จิตของเทวดาเป็นเช่นไร

ข้าพเจ้าขอถามพวกท่านว่า จิตของเทวดาเป็นเช่นไร?

 

จิตของเทวดานั้นไซร้ ต้องประกอบไปด้วย หิริ โอตัปปะ ในทุกช่วงขณะเป็นแน่แท้ ไม่มีผันแปรเป็นอื่น

 

จิตของเทดา นางฟ้า มีความเป็นทิพย์ ตลอดถึงความเป็นดวง เป็นขอบ เป็น

จิต มีสุขมาก มีสภาวะความเป็นทุกข์น้อย เพราะไม่มีกายเลือดเนื้อ

ให้เป็นที่รองรับ ทุกข์ทางกายแบบเลือดเนื้อ อย่างภพภูมิโลกมนุษณ์

มีแต่กายที่สำเร็จแล้วในความเป็นทิพย์ สวรรค์เป็นแดนทิพย์แดนธรรม

ของผู้ที่สั่งสมความดี ภพภูมิกายทิพย์ ก็ไม่ใช่ จะเสวยสุขได้ตลอดไป ก็ยังมี

การเคลื่อน จุติ สวรรค์เป็นแค่ที่พักชั่วคราว ของผู้ที่ได้ชื่อว่า ยังต้องเดินทางอยู่

จนกว่า จะถึงนิพพาน

 

ไม่ทราบค่ะ
เพราะโตแล้วเรียนลัด
นึกถึงแต่พระนิพพานเป็นอารมณ์
ตามแบบฉบับของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
เคยสอนไว้ว่า ให้นึกถึงสูงๆไว้ก่อน เช่น พระนิพพาน
เผื่อร่วงไปไม่ถึง จะได้ค้าง อย่างต่ำๆก็ เทวดานางฟ้า หรือ พรหม ค่ะ

 

ถูกอย่างคุณ yooyut ว่ากายเทวดาเกิดขึ้นเพราะมี หิริ โอตัปปะ ท่านจึงสอนให้เป็นบุคคล 2 โลก คือกายเป็นมนุษย์แต่ใจเป็น เทวดา ใจเป็นพรม

 

ผมเข้าใจว่า เหมือนมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง
และเทวดาก็เป๋นมนุษย์ที่อาศัยในดวงดาวเหมือนกับเรา
เป็นมนุษย์ที่อยู่คนละดวงดาวกับเรา และมีอยู่มากมาย
โดยกฏฟิสิกของแต่ละที่ก็แตกต่างกันไป
แรงดึงดูดแรงโน้มถ่วง รูปกายภายนอก
จักวาลได้มีสูญยากาศไว้เพื่อปกป้องการรุกรานระหว่างดวงดาว
สัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจ และมีอายุขัยที่จำกัดต่อระยะทาง
การจะไปเกิดที่ดาวอื่นๆ ไปเป็นเทวดาหรือมนุษย์ดาวอื่นนั้น
ทำได้ด้วยการตาย และกำหนดจิตช่วงเวลาตายให้เหมาะสมกับสภาพดาวนั้นๆ
ภาษาบ้านๆ เรียกอธิษฐานจิต บางคนก็ทำมาตลอดชีวิต แต่ตอยดันทำไม่ได้
หลายคนทำชั่วมาตลอดชีวิต ก่อนตายก็ระลึกถึงแต่กรรมชั่วช้า ก็ไปเกิดในดวงดาวที่มีสภาพเลวทรามตามภูมิจิต ที่เรียกกันว่า "นรก"
ฉะนั้นแล้ว อยากไปเป็นเทวดา จึงต้องหมั่นเจริญสติ ภาวนาสม่ำเสมอ
ละเว้นกรรมชั่ว ทบทวนความตาย ตายอย่างมีสติ ไม่กังวล ไม่ห่วงหาอาวรณ์ต่อสิ่งของหรือบุคคลอันเป็นที่รัก ตั้งมั่นต่อภพที่ดีๆตามที่จะจินตนาการได้
ก็จะได้ไปเกิดตามในโลกที่เหมาะสมตามภูมิจิตนั้นๆ อาจอยู่ในระดับเทวโลกสุขสบาย หรืออาจไม่แตกต่างจากโลกนี้มากนักก็เป็นได้

 

คุณ telwada ไปทำอะไรถึงถูกแบนหรือคับ?

 

คนบ้ามีประวัติเข้าโรงพยาบาลโรคประสาท พยายามเสนอคำสอนที่บิดเบือน ก็เลยโดนจัดการครับ

 

"จิตเทวดาเป็นยังไง จริงๆๆถ้ารู้ว่าจิตเทวดาเป็นยังไง ก็จะไม่มีการถามคำถามนี้หรอกคุณโยม คุณโยมเคยเห็นพวกคนรวยไหม? พวกที่สบายโดยไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะมีทุกอย่างที่อยากได้ก็ได้มาหมด เพราะมีเงินมีทองซึ่งอาจจะมาจากในอดีตทำงานหนัก เก็บเงินทองลาภยศไว้เยอะตอนนี้ก็ได้เวลาใช้ หรือเกิดมาเป็นลูกคนรวยก็เลยได้อะไรที่ต้องการมาง่ายๆๆ ทั้งทางวัตถุ ทางกามทางอะไร เสพไปมากๆๆจนรู้สึกเบื่อหน่าย ชีวิตนี่มันไม่มีความสุขมีรสมีชาติอะไร แค่นี้เองหรือ

นี่แหละจิตเทวดา กินบุญเก่า เทวดาแบบกามาวจรภูมิ นะจะรู้สึกแบบนี้ จิตแบบนี้ยังรวมไปถึงกรณีความสุขที่ได้มาจากการถูกหวยพันล้าน ไม่ก็ใช้รหัสฝาอิชิตันชิงโชคแล้วได้เปอร์เช่ เก็บเงินที่ตกตามพื้น สำหรับอาตมาก็เดินไปเจอปลาทู เทือกนี้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆๆมากมายก็ได้มาเข้าตำรากินบุญเก่า

ทีนี้มีอีกพวกหนึ่งที่เสพผลจากสมาธิที่ละเอียดๆๆยิ่งๆๆขึ้นไปก็เป็นจิตเทวดาแบบรูปวจรภูมิ อรูปวจรภูมิ ตามระดับความประณีตไป แต่ยังมีความยึดมั่นว่านี่กูนี่ของกูจนกระทั่งเกิดความยึดมั่นว่ากูนี่ประเสริฐสุดกว่าคนอื่นเพราะกูมีศีลมีธรรมปฏิบัติมาเยอะสำเร็จผลสมาธิที่ละเอียดประะณีตและยึดเอาว่าสภาวะนั้นๆๆที่เป็นสุข สงบละเอียดขึ้นๆๆไปเป็นที่พึ่ง เป็นการบรรลุบรมธรรม นี่เรียกว่าจิตเทวดาแบบชั้นพรหม ดังนั้นไม่ต้องไปรอต่อตายหรอกบางขณะจิตเราก็มีจิตเทวดาอยู่แล้ว อย่างน้อยๆๆก็ เทวดาแบบกามาวจรภูมิสลับไปกับเดรัจฉาน(จิตที่เต็มได้วยอำนาจของความหลงรู้จักแต่กิน ขี้ ปี้ นอน ไม่รู้จักพัฒนาตัวเองให้ประเสริฐขึ้นมา) เปรต(จิตที่เต็มไปด้วยความโลภหิวกระหายอย่างพวกนักการเมืองโกงกิน พวกสมี เป็นต้น) มนุษย์(จิตที่สามารถพัฒนาไปมาระหว่างภูมิต่างๆๆทั้งที่สูงขึ้นจนเป็นจิตของอริยบุคคลจนกระทั้งต่ำลงเป็นสัตว์นรก เปรต เดรัจฉานก็ได้ สัตว์นรก(จิตที่ร้อนดุจตกลงไปในไฟนรกเพราะความโกรธ) ทุกภพภูมินะเราท่องมาแล้วทั้งนั้น ก็พิจารณาเอาเถิด"
เจริญพุง
​

 

ถามเรื่องเทวดานี้พอตอบได้ครับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเทวดาเมื่อแรกจุติได้รับพรของความเป็นทิพย์สิบประการแล้วครับ พอได้พรตั้งสิบประการเทวดาก็เลยมีแต่สุขปราศจากทุกข์ครับ และก็จะสุขอย่างนั้นจนกว่าจะหมดบุญครับ ยกเว้นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิตที่ปรารถนาเป็นอย่างอื่น เช่น ปรารถนานิพพานเป็นต้นครับ

 

ใครเป็นเทวดา ช่วยมาตอบทีสิ

 

จะรู้ไปทำไมจิตเทวดา รู้จิตเราเองดีกว่าเป็นไหนๆ

 

เข้าใจว่า

ก็เหมือน มนุษย์ นี่ละครับ

มี รัก โลภ โกรธ หลง เต็มตัว

สัตว์ ไหน กระทำความดี มีคุณ หิริ โอปตัปปะ มีทาน ศีล ก็ไปเกิดเป็นเทวดาได้

เกิดแล้ว โลภ โกรธ หลง ก็เต็มตัว
หากไม่ฝึกหัดภาวนาแล้ว ก็เวียนต่อไปเรื่อยๆ


ส่วนไอ้เรื่องรัศมี สีต่างๆ มันเป็นผลอานิสงฆ์ของการทำคุณความดีที่สร้างกุศลไว้ พอมาเกิดเป็นเทวดาจึงแสดงผล
ส่วน รักโลภ โกรธ หลงก้ เหมือนเดิม หากไม่ภาวนาก็เท่านั้น เวียนอย่างเดิม