิ๊กตู่ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. อาจารย์นราพร ได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และรับเป็นอาจารย์พิเศษให้มูลนิธิเพื่อการศึกษา โทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนไกลกังวล นอกจากจะได้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ที่รักและห่วงอนาคตเด็กแล้ว ยังเป็นการร่วมถวายความจงรักภักดีอีกด้วย

การมีศรีภริยาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ส่งผลให้ บิ๊กตู่ ขณะเป็น ผบ.ทบ. ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษ แบบไม่ต้องเดินหนีนักข่าวฝรั่ง หรือ แท้งกิ้วทรีทาม และให้ความสำคัญเรื่องภาษา

และ 4 ปี บิ๊กตู่ ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.สร้างปึกแผ่นให้กองทัพ ท่านเป็นอดีต ผบ.ทบ.ที่อยู่ในตำแหน่งนานถึง 4 ปี การ อยู่นานจึงสร้างผลงานโดดเด่นเป็นเอกภาพทั้งกองทัพ ทำให้กองทัพบกเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียว

จนกระทั่งชาติไทย ถูกกลุ่มการเมืองเผาไทยขี้โกง สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ จับประเทศเป็นตัวประกัน นำประเทศชาติไปสู่ความวิบัติ จึงมีความจำเป็นต้องนำพาชาติ และประชาชนให้พ้นภัย จากกลุ่มเผาไทย และกลุ่มก่อการร้าย นปช.โดยการรัฐประหาร ถีบคนโกงให้ตกเก้าอี้ไป

ข้าราชการเกษียณคนอื่นๆ อาจดีใจได้พักผ่อนบ้าง แต่ความรับผิดชอบของ บิ๊กตู่ และผู้นำเหล่าทัพอีกหลายคนยังคงไม่สำเร็จภารกิจ “คืนความสุขให้คนไทย” ในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สนช.และ สปช. ฯลฯ จึงต้องอยู่ต่อไปอีกยาว

หากผลงาน”ปฏิรูปประเทศ” ในครั้งนี้ สำเร็จ ชื่อนายกบิ๊กตู่ จะอยู่คู่ประวัติศาสตร์ตลอดไป เมื่อวานนี้จึงได้กำลังใจยิ่งใหญ่ เคล็ดวิชาจากป๋าเปรมมาบริหารประเทศพอสมควร เพราะหลวงพ่อทวดรุ่นนี้จะมาแรง อาจอยู่ยาวกว่าป๋าเปรม 8 ปี ด้วยซ้ำ..คริ คริ

จากขวัญใจภริยาคนเดียว สู่ “นายกขวัญใจประชาชน” ที่คนไทยเทใจให้ไปแล้วทุกโพล เป็นกำลังใจให้นำพาชาติไทยสู่การปกครองระบอบอนุรักษ์นิยม อย่างยั่งยืน..เอ้า ทุยแดงดิ้นๆๆๆ







@ เสธ น้ำเงิน1
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 2 ต.ค.57 เผย..จับฆาตรกรข่มขืน ฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษเกาะเต่า ได้แล้ว 3 คน

ความคืบหน้า การคลี่คลายคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยว นายเดวิด และ นางสาวฮานนาห์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 ที่ผ่านมานั้น รายงานล่าสุด ตำรวจได้เชิญตัวแรงงานชาวยะไข่ สัญชาติพม่า จำนวน 3 คน

เรื่องนี้เป็นเรื่องลับ ลวง พลาง มานานกว่าครึ่งเดือน เพราะต้องปล่อยข่าวหลอกล่อให้ผู้ต้องหาตายใจ เริ่มต้นการสอบสวนตำรวจได้เชิญตัวชาวยะไข่ สัญชาติพม่า ซึ่งเป็นพนักงานของบังกะโลแห่งหนึ่ง ใกล้ที่เกิดเหตุ มาซักถามข้อมูล เนืองจากทราบว่ามีกลุ่มเพื่อนชาวยะไข่ ที่สนิทกัน 3 คน มักใช้เวลาว่างชอบจับกลุ่มกันนั่งเล่นกีต้าร์ริมชายหาดอยู่เป็นประจำ

จากการสอบสวน ทำให้ทราบว่าเพื่อนอีก 2 คน เป็นพนักงานของร้านอาหารในย่านที่เกิดเหตุ เมื่อซักถามแล้วเสร็จจึงปล่อยตัวไป แต่ตำรวจ ยังคงติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดจนพบว่า 1 ในนั้น คือ นายวิน ลูกจ้างร้านเซฟตี้สต๊อป ที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือเกะเต่า ซึ่งได้หลบหนีออกจากเกาะไปกับเรือนอนโดยสาร ที่ออกจากเกาะเต่าเมื่อเวลา 21.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา

จากนั้นตำรวจจึงตัดสินใจเข้าควบคุมตัวชาวยะไข่ ทั้ง 3 คนทันที โดยควบคุมที่เกาะเต่า 2 คน คือ นายเมา และนายซอ ได้บนเกาะเต่า และนายวิน สามารถควบคุมตัวได้ขณะเรือกำลังจะเข้าเทียบท่าเรือเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา อีก 1 คน นำมาสอบปากคำ คือ

1. นายวิน อายุ 21 ปี
2. นายเมา อายุ 23 ปี
3. นายซอ อายุ 21 ปี

ส่วนหลักฐานสำคัญที่ตำรวจหามาได้คือภาพวงจรปิด ขณะที่ 1 ในที่ผู้ต้องสงสัยเข้าไปซื้อบุหรี่ยี่ห้อ LM แดง และสุรา ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งริมหาดทรายรี แล้วนำมานั่งดื่มกินที่ขอนไม้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายหาดทรายรีใกล้ๆ กับจุดที่พบศพ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ

โดยนายซอ และ นายวิน เป็นพนักงานเสิร์ฟบาร์ AC TWO และร้านมายา ทั้งคู่ให้การรับว่า พากันมานั่งดื่มกินพร้อมเล่นกีตาร์ในบริเวณดังกล่าวจริง ส่วนนายเมา ทำงานอยู่ที่สถานบันเทิง ซึ่งมีเจ้าของเป็นเครือญาติ ของผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งบนเกาะเต่า โดยสถานบันเทิงแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุมากนัก

นายวิน ที่ย้อมผมและหนีออกจากเกาะเต่า ได้ยอมรับสารภาพกับตำรวจแล้วว่า ตน และเพื่อน ไปนั่งดื่มกินเหล้ากันอยู่ที่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เห็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้ง 2 คนเดินมาด้วยกัน แล้วมานั่งคุยกันในที่เกิดเหตุ และเห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงคู่นี้มีเพศสัมพันธ์กัน

ทำให้นายวิน และนายซอ เพื่อนคู่หูเกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งนายเมา เพื่อนอีกคนหนึ่งได้กลับไปหาภรรยาที่พัก ส่วนตัวเองกับนายซอ ได้ลงมือฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวจริง เนื่องจากเกิดอารมณ์ทางเพศ โดยได้เข้าไปทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชายและหญิง

และลากร่างนักท่องเที่ยวชายไปทิ้งที่ชายทะเล หลังจากนั้น ก็ได้ข่มขืนนักท่องเที่ยวหญิง เมื่อข่มขืนแล้วเสร็จก็ได้ใช้จอบทุบนักท่องเที่ยวหญิงซ้ำอีกครั้งจนเสียชีวิต

จากการสอบสวนขยายผล นายเมา ยอมรับว่าในคืนวันเกิดเหตุได้ไปนั่งเล่นกีต้า ที่บริเวณขอนไม้ ในจุดที่ตำรวจพบก้นบุหรี่ซึ่งห่างจากจุดพบศพนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้งสองออกไปประมาณ 65 เมตร และยอมรับว่า ก้นบุหรี่ LM สีแดง ที่พบบริเวณขอนไม้ดังกล่าวนายเมาเป็นคนสูบและทิ้งไว้จริง

ซึ่งเป็นบุหรี่ยี่ห้อเดียวกัน กับก้นบุหรี่ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมี DNA ตรงกับอสุจิที่พบในร่างของเหยื่อผู้หญิง แต่ไม่ได้ร่วมฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ แค่รู้เห็น เพราะได้กลับไปหาภรรยาก่อน อีกทั้ง 1 คน คือ นายวิน หลังเกิดเหตุได้ย้อมผมจากสีทอง ย้อมผมกลับมาเป็นสีดำเพื่ออำพราง เนื่องจากในเล็บของผู้ตายหญิงพบเส้นผมสีทอง

คำสารภาพสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ โดยทั้ง 3 คน อยู่ระหว่างผลตรวจสอบ DNA เทียบกับ DNA ที่พบกับวัตถุพยานต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ รวมถึง DNA ที่พบบนศพของผู้ตายทั้ง 2 คนด้วย

ในวันที่ 3 ต.ค. จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีนิี้บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช. รวมทั้งรัฐบาลไทย ได้ให้ความสนใจ และกำชับตำรวจ ให้ติดตามคนร้ายมาให้ได้ เนื่องจากส่งผลเสีย ต่อชื่อเสียงของประเทศไทย

ถ้าใครคิดว่าเป็นแพะ และกล่าวโทษเจ้าหน้าก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า ก้นบุหรี่ LM ที่ชาวพม่าทั้ง 3 คนสูบ และตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทำไมมี DNA ตรงกับอสุจิ ที่พบในร่างของเหยื่อผู้หญิง

หลักฐาน DNA ทางวิทยาศาสตร์นี้ แพะ และตำรวจ คงทำไม่ได้..ต้องเกิดจากฆาตรกรตัวจริงเท่านั้น







@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 3 ต.ค.57 จับตา.. สัญญาณแหลกราญจากจีนเปิดวาบแล้วที่ฮ่องกง

กลุ่มผู้ประท้วง อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง ที่มีแกนนำกลุ่มเป็นคนของอเมริกา ที่ส่งเข้ามาบ่อนทำลายจีน ได้ลองดีด้วยการ จัดการชุมนุมก่อความวุ่นวาย ขัดขวางรัฐบาลจีน ที่จัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา เพื่อกลั่นกรองคุณสมบัติของผู้สมัครที่จะลงเลือกตั้งเป็นผู้นำเขตการปกครองพิเศษฮ่องกงคนต่อไปในปี 2560

โดยแกนนำกลุ่มนี้ ได้วางแผนให้ฮ่องกงเป็น " ยูเครนตะวันออก" โดย การยุแหย่เยาวชนฮ่องกง ให้ชุมนุมกันตามท้องถนนหลายแห่ง เพื่อก่อความวุ่นวาย และเปลี่ยนเงื่อนไขกับผู้ปกครองเกาะฮ่องกงไปเรื่อย เมื่อได้คืบก็จะเอาศอก

การหนุนหลังกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกงนี้ แกนนำกลุ่มได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของอเมริกา มีการลอบประชุมวางแผนร่วมกันที่นอกเกาะฮ่องกง อย่างเป็นขั้นตอน แล้วเดินทางกลับเข้ามาบงการชักใย

มีการจัดการชุมนุมก่อนหน้านี้เมื่อราว 2-3 เดือนก่อน แม้จะระดมคนได้มาก แต่ผู้ปกครองฮ่องกงรู้ทัน จึงแก้เกมส์ได้ ส่งผลให้การชุมนุมที่ผ่านมา สลายตัวเป็นระยะๆ จนกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ต้องวางแผนกับอเมริกาใหม่ โดยจะต้องให้ " มีคนตาย" เหมือนไทย ปี 2553 และ ยูเครนปลายปี 2556

กลุ่มนี้จึงวางแผนใช้เด็ก และเยาวชน ในระบบการศึกษา ที่หลงลืมรากเหง้าบรรพบุรุษ หลอกใช้ง่าย และมอมเมาง่ายด้วยวัตถุ เป็นเครื่องมือ เพราะมีวุฒิภาวะน้อย มุทะลุ อารมณ์ร้อน หากเกิดการชุนมุนเกิดขึ้น

มีความพยายามใช้กลุ่มมวลชน กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล และพันธมิตรอีกหลายกลุ่ม ยั่วยุชาวบ้านท้องถิ่น ให้เกิดความโมโห และไม่สามารถทำมาหากินได้ เพราะเหตุว่าฮ่องกง และเกาลูน มีพื้นที่นิดเดียว แต่แออัดด้วยประชากร

ฮ่องกงจัดเป็นพื้นที่ประชากรแออัดมากเป็นอันดับต้นของโลก เศรษฐเดินได้ด้วยการค้า อาหาร การท่องเที่ยว การพนัน ความบันเทิง ช็อปปิ้ง ฯลฯ ไม่มีพื้นที่เพียงพอทำการเกษตร ดังนั้นเมื่อธุรกิจการค้า ธนาคาร ตลาดหุ้น ต้องหยุดชะงัก และหุ้นร่วงมหาวินาศ การท่องเที่ยวหดหาย

มันจะส่งผลสะเทือนหนักหนา เกินพรรณา กระทบเป็นลูกโซ่มากเกินบรรยาย สำหรับคนท้องถิ่นหาเช้ากินค่ำ ธุรกิจขนาดเล็ก ระดับล่าง ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก ต้องเริ่มควักเนื้อกินบุญเก่า และรายได้ใหม่ไม่เกิดขึ้น

รัฐบาลจีน ไม่ได้โง่ ไม่งั้นเขาไม่ปกครองคน 1,400 ล้านคน แม้แต่แคว้นซินเจียง ที่มีชาวมุสลิมอุยกูร์ ราว 100 ล้านคน หรือ ทิเบต ทางตอนเหนือ จนอยู่หมัด ประท้วงกี่ครั้ง จะคนมากเท่าไร ฆ่าทิ้ง ยิงทิ้ง ไม่มีเหลือเหรอ จนเข็ดขยาดไปตามๆ กัน ชาติตะวันตกก็ไม่กล้าแหยม ได้แต่เลียบค่ายไปๆ มาๆ

เขารู้จุดอ่อนคนจีนฮ่องกง ที่ถูกอังกฤษ ปกครองแบบเผด็จการมาถึง 99 ปี แต่อังกฤษไม่เคยปล่อยให้มีเสรีภาพเลย กดขี่อย่างมาก จึงไม่ใช้ความรุนแรงปราบปราม เหมือนจุดประท้วงอื่นในดินแดนจีน แต่ปล่อยให้สถานการณ์ภายในฮ่องกง ทำลายตัวเอง

เพราะยิ่งกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ประท้วงยาวนานเท่าไร จะยิ่งสร้างความแค้น ให้คนฮ่องกงด้วยกันเองเท่านั้น เพราะคนที่อาศัยในฮ่องกงตอนนี้ หลังหมดสัญญาเช่าจากอังกฤษ มีคนจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เข้ามาทำมาหากินมากมาย และเกิดฐานสังคมใหม่ ขึ้นมาใกล้เคียง คนฮ่องกง เดิม และมีการขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ

คนกลุ่มนี้แหละ คือ " ทหารประชาชน" ของรัฐบาลจีน ที่เขาพร้อมจะทำอะไรก็ได้ เพื่อหยุดยั้ง การก่อความวุ่นวายของ กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง เพราะพวกเขาทั้งโหด รุนแรงสุดขั้ว ชนิดที่คนฮ่องกง จะไม่เคยพบพานมาก่อน

ความวุ่นวายนี้ เริ่มมีสัญญาณกลิ่นแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเกิดเหตุชกต่อยกัน ระหว่างกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาสตะวันตก กับชาวฮ่องกงอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สนับสนุนรัฐบาลจีน ในย่านการค้ามงก๊กบนคาบสมุทรเกาลูน

ฝ่ายต่อต้านการประท้วง ของกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ที่เริ่มทนไม่ไหว เป็นชาวบ้านในย่านนั้นเอง ได้ใช้กำลังที่เหนือมากกว่า รุนแรงกว่า บุกเข้ารื้อทำลายเต๊นท์พักแรมผู้ประท้วง เนื่องจากไม่พอใจ ที่การประท้วงกระทบต่อระบบจราจรและการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา

ตำรวจฮ่องกง ได้เข้าไปแยกคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ขณะเดียวกันมีรถพยาบาล 3 คัน รีบเดินทางเข้าไปรับผู้บาดเจ็บ นอกจากนั้น เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกระจายไปทั่วเกาะฮ่องกง เช่น ที่ย่านคอสเวย์เบย์ เมื่อชาวบ้านท้องถิ่น บุกเข้ารื้อถอนแนวกั้นของกลุ่มผู้ประท้วง

ตอนนี้กลุ่มผู้ประท้วง กลุ่มอ็อคคิวพาย เซนทรัล เจอไม้นี้เข้าไป ก็เริ่มระส่ำระสาย เมื่อโดนทำร้ายร่างกาย และจำนวนมากเริ่มถอดใจ ถอนตัวออกจากการชุมนุม เพราะมันไม่ใช่การปะทะกับเจ้าหน้าที่ ๆ จะอ้างละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ตามแผนหลอกคนไปตาย แต่เป็นการปะทะกันเอง ระหว่างชาวฮ่องกง

อีกทางหากก่อความวุ่นวาย ต่อไปนานๆ ก็จะเกิดความอ่อนล้า กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ก็จะต้องถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษา ส่วนคนทำงานประจำก็ต้องถูกไล่ออกจากงานเพราะขาดงานนาน และถูกถ่ายภาพแกนนำ เอาไปออกหมายจับ ทำให้ต้องคดีหมดอนาคต เหมือนที่กลุ่มนกพิราบกระป๋องเคยโดนมาแล้ว

จากการข่าว จีนได้เปิดไฟเขียว ให้จัดหนัก แบบคางเหลือง กับ กลุ่มอ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาส ของอเมริกาแล้ว ในตำรา การส่งมวลชนเข้าปะทะผู้ประท้วง เป็นวิธีการที่คอมมิวนิสต์เชี่ยวชาญ เป็นยุทธวิธี สลายผู้ประท้วง ที่โลกตะวันออกนำมาใช้อยู่เสมอ

เช่น ในพม่า เขมร เวียดนาม ลาว ล้วนใช้ตำราสลายมวลชนประท้วงแบบนี้ทั้งนั้น เป็นการใช้คนในแฝงตัวเข้าไป เพื่อก่อเหตุทะเลาะวิวาท ตีหัว ฟาดด้วยของแข็ง เช่น ในพม่าจะใช้เสียมขุดดินฟาด ในเขมรใช้ไม้พลองหวด ในลาวก็เช่นกัน

จนกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศพวกนี้ ร่วงกันระนาว โดยตำรวจแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่คอยอำนวยความสะดวกเท่านั้น เลยส่งผลให้ไม่เคยรวมตัวประท้วงกันโค่นผู้ปกครองสำเร็จเลย ตลอดเกิน 30 ปีมานี้

กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาสอเมริกา ยังรู้จักจีนน้อยไปเสียแล้ว คอยดูสถานการณ์นับจากนี้ ตำรวจฮ่องกง จะค่อยๆ เฟสตัวออกไป ปกป้องสถานที่สำคัญแทน

จากนี้ต่อไป จะมีกลุ่มคนที่จัดตั้งมาจากไหนไม่รู้ โหด เหี้ยม จะก่อเหตุทะเลาะชกต่อย ไล่ตี แทง ยิง ผู้ประท้วงเยาวชนฮ่องกง ไม่เว้นแต่ละวัน คนไทยในฮ่องกง เตรียมหลีกห่างไกล ผู้ชุมนุมได้เลย

ทหารประชาชนจีน เขาล้อมทุกจุดสำคัญๆ ในฮ่องกง และเกาลูน ไว้ทุกจุดแล้ว โรงพยาบาลจะค่อยๆ แน่นขนัดด้วยเสียงโอดโอย ของผู้ประท้วง กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ยาแดง ผ้าก็อส เตรียมหาสำรองไว้ได้เลย

สัญญาณแหลกราญจากจีนให้จัดการทาสตะวันตก เปิดไฟเขียววาบแล้วที่ฮ่องกงแล้ว..ตุ่บๆ พลั่กๆ เพี้ยะๆ โอ้ยๆ !!











@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

วันที่ 4 ต.ค.57 อั้ยย๋า..มีคนตายจากอีโบลาแล้วฟื้น 3 ราย เดินป้วนเปี้ยนอีกแล้ว

การระบาดของอีโบลาครั้งล่าสุดนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีศูนย์กลางอยู่ประเทศกินี, เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ก่อนจะขยายไปในไนจีเรียและเซเนกัลในเวลาต่อมา จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,000 คน จากผู้ป่วย 6,553 ราย

ชาวแอฟฟริกา โดยเฉพาะชาวไลบีเรีย มีความเชื่อว่าประเทศอเมริกาได้สร้างไวรัสอีโบลาเป็นอาวุธชีวภาพ ที่จะใช้สำหรับทำสงครามในอนาคต พลเมืองของไลบีเรีย จึงมัก แสดงการประท้วงหนักบ่อยมาก และความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่าสหรัฐอาจมีการทดสอบพัฒนาอาวุธชีวภาพ ที่อยู่รูปแบบของเชื้อไวรัสกับประชาชนของไลบีเรีย

ที่ไลบีเรีย พบเหยื่อเชื้ออีโบลาที่ตายไปแล้ว กลับลุกคืนชีพขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง ซึ่งเป็นรายที่ 3 แล้ว ที่ทางการไลบีเรียยอมเปิดเผยและได้แพร่ภาพหน้าผู้เคราะห์ร้ายโรคอีโบลา ที่ได้ลุกฟื้นขึ้นมาจากความตายชื่อของเหยื่อยังไม่ได้รับการเผยออกมาจากองค์การอนามัยโลก

เหยื่ออีโบลาที่ตายแล้วคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง 2 รายแรก ที่ไลบีเรียนั้น เป็นศพผู้ป่วยหญิงทั้ง 2 คนที่มีอายุ 40 และ 60 ปี ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และเดินปะปนร่วมกับคนเป็น ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความแตกตื่น และความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ส่วนทางการสหรัฐฯ ประกาศเมื่อสิ้นเดือนก่อนว่า พบผู้ติดเชื้อเหยื่ออีโบลารายแรกชื่อ โธมัส อีริค ดันแคน ในเมืองดัลลัสของรัฐเท็กซัส หลังจากนั้นไม่นาน 3 วันถัดมา ทางสาธารณสุขสหรัฐ ได้เฝ้าระวังติดตามพลเมืองอีกราว 84 คน ที่คาดว่าเกี่ยวข้องหรือติดต่อกับผู้ติดเชื้อรายแรก

โดยได้สั่งกักบริเวณญาติผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกในประเทศ 4 คน พร้อมกำลังเฝ้าติดตามอาการผู้ติดต่อกับผู้ป่วย อีกราว 80 คน

โห..ไรเนี่ย ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาเฉย และภาพใบหน้าคนที่ฟื้น ที่ทางการเผยแพร่ แววตา ก็..คริคริ





@ เสธ น้ำเงิน1
https://www.facebook.com/topsecretthai

 

ขอบคุณนะครับ ที่อัพเดตข่าวมาให้อ่านอยู่เรื่อยๆ รักนะน้องมินต์

 

จากกรณีคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยว นายเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี และ นางสาวฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ วัย 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 ที่ผ่านมา และจับชาวพม่า 2 คน โดยมีหลักฐานเป็น DNA ตรงกับอสุจิในช่องคลอดของผู้ตายหญิงสาวนั้น

ต่อมาแก็งค์เสื้อแดงโคนันคุง มีการพยายามปล่อยข่าวลือต่างๆ นาๆ เพื่อพยายามทำให้ประเทศไทยเสียหาย ว่าตำรวจติดตามโทรศัพท์ผู้ตายได้จากผู้ต้องหา แต่โทรศัพท์ดังกล่าวที่คืนเป็นของ "หญิงสาว" ชาวอังกฤษที่เสียชีวิต..ซึ่งปล่อยไก่ตัวเบ่อเร่อเลย

เพราะในหลักฐานบันทึกประจำวัน และเอกสารบันทึกทรัพย์สินของผู้ตาย นั้น ทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวหญิง มีโทรศัพท์มือถือ "ไอโฟน 5 สีขาว 1 เครื่อง" ไอแพด 1 เครื่อง และกล้องถ่ายรูป 1 ตัว ซึ่งเพื่อนของเธอได้รับฝากมากผู้ตายหญิง และนำมามอบให้กับตำรวจ ขณะเข้าตรวจค้นห้องพัก

ตำรวจจึงได้ส่งมอบให้กับญาติของผู้ตายไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.ย.57 โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ เป็นพยาน พร้อมลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.ย่อยเกาะเต่า ถูกต้องตามกฎหมาย

ดังนั้นที่เพจต้นตอเสื้อแดงที่โพสมั่วๆ เรื่องโทรศัพท์มือถือนี้ หวังดิสเครดิส ผบ.ตร.ที่ไม่ใช่เสืี้อแดง โทรศัพท์ที่เต้าข่าวลือกัน จึง ไม่เกี่ยวกับของกลางในสำนวนคดีอะไรทั้งสิ้น แต่มีการ โพสมั่วๆ หลอกต้มคนหูเบาทั้งประเทศ แถมมีคนหูเบา ใจไม่หนักแน่น ยอมถูกหลอกต้มจนเปื่อย เละเป็นโจ๊ก

เพราะความจริงในสำนวนราชการ คือ โทรศัพท์ที่ทางตำรวจยึดได้มาจากผู้ต้องหาที่นำไปทิ้งเพราะใช้ไม่ได้ เนื่องจากคนละระบบกับไทยนั้น เป็นโทรศัพท์มือถือ "ไอโฟน 4 สีดำ 1 เครื่อง" ที่ผู้ต้องหาพม่า 2 คน ได้ล้วงไปจากกระเป๋ากางเกงของนักท่องเที่ยวชายที่เสียชีวิต คนละเครื่องกับที่แก็งค์แดงโคนัน โพสหลอกต้มชาวบ้าน ชาวเมือง

แล้วตำรวจสามารถยึดโทรศัพท์มาได้จากใกล้ที่พักผู้ต้องหาชาวพม่า หลังจับกุมคนร้าย ซึ่งเป็นของ "หนุ่มชาวอังกฤษ" ที่เสียชีวิต ไม่ใช้ของผู้หญิงที่ตาย ตามที่สร้างข่าวลือ เต้าข่าวมั่วๆ กัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ โดยได้มีการส่งประวัติการใช้โทรศัพท์ พร้อมรหัสเครื่องให้กับเจ้าหน้าที่แล้ว

เป็นอันว่ากรณีโทรศัพท์เครื่องนี้ แก็งค์แดงโคนัน หน้าแตกยิ่งกว่าริ้วปลาแห้ง และแตกยิ่งกว่าเอาขวดแก้วมาทุบลงพื้นเสียอีก คนเชื่อข่าวลือลวงโลกนี้ ก็พาลหน้าแตกตามกันไปติดๆ

ส่วนอีกกรณีเรื่อง DNA แก็งค์แดงโคนัน ก็หน้าแตกซ้ำ เพราะการเก็บ DNA บุคคลต้องสงสัยที่เข้าข่าย กระทำในรัศมี 100 เมตรจนถึง 400 เมตร เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาทยอยทำไปเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของ DNA ของนายเมา ผู้ต้องสงสัยชาวพม่านั้น ได้ถูกเก็บไว้นานแล้วก็จริง

เพียงแต่ยังไม่ถึงคิวที่จะตรวจสอบเทียบเคียงกับ DNA ในที่เกิดเหตุ จะไปจับเขาทันทีตอนนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่ได้สอบเทียบกับ DNA น้ำอสุจิ ในช่องคลอดหญิงที่ตาย เนื่องจากมี DNA ที่เก็บได้ทั้งหมดกว่า 200 คน

และการตรวจ DNA ไม่ใช่ทำขนมครก เพราะในทางวิทยาศาสตร์การตรวจสอบแต่ละครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงทราบผล พวกแก็งค์แดงโคนัน ที่โพสบางคนมั่วบอกตรวจ DNA แล้วทำไมไม่จับเลย โดยที่ไม่เคยมีความรู้ทางนิติเวชมาก่อนเลยว่าขั้นตอนแรกการตรวจครั้งนั้นเขาเก็บ DNA เฉยๆ

แต่ยังมีขั้นตอนอีกขั้นถัดไป คือ "การสอบเทียบ" ตามคิว พอไม่รู้ความจริงจุดนี้ ประชาชนทั่วไป ก็โดนแก็งค์แดงโคนันหลอกต้มจนเปื่อยไปอีกรอบ..อายเลย

นายเมา ได้รับสารภาพว่าได้ไปนั่งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเล่นกีตาร์ร่วมกับ นายซอและนายวินจริง แต่กลับบ้านไปหาภรรยาก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุฆกรรมจึงมี 2 คน ซึ่งในช่วงแรกนายซอ และนายวินไม่ได้หนีออกไปจากเกาะ

เนื่องจากคิดว่าตำรวจตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่สามารถชี้ตัวได้ว่าตนคือผู้กระทำผิด (คล้ายๆ ที่แก๊งค์แดงโคนันหลอกประชาชนทั้งประเทศ) อีกทั้งหากหนีไปเกรงว่าจะน่าสงสัย เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ภายในที่พัก

อีกทั้งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบบริเวณจุดเกิดเหตุที่มีมากกว่า 350 ตัว โดยมาตรฐานกล้องตัวหนึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบช่วงเวลาก่อน และหลังเกิดเหตุถึง 12 ชั่วโมง แล้วกล้อง 350 ตัว จะต้องใช้เวลานานเท่าไร ?? หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีจำนวนมาก จึงต้องแน่นหนามากที่สุด เพื่อป้องกันการจับผิดตัว

อุปสรรคสำคัญอีกอย่างหนึ่งต่อการสืบสวนในคดีนี้คือ ความผูกพันของชาวต่างด้าวบนเกาะเต่า โดยเฉพาะชาวม้ง และชาวยะไข่ ซึ่งมีความรักในชาติพันธุ์อย่างมาก ทำให้การหาข้อมูลเบาะแสคนร้ายของเจ้าหน้าที่ทำได้ยาก เพราะชาวบ้านบริเวณนั้น เป็นชาวต่างด้าว จึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือ

รวมถึงถุงยางอนามัยที่พบในที่เกิดเหตุ ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร แค่เวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง ก็ตรวจผลอะไรแทบไม่ได้แล้ว เพราะสถานที่ท่องเที่ยวมีคนจำนวนมาก และมีขยะชายทะเลจำนวนมากด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่สามารถระบุว่าเป็นการเกี่ยวข้องในคดีนี้ได้

แต่แก็งค์แดงโคนัน ก็พยายามเถ นำไปเป็นข้ออ้างกล่าวโทษคนโน้น คนนี้ ตามแต่ความต้องการของกลุ่มตน ข้อสงสัยทั้งหลายที่เต้าเรืรอง เผยแพร่ข่าวลือกัน ก็ไม่เคยมีในสำนวนคดีทางราชการแม้แต่น้อยนิด ล้วนแต่เมคจินตนาการ และเป็นความเท็จทั้งสิ้น

หลักฐาน DNA ทางวิทยาศาสตร์นี้ของผู้ต้องหาชาวพม่า 2 คน และหลักฐาน DNA จากอสุจิในช่องคลอดของผู้ตายผู้หญิง ที่สถาบันนิติ ฯ เก็บไว้ก่อนที่ญาติจะนำศพหญิงผู้ตายกลับประเทศ เป็น DNA เดียวกัน ตรงกัน

แค่ DNA ผู้ต้องหา 2 คน ตรงกับ DNA ในน้ำอสุจิช่องคลอดผู้ตาย ไม่ว่าความสงสัยแวดล้อมอะไรทุกอย่างก็จบไปแล้ว ส่วนสูง อาวุธ อะไรทั้งหลาย ล้วนแค่มโนกันไปเอง จะจับช้าหรือเร็ว แต่ผล DNA ตรง ก็คือ ตรง ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น นี่คือไม้ตายของคดี ว่าพม่า 2 คน ข่มขืน และฆ่าชาวอังกฤษจริง

บางคนมโนหนักกู่ไม่กลับ เข้าไปอีกว่าทำไมไม่เอาหลักฐาน DNA มาให้ดู ถ้าทำได้แบบนั้น ทุกคดีเป็นหลายแสนคดี เขาก็จะเอาอย่างบ้าง อ้างว่าต้องมาตรฐานเดียวกัน และ ตามกฎหมายไทย การเปิดเผยหลักฐานในคดีต้องทำในศาลเท่านั้น เพราะสำนวนในคดี เจ้าหน้าที่คนไหนเอามาเปิดเผยนอกศาลคือต้องโทษอาญาจำคุก

ถ้าอยากรู้ว่าผล DNA เป็นของจริงหรือไม่ ก็ง่ายสุดๆ เวลาศาลนัดพิจารณาคดีนี้ ก็แค่เข้าไปนั่งฟังในศาล ศาลก็จะเรียกผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มาให้การเป็นพยาน ต่อหน้าทุกคนในห้องพิจารณาคดี ถ้าอยากรู้ก็ไปรอฟังด้วยหู ดูด้วยตาช่วงนั้น

บางคนฝันเฟื่องไปอีก บอกรอยแผลที่ผู้ตายหลายแผลไม่ใช่รอยจอบ แสดงว่าไม่รู้จริง ถ้าอยากรู้ว่าใช่หรือไม่ ง่ายมากๆ เพียง ลองให้คนอื่นเอามุมจอบสับที่ขา หรือ แขนตนเองสุดแรง ก็จะรู้ว่ารูแผล ก็ลึก และเจาะคมแบบนี้แหละ

เพราะมุมจอบนั้นแหลมคมมาก ผนวกกับแรงคนทำ ความเร็วเหวี่ยงจู่โจมทำร้าย จึงเกิดขึ้นลึกและหลายแผล แค่ผล DNA คราบเลือดที่จอบ กับ DNA ผู้ตายตรงกัน แค่นี้แก็งค์แดงโคนัน ก็หน้าแตกอายไปทั่วกาแล็กซี่แล้ว

แก็งค์แดงโคนัน อ้างอีกว่าคนกระทำตัวสูงใหญ่กว่าพม่า เพราะต้องต่อสู้กัน นี่ก็มโนไปขั้นเทพ เพราะเหตุเกิดคืนนั้น "ไม่มีการต่อสู้กัน" เพราะผู้ต้องหาพม่า 2 คน ลอบจู่โจมผู้ตายทั้ง 2 คนจากด้านหลัง ขณะเขานั่งพรอดรักกัน โดยการใช้จอบทำร้ายที่หัวก่อน

ส่งผลให้รอยแผลจากคมจอบ และแรงกระแทก ทำให้ผู้ตายทั้ง 2 คนหมดสติ และไม่โอกาสต่อสู้อะไรกับใคร ตามที่แก็งค์แดงโคนัน มโน จินตนาการ พยายามให้ได้ที่จะให้มีคนอื่นร่วมฆาตรกรรมต่อสู้กัน ผู้ต้องหาพม่า 2 คน ที่มีโทษถึงประหารชีวิต เขาก็สำนึกผิดและรับสารภาพ ว่าทำกันแค่ 2 คน

ถ้ามีคนทำร่วมแก็งค์ฆาตรกรกับเขา 2 คน เขาก็บอกความจริงไปแล้ว คนที่จะต้องโทษถึงประหาร เพราะ DNA มัดเป็นหลักฐาน ไม่มีอะไรต้องเสียอีก ถ้ามีคนอื่นร่วม เขาก็บอกไปแล้ว จะปิดไปเพื่ออะไร ไหนๆ จะตายก็ต้องพาคนที่ทำผิดด้วยกันไปตายด้วย ไม่ดีกว่าหรือ เรื่องอะไรจะยอมตายกัน 2 คน แล้วคนอื่นรอด

จับคนร้ายเร็วก็ว่า จับช้าก็บ่น ไม่จับก็ด่า..สรุป คนที่ตำหนิเจ้าหน้าที่ จะไม่ถูกใจอะไรทั้งสิ้นทุกกรณี ตราบที่คนร้ายนั้นไม่ใช่ผู้ที่ตนเองเก็งข้อสอบเข้าไว้ !!

ตอนนี้แก็งค์แดงโคนัน พ่ายแพ้ต่อหลักฐาน DNA และหลักฐานในคดีทุกชนิด เรียกว่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินมุดหนึไปใจกลางโลก จึงต้องหาวิธีเถตามมุกถนัดเผาไทย และแดงติดอาวุธ นปช. คือ เรียกร้องให้คนไทยไปลงชื่อหางว่าว ให้ชาติตะวันตกมาแทรกแซง ทำลายประเทศไทย

หวังเอาชื่อ สกุล คนที่หูเบาไปกรอกลงชื่อทางเว็ป แอบอ้างเอาไปทำหลักฐานปลอม ไปขึ้นเงินเป็นผลงาน สวามิภักดิ์อังกฤษ และชาติตะวันตก ตามที่ตนเองรับ Job งานมาป่วน และเต้าข่าวปล่อยข่าวลือทำลายประเทศไทย

คิดตรรกะบ้านๆ ง่ายๆ คนหวังดีกับประเทศไทยที่ไหน จะล่าชื่อคนไทยให้ต่างชาติตะวันตกมาแทรกแซงทำลายประเทศไทย..แค่คิดล่าชื่อทำลายประเทศตนเองก็จบแล้ว !!

เอางี้แก็งค์แดงโคนัน มาถกกันเรื่อง DNA สอบเทียบแล้วตรงกันดีกว่า เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึงหรอกมันพิสูจน์มโนไม่ได้ เรื่อง DNA นี้แหละ..โป๊ะเชะที่สุดแล้ว เพราะจะกระชากหน้ากากแก๊งค์แดงโคนันคุง...กลายเป็นแก็งค์พิน็อคคิโอ โกหก จมูกยาว !!


@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/thailandcoup

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=NAvLEczDzX8]โน๊ต อุดม ร้องเพลงฝากถึง คสช. (4 ต.ค.2557) - YouTube[/ame]

 

วันที่ 7 ต.ค.57 แกนนำขบวนการล้มเจ้า รองโรมานอพ ไปรักษาประชาธิปไตยในยมโลกแล้ว

มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า อภิวันท์ อดีต ส.ส.เผาไทย และอดีตรองประธานสภาโรมานอพ จอมหมิ่นเจ้า และแกนนำขบวนการล้มเจ้า ได้ไปรักษาประชาธิปไตยในยมโลกเรียบร้อยแล้วที่ต่างประเทศ กำลังเตรียมนำศพกลับไทย

เมื่อปลายเดือนสิงหาคม เขา ป่วยเป็นโรคปอดติดเชื้อ และเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด

แปลกมาก ใครที่เกี่ยวข้องกับเสื้อแดง ต้องไปปรึกษายมบาล ด้วยโรคประหลาดทีละคน สองคน โดยเฉพาะในช่วงปี 2557 ร่วงเป็นใบไม้ร่วงเลย ก่อนรายนี้หมาดๆ ก็เพิ่งเป็น ส.ส.เผาไทยนครสวรรค์ นั่นแกนนำแดง นปช. ก็ตายเอาดื้อๆ

คงจริงอย่างที่วีระ แกนนนำติดอาวุธแดง นปช.บอกไว้ว่า..แดง นปช.ไม่มีวันตาย (ดี)..นอนกลับมาทุกราย !!



@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/thailandcoup