เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===================

    มีสองคำถาม
    คำถามแรก ขออธิบายว่า ที่ผ่านมาเคย ถอดจิตได้จริงครั้งแรก ไปที่ชายป่าตีนเขาแห่งหนึ่ง ครั้งที่สอง กลับไปที่บ้านที่นครศรี ครั้งที่สาม ไปชั้นดาวดึงว์ไปหาคุณตา แต่ไปไม่ถึงครับ เกิดเหตุมากระทบจิตให้ต้องกลับร่างก่อน
    ซึ่งก็คือไม่เคย ถอดจิตไปนิพพาน

    ส่วนประสพการสมาธิ มโนมยิทธิ หรือส่งกระแสจิตไป ท่องไปนั้น ไปมาเยอะครับ แดนนิพพาน ถามว่าเคยไปมาหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้แต่ขอยกมาสองกรณีคือ
    1 กรณีเจริญสมาธิมีความว่างเป็นเอกคตารมณ์ กระแสจิต ท่องไปในความว่าง เปล่า ว่างไม่มีอะไร เหมือนอยู่ในที่ว่าง ไม่เห็นไม่มี ไม่รู้สึกอะไร รู้สึกเฉพาะความว่าง เท่านั้น
    2 กรณีนี้ เป็นสภาวะว่างเช่นกัน แต่ท่ามกลางความว่าง ปรากฏแสงสว่าง ในความว่าง ในแสงสว่าง ณที่แห่งนี้ ปรากฏ พระอริยะ ปรากฏเห็นพระพุทธองค์ ปรากฏเห็นพระพุทธรูป เหลืองอร่าม ปรากฏเห็นจิตอื่นๆที่สว่างงดงาม ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เห็นทั้งหมด ก็กลายเป็นสภาพว่างเปล่า เหมือนไม่เห็นไม่มี ในความว่าง

    หรืออาจจะสรุปได้ว่าง สภาพแห่งนิพพาน คือว่างปล่า อันประกอบด้วยสิ่งที่เป็นความว่างประกอบอยู่ในความว่างเปล่าก็ว่าได้

    ส่วนสภาพที่หลวงพ่อฤาษีท่านกล่าวไว้ น่าจะหมายถึงกรณีที่2นั่นเอง

    จะอย่างไรก็ตาม ว่าง นั้น อาจหมายถึง
    ปรุงแต่งให้ว่าง ข่มให้ว่าง
    ว่างเพราะจิตว่างด้วยกำลังสมาธิ ปัญญา ที่เข้าถึง
    ว่างเพราะเข้าถึงธรรมชาติ ธรรมดาของมันเองครับ
    ในที่นี้ยังแบ่งได้อีกว่า
    ว่างด้วยสัญญาที่ว่าง
    ว่างด้วยปัจจุบันปัญญาที่ว่าง
    ว่างด้วยสภาพธรรมชาติว่างเปล่าของมันเอง ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  2. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    แล้วท่านทีเจเอส คิดเหมือนผมหรือไม่ครับ ว่า อาจจะมีสัญญาเก่าของเทพหรือพรหมองค์ใดก็ได้ ที่เคยไปรับฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า ในสมัยครั้งที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แล้ว สัญญาเก่าที่ว่านี้ ผมว่า ท่านทีเจเอส ต้องเข้าไปรู้เห็นได้แน่นอน ครับ
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================
    ขออนุโมทนาครับ นี่แหละ เพราะผู้มีปัญญารู้แล้ว ย่อมเข้าใจธรรมดา ในกายใจ และจิตครับ
    กายใจเป็นไปตามสภาพ แห่งกายใจ คือรูปนามฝ่ายปรุงแต่ง
    จิต เป็นตัวรู้ อาศัย กายใจ เป็นเครื่องดำเนินไป
     
  4. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เรียนถามท่านทีเจเอสครับว่า ความรู้สึกที่ส่งกระแสจิตไปดูนิพพานความว่างเปล่านั้น แล้วเวลาที่เอากระแสจิตกลับคืนร่าง อยากถามว่า ความรู้สึกว่าว่างเปล่านั้น มันตามมาด้วยมั้ยครับ
     
  5. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    หวังว่าท่านทีเจเอส จะเข้าถึงปรมัตถ์ธรรม เข้าถึงความเป็นที่สุดของตัวรู้ ที่สุดของจิต ที่สุดของสมมุติ ที่สุดของความอยากทั้งหลายทั้งปวงด้วยนะครับ

    จิตเป็นตัวรู้ เป็นนายช่างผู้สร้างเรือนโดยแท้ เป็นเชื้อแห่งการเกิดโดยแท้ เป็นตัวอวิชชาโดยแท้
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    คำตอบข้อที่สองที่ค้างอยู่

    สำหรับท่านพระพรหม ท่านท้าวมหาพรหม ยังไม่เคยทำครับ เคยแต่สื่อสารพูดคุยในเรื่องการปฏิบัติ การสร้างความดีบุญกุศลครับ จึงไม่ทราบรายละเอียดส่วนที่เหลือครับ
    พระพรหม หรือท้าวมหาพรหม อาศัยเหตุจากการเกิดได้สองลักษณะคือ

    1 อาศัยการเจริญสมาธิจิตเข้าสู่ระดับฌาณ1-8 จิตเสวยฌาณเป็นอารมณ์ และเกิดการดับกายสังขาร จิตจึงเคลื่อนออกจากกายในสภาพที่ยังเสวยทิพยฌาณ เป็นอารมณ์ จึงไปเกิดเป็นท่านพระพรหม แต่จะระดับไหน ก็ตามกำลัง

    2อาศัยการเจริญพรหมวิหาร4เป็นพรหมวิหารธรรม มีกำลังมาก พรหมวิหารเจริญเป็นสมาธิจิต ทุกขณะจิต มีอุเบกขา เป็นประธาน เป็นเอกคตารมณ์ เกิดเป็นสมาธิฌาณ เมื่อกายดับสังขารไป จิตที่เสวยอุเบกขาญาณ ที่ทรงอารมณ์เป็น อุเบกขาฌาณ จิตเสวยทิพยฌาณ เคลื่อนอัตภาพไปสู่ ความเป็นท่านพระพรหม หรือท้าวมหาพรหม ตามกำลังแห่งสมาธิ

    อย่างไรก็ตาม สมาธิก็คือสมาธิ จิตที่ทรงสมาธิย่อมเป็นจิตที่ทรงมหาสติ จิตทรงสมาสติ ย่อมสามารถรับรู้ ตามรู้ทุกสิ่งที่มากระทบจิต เสมอ ยิ่งจิตที่ทรงภูมิวาสนาปัญญาเดิมเป็นทุนแล้วด้วย ย่อมเป็นจิตที่เจริญงอกงามต่อไปได้ยิ่งๆขึ้นไปเสมอครับ พึงไม่ประมาณในจิตแห่งท่านพระพรหมและท่านท้าวมหาพรหม

    การจะรู้เรื่องราวในพุทธกาล ไม่ต้องถามใคร ควรศึกษาตามตำรา พระไตรปิฏก ไปน่าจะดีกว่า นิมิตที่ปรากฏ ก็เป็นเรื่องของนิมิต ก็แค่รู้ปล่อยวางครับ ท่าน
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    ก่อนไป อาศัยกำหนดรู้ อาศัยปัญญาจนจิตเข้าสู่ความว่าง เมื่อจิตว่าง ดำเนินไป ในความว่าง คือพบความว่างและเข้าสู่ความว่าง เมื่อกลับออกมาจากความว่าง จิตไม่ได้เอาอะไรมาจากสิ่งที่ว่าง และจิตขณะนั้นก็มีสภาพว่าง

    จิตที่เคลื่อนกลับมาจึงยังคงมีสภาพว่างครับ

    ขออนุโมทนาในคำถามครับ สาธุ
     
  8. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    นั่นแหล่ะๆ นั่นแหล่ะครับ ตามที่ท่านทีเจเอสพูดมาเลยว่า จิตที่ทรงสมาธิ

    คำว่า จิตคือสังขาร การทรงคือการเสวยเป็นวิญญาณรับรู้อยู่ว่าทรง สมาธิคืออาหารของจิตหรืออาหารของสังขาร ก็ไปครบเลยครับ เป็นท่านท้าวมหาพรหม โดยมีจิตสังขารไปเป็นท่านท้าวมหาพรหม มีวิญญาณไปเสวยอารมณ์สมาธิต่อ ที่ชั้นพรหม สมาธที่ทรงคือสภาวะอารมณ์ของชั้นพรหม เลยครับ ชัดเจนตามนั้นครับ

    ทุกสมมุติ ครบหมดเลยครับ จากสมมุติที่เคยเป็นมนุษย์ ก็ได้เปลี่ยนแปลงภพภูมิไปเป็น สมมุติที่เป็นพรหมแทน
     
  9. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ยังก่อน ยังไม่จบครับ

    ที่ว่าก่อนไป อาศัยการกำหนดรู้ ขึ้นมาก่อน ถามว่า กำหนดรู้เข้าสู่ความว่างนี้ เอาสัญญาว่างนั้น มาจากไหนครับ

    แสดงว่าถ้าไม่กำหนดรู้ ก็จะไม่ว่างไช่มั้ยครับ

    ว่าแต่ท่านทีเจเอสพอจะรู้มั้ยครับว่า ถ้าท่านทีเจเอสทำให้จิตว่าง ให้หมดเลย โดยไม่ต้องกำหนดว่างขึ้นมา มันถึงจะเป็น ความไม่มีอะไร
    ตัวที่รู้ว่าต้องกำหนดอย่างงั้น รู้ว่าว่างที่ต้องกำหนดเป็นอย่างงั้น ตัวนี้แหล่ะ ตัวสำคัญ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ============

    พระอริยะหลายท่าน ต่างก็มีจริตเดิม ภูมิเดิม มันเคลื่อนไปเป็นธรรมดาอย่างนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรปรุงแต่ง มันเคลื่อนไปตามสภาพจริงอย่างนั้น เราปล่อยวาง เราวางแล้ว แต่ในเมื่อกายยังไม่แตกดับ เจตสิก กายใจนี้ยังทำงาน มันก็ยังคงทำงานไปอย่างนั้น เราไม่ได้ยึดมั่น แม้มันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม

    หลวงปู่เขียน วัดถ้ำขุนเณร สอนว่า ก็มันเคยเป็นมาอย่างนี้ วาสนาเดิมเป็นอย่างนี้ จิตมันเคลื่อนไปในอนาคตังคสญาณ เรื่องเห็นเลข อย่างนี้ ไม่ได้ปรุงแต่ง ไม่ได้ห้าม มันเห็นของมันเอง มันชอบเขียนของมันเอง ไม่ชอบพูด แต่ชอบเขียน เขียนให้อ่าน ให้ศึกษา ก็เท่านั้น

    ผมทราบในวาสนาเดิมของผมดีพอสมควร มันเป็นธรรมดาอย่างนี้จริงๆครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  11. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    แล้วทีนี้ ท่านทีเจเอส เห็นหรือยังครับว่า

    กว่าที่จิตรู้ในตัวท่าน จะกำหนดความว่างนั้นเข้ามาเป็นอารมณ์ได้ จนจิตเข้าไปเสวยอารมณ์ว่างนั้นได้ มันต้องผ่านเปลือกไข่ที่ห่อหุ้ม(สมมุติที่เป็นเปลือกครอบจิต) หรือคือ กิเลสอวิชชาที่ห่อหุ้ม ท่านเอาไว้ภายใน เปลือกที่ว่าหนามากน้อย เท่าไหร่ ท่านคงเห็นแล้วนะครับ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    สำหรับผู้ปฏิบัติมีมรรคผล บังเกิดแล้ว การกำหนดรู้นั้น ไม่ต้องกำหนดรู้แล้ว เพราะสภาพว่าง แท้จริงมีอยู่แล้ว ไม่ต้องกำหนดแล้ว เมื่อเรามีปัญญามากพอ ปฏิบัติมามากพอ รูปนามเกิดดับ สภาพว่างปรากฏในตัวของมันเองทันที ปฏิเวธปรากฏ ความว่างเป็นสภาพธรรมชาติ อันเป็นธรรมดาที่มีอยู่แล้วครับ
     
  13. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ครับถ้าเดิมที่คุยในวันนี้ อันเดียวกันกับเดิมที่เคยเป็นเมื่อชาติก่อน แสดงว่าเดิมของชาติก่อน มันยังนำพามาเกิดเป็นเดิมในชาตินี้อยู่ นี่สิครับ แล้วเดิมที่ว่ามันดีจริง นิพพานจริงหรือครับ

    อิอิ ดังนั้น ถ้าเดิมที่เป็นอยู่ยังเป็นเช่นเหมือนเดิมในชาติก่อน ก็แสดงว่า เป็นเดิมที่ยังนำพามาเกิดได้ และนำพาไปเกิดต่อได้ ไช่มั้ยครับ:cool:
     
  14. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    คำพูดต่อไปนี้ผมไม่ได้ว่าท่านทีเจเอสหรอกนะ อ่านแล้วอย่าเข้าใจผิดนะ คือว่า

    มีหลายคนทีเดียว ที่คิดกันว่า ถ้านิพพานแล้ว ปล่อยวางจิตได้แล้ว จะไม่รู้อะไรเลย จะไม่มีปัญญาอะไรเลย แล้วเราจะเอาอะไรไปรู้ไปเห็น สิ่งต่างๆทั้งหลายกันล่ะ ซึ่งมันเป็นความเห็นที่ผิดครับ เพราะความบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ได้เช่นกันครับ
     
  15. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ขอยกตัวอย่าง ของพระโมคคัลลา นะครับ
    ท่านมีฤทธิ์ เหาะหนี กรรมเก่าที่ ตามมาเอาคืน ได้อยู่แล้ว ไม่มีวันที่กรรมเก่านั้น จะทำอะไรท่านได้ แต่สุดท้าย แล้วสุดท้าย ทำไมสุดท้าย ท่านยังต้องยอมให้กับตนเอง โดยไม่เอาจิตพากายเหาะหนีอีกต่อไป

    ที่ท่านยอมนั้น ท่านไม่ได้ยอมโจรหรือเจ้ากรรมหรอก แต่ท่านยอมให้แก่ตนเอง ที่ยอมรับว่า ตนเอง ตัวตนที่มีอยู่ จะต้องหนีและมีอยู่ เป็นอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน เท่านั้นเองครับ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขอบคุณท่านกลายแก้ว หรือท่านวงกลมจุด ด้วยครับ ที่ร่วมสนธนาธรรมและนำเกล็ดธรรมะ ดีๆมาร่วมอธิบาย แลกเปลี่ยนครับ

    ในโลกปัจจุบันนี้ หาสหายธรรม ผู้เข้าถึงธรรมเบื้องสูงได้ยาก ครับ ขออนุโมทนาบุญในเมตตาจิตด้วยครับ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ยุคสมัยใหม่ เราท่านทั้งหลายโดยส่วนใหญ่

    ไม่ได้สนใจเรื่องทุกข์มากนัก ชีวิตจึงไม่ได้อยากพ้นทุกข์ แต่ชีวิตคนรุ่นใหม่ นั้นอยากมีความสุขสบาย อยากมีบ้านมีรถมีเงินทองเยอะๆ อยากมีความสุขทั้งกายและใจ ความสุขสบายทั้งหลายนี่เอง เป็นตัณหาอุปาทาน ขับเคลื่อนไป เพราะความหวังให้ได้มาซึ่งความสุข

    แต่แท้จริง หลายท่านไม่เข้าใจว่า สุข หรือแม้แต่ทุกข์ คืออะไร และเพราะด้วยความไม่เข้าใจ สุข ทุกข์ อย่างแท้จริง ท่านก็จะไม่มีทางหลุดพ้น ทั้งสุขและทุกข์ ได้พ้น แท้จริงแล้ว ความทุกข์ นั้นให้ผลคือทุกข์ ความสุขทางโลก นั้นในที่สุดก็ให้ผลเป็นทุกข์เช่นกัน
    ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ การรู้แจ้งรู้จริงในสุขและทุกข์ นั้นแหละคือหนทางแห่งการพ้นทุกข์ การรู้แจ้ง รู้จริงนั้น ไม่ต้องไปหารู้ที่ไหน แต่ให้รู้เกิดอยู่กับจิตใจท่าน ให้รู้เท่าทันจิตใจ ให้รู้เท่าทันทุกขณะหายใจเข้าออกเท่านั้น ท่านย่อมเข้าถึงซึ่งความรู้แจ้งรู้จริงได้ในที่สุดครับ สาธุ
     
  18. karakazung

    karakazung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +28
    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    ผมมีคำถามอยู่สองข้อครับ รบกวนด้วยนะครับ

    1)ผมเป็นคนที่คิดถึงความตายบ่อยมาก แล้วเมื่อคิดก็จะคิดต่ออีกว่า ไม่อยากให้คนนั้นคนนี้ตาย ไม่อยากเสียใจเพราะการจากลา แล้วชอบคิดตลอดว่าเวลาตายจะเจ็บไหม คิดแล้วผมก็กลัวเสมอครับ ไม่ทราบมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างครับ

    2)ตอนนี้ผมใกล้จะเรียนจบแล้วจะต้องทำงานแล้วครับ อยากได้ข้อคิดดีๆที่จะใช้ในการทำงานในโลกปัจจุบันนี้ด้วยครับ

    ขอบคุณมากครับ สาธุครับ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ตอบคำถามดังนี้ครับ

    1)ผมเป็นคนที่คิดถึงความตายบ่อยมาก แล้วเมื่อคิดก็จะคิดต่ออีกว่า ไม่อยากให้คนนั้นคนนี้ตาย ไม่อยากเสียใจเพราะการจากลา แล้วชอบคิดตลอดว่าเวลาตายจะเจ็บไหม คิดแล้วผมก็กลัวเสมอครับ ไม่ทราบมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างครับ
    ควรฝึกภาวนา ด้วยการฝึกแบบ อสุภะกรรมฐาน หรือมรณานุสติ คือการฝึกปัญญา ให้รู้แจ้งเรื่องความตาย ความดับไปแห่งรูป แห่งธาตุ ทั้ง4 การมาประชุม เกิด ดับ เป็นต้น ให้เห็นสภาพความจริง ให้มีปัญญารู้แจ้ง ในกายธาตุ รูป เวทนา ในกายนี้ เมื่อเกิดปัญญา คำถามหรือข้อสงสัยย่อมหมดลง ครับ ให้พิจารณาไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นสภาพความจริงให้ได้ครับ

    2)ตอนนี้ผมใกล้จะเรียนจบแล้วจะต้องทำงานแล้วครับ อยากได้ข้อคิดดีๆที่จะใช้ในการทำงานในโลกปัจจุบันนี้ด้วยครับ
    การทำงาน นอกจากต้องอาศัย ความรู้วิชากที่เรียนมาจากมหาลัย แล้ว ยังมีสิ่งที่เธอไม่ได้เรียน ไม่มีเรียนในมหาลัยแต่จำเป็นมากที่ต้องรู้และมีคือ
    1 การมีทัศนะคติที่ดีเชิงบวกในการทำงาน
    2การมีอิทธิบาท4
    3การมีพรหมวิหาร4
    4การ่ออนน้อมถ่อมตน ไม่สำคัญตน ไม่ถือตน ให้เกียรติผู้อื่นโดยเสมอภาค
    5การซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน
    6การรู้จักให้อภัยผู้อื่น ใจกว้าง มีความเป็นผู้ใหญ่

    นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือ
    1การรู้ว่า หน้าที่ของเราคืออะไรบ้าง ด้วยหน้าที่ของเราจะส่งผลอย่างไรต่องานของผู้อื่น ส่งผลอย่างไรต่อกำไรขาดทุนของบริษัท จงตรวจสอบขอบเขตและรับผิดชอบให้ดี
    2ศึกษา ยอมรับกฏกติกาของสังคมการทำงาน เพราะเราเป็นสัตว์สังคม จงทำงานด้วยสมอง ใช้ปัญญา จงทำงานในแบบที่เป็นทิศทางเดียวกัน จงทำงานในแบบที่เราเก่งไปด้วยกันอย่าเก่งคนเดียวหรือแผนกเดียว จงดึงผู้อื่นเข้ามาร่วมรับผลงานที่ดีที่เราทำเสมออย่ารับคนเดียว ให้ความสำคัญกับลูกน้องให้มาก เพราะเขาคือรากหญ้าที่ทำให้เราโต ศึกษาเข้าใจสิ่งที่เจ้านายต้องการ เพื่อน ลูกน้องต้องการ ให้ได้ ให้รู้ว่าแต่ละกลุ่มต้องการอะไร เราอยู่ตรงไหน ต้องทำอย่างไร

    3ต้องฝึกสติ สมาธิ เพื่อใช้ในการสร้างวุติภาวะของตน สร้างความเป็นผู้นำ สร้างความเป็น ผู้ตาม สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ดับ ความโกรธ ได้ มีสติ ควบคุม ไม่ปากเสียก้าวร้าว แต่บางครั้งก็ควรพูดจาแบบตรงไปตรงมาได้ เพื่อประโยชน์ ไม่โลภ ไม่หลง ต้องฝึกสติ เพื่อควบคุมจิตใจอารมณ์ของตนให้ได้
    จงมองทุกอย่างด้วยปัญญาและเข้าใจกิเลส ของการทำงาน เพื่อใช้มันให้เกิดประโยชน์ คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป นอกจากนี้สติและสมาธิจะทำให้เราละเอียดรอบคอบ ในการทำงาน

    4ต้องพยายามหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งในด้านวิชาการความรู้ในงาน และด้านการบริหาร ตลอดจนความรู้ด้านตัวเงินหรือบัญชี เพื่อประกอบการตัดสินใจในการทำงานต่างๆ เพื่อปัญญารอบรู้มากขึ้น เพื่อการพัตนาตนเองต่อเนื่องยิ่งๆขึ้นไป

    5สุดท้าย ทุกบริษัท ต้องการคนดี มีความสามารถเพื่อไปทำงาน เพื่อทำให้องค์กรณ์เจริญเติบโต ที่สำคัญคือ เราต้องมีส่วนช่วยให้บริษัท มีกำไร ควบคู่ไปกับ งานที่ต้องมีคุณภาพ ทำอะไร ขอให้มองเป็นตัวเงินเสมอ และทบทวนด้านคุณภาพเทียบเคียงไปด้วยเสมอ นะครับ

    ขอแนะนำแบบนี้ก่อนเพราะว่า เป็นเรื่องที่เปิดกว้างมากสำหรับเรื่องนี้ ้เพราะความจริงแล้ว มันเกี่ยวข้องหลายอย่าง คือ ตัวเรา ความสามารถ ทัศนะคติ ความเชื่อ สังคมการทำงาน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เจ้านาย ลูกค้า supplier กฏหมายหรือความเกี่ยวข้องกัน กฏข้อตกลงของลูกค้า ระบบคุณภาพ อื่นๆ

    ขอให้ค่อยๆเรียนรู้ไปนะครับ



    [/COLOR]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2014
  20. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ขอเพิ่มเติม ต่อจากคุณ tjs นะครับ

    ให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ แล้วจะดี
    หมั่นเข้าหาผู้ใหญ่ ทำตัวให้น่ารัก ถ้าเข้าหาผู้ใหญ่เก่งเราก็จะเจริญก้าวหน้าเร็ว
    ก็คือสบายเร็ว
    เก็บข้อมูลจากรุ่นพี่เยอะ ๆ เรียนรู้จากคนที่อยู่ก่อนเรา
    เราก็จะไม่ต้องเหยีบซ้ำรอยผิดพลาดคนอื่น

    หมั่นสังเกตุ เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ลูกค้า แม่บ้าน ยาม ฯลฯ นิสัยเขาเป็นยังไง
    ในอนาคตเราจะต้องทำงานกับคนเหล่านี้ เราจะต้องเจอคนหลากหลาย
    ในที่ทำงาน จะมีแค่ไม่กี่คนที่เราจะไว้ใจได้
    เรียนรู้เยอะ ๆ ทำตัวให้ active
    อยากรู้ว่า active เป็นไงก็ดูพวกพิธีกรเก่ง ๆ ต่าง ๆ
    นำข้อดีของเขามาใช้

    งานเราต้องไม่เสีย ต้องรับผิดชอบในส่วนของเราให้ดีที่สุด
    แล้วถ้าอยากได้คะแนนเพิ่ม ก็รับช่วยผู้อื่นด้วย ก็จะเป็นที่รัก มีคนสนับสนุนมาก

    จริง ๆ มันมีอีกเยอะ ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ
    ที่เปลี่ยน กฎก็เปลี่ยน

    สุดท้ายแล้ว ถ้าเราเก่งเกินไป โดดเด่นเกินไป เฉิดฉายเกินไป ก็จะมีคนอิจฉา
    แล้วอาจถูกสะกัดดาวรุ่งได้ง่าย ๆ ด้วยความที่เรายังใหม่ และอ่อนประสบการณ์นั้น
    เป็นเรื่องยากที่เราจะสู้ และตามทันเขาได้
    ถึงตรงนี้ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ศีล เท่านั้น

    จงรักษาศีลของตัวเองไว้ให้ดี
    เพราะเมื่อถึงคราวมีภัย ถึงคราวจำเป็น ศีลนั้นแหละ จะปกป้องคุ้มครอง รักษาเรา
    คนที่มีศีลอยู่ตลอดเวลา ก็เหมือนกับคนที่สร้างบ้านอยู่ภายใต้เงาภูเขา
    ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะกิน จะเดิน เขาก็อยู่ภายใต้เงาภูเขานั้น
    เหมือนศีลของเขา ไม่ว่าเขาจะนั่ง จะนอน จะกิน จะเดิน
    เขาก็ดำรงจะอยู่ในศีลของเขา
    ศีลของเขาก็จะดูแล คุ้มครองเขาตลอดเวลาอยู่ เช่นนั้นแล.
     

แชร์หน้านี้

Loading...