อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 13 หน้า 13)

 

(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 13 หน้า 457-466)

 

รุ่นนี้ใต้ฐานอุดเกศาเทียนช้ยครับ





รูปหล่อลอยองค์หลวงปู่วงศ์รุ่นครบรอบ 80 ปีถ่ายคู่กับรูปหล่อลอยองค์จิ๋วของหลวงปู่ให้ดูเปรียบเทียบขนาด รูปหล่อลอยองค์จิ๋วนี้ได้รับแจกงานทำบุญมาครับแต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นงานอะไรและชื่อรุ่นนี้ว่าอะไรครับ

 

รูปหล่อครูบาวงศ์ครบรอบ80ปีที่พี่วรรณนำมาลงก็งดงามนะคร๊าบบ สังเกตดูส่วนใหญ่รูปหล่อของท่านหลายๆรุ่นจะอุดมวลสาร น่าบูชามว๊าาก

ปล.พี่วรรณพระหลวงปู่แว่นผสมแร่เหล็กไหลมาโชว์แระ

 

ชุดนี้สวยงามน่ารักจริงๆครับพี่เอ๊ะ ยิ่งถ้าไปทำตลับพุกหรือตลับเงินใส่เป็นชุดจะสวยมาก ขนาดเล็กเบาๆห้อยสบายเลยคร๊าบบ

 

ครับพี่ตี๋ ผมเองได้เคยอยู่แถววัดบางพระมาปีกว่าๆแต่เป็นช่วงที่หลวงพ่อท่านป่วยมากแล้วเลยไม่ค่อยได้เข้าพบท่าน แต่ก็ได้ทราบถึงความรักที่ชาวบางพระมีต่อหลวงพ่อท่าน หลวงพ่อท่านเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีสารพัดรูปแบบเข้ามาอาศัย แต่ท่านก็เมตตาต่อทุกคนไป ยังจำรอยยิ้มอันเมตตาที่มีต่อศิษย์ที่มากราบไหว้ท่านได้อยู่เสมอคร๊าบบ

 

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
(ครูบาวงศ์, พระครูพัฒนากิจจานุรักษ์)

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
บ้านห้วยต้ม ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน


ชาติภูมิ

นามเดิม วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหงม
เกิดที่ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน ๗ (เหนือ) แรม ๒ ค่ำ ปีฉลู
ตรงกับวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๔๕๖ เวลา ๒๔.๑๕ นาฬิกา

โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ ๔๔ ปี)
โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ ๗๘ ปี)
จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓
มีน้องต่างบิดาอีก ๑ คน รวมเป็น ๙ คน ดังนี้

๑. เด็กหญิงคำเอื้อย ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๒. เด็กชายก่องคำ ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๓. เด็กชายวงศ์ ปัจจุบัน หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ถึงแก่มรณภาพ)
๔. เด็กชายคำตั๋ว ปัจจุบัน นายคำตั๋ว
๕. เด็กหญิงบัวผัน ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๖. เด็กหญิงบัวใย ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๗. เด็กหญิงเฮือนมูล ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๘. เด็กชายอินปั๋น ปัจจุบัน ถึงแก่กรรม
๙. เด็กชายหมอก ปัจจุบัน นายหมอก (เคยอุปสมบทกับหลวงปู่)


ชีวิตในวัยเด็ก

หลวงปู่เกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่นา ๓-๔ ไร่
ควาย ๒-๓ ตัว ทำนาได้ข้าวปีละ ๒๐-๓๐ หาบ ไม่พอกินเพราะต้องแบ่งไว้ทำพันธุ์ส่วนหนึ่ง
อีกส่วนหนึ่งเอาไว้ใส่บาตรทำบุญบูชาพระ ส่วนที่เหลือจึงจะเก็บไว้กินเอง
ต้องอาศัยขุยไผ่ขุยหลวกมาตำเอาเม็ดมาหุงแทนข้าวและอาศัยของในป่า
รวมทั้งมันและกลอยเพื่อประทั้งชีวิต บางครั้งต้องอดมื้อกินมื้อก็มี
แม่ต้องไปขอญาติพี่น้องๆ เขาก็ไม่มีจะกินเหมือนกัน
แม่ต้องกลับมามือเปล่าพร้อมน้ำตาบนใบหน้า มาถึงเรือน ลูกๆ ก็ร้องไห้เพราะหิวข้าว
แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยาก
แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน ข้าวที่แบ่งไว้ทำบุญ
แม่จะแบ่งให้ลูกทุกคนๆ ละปั้นไปใส่บาตร บูชาพระพุทธทุกวันพระ

ชีวิตของหลวงปู่ในสมัยเด็กมีความลำบากยากแค้นมาตลอด
หลวงปู่มีนิสัยชอบพึ่งตนเองสิ่งใดที่ทำได้โดยไม่เกินกำลังแล้วจะทำเองทุกอย่าง
ท่านเป็นนักพัฒนา นักก่อสร้าง และสนใจในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เล็กๆ
ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่ออายุประมาณ ๓ ปี ท่านชอบเอาดินมาปั้นแต่งเป็นบ้าน ปั้นวัว ปั้นควาย
อายุ ๔-๕ ปี ชอบปั้นพระพุทธรูป เอาข้าวเปลือกมาตบแต่งทำพระเนตรแล้วก็กราบไหว้เอง

อายุ ๕-๖ ปี พอที่จะช่วยโยมพ่อโยมแม่ทำงานได้
ในขณะนั้นโยมพ่อโยมแม่ไปทำนาซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้าน ระหว่างที่ข้าวออกรวง
หลวงปู่ต้องไปไล่นกไม่ให้มากินข้าวที่ทำไว้ เวลาไปต้องไปแต่เช้า กว่าจะกลับก็มืดค่ำ
ข้าวบางวันก็ได้กินบางวันก็ไม่ได้กิน เที่ยวเสาะหาอาหารตามป่าเขากินพอประทังชีวิตไปวันหนึ่งๆ

อายุ ๗-๑๒ ปี ท่านได้ไปหาบดินซึ่งเป็นขี้ค้างคาวในถ้ำกับโยมพ่อ
นำมาทำเป็นดินปืนสำหรับทำบ้องไฟ (ทางเหนือเรียกดินไฟ)
วิธีทำโดยการนำดินเหล่านี้ผสมกับขี้เถ้าแล้วเคี่ยวให้เข้ากัน เงินที่ได้เอามาซื้อแลกข้าว
ซึ่งในขณะนั้นราคาประมาณถังละ ๘๐ สตางค์ นับว่ามีราคาแพงมาก
สมัยนั้น ๗-๘ วัน ได้กินข้าวเท่ากำมือหนึ่งก็ดีมากแล้ว

มีอยู่ครั้งหนึ่งโยมพ่อพาลูกๆ ออกไปทำไร่ โยมแม่ได้นำอาหารกลางวันมาส่งให้
ซึ่งประกอบด้วยขนุนที่ยังดิบอยู่นำมาต้มให้สุก
พริกตำห่อด้วยใบตองห่อใหญ่และข้าวห่อเล็กๆ ห่อหนึ่ง
โยมพ่อเรียกลูกๆ ทุกคนมานั่งรวมกันแล้วแบ่งปันอาหารให้กิน
หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้วโยมพ่อจึงอบรมสั่งสอนลูกๆ ว่า

"ตอนนี้พ่อแม่อด ลูกทุกคนก็อด แต่ลูกๆ ทุกคนอย่าท้อแท้ใจ
ค่อยทำบุญ ไปเรื่อยๆ บุญมี ภายหน้าก็จะสบาย"

แล้วท่านชี้มือมาที่หลวงปู่ และกล่าวว่า

"ลูกเอ๋ยเราทุกข์ขนาดนี้เชียวหนอ ข้าวจะกินก็ไม่มี ต้องกินไปอย่างนี้
ค่อยอดค่อยกลั้นไปบุญมีก็ไม่ถึงกับอดตายหรอก ทรมานมานานแล้วถึงวันนี้ก็ยังไม่ตาย
มันจะตายก็ตายไม่ตายก็แล้วไป ให้ลูกอดทนไปนะ
ภายหน้าถ้าพ่อยังไม่ตายเสียก่อนก็ดีตายไปแล้วก็ดี
บางทีลูกจะได้ "นั่งขดถวาย หงายองค์ตีน (บวช)" กินข้าวดีๆ อร่อยๆ
พ่อนี่จะอยู่ทันเห็นหรือไม่ทันก็ยังไม่รู้"

หลังจากโยมพ่อได้อบรมสั่งสอนลูกๆ ได้สักพักหนึ่งต่างก็แยกทางกันไปทำงาน

ที่มา: ธรรมจักร

 

สวัสดียามเช้าครับพี่วรรณ พี่เอ๊ะ พี่กูน พี่ตี๋ พี่โญ พี่ช้าง พี่รุ่ง คุณบอย นอร์ น้องโอ๊ต น้องเอ็ม น้องเขี้ยว น้องนิก คุณตั้น คุณกันตปัญโญ คุณหมอ คุณhmoomoo คุณsellcat คุณEYEOFVENUS และพี่ๆน้องทุกท่าน ขอบคุณทุกภาพสวยๆและเรื่องราวดีๆจากทุกท่านครับ

หาอะไรทานรองท้องยามเช้ากันก่อนนะคร๊าบบทุกท่าน

 

เหรียญพระนาคปรก รับเช้าวันเสาร์

หลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง จ.จันทบุรี

 

อรุณสวัสดิ์พี่ปู พี่กูล พี่โญ พี่วรรณ พี่ตี๋ คุณเอ็ม น้องเคี้ยว และทุกท่าน...

 

หลวงพ่อดำ โชติวโรเจ้าอาวาสวัดเขาพูลทอง ตำบลปะตง อยู่ในเขตอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ตามประวัติจากคำบอกเล่าของตัวท่านเองเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2480 บ้านเกิดอยู่ที่เมื่อแกลงจังหวัดระยอง บรรพชาอุปสมบทที่วัดกระแสร์บน จังหวัดระยอง มี พระครูโสภณสังฆการ เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดเนินยาง ด้วยวิสัยใฝ่เรียนรู้ในทางไสยเวทย์วิทยาคมาตั้งแต่วัยเด็ก จึงศึกษาหาความรู้ ถ่ายทอดวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์มานับไม่ถ้วน ทั้งครูที่เป็นบรรพชิตและฆราวาส โดยเฉพาะไสยเวทวิทยาคมตำรับเขมรท่านจะเก่งกาจอยู่ในระดับแนวหน้าของบรรดาพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยยุคปัจจุบัน หลวงพ่อดี โชติวโร

ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาพูลทอง เมื่อ พ.ศ. 2540 ได้พัฒนา วัดเขาพูลทองที่เป็นอารามเก่าแก่อยู่ในเขตทุรกันดาร กระทั่งมีความเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับ ผลงานการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ที่วัดเขาพูลทองปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เช่น กุฏิศาลาการเปรียญ ฌาปนสถาน จึงทำให้ชาวบ้านเคารพนับถือหลวงพ่อดำมาก

ความเชี่ยวชาญด้านวัตถุมงคงเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคภาค ค้าขายจะโดดเด่นมาก ถ้าเอ่ยนามของหลวงพ่อดำวัดเขาพูลทอง จะต้องนึกถึงสีผึ้งพญานกการเวก เป็นสีผึ้งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามตำรับหลวงพ่อดำ มีอานุภาสูงส่งด้านเมตตามหานิยม ใช้ในทางธุรกิจการงานที่ต้องพูดต้องเจรจาติดต่อประสานงาน หรือการแสดงนักร้อง โฆษก พิธีกร นักจัดรายการต่างๆ เป็นมหาเสน่ห์อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ท่านให้บริกรรมคาถาก่อนใช้สีผึ้งพญานากการเวกว่า “โอมพญานกการเวก เสียงกูเป็นเอกยิ่งกว่าคนทั้งหลาย เอหิคล้าย คล้ายปะติยังมะมะ” จะก่อให้เกิดผลดีทุด้านเกิดความมั่นใจในการประกอบธุรกิจการงานติดต่อประสานงานกับผู้คนทั่วไป สีผึ้งพญานกการเวกของหลวงพ่อดำจัดสร้างจัดทำยากลำบากยิ่ง เพราะต้องใช้วัตถุอาถรรพณ์มวลสารศักดิ์สิทธิ์หลายชนิดมารวมกัน เช่น น้ำค้างเดือน 15 ซากจักจั่นตายพรายเดือน 5 ว่านร้อยนาง ว่านมหาเสน่ห์ 108 เป็นต้นเมื่อได้ฤกษ์ยามดีแล้วจึงประกอบพิธีเคี่ยวสีผึ้ง ปลุกเสกด้วยพระเวทวิเศษขลังตามตำรับตำราที่ครูบาอาจารย์ท่านกำหนดไว้ น้ำมันไก่กุก สุดยอดวิชาลึกกลับมหัศจรรย์อีกวิชาหนึ่งที่หลวงพ่อดำได้รับการถ่ายทอดมา เป็นเสน่ห์เมตตามมหานิยมอยู่ในระดับสูง พิธีกรรมการทำน้ำมันไก่กุกต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างสูง โดย ใช้น้ำมันมะพร้าว คั้นเป็นกะทิต้องเป็นต้นที่ถูกฟ้าผ่าตายการคั้นน้ำมันมะพร้าวต้องทำด้วยตนเองห้ามคนอื่นช่วยเด็ดขาด คั้นไปบริกรรมภาวนาอาคมไปด้วยเมื่อได้น้ำมันมะพร้าวและให้ใส่ขวดโหลแก้วไว้ รอได้ฤกษ์ยามดีจึงอธิษฐานจิตปลุกเสกต้องเพ่งพลังจิตตานุภาพ บริกรรมภาวนากระทั่งน้ำมันมะพร้าวที่ขุ่นข้นใสสะอาดบริสุทธิ์ จึงจะสำเร็จเสร็จสิ้นตามตำราที่ได้ศึกษามา ถ้าจะเลิกกลางคันไม่ได้เด็ดขาดเพราะผิดครูและจะมีผลร้ายต่อตนเองอย่างยิ่ง วิชาดังกล่าวนี้เป็นของ หลวงปู่บุญ วัดท่ากง อดีตพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์รูปหนึ่งของภาคตะวันออก

วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังของ หลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง อีกรายการหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงได้แก่ตะกรุดหัวใจเสียงทอง หลวงพ่อดำได้ศึกษาวิชาดังกล่าวมาจาก ครูเดิม ฆราวาสขมังเวทย์ อยู่ที่จังหวัดชลบุรี ครูเติมเป็นศิษย์ของหลวงปู่แตง วัดอ่านศิลา สำเร็จวิชามนต์จินดามณี ครูเติมเป็นศิลปินนักแสดงลิเก ละคร ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเวลาครูเติมร้องรำลิเก หรือบทละคร ใครได้ยินเสียงจะเกิดความหลง ใหลในน้ำเสียงที่มีความไพเราะจับใจ อยู่ไกลแสนไกลแค่ไหนถ้าได้ยินเสียงครูก็ต้องรีบวิ่งแจ้นมาดูการแสดงของครูเติม ถ้าไม่ได้มาดูครูเติมแสดงละคร เล่นลิเก เหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เดียวนับเป็นวิชาอาถรรพณ์เวทย์รูปแบบหนึ่งที่โบราณาจารย์ท่านสามารถทำได้เป็นที่ชื่อถือกันมาหลายชั่วอายุคน หลวงพ่อดำได้สร้างตะกรุดเสียงทองใส่ขวดน้ำมันไก่กุกสำหรับมอบให้ศิษยานุศิษย์นำไปใช้ในการประกอบการงานอาชีพที่สุจริต ไม่ผิดศีลธรรมและกฎหมายบ้านเมือง วัตถุมงคลอื่นๆ ที่ หลวงพ่อดำ โชติวโรได้สร้างและปลุกเสกเดี่ยวๆ ด้วยตัวของท่านเอง ได้แก พระสังข์เรียกทรัพย์ หนุมานเชิญธง หนุมารตีกลอง พระปิดตาเนื้อผงเหรียญรูปเหมือนรุ่นไตรมาส รูปหล่อพระสังกัจจายน์พูลทอง เหรียญอิติปิโสแปดทิศเหรียญขวัญถุงร่ำรวยทรัพย์ เหรียญพระนาคปรก รุ่น 1 พระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณ “รุ่นปลดหนี้” ผ้ายันต์พัดโบก 3 สี คือ สีชมภู สีแดง และสีเหลือง ยังมีให้บูชาที่วัดเขาพูลทอง ผ้ายันต์พัดโบกนี้บรรจุอักขระเลขยันต์ สุดยอด ครอบจักรวาล โดดเด่นด้านคุ้มครองป้องกันสารพัดภัย โชคลาภเมตตาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองดีนัก

ที่มา: สยามมงคลพระเครื่อง

 

;aa44 อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับ พี่ตี๋ พี่วรรรณ พี่ปู คุณเอ๊ะและทุก ๆ ท่าน...

​

 

เล่าเรื่องหลวงปู่อ่อนสา โดยครูนก
โพสต์ที่ 4744 หน้าที่ 475

รูปเหมือนหล่อรุ่นแรก






รูปเหมือนหล่อรุ่นสอง






รูปเหมือนหล่อรุ่นสาม





นโม วิมุตฺตานํ

ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย

นโม วิมุตฺติยา

ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรมความหลุดพ้นของท่านเหล่านั้น

​

 

สวัสดีทุกๆท่านด้วยครับผม

 

สวัสดียามเช้า คุณวัน อ.โญ คุณปู คุณนอร์ คุณเอ็มและทุกๆท่าน
ขอให้สุขกาย สุขใจ กันนะครับ

 

พระ จ.กระบี่
ลพ.จำเนียร

 

catt3 พี่ตี๋พาลงเมืองใต้ด้วย

 

อ.โญ ครับ มีนิดหน่อย แบบว่าตั้งใจจะหาเก็บเป็นที่ระลึกแบบทั่วไทย ทุกภาค ทุกจังหวัดอย่างละองค์ สององค์ นะครับแต่ว่า บางจังหวัดยังหาไม่พบค้นหลายรอบแล้วอย่างเช่น ลป.สงฆ์ จ.ชุมพร ฯ

 

สวัสดีครับคุณปู พี่วรรณ พี่ตี๋ พี่ช้าง คุณโญ คุณกูน น้องโอ๊ต คุณเอ็ม น้องเขี้ยว และ สมช."อัลบั้มพระ"ทุกท่าน