นี่หรือ คือวิธีจัดการกับศพในทิเบต

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย wisakha, 15 สิงหาคม 2014.

  1. wisakha

    wisakha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +210
    คนตายไปก็ไม่มีอะไร เป็นอาหารของบรรดา แร้ง กา น้อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2014
  2. mngo

    mngo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,335
    อื้อหือ ....ไม่น่ากดเข้ามาดูตอนตี 2 เลย จะนอนแล้วเชียว
     
  3. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ศาสนาพุทธกล่าวไว้ นามะ รูปัง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

    ชื่อนี้ ร่างกายนี้ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยงแท้ ไม่มีตัวตน

    ศาสนาฮินดูกล่าวไว้ว่า ราม สัจจะเฮ

    คำกล่าวของราม เป็นความจริงคือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย
     
  4. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    เมื่อก่อน ก็คิดว่ามันน่ากลัวนะ
    แต่พอไม่รู้สึกอะไรกะความตายแล้ว รู้สึกว่าการจัดการศพแบบนี้ก็เป็นวิธีที่เรียบง่าย รวดเร็ว และไม่เป็นภาระแก่คนข้างหลังเท่าไหร่

    เอามาฝากค่ะ
    พิธีศพของชาวพุทธธิเบต แร้งกินศพ (Tibetan Buddhist Sky Burial)

    http://pantip.com/topic/30932733
     
  5. มเหศวร

    มเหศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,776
    ค่าพลัง:
    +792
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ

    พิจารณา มหาพิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา

    ปรมถบารมี
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ...เขาคงคิดว่าจะทำศพให้เกิดประโยชน์บ้างมังคะ
    คิดต่างกับไทยเรา และเราไม่คุ้นเคย
     
  7. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ..เพราะมันเป็นประเพณีของเขา..แต่มันจะไม่ธรรมดาถ้าเอาประเพณีเขามาทำที่ประเทศไทยค่ะ
     
  8. Michigan

    Michigan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +388
    เป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ คืนร่างอันไร้วิญญาณให้ธรรมชาติไป อนุโมทนาบุญชาวธิเบต
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676

    คนเราตายไปแล้ว ประโยชน์น้อยกว่าวัวกว่าควายอีก วัวควายเนื้อหนัง กระดูยังใช้ประโยชน์ได้ แต่คนนั้นกลับไม่ใช้ประโยชน์อันดันเลย

    ทางพระพุทธศาสนาเน้นให้เผาร่างที่ไร้ดวงจิต มีจุดประสงค์หลักคือ 1.ดวงวิญญาณที่ตายไปแล้วจะได้ไม่ยึดติดในร่างเดิมของตน จนไม่ไปไหน 2.การเผาเป็นการป้องกันโรคระบาดได้ดีที่สุด 3.แต่ถ้าเกิดไม่เผาก็ให้ร่างนั้นได้ใช้ประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งจะทำให้เราไม่ยึดติดกลับร่างเก่า และรู้สึกเอิบอิ่มมีปิติหากร่างนั้นได้ใช้ประโยชน์(ในทางที่ดี) ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย นี่แหละเหตุผล

    ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ แต่ถ้าเอาร่างมาให้แร้งกินคนตายยังได้บุญอีก แต่ที่เค้าต้องตัด ต้องเฉือน ต้องผ่าศพ เพราะต้องการให้แร้งนั้นกินง่าย และหากไม่ตัด ไม่ฉีก อีแร้งมารุมทึงนั้น เศษ เนื้อกระจาย ดูอุจาดตามากกว่าอีก
     
  10. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    มีสิ่งหนึ่งที่ใน pantip ยังไม่ได้อธิบายไว้ ตรงนี้ผมขอเสริมให้แล้วกัน สำหรับคนที่อ่านทางโน้นมาแล้ว

    ในทางธิเบตเอง เป็นที่ทราบกันว่า นับถือวัชรญาณ ถามว่าเขาเชื่ออะไร ก็ต้องบอกว่า เขาเชื่อว่าการตรัสรู้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และการตรัสรู้นั้นมันเหมือนกับเราอยู่ในที่มืด ๆ และมีฟ้าแลบเกิดขึ้นที่ทำให้เรามองเห็นทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่งในทันใด แต่ฟ้าที่แลบนี้มันยังคงสว่างอยู่อีกตลอดไปไม่กลับไปมืดอีก วัชระ = เพชร หรือฟ้าแลบฟ้าผ่า

    ในอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องพระวินัย ตรงนี้อธิบายง่าย ๆ ว่าเขาถือการปฏิบัติแบบมหายานที่พัฒนามาจากสายมัธยมกะและโยคาจาร แต่ถือพระวินัยในกลุ่มมุลสรวาสติวาท ซึ่งพัฒนามาจากสรวาสติวาท หรือกล่าวได้ว่าพัฒนามาจากพระวินัยสายดั้งเดิม (สำหรับเรื่องมัธยมกะและโยคาจาร ผมได้อธิบายไว้แล้วในกระทู้ตายแล้วมีอยู่หรือตายแล้วสูญ ใน http://palungjit.org/threads/ตายแล้วดับสูญ-หรือ-มีอยู่.535654/

    จากที่เขาถือเรื่อง พระโพธิสัตว์นี่เอง มันนำไปสู่การพัฒนาวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับโพธิสัตว์วิถีตั้งแต่เกิดจนตาย โดยเฉพาะอวโลกิเตศวรและมัญชูศรี ซึ่งกล่าวง่าย ๆ ว่าคือภาคกรุณาและปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้านั่นเอง โดยเฉพาะกับอวโลกิเตศวรนี่ที่มีอิทธิพลกับธิเบตมาก เหตุผลที่ใช้อธิบายได้ก็คือมาจากความเชื่อที่ว่าดาไลลามะปรมุขของรัฐและศาสนจักรของธิเบตก็คืออวตารแห่งองค์พระอวโลกิเตศวรนี่เช่นเดียวกัน ความเชื่อเรื่องโพธิสัตว์นี้วางรากลึกอยู่ในวิถีชีวิตอย่างแนบแน่น ที่นี่เขามองกันว่าทุกชีวิตอยู่บนวิถึแห่งโพธิสัตว์ มุมมองที่เขาใช้อธิบายเรื่องนี้จะมาจากเรื่องโพธิจิตเป็นส่วนมาก เรื่องโพธิจิตนี้ใช้อธิบายว่า จิดแห่งการตื่นรู้หรือจิตแห่งพุทธนี้มีอยู่ในทุกสรรพชีวิต เพียงแต่ต้องอาศัยการขัดเกลาและปัญญาจึงจะสามารถเข้าสู่หนทางแห่งพุทธได้ วัฒนธรรมเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนี้มีวิธีคิดอีกมาก ตรงนี้คงไม่พูดถึงเพราะจะไม่เข้าเนื้อหากะทู้

    ในส่วนของความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดตาย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ธิเบตให้ความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเขาเชื่อว่า สภาวะจิตก่อนตายจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเนื่องจากเป็นตัวกำหนดชาติกำเนิดต่อไป และในทางธิเบตเองก็ได้อธิบายขั้นตอนเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด เพื่อให้มนุษย์เราเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ของการละเบญจขันธ์และการเดินทางของจิต เพื่อให้ให้ตกไปอยู่ในอบายภูมิ และเดรัจฉานภูมิ แต่ให้คงอยู่ในภพภูมิที่สามารถปฏิบัติได้บำเพ็ญต่อในเส้นทางโพธิสัตว์ต่อได้ ก็คือเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละดีที่สุด เพราะเป็นทางที่ดีที่สุดในการบำเพ็ญเพียรภาวนา ไม่ได้หวังพึ่งสวรรค์สมบัติ ลาภลอยดังที่ชาวไทยเรานิยมเท่าใด

    จากความเชื่อเรื่องอวโลกิเตศวร (ในธิเบตเองพระอวโลกิเตศวรเป็นชาย แต่พอไปถึงจีนก็ได้ผสมกับนิทานพื้นบ้านหรือบุคคลในประวัติศาสตร์กลายเป็นหญิงไป) ความเชื่อนี้ ส่งผลต่อพิธีกรรมที่เราเห็นอันหนึ่งคือการทำทานหลังจากที่เราเองตายไปแล้ว ด้วยการนำร่างกายนั้นเป็นทานเป็นอาหารแด่ฝูงปลานกต่าง ๆ หลังจากระยะเวลาหนึ่งที่เขาเชื่อว่าวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้วจริง ๆ

    ในเรื่องนี้มันมีมิติและเหตุผลทางวัฒนธรรมประกอบกับภูมิศาสตร์อยู่ส่วนหนึ่ง ที่คนนอกบางทีก็มักจะลืมมอง คือธิเบตเองอยู่บนที่ราบสูง ดินแข็ง ผสมกับหนองบึงที่กลายเป็นทุ่งหิมะและทุ่งน้ำแข็งในฤดูหนาว ที่ฝรั่งเรียกว่า Thermafrost ซึ่งเป็นตัวกำหนดลักษณะเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมโดยเฉาะเรื่องการกินอยู่ และการก่อสร้าง เจ้า Thermafrost นี่ถูกพูดถึงมากช่วงมีการสร้างทางรถไฟสายชิงให่-ธิเบต เพราะไม่เคยมีใครสามารถสร้างอะไรแบบนั้นได้บนทุ่งน้ำแข็ง แต่เรื่องนี้ท้ายที่สุดก็สามารถเอาชนะความท้าทายทางวิศวกรรมนี้ได้ด้วยการศึกษาวิธีการจากการก่อสร้างบ้านเรือนของชาวธิเบตเร่ร่อน หรือพวก nomad นั่นเอง

    ทางด้านกายภาพ จากการที่มีพื้นที่เป็นหินแข็งโดยทั่วไป ต้นไม้ใหญ่ก็มีไม่มาก ทำให้การจะเผาศพกลายเป็นเรื่องยากและสิ้นเปลืองมาก การทำ skyburiel น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทางหนึ่ง เพราะไม่ต้องเผาเนื้อด้วยฟืนจำนวนมาก หรือต้องขุดดินที่มีแต่กรวดกับพื้นแข็ง ๆ แต่เลือกที่จะกำจัดเนื้อเพื่อเผากระดูกอย่างเดียว อีกทั้งยังได้บุญ ได้ทำทานอีกด้วย สมดังวิถีทางแห่งพระโพธิสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2014
  11. Penty

    Penty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2014
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +1,580
    จะว่าไปก็ดูมีประโยชน์ เป็นอาหารให้นกได้ ไหนๆร่างกายตายแล้วก้อเอาไปไม่ได้ จัดเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก เหลือเอาไว้แต่ความดีความชั่วนี่แหล่ะ
     
  12. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ถือว่าเป็นมรณานุสติได้ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...