วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    เมือตอนประมาณสามทุ่มกำลังสวดมนต์อยู่ ตอนนั้นจิตเป็นสมาธิอย่างมาก

    พอดีตาเห็นภาพสมเด็จองค์ปฐมประทับนั่งเปล่งประกายฉัพพรรณรังษีเป็นประ

    กายแก้วค่ะ ที่เห็นๆด้วยตาเนื้อค่ะอยากถามผู้รู้ช่วยอธิบายให้เข้าใจด้วยค่ะ
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอโมทนาบุญด้วยครับ ท่านเมตตามาโปรดมายืนยันผลในการปฏิบัติ ที่ทำได้ครับ

    อันที่จริงเราทำได้เพียงใดแค่ไหน ฌานอะไรไม่สำคัญ

    สำคัญที่จิตของเราเกิดความสงบเป็นประการที่หนึ่ง

    จิตยกระดับภูมิธรรม เข้าใจเรื่อง เมตตาพรหมวิหารสี่ จิตหลุดวางจากความยึดมั่นถือมั่นในวัตถุ

    จิตปรากฏความเป็นทิพย์ ญาณทัศนะอันเป็นเครื่องประกอบการศึกษาในกรรม การเวียนว่ายตายเกิดและชาติภพ ปรากฏขึ้น

    จิตเราเริ่มปล่อย เริ่มวางในร่างกาย ขันธุ์ห้า เห็นความไม่เที่ยงเป็นทุกข์

    จิตเข้าใจใน โทษภัยแห่งสังสารวัฏฏ์ การเวียนว่ายตายเกิด

    จิตตั้งมั่นจุดเดียว ในพระนิพพาน มั่นคงในพระรัตนไตรแน่บแน่น


    ปฏิบัติอย่างไรพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่เลือนจากจิตใจของเรา

    ยามเมื่อเราวางจิตเป็นอุเกขา แล้ว ย่อมปรากฏสิ่งยืนยันในผลแห่งการปฏิบัติจนแจ้งแก่ใจเองครับ
     
  3. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ขอขอบคุณค่ะที่ให้คำแนะนำ จะขอตั้งใจปฏิบัติจนกว่าจะถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้

    ขอให้ทุกท่านได้ธรรมบารมีสูงๆยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  4. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ของเก่าเริ่มทำงานบ้างแล้วครับ ก็เลยอยากฝึกกรรมฐานด้วยตนเอง ตามหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนนี้ลองฝึกกสิณแสงสว่าง เพื่อใช้ฝึกทิพยจักษุญาณเป็นกำลังให้ญาณ8 ถ้าฝึกเองแบบนี้จะสมควรรึเปล่าครับ ผมเองขอบารมีของพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ตลอดครับ ใครเคยฝึกแบบนี้ แนะนำผมบ้างครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จะจัดให้ครับ การฝึกมโนมยิทธิแบบญาณแปด ควบวิปัสนาญาณ

    ต่อไปจะขยับการติวเข้มให้เป็นกำหนดการประจำมากขึ้นครับ ตามที่มีการเรียกร้องกัน

    กำหนดการจะแจ้งให้ทราบในกระทู้นี้ครับ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    พี่คณานันท์ครับ ปัจจุบันผมสอนเพิ่มได้วันละ4-5คน และดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ เพราะว่าคนเริ่มสนใจกันมากขึ้นจากปากต่อปากครับ ทีนี้ผมกะจะนัดรวมแล้วอธิษฐานพลิกจิตเป็นสัมมาทิฏฐิ ผมอยากจะขอทราบขั้นตอนการอธิฐานครับ ว่าให้คิดและวางอารมณ์ประมาณไหน และก็สติปัฐานกับวิปัสสนาญาณนี่ตัวเดียวกันไหมครับ ขอบพระคุณมากครับ ปัจจุบันยิ่งสอนยิ่งอิ่มใจครับ ยิ่งพอเขาแผ่เมตตาอัปปนานฌาณ แล้วเขารู้สึกเย็น แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนอยากบวช พอมาคิดแบบนี้แล้วรู้สึกมีความสุขมากเลยครับ อิ่มใจสุดๆเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2008
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ถามพระท่านให้

    ตั้งเป็นชมรมครับ เป็นเอกเทศ เพื่อเป็นการรวบรวมน้องๆวัยรุ่นที่อยู่ในวิสัยการเข้าถึงธรรมให้เข้าสู่ธรรมสู่การปฏิบัติครับ ไม่ต้องจำกัดเฉพาะโรงเรียนของเราครับ

    อนาคตจะปรากฏว่า เพื่อนๆจากโรงเรียนอื่นใกล้เคียงและที่รู้จักกันที่เรียนพิเศษจะมารวมกันมากขึ้นครับ

    พระท่านให้จัดหนังสือของหลวงพ่อเอาไว้ให้เพื่อพวกเราได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงครับ จะรีบจัดให้

    -กรรมฐานสี่สิบกอง
    -ทิพยอำนาจ
    -ประวัติหลวงพ่อปาน
    -มโนมยิทธิและประวัติของฉัน(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    -ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า
    -หลวงพ่อธุดงค์
    -มหาสติปัฐฐานสี่

    อย่างไรขอโมทนาบุญด้วย กำลังใจเข้มแข็งดีมาก ผลแห่งการทำความดีก็ปรากฏชัดครับ

    การอธิฐานสัมมาทิษฐินั้น เราจะต้องชี้ให้เขาเห็น ได้ สุขที่ไม่เกี่ยวกับวัตถุก่อน ว่าสุขจากความรัก ความเมตตา สุข อิ่มใจจากการให้ นั้นเป็นสุขจากใจ จิตเราบริสุทธิ์ใสสะอาดจริงๆ เห็นคุณค่า เห็นความงดงามแห่งจิตใจของตนเอง เห็นความงดงามของการเอื้อเฟื้อต่อกัน เห็นความงดงามของมิตรภาพที่มีแต่การให้

    เมื่อเขาซาบซึ้งในคุณค่าของจิตใจแล้วจึงให้เขา อธิฐานให้เป็นสัมมาทิษฐิ ตั้งมั่นใน

    -การให้ การสงเคราะห์ ความเอื้อเฟื้อกัน
    -ความคิดเป็นบวก เป็นกุศล เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
    -ความเชื่อมั่นและความมั่นคงในเส้นทางแห่งความดี

    เป็นก้าวแรกของสัมมาทิษฐิครับ

    หากอธิบายให้เพื่อนเข้าใจได้ ก็คือให้เขาเข้าใจและเชื่อใน

    -การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
    -สวรรค์ นรกมีจริง พรหม นิพพานมีจริง
    -กรรมและกฏแห่งกรรมมีจริง บุญมีอานิสงค์จริง

    ดังนั้นเราจึงต้องทำความดี อยู่ในเส้นทางแห่งบุญแห่งความดีงามเอาไว้
    ความงามที่ออกมาจากจิตใจของเรา ส่งผลออกมาสู่ภายนอกได้

    เมื่อรวมกลุ่มกันได้ ก็ค่อยๆ ริเริ่ม ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมครับ เพื่อเพาะบ่มกำลังใจพุทธภูมิของตนเองและเพื่อนๆกัน

    ความสะอาดใสของใจ
    พลังของวัยรุ่น
    ความดีงามของจิตใจ
    ความสามัคคี

    สร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อส่วนรวมได้มากครับ
     
  8. tam220t

    tam220t ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +537
    พี่คณานันท์ครับ ตอนนี้การสร้างพระ สมเด็จองค์ปฐม หน้าตักสามสิบนิ้ว ทองเหลืองพ่นสีทอง สององค์ของผมกำลังจะสำเร็จ ไม่เกินวันที่ 27 เดือนนี้แล้ว และกำลังสงสัยว่า จะบอกบุญให้คนอื่นร่วมสร้างดีไหม เนื่องจากตอนแรกตั้งใจว่าจะทำคนเดียวเพราะเป็นการสร้างเพื่อเจือจางบาปที่เคยกระทำบางอย่าง
    แต่เคยอ่านมาว่า ยิ่งหลายคนสร้างดวงบุญก็จะกระจายไปกว้างขึ้น แบบนี้ เจ้ากรรมนายเวรผู้ที่ผมตั้งใจทำอุทิศให้จะได้กุศลลดลงเนื่องจากมีคนอื่นมาร่วมสร้างไหมครับ ขอพี่ช่วยถามพระให้ด้วยครับ
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วิปัสนาญาณ คือ ญาณความรู้ในการพิจารณาหัวข้อธรรม มีความเกี่ยวเนื่องในการปฏิบัติธรรมในทุกๆหมวด เมื่อใดที่เราพิจารณาในกฏไตรลักษณ์ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ก็ดี

    พิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไร้แก่นสาร สาระก็ดี

    พิจารณาในบารมีสามสิบทัศน์และการพิจารณาการตัดสังโยชน์สิบก็ดี

    นับได้ว่าเป็นการทำวิปัสนา หรือเจริญวิปัสนาญาณ



    ------------------------------------------------------

    ส่วนสติปัฐฐานสี่ หรือมหาสติปัฐฐานสี่ นั้นเป็นหมวดแห่งหัวข้อธรรมในการปฏิบัติ เพื่อการหลุดพ้นซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญว่า เป็นทางสายเอกเพื่อการหลุดพ้น

    หากกำลังใจเข้มแข็งย่อมบรรลุธรรมในเจ็ดวัน

    หากกำลังใจหย่อนลงมาย่อมบรรลุธรรมในเจ็ดเดือน

    หากย่อหย่อนลงไปอีกย่อมบรรลุธรรมในเจ็ดปี


    มหาสติปัฐฐานสี่ หมายถึง การทรง สติ อยู่ใน ฐาน สำคัญสี่ประการ อันได้แก่

    กาย

    เวทนา

    จิต

    จำแนกอัตถาธิบายได้ดังนี้

    กายนั้นพึงพิจารณา กายภายในและกายภายนอก อันได้แก่ ร่างกายของเราเองและร่างกายของบุคคลอื่น

    แบบสุกขวิปัสโก จะพิจารณา ลมหายใจ การเคลื่อนไหว อิริยาบท เมื่อมาพิจารณามาประกอบกับ "ธรรม"

    จะพิจารณาในแง่
    -กายเป็นสิ่งปฏิกูล
    -กายเป็นรังของโรค
    -ภาวะแท้จริงของร่างกายที่ประกอบไปด้วยธาตุสี่
    -ภาวะแท้จริงของร่างกายที่ประกอบไปด้วยอาการ สามสิบสอง เช่น ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง เสลด น้ำลาย น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง กระดูก แก่นกระดูก เส้นเอ็น พังพืด ม้าม ตับ ไต ปอด หัวใจ กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ อาหารใหม่ อาหารเก่า สมอง เนื้อเยื่อ เป็นต้น

    -เพื่อพิจารณาว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดีไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มีความแก่ ความเจ็บ ความตาย และเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ แห่งความอยากเกิด

    ส่วนการตั้งสติปัฐฐานในกายแบบอภิญญา นั้น เราจะกำหนดรู้ในมโนมยิทธิ เห็นสภาวะ ร่างกาย แบบรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งกาย เห็นกายเราโปร่งใสเห็นการทำงานของร่างกายพร้อมกันทั้งหมด เห็นร่างกายของคนที่ว่าสวยว่าหล่อ เป็นโครงกระดูกบ้าง เป็นสภาพที่ค่อยๆแก่ลง แก่ลงไปบ้าง จนเห็นทอดกายเป็นศพ เน่าสลายไปบ้าง เห็นกายภายในของเรา ว่า เราคืออาทิสมานกายที่มาอาศัยร่างกายนี้ตามบุญบาป เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา

    โดยสรุปคือ การทรงสติเพื่อการพิจารณากาย อารมณ์ใจที่ต้องการคือ ความเบื่อหน่ายคลายจางจากความหลงในร่างกายของเราเองและคนอื่น ว่า สวย ว่า หล่อ ว่าน่าพึงใจ น่าปรารถนา น่ารักใคร่

    การรู้เท่าทันสภาวะความเป็นจริงและเป็นไปของร่างกายนี้
     
  10. Aunop

    Aunop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +1,243
    เรียน คุณคณานันท์ ที่นับถือ

    ดิฉันติดตามกระทู้ที่มาโดยตลอด ได้เริ่มฝึกการทำสมาธิอย่างจริง ๆ จัง ก็จากกระทู้นี้ รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิต เป็นชีวิตที่มีความสุข ไม่ใช่จากการปรนเปรอทางวัตถุ แต่เป็นความสุขใจ โดยเฉพาะเวลาปฏิบัติธรรม
    นั่งสมาธิ

    ที่ชัดเจน คือรู้สึกรัก เมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก อยากช่วยเหลือ ถ้าช่วยได้ สามารถสละทรัพย์ เป็นทาน บริจาค ได้โดยไม่รู้สึกเสียดาย และไม่หวังว่าจะได้สิ่งใดตอบแทนมา แค่เห็นเค้ามีความสุข เราก็สุขใจ

    แต่ขณะนี้ เหมือนกำลังถูกทดสอบค่ะ พระท่านคงอยากทราบว่ากำลังใจของเราเข้มแข็งหรือไม่ เรากล้าเสียสละได้มากเพียงใด และเราจะแก้ปัญหาให้ตัวเองได้อย่างไร เรื่องก็คือ ขณะนี้ ดิฉันจำเป็นต้องสละทรัพย์ส่วนตัว เพื่อสงเคราะห์คนใกล้ชิด ซึ่งมีปัญหาครอบครัวเกี่ยวกับการเงินการทอง ทำให้ไม่สามารถทำทานบริจาคเพื่อช่วยพระศาสนาได้ดังที่ตั้งใจไว้ ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน จะทุ่มเทตัวเองไปกับปัญหาของเค้ามากไป เราก็จะลำบาก ครั้นจะไม่ดูดำดูดี ก็ตัดใจไม่ได้

    ก็ทุกข์ใจมากโขอยู่ ถึงกับชะงักงันในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิ ใจไม่สงบเลย มักจะฝันร้ายเกี่ยวกับเค้าเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ ก็ยังพิจารณาอยู่ว่า จะใช้ธรรมะข้อใด มาสลายทุกข์ใหญ่นี้ได้

    เกี่ยวกับการปฏิบัติ เท่าที่ติดตามกระทู้นี้ พบว่ามีน้อง ๆ หลายท่านเจริญก้าวหน้าไปมาก ๆ รู้สึกละอายใจ ว่าเรายังไม่ไปถึงไหนเลย ก็ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า คงยังไม่ถึงวาระของเรา...

    อยากจะเรียนถามเกี่ยวกับการปฏิบัติของดิฉัน คือเมื่อหลายเดือนก่อน ได้มีโอกาสไปฝึกมโนฯ ที่บ้านสายลม แต่กลับมาแล้วปวดมึนศีรษะ แล้วตามด้วยไมเกรน ก็เลยไม่ทราบว่า เป็นเพราะไม่ถูกจริตกับตนเองรึเปล่า แต่วันนั้น แอบได้ยินครูฝึก (หญิง) บ่นว่า ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกมึน ๆ ดิฉันก็อยากจะตอบไปว่า ดิฉันก็มึนเหมือนกัน ได้ยินท่านเปรย ๆ ว่า "มากันดี ๆ ทั้งนั้นเลย" คือกลุ่มที่ไปกันนั้น ท่าทางจะเก่งๆ กันทั้งนั้นเลย (ยกเว้นเรา) ก็เลยยังชั่งใจอยู่ว่า จะไปต่อในคราวหน้าดีไหม๊ กล้วกลับมาปวดหัวไมเกรนอีกน่ะค่ะ

    ขออนุโมทนากุศลผลบุญของท่านทั้งหลาย จงมีผลานิสงส์ ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะญาติท่านนั้นของดิฉัน จงพ้นทุกข์ พ้นภัย จากวัฏสังสารนี้ในเร็ววันด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เวทนา

    การทรงสติระลึกรู้ไว้ในเวทนา ร้อน ก็รู้ว่าร้อน เย็นก็รู้ว่าเย็น เมื่อยก็รู้ว่าเมื่อย หิวก็รู้ว่าหิว อิ่มก็รู้ว่าอิ่ม ปวดก็รู้ว่าปวด เมื่อยก็รู้ว่าเมื่อย

    เมื่อสติระลึกรู้ในเวทนาแล้ว ก็พิจารณาต่อไปว่า เวทนาหรืออาการที่ปรากฏขึ้นกับร่างกายนี้ เป็นทุกข์

    พิจารณาธรรมในเวทนา ต่อไป ว่า การที่เราหิวนี้ เป็นทุกข์เราต้องลำบากหาอาหารมาบำรุงร่างกายนี้ บางครั้งมันก็หลอกให้เราดิ้นรนแสวงหาอาหารมาปนเปรอมัน แต่มันก็ไม่เคยอิ่มเคยพอ หาให้ดีเท่าไร ต้องแก่ ต้องตาย

    กำหนดให้เห็นทุกข์ในเวทนา เพื่อการเข็ดการเกิด


    จิต

    การตั้งสติระลึกรู้อยู่ในอารมณ์ของจิต แบบสุกขวิปัสโก

    จิตมีความโกรธ ก็รู้ว่าโกรธ
    จิตมีความอยาก ก็รู้ว่า อยาก
    จิตมีความริษยา ก้รู้ว่ามีความริษยา

    เป็นต้น หากจิตเกิดอารมณ์ที่เป็นอกุศล ก็ดับที่เหตุดับโดยพิจารณาว่า จิตนี้เป็นอกุศลอยู่ก็ดับตรงนั้นเดี๊ยวนั้น แต่ความเป็นจริงสติที่รู้เท่าทันจิตนั้น ยาก ทันบ้างไม่ทันบ้าง บางทีกว่าจะรู้ทันจิต อารมณ์ก็ไหลปรุงแต่งไปไกลแล้ว

    แต่การฝึกจิตนี้เป็นเรื่องสำคัญ

    ส่วนในแบบของอภิญญา นั้น การตั้งจิตตานุปัสนาสติปัฐฐาน นั้น กำหนดจิต ทรงอารมณ์พระนิพพานเอาไว้ตลอดเวลา ครั้น เวทนากระทบจิตก็จะกำหนดรู้และหยุดก่อนการปรุงแต่ง ทางอารมณ์ต่อไป ซึ่งดับได้เร็วกว่า

    แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว อาจจะทรงอารมณ์ไว้ไม่ได้ตลอด ทำให้คลาดจากจิตนุปัสนาสติปัฐฐาน
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ธรรม

    คือการตั้งสติพิจารณาในหัวข้อธรรม หรือ การเจริญวิปัสสนาญาณนั่นเอง

    คือสติจะรู้ควบในสติปัฐฐานข้ออื่น แล้วมีสติกำกับ เข้ากับธรรมอยู่ตลอดเวลา

    เช่นระลึกรู้ในกาย ก็เห็นความไม่เที่ยงประกอบไปด้วย

    ดังนั้นในภาคปฏิบัติ การเจริญมหาสติปัฐฐานสี่นั้น เราไม่ ได้เจริญฐานใดฐานหนึ่งเพียงอย่างเดียว

    ควบเกี่ยว คาบเกี่ยวกันตลอดเวลา และการเจริญมหาสติปัฐฐานสี่นั้น ครูบาอาจารย์ท่านเจริญในทุกอิริยาบท ในทุกเวลา

    สำหรับสายอภิญญาเองท่านจะทรงจิตในฌานสูงสุดที่ทำได้แล้วกำหนดรู้

    หากท่านที่ได้มโนมยิทธิท่านจะกำหนดอารมณ์พระนิพพานแล้ว เรียนถามพระพุทธเจ้าท่าน พบอะไร กระทบอะไร ท่านก็คอยบอก คอยสอนในธรรมอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่บูรพาจารย์ท่าน ได้กล่าว เอาไว้ว่ามี ครูบาอาจารย์อยู่ภายใจ(จิต) นั่นเอง

    สำหรับท่านที่ทรงมหาสติปัฐฐานอยู่ อาจจะไม่ ทราบว่าเราปฏิบัติอยู่ก็ได้ เนื่องจากเมื่อปฏิบัติธรรมถึงในภูมิธรรมระดับหนึ่งแล้วจะเป็นอัตโนมัติ จิตจะทรงสติอยู่เอง มีตัวรู้กำกับ มีพระท่านสอนบ้าง

    ท่านที่ทำได้ จะสังเกตุได้ว่าอารมณ์แนบแน่นในการปฏิบัติมาก เห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเป็นอนิจจัง เป็นกฏไตรลักษณ์ เป็นวิปัสนาญาณไปทั้งหมด และหากอารมณ์ใจเราทรงในสติเข้มข้นมาก การกำหนดเวลา เราจะคุมได้แม้เป็นวินาทีเห็นเวลา เห็นอิริยาบท ทุกสิ่งในการควบคุม บางครั้งเห็นภาพสโลว์โมชั่นเป้นเฟรมเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการที่ทรงสติเต็มรอบ อย่างเต็มที่

    ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสว่า เป็นทางสายเอกสู่การหลุดพ้น เพราะจิตพิจารณาธรรมด้วยสติ(ด้วยฌาน) อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง อยู่ตลอดเวลานั่นเอง

    อย่างที่ผมเคยได้บอกเอาไว้เสมอว่า เมื่ออารมณ์แนบในการปฏิบัติก็จงรักษาเอาไว้ ทรงเอาไว้ อย่าให้หลุด เพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติ แต่ขณะเดียวกันก็ระวังอย่าให้เครียด หรือวางอารมณ์หนักเกินไป และอย่าได้ติด ได้หลงในวิปัสนูปกิเลสที่จะมาหลอกว่าเราบรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้

    ทำไปเรื่อยๆด้วยใจสบาย สม่ำเสมอ ไม่ท้อ ไม่เลิก เพื่อความดี ตราบเราจะถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุด


    ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกคนด้วยเทอญ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post910682 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 09:55 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1308 <INPUT id=plist_910682 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px 0px 0px 5px; VERTICAL-ALIGN: middle; PADDING-TOP: 0px" type=checkbox value=0 name=plist[910682] inlineModID="inlineMod"> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tam220t<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_910682", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:07 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    ข้อความ: 19 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 8 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 197 ครั้ง ใน 17 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_910682 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พี่คณานันท์ครับ ตอนนี้การสร้างพระ สมเด็จองค์ปฐม หน้าตักสามสิบนิ้ว ทองเหลืองพ่นสีทอง สององค์ของผมกำลังจะสำเร็จ ไม่เกินวันที่ 27 เดือนนี้แล้ว และกำลังสงสัยว่า จะบอกบุญให้คนอื่นร่วมสร้างดีไหม เนื่องจากตอนแรกตั้งใจว่าจะทำคนเดียวเพราะเป็นการสร้างเพื่อเจือจางบาปที่เคยกระทำบางอย่าง
    แต่เคยอ่านมาว่า ยิ่งหลายคนสร้างดวงบุญก็จะกระจายไปกว้างขึ้น แบบนี้ เจ้ากรรมนายเวรผู้ที่ผมตั้งใจทำอุทิศให้จะได้กุศลลดลงเนื่องจากมีคนอื่นมาร่วมสร้างไหมครับ ขอพี่ช่วยถามพระให้ด้วยครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ให้วางกำลังใจว่า เราปรารถนาให้ผู้อื่นได้อานิสงค์ได้เข้าถึงซึ่งความดีด้วย
    -บางท่านอาจไม่มีปัจจัยจะสร้างพระพุทธรูปได้อย่างตัวเรา
    -เมื่อร่วมทำบุญด้วยกันเราและเขาไม่ได้โมทนาบุญเฉพาะ การสร้างพระ ให้โมทนาบุญทุกประการที่เราและเขาได้เคยสร้างมา บุญยิ่งขยายแผ่ไพศาลอีก

    -ถวายสังฆทานควบไปด้วยเพื่อให้ได้อานิสงค์สมบูรณ์ครบถ้วน

    -ทำกำลังใจว่า เราได้สร้างพระพุทธรูปถวายเพื่อให้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์เพื่อการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพันปี ขอให้ท่านผู้มาสักการะบูชาพระพุทธรูปทั้งสององค์นี้จงชุ่มเย็น และมีจิตใจเป็นสัมมาทิษฐิ

    -หากได้ฌาน หรือมโนมยิทธิ ก็อธิฐานจิตใช้ความเป็นทิพย์ช่วยในการถวายบนพระนิพพาน

    หากทำได้ย่อมได้อานิสงค์สูงสุดเต็มกำลัง ซึ่งนั่นย่อมมากกว่า การถวายคนเดียวแน่นอนครับ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบครับ

    แต่ขณะนี้ เหมือนกำลังถูกทดสอบค่ะ พระท่านคงอยากทราบว่ากำลังใจของเราเข้มแข็งหรือไม่ เรากล้าเสียสละได้มากเพียงใด และเราจะแก้ปัญหาให้ตัวเองได้อย่างไร เรื่องก็คือ ขณะนี้ ดิฉันจำเป็นต้องสละทรัพย์ส่วนตัว เพื่อสงเคราะห์คนใกล้ชิด ซึ่งมีปัญหาครอบครัวเกี่ยวกับการเงินการทอง ทำให้ไม่สามารถทำทานบริจาคเพื่อช่วยพระศาสนาได้ดังที่ตั้งใจไว้ ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน จะทุ่มเทตัวเองไปกับปัญหาของเค้ามากไป เราก็จะลำบาก ครั้นจะไม่ดูดำดูดี ก็ตัดใจไม่ได้

    ก็ทุกข์ใจมากโขอยู่ ถึงกับชะงักงันในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิ ใจไม่สงบเลย มักจะฝันร้ายเกี่ยวกับเค้าเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ ก็ยังพิจารณาอยู่ว่า จะใช้ธรรมะข้อใด มาสลายทุกข์ใหญ่นี้ได้

    เกี่ยวกับการปฏิบัติ เท่าที่ติดตามกระทู้นี้ พบว่ามีน้อง ๆ หลายท่านเจริญก้าวหน้าไปมาก ๆ รู้สึกละอายใจ ว่าเรายังไม่ไปถึงไหนเลย ก็ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า คงยังไม่ถึงวาระของเรา...

    อยากจะเรียนถามเกี่ยวกับการปฏิบัติของดิฉัน คือเมื่อหลายเดือนก่อน ได้มีโอกาสไปฝึกมโนฯ ที่บ้านสายลม แต่กลับมาแล้วปวดมึนศีรษะ แล้วตามด้วยไมเกรน ก็เลยไม่ทราบว่า เป็นเพราะไม่ถูกจริตกับตนเองรึเปล่า แต่วันนั้น แอบได้ยินครูฝึก (หญิง) บ่นว่า ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกมึน ๆ ดิฉันก็อยากจะตอบไปว่า ดิฉันก็มึนเหมือนกัน ได้ยินท่านเปรย ๆ ว่า "มากันดี ๆ ทั้งนั้นเลย" คือกลุ่มที่ไปกันนั้น ท่าทางจะเก่งๆ กันทั้งนั้นเลย (ยกเว้นเรา) ก็เลยยังชั่งใจอยู่ว่า จะไปต่อในคราวหน้าดีไหม๊ กล้วกลับมาปวดหัวไมเกรนอีกน่ะค่ะ

    --------------------------------------------------------------------

    ประการแรก การช่วยเหลือการสงเคราะห์นั้น เกิดขึ้นจากพรหมวิหารสี่ คือเริ่มที่ ตัวเมตตาเป็นที่ตั้ง ไอ้พวกเรานั้น เมตตามันไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ แต่ไอ้เจ้าตัวสตางค์น่ะมันมีจำกัด ดังนั้นก็ต้องใช้ปัญญาบารมีมาพิจารณาดูว่า การสงเคราะห์เขาเราจะสงเคราะห์ไปทุกอย่าง สงเคราะห์ไปตลอดชีวิตได้หรือไม่

    การช่วยเขา แล้วเราทุกข์ เราจิตใจเศร้าหมองหรือไม่

    ที่จริงการใช้พรหมวิหารก็ดี การทำบุญก็ดี การสร้างกุศลก็ดี เมื่อทำแล้ว ประพฤติแล้ว เราต้องมีจิตใจที่อิ่มเอมใจ สุขใจ ปิติสุข

    หากทุกข์แสดงว่าหนักเกินไปไม่เป็นสายกลาง เริ่มเบียดเบียนตนเองแล้ว

    ให้ถอยจิตไปพิจารณาต่อไปอีกว่า เรามีกำลังใจเท่าไร กำลังทรัพย์เท่าไร ทำบุญเท่าไร ช่วยเขาได้เท่าไร เราจึงไม่เดือดร้อน เราจึงไม่ทุกข์ใจ เราจึงมีความสุขใจในการช่วย ในการสงเคราะห์

    จากนั้นก็ทำไปตามกำลังใจที่มี ส่วนที่เหลือเราจงพึงวางอุเบกขารมณ์ พร้อมเมื่อไร มีกำลังใจเมื่อไรเราก็ค่อยช่วยเขา

    แบบนี้เราจึงไม่ทุกข์ ส่วนใหญ่ทุกข์ เพราะมีเมตตาแต่ ลืม อุเบกขา


    ประเด็นที่สอง

    การไปฝึกมโนมยิทธิแล้วปวดหัวของคุณนั้นเนื่องจาก วางอารมณ์ใจหนักเกินไป ไปเพ่งจะให้เห็นภาพ จนทำให้ปวกศีรษะครับ หากเป็นไปได้ ลองปรับอารมณ์ วางอารมณ์ใจใหม่ให้ใสๆ เบาๆ สบายๆ แบบการเจริญเมตตาครับ จะทำได้ดีกว่า

    หากสะดวกมาฝึกสมาธิด้วยกันก็ได้ครับ ง่ายกว่าที่คิดครับ
     
  15. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ด้วยสมาชิกกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้ร่วมกันสร้าง "ปรียนันท์ธรรมสถาน" ขึ้น ณ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมและเพื่อใช้เป็นสถานที่พักพิงและหลบภัยแก่ประชาชนทั่วไปเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น (รองรับคนได้ประมาณ 200 คน) รายละเอียดความเป็นมาและความคืบหน้าในการก่อสร้างติดตามอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์ข้างล่างนี้


    http://palungjit.org/showthread.php?t=100889

    และ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=81557



    เนื่องจากการสร้างสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งตัวอาคารและระบบต่างๆ อาทิ ระบบระบายอากาศ ระบบน้ำใช้และระบบพลังงานภายในตัวอาคาร จำนวนประมาณ 5 - 7 ล้านบาท แต่ยังขาดปัจจัยอยู่เป็นจำนวนมาก


    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจึงได้จัดทอดผ้าป่าสามัคคีขึ้นเพื่อรวบรวมปัจจัยสำหรับเป็นค่าก่อสร้าง และได้นมัสการเรียนเชิญพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อขอบารมีของท่านในการสร้างปรียนันท์ธรรมสถานให้สำเร็จลุล่วงสมดังเจตนารมย์ที่ตั้งไว้


    กำหนดวันทอดผ้าป่าสามัคคีในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2551 ณ ปรียนันท์ธรรมสถาน อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
    โดยกำหนดศรัทธาในการร่วมทำบุญครั้งนี้ดังนี้

    ประธานกรรมการ 2,000 บาท ขึ้นไป

    รองประธานกรรมการ 1,000 บาท ขึ้นไป

    กรรมการ 500 บาท ขึ้นไป

    และทำบุญตามศรัทธาโดยไม่จำกัดจำนวน ทำได้ตั้งแต่ 1 บาท ขึ้นไป


    ท่านที่มีจิตศรัทธาจะร่วมบุญในการสร้างปรียนันท์ธรรมสถาน ขอเชิญร่วมลงชื่อเป็นประธาน รองประธาน และกรรมการผ้าป่า พร้อมโอนเงินเข้าบัญชีข้างล่างนี้ได้เลยครับ

    ชื่อบัญชี นายณัฐพัชร จันทรสูตร และ นางสุธาทิพ ภมรประวัติ
    ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาย่อย มธ.ศูนย์รังสิต
    เลขที่บัญชี 475 - 0 - 14569 - 6



    โดยเข้าไปโพสต์แจ้งร่วมทำบุญได้ที่กระทู้ที่ลิงค์มานี้

    http://palungjit.org/showthread.php?p=911460


    ขออานิสงส์ผลบุญที่ได้ร่วมกระทำกันในครั้งนี้ จงส่งผลให้ท่านและครอบครัวประสพความสุข ความเจริญ ในหน้าที่การงาน มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติทุกประการ ถ้ามาดแม้นท่านผู้ร่วมกระทำกุศลในครั้งนี้ปรารถนาซึ่งพระโพธิญาณก็ดี หรือพระโลกุตรธรรมในปัจจุบันชาติก็ดี ขออานิสงส์ผลบุญที่กระทำร่วมกันนี้จงให้ความมั่นคงเป็นพลวะปัจจัยหนุนนำให้ทุกๆท่านจงสมปรารถนาทุกประการอย่างสะดวกสบาย ไร้อุปสรรคทั้งปวง ในฉับพลันทันทีด้วยเทอญ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    สวัสดีครับ ปัจจุบันผมก็สอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ โดยคาดว่าภายในอาทิตย์หน้าเนี่ย ผมมีสิทธิ์จะตล่อมเข้าไปสอนครู อาจารย์ของผมแล้วครับ เพราะว่าสมัยก่อน เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งมาพบผมขณะที่กำลังแอบนั่งสมาธิ แล้วบอกว่าหากผมได้อะไรเมื่อไหร่ ให้ไปสอนท่านด้วย ตอนนี้ผมคิดว่าก็น่าจะพอได้งูๆปลาๆแล้วครับ ก็คิดว่าจะไปช่วยเป็นสะพานให้ท่าน เข้าถึงความดีครับ
    -แล้วก็ผมสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นครูจริงๆครับ เพราะว่าผมสอนทั้งคริสต์ อิสลาม โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อยให้สอดคล้องกับศาสนาของเขาครับ แล้วเขาก็ทำกันได้จนถึงเมตตาอัปปนานฌาณครับ วันนี้มีอาจารย์จาก Floridaมาประเมินรร.ผมครับ ผมเลยขอเขา5นาทีครับ เขาก็ทำได้ถึงเมตตาอัปปนานฌาณครับ ทีนี้ผมสงสัยครับว่า ผมจะให้เพื่อนๆของผม ที่เป็นทั้งศาสนาพุทธและอื่นๆเนี่ย ไหว้ครูอย่างถูกต้องได้อย่างไรครับ อยากจะขอขั้นตอนละเอียดหน่อยน่ะครับ เช่นต้องบูชากับพระพุทธรูปไหมครับ หรือแค่รูปภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ แล้วต้องกราบด้วยไหมครับ
    -แล้วก็ปัจจุบัน เวลาเรียนผมก็อาศัยช่วงที่อาจารย์หยุดสอน ไล่กสิณ ขึ้นอรูป แล้วก็ไปพระนิพพาน ไปตัดขันธ์5ข้างบนครับ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าหากไม่ทำเช่นนี้เนี่ย ร่างกายเริ่มเหนื่อยเกินปกติครับ เพราะว่าปกติผมจะทรงลมสบายจนขาดเอาไว้อยู่ปกติ หากผมหยุดเมื่อไหร่อาจจะวืดได้ครับ เพราะว่าใช้พลังมากเกินไปจากร่างกาย คือใจไม่เหนื่อยครับ แต่ว่าร่างกายเริ่มจะเหนื่อยๆ ทำให้ช่วงนี้จะเป็นวิปัสสนาญาณ อัตโนมัติเองอย่างที่พี่คณานันท์บอกจริงๆครับ
    -แล้วก็ช่วงนี้เมตตาอัปปนานฌาณของผมมันเปลี่ยนสีครับ มันกลายเป็นสีขาว แบบคล้ายๆประกายพรึกเองครับ โดยมันเป็นเองครับไม่ได้บังคับ ก็ไม่ทราบว่าจะให้เอาเป็นสีทอง หรือว่าสีประกายพรึกดีครับ เพราะผมก็เริ่มงงๆอยู่
    -แล้วก็ผมก็เริ่มมีความคิดที่จะจัดตั้งกลุ่มอย่างจริงๆจังๆซักทีน่ะครับ โดยคาดว่าหากยังเป็นเช่นนี้เนี่ยในอนาคตอาจจะมีสิทธิ์ขึ้นถึง100คนครับ แต่ว่าผมคิดว่าจะเน้นที่ความแน่นของสัมมาทิฏฐิเอาไว้ก่อนครับ เพราะว่าไม่มีประโยชน์แน่ หาก 50คน หันไปเป็นมิจฉาทิฏฐิ
    โดยผมก็ขอให้พี่คณานันท์ช่วยถามพระท่านให้ด้วยครับ ว่ากลุ่มของเราควรจะมีชื่อว่าอะไรดีครับ เพราะถ้าตั้งว่ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติเลย มันอาจจะโต้งเกินไปสำหรับคนธรรมดาครับ ปล.ช่วงนี้กำลังทิฏฐิเยอะครับ มันจรเข้ามาเรื่อยๆ พยายามกราบพระท่านทุกวัน แต่ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดครับ รู้สึกเหมือนเป็นด่านทดสอบครับ
    ขอบพระคุณมากครับ ถามมากไปนิดนึง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  17. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนาทุกๆท่านครับ ผมปฎิบัติไม่ว่าจะกรรมฐาน40 พรหมวิหาร4 หวนมาพิจารนากฎไตรลักษณ์ วิปัสนาณาน สำคัญจริงๆ ตัวทุกข์สำคัญที่สุด ทุกข์หนักๆๆๆ พิจารนาทวนไปๆทวนมาจนใจเรายอมรับ จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรเป็นของเรา หาของดีไม่ได้เลยจริงโลกนี้ครับ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post912103 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Xorce<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_912103", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:10 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    อายุ: 17 ปี
    ข้อความ: 43 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 653 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 923 ครั้ง ใน 45 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_912103 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->สวัสดีครับ ปัจจุบันผมก็สอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ โดยคาดว่าภายในอาทิตย์หน้าเนี่ย ผมมีสิทธิ์จะตล่อมเข้าไปสอนครู อาจารย์ของผมแล้วครับ เพราะว่าสมัยก่อน เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งมาพบผมขณะที่กำลังแอบนั่งสมาธิ แล้วบอกว่าหากผมได้อะไรเมื่อไหร่ ให้ไปสอนท่านด้วย ตอนนี้ผมคิดว่าก็น่าจะพอได้งูๆปลาๆแล้วครับ ก็คิดว่าจะไปช่วยเป็นสะพานให้ท่าน เข้าถึงความดีครับ
    -แล้วก็ผมสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นครูจริงๆครับ เพราะว่าผมสอนทั้งคริสต์ อิสลาม โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อยให้สอดคล้องกับศาสนาของเขาครับ แล้วเขาก็ทำกันได้จนถึงเมตตาอัปปนานฌาณครับ วันนี้มีอาจารย์จาก Floridaมาประเมินรร.ผมครับ ผมเลยขอเขา5นาทีครับ เขาก็ทำได้ถึงเมตตาอัปปนานฌาณครับ ทีนี้ผมสงสัยครับว่า ผมจะให้เพื่อนๆของผม ที่เป็นทั้งศาสนาพุทธและอื่นๆเนี่ย ไหว้ครูอย่างถูกต้องได้อย่างไรครับ อยากจะขอขั้นตอนละเอียดหน่อยน่ะครับ เช่นต้องบูชากับพระพุทธรูปไหมครับ หรือแค่รูปภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ แล้วต้องกราบด้วยไหมครับ
    -แล้วก็ปัจจุบัน เวลาเรียนผมก็อาศัยช่วงที่อาจารย์หยุดสอน ไล่กสิณ ขึ้นอรูป แล้วก็ไปพระนิพพาน ไปตัดขันธ์5ข้างบนครับ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าหากไม่ทำเช่นนี้เนี่ย ร่างกายเริ่มเหนื่อยเกินปกติครับ เพราะว่าปกติผมจะทรงลมสบายจนขาดเอาไว้อยู่ปกติ หากผมหยุดเมื่อไหร่อาจจะวืดได้ครับ เพราะว่าใช้พลังมากเกินไปจากร่างกาย คือใจไม่เหนื่อยครับ แต่ว่าร่างกายเริ่มจะเหนื่อยๆ ทำให้ช่วงนี้จะเป็นวิปัสสนาญาณ อัตโนมัติเองอย่างที่พี่คณานันท์บอกจริงๆครับ
    -แล้วก็ช่วงนี้เมตตาอัปปนานฌาณของผมมันเปลี่ยนสีครับ มันกลายเป็นสีขาว แบบคล้ายๆประกายพรึกเองครับ โดยมันเป็นเองครับไม่ได้บังคับ ก็ไม่ทราบว่าจะให้เอาเป็นสีทอง หรือว่าสีประกายพรึกดีครับ เพราะผมก็เริ่มงงๆอยู่
    -แล้วก็ผมก็เริ่มมีความคิดที่จะจัดตั้งกลุ่มอย่างจริงๆจังๆซักทีน่ะครับ โดยคาดว่าหากยังเป็นเช่นนี้เนี่ยในอนาคตอาจจะมีสิทธิ์ขึ้นถึง100คนครับ แต่ว่าผมคิดว่าจะเน้นที่ความแน่นของสัมมาทิฏฐิเอาไว้ก่อนครับ เพราะว่าไม่มีประโยชน์แน่ หาก 50คน หันไปเป็นมิจฉาทิฏฐิ
    โดยผมก็ขอให้พี่คณานันท์ช่วยถามพระท่านให้ด้วยครับ ว่ากลุ่มของเราควรจะมีชื่อว่าอะไรดีครับ เพราะถ้าตั้งว่ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติเลย มันอาจจะโต้งเกินไปสำหรับคนธรรมดาครับ ปล.ช่วงนี้กำลังทิฏฐิเยอะครับ มันจรเข้ามาเรื่อยๆ พยายามกราบพระท่านทุกวัน แต่ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดครับ รู้สึกเหมือนเป็นด่านทดสอบครับ
    ขอบพระคุณมากครับ ถามมากไปนิดนึง..
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    หมั่นมองดูจิต คิดชำระให้สะอาดใส ห่างไกลซึ่งมารร้าย ขอสิ้นซึ่งภพชาติ
    <!-- / sig --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Xorce : วันนี้ เมื่อ 08:34 PM.
    <!-- / edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE>



    ในขั้นนี้ต้องขอยอมรับนับถือกำลังใจของ ของXorce ด้วยครับ ที่มานะบากบั่นไม่ย่อท้อ

    และก็ต้องนับถือความถ่อมใจของ คุณครูที่โรงเรียน ที่สามารถลดมานะทิษฐิยินยอมให้ ลูกศิษย์ที่เป็นนักเรียน เป็นผู้สอนสมาธิให้เพื่อให้ ได้เข้าถึงซึ่งความดี โดยปราศจากทิษฐิใดๆ นับเป็นแบบอย่างกับพวกเราอีกหลายๆท่าน ได้ครับ วางหัวโขน วางทิษฐิออกจากจิต ทำใจให้เหมือนน้ำในแก้วเปล่าๆเพื่อ ที่จะได้รับธรรมมะได้


    ส่วนประเด็นการไหว้ครูนั้น จำเป็น ในระยะแรก เราให้เขา ไหว้ครูอันได้แก่พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทสืบต่อจนมาถึงตัวเราผู้ถ่ายทอด โดยที่เราบอกเขาว่า ให้เขารำลึกถึงคุณของท่านทั้งหลายที่นำความดีมาให้เขา โดยที่เขาอาจจะยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธก็ได้

    (แต่เราอธิฐานให้เขานั้น หากมีวาสนาจะเข้าสู่ธรรมสัมมาทิษฐิในพระพุทธศาสนาก็ขอให้เขาบังเกิดศรัทธาและเข้ามาสู่พุทธศาสนาในที่สุด แต่ไม่ต้องเอ่ยปากให้เขาทราบ ส่วนท่านที่ยังไม่เปลี่ยนเนื่องจากติดขัด ก็ขอให้เขาเป็นคนดีเป็นสัมมาทิษฐิในศาสนาของเขา และสามารถประสานกลมเกลียวกับชาวพุทธได้อย่างสันติสุข)

    ดังนั้นการไหว้ครูเป็นการแสดงความกตัญญูอันเป็นการแสดงความดีในตัวของเขาเองครับ เพราะท่านผู้ให้ผู้ถ่ายทอดท่านล้วนแต่มีดวงจิตที่เมตตาช่วยเหลือ ส่งเสริม สงเคราะห์ ความดีของผู้อื่นอย่างไม่ต้องการสิ่งตอบแทนมาโดยตลอดครับ และตรงนี้ขอให้จำเอาไว้ ขอห้ามที่พระท่านสั่งผมลงมา

    -ห้ามนำธรรมมะไปขายกินเด็ดขาด ให้เพื่อให้ เพื่อสงเคราะห์จากจิตอันบริสุทธิ์เท่านั้น พิมพ์หนังสือก็ต้องแจกฟรี มาขายเอากำไรไม่ได้เด็ดขาด การสอนก็ไปคิดเงินคิดทองไม่ได้เด็ดขาด ค่ายกครูไหว้ครู ให้นำไปทำบุญ หรือให้เขาไปทำบุญใส่บาตรเพื่อเพิ่มบารมีของตัวเขาเอง

    ขั้นตอนการไหว้ครูก้มีดังนี้

    -เตรียมดอกไม้สามสี (เด็ดดอกไม้ มาสามดอกสีต่างกันไป หรือพวงมาลัยที่มีสามสีในพวงเดียวก็ได้) ธูปเทียน เงิน 5บาท หรือเกินกว่านั้น ในถาด พอไหว้เสร็จเราก็รวบรวมไปทำบุญเช่น น้องXorce รวมเอาไว้แล้วไปถวายสังฆทานที่บ้านสายลม เพื่อเป็นสามัคคีทานของคณะพวกเราทำร่วมกันเพื่อเสริมความสามัคคีและเสริมความดีต่อไป

    -เราเตรียมรูปภาพพระพุทธรูปเล็กๆเอาไว้ (จะได้ไม่เด่นเกินไป) ให้เขาได้ไหว้บูชากัน

    -ชุดไหว้ครูใช้จบ(ไหว้จบอธิฐาน) ไม่ต้องจุดเพราะอยู่ในโรงเรียน ทำเงียบๆ ระวังคุณครูที่ไม่เข้าใจด้วย

    -จากนั้นเราอธิฐานในใจของเราเองก่อน ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านมาคุมเรา และคุ้มครองจิตของทุกๆคนให้เป็นสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ กำหนดขอบารมีพระท่านชำระล้างสร้างอาณาเขต ที่บริสุทธิ์เป็นสัมมาทิษฐิ

    อธิฐานให้ทุกๆคนที่ฝึกได้เข้าถึงฌาน ญาณสมาธิธรรม คุณธรรมได้โดยง่าย

    จากนั้นมาวางจิตพิจารณาใน พรหมวิหารสี่ว่าเราอยู่เต็มกำลัง สอนด้วยเมตตา สงเคราะห์ด้วยกรุณา ยินดีในความก้าวหน้าเจริญในธรรมของผู้ที่เราสอนด้วยมุทิตา และหากผู้ใดยังไม่ได้ ยังไม่ถึงวิสัย ก็วางอุเบกขา

    จากนั้นอัญเชิญเทวดาสัมมาทิษฐิ ที่ท่านอยู่บริเวณนั้นให้ท่านมาเมตตาคุ้มครองดูแลและโมทนาบุญในกุศลที่เราตั้งใจทำกัน

    -แล้วเราเองจึงนำให้เขาได้อธิฐานจิตไหว้ครูว่า(กรณีที่เป็นกลางในทุกๆศาสนา)

    "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อคุณความดีของครูบาอาจารย์ทุกๆท่านที่ปรารถนาให้ทุกๆคนบนโลกได้เข้าถึงความดี พบกับความดีงามภายในจิตใจของตนเอง ค้นพบความสุขสงบจากภายใจจิตวิญญานอันบริสุทธิ์

    ขอให้ข้าพเจ้าได้ชำระล้างดวงจิตของตนเอง ยกระดับจิตวิญญานขึ้นสู่ความบริสุทธิ์ และรักษาความงดงามในจิตใจของข้าพเจ้านี้ได้ตลอดไป

    ให้ข้าพเจ้าได้ใช้ความบริสุทธิ์ของจิตใจนี้ ทำคุณประโยชน์ต่อจักรวาล เพื่อนมนุษย์ ประเทศชาติ สังคม ครอบครัว จนถึงส่วนรวมได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขีดจำกัด ด้วยเทอญ"

    ข้างบนนี้ใช้ได้ทุกศาสนาครับ เป็นกลางๆเอาไว้ก่อนเมื่อเขาได้เห็นผลแห่งการปฏิบัติและเกิดศรัทธาจากภายใน ก็จะก้าวเข้าสู่ความดีที่สูงขึ้นไปครับ
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ดอกไม้ธูปเทียน นี่เป็นชุดเดียวกัน แต่ผลัดกันจบได้ไหมครับ หรือต้องเตรียมคนละชุด ส่วนเงินนั้น เป็นรายคนอยู่แล้ว อันนี้พอทราบครับ ขอบพระคุณมากครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตอนุโลมครับเพื่อที่ทางโรงเรียนจะได้ไม่รู้สึกว่าเราทำพิธีกรรมอะไรที่เอิกเกริกจนเกินไปครับ

    สำหรับที่สอนหรือใช้พลังแล้วเหนื่อยนั้น พี่จะสอน วิชชาการโคจรลมปราณ และการเปิดจักระให้ครับ เพื่อที่จะได้เสริมร่วมกันกับการฝึกจิตสมาธิครับ จะได้ไม่เหนื่อยหรือเสียพลังมากนัก

    -สีของการแผ่เมตตานั้น สีอารมณ์จิตรัศมีกายของพรหมท่านเป็นสีทองครับ พอเราเจริญอารมณ์นิพพานมากเข้า รัศมีการแผ่เมตตาเป็นประกายพรึกไปนั้นถูกต้องแล้วดีแล้วครับ


    -การตั้งกลุ่มเพื่อการปฏิบัติธรรมและสร้างความดีนั้น สำเร็จแน่นอนครับ เพราะเห็นภาพอนาคตังญาณล่วงหน้านานแล้ว

    ที่ตั้งกำลังใจที่จะวางรากฐานให้ทุกคนเป็นสัมมาทิษฐิให้ได้ก่อนนั้น เป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

    และที่ผมปรามผม ผมย้ำ ผมติติงหลายๆจุดบ้างนั้น ก็ขอให้ทราบว่าเป็นไปเพื่อไม่อยากให้พลาดกันใน ประสบการณ์ที่ผมเคยผ่านมาก่อนแล้วครับ บางอย่างผ่านไปได้ไม่ต้องเสียเวลากันก็ดีครับ

    ชื่อกลุ่มนั้น เอาไว้คุยกันพร้อมๆกันวันฝึกครับ

    ขอโมทนาบุญในกำลังใจในการทำความดี ในการเผยแพร่ธรรมมะสู่ใจของผู้ที่ยังไม่เคยสัมผัสธรรมให้ซาบซึ้งชุ่มเย็นในธรรมด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...