อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. Keal88

    Keal88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +12,140

    สวัสดีคับพี่เอ๊ะ อาการไม่สบายดีขึ้นยังคับ?

     
  2. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    สวัสดีครับพี่ตี๋ อ.โญ พี่ปู และทุกๆท่านครับ[​IMG][​IMG]
     
  3. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ;aa44 สวัสดีครับคุณวุฒิ


     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125


    ขอบคุณครับพี่วรรณ...น้อมกราบครูบาวงศ์ฯ...

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    สวัสดียามเช้าครับน้องเขี้ยว..ดีขึ้นครับ..ขอบคุณครับ
     
  6. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    สวัสดีครับคุณโญ...ขอให้งานราบรื่นครับ...:cool::cool:
     
  7. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    สวัสดีครับคุณบอย...(เจ้ากรมสายชล)

    [​IMG]


    [​IMG]


    หลวงพ่อทันใจ (ชลบุรี) เจ้าคุณนรฯ หลวงปู่ทิม ปลุกเสก...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2014
  8. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    [​IMG] ลื่นปื๊ด ลื่นปื๊ด เช่นกันครับคุณเอ๊ะ
     
  9. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125

    สวัสดียามเช้าครับพี่ตี๋...มารับพรครับ
     
  10. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448



    [​IMG]สายตะวันออกจัดยาวไป ยาวไปเลยลูกเพ้
     
  11. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    พระสวยๆมายามค่ำคืน...
     
  12. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    .... ฝากไว้ในอัลบั้ม ....​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    กราบครูบาฯเมืองเหนือ...
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107
    สวัสดีทุกๆท่านด้วยครับผม

    [​IMG]
     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107
    อภินิหารบารมีครูบาขาวปี

    (ครูบาศรีวิชัยน้อย)

    วัดพระพุทธบาทผาหนาม

    ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน

    โดย รามราช

    นิตยสารโลกทิพย์ ฉบับที่ ๑๑๔ ปีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๐



    ท่านครูบาขาวปีทายาททางธรรมที่ได้สืบเนื่องงานพัฒนาและรับมอบหมายจากจากท่านครูบาศรีวิชัย หลายชิ้นจนได้รับคำชมเชยจากท่านว่าเป็น ศรีวิชัยน้อย นักบุญล้านนา องค์ที่สอง

    ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปถาวรวัตถุทั้งในศาสนจักรและอาณาจักรซึ่งท่านได้มีส่วนร่วมไม่ต่ำกว่าร้อยแห่งตลอดอายุขัย ๘๓ ปีของท่าน จึงได้รับโล่เกียรติคุณจากทางราชการมากมาย

    แม้ในด้านการเผยแพร่ ธรรมะ ท่านก็ได้ปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ท่านเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ ทั้งหลายที่เพียรพยายามสร้างแต่คุณงามความดี ไมให้จิตตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำ สมควรที่นักพัฒนาทั้งหลายในปัจจุบันจะดำเนินรอยตาม


    จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
    แม้แต่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้มีอำนาจล้นเหลือในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๖ ได้รับทราบผลงานของท่านครูบาขาวปี ยังใคร่ปรารถนามานมัสการกราบคารวะท่าน ผู้มีใจมุ่งพัฒนา ยอมอุทิศชีวิตเพื่อพระบวรพุทธศาสนาและสังคมโดยส่วนรวม ไม่ปรารถนาผลตอบแทนแต่ประการใด

    แม้ว่าท่านครูบามิได้มีสมณศักดิ์หรือสถานภาพที่สูงส่งในสังคมก็ตาม แต่ท่านจอมพลสฤษดิ์ ก็ได้ปวารณาตัวจะช่วยอุปถัมภ์ในการก่อสร้างโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลให้ครบ ๑๐๐ หลัง ก่อนที่ ฯพณฯ จะถึงแก่อสัญกรรม ไม่นาน

    เรื่องของ ท่านครูบาขาวปี ยังมีอีกมากมายที่เกิดจากการเล่าขานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งนับวันก็ยิ่งจะสูญหายไปกับกาลเวลา หากมิได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานในที่นี้อีกส่วนหนึ่ง ย่อมเป็นสิ่งที่ยากต่อผู้เรียบเรียงเรื่องของครูบาผู้เป็นอริยบุคคลในภายภาคหน้าให้สมบูรณ์ต่อไป

    มูลเหตุที่ได้นำเรื่องเล่าขานนี้มาเผยแพร่ เพื่อมิให้อนุชนลืมเลือนไปโดยง่าย อีกทั้งจะเป็นเม็ดทรายที่จะก่อรูปเป็นกุศลวัตถุอนุสาวรีย์ในความดีของท่านที่มีต่อมวลมนุษย์

    ซึ่งเรื่องนี้เริ่มจัดดำเนินการให้เป็นรูปร่างอย่างแท้จริง ภายใต้ความเห็นชอบของ ครูบาวงศ์ หรือพระครูใบฎีกาชัยวงศาพัฒนา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม มิใช่เป็นแต่เพียงคำปรารภของผู้มาเยือนที่พระบาทผาหนามครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเวลากว่า ๑๐ ปีที่ท่านได้ละสังขารจากโลกนี้ไป

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นย่อมขึ้นอยู่กับศรัทธามหาชนเป็นที่ตั้ง

    เรื่องที่จะเล่าขาน ในที่นี้ยังมิเคยได้นำลงพิมพ์มาก่อนโดยส่วนใหญ่

    ปราบผี

    ในสมัยที่ท่านครูบาศรีวิชัยยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านได้ทราบโดยญาณ เห็นถึงความสำคัญของเจดีย์พระธาตุห้าดวงในอำเภอลี้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้มีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ได้ทรงเคยมาพำนักในสถานที่แห่งนี้

    และเจดีย์สถานแห่งนี้ได้รับการสถาื่ปนามากว่าพันแล้ว จากพระนางจามเทวี ได้ชำรุดทรุดโทรมไป เห็นควรที่จะได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์

    จึงให้คณะกะเหรี่ยงซึ่งเป็นชาวบ้านมาหักร้างถางพง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเพราะสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านถือกันวา ผีดุ มีความน่ากลัวเต็มไปด้วย ต้นบุนนาค

    มีชาวบ้านหลายรายเคยมาตัดต้นไม้เหล่านี้ ต้องมีอันเป็นไปโดยไม่ปรากฏสาเหตุ ทำให้ชาวบ้านเข็ดขยาด ลือกันให้แซดทั่วอำเภอลี้

    จนกระทั่งครูบาศรีวิชัยต้องมอบหมายพระหนุ่ม ท่านครูบาขาวปี มาโดยเฉพาะ และได้นำคณะศรัทธาไปถึงสถานที่ดังกล่าวหลังจากครูบาขาวปีได้นำก้อนหินในสถานที่แห่งนั้น มาบริกรรมทำพิธีอยู่ครู่หนึ่งและโยนไปโดยรอบ ท่านจึงประกาศให้คณะศรัทธา ลงมือฟัน ๆ ๆ ต้นบุนนาคในบริเวณวัดทันที เพื่อดำเนินการปรับปรุงพัฒนาสถานที่ และคณะศรัทธาชาวบ้านก็มิได้รับอันตรายแต่ประการใดในเวลาต่อมา

    จากเหตุการณ์คราวนั้นมีส่วนเกื้อหนุนทำให้ชาวบ้านเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ในหมู่กระเหรี่ยงหรือยาง แสดงถึงการฉายแววของนักบุญองค์ที่สองแห่งล้านนาไทย เปรียบประดุจเพชรที่ได้รับการเจียระไนในเบื้องต้นแล้ว

    ระงับภัยโจร


    ครูบาศรีวิชัย
    พ่อเฒ่าฝนเป็นอุปัฏฐากท่านครูบาขาวปีมาหลายปี ปัจจุบันมีอายุ ๖๘ ปี ได้ย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ ณ ตำบลห้วยไคร้เขตรอยต่อระหว่างอำเภอลี้ กับอำเภอเถินว่า ในสมัยก่อน แถวนั้นยังเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ที่มีช่องทางระหว่างเขามาบรรจบกัน

    ซึ่งโจรผู้ร้ายในสมัยนั้นใช้เป็นช่องทางการเดินทางสำหรับลักวัวควายของชาวบ้าน โดยหลบหนีออกทางนั้นเป็นประจำ

    เพราะความชุกชุมอย่างดาษดื่นนั่นเอง ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอันมาก เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมักดูแลไม่ถึง

    ผู้คนในสมัยนั้นก็ไม่มีมากมายเช่นเดียวกับสมัยนี้ประชาชนในถิ่นนั้นไม่ทราบจะหันหน้าไปพึ่งใคร ต่างก็มุ่งหาท่านครูบาขาวปีผู้เป็นเอกแห่งมหาชน ได้ร้องขอให้ท่านไปช่วยจัดการกับพวกโจรให้ที

    ครูบาตอบว่า "เรานั้นเป็นพระจะให้ไปรบกับโจรก็จะถูกเขายิงตายซิ"

    ชาวบ้านกล่าวว่า "มิได้หมายความว่าเช่นนั้น คือขอให้หาวิธีใดก็ได้ อย่าให้โจรมันมาลักวัวควายชาวบ้านอีก"

    ในที่สุด ครูบาทนสงสารชาวบ้านที่มารบเร้าร้องขอไม่ได้ ท่านได้ตอบว่า "เอ้า ไปก็ไป"

    เมื่อท่านได้ติดตามชาวบ้านไป ท่านได้นำหินติดตัวไปสองสามก้อน จนถึงบริเวณเส้นทางที่โจรใช้ในการสัญจรเป็นประจำท่านก็บ่นอุบอิบ ๆ แล้วก็เป่าหรือว่าจะเสกคาถาก็สุดที่จะเดาได้ แล้วโยนหินลงไปในช่องเขาทางโจรนั้นพิธีมีสั้น ๆ พอเสร็จท่านก็เดินทางกลับ

    ชาวบ้านบางคนบ่น "แหมทำแค่นี้หรือจะมาปราบโจร"

    บางคนหัวเราะ กล่าววิจารณ์ "การอวดตัวเป็นผู้วิเศษ" โดยไม่สืบสาวต้นตอ

    ต่อมาประมาณครึ่งเดือน มีวัวควายหายอีก ชาวบ้านได้รวมกลุ่มและติดตามสะกดรอยเท้าสัตว์และพวกโจรไป ปรากฏได้ควายคืนมาถึงสองสามคราวติดต่อกันจนเป็นที่อัศจรรย์

    ภายหลังได้มีการเปิดเผยเหตุการณ์จากชาวบ้านต่างถิ่นซึ่งยึดอาชีพโจร ได้บอกกล่าวให้ชาวบ้านด้วยกันรู้หลังเลิกอาชีพโจรแล้วว่า

    เมื่อลักวัวควายเดินมา ถึงช่องทางสัญจรที่ครูบาได้มาทำพิธีไว้ ควายจะมีอาการดุร้ายขึ้นมาทันที ไล่ขวิดพวกโจร ไล่ทำร้ายบ้าง

    ควายบางตัวดื้อดึงไม่เชื่อฟังคำสั่ง สะบัดเชือกหนีกลับมาเส้นทางเดิม ต่อมาโจรจำเป็นเหล่านั้นได้ยินคำเล่าลือจากชาวบ้านว่าท่านครูบาขาวปีได้กระทำพิธีปราบโจร ณ สถานที่นั้นไว้ พวกโจรจึงเกิดความละอายและเกรงกลัว ในที่สุดก็เลิกอาชีพโจรในเวลาต่อมาโดยได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านคลายความวิตกกังวลในเรื่องทรัพย์สิน นอนหลับอย่างเป็นสุข ความร่มเย็นได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

    เมื่อมาดี ย่อมไม่มีเหตุ


    ครูบาชัยวงศาพัฒนา
    วัดพระพทธบาทห้วยต้ม
    ท่านพระภิกษุรูปหนึ่งพำนักอยู่ศาลาท่าน้ำดอยเต่า ได้ปรารภกับโยมท่านหนึ่งถึงความดีของท่านครูบาขาวปีว่า นานวันประชาชนทั้งหลายเริ่มจะลืมเลือนจึงชักชวนโยมท่านหนึ่งไปกราบนมัสการครูบาชัยวงศ์ ณ วัดพระบาทห้วยต้ม และ นิมนต์ท่านเ์ื่ป็นประธานในการสร้างอนุสาวรีย์ครูบาขาวปี

    โดยอาศัย ศรัทธามหาชนในกา์รสนับสนุนการก่อสร้าง อันเป็นการแสดงความกตเวทิตา รำลึกถึงคุณงามความดีที่ได้จรรโลงไว้

    การเดินทางไปพระบาทห้วยต้มได้เหมารถจากในตัวเมืองเชียงใหม่ไป มีคนขับรถชื่อ นายมอม

    ในขณะเดินทางกลับ คณะผู้จ้างเหมามิได้มีความรีบร้อนแต่ประการใด และ มิได้สั่งให้ขับรถเร็ว แต่ด้วยความคึกคะนองของนายมอม ซึ่งเป็นวัยรุ่นอาุยุ ๒๐ปีีเศษ ได้รีบร้อนเดินทางกลับเชียงใหม่ เพื่อจะได้รับจ้างขับรถในเวียงวันนั้นต่ออีก ได้ขับรถโดยสารสองแถวกลับด้วยความเร็วเฉลี่ยกว่า ๑๐๐ ก.ม. ต่อ ช.ม.

    จนมาถึงทางโค้งเลยโรงพยาบาลอำเภอลี้มาเล็กน้อย มีวัยรุ่นซึ่งเป็นหญิงสาวพนักงานในร้านขายเครื่องไฟฟ้าของอำเภอลี้ ขับจักรยานตัดหน้าบนทางโค้ง เพราะคิดว่าคงจะข้ามพ้นไปอีกฝั่งหนึ่งได้ ในระยะไม่ถึง ๒๐ เมตร

    ผลคือรถคันนั้นชนรถจักรยานเข้ากลางคัน มีรอยเบรกล้อรถยาวประมาณ ๑๐ เมตร ตัวผู้หญิงกระเด็นพลัดตกลงไปข้างทางโดยไม่ทันเห็นว่า เป็นใครด้วยซ้ำ

    คณะผู้จ้างเหมาบอกให้นายม่อมหยุดรถเพื่อดูแลคนเจ็บ แต่นายม่อมหาหยุดไม่ตามสัญชาตญาณของตีนผี

    คณะเดินทางได้ตั้งจิตอฐิษฐานถึงท่านครูบาศรีวิชัย และท่านครูบาขาวปี ขณะที่นั่งรถผ่านวัดพระบาทผาหนาม

    “ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ีขึ้น เมื่อเรามาดี ขอให้เด็กคนนั้นอย่าไค้เป็นอะไรเลย”

    จากนั้นได้นำคนขับเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่านแม่ตืนซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามกลับไปทางโรงพยาบาล

    ผลก็คือเด็กสาวมิได้เป็นอะไรเพียงเย็บที่ขา ๘ เข็ม หมอให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาล ๑ คืนและให้กลับบ้านไปได้ในวันรุ่งขึ้น

    สภาพเด็กเหมือนมิได้เป็นอะไร สวนจักรยานบี้แหลกทั้งคันชาวบ้านเห็นแล้วไม่เชื่อว่าคนขับขี่จักรยานจะรอดได้

    คนขับรถได้ใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่ายแล้ว ศาลได้สั่งปรับและรอลงอาญา ๒ ปี จึงกลับบ้านมาหาลูกเมียในเชียงใหม่ได้

    รถมหาสนุก

    นายวินัย อยู่บ้านหนองปู อำเภอดอยเต่า สมัยเมื่อเป็นหนุ่มครบเกณฑ์รับราชการทหาร ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยที่เส้นทางอำเภอฮอด เชียงใหม่ ถึงบ้านแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนนั้นมีสภาพเป็นดินลูกรัง

    วันนั้นท่านครูบาขาวปีได้เดินทางไปพระบาทตะเมาะ ผ่านบ้านหนองปูโดยรถบรรทุก มีเส้นทางอยู่ช่วงหนึ่งเป็นสะพานไม้ผุพังที่ใช้ข้ามลำธาร ตรงคอสะพานมีสภาพขรุขระคดเคี้ยวมากสมัยนั้น

    คนขับรถที่ครูบาขาวปีนั่งมา ได้นำรถหลบหลีกหลุมบ่อ เลี้ยวจากสะพานลงอ้อมไปตามลำห้วยที่ไม่ลึก ตีโค้งเข้าถนนลูกรังที่เชื่อมกับคอสะพานอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีสภาพคดเคี้ยวเป็นหลุมบ่อได้แล้วก็วิ่งขึ้นสู่เนิน ซึ่งเป็นทางคดเคี้ยวเป็นวงโค้งไปมาสู่ที่ชันขึ้นเรื่อย ๆ

    รถเกิดสภาพเครื่องร้อนหมดกำลัง แต่คนขับก็กระหน่ำเท้าเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถพ้นเนินไปให้ได้ในช่วงนั้น

    บังเอิญรถเกิดเพลาหลุดกระทบกับพื้นถนนดังค้องแค้ง คนขับรถเกิดความตกใจกระโดดหนี เพราะรถเริ่มจะถอยไหลกลับลงสู่ข้างล่าง

    ขณะนั้นท่านครูบามีสติดีมากได้ยืนอยู่บนรถบรรทุกด้านหลังเห็นคนขับรถขยับท่าจะกระโดด ก็ได้ร้องห้ามไว้ แต่ไม่ไวเท่ากับสารถีหัวเห็ด ซึ่งกระโดดพรวดลงไปก่อนเสียแล้ว

    ในที่สุดรถก็ค่อย ๆ ไหลมาตามทางโค้งที่ลาดชันของถนนลูกรัง โดยขาดการควบคุม จนไหลมาหยุดระหว่างห้วยพอดี หากรถไม่เลี้ยวถอยหลังมาตามทาง พุ่งตรงตามธรรมดาก็คงตกเหวเป็นแน่

    มีคนในเหตุการณ์สงสัยกันมาก ทั้งที่รถถอยหลัง ขณะที่เพลาหลุดนั้นมีลักษณะเหมือนมีคนมาบังคับให้ไหลเลี้ยวตามโค้งได้อย่างไร

    อานิสงส์ของคุณงามความดีนั้นย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม กฤดาภินิหารจึงบังเกิดขึ้น

    บางท่านอาจมีความเห็นแย้งว่าเป็นความบังเอิญ แต่ความบังเอิญนั้นคงไม่สามารถนำรถเพลาหลุดไหลมาดามโค้งถนนทุกเลี้ยวได้ เว้นแต่อภิญญา 5 ที่ปรากฏขึ้นในจิตที่ฝึกดีแล้วเท่านั้นที่จะแปลกแยกในส่วนความเห็นในเหตุการณ์นี้ออกไป

    ฝนทิพย์

    จากความทรงจำ ของพ่อน้อยคำ (พ่อน้อย ความหมายในที่นี่คือ ผู้ที่บวชเป็นสามเณรแล้วสึกออกมา ทางเมืองเหนือเรียกว่า พ่อน้อย) อายุท่านได้ ๗๕ ปีแล้ว ท่านได้คลุกคลีตีโมงกับท่านครูบาขาวปีมาตลอด

    โดยปกติพวกกะเหรี่ยงหรือทางเหนือเรียกว่าพวกยาง นับถือท่านครูบาขาวดุจเทพเจ้าของเขา

    ในท้องที่ถิ่นอำเภอลี้มีช่วงหนึ่งระยะเวลาประมาณ ๒ ปี ฝนไม่ตก มีสภาพพื้นดิน อากาศแห้งแล้ง พวกกะเหรี่ยงได้ประชุมหารือและเข้ามาหาท่านครูบา และแสดงความคิดเห็นว่า

    “พวกเราคงจะอยู่กับท่านครูบาไม่ได้แล้ว จะปลูกข้าวบนดอยหรือข้าวไร่ก็ไม่ได้เพราะไม่มีฝน น้ำจะดื่มกินก็ได้มี พวกเราจำต้องย้ายบ้าน”

    ครูบาถามว่า “พวกสูจะย้ายไปที่ใด”

    กะเหรี่ยงตอบว่า “หมู่เฮาจะไปอยู่ไกลที่มีน้ำมีท่า คงจะมาหาครูบาบ่อยๆ ไม่ได้ นาน ๆ จะมาหาครูบาที ครูบามีงานทำบุญก่อสร้าง พวกเฮาคงจะมาช่วยไม่ได้”

    ครูบาแย้งว่า “พวกสูอย่าไปไหนเลย สร้างวัดก็ยังไม่เสร็จ"

    พวกกะเหรี่ยงได้ที ก็พูดจาประสาซื่อ “ถ้าจะให้พวกเฮาอยู่ช่วยครูบาสร้างวัดให้เสร็จ ครูบาก็ช่วยทำฝนให้หน่อยซิ”

    ครูบาฟังแล้วก็ยิ้มและได้กระทำเชิงหยอก โดยไปหยิบทรายจากพื้นดินกลางแจ้งแล้วก็ซัดโปรยขึ้นไปในอากาศ และพูดว่า

    “ตูทำฝนให้พวกสูแล้ว”

    เมื่อครูบาขาวปีกระทำการเสร็จแล้ว ท่านได้เดินกลับเข้ากุฏิกะเหรี่ยงยางได้เดินตามเข้าไปมิได้แสดงอาการไม่เชื่อเหมือนสมัยท่านอยู่ในวัยกลางคน

    เพียงอึดใจต่อมาเหมือนปาฏิหาริย์ ท้องฟ้าที่ใส พื้นดินที่แห้งด้วยแสงแดดเผา ก็ได้มีเมฆหมอกมาบดบัง และได้มีพายุฝนโปรยลงมา นำความชุ่มชื้นสู่มวลประชากะเหรี่ยงยางดีใจ บอกพวกชาวบ้านเป็นข่าวไฟลามทุ่งให้ชาวบ้านงดการย้ายบ้าน มาร่วมกันทำบุญกับท่านครูบา ถึง ๓ วัน๓ คืน อันเนื่องจากฝนได้ตกลงมาสมเจตนารมณ์เขาแล้ว

    ครูบาปราบเสือ

    ในอดีตอำเภอลี้คือป่าอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้ และสิงสาราสัตว์ ประวัติศาสตร์ของหริภุญชัย

    บางช่วงแห่งเวลา บริเวณอำเภอลี้เป็นที่หลบภัยของอดีตกษัตริย์ที่ถูกภัยคุกคามทางการเมือง จากอาณาจักรภายนอกเสมอ ๆ เพราะพื้นที่มีภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก ยากแก่การติดตาม มีสัตว์ป่าชุกชุม รวมทั้งเสือลายพาดกลอน ด้วยมีลำธารและแม่น้ำเป็นปัจจัยเพียงพอในการดำรงชีพ

    ช่วงสมัยก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับเสือลายพาดกลอน มาหาเหยื่อในหมู่บ้าน กินสัตว์ของชาวบ้านอยู่เสมอ

    ทุกคืนชาวบ้านต้องอดตาหลับขับตานอนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน คอยสุมไฟเพื่อให้เสือกลัว

    ก็มี บางคราว เสือได้มาทำร้ายเด็ก ขณะที่พ่อแม่ออกไปทำไร่ชาวบ้านเมื่อมีความเดือดร้อนขึ้นเป็นลำดับ ก็ได้มาขอร้องให้ท่านครูบาขาวปีช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขปราบเสือให้ที

    ครูบาถึงกับอุทานว่า "มีเรื่องอะไรก็มาหาเฮา เฮาบ่ฮู้จะปราบจะใด ยิงปืนก็บ่เป็น ฆ่าสัตว์ก็ทำบ่ได้ เพราะเฮาบ่กินเนื้ออยู่แล้ว"

    พวกชาวบ้านอุทธรณ์ว่า“ครูบา ขอแค่นี้ไม่ได้หรือ ช่วยโปรดพวกเราหน่อย เสือมันไปกัดเด็กลูกหลานหมู่เฮาด้วย”

    ท่านครูบาเป็นฝั่งมีนิสัยรักเด็กอยู่แล้วถึงกับกล่าวด้วยความตกใจว่า “เอ! มันกินกระทั่งเด็กด้วยหรือ”

    ชาวบ้านได้ตอบทันควัน “ไม่เชื่อถามชาวบ้านละแวกนั้นดูได้ เพิ่งฝังซากศพเด็กมานี่”

    คราวนี้ครูบาก็ได้มาโปรดชาวบ้านอีก ได้เดินทางไปกับคณะศรัทธาเพื่อดูร่องรอยบริเวณที่เสือมาเพ่นพ่านและทิ้งหลักฐานไว้ ทานได้สังเกตและได้สั่งชาวบ้านไปเก็บก้อนหินมาให้ท่าน บริกรรมภาวนาและนำหินเหล่านั้นไปวางทับรอยเสือ และท่านได้ประกาศว่า

    “ต่อไุปนี้เสือพวกเอ็งเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว เดี๋ยวนี้เฮาเป็นเสือที่ใหญ่กว่าพวกเอ็งอีก ถ้าเข้ามาก็จะกินพวกเอ็ง"

    หลังจากนั้นเรื่อยมา เรื่องเสือก็กลับกลายจากร้ายมาเป็นดี ไม่มีเสือตัวใดมารบกวนชาวบ้านอีกเรื่องแปลกๆเหล่านี้ยังคงไว้ซึ่งความลี้ลับเช่นเดิมดั่งเป็นความลับของสวรรค์

    สำหรับผู้สนใจในการปฏิบัติธรรมอาจเห็นว่ามิใช่เรื่องแปลก คำกล่าวธรรมดาถ้าออกจากผู้มีอริยธรรม อภิญญา ๕ แล้ว ทุกสิ่งเหมือนสำเร็จดังประสงค์ที่ตั้งจิตไว้ ทุกสิ่งสำคัญที่ใจ และสำเร็จด้วยใจดั่งพระพุทธวัจนะที่ได้ทรงตรัสไว้

    อนุสรณ์สถาน

    วัดพระบาทผาหนามเป็นสถานที่สุดท้ายที่ท่านครูบาอภิชัยขาวปี มาจำพรรษาพำนักช่วงปัจฉิมวัย มีอายุได้ ๘๓ ปี คณะศรัทธาวัดสันทุ่งฮ่าม แห่งจังหวัดลำปางได้มานิมนต์ท่านเป็นประธานการก่อสร้างที่วัดทุ่งฮ่าม

    ไม่นานคณะศรัทธาจากวัดท่าต้นธงชัย จังหวัดสุโขทัย ได้มานิมนต์ไปเป็นประธานในการสร้างวิหารเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๒๐

    พอล่วงพ้นวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๒๐ ท่านก็ได้จากไปอย่างสงบ

    ผลงานที่ได้ถวายแด่พระบวรพุทธศาสนา ความเมตตาที่มีต่อประชาชนอย่างไม่สิ้นสุด ในการเป็นประธานการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ราชการช่วงระยะเวลาอายุ ๒๔-๘๓ ปี นับรวมทั้งสิ้นได้ ๙๖ แห่ง

    ทั้งนี้ไม่รวมถึงงานที่ ท่านครูบาศรีวิชัยเป็นประธาน และท่านได้นำพวกยางหรือกะเหรี่ยงเข้าร่วมการสนับสนุนการพัฒนาอีกหลายๆแห่งในฐานะ ลูกศิษย์หนุนช่วยครูบาอาจารย์ ดังเช่นถนนขึ้นดอยสุเทพ เป็นต้น

    แต่งานพัฒนาทางขึ้นพระบาทผาหนามและในส่วนอื่นของอารามของพระบาทผาหนามยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ คณะศรัทธาที่เคยมานิมนต์จาก สถานที่ต่าง ๆ ถูกกลืนเข้ากับกระแสกาลเวลาต่างเงียบกันไปหมด

    พระครูใบฎีกา ชัยวงศาพัฒนา แห่งวัดพระบาทห้วยต้มตำบลลี้ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนได้กล่าวกับญาติโยมทั้งหลาย ที่วัดพระธาตุ ๕ ดวง เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๓๐

    "ท่านครูบาขาวปี ท่านเป็นนักบุญแห่งล้านนา ช่วยบ้านเมืองสรรสร้างโรงเรียนทุกที่ทุกหน

    ฉะนั้นพวกโยมทั้งหลายดีใจเห็นคุณของท่านแล้วก็หาอนุสรณ์ไว้ ช่วยกันสร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่ท่านอยู่ที่วัดผาหนาม เพื่อลูกหลานจะได้เห็นต่อไป"

    ครูบาศรีวิไชย อภินิหารบารมีครูบาขาวปี

    (ครูบาศรีวิชัยน้อย)

    วัดพระพุทธบาทผาหนาม

    ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน

    โดย รามราช

    นิตยสารโลกทิพย์ ฉบับที่ ๑๑๔ ปีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓


    [​IMG] [​IMG]
     
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107
    บุญญาภินิหารปรากฎ
    มีศิษย์ของหลวงพ่อพรหมคนหนึ่ง ถูกเกณฑ์ทหาร และได้รับเลือกเป็นทหาร ได้มากราบ หลวงพ่อพรหม
    ท่านได้มอบสิ่งหนึ่งให้คือ ผ้าขาวม้า โดยได้จารยันต์โสฬส ด้วยมือท่านเอง หลังจากนั้นศิษย์ผู้นี้ได้ถูก
    ฝึกและส่งไปเป็นทหารปราบปรามผู้ก่อการร้าย สมัยก่อนผู้ก่อนการร้ายชุงกว่ายุมเสียอีก และศิษย์ผู้นี้
    ทุกครั้งที่ราดตระเวณ จะนำผ้าขาวม้าผืนนี้ผูกเอวไว้ และวันหนึ่งก็เกิดเรื่อง เข้าจนได้ กองราดตระเวณที่
    ชายผู้นี้อยู่ ปะทะกับผู้ก่อนการร้ายเข้า โดนยิงด้วยปืนเอ็ม 16 พรุนทั้งร่างเจ้าตัวสลปเข้าใจว่าตาย เพื่อน ๆ
    ทหารเข้าใจว่าตายเช่นกัน พอจะนำร่างศิษย์ของท่านกลับ แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เสื้อพรุนไปทั้งร่าง
    แต่กระสุนไม่ระคายผิว แถมยังมีลมหายใจอยู่ เพียงแค่สลปด้วยความเจ็บที่กระสุนกระทบร่าง 30 กว่านัด
    แต่ไม่สามารถที่จะกระชากวิญญาณจากร่างได้ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่ว ทำให้ผู้คนทั้งสิบทิศที่ทราบข่าว
    มุ่งสู่วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

    วาจาสิทธิปรากฎ
    ผ้าขาวม้าหลวงพ่อพรหมนี้ทุกคนต้องการมาก ๆ มีเท่าใดก็หมดจากวัดในเวลาอันรวดเร็วใน สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่
    มีพระลูกวัดอยู่รูปหนึ่ง จัดหาผ้าขาวม้ามา และเขียนยันต์เอง และนำมาจำหน่าย ภายในวัดโดยที่ท่านไม่ทราบเรื่อง
    ภายหลังท่านทราบเรื่องดังกล่าว เรียกไปตำหนิ พลั้งเผลอพูดว่า ท่านจะบ้าหรือ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร เท่ากับหลอก
    เงินชาวบ้าน หลังจากนั้นไม่กี่เดือนพระรูปนั้น วิกลจริตตามที่ท่านได้พลั้งเผลอพูดไปไฟฟ้าแรงสูงช็อตไม่ตาย

    มีชายผู้หนึ่ง คล้องเหรียญสรงน้ำ ได้ขับมอเตอร์ไซด์ฝ่าฝนที่ตกหนัก คนเราถึงคราวเคราะห์
    เสาไฟฟ้าในสมัยก่อนเป็นไม้ และด้วยแรงลมประกอบกับความเก่า สายไฟฟ้าแรงสูงได้ห้อยลงมา ประกอบกับฝนตกหนัก
    ชายผู้นั้นไม่เห็นขับฝ่าฝน ร่ายกายโดนสายไฟฟ้าที่ห้อยลงมา เท่านั้นแหละ ไฟฟ้าแรงสูงช็อตทันที มอเตอร์ไซด์ไหม้
    ตัวกระเด็นออกมา สร้อยคล้อง พระเสตนเลสละลาย เสื้อขาดเป็นช่วง ๆ ประกอบกับร่างกายมีรอยดำดำ ด่าง ๆ รอยไหม้
    เลือดออกทางตา จมูก และหู แต่เหรียญหลวงพ่อพรหม อยู่ที่หน้าอกชายผู้นี้ ชายผู้นี้ได้ถูกนำส่งตัวที่ โรงพยาบาลทันที
    สลปไปประมาณ 2 เดือน แต่รอดชีวิตครับ ทีมแพทย์ที่รักษาในสมัยนั้น บอกกับญาติว่า 1 ในล้าน ที่รอด ส่วนใหญ่โดน
    ไฟฟ้าแรงสูงเป็น 1000-2000 วัตต์ ตายสถานเดียว เหลือเชื่อมาก ๆ เป็นหมอมาทั้งชีวิต เห็นรายนี้รายแรก อัศจรรย์มาก ๆ

    ฟ้าผ่าไม่ตาย
    มีชาวนาผู้หนึ่งคล้องพระท่าน ใส่เกี่ยวข้าวและวันนั้นฝนตก ฟ้าคะนอง จึงเดินกลับที่พัก ระหว่างเดินกลับ ฟ้าผ่าลงมาที่ร่างชาวนาผู้นี้
    เสื้อผ้าขาด ร่างกายเป็นรอยไหม้ แต่ไม่ตายครับ เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญอีกครั้ง และล่ำลือไปทั่วจังหวัดนครสวรรค์ และชื่อเสียง
    กระจายทั่วภาคกลางในเวลาต่อมาตกจากหลังคาโบสถ์ และห้ามลม ฝนผมเคยรู้จักกับเจ้าของโรงงานไดนาโม ย่านฝั่งธนท่านหนึ่ง
    เห็นเฮียคล้องเหรียญหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค รุ่นสรงน้ำอยู่ เฮียคนนี้เพื่อนแนะนำให้รู้จัก จึงเอ๋ยปากขอเช่าพระ แต่เฮียเขาบอก
    ปลอมนะ ผมมั่นใจสายตาบอกว่าปลอมก็เช่า ของปลอมไม่มีค่า แต่ผมให้ 500 บาท ซื้อพระปลอม แกเงียบไปสักพักหนึ่ง บอกว่า
    ไม่ปล่อย ดูเป็นหรือเรา หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันถูกคอ เฮียเล่าให้ผมฟังว่า สมัยหนุ่ม ๆ ญาติได้ชวนไป ทำบุญยกช่อฟ้าโบสถ์
    ที่วัดช่องแค ตัวเฮียไม่รู้จักหรอกว่าหลวงพ่อมีชื่อเสียง แต่รู้ว่าไปถึงวัดคนมาร่วมบุญจำนวนมากอยู่ เวลายกช่อฟ้าจะต้องมีคนอย่าง
    น้อยประมาณ 3-4 คน อยู่ บนหลังคาโบสถ์ช่วงที่จะนำช่อฟ้าไปติดตั้ง ผลปรากฎว่าวันนั้นมีชายผู้หนึ่งพลัดตกลงมา คนเอะอะโวย
    วายกันใหญ่ เฮียก็ไปดูกับเขาด้วยเห็นปฐมพยาบาลสักครู่ ชายผู้นั้นลุกเดิน เสมือนหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น และได้ไปโรงพยาบาล
    ภายหลังทราบว่าแค่ฟกช้ำดำเขียว เฮียแกแปลกใจตั้งแต่ตกลงมาแล้วว่าทำไมถึงไม่เป็นไร และลุกขึ้นเดินได้ แกมารู้ภายหลังว่า
    ไปโรงพยาบาลตรวจเช็ค ร่างกายเพียงฟกช้ำ แพทย์ลงความเห็นว่าไม่เป็นไร ปลอดภัย
    หลังจากนั้นพอใกล้ฤกษ์ยกช่อฟ้า ฟ้าที่สว่าง แดดเปรี้ยง กลับมืดคลื้มประดุจเวลาพลบค่ำกรรมการวัด และชาวบ้านเห็นเข้ารู้ทันทีว่า
    พายุเข้าฝนตกหนักแน่นอน กรรมการวัดได้ไปกราบ หลวงพ่อพรหม ซึ่งท่านนั่งอยู่ในเต้นท์ว่า ต้องเลื่อนการยกช่อฟ้าออกไปอากาศ
    ไม่อำนวย หลวงพ่อพรหม ไม่พูดอะไร ให้ศิษย์ไปหยิบธูปมากำใหญ่กำหนึ่ง และจุดธูปให้ท่าน ท่านถือธูปไป กลางแจ้ง ยกมือภาวนา ปักธูปกำใหญ่ลงไปในพื้นดิน และถอดจีวรออก สะบัดไปสี่ทิศ คนในงานมองเป็นตาเดียว และงงกันเป็นแถว ๆ ว่าหลวงพ่อทำอะไร เฮียแก่เล่าว่าเหลือเชื่อมาก ฟ้าที่มืดคลื้ม กับสว่างที่ละเล็กละน้อย และสว่างมากขึ้นเป็นลำดับ แดดเปรี้ยงดังเดิม ทั้งเฮีย และผู้คนในงาน งง เป็นไก่ตาแตก และเรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันมาก เฮียถึงบูชาพระเครื่องท่าน มาประมาณ 20 เหรียญ พร้อมพระผงจำนวนหนึ่งครับ และหลังจากเหตุการณ์นั้น ฝนไม่ตก ที่อำเภอตาคลีเป็นเวลา 3 ปี ชาวบ้านรุ่นเก่า ๆ ทราบดี เฮียแกเล่าให้ฟัง

    หลวงพ่อพรหม ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส
    เมื่อปี พ.ศ.2514 รวมเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องแค 54 ปี เพื่อให้พระปลัดแบงค์ ธัมมวโร เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน
    ตลอดเวลาที่หลวงพ่อพรหมจำพรรษาอยู่ที่วัดช่องแค ท่านได้สร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับชุมชนและประชาชนทั่วไป
    ตั้งแต่การทำนุบำรุงพระศาสนา รักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย สร้างเสนาสนะในวัดกระทั่งท่านได้มรณภาพอย่างสงบ
    เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2518 เมื่อเวลา 15.00 น. ณ โรงพยาบาลบ้านหมี่ จ.ลพบุรี รวมอายุได้ 91 พรรษา 71
    ภายหลังหลวงพ่อพรหมมรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดได้บรรจุศพของท่านไว้ในโลงแก้ว อยู่บนศาลาการเปรียญ
    ศพของหลวงพ่อพรหมไม่เน่าเปื่อย คล้ายกับหลวงพ่อนอนหลับอยู่ แม้ท่านจะมรณภาพมาแล้วนานกว่า 30 ปี
    สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคือ หลังจากหลวงพ่อได้มรณภาพแล้วศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย


    [​IMG] [​IMG]
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107
    อยากรู้อดีตชาติ

    สมัยที่เข้าวัดใหม่ ๆ ก็เห็นมีบางคนสนอกสนใจอยากรู้อดีตชาติของหลวงปู่บ้าง ของตนเองบ้าง สุดท้ายก็มีคนไปกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ จริงไหมที่มีบางคนบอกว่าหลวงปู่คือพระเจ้า.....มหาราช" (ไม่มีคำตอบ) "หลวงปู่ จริงไหมที่มีคนบอกว่าหลวงปู่คือพระที่ใช้วิชากำบังพาพระเจ้า.....พร้อมทหาร ๕๐๐ คนฝ่าทัพพม่าหนีออกจากกรุง.....ออกมาได้ ..... (ไม่มีคำตอบอีก)

    กาลเวลาผ่านไป มีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง (ซึ่งก็เป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย) เป็นผู้มีการรู้การเห็นภายในดี และถือเป็นครูฝึกกรรมฐานคนหนึ่งให้น้องใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติกรรมฐาน แต่ต่อมาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลงยึดมั่นถือมั่นกับนิมิตต่าง ๆ ที่สำคัญหลงยึดความรู้ความเห็นว่าตนคือกษัตริย์ที่สำคัญองค์หนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เขาห่างหลวงปู่ไปเป็นระยะ ๆ เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกแยก และออกจะหยิ่ง ๆ ผ่านไปนาน มารู้ข่าวคราวของเขาอีกทีก็เมื่อตอนที่ออกจากโรงพยาบาลเพราะต้องเข้ารับการบำบัดปัญหาโรคจิต

    ยังมีกรณีตัวอย่างของความหลงในเรื่องอดีตชาติอีกกรณีหนึ่ง คือ นายแพทย์และพยาบาลคู่หนึ่งที่เป็นนักปฏิบัติ (ไม่เกี่ยวกับวัดสะแกหรือหลวงปู่) เขานั่งปฏิบัติไปแล้วก็เกิดความรู้ (รู้จริงรู้เท็จก็ไม่ทราบได้) ว่าเขาเป็นคู่ครองกันมาแต่อดีตชาติ เขาจึงมีความสัมพันธ์กันทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างก็มีครอบครัวแล้ว

    บทสรุปจากกรณีตัวอย่างเหล่านี้ ทำให้ศิษย์หลวงปู่หลายคนไม่คิดจะถามหลวงปู่ในเรื่องอดีตชาติของหลวงปู่ หรือของตนเองอีก เพราะดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องส่งเสริมกิเลสเสียส่วนมาก รู้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ หากรู้แล้วเป็นไปในทางสลดสังเวชใจกับการเกิดการตายก็นับว่าเป็นประโยชน์ แต่หากรู้แล้วเป็นไปในทางเพิ่มกิเลส สู้อย่ารู้เสียเลยดีกว่า ดีไม่ดีจะเป็นไปในทางใช้เป็นข้ออ้างหาลาภสักการะ ฯลฯ จนเดินสวนทางกับปณิธานเดิมที่ตั้งไว้

    มิน่าเล่าว่าทำไมหลวงปู่จึงไม่เฉลย อีกทั้งไม่ให้ความสำคัญใด ๆ เลยกับเรื่องอดีตชาติ (ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่คันหัวใจลูกศิษย์หลาย ๆ คน)
    นี่คงเพราะท่านพิจารณาแล้วว่าจะเป็นโทษมากกว่าคุณ ก็คล้าย ๆ กับที่ในหลวงไปถามหลวงพ่อเกษม หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว ว่าอดีตชาติ พระองค์เคยเกิดเป็น (กษัตริย์) นักรบ เคยฆ่าคนไว้มากใช่หรือไม่ แต่พระอริยเจ้าเหล่านั้นล้วนตอบตรงกันว่า "มหาบพิตร อาตมาไม่อาจพยากรณ์ได้ แต่ที่สำคัญมหาบพิตรจะรู้ไปทำไม มีประโยชน์อันใดอันเกิดจากความรู้นี้"

    มาบัดนี้ หากแม้นหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ก็เชื่อว่าลูกศิษย์ที่เคยสงสัยในเรื่องเหล่านี้ ก็คงหมดคำถาม มิใช่ไม่อยากรู้ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไมนั่นเอง ...รู้เพื่อจะลำพองใจในอดีตที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะได้เอาไปบอก (โกหก) ใคร ๆ หรือรู้เพื่อให้จิตเศร้าหมองที่เคยทำบาปกรรมไว้มาก

    นี่แหละที่พระท่านสอนว่า อดีตก็ดีดไปแล้ว อนาคตก็คดไปคดมาไม่แน่นอน สู้ทำปัจจุบันให้ดีด้วยความไม่ประมาท จะไม่ดีกว่าหรือ

    ความรู้ความเห็นภายในเป็นเรื่องส่วนตัวที่คนอื่นมิได้รู้ไม่ได้เห็นด้วย หลวงปู่ว่าพูดออกไปก็เรียกว่าเหมือนพูดโกหก เพราะคนอื่นเขาไม่รู้กับเราด้วย

    [​IMG] [​IMG]
     
  17. oatlovetong

    oatlovetong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +17,296
    สวัสดีครับสมาชิกอัลบั้มฯทุกท่าน ^^
     
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107
    …มีพระภิกษุสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติจนคนทั่วไปเชื่อว่า ท่านสำเร็จอรหันต์เป็นพระอรหันต์กลางกรุงองค์หนึ่ง คือ พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) หรือ ที่ใคร ๆ เรียกท่านว่า“เจ้าคุณนรฯ” แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ ท่านเคยบอกกับ พลโทกฤษณ์ สีวะรา (ยศขณะนั้น) เมื่อครั้งยังเป็นแม่ทัพภาคที่ ๓ (จ.พิษณุโลก) เมื่อคราวที่เข้านมัสการท่าน ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ว่า

    “ที่ ลำปาง มีพระภิกษุสงฆ์อยู่รูปหนึ่ง จำพรรษาอย่างโดดเดี่ยว ถือธุดงควัตรในป่าช้าเป็นนิจ อยู่ในกุฏิที่แวดล้อมด้วยต้นไผ่ขึ้นเต็มไปหมด ท่านองค์นี้ได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างเคร่งครัด เป็นพระอริยสงฆ์ ที่บรรลุธรรมสูงสุดขั้นพระอรหันต์แล้ว หากมีโอกาสก็ควรเข้าไปกราบนมัสการเสีย เพราะอยู่แถวนั้น ไม่ไกลกันเท่าไร”

    ครับ พระภิกษุสงฆ์ดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน “หลวงปู่เกษม เขมโก” แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง นั่นเอง เพราะที่สุสานไตรลักษณ์นั้น เต็มไปด้วยป่าไผ่ขึ้นเต็มไปหมด ใครที่เคยไปยังสุสาน อย่าได้หยิบฉวยสิ่งใด ไม่ว่าดินสักก้อน หรือแม้กระทั่งกิ่งไผ่ในสุสานสักกิ่งก้าน โดยพละการเป็นอันขาด เพราะมีผู้ประสบอาถรรพณ์มาแล้ว หลายรายต้องประสบภัยพิบัติอย่างไม่คาดคิด ไม่เจ็บไข้ปางตาย ก็ประสบอุบัติเหตุ หรือการผ่าตัดอย่างร้ายแรง ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด ต้องรีบนำมาคืนแทบไม่ทัน…”

    ด้วยรู้ว่าย่อมเป็นพระอริยะระดับเดียวกันหรือสูงกว่า จึงจะหยั่งรู้ญาณกันได้นั้น จึงไม่ต้องสงสัยเรื่องภูมิญาณของหลวงพ่อเกษม และมิต้องคาดเดาถึงระดับพระอริยะของหลวงพ่อท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตยสำหรับปุถุชนธรรมดาเช่นเราท่านทั้งหลาย เพียงข้อวัตรปฎิบัติ เพียงคำพูดที่หลวงพ่อเกษมเอ่ยสอน ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระระดับสุปฎิปันโน เรากราบเราศรัทธาท่านได้อย่างสนิทใจ


    [​IMG] [​IMG]
     
  19. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ;aa44 ดีจ้าน้องข้าวโอ๊ต
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,585
    ค่าพลัง:
    +53,107

    คุณโอ๊ตอยู่เขตใหนของอิสานครับ

    บ่ายนี้จะไปโคราช เกริ่นๆกับพี่ตี๋ใว้ถ้าเวลาลงตัวคงได้เจอกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...