วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    มีเกร็ดเล็กๆ เกี่ยวกับ Mindball นี้ แต่ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวกับ Mindball เท่าไหร่(เอ๊ะ ยังไง)

    คือตอนที่คุณดังตฤณเขียนนิยายเรื่องกรรมพยากรณ์ ตอนท้ายๆ ของเรื่อง ที่ชื่อตอน "กีฬาพลังจิต" ก็มีเขียนถึงเครื่องที่คล้ายๆ กับเครื่อง Mindball นี้ จนเมื่อได้ยินมาว่ามีบริษัทต่างประเทศสร้างเครื่อง Mindball ขึ้นมา จึงรู้สึกแปลกใจกันว่ามันไปคล้ายกันพอดี

    ที่รู้สึกสนใจเครื่อง Mindball นี้ก็เพราะว่ามันรู้สึกว่า จินตนาการของคุณดังตฤณ เป็นจริงขึ้นมานั่นเอง
    <hr>
    สวัสดีครับ คุณ@SNAME@

    นี่คือจดหมายข่าวจากดังตฤณดอทคอม ฉบับวันพฤหัสที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๘

    จนถึงวันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคมนี้ มีงาน ICT Expo ที่อิมแพคเมืองทองธานี
    ในงานมีการแสดงสินค้าชิ้นหนึ่งเป็นไฮไลท์ ชื่อว่า Mindball
    คุณสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของเขาคือ
    http://www.mindball.se/

    ที่แนะนำผลิตภัณฑ์ไอทีชิ้นนี้ไม่ใช่เพราะได้ค่าโฆษณาหรือว่ารู้จักผู้นำเข้าเป็นส่วนตัว
    แต่อาจจะเป็นเรื่องร้อนตัวนิดหนึ่ง
    คือผมเขียนไว้บทหนึ่ง ชื่อบทคือ "กีฬาพลังจิต"
    ให้พระเอกกับนางเอกประลองกำลังจิตกันด้วยเครื่องมือคล้ายๆอย่างนี้
    คอนเซ็ปต์ผิดไปหน่อยคือในเรื่องนั้นใช้ความแน่วแน่ในการเพ่ง
    ซึ่งสร้างความถี่และความสูงของคลื่นสมองในการเอาชนะกัน
    แต่ Mindball จะอาศัยความสงบของจิตเป็นเกณฑ์

    ไอเดียเกี่ยวกับเครื่องมือและวิธีแสดงผลคลื่นสมองเป็นกราฟนั้น
    ใกล้เคียงกันมาก จนหลายคนที่ไปเห็นเครื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ
    ได้โทร.มาบอกผมว่ามีเครื่องเล่นแบบในกรรมพยากรณ์ด้วยล่ะ
    ซึ่งทีแรกผมก็ยิ้มๆยินดี คิดว่าคงมีใครเอาไอเดียไปสร้างให้เป็นจริงเหมือนกัน
    เพราะอย่างที่บอกในนิยาย ว่าไม่ใช่อะไรที่สร้างยาก
    ประยุกต์เครื่องวัดคลื่นสมองที่เรียกว่า EEG กันหน่อยเดียว

    แต่พอเช็กดูจากอินเตอร์เน็ต ก็ไปเจอบริษัทผู้สร้างซึ่งอยู่ในสวีเดน
    สืบจากปีที่สร้างคือ 2003 ก็เผอิญเป็นช่วงที่ผมส่งต้นฉบับให้บางกอกพอดี
    (สำหรับภาคแรกต้นฉบับทั้งหมดเขียนเสร็จก่อนรวมเล่มประมาณปีครึ่ง)
    เป็นอันว่าได้ไอเดียพร้อมกัน เพียงแต่ฝ่ายนั้นเขาสร้างให้เป็นจริงขึ้นมาก่อน

    อันที่จริงบทกีฬาพลังจิตนั้น
    ผมเอามาจากเรื่องสั้นที่ตัวเองเคยเขียนลงขายหัวเราะตั้งแต่ปี 1993
    (ประมาณนั้น จำได้คร่าวๆคือประมาณกว่าสิบปีที่แล้ว
    สมัยยังชอบอ่านเรื่องสั้นในขายหัวเราะเป็นประจำ)
    ครั้งนั้นใช้นามปากกาว่านกน้อย
    (ชื่อแฟนเก่า อยากให้เขาเป็นนักเขียน เลยเขียนเรื่องสั้นนำให้ ๕ เรื่อง)
    นางเอกในเรื่องสั้นชื่อนัดฝัน พระเอกเป็นรัสเซียนชื่อโคตอฟ
    แต่รูปแบบจะออกแนวกราฟิกส์ ไม่ใช่ลูกกลมแบบที่มาดัดแปลงในกรรมพยากรณ์

    ที่ต้องชี้แจงก็เผื่อว่าใครไปเจอเข้าอีก
    จะได้ไม่สงสัยว่าใครลอกใครครับ
    ไม่งั้นเดี๋ยวคงต้องหัวเราะแหะๆตอนหลายๆคนโทร.มาบอกเล่าหรือถามไถ่อีก
    อย่างน้อยก็ดีใจว่าไอเดียนี้ใช้ได้จริง เพราะฟังดูมีคนสนใจกันพอควรครับ

    http://www.dungtrin.com/newsletter/048Aug042005.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2008
  2. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอบคุณพี่ๆครับสำหรับคำแนะนำ การได้เห็นพี่ๆเพื่อนๆ ตั้งใจทำความดีกันอย่างไม่ย้อท้อ ผมเองก็จะไม่ย้อท้อเช่นกันคับ สิ่งที่ภูมิใจคือ การที่คนรอบข้าง ได้เห็นถึงสิ่งดีๆที่ผมตั้งใจทำ แล้วก็ได้ทำตาม ทำให้เค้าได้รับรู้ความสุขที่แท้จริงจากธรรมมะ ถึงแม้บางคนจะยังไม่ค่อยเปิดใจ แต่เค้าก็เริ่มเชื่อว่า สิ่งที่ผมได้กระทำนั้นคือ ความดี ที่เค้าก็สามารถทำได้
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันนี้นะครับ ผมดีใจมากเลยครับ ที่ผมดันไปเจอชมรมพุทธเข้าในโรงเรียน แต่พอผมเริ่มทำความรู้จักกับชมรมนี้ ผมกลับรู้สึกว่า ไม่ค่อยน่าดีใจเท่าไหร่ และคงจะได้เหนื่อยกันอีกแล้ว 555+ เพราะว่าทุกๆท่านในนี้เล่นอ่านพระอภิธรรมปิฎกกัน แต่ว่าไม่ได้ปฏิบัติ หัวหน้าชมรมเขาก็ถามผมอยู่หลายคำถามเลยครับ มีอยู่คำถามหนึ่ง ที่เขาถามเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติ เขาถามว่าโต๊ะ ตรงนี้เนี่ยคืออะไร ผมก็ตอบว่า เป็นแค่เพียงธาตุ4 เขาก็บอกว่าผมไม่สามารถเห็นยังงั้นได้เพราะว่ายังไม่มีปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอด บอกว่าต้องเป็นพระอริยเจ้าก่อน จากนั้นเขาก็อธิบายในวิธีของเขา เกี่ยวกับการเกิดดับ วิญญาณธาตุ และอื่นๆ ที่ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจรู้สึกปวดหัวมากกว่า เพราะผมไม่ได้สนใจปริยัติมากนัก เพราะจำมางูๆปลาๆ แค่พอนำมาปฏิบัติ แล้วก็ถามผมว่ามโนมยิทธิแปลว่าอะไร ผมก็บอกว่า มีฤทธิ์ทางใจครับ อันนี้จำมาจากที่หลวงพ่อสอน เขาก็บอกว่า จริงๆแล้วมโนมยิทธิ ก็เป็นเพียงแค่ชื่อ เป็นเสียง แล้วก็อธิบายไปเรื่อยๆ ผมก็มาคิดแล้วก็รู้สึกหนักใจครับ เพราะว่าลักษณะแบบนี้เนี่ย เป็นลักษณะของนักปฏิบัติส่วนมากในประเทศไทย ที่ต้องวางมาดขรึม แล้วก็อธิบายทุกอย่างเป็นคำพูดที่คล้ายมีหลักการและไม่น่าดึงดูดใจซักเท่าไหร่ ผมก็รู้สึกว่างานในอนาคต จะต้องยิ่งลำบากกว่าที่ผมเจอแน่นอน เพราะจะต้องมีท่านผู้ทรงเปรียญธรรม เข้าขัดขวางอย่างแน่นอน จริงๆแล้วผมคิดว่าธรรมะควรจะต้องเป็นอะไรที่เข้าถึงง่าย และน่าดึงดูดใจ ทุกๆท่านคิดอย่างนั้นไหมครับ แต่ยังไงผมก็ยังไม่ยอมแพ้ครับ แต่รู้สึกว่า อาจจะต้องเลี่ยงไปทิศทางอื่นซะก่อน เพราะผมไม่มีเปรียญธรรมเพื่อนำมาสร้างศรัทธาให้เกิดกับคนเหล่านี้ครับ
     
  4. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    พี่ขอให้น้องอย่าท้อทุกอย่างต้องค่อยๆทำถึงแม้มันยังไม่เห็นผล น้องคง

    เคยได้ยินที่เขาพูดกันว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

    ถ้าน้องจะทำอะไรลองปรึกษาพี่คณานันท์ดู เพราะพี่เขามีประสบการณ์

    สามารถจะให้คำแนะนำได้:cool:
     
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สู้ๆนะชัช พี่เอาใจช่วย งั้นลองวิธีปฏิบัติ แล้วค่อยรู้ผลดีมั๊ย เหมือนเรากินส้มสักผล เราเท่านั้นที่จะรู้รส ว่าส้มรสเป็นอย่างไร เปรี้ยว หวาน เปรี้ยวๆหวานๆ หรือว่าจืด แล้วคนที่มองดูเรากิน กับคนที่ฟังเราพูด หรืออ่านจากที่เราเขียน เขาจะรู้ได้อย่างเรามั๊ย แต่ตรงนี้ต้องหาหนทางเปิดใจเขาให้ได้ซะก่อน ให้วางทฤษฎีลงซะ ทฤษฎีกับปฏิบัติมันไม่เหมือนกัน มันคนละอย่าง สู้ๆ นะ พี่เชื่อว่าชัชสู้ได้แน่นอน...เอาใจช่วยเต็มกำลัง...(good) :d
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอให้ทุกๆท่าน ช่วยกันโมทนา กับเพื่อนๆของผมที่ได้ตั้งใจในการเรียนสมาธิไปนะครับ ปัจจุบันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ คิดว่าแผนที่ได้วางเอาไว้ก็เริ่มที่จะเป็นรูปเป็นร่างแล้วครับ อาจจะเจออุปสรรคบ้างแต่ว่าไม่ยอมแพ้ครับ เพราะว่าความสุขของส่วนรวมย่อมสำคัญกว่าความสุขส่วนตัวครับ
     
  7. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    สู้ๆครับน้อง ขอเป็นแรงหนุน
     
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอคำชี้แจงหน่อยครับ คือว่าผมเกิดความคิดว่าหากเราโมทนาในกุศลก็จะได้อานิสงค์ 90 เปอเซ็นต์ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเกิดว่าเราดันไปโมทนาผิดขึ้นมา ไปโมทนาในอกุศล นี่แปลว่าเราต้องรับบาปมา 90 เปอเซ็นต์ด้วยใช่ไหมครับ แบบนี้สงสัยผมต้องระวังเวลาจะอนุโมทนาแล้วครับ ไม่งั้นรับบาปมาฟรีเลย ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แจงล่วงหน้าครับ
     
  9. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    วิธีเช็คผลของการปฎิบัติว่าเรามาถูกทางไหมนะครับแบบง่ายๆ

    "ปฏิบัติแล้ว โลภ โกรธ หลง แกลดน้อยลงหรือเปล่าละ ถ้าลดลงก็ใช้ได้แล้ว"
    หลวงปู่ดู่
     
  10. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099


    <!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack --> <script type="text/javascript"> <!-- function post_groan_give_793751() { fetch_object('post_groan_button_793751').style.display = 'none' fetch_object('post_thanks_button_793751').style.display = 'none' do_groan_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_add.onreadystatechange(groan_add_Done_793751) do_groan_add.send('showthread.php?do=post_groan_add_ajax&p=793751') } function groan_add_Done_793751() { if (do_groan_add.handler.readyState == 4 && do_groan_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_793751').innerHTML = do_groan_add.handler.responseText } } function post_groan_remove_all_793751() { do_groan_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_all.onreadystatechange(groan_remove_all_Done_793751) do_groan_remove_all.send('showthread.php?do=post_groan_remove_all_ajax&p=793751') fetch_object('post_groan_button_793751').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_793751').style.display = '' } function groan_remove_all_Done_793751() { if (do_groan_remove_all.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_793751').innerHTML = do_groan_remove_all.handler.responseText } } function post_groan_remove_user_793751() { do_groan_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_user.onreadystatechange(groan_remove_user_Done_793751) do_groan_remove_user.send('showthread.php?do=post_groan_remove_user_ajax&p=793751') fetch_object('post_groan_button_793751').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_793751').style.display = '' } function groan_remove_user_Done_793751() { if (do_groan_remove_user.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_793751').innerHTML = do_groan_remove_user.handler.responseText } } //--> </script> <!-- End Post Groan Hack --><!-- start adv--> <!-- / close content container --><!-- / post #793751 --><!-- post #793760 --><!-- open content container -->
    <!-- this is not the last post shown on the page --> <table class="tborder" id="post793760" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"><!-- status icon and date -->[​IMG] 05-11-2007, 12:39 AM <!-- / status icon and date --></td> <td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #16 </td></tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> [​IMG] WebSnow <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_793760", true); </script>
    เว็ปมาสเตอร์ (วีระชัย)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:06 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: London, England
    อายุ: 32 ปี
    ข้อความ: 6,201 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,133 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 32,493 ครั้ง ใน 3,719 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 50000 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    </td> <td class="alt1" id="td_post_793760" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"><!-- message --> -ปุ่มอนุโมทนา คือ เห็นด้วย ยินดี สนับสนุน (ไม่ใช่ปุ่มกดเพื่อบอกคนว่าฉันได้อ่านแล้ว )
    -ปุ่มไม่เห็นด้วย ก็คือ ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน

    การกดปุ่มอนุโมทนา ใช้สำหรับ แทนคำพูด แทนการโพส

    ถ้ากดอนุโมทนาอะไรที่เป็นบุญ ก็ได้บุญ
    ถ้าไปกดอนุโมทนากับบาป ก็ได้บาป

    ผู้กดปุ่มควรจะระวังและคิดให้ดีก่อนกด

    -------------

    อ่านเรื่อง อานิสงค์ของการอนุโมทนา
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    </td></tr></tbody></table>


    -------------------------------------------------

    ใครสนใจ อ่านเพิ่มเติมที่กระทู้นี้ครับ เพราะมีข้อมูลคุยกันหลายหน้า

    อย่ากด "อนุโมทนา" มั่วหากไม่รู้จริงว่าถูก

    http://palungjit.org/showthread.php?t=98668
     
  11. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สวัสดีทุกท่าน สึกออกจากวัดเรียบร้อย ขอบคุณพี่kananun ที่แนะนำให้
    จับภาพพระตอนทำสมาธิ เพราะผมทำแบบจับที่สะดือ เลยไม่รู้ว่าได้แค่ไหน
    ไม่รู้คืนก่อนนึกยังไงนึกภาพพระสมเด็จองปฐมขึ้นมาองค์สีเหลืองซักพักเห็น
    องค์เป็นแก้วใส เฉยเลย แต่อย่างที่ผมบอกพี่ไป สมาธิผมมันนิ่งได้ไม่นานครับ
    แต่มันไปได้ไกล แปลกดีเหมือนกันเหอๆ ทรงระดับลึกๆ ยังไม่ได้นานตามที่
    ต้องการ T_T เลยต้องนั่งทำสมาธิจากน้อยๆ ทยอยเพิ่มเวลานั่งไปเรื่อยๆ
    วันที่ 20 อาจจะไปไม่ได้นะครับ ไว้โอกาสหน้าครับ

    น้อง xorce กำลังใจดีจังเลยครับ อนุโมทนากับความพยายามในครั้งนี้ด้วยครับ
    เรื่องชมรมพระพุทธศาสนานั้น คงต้องมาคุยกันดีๆ จะเอาหลักการของตัวเองมา
    เถียงกันหรือแย้งกันคงไม่มีประโยชน์เพราะแต่ละแนวทางล้วนมีดีทั้งนั้นต้องรู้จัก
    ผสมผสานรวมกันครับ อย่ายึดว่าของใครดี หรือ ไม่ดี มันจะมีแต่เสียและเสีย
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรื่องธรรมมะนั้นหากพูดกันตามตรงแล้ว ทฤษฏี และการปฏิบัตินั้นเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว

    ผมได้เคยพบกับพระสงฆ์ที่ท่านจบ มหาเปรียญ 9 นาคหลวง แต่ได้ไปกราบเรียนถามเรื่องการปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยเจ้า ท่านกลับตอบว่าไม่มีทาง ไม่มี

    ดังนั้นการเข้ามาอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาแล้ว กลับไม่เชื่อเรื่อง


    สวรรค์มีจริง
    นิพพานมีจริง
    กรรมมีจริง
    การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
    บุญ บาป มีจริง
    การบรรลุมรรคผลมีจริง

    นั่นหมายถึงการมีทิษฐิที่เป็น มิจฉา เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็กลับปั่นทอนพระพุทธศาสนาให้สั้นลงโดยไม่รู้ตัว

    การปฏิบัติเพื่อละวางกิเลส ขัดเกลาจิตของเรานั้น ต้องลงมือทำ ต่อให้เราศึกษาเปรียญบาลีจนแตกฉานสัก 3 จบ แต่ไม่เคยลงมือทำเลย ไม่เคยเสวยผลแห่งการปฏิบัติแล้ว ก็เหมือนกับ ทัพพีไม่รู้รสแกงฉันนั้น

    ศึกษามากจนเป็นทิษฐิ เป็นมานะ กิเลสอย่างละเอียด เราปฏิบัติเพื่อเข้าถึงในความเป็นธรรมดา เห็นธรรมดา ความเป็นไปของสรรพสิ่งว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง หากยึดถือก็เป็นทุกข์ หากคลายตัวจากความยึดมั่นในสังสารวัฏฏ์ เบื่อเกิด เลิกอยากเกิด ดำริชอบให้ถึงซึ่งพระนิพพานก็ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ฉันนั้น

    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านที่มุ่งเผยแพร่ธรรม อย่างเสียสละครับ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คราวนี้เรามาดูตัวอย่างและกำลังใจในการปฏิบัติเพื่อให้จบแตกฉานในกรรมฐานสี่สิบกองครับ

    รวมทั้งการเป็นกัลยาณมิตรเอื้อเฟื้อในธรรม ต่อกันเพื่อความก้าวหน้าเจริญในธรรมของทุกๆคนครับ

    --------------------------------------------------------------
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Xorce
    สวัสดีครับ จริงๆผมชื่อ ชัด ครับ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ผมดันไปใช้ Xorce สงสัยเพราะคิดชื่ออะไรไม่ออกแล้วครับ
    ผมก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรครับ แค่ว่างๆเมื่อไหร่ก็ทำไปเรื่อยๆ
    ส่วนกรรมฐาน40กองนั้น พี่คณานันท์ให้จับทุกอย่างเป็นกสิณ ให้เป็นฌาณ4 โดยจินตนาการให้เป็นแก้วใสประกายพรึก คล้ายเป็นเพชรครับ
    -กสิณ10กองนั้น ผมใช้วิธีจินตนาการให้เป็นลูกแก้วต่างๆ เช่น กสิณไฟ ลูกแก้วไฟ กสิฯสีแดง ก็ลูกแก้วสีแดงครับ
    -ส่วนอนุสติ10นั้น ผมก็ทำดังต่อไปนี้ครับ
    -พระพุทธรูป แทนพุทธานุสติ
    -ดอกมะลิแก้วแทนคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นธรรมานุสติ
    -พระสงฆ์ แทนสังฆานุสติ
    -รูปทานที่เราได้ถวายไป แทนจาคานุสติ
    -รูปของเราออกบวช หรือห่มผ้าขาว แทนสีลานุสติ
    -รูปของเทวดา ผมนึกถึงพระอินทร์ครับแทนเทวตานุสติ
    -รูปของเชือกสีขาวๆ แทนอาณาปานสติ
    -รูปของเราเอง นอนตายอยู่ แทนมรณานุสติ
    -อวัยวะในร่างกาย ลอยไปลอยมาแล้วกลับมารวมกันเป็นร่างกายตัวเอง แทนกายคตานุสติ
    -พระวิสุทธิเทพ แทนอุปมานุสติกรรมฐาน
    -ส่วนอสุภกรรมฐานนั้น ผมก็จินตนาการถึงตัวเองแล้วตายด้วยวิธีการต่างๆ พอตายปุ้ป จึงจับภาพศพตัวเอง ให้เป็นเพชร
    -ศพ พึ่งตายใหม่ บวมขึ้นอืด เป็นสีเขียว
    -ศพ ที่มีสีเขียว สีแดงเลือด สีขาว ปะปนกันอยู่
    -ศพที่มีน้ำเลือดน้ำเหลือง
    -ศพที่ถูกฟันตัด บางส่วนออกเช่น แขนขาด ขาขาด หัวขาด ขาดกลางรึ่งท่อน
    -ศพที่ถูกสัตว์กัดดินหนึ่ง
    -ศพที่กระจัดกระจาย กระจุยเละเทะ ในป่า
    -ศพที่ถูกหั่นเป็นท่อนๆๆๆ
    -ศพที่อวัยวะในร่างกายขาด จนมีเลือดไหลออกมา ให้เน้นที่เลือดครับ
    -ซากศพที่ มีหนอยชอนไชยั้วเยี้ยทั้งร่างกาย
    -ให้เห็นศพเหลือแต่โครงกระดูก
    โดยพอเป็นฌาณ4 คือเป็นเพชรปุ้ป ส่วนต่างๆในร่างกายจะกลับมารวมกัน เป็นร่างๆเดียว ให้เป็นแบบนี้กับทุกกองครับ
    แต่ความเป็นจริงแล้ว เราจะเล่นสไตล์ไหนก็ได้ครับ
    -ส่วนที่เหลืออีก10นั้น
    -อาหาเรปฏิกูลสัญญา ผมจินตนาการถึงอาหารที่เรากินเข้าไป เสร็จแล้ว กลายเป็นของปฏิกูลและถูกขับออกมา จากนั้น ปมก็ใช้ของปฏิกูลเป็นเพชรใส
    -จตุธาตวัตถาน4 กองนี้ผมใช้สไตล์ผมคือว่า ให้มองเห็นร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็กระชากธาตุต่างๆจากร่างกายออกมาเป็นกสิณ ผมให้เป็นกสิณ4ดวงพร้อมๆกัน แล้วก็เป็นเพชรทั้ง4ดวง จากนั้นก็เอาไปใช้ขึ้นอรูปฌาณตามปกติ
    -ส่วนวิธีขึ้นอรูปฌาณนั้น ตามแบบของพี่คณานันท์ให้ทำดังต่อไปนี้ครับ
    -อรูปที่1 ให้เห็นกรรมฐานกองที่เป็นเพชรแล้ว หายไป ตัวเราก็หายไป ทั้งจักรวาลก็หายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาวๆ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ
    -อรูปที่2 ให้เห็นกรรมฐานกองที่เป็นเพชรแล้ว แตกสลายเป็นฝุ่นผง แล้วหายไป ตัวเราก็แตกสลายเป็นฝุ่นผง หายไป ทั้งจักรวาลก็แตกสลายเป็นฝุ่นผง หายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาวๆ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ
    -อรูปที่3 ให้เห็นกรรมฐานกองที่เป็นเพชรแล้ว แล้วคิดพิจารณาว่าอายตนะทั้งหก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ทำให้เกิดความทุกข์ ขอให้จงหายไป ตัวเราก็หายไป ทั้งจักรวาลก็หายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาวๆ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ
    -อรูปที่4 ให้เห็นกรรมฐานกองที่เป็นเพชรแล้ว ให้คิดพิจารณาว่า ความทรงจำของเรานั้นทำให้เกิดความทุกข์ ขอให้ความทรงจำทั้งหมดจงหายไป ตัวเราก็หายไป ทั้งจักรวาลก็หายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาวๆ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ
    -พรหมวิหาร4นั้น ผมก็แผ่เมตตาอัปปนานฌาณไปเลย หรือหากพี่จะทำแยกย่อยๆก็ได้ เมตตาอัปปนานฌาณ กรุณาอัปปนานฌาณ มุทิตาอัปปนานฌาณ อุเบกขาอัปปนานฌาณ แต่ว่าผมทำรวมไปเลยทีเดียว
    -วิปัสสนาญาณนั้น พอผมไล่อรูปในกรรมฐานแต่ละกองเสร็จผมก็ ใช้มโนขึ้นไปบนพระนิพพาน แล้วให้เห็นร่างกายตัวเองถูกทำลายไปได้อำนาจแห่งกรรมฐานกองนั้น เช่นไฟ ก็ถูกไฟเผา จนมอดแล้วหายไป ลมหายใจก็ถูกกระชากลมหายใจออก แล้วก็ตาย แต่บางกองที่เป็นพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ+อื่นๆนั้น ผมให้เห็นเป็นร่างกายของผมแตกสลายไปตามกฏไตรลักษณ์ธรรมดา
    ก็เป็นอันจบกรรมฐาน40กอง ตามที่ผมทำครับ
    ยังไงก็ขอให้อ้างอิงจากคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จะดีกว่าครับ เพราะว่าของผมอาจจะมีข้อผิดพลาด หากผิดพลาดประการใดก็ขอกราบขอขมามา ณ ที่นี้ด้วย

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอบคุณมากนะจ้ะน้องชัด...

    แหม! ค่อยยังชั่วหน่อย คลำมาถูกทาง... มีหลายอย่างที่ใช้สัญลักษณ์เหมือนกัน แต่ก็มีบางอย่างที่ต่างกัน...

    เช่นของพี่... คือที่พี่ทำนี่พี่ไม่ค่อยจะแน่ใจไงจ้ะว่าถูกต้องไหม... ว่าจะถามอาจารย์คณานันท์เหมือนกัน แต่ยังไม่ค่อยว่าง พอดีเห็นข้อความว่าชัดทำได้แล้ว พี่เลยลองถามเพื่อเทียบเคียงดูก่อนน้ะจ้ะ... ของพี่นี่ (ด้วยความขี้เกียจ)... พี่เลยนึกภาพแบบนี้...

    เริ่มจาก พรหมวิหารสี่ก่อน...
    พี่แผ่เมตตารวมแบบที่ชัดทำจ้ะ แต่เอามาไว้ข้างหน้า

    ตามด้วย...ที่บนพระนิพพาน (5)

    - มีสมเด็จองค์ปฐมท่านประทับเป็นประธานอยู่ตรงกลาง และองค์ท่านสว่างไสว(7 ละ)
    - มีดอกมะลิแก้วออกจากพระโอษฐ์ท่าน (8)
    - ต่ำลงมามีองค์หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง (9)
    - อีกฝั่งเป็นท่านปู่พระอินทร์และท่านย่า (10)
    - ทางมุมขวามือมีโต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิประดิษฐานอยู่ดังนี้จ้ะ...
    พระพุทธรูปดิน สีเหลือง (12)
    พระพุทธรูปน้ำ สีขาว (14)
    พระพุทธรูปลม สีเขียว(16)
    พระพุทธรูปไฟ สีแดง (18)
    - หน้าหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อ มีถังสังฆทานตั้งอยู่ (19)
    - ต่อมาที่บนพื้นมีซากศพของพี่เองนอนตายอยู่... แล้วนึกให้เห็นภาพตั้งแต่เริ่มตาย เปลี่ยนไปตามลักษณะต่างๆ จนเหลือแต่โครงกระดูก จนผุผังกลายเป็นฝุ่นผง (29)
    - ถัดมาที่พื้นอทิสมานกายของพี่เป็นวิสุทธิเทพกำลังนั่งสมาธิอยู่ (30)


    พี่ว่าพี่นับผิดไปหนึ่งจ้ะ... จริงๆ ต้อง 31 แล้วล่ะ เพราะพี่จะนึกเห็นตัวเองตั้งแต่ตอนหมดลมเลยแล้วค่อยกลายเป็นศพจ้ะ

    - อทิสมานกายที่นั่งสมาธิ จับลมหายใจพริ้วไหวเป็นสาย ... (พร้อมกับดึงธาตุทิพย์จากพระนิพพาน พลังธรรมชาติจากแม่พระธรณี พลังจักรวาลจากเจ้าแห่งจักรวาลมาด้วย) ( 32 ล่ะ)

    - พอลมเข้ามาในร่าง ก็จะเห็นอวัยวะต่างๆ ทำงาน เป็นกายคตา (33)

    - เห็นโครงกระดูก เห็นเลือด เห็นลมหายใจ เห็นความร้อน เป็นจตุธาตุ (34 ล่ะนะ... ใกล้แล้ว)

    - แล้วก็เห็นอาหารที่กินเข้าไปจากทางปากบน ไปออกทางปากล่าง ตลอดสาย ( 35 )

    - ภาพทุกภาพพี่จะนึกเป็นประกายพรึกให้หมดทุกภาพตั้งแต่แรก (ทำได้ไหมน้า... ต้องเริ่มตั้งแต่เป็นของดั้งเดิมหรือเปล่าหนอ... ไม่ต้องหรอกเนอะ เสียเวลา)

    ดังนั้นก็จะจับเป็นอรูป 4 แบบที่น้องชัดว่าไว้จ้ะ (39 )

    - อันสุดท้าย กสิณอากาศนี่แหละจ้ะที่พี่ไม่รู้จะจับไปยัดไว้ตรงไหน...

    ชัดลองแนะนำหน่อยได้ไหมจ้ะ...

    เอ้อ! ไหนๆ ก็พิมพ์แล้ว เดี๋ยวพี่ส่งให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบเลยดีกว่าเนอะ ว่าใช้ได้ไหม ถูกต้องหรือเปล่า

    พี่ขอบใจชัดมากเลยนะจ้ะ ที่มาทำให้ กรรมฐาน 40 ของพี่เป็นรูปเป็นร่างเสียที... ขอบใจมากจ้ะ...

    แล้วไว้คุยกันใหม่นะจ้ะ

    พี่ธร

    -------------------------------------------------------------

     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ถ้าเราจับอากาสานัญฯแล้ว ถือว่าเราจับอากาศกสิณเลยได้ไหมคะ... ต่างกันแค่ อันหนึ่งจับจากภายนอก อีกอันจากภายในเท่านั้น...

    แล้วทำไมจับภาพเหมือนกัน... แต่กลายเป็นว่าคนหนึ่งเน้นไปทางกสิณ ในขณะที่อีกคนเน้นไปทางวิปัสสนาญาณล่ะคะ

    กราบขอบพระคุณค่ะ
    -------------------------------------------------------------


    ข้อแตกต่างระหว่าง อากาศกสิณ กับอากาสานัญจะในอรูปก็คือ

    อากาศกสิณนั้นเป็นอากาศที่ว่างๆ ในมิติของโลกมนุษย์คือว่างแต่มีอากาศ ใช้ด้านอภิญญาก็เพื่อทำของทึบให้โล่งผ่านไปได้ เช่นการเดินทะลุกำแพง เป็นต้น

    ส่วนอากาสานัญจะในอรูปนั้น หมายถึงอวกาศ เป็นที่ว่างที่แม้แต่อากาศ(หรือแก๊ส)ก็ไม่มี เป็นความว่างที่ลึกกว่าไปอีก

    ดังนั้นจึงคล้ายกัน แต่ที่จริงต่างกันอย่างมากครับ

    ที่พอจับภาพเหมือนกันในกรรมฐานสี่สิบกองนั้น

    จิตเจตนาเป็นตัวกำหนด

    จิตผู้ฝึกมุ่งไปในทางอภิญญาเพื่อมุ่งสงเคราะห์ผู้คนส่วนหนึ่ง ตามแนวทางพุทธภูมิที่ได้อธิฐานมา ก็จะมาเน้นในความพิศดารละเอียดของตัวกสิณ มากกว่า


    จิตมุ่งไปในทางตัดกิเลสเพื่อให้ถึงพระนิพพานเป็นที่สุด ก็จะมาแนบในวิปัสนาญาณที่ละเอียดกว่า ลึกกว่าครับ


    แหม หากเอาทั้งสองวิธีมาผนวกเข้าด้วยกัน จะเป็นอย่างไรดีนะ :cool:
     
  15. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ขออนุโมทนากับน้องชัดค่ะที่ปฏิบัติกรรมฐานครบ40กอง สำหรับพี่กำลังพยา

    ยามอยู่ค่ะ
     
  16. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ช่วงนี้เรื่องทางโลกไม่ค่อยสนใจอ่ะครับ สนใจทางธรรมมากกว่า จนบางครั้งเสียประโยชน์ทางโลกไปบ้าง แต่ไม่เสียดายครับ การที่ผมทำอย่างนี้ถูกทางเปล่าครับ ผมอยากหมดภาระทางโลกเร็วๆจังครับ จะได้ปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ แต่ว่าภาระทางโลกยังค้ำอยู่มาก เรียนก็ยังไม่จบ ยังขอตังแม่อยู่เลย ยังไงก็จะพยามคับ
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    งาน ภาระทางโลก ไม่มีใครทำได้จบหรอกค่ะ... ตราบใดที่เรายังอยู่ทางโลก และยังมีลมหายใจอยู่...

    ถึงแม้เราจะมีภาระทางโลกกัน เราก็ปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ค่ะ... ไม่ว่าจะเป็นการจับลมหายใจไปเรื่อยๆ บ้าง... เมื่อมีเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ ก็นำกรรมฐานกองที่ชอบมาทำไปเรื่อยๆ บ้าง... หรือการนำปัญหาที่พบเจอในชีวิตประจำวันในแต่ละวันมาพิจารณาดูว่า ทุกอย่างมีความเที่ยงแท้แน่นอนหรือไม่ คงตัวหรือไม่ เป็นทุกข์หรือไม่ เป็นต้น...

    จริงๆ ตั้งแต่ตื่นยันหลับนั้น สามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา ขอให้มีสติเท่านั้นเองค่ะ...

    ตื่นมาปั๊บ จับลมหายใจ เข้า - ออก พร้อมภาพพระ... ก็ได้ อาณาฯ กับพุทธานุสติแล้วค่ะ

    เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว ก็พิจารณาว่า อาหารที่อุตส่าห์เลือกแล้วเลือกอีกว่าทั้งดี มีประโยชน์ แถมอร่อยปาก และน่ากินเหลือหลายนั้น พอมันเข้าปากไปแล้วผสมกับน้ำลายแล้ว ผ่านกระบวนการทำงานของร่างกายแล้ว ดูสิพออกมา มันยังน่ากินอีกไหม มันมีสภาพคงตัวไหม... หรือถ้าเราปวดหนัก ปวดเบา แล้วเราไม่ได้ขับถ่ายออกมา ณ ตอนนั้น มันทุกข์ไหม ฯลฯ... นี่ก็เป็นการปฏิบัติธรรมค่ะ ได้ตั้งหลายอย่างแล้ว...

    ถ้ามีเวลาอยู่กับคุณพ่อ - คุณแม่... เราก็คอยดูแล คอยปรนนิบัติ อำนวยความสะดวกให้พวกท่าน ด้วยความกตัญญูรู้คุณท่าน คุย - แนะนำกับท่านในเรื่องธรรมะบ้าง เรื่องทางโลกบ้าง เราทำตัวเป็นคนดี เป็นลูกที่ดี ให้ท่านชื่นใจ มีความสุขใจ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจบ้าง... นี่ก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมค่ะ...

    โอ้โฮ! ดูสิค่ะ เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง... เราปฏิบัติธรรมได้มากมายเลย...

    อ้อ! พอจิตสบายๆ ก็แผ่พรหมวิหารสี่ หรืออย่างน้อยก็เมตตาก่อนก็ได้ค่ะ พร้อมกับอภัยทานให้ตัวเองบ้าง ให้คนใกล้ชิดบ้าง ให้เพื่อนฝูงบ้าง ให้คนที่ไม่ค่อยถูกชะตากันบ้าง ให้เพื่อนร่วมโลกบ้าง ให้กับทุกดวงจิตในสากลจักรวาลบ้าง... ทำบ่อยๆ ครั้งละนาที สองนาทีก็ยีงดี... จิตเราเองจะเบาสบาย มีความสุข ชุ่มเย็น...

    เห็นไหมคะ เราปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา ทุกที่ทุกสถานการณ์ที่เราต้องการ ขอให้มีความพอใจที่จะทำ มีความตั้งใจจริงที่จะทำเท่านั้นเอง...

    หลวงพ่อฤาษีท่านสอนว่า หากเราปฏิบัติธรรมไปเพียงวันละเล็กวันละน้อย ครั้งละนิดครั้งละหน่อย... ทำสั้นๆ โดยใช้เวลาเพียงแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น... เราก็ได้สร้างบุญสร้างกุศลมหาศาลแล้วค่ะ เพราะในขณะที่เราปฏิบัติธรรมนั้น จิตของเราจะเป็นกุศล ไม่มีเวลาที่จะไปคิดร้ายใคร หรือทำสิ่งอกุศลใดๆ... อย่าคิดประมาทว่าสิ่งที่เราทำแม้เพียงน้อยนิด จะไม่มีผลอะไร พอจะตายทุกสิ่งทุกอย่างจะรวมตัวกันเอง... เมื่อจิตเป็นกุศล ตายไป อย่างน้อยเราก็ไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ค่ะ...

    ขออนุโมทนากับความตั้งใจดี และการปฏิบัติที่ดีของน้องพัฒนาตนนะคะ... ขอให้เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลันนะคะ
     
  18. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม" เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้

    ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด มาจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเองแก้ไขตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง

    ถ้าเป็นโลกแล้ว จะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา แต่ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องวกกลับเข้ามาหาตัวเอง เพราะธรรมแท้ๆ ย่อมเกิดในตัวของเรานี่ทั้งนั้น

    รอให้แก่เฒ่าหรือจวนตัวแล้วจึงสนใจภาวนา ก็เหมือนคนหัดว่ายน้ำเอาตอนเรือหรือแพใกล้แตก มันจะไม่ทันการณ์

    ธรรมเทศนาจากหลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปญฺโญ
     
  19. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด

    ธรรมประจำใจ

    พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

    ละได้ย่อมสงบ
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

    สันดาน
    ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

    ชีวิตทุกข์

    การ เกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

    บรรเทาทุกข์
    การ ที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ

    ยากกว่าการเกิด

    ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย

    ไม่สิ้นสุด
    แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

    ยึดจึงเดือดร้อน

    ทุก วันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ

    อยู่ให้สบาย
    ใน ภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง

    ธรรมารมณ์
    การ อยู่อย่างมีธรรมารมณ์คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์

    กรรม

    ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง

    มารยาทของผู้เป็นใหญ่

    " ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง " มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ

    โลกิยะหรือโลกุตระ

    คน ที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้ คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ? ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ? แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง

    ศิษย์แท้

    พิจารณากาย ในกาย พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    รู้ซึ้ง

    ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

    ใจสำคัญ

    การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้น เกินความคาดหมาย

    หยุดพิจารณา

    คน เรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือหยุดพิจารณาแล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้

    บริจาค

    ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอน นี่คือเรื่องของนามธรรม

    ทำด้วยใจสงบ

    เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้วปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก

    มีสติพร้อม

    จะ ทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง

    เตือนมนุษย์

    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

    พิจารณาตัวเอง

    คืน หนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง

    คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ หลวงปู่ทวด
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2008
  20. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    วันนี้ได้เห็นทีมของพี่ๆที่รวมตัวกันเพื่อเสียสละให้แก่ทุกคนแล้วปลื้มใจจัง รู้สึกดีใจที่ได้มาเจอพี่ๆน้องกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลสุขให้แก่กัน ทั้งทางโลกและทางธรรม แถมได้มะขามหวานกลับมากินอีก หุๆ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...