วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. pae-pae

    pae-pae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +281
    สวัสดีครับคุณคณานันท์
    ผมเพิ่งได้เข้ามาเปิดดูกระทู้ครับ เสียดายมากครับ ผมอยากศึกษามากครับ แต่ไม่ทันซะแล้ว ไม่ทราบว่า จะมีอีกไหมครับ (ตัวผมไม่มีพื้นฐานอะไรเลยครับ ) อยากปฏิบัติมากๆ
    เลยขออนุโมทนาบุญด้วยคนครับ ที่ทำให้ คนไม่รู้ได้รู้ครับ
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันนี้ผมจะขอเล่าถึงตอนที่ผมไปสอนเพื่อนๆผมกันมานะครับ ขอบพระคุณ พี่คณานันท์ ครูบาอาจารย์สืบๆกันมา คุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง และพลังสัมมาทิฎฐิ ทั้งไตรหมื่นโลกธาตุ มากๆครับ เพราะว่าวันนี้เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่สอนอย่างเป็นกิจลักษณะของตัวผมเอง ผมก็เลยขออารธนาบารมีของทุกๆพระองค์หมด แล้วก็ใช้วิธีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยครับ
    -คือว่าตอนแรกเลยครับพอรถเริ่มออก ผมก็ประกาศเลยว่าผมจะสอนเข้าสมาธิอย่างง่ายๆ เนื่องด้วยคนในห้องเริ่มสนใจมาพักนึงแล้ว ก็ได้โอกาสพอดีเลยครับ โดยผมก็บอกให้มานั่งรวมๆกัน เสร็จแล้วทีนี้เกิดปัญหาครับ
    -คนที่เค้าขับรถ เค้าเปิดเพลงแบบ บอดี้สแลม แครช อะไรร็อคๆแบบดังมากๆ เพื่อนๆผมก็เลยพากันถอดใจคิดว่ายังไงก็เข้าสมาธิไม่ได้แน่ๆ แต่ผมยังย้ำว่ามันได้ สุดท้ายตอนนั้นก็แยกวงหมดเลยครับ
    -ทีนี้ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะว่าเมื่อวานก็อุตส่าขอบารมีพระท่านมาเต็มที่ ประกอบด้วยผมก็ขอซ้ำอีกทีวันนี้ และผมก็พกวัตถุมงคลติดตัวมาเยอะเลยครับ 555+
    -เริ่มจากคนแรกที่จิตนิ่งกว่าคนอื่นครับ ผมก็เห็นว่าถ้ามีสิ่งรบกวนอยู่แบบนี้ไม่ได้การ ผมเลยเริ่มจากลูกแก้วกสิณครับ โดยผมให้เขาไล่กสิณซ้ำไปซ้ำมาจนจิตเขาสงบ แล้วผมก็ถามว่าเป้นไงรู้ป่าวว่าตะกี้เพลงมันร้องอะไรออกไป เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ผมก็บอกว่าแค่นี้ก็เริ่มเป็นสมาธิแล้วนะ ง่ายไหม เขาก็บอกว่าง่ายแล้วก็ได้กำลังใจมา ทีนี้ก็เชื่อว่าเสียงดังๆก้ยังฝึกได้
    -จากนั้น ผมก็ให้เขา จับลม1ฐาน 3ฐาน ลมสบาย ลมสบายแบบขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากนั้นก็ตามด้วยอัดลมและล้างลมหยาบ เสร็จแล้วก็ให้จินตนาการเป็นเส้นเชือกตามขั้นตอนลมสบาย แล้วก็บอกเขาว่าตอนนี้ลมหายใจจะเริ่มเบาลงๆ ให้จินตนาการเช่นนี้ไปจนไม่รู้สึกถึงลมหายใจ
    -ซักพัก ลมหายใจเขาก็ขาดครับ โดยผมก็ให้เขาอธิษฐานนวสี แล้วก็ต่อด้วยเมตตาอัปปนานฌาณครับ
    -เสร็จแล้วผมก็ประกาศให้กลุ่มผู้สนใจทราบโต้งๆเลยว่า เฮ้ยคนนี้ทำได้แล้วนะ
    -พวกนั้นก็เริ่มสนใจแล้วผมก็ใช้วิธีข้างต้นไล่ไปทุกคนครับ
    -แต่ว่าผมยังเสียดายที่บางคนนั้นผมลืมให้เขาอธิษฐานนวสี แล้วบางคนพอเขาออกจากฌาณปุ้ป เขาก็ไปทำอย่างอื่นครับโดยผมยังไม่ได้สอนเมตตาอัปนานฌาณ แต่มีแบบนั้นแค่ 3 คนครับ
    -อีกหนึ่งจุดที่ผมเสียดายคือผมยังไม่ได้ให้คนที่ได้ไปแล้วพลิกจิตเป็นสัมมาทิฏฐิครับ เพราะว่าพอสอนคนนี้จบก็ไปอีกคนนึงเลย แต่ว่าผมบอกให้เขาเคารพในพระพุทธ พระฑะรรม พระสงฆ์ แล้วก็หมั่นแผ่เมตตาอัปปนานฌาณไปก่อนครับ จนกว่าที่ผมจะหาโอกาสนัดอธิษฐานพลิกจิตได้
    -โดยเวลาสอนผมก็ไม่ลืม ที่จะขอบารมีพระท่าน แผ่เมตตา แล้วก็จูนคลื่นครับ
    -คือว่าเวลาที่ผมสอนเขา ผมก็จะใช้เจโตคุมกำกับด้วยครับ วันนี้นี่ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ฝึกเจโตอย่างเต้มที่เลยครับ เพราะว่าผมดูกำกับตลอดว่า จิตเป็นยังไง กับลมหายใจขาดรึยัง รวมทั้งตอนแผ่เมตตาพอเพื่อนผมเขาแผ่ไปถึงจุดนี้ๆ ผมก็บอกได้ครับว่าเขาทำเสร็จแล้วนะ โดยบางครั้งเจ้าตัวยังไม่มั่นใจเลยว่าถึงแล้วครับ
    หลังจากที่ผมสอนเสร็จตอนนี้ก็เหนื่อยมากเลยครับ เพราะวันนี้ผมก็ใช้พลังไปเยอะมาก แต่ว่าใจไม่ค่อยเหนื่อยครับ รู้สึกมีความสุขมากกว่า
    พอผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็ไปกราบขอบคุณคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ แล้วก็พลังสัมมาทิฏฐิที่มาช่วยผมในวันนี้ครับ แล้วก็ใช้วิธีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดทิฏฐิครับ สอนไปมากเดี้ยวจะเหลิง
     
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    มาสอนรุ่นเก่ากึ๊กบ้างสิคะ คงจะได้ยากกว่าน้องๆวัยใส เพราะสนิมจับทุกข้อเลย
    อนุโมทนาบุญน้องซอร์ส (เจ้าหนูจับลม) ด้วยใจจริงค่ะ แน่มั่กๆ
     
  4. mooing2546

    mooing2546 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +571
    เห็นน้องเค้ามีความก้าวหน้าในการฝึกสมาธิก้อลองย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา อายุอานามก้อเลยเลขสามไปหน่อยนึงแต่กลับหาความก้าวหน้าไม่ได้ นี่แหละค่ะพี่เล็ก เป็นเรื่องที่น้องต้องการความช่วยเหลือเป็นอยางมาก อยู่ที่ศรีสะเกษ จะไปหาที่ฝึกกรรมฐานที่ไหน ลำพังฝึกคนเดียวก้อกลัวหลงทางไม่มีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ เมื่อไหร่พี่จะ
    ทริปมาสอนแถวนี้บ้างคะ หรือไม่ก้อข้อชี้แนะเบื้องต้น ให้น้องบ้างนะคะ อนุโมทนาบุญในทุกส่วนของพี่เล็กค่ะ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1> <!-- / icon and title --><!-- message -->
    สวัสดีครับคุณคณานันท์
    ผมเพิ่งได้เข้ามาเปิดดูกระทู้ครับ เสียดายมากครับ ผมอยากศึกษามากครับ แต่ไม่ทันซะแล้ว ไม่ทราบว่า จะมีอีกไหมครับ (ตัวผมไม่มีพื้นฐานอะไรเลยครับ ) อยากปฏิบัติมากๆ
    เลยขออนุโมทนาบุญด้วยคนครับ ที่ทำให้ คนไม่รู้ได้รู้ครับ
    -----------------------------------------------------------------------

    มีฝึกกันเรื่อยๆครับ จะพยายามจัดให้ได้เดือนละครั้งให้เป็นปกติครับ

    รายละเอียดการนัดเรียน นัดฝึกสมาธิ ขออนุญาตให้ติดตามจากในกระทู้นี้กันครับ

    คนไม่มีพื้นฐานเลยก็ฝึกได้ครับ สิ่งสำคัญก็คือ ความตั้งใจใฝ่ดีปรารถนาในประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญครับ

    ----------------------------------------------------------

    เห็นน้องเค้ามีความก้าวหน้าในการฝึกสมาธิก้อลองย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา อายุอานามก้อเลยเลขสามไปหน่อยนึงแต่กลับหาความก้าวหน้าไม่ได้ นี่แหละค่ะพี่เล็ก เป็นเรื่องที่น้องต้องการความช่วยเหลือเป็นอยางมาก อยู่ที่ศรีสะเกษ จะไปหาที่ฝึกกรรมฐานที่ไหน ลำพังฝึกคนเดียวก้อกลัวหลงทางไม่มีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ เมื่อไหร่พี่จะ
    ทริปมาสอนแถวนี้บ้างคะ หรือไม่ก้อข้อชี้แนะเบื้องต้น ให้น้องบ้างนะคะ อนุโมทนาบุญในทุกส่วนของพี่เล็ก

    -----------------------------------------------------------------------

    หากมีโอกาสไปทางแถบนั้นผมจะแจ้งให้ทราบกันก่อนครับแล้วนัดไปเจอกันตามสะดวกครับ

    ปีนี้คาดว่าจะมีโอกาสไปทางร้อยเอ็ด ไม่รู้ว่าไกลไปไหมครับ

    หรือไม่ก็โทรมาปรึกษาก็ได้
    <!-- / message -->
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตอธิบาย ขยายความหมายนิดหนึ่งครับ

    <TABLE class=tborder id=post906644 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_906644 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">วันนี้ผมจะขอเล่าถึงตอนที่ผมไปสอนเพื่อนๆผมกันมานะครับ ขอบพระคุณ พี่คณานันท์ ครูบาอาจารย์สืบๆกันมา คุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง และพลังสัมมาทิฎฐิ ทั้งไตรหมื่นโลกธาตุ มากๆครับ เพราะว่าวันนี้เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่สอนอย่างเป็นกิจลักษณะของตัวผมเอง ผมก็เลยขออารธนาบารมีของทุกๆพระองค์หมด แล้วก็ใช้วิธีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยครับ

    ที่น้องเขาใช้วิธีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทนั้น หมายถึง การที่ทรงอารมณ์ใจในความเคารพในพระรัตนไตรอย่างยิ่งยวด ชนิดที่สามารถ นำพระบาทของพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ครูบาอาจารย์ท่านให้ใช้ศีรษะเราต่างผ้าเช็ดเท้าได้ ซึ่งเคยเล่าให้น้องเขาฟังว่า เมื่อเราเข้าถึงอารมณ์ใจที่เคารพและถ่อมตนจนสิ้นมานะแบบนี้ เราจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความหมายของคำว่า "ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม" และบอกว่าเรารู้สึกเคารพรักในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านแบบนั้นจริงๆ และเราสามารถนำเท้าของคุณพ่อคุณแม่เรามา เช็ดศีรษะเราด้วยความเคารพรักได้แบบนั้นจริงๆ อารมณ์ใจที่ได้นั้น จะมีอานิสงค์ทำให้ ความถูกต้องชัดเจนในญาณทํสนะสูงกว่าปกติครับ ที่จริงคือความหมายว่าความเคารพในพระรัตนไตรหรือสิ่งใดอย่างสุดซึ้งจากหัวใจของเราครับ

    -คือว่าตอนแรกเลยครับพอรถเริ่มออก ผมก็ประกาศเลยว่าผมจะสอนเข้าสมาธิอย่างง่ายๆ เนื่องด้วยคนในห้องเริ่มสนใจมาพักนึงแล้ว ก็ได้โอกาสพอดีเลยครับ โดยผมก็บอกให้มานั่งรวมๆกัน เสร็จแล้วทีนี้เกิดปัญหาครับ
    -คนที่เค้าขับรถ เค้าเปิดเพลงแบบ บอดี้สแลม แครช อะไรร็อคๆแบบดังมากๆ เพื่อนๆผมก็เลยพากันถอดใจคิดว่ายังไงก็เข้าสมาธิไม่ได้แน่ๆ แต่ผมยังย้ำว่ามันได้ สุดท้ายตอนนั้นก็แยกวงหมดเลยครับ

    ปกติการฝึกให้ได้ฌานสี่ในที่เงียบสงบ สงัดก็เป็นเรื่องยากไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ แต่นี่มาฝึกในที่เสียงดัง อีก(เสียงดังเป็นปรปักษ์ต่อฌาน) นับว่าไม่ธรรมดา
    -ทีนี้ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะว่าเมื่อวานก็อุตส่าขอบารมีพระท่านมาเต็มที่ ประกอบด้วยผมก็ขอซ้ำอีกทีวันนี้ และผมก็พกวัตถุมงคลติดตัวมาเยอะเลยครับ 555+

    กำลังใจดีครับ สาธุ

    -เริ่มจากคนแรกที่จิตนิ่งกว่าคนอื่นครับ ผมก็เห็นว่าถ้ามีสิ่งรบกวนอยู่แบบนี้ไม่ได้การ ผมเลยเริ่มจากลูกแก้วกสิณครับ โดยผมให้เขาไล่กสิณซ้ำไปซ้ำมาจนจิตเขาสงบ แล้วผมก็ถามว่าเป้นไงรู้ป่าวว่าตะกี้เพลงมันร้องอะไรออกไป เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ผมก็บอกว่าแค่นี้ก็เริ่มเป็นสมาธิแล้วนะ ง่ายไหม เขาก็บอกว่าง่ายแล้วก็ได้กำลังใจมา ทีนี้ก็เชื่อว่าเสียงดังๆก้ยังฝึกได้


    เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่ากสิณที่ทำได้นี่ถึงฌานสี่ได้จริงๆ เพราะมีภาวะที่หูดับไม่ได้ยินเสียงภายนอก ฌานที่ได้จากกสิณเป็นบาทฐานของอภิญญาครับ

    ฌานที่ได้จากอานาปาณสติเป็นธรรมเครื่องอยู่ ดังนั้นเอาให้ได้เป็นหลักคล่องตัวทั้งสองอย่างครับ หากขยันก็ล่อ กรรมฐานสีสิบกองจนสุดอารมณ์นิพพานกันเลย


    -จากนั้น ผมก็ให้เขา จับลม1ฐาน 3ฐาน ลมสบาย ลมสบายแบบขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากนั้นก็ตามด้วยอัดลมและล้างลมหยาบ เสร็จแล้วก็ให้จินตนาการเป็นเส้นเชือกตามขั้นตอนลมสบาย แล้วก็บอกเขาว่าตอนนี้ลมหายใจจะเริ่มเบาลงๆ ให้จินตนาการเช่นนี้ไปจนไม่รู้สึกถึงลมหายใจ
    -ซักพัก ลมหายใจเขาก็ขาดครับ โดยผมก็ให้เขาอธิษฐานนวสี แล้วก็ต่อด้วยเมตตาอัปปนานฌาณครับ
    -เสร็จแล้วผมก็ประกาศให้กลุ่มผู้สนใจทราบโต้งๆเลยว่า เฮ้ยคนนี้ทำได้แล้วนะ
    -พวกนั้นก็เริ่มสนใจแล้วผมก็ใช้วิธีข้างต้นไล่ไปทุกคนครับ
    -แต่ว่าผมยังเสียดายที่บางคนนั้นผมลืมให้เขาอธิษฐานนวสี แล้วบางคนพอเขาออกจากฌาณปุ้ป เขาก็ไปทำอย่างอื่นครับโดยผมยังไม่ได้สอนเมตตาอัปนานฌาณ แต่มีแบบนั้นแค่ 3 คนครับ
    -อีกหนึ่งจุดที่ผมเสียดายคือผมยังไม่ได้ให้คนที่ได้ไปแล้วพลิกจิตเป็นสัมมาทิฏฐิครับ เพราะว่าพอสอนคนนี้จบก็ไปอีกคนนึงเลย แต่ว่าผมบอกให้เขาเคารพในพระพุทธ พระฑะรรม พระสงฆ์ แล้วก็หมั่นแผ่เมตตาอัปปนานฌาณไปก่อนครับ จนกว่าที่ผมจะหาโอกาสนัดอธิษฐานพลิกจิตได้
    -โดยเวลาสอนผมก็ไม่ลืม ที่จะขอบารมีพระท่าน แผ่เมตตา แล้วก็จูนคลื่นครับ
    -คือว่าเวลาที่ผมสอนเขา ผมก็จะใช้เจโตคุมกำกับด้วยครับ วันนี้นี่ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ฝึกเจโตอย่างเต้มที่เลยครับ เพราะว่าผมดูกำกับตลอดว่า จิตเป็นยังไง กับลมหายใจขาดรึยัง รวมทั้งตอนแผ่เมตตาพอเพื่อนผมเขาแผ่ไปถึงจุดนี้ๆ ผมก็บอกได้ครับว่าเขาทำเสร็จแล้วนะ โดยบางครั้งเจ้าตัวยังไม่มั่นใจเลยว่าถึงแล้วครับ
    หลังจากที่ผมสอนเสร็จตอนนี้ก็เหนื่อยมากเลยครับ เพราะวันนี้ผมก็ใช้พลังไปเยอะมาก แต่ว่าใจไม่ค่อยเหนื่อยครับ รู้สึกมีความสุขมากกว่า

    ที่ว่าเหนื่อยก็เพราะที่จริงคนสอนน่ะ ใช้กำลังช่วยอัดให้ไปไม่น้อย รวมทั้งการขอบารมีพระให้ท่านช่วย ดังนั้นที่ได้กันง่ายๆนั้น วิชชาต่างๆกว่าจะได้มานั้นยากกว่าที่ได้สัมผัสหลายเท่านัก
    ฌานสี่กว่าจะกลายเป็นได้ง่ายแบบนี้ ต้องรวมวิชชามาจากครูบาอาจารย์หลายๆท่านครับ

    ดังนั้นมีโอกาสฝึกได้ถ่ายทอดได้ก็ขอให้ขวนขวายในความดี และระลึกถึงคุณค่ากันเอาไว้ อย่าได้ไปคิดว่าง่ายแล้วเลยไปรู้สึกว่าไม่มีค่า

    เคยพบท่านที่ได้มโนมยิทธิอย่างง่ายดายเลย แต่พอทิ้งไปเสื่อมไป พอจะขอกลับฝึกกลับให้ได้ คราวนี้ยากแสนยาก บางคนจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ก็มีครับ ดังนั้นอย่าได้ประมาท เพราะความง่ายนี้ ขอพระท่านเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องจรรโลงใจให้คนทั้งหลายมีกำลังใจในการปฏิบัติและเข้าถึงความดี เพื่อการปฏิบัติธรรมขั้นสูงต่อไปครับ




    พอผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็ไปกราบขอบคุณคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ แล้วก็พลังสัมมาทิฏฐิที่มาช่วยผมในวันนี้ครับ แล้วก็ใช้วิธีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดทิฏฐิครับ สอนไปมากเดี้ยวจะเหลิง
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    หมั่นมองดูจิต คิดชำระให้สะอาดใส ห่างไกลซึ่งมารร้าย ขอสิ้นซึ่งภพชาติ
    <!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("906644")</SCRIPT> [​IMG] [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG] <!-- End Post Thank You Hack -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 906644 popup menu -->
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>Xorce</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ Xorce</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่ง Email ถึง Xorce</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ Xorce</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>เพิ่ม Xorce ในรายชื่อคู่หูของคุณ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / post 906644 popup menu --><!-- / close content container --><!-- / post #906644 --><!-- Start Post Thank You Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_thanks_give_906644(){ fetch_object('post_thanks_button_906644').style.display = 'none' fetch_object('post_groan_button_906644').style.display = 'none' do_thanks_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_add.onreadystatechange(thanks_add_Done_906644) do_thanks_add.send('showthread.php?do=post_thanks_add_ajax&p=906644')}function thanks_add_Done_906644(){ if (do_thanks_add.handler.readyState == 4 && do_thanks_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_906644').innerHTML = do_thanks_add.handler.responseText }}function post_thanks_remove_all_906644(){ do_thanks_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_remove_all.onreadystatechange(thanks_remove_all_Done_906644) do_thanks_remove_all.send('showthread.php?do=post_thanks_remove_all_ajax&p=906644') fetch_object('post_thanks_button_906644').style.display = '' fetch_object('post_groan_button_906644').style.display = '' }function thanks_remove_all_Done_906644(){ if (do_thanks_remove_all.handler.readyState == 4 && do_thanks_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_906644').innerHTML = do_thanks_remove_all.handler.responseText }}function post_thanks_remove_user_906644(){ do_thanks_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_remove_user.onreadystatechange(thanks_remove_user_Done_906644) do_thanks_remove_user.send('showthread.php?do=post_thanks_remove_user_ajax&p=906644') fetch_object('post_thanks_button_906644').style.display = '' fetch_object('post_groan_button_906644').style.display = '' }function thanks_remove_user_Done_906644(){ if (do_thanks_remove_user.handler.readyState == 4 && do_thanks_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_906644').innerHTML = do_thanks_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ Xorce ในข้อความที่เขียนด้านบน </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ก็ขอโมทนากับน้องด้วยที่ไม่ประมาทในความดี ไม่ทะนงตนในความ"เก่ง" และ มุ่งสงเคราะห์ กันด้วยเมตตาพรหมวิหารสี่ หวังความก้าวหน้าเจริญในธรรม ของเพื่อนๆอย่างแท้จริงครับ

    ขอโมทนาในความดีของผู้ฝึกและผู้ได้รับการฝึกครับ ต่อไปก็เสริมให้เขาได้เข้าถึงสัมมาทิษฐิให้ได้ครบกันทุกๆคนครับ สำคัญมากๆ
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    (good) เห็นด้วย 100% เลยค่ะ เก่งมากๆ เลย
     
  8. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    พี่ขอโมทนาบุญกับน้องxorceด้วยค่ะ ตัวพี่กำลังพยายามปฏิบัติไปเรื่อยๆค่ะ

    ขอเอาใจช่วยเต็มที่ (สู้ๆจ้า) (good)
     
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    พี่ขอส่งจิตช่วยสนับสนุน Xorce ทุกครั้ง ที่ Xorce ไปชี้นำแนวทางให้เพื่อนๆ ก็แล้วกันนะ<O:p</O:p
    ขอให้จิตที่เมตตาของ Xorce นำทางให้ดวงจิตทุกๆดวงจิตที่ได้รับการชี้แนะเป็นสัมมาทิฐิทุกดวงจิตไป
    และขอให้จิตแห่งสัมมาทิฐิเพิ่มขึ้นเป็นอนันต์

    <O:p</O:pไม่มีดวงจิตใดที่ไร้ความเมตตา เพียงแค่ทำให้ดวงจิตนั้นเข้าใจและเข้าถึง

    จิตไร้กาลเวลา ทุกดวงจิต เป็นทั้งศิษย์ เป็นทั้งครู<O:p</O:p
     
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอบพระคุณทุกๆท่านมากครับ ที่มาโมทนากัน ผมคิดว่าตัวผมเป็นแค่เพียงสะพานที่ทำหน้าที่ทอดเอาไว้ให้เพื่อนๆของผมที่ต้องการจะเดิน เท่านั้นครับ ไม่ได้มีความสามารถอะไร แถมเพื่อนๆของผมก็เป็นพุทธภูมิทั้งนั้น ทำให้เขาทำกันได้ไม่ยากครับ
    -เพราะว่าที่สอนเพื่อนๆของผม เป็นพระคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมามากกว่า ไม่ใช่ความสามารถของผมแม้แต่ประการใด
    -แต่ผมก็กลัวว่าบางครั้งการที่ได้มาง่ายเกินไปอาจจะทำให้เขาไม่เชื่อ หรือเอามาทิ้งกันได้ เพราะว่าแต่ละคนที่ได้มานั้น
    -บางคนก็แทบไม่รุ้อะไรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย ผมพูดว่าฌาณยังไม่เข้าใจเลย ถามว่าคืออะไร ผมก็บอกเขาไปว่าเป็นสมาธิระดับสูง แต่ว่าอาจจะยังไม่เห็นคุณค่าเท่าคนที่สนใจพระพุทธศาสนา
    -เพราะว่าถ้าคนที่รู้ถึงคุณค่าของฌาณ4แล้ว คงจะดีใจมากๆที่เขาทำได้
    -เมื่อวานนี้ผมลอง สอนเพื่อนของผมทาง msn ครับ โดยขอบารมีพระ และทำเหมือนเคยทุกอย่างครับ แล้วผมก็ลองใช้เจโตคุมระยะไกลด้วยครับ ปรากฏว่าคนที่ผมสอนก็เข้าฌาณ4 ได้เหมือนกันครับ แล้วผมก็ให้แผ่เมตตาอัปปนานฌาณ ต่อ ทำให้ผมคิดว่าถ้าเกิดว่ามีคนสนใจจริงๆเนี่ย แม้จะอยู่ระยะไกลเราก็สอนเขาได้นะ
    -ทีนี้ผมมีข้อสงสัยมาถามครับ คือว่าสติปัฏฐาน4 กับวิปัสสนาญาณนี่ ตัวเดียวกันไหมครับ
    ขอบพระคุณทุกๆท่านมากนะครับ ที่คอยให้กำลังใจ และก็ส่งพลังมาช่วยกันนะครับ ขอให้ทุกๆท่านสำเร็จภาระกิจทุกๆอย่าง ตามที่ได้อธิษฐานกันไว้นะครับ
     
  11. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ฌาณสี่สภาวะเป็นอย่างไรครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับ

    โมทนาในธรรมปฏิบัติครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เนื่องจากผมไม่ได้มีความรู้อะไรนะครับ อาจจะตอบไม่ถูก หากผิดพลาดประการใดก็ขอให้ ท่านผู้รู้ช่วยมาแก้ไขให้ด้วยนะครับ
    คือว่าผมคิดว่า ฌาณ4 เนี่ย เป็นสภาพที่จิตมีความนิ่ง มีความสงัด จะไม่รับรู้ เสียง อาจจะยังได้ยินเสียงอยู่ แต่เราจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร พูดว่าอะไร หรือว่าเกิดมีสัมผัสใดๆ จิตจะนิ่งคล้ายหยุด ส่วนลมหายใจ ก็จะไม่รู้สึกอีกต่อไปว่ามีลมหายใจอยู่ เพราะว่าจิตสงบมากจนไม่สนลมหายใจ นี่เป็นลักษณะของฌาณ4ครับ หากเป็นกสิณ รูปจินตนาการของกสิณนั้นก็ จะเปล่งประกายพรึก เป็นคล้ายเพชร นี่ก็เป็นลักษณะคร่าวๆของฌาณ4 ครับ ก็อธิบายเต็มความสามารถแล้วครับ ประมาณนี้มั้งครับ
     
  13. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ลองอ่านดูแล้วลองเทียบกับสภาวะดูนะครับ

    การเข้าใจอะไรที่ถูกต้องทำให้การปฏิบัติก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ก็แล้วแต่ครูบาอาจารย์ด้วย

    เมื่อเรามานั่งสมาธิเพื่อทำจิตให้สงบ สิ่งที่คอยขัดขวางไม่ให้จิตสงบก็คือ ความนึกคิดเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา การนึกคิดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้พลังงาน เมื่อต้องใช้พลังงานก็ต้องการออกซิเจน นึกคิดมากเท่าใดก็ต้องการออกซิเจนมากเท่านั้น เมื่อได้รับออกซิเจนมากความนึกคิดก็จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จิตเราก็ต้องมีหน้าที่ไปร่วมกับความนึกคิดที่เกิดขึ้น หากยังปล่อยให้ลมหายใจเข้าออกเข้าสู่ร่างกายอย่างเป็นปกติแล้ว จิตจะสงบลงยาก ดังนั้นหากเราจะฝึกจิตให้สงบจึงต้องตัดองค์ประกอบที่จะทำให้ร่างกายผลิตพลังงานออกมาน้อยลง วิธีการที่เราสามารถทำได้ก็คือ
    ‘’’’’’’’’’’’’’’ลดการใช้ออกซิเจน ให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง โดยการปรับลมหายใจเข้าออกให้ผ่านเข้าออกร่างกายน้อยลง ดังนั้น ยิ่งเราปรับลมให้ผ่านฐานอารมณ์น้อยลงเท่าใด ความนึกคิดก็จะน้อยลงเท่านั้น เมื่อความนึกคิดน้อยลง จิตเราก็จะยิ่งสงบขึ้นเรื่อยๆ

    ‘’’’’’’’’’’’’’’เราจะต้องปรับลมหายใจให้ไหลผ่านเข้าออกฐานอารมณ์น้อยลงเช่นนี้เรื่อยๆ ทำไปจนกระทั่งเห็นว่าลมมันนิ่งไม่เข้าไม่ออก และสุดท้ายได้เลือนหายไปจากความรู้สึก เมื่อมาถึงจุดนี้ ความนึกคิดที่เคยเกิดขึ้นก็จะเลือนหายตามลมหายไป ไม่สามารถรบกวนจิตให้มาร่วมนึกคิดตามได้อีก ภาวะเช่นนี้ก็คือจิตสงบลงในระดับ ปฐมฌาน แล้ว ให้เราดำรงภาวะเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

    ‘’’’’’’’’’’’’’’เมื่อลมหายใจหายไปจากความรู้สึก เราไม่ต้องตกใจ ว่าลมเราหมดเราจะตายแล้ว เราไม่ต้องกลัว มันเป็นเพียงลมหยาบที่ดับไป ลมหายใจที่ละเอียดมันยังมีอยู่ และไหลเข้าออกได้ ทุกรูขุมขนของร่างกาย และในภาวะเช่นนี้ร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้อากาศมากเพื่อเผาผลาญพลังงาน

    ‘’’’’’’’’’’’’’’ก่อนที่ลมหายใจจะดับลงไปเราอาจจะเกิดความรู้สึกเสียวตึงขึ้นที่ฐานอารมณ์ เราไม่ต้องตกใจ มันเป็นอาการของจิตที่เคลื่อนตัว เพื่อรวมตัวปรับระดับจิตให้สงบลง

    ‘’’’’’’’’’’’’’’ การที่ลมหายใจเลือนหายไป หรือดับลงไปจากความรู้สึกสัมผัส เป็นเพราะขณะนี้จิตเราได้เข้ามาสู่ภาวะที่ละเอียดกว่าลมหายใจ ลมหายใจจะไม่อยู่ในระดับความละเอียดของจิตเราในขณะนี้ เพราะจิตเรากำลังอยู่ที่ขอบนอกของอะตอมที่อยู่ที่ฐานอารมณ์
    ‘’’’’’’’’’’’’’’ มันเป็นภาวะที่ละเอียดกว่าลมหายใจ จิตเราจึงไม่ถูกรบกวนแม้ด้วยลมหายใจ และขณะที่จิตเรารวมตัวเข้ามา หากมีอาการเหมือนวูบเข้าไป หรือ เหมือนตกลงไปยังที่ใดที่หนึ่ง หรือ เหมือนกับว่า รอบตัวของเราค่อยๆ มืดลงๆ เงียบลงๆ เราไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะจิตมันรวมตัวเข้ามาที่ขอบอะตอม และเลยขอบอะตอมเข้ามาแล้ว


    ให้เราดำรงภาวะของปฐมฌานต่อไป เมื่อเราดำรงปฐมฌานไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว จิตจะเข้าสู่ความสงบที่ลึกขึ้น พลังที่ละเอียดกว่าลมละเอียดจะปรากฏแก่เรา เมื่อจิตเราเข้ามาถึงพลังงานชั้นที่สองภายในอะตอม
    ‘’’’’’’’’’’’’’’เมื่อจิตเราเข้ามาถึงพลังงานชั้นที่สองภายในอะตอมแล้ว สิ่งที่เราจะพบก็คือคลื่นแรงโน้มถ่วง(Gravity force) ที่ส่งออกมาจากจุดศูนย์กลางอะตอม คือ นิวเคลียส ( Nucleus ) จะเป็นแรงที่มีลักษณะเป็นระลอกคลื่น หนัก เบา หนัก เบา สลับกันไป เราจะสัมผัสได้จากความรู้สึกที่แรงนี้กระทำกับจิตเรา

    ‘’’’’’’’’’’’’’’คลื่นแรงโน้มถ่วงจากนิวเคลียสนี้จะมีผลทำให้ สภาพการรับรู้ความรู้สึกของเราถูกบิดเบือนและเบี่ยงเบนไปจากภาวะปกติ ในภาวะปกติเราจะรู้ตัวทั่วพร้อมว่าตัวตนของเรานั่งอยู่ตรงนี้ที่นี่ ในอริยาบถอย่างนี้ มีขอบเขตของร่างกายเท่านี้ เมื่อจิตเราอยู่ในคลื่นความโน้มถ่วงเช่นนี้แล้ว สภาพการรับรู้ที่ถูกบิดเบือนไปจะทำให้เรารู้สึกว่าร่างกายตัวตนของเรามีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ โดยเราจะพบอาการต่างๆ ต่อไปนี้ เช่น ตัวเราโยกคลอนไปมา ตัวเราหายไป ตัวเราขยายใหญ่โตขึ้น ตัวเราหดตัวมีขนาดเล็กลง หัวเรายืดสูงขึ้นไป มือหายไป ขาหายไป มือยาวยืดออกไป หน้าตาเหมือนบิดเบี้ยว นั่งหันหน้ากลับทิศที่เรานั่งตอนแรก ขนลุกขนชัน รู้สึกซาบซ่านซู่ซ่าไปทั้งตัว รู้สึกเบิกบานมีน้ำตาไหลโดยไร้เหตุผล นั่งยิ้มอยู่คนเดียวนานๆ รู้สึกฮึกเหิมกล้าหาญ จิตใจพองโต อิ่มอกอิ่มใจไม่หิวไม่กระหาย ซึ่งมีสารพัดอาการ

    ‘’’’’’’’’’’’’’’อาการอย่างนี้เรียกว่า ปีติ เป็นภาวะที่จิตสงบเข้ามาถึง ทุติยฌาน แล้ว และเป็นอาการบอกถึงว่าจิตเราจะสงบลึกเข้าไปอีกเมื่อผ่านปีติไป เมื่อเกิดปีติขึ้นเราไม่ควรดีใจเสียใจกับอาการที่เกิดขึ้น มันจะเกิดอะไรจะเป็นอย่างไรก็ให้พอแค่นั้น ไม่ต้องไปสนใจมัน หน้าที่ของเราคือเอาจิตรวมอยู่ที่ฐานอารมณ์ต่อไป ไม่ต้องสนใจอาการต่างๆที่เกิดขึ้น หากเราไปตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ จิตมันจะถอนออกมาจากความสงบ ก็ให้เรารวมจิตอยู่กับฐานอารมณ์และดูอาการของปีติไป จนกว่าอาการของปีติจะจางคลายลงไป
    ‘’’’’’’’’’’’’’’ เมื่ออาการของปีติจางคลายลงนั่นคือจิตเราเข้าสู่ระดับพลังของอะตอมลึกขึ้นจนพ้นรัศมีของคลื่นแรงโน้มถ่วงจากนิวเคลียสเข้ามาแล้ว และกำลังเคลื่อนตัวเข้ามายังชั้นพลังงานที่ลึกว่าต่อไป หลังจากปีติหมดไปแล้วจิตเราจะสงบนิ่งขึ้น ละเอียดขึ้น และไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้นกับเราอีก ให้เราดำรงภาวะเช่นนี้ไปและรวมจิตอยู่กับฐานอารมณ์ต่อ เมื่อทำไปสักระยะหนึ่ง จนจิตเราเข้ามาถึงพลังงานชั้นที่สามภายในอะตอม

    ‘’’’’’’’’’’’’’’พลังที่เราจะได้พบก็คือ แสงสว่าง จะค่อยๆปรากฏแก่เราเป็นแสงสว่างเรืองๆ จะไม่สว่างมากอาจเห็นเป็นแสงออกสีเหลืองอ่อนเรืองแสงอยู่ไกลๆ เมื่อเราดำดิ่งความรู้สึกลงไป ความสว่างของแสงจะมากขึ้น เราอาจเห็นแสงสีต่างๆ ที่เป็นเฉดสีที่อยู่ในสเปคตรัม ( Spectrum ) ของแสงพระอาทิตย์ คือม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง
    ‘’’’’’’’’’’’’’’ แสงสีเหล่านี้เกิดขึ้นจาก จิตของเราที่ไปปรุงแต่งอารมณ์ต่างๆเก็บเป็นพลังงานค้างไว้ในธาตุรู้ภายในอะตอม และบอกได้ถึงสุขภาพร่างกายของเราด้วย คือหากร่างกายของเรามีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติดี แสงสว่างที่มีมากที่สุดที่เราจะได้พบก็คือ แสงสีเหลือง
    และแสงสีเหลืองนี้เป็นแสงของอารมณ์เมตตาด้วย นั่นคือหากเราอยากมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืน ควรอยู่กับความเมตตาให้มาก ส่วนความหมายของแสงสีอื่นนั้นจะยังไม่ขออธิบาย และแสงเหล่านี้มันส่องออกมาเป็นแสงรัศมีรอบกายเราด้วย ผู้ที่มีจิตละเอียดจะสามารถเห็นได้และสามารถรู้ว่าเราเป็นคนมีนิสัยใจคออย่างไร กำลังอยู่ในอารมณ์อะไร และสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2008
  14. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    เมื่อพลังแห่งแสงสีเหล่านี้ปรากฏ ควรดำรงจิตให้เป็นกลาง รวมจิตอยู่กับฐานอารมณ์ต่อ จนกว่ามันจะหายไป แสงสีเหล่านี้จะเป็นแสงที่อยู่ขอบนอกของพลังชั้นที่สาม ห่อหุ้มพลังอีกกลุ่มหนึ่งไว้ เมื่อจิตเราเข้าสู่ระดับลึกกว่าเดิมเราก็จะพบ คือ กลุ่มพลังของธาตุรู้ หรือ วิญญาณธาตุ ซึ่งสถิตย์อยู่ในระดับพลังงานชั้นในของชั้นที่สามนี้
    ‘’’’’’’’’’’’’’’สภาพเดิมอย่างหนึ่งของธาตุรู้ที่จะปรากฏแก่เรา คือ เป็นกลุ่มพลังงานแสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์ เมื่อเรามาถึงแสงสว่างสีขาวนี้ เราจะเกิดความสุขอันละเอียดมาก จิตจะเบา กายจะเบา รู้สึกร่างกายจิตใจละเอียดอ่อนนุ่มนวลสะอาดใสบริสุทธิ์ ความนึกความคิด ความเจ็บความปวดไม่รู้ว่ามันละลายหายไปไหนหมด ภาวะเช่นนี้ เรียกว่า สุข เป็นความสุขที่ละเอียดสุขุม เป็นภาวะที่จิตสงบเข้ามาถึง ตติยฌาน แล้ว การที่พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า “ สุขอื่นจะเท่ากับความสงบไม่มี ” เมื่อเรามาถึงตรงนี้แล้วเราจะเคารพในพุทธภาษิตนี้จริงๆ เพราะความสุขใดๆที่ผ่านมาในชีวิตของเราจะไม่สามารถมาเทียบเคียงได้ เหล่าพระอริยะเจ้าก็ทรงสรรเสริญความสุขระดับนี้ อยู่กับตติยฌานนี้เราจะนั่งสมาธิได้นานมากไม่อยากออกจากสมาธิเลยเพราะมีความสุขมาก และเมื่อเราอยู่กับแสงสว่างนี้นานๆโดยจิตยังไม่เข้าสู่ความสงบที่ลึกกว่าต่อไป ความสว่างมันจะมากขึ้น เมื่อความสว่างมากจนถึงระดับหนึ่ง จิตของเราจะมีกำลังของธาตุรู้ที่มากขึ้น พอถึงจุดนี้ ภาพนิมิต มันจะปรากฏขึ้นแก่เรา

    ปรากฏการณ์ภาพนิมิต
    ภาพนิมิตนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ

    ๑. เกิดจากสัญญาภาพที่เป็นอดีตที่เก็บไว้ที่สมอง

    ‘’’’’’’’’’’’’’’ ระดับพลังงานภายในอะตอมที่อยู่ในระดับพลังเดียวกัน มันสามารถเชื่อมต่อพลังกันได้ เมื่อจิตเรามาเข้าถึงแสงสว่างของธาตุรู้ที่ฐานอารมณ์ แสงจากธาตุรู้จากฐานอื่น เช่น ฐานสมอง ฐานใจ ที่เป็นที่เก็บภาพต่างๆ ไว้มันสามารถไหลเข้ามาหาได้ ภาพเหล่านี้จะมีลักษณะเหมือนกับ ฟิล์มสไลด์ หรือ ฟิล์มภาพยนตร์ แสงจากธาตุรู้ก็เหมือนกับแสงจากเครื่องฉายภาพ ตามปกติเมื่อเรานึกคิดถึงสิ่งใดภาพในใจในความคิดมันก็ปรากฏขึ้นอยู่แล้ว แต่ในขณะที่เราอยู่ใน ตติยฌานนี้ แสงมันมีมากและจิตเราอยู่ในภาวะจิตละเอียดเท่ากับแสงสว่าง เมื่อจิตเราข้องติดหรือประทับใจในภาพใดๆ ก่อนหน้าที่เรามานั่งทำสมาธิ
    ‘’’’’’’’’’’’’’’ และยังคลายความยึดติดไม่ได้ ภาพเหล่านี้มันจะค่อย ๆ ไหลเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้ว ก็เหมือนกับ ฟิล์ม มาเจอกับแสงจากเครื่องฉาย ก็จะฉายเป็นภาพนิมิตให้เราได้เห็นทันที

    ๒. เกิดจากการนึกจินตนาการ ปรุงแต่ง

    ‘’’’’’’’’’’’’’’เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะคือ เมื่อจิตเข้าถึงแสงสว่างแล้ว หลงเพลินกับแสงนึกปรุงแสง รวมแสงเป็นภาพต่างๆ ขึ้น อีกกรณีหนึ่ง เป็นกระบวนการที่เกิดต่อเนื่องจากนิมิตที่เกิดจากสัญญา และเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อย คือเมื่อเห็นภาพนิมิตขึ้นมาแล้วก็ปรุงแต่งภาพนิมิตที่เห็นนั้นให้เป็นไปตามที่จิต ต้องการเห็น เช่น ย่อ ขยาย เพิ่มจำนวน เพิ่มความใสสะอาด เป็นต้น

    ๓. เกิดจากการส่งจิตไปรู้สิ่งต่างๆ

    ‘’’’’’’’’’’’’’’เมื่อจิตเรามาเข้าถึงแสงสว่างของธาตุรู้ภายในตัวเรา จิตเราจะมีกำลังมาก ธาตุรู้เราก็มีกำลังมาก เราสามารถเชื่อมโยงแสงสว่างจากธาตุรู้ที่อยู่ภายนอกตัวเราได้ เพราะเป็นระดับพลังเดียวกัน และธาตุรู้นี้เป็นสิ่งสากล เราสามารถใช้กำลังจิต กำลังของธาตุรู้ที่มีความเข้มข้นนี้ให้ทำงานให้เต็มที่โดยการส่งออกไปหาสิ่งต่างๆ ที่เราอยากรู้อยากเห็น สามารถขยายขอบเขตความสามารถในการรู้ของจิตเราได้ คือ หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใด กำหนดนึกไป ภาพสิ่งที่เราอยากเห็นจะมาปรากฏ เราจะเหมือนมีจอโทรทัศน์ในตัวเราเลยทีเดียว , สามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลตัวเราได้ , สามารถรู้ความรู้สึกนึกคิด ของคนอื่น สัตว์อื่นได้ , มองทะลุวัตถุได้ , เห็นอดีต อนาคต , เห็นภพภูมิอื่น เป็นต้น

    ‘’’’’’’’’’’’’’’ ภาพนิมิตทั้งหลายนี้ บางทีก็เป็นจริง บางทีก็ไม่เป็นจริง ตามความปรุงแต่งและ บงการของอนุสัยกิเลสภายในใจของเรา หากเรายังอยู่กับภาพนิมิตอยู่ จิตก็ยังไม่เข้าถึงความสงบอย่างที่สุด และตัวนิมิตนี้เองที่อาจจะมาทำให้จิตถอนตัวจากความสงบได้ด้วย การฝึกจิตจะไม่ก้าวหน้า ดังนั้นหากเราต้องการความสงบกว่าเดิมเราต้องละจากภาพนิมิต จากแสงสว่าง เพื่อเข้าสู่ความสงบที่ลึกกว่าต่อไป

    ‘’’’’’’’’’’’’’’ วิธีการที่จะทำให้ภาพนิมิตหายไปคือ ดำรงจิตเป็นกลาง ไม่สนใจภาพที่มันเกิดขึ้น มันจะเกิดภาพหรือเสียงนิมิตอะไรจิตเราไม่ต้องเคลื่อนไปตามสิ่งที่เราเห็นเรารู้
    ไม่ส่งจิตออกตามไปรู้เห็นสิ่งถูกรู้ ให้กลับเข้ามาดูที่ผู้เห็นผู้รู้แทน ภาพนิมิตก็จะหายไป เหลือแต่ความสว่างเช่นเดิม

    ‘’’’’’’’’’’’’’’รวมจิตให้อยู่กับฐานอารมณ์ต่อไปเพื่อเข้าสู่ความสงบที่ลึกขึ้น ระดับความสงบที่ลึกกว่าความสุขของตติยฌาน ที่จิตเราละแสงสว่างได้แล้ว ภาวะที่เราจะพบก็คือ เป็นสภาพเดิมที่อยู่ลึกที่สุดของธาตุรู้ คือ ความว่าง อาการก่อนที่เราจะเข้ามาสู่ความว่างนี้ ที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ เมื่อรวมจิตให้อยู่กับฐานอารมณ์แล้ว จะเกิดอาการวูบเหมือนเราตกลงไปยังที่ใดที่หนึ่งความรู้ตัวขณะตกลงมาจะมีไม่มาก แต่จะค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นเมื่อตกลงมาถึง ณ. ที่นี้แล้ว ,หรือ ความรู้สึกของเราเหมือนเคลื่อนผ่านกลุ่มแสงสีขาวเข้าไป แสงจะลดลงไปเรื่อยๆ จนมาถึง ณ. ที่หนึ่ง ณ. ที่นี้ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีสี ไม่มีภาพนิมิต เป็นที่เงียบสงบมาก ว่างเปล่า รู้สึกเหมือนมีเพียงตัวเราอยู่คนเดียวในโลก ทุกสิ่งไร้การเคลื่อนไหว เป็นภาวะที่สงบนิ่งที่ลึกและกว้างไกลมาก รู้สึกจิตมีกำลังรวมเป็นหนึ่งแน่นหนา ไม่เป็นภาวะสุข หรือ ทุกข์ เป็นแต่กลางๆ เฉยอยู่ ภาวะที่จิตรวมเป็นหนึ่งกับธาตุรู้เช่นนี้ เรียกว่า เอกัคตารมณ์ ภาวะเป็นกลาง เรียกว่า อุเบกขา เมื่อเรามาถึงตรงนี้ เป็นภาวะที่จิตสงบเข้ามาถึง จตุตถฌาน และจิตได้เข้ามาถึงจุดศูนย์กลางของ อะตอม คือ นิวเคลียสแล้ว

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ :บรรยายธรรม
    คุณเกียรติศักดิ์ แสงสุวรรณ :เรียบเรียง



    ผมเคยอ่านบทความของครูบาอาจารย์บางท่าน บอกว่าถ้าอาการปีติอย่างโน้นอย่างนี้ เช่นเกิดอาการตัวหาย ตัวลอย ตัวดิ่ง ลมหายใจดับ รู้สึกว่างไม่รู้สึกว่าตัวมีอยู่ ว่าเป็นภาวะของฌาณ สี่ อ่านไปก็ดีใจไปครับเพราะคิดว่าตัวเองได้ฌาณสี่แล้วเพราะตรงกับสภาวะตัวเอง แล้วก็คิดว่าทำไมฌาณสี่ถึงเข้าง่ายจัง

    แต่ที่ไหนเลย...



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2008
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    อ้อ ขอบพระคุณมากครับ สำหรับความรู้ใหม่ครับ ก็ขอให้คุณเทวตาสามารถเข้าถึง จตุตถฌาณ ธาตุรู้ ความว่าง ได้ทุกขณะจิตที่ปราถนาจะเข้าถึงนะครับ ส่วนผมก็ขอเอาแค่ปฐมฌาณไปก่อนแล้วกันนะครับ
     
  16. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ผมยังไม่เคยถึงฌาณสี่เลยครับ เคยเอาสภาวะมาเทียบกับของพระอาจารย์รัตน์ ได้แค่ฌาณหนึ่ง แต่เทียบกับ ครูบาอาจารย์บางท่าน ปรากฏว่าได้ฌาณสี่

    พระอาจารรัตน์อธิบายว่า พอเข้าถึงฌาณ สามจะเป็นฌาณที่สว่างมาก ให้ปล่อยวางความสว่างนั้น ก็จะเข้าถึงฌาณสี่

    สรุปก็คือปล่อยวางสภาวะฌาณหนึ่งก็จะได้ฌาณสอง ปล่อยวางสภาวะฌาณสองก็จะได้ฌาณสาม

    ปล่อยวางสภาวะฌาณสามก็จะได้ฌาณสี่

    ยังไงก็ขอให้คุณ xorce เข้าถึงความสงบของสมถ เพื่อประโยชน์ในการเจริญวิปัสสนานะครับ

    เพราะยิ่งเข้าสมถะลึกเท่าไรจิตยิ่งมีกำลังมาก เมื่อจิตมีกำลังมาก เวลาถอนมาพิจารณาไตรลักษณ์

    ถอนมาเจริญวิปัสสนา ทำให้การพิจารณากายก็ดี เวทนาก็ดี ทำได้ง่ายขึ้นละเอียดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2008
  17. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608
    บทความที่คุณเทวตาเอามาลงอธิบายได้กระจ่างชัดมากค่ะ ^^

    ส่วนตัวนึกถึงตอนที่เห็นภาพนิมิตมากมายหลั่งไหลมาให้เห็น
    แล้วตอนนั้นอยู่ๆก็รู้สึกว่า จิตเรามันสะสมภาพความทรงจำไว้มากมายขนาดนั้น
    ไว้ได้ยังไง บางเรื่องที่เราลืมไปแล้วก็ยังถูกบันทึกเอาไว้ไม่หายไปไหน แล้วก็เลยพลอยคิดต่อไปว่า กรรมติดตัวในแต่ละชาติ ก็คงติดตัวเราไปแบบนี้เหมือนกัน..ไม่ว่าเราจะจำได้หรือไม่ก็ตาม
     
  18. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    เข้ามายิ้มให้ แล้วก็แว๊บออกไป......
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เกณฑ์ในฌานสี่ที่ฝึกกันอยู่ในขณะนี้ เทียบกับ ที่ครูบาอาจารย์ ของเราคือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้สอนได้อธิบายเอาไว้ครับ

    และอีกส่วนหนึ่งฝึกตามเกณฑ์ ที่ อ.ชม สุคันธรัช ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้สอนและอธิบายเอาไว้ ตามแนวทางการฝึกอาณาปานสติกรรมฐานครับ

    ตรงจุดนี้หากเทียบเคียงกันของทั้งสองท่าน ชี้และอธิบายตรงกันอย่างชัดเจนครับ ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนครับ

    เราปฏิบัติโดยที่ไม่ทิ้งพระพุทธเจ้า และไม่เกินพระพุทธเจ้าท่านครับ
     
  20. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    เอาบุญมาฝากพี่ๆน้องๆชาวพลังจิตทุกท่าน เดือนที่แล้วได้ไปจองทำบุญเลี้ยง

    พระเข้าปริวาสที่พระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่ คือวันที่จองได้วันนี้๙มกราคม

    ดิฉันและน้าสาวขอนำบุญมาฝากทุกๆท่าน ขออ้างถึงคุณพระพุทธ พระธรรม

    พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลโลก สากลพิภพ

    สากลจักรวาล ขอให้ทุกท่านเข้าถึงกระแสธรรม กระแสนิพพานด้วยเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...