แก้วมณีโชติ สิ่งวิเศษสูงสุดในโลกิยภูมิ

ท่านที่เคยไปมาแล้ว ขอเมตตาบอกเล่าเรื่องราวด้วย

ขออนุญาตครับ

ท่านที่เคยไปมาแล้ว ขอเมตตาบอกเล่าเรื่องราวด้วยนะครับ

ลุงมหาเป็นศิษย์สายเทพสายพรหม เข้าใจธรรมเนียมต่างๆดี

แต่ยังไม่เคยไปมาครับ มีแต่โทรไปครั้งเดียว โทรปุ๊บติดปั๊บเลย

เสียงของท่าน หวานนุ่มหูมาก และ เอื้อเฟื้อเมตตามาก

ถ้าไม่รู้จะนึกว่า กำลังคุยกับสาวแรกรุ่น

เพียงแต่องค์ท่านบอกว่า "ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ยังไม่ต้องมา"

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

ครับ ลุงมหา๑ ผมเคยไปเมื่อประมาณปี 51 ตามที่บอก เพราะบ้านผมก็อยู่ อ.โชคชัย ตอนหลังแยกออกเป็น อ.หนองบุญมาก บ้านแม่องค์ญาณ อยู่เยื้องด้านหลังตัวอำเภอหลังเก่า (ปัจจุบันไม่แน่ว่าท่านพัก อยู่ที่บ้าน หรือที่ อ.ปากช่อง ที่ไปสร้่างสถานธรรมอยู่ที่นั่น)
ไปถึงท่านก็ต้อนรับอย่างดี ก็เหมือนคนบ้านนอกทั่วไป ไม่มีพิธีรีตรองมาก ท่านยังให้เข้าไปดูที่ห้องพิธี และรูปถ่าย หลายๆ รูป รวมทั้งงูเหลือมปากเป็ด แล้วก็คุยสารทุกข์ สุขดิบกัน นาน เป็นชั่วโมง ตอนนั้นผมไปคนเดียว ท่านยังถามเลยว่าอยากให้แม่ทำพิธีอัญเชิญองค์พ่อลงมาไหม พอดีที่ผมไปไม่มีธุระและเรื่องเดือดร้อนอะไร แต่เป็นที่ว่าผมเห็นว่าไม่ไกลจากบ้าน ก็เลยโทรไปหาท่าน ท่านบอกให้ไปหาจะได้รู้จักท่านไว้ ( แต่ผมว่าตอนนั้นท่านก็รู้ว่าผมไม่เดือดร้อนจริงๆ ท่านก็เลยไม่ทักอะไร ) ก่อนกลับท่าน ให้พระมาสององค์ และรูปงูเหลือมปากเป็ด และดอกรุ่งเรือง ( ดาวเรือง แต่ท่านให้เรียกว่าดอกรุ่งเรือง เพราะเป็นดอกไม้ที่ทำพิธีขององค์พ่อ )
ส่วนพระ และของที่ได้รับมา ผมบูชาไว้ที่บ้านโคราช ถ้ากลับบ้านอีกครั้งจะนำมาให้ชมครับ
มีเรื่องอะไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเรื่อย ๆ ครับ

 

ไปเยี่ยมบ้านองค์พ่อจิตรา


ขออนุญาตครับ

ลุงมหาได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมบ้านองค์พ่ิอจิตรา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยพาญาติธรรมที่มีปัญหาชีวิต ทั้งเรื่องสุขภาพและหน้าที่การงาน

ลุงมหาอยู่ที่นั้นนานถึง ๓ ชั่วโมง
ทั้งท่านแม่องค์ญาณ ทั้งองค์พ่อ ๑๖ และองค์พ่อจิตรา ท่านเมตตามาก
โดยเฉพาะองค์พ่อ ๑๖ ท่านช่างเมตตายิ่งนัก

องค์ท่านได้เมตตาบอกเล่าเรื่อง ๓ เรื่อง

๑ องค์ท่านบอกว่า "เจ้าคนนี้(ลุงมหา)ช่างมีปัญญานัก"
๒ พวกเจ้าต้องขอบคุณคนผู้นี้(ลุงมหา)ที่ได้นำพาพวกเจ้ามาหาพ่อ
๓ เมื่อเจ้าถามเรื่องนี้ พ่อจะเชิญ "จิตรา" มาตอบปัญหาให้เจ้า

ลุงมหาจึงขอบอกเล่าเรื่องราวทั่วๆไปว่า
๑ สำนักเทพพรหม นั้น ท่านจะดูแลลูกหลานด้วยความเมตตา
ตามจริต ตามนิสสัย ตามบุญ วาสนา บารมี ของแต่ละคน
๒ องค์ท่านจะเมตตา บอกเล่าเรื่องราวของกรรม อย่างละเอียด เช่น
สาเหตุการป่วยเกิดจากกรรมอะไร กรรมเก่า(จากชาติปางก่อน)หรือกรรมใหม่
ท่านก็จะมีขั้นตอน วิธีการ แก้กรรมขอขมากรรม เบื้องต้นให้ก่อน
๓ การจัดชุดบายศรีพร้อมชุดบวงสรวงบูชาเทพเบื้องบน เพื่อบูชา ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน
เพื่อเปิดบุญบารมี เปิดทาง การทำมาหากิน อาชีพ หน้าที่การงาน โชคลาภ
๔ องค์พ่อจิตรา นั้น องค์ท่านได้เมตตา มอบพวงมาลัยดอกรุ่งเรื่อง ให้ลุงมหา ๑ พวง
เพียงคนเดียวจากคณะทั้งหมดที่ได้ไปด้วยกัน

นอกจากนี้องค์ท่านยังได้ พูดจาเล่นหัว กับ ครอบครัวคณะที่ได้ไปขอเมตตาเป็นเวลานานมากๆ

ส่วนเรื่องที่ลุงมหา สอบถามและองค์ท่าน ได้เมตตาบอกเล่าออกมานั้น
ลุงมหาบอกเล่าออกมาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่อง ข้อมูลที่บุคคลเป็นจำนวนมากติดตามเสาะหา

แต่ไม่รู้ว่าจะไปถามใคร

องค์ท่านทั้งสาม จะให้ความเมตตาตามความต้องการของผู้มารับความเมตตาว่า
จะจัดชุดบรวงสรวงบูชา เป็นชุดเล็ก ชุดกลาง หรือ ชุดใหญ่
ซึ่งองค์ท่านบอกว่า จะสามารถ พลิกผัน ชีวิตได้อย่างแน่นอน
(องค์ท่านมักจะใช้กริยา ยกมือขึ้นมาคว่ำไว้ แล้ว หงายมือขึ้นมาให้ดู)

รายละเอียดต่างๆ ให้คุยนัดหมายกับท่านองค์ญาณ กันทีหลัง

ป้ายที่หน้าบ้านขององค์ท่านเขียนว่า

บ้านพ่อจิตรา
ติดต่อ 084-5417939

จากรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ที่ท่านได้เมตตายกขึ้นมาบอกเล่าเป็นตัวอย่างนั้น

ไม่ธรรมดาจริงๆ

ท่านแม่องค์ญาณนั้น ดูว่าท่านจะชอบพบปะพูดคุย กับคนธรรมดาทั่วๆไปมากกว่า ผู้ที่คิดว่าตนมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่

แต่ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ไม่ว่าท่านเดือดร้อนเรื่องอะไร

ทั้งองค์แม่องค์ญาณ ทั้งองค์พ่อ ๑๖ และองค์พ่อจิตรา
ท่านยินดีต้องรับทุกๆท่าน ตามจริต ตามนิสัย ตามบุญ วาสนา บารมี ของแต่ละท่านเอง

โดยทุกๆท่านที่ต้องการขอความเมตตา ให้โทรเข้าไปหาก่อน
เพื่อให้องค์ท่านได้มีโอกาส พิจารณาว่า

ท่านต้องการรับการช่วยเหลือมากน้อยขนาดไหน?
ท่านมีบุญ วาสนา่ บารมี ผูกพันมากน้อยเท่าไร?

ผมเคยเห็น อาคาร ร้านค้าคนจีน ทำพิิธีบูชาเทพ โดยการจัดเครื่องบวงสรวงบูชาเทพที่หน้า อาคารร้านค้านั้น
เมื่อประมาณ ปี ๒๕๒๘ ที่จังหวัดขอนแก่น นั้น ค่าใช้จ่ายตอนนั้น สองแสนกว่าบาท

แต่ที่บ้านองค์พ่อจิตรานี้ ชุดบวงสรวงชุดใหญ่ ท่านแม่องค์ญาณ ท่านบอกว่า ประมาณ สี่หมื่น เท่านั้นเอง

ลุงมหาก็ลืมถามว่า มีชุดใหญ่กว่านี้ใหม่ ต้องขออภัยลืมถามไปจริงๆ

ดังนั้น ท่านที่มาขอเมตตา จะจัดชุดบวงสรวงบูชาองค์เทพ
ชุดเล็ก ชุดกลาง ชุดใหญ่

ก็แล้วแต่ความต้องการ หรือจะขอเมตตา ขอโชคขอลาภ จากองค์ท่านก่อน
และค่อยๆเลื่อนขึ้นไปก็ได้

หรือแค่จะโทรเข้าไปบอกเล่าอาการเจ็บป่วย แล้วสั่งยา จากท่านไปทานก็ได้

เลือกเอาๆ สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคย กับตำหนักเทพ ควรศึกษาให้เข้าใจก่อน

สำหรับท่านที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่ทำมาค้าขาย และคุ้นเคย กับ องค์เทพ
การบวงสรวง การบูชา คงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

ลุงมหา

ที่ลุงมหา ไปพบองค์ท่านนั้น เป็นบ้านองค์พ่อจิตรา อยู่ซอยข้างโรงงานทอกระสอบปากช่อง
อยู่ใกล้ๆกับตลาดมิตรภาพ ห่างจากสถานีตำรวจที่อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอปากช่อง ประมาณเกือบสองกิโลเมตร

 

คุณลุงมหาคะถ้าพาญาตธรรมไปบ้านพ่อจิตราในคราวหน้าอีกอยากจะขอตามคณะไปด้วยคนได้มั๊ยคะ

 

ศึกษาให้เข้าใจก่อนนะครับ

ขออนุญาตครับ

ขอให้ศึกษาให้เข้าใจก่อนนะครับ ขอสรุปให้ดูอีกที

ลุงมหา ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษใดๆนะครับ
ทุกๆท่าน ต่างก็มีสิทธิ์เข้าพบ โทรหา เพื่อขอความช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น
การเจ็บป่วย ธุรกิจ หน้าที่ การงาน ครอบครัว ,๙ล๙

เพียงแต่ว่า ทางสำนัก แค่ไม่อยากให้ญาติธรรมทุกๆท่าน สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย
โดยการเดินทางมาหา
ท่านจึงมีวัตถุประสงค์ ให้โทรปรึกษาก่อน ถ้าไม่หนักหนาสาหัส ก็ไม่ต้องมา
สามารถปรึกษา สอบถาม สั่งยา ทางโทรศัพท์ ก็ได้

ส่วนท่านที่มีปัญหาที่หนักหนาสาหัส ก็ยังคงให้โทรสอบถามเข้าไปก่อน

แน่นอน การไปเป็นหมู่เป็นคณะ ก็เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในหลายๆด้าน
แต่บางท่าน บางหมู่ บางคณะ ก็มีเรื่องราวความเป็นส่วนตัว หรือเป็นความลับ ที่ไม่อยากให้ใครรู้

ดังนั้น การเข้ารับการสงเคราะห์ องค์ท่านจะกำหนด วันเวลา เป็นบุคคล เป็นหมู่ เป็นคณะ เอาไว้ล่วงหน้า

ถ้าท่านจะเข้าไป ต้องแจ้งปัญหา จำนวนคน เรื่องราว ที่ต้องการขอรับการสงเคราะห์ ให้ชัดเจน

องค์ท่านจะได้กำหนด วัน เวลา นัดแนะกันได้ถูกต้อง

เพราะองค์ท่านก็มีภาระกิจมาก จึงมีความจำเป็นต้องนัดแนะกันล่วงหน้า

เหตุที่ต้องรวมกันเป็นกลุ่ม เป็นหมู่ เป็นคณะ ก็เพื่อจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ในกลุ่ม ในหมู่ของตน

ถ้าไปเป็นครอบครัว เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทได้จะดีมาก เพราะจะไม่ได้มีปัญหา เรื่องคนนอกมาร่วมรับรู้ด้วย

ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน จึงจะสามารถช่วยเหลือ ผู้อื่นได้

คนที่เข้าใจ คนที่เคยไป ก็ต้องช่วยกัน บอกเล่าเรื่องราว
เพื่อให้คนข้างหลัง จะได้เข้าใจมากยิ่้งขึ้น

การทำพิธี ทางองค์ท่านจะแยกเป็นทีละครอบครัวๆ
ถ้าเป็นกลุ่มเดียวกัน องค์ท่านก็จะเรียกให้เข้ามาพร้อมๆกัน

สรุป
ลุงมหา ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษใดๆ แตกต่างจากท่านทั้งหลาย
ทุกๆท่านสามารถโทรติดต่อได้โดยตรง ด้วยตัวท่านเอง

ขอเพียงท่านเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงาม มีจิตใจเป็นสัมมาทิฐิ
ท่านก็ไม่ต้องกังวลใจใดๆ

ขอเพียงท่านมีจิตใจพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ถ้าท่านมีกำลังอย่างเพียงพอ

เพราะองค์พ่อ ๑๖ องค์ท่านก็บอกแล้วว่า

"พ่ออยู่พรหมโลกชั้นที่ ๑๖ คือชั้นอนาคามี"
"พ่ออยากจะสำเร็จเร็วๆ พ่อไม่อยากจะอยู่นาน พ่อจึงต้องลงมาสงเคราะห์มวลมนุษย์"

ขอเพียงแต่ญาติธรรมทุกๆท่าน เมื่อท่านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว
ก็ขอให้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ต่อๆไป ต่อๆไป

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
ลุงมหา

 

ขอกราบขอบพระคุณท่าน jets-one มากครับ ที่นำความรู้เรื่องแก้วมณีโชติมาเผยแพร่ ผมพึ่งเข้ามาอ่านในเรื่องราวที่น่าสนใจดังกล่าว ซึ่งติดตามและอยากทราบ เพื่อจะได้มีความรู้ สนใจมาก และได้ขอนุญาตท่านjets-oneอัพข้อความไว้อ่าน เพื่อทำความเข้าใจอีกในโอกาสต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

 

ขอกราบขอบพระคุณลุงมหา ๑ ที่นำเรื่องราวที่เป็นมงคลมาเสนอให้ได้รับความรู้เพิ่มรวมทั้งญาติธรรมท่านอื่นด้วยครับ ขอถือโอกาสกราบขอบพระคุณท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอฝากตัวด้วยคนครับ

 

ขออนุญาตครับ
ขอนำรูปพระสมเด็จที่องค์พ่อ ท่านได้เมตตาบอกว่า เป็นของแท้ๆ
มาให้ชมครับ

ขอโมทนาบุญ
ลุงมหา


ถ้าดูรูปไม่ได้ต้องขออภัยด้วย

 

ครับดูรูปไม่ได้จริงแหล่ะ...

 

จะลองโหลดอีกที

จะลองโหลดอีกทีครับ

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ก็เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่รู้จริง

ขออนุญาตครับ

ก็เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่รู้จริง เลยไม่รู้จักบูชาเทพ บูชาเทวดา

ที่รู้ก็อ้อมๆแอ้มๆ พระสงฆ์ก็เลย บูชาเทพ บูชาเทวดาแบบเสียไม่ได้

สร้างวัด สร้างโบสถ์ที ก็บูชาเทวดาที
สร้างพระประธานที ก็บูชาเทวดาที
สร้างบ้านสร้างเมืองที ก็บูชาเทวดาที

แล้วเทพ แล้วเทวดา เวลาของท่านยาวนานกว่าเมืองมนุษย์ ยาวนานกว่ามากๆ

ถ้าเทพองค์นั้น ท่านอยู่พรหมโลกชั้น ๑๖ (ชั้นอนาคามี)
สมมุติว่า ทุกๆ ๑๐๐ ปี สร้างโบสถ์ทีหนึ่ง ใยไม่เท่ากับ หมื่นๆปีเวลาของพรหมโลก

แล้วการบูชาเทพ บูชาเทวดาจะพอเพียงได้อย่างไร
ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ต้องทุกๆ ๗ วัน เปลี่ยนเครื่องบูชาทีถึงจะพอเพียง

เพราะเราบูชาเทพ บูชาเทวดา กันอย่างนี้ เป็นหมื่นๆปี จึงบูชาทีหนึ่ง
แล้วบ้านเมืองเราจะเจริญได้อย่างไร
แล้วบ้านเมืองเราจะสุขสงบได้อย่างไร
กระทั่งพระสยามเทวาธิราช อย่างองค์พระนเรศวรมหาราช ยังเอือมระอา
แล้วยังหวังจะให้พระองค์ท่านช่วยชาติบ้านเมืองได้อย่างไร

ขนาดพระพุทธองค์พระองค์ท่านก็บอกเล่าพุทธกิจ ๕ ว่า
แสดงธรรมให้เหล่าเทวดาฟังทุกวัน

มนุษย์ทั่วโลก มีแค่ประมาณ ๕ พันล้านคน

แต่เทวดาแค่ อำเภอเดียว มีเป็น สิบๆโกษฐ์

แม้พระสงฆ์ พระเถระผู้ใหญ่แท้ๆ ยังเข้าใจว่า
องค์เทพต่างๆ เป็นเทพเจ้าของศาสนาพราหม ของศาสนาฮินดูไปโน่น

ช่างเอน็จอนาจแท้

ครูบาอาจารย์องค์แรกของผมคือ เสด็จพ่อ ร.๕ แห่งตำหนักบางพลี
แล้วเสด็จพ่อ ร.๕ ท่านต้องเป็นพราหมด้วยหรือ ท่านต้องเป็นฮินดูด้วยหรือ

แม้ตามกระทู้นี้ องค์พ่อ ๑๖ องค์ท่านก็บอกว่าท่านอยู่พรหมโลกชั้น ๑๖ (ชั้นอนาคามี) องค์ท่านต้องเป็นพราหม เป็นฮินดู หรืออย่างไร

ท่านที่ไม่เห็นด้วย ท่านจะไปเขียนกระทู้อะไร ก็เรื่องของท่าน
แต่ถ้าท่านกล้าหาญมาเขียนที่นี่ เกิดเวร เกิดกรรมขึ้นมา ก็รับเอาเองนะครับ

ตัวใครตัวมันละทีนี้

ลุงมหา

 

ท่านมีสัมมาทิษฐิบ้างหรือไม่?

ขออนุญาตครับ

ขอถาม ท่านมีสัมมาทิษฐิบ้างหรือไม่?

อยากจะเขียนอะไร ขอให้ไปตั้งกระทู้เอาเองครับ

หรือกลัวจะไม่มีคนอ่าน?

รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง

ลุงมหา

 

ไม่เห็นด้วยก็ไปตั้งกระทู้ใหม่เอาเอง

ขออนุญาตครับ

ท่านจะทำอะไร ก็ทำของท่านไปซิครับ
เราไม่ได้ไปว่าอะไรท่าน

ขอแนะนำให้เขียนสิ่งที่ดี สิ่งที่มีประโยชน์ครับ

ถ้าตัวท่านเอง ไม่มองผู้อื่น แล้วท่านเขียนกระทู้ออกมาได้อย่างไร

ถามหน่อยที่เขียนมา คิดจะสอนใครหรือ สอนตนเองได้แล้วหรือ?


ถ้าไม่ให้ครูที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไปสอนผู้อื่น แล้วจะไปเอาครูที่ไหนมาสอนเด็ก

พระจะไม่บวชจนแก่ตายก่อนหรือ จึงจะสอนใครได้

อ่านหัวข้อด้วยนะครับ กระทู้อะไร

ลุงมหา

 

ทำไมจึงยังต้องอาศัย "องค์ญาณ"

ขออนุญาตครับ


เพราะพระสงฆ์ตอบปัญหาของมนุษย์ไม่ได้ทั้งหมด
เราจึงยังต้องอาศัย "องค์ญาณ"

"องค์ญาณ"ก็คือ ลูกหลานของเทพเบื้องบน ที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้


ท่านช่วยมนุษย์อะไรได้บ้าง?

๑ สอนธรรม เมื่อ องค์พ่อ ๑๖ ท่านเป็นพรหม อยู่พรหมโลกชั้นอนาคามี
องค์ท่านย่อมเป็นพระอริยะเจ้า ที่เป็นรองแค่ชั้นอรหันต์


๒ รักษาโรค องค์ท่านจะติดต่อเจ้ากรรมนายเวร เพื่อเจรจา ต่อรอง เพื่อนำไปสู่การ อโหสิกรรม เพื่อ หยุดการเบียดเบียนกัน
องค์ท่านจะใช้พลังเหล็กไหล ในการรักษาโรคด้วย
องค์ท่านจะจัดยา ที่ถูกโรค เพื่อให้หายจากโรคอย่างรวดเร็ว


๓ แก้ไขการเบียดเบียนทางคุณไสย์ประเภทต่างๆ ด้วยน้ำทิพย์ ด้วยเหล็กไหล ด้วยดอกรุ่งเรือง จากพลังเทพระดับชั้นพรหม


๔ สำหรับท่านที่ใจถึง สู้ค่าใช้จ่ายได้ องค์ท่านจะเมตตาแนะนำให้
ทำพิธีบวงสรวงบูชาเทพเบื้องบน เพื่อ "เปิด ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน"
เพื่อให้ท่านเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักของเหล่าทวยเทพ เหล่าเทวดาทั้งหลาย
ฃึ่งการกระทำนี้ เป็นการทำให้เฉพาะบุคคล เป็นการทำให้เฉพาะครอบครัว

ตลอดชีวิตของท่าน จะทำเพียงแค่ครั้งเดียว

ฃึ่งองค์ท่านมีคณะศิษย์ที่ได้เคยผ่านการทำพิธีนี้มาแล้วเป็นจำนวนมาก
รวมถึงผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศอีกจำนวนพอสมควร

ตำหนักเทพที่ดีๆทั้งหลายนั้น ท่านไม่ได้หวังทรัพย์สินเงินทองของผู้ใด
เพราะแค่ที่องค์เทพท่านได้เมตตาให้"องค์ญาณ" ได้ทรัพย์สินเงินทองมาโดยอัศจรรย์
ก็เหลือกินเหลือใช้แล้วครับ

อีกทั้งเหล่าศิษย์ที่ได้เกิดความร่ำรวยอย่างอัศจรรย์ ก็ต่างก็นำเงินที่ตนหามาได้อย่างอ้ศจรรย์นั้น
แบ่งมาทำบุญร่วมกับท่านอย่างสม่ำเสมอ คนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง คนโน้นบ้าง

ศิษย์ที่ดีๆ เขาไม่ทิ้ง ครูบาอาจารย์ ผู้ที่เคยช่วยเหลืออุ้มชูยามตกยากยามลำบากกันหรอกครับ


เห็นกลุ่มคนเชื้อสายจีนในประเทศไทยกันไหมครับ
เขาเหล่านั้น ต่างก็รวมตัวกัน เป็นกลุ่ม เป็นสมาคม เป็นมูลนิธิ อุดหนุนจัดตั้งศาลเจ้าของเขา

บูชาเทพ บูชาเจ้าของเขา จนเขาทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง
แม้กระทั่งมี เทสโก้-โลดัส มีร้าน 7-11 พวกเขาก็ยังอยู่ได้
เพราะได้สะสมความมั่งมี ความมั่งคั่งมาอย่างยาวนาน จนมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย


แล้วหันมาดูคนไทยกันบ้าง

จากที่เคยบวงสรวงบูชาเทพ บูชาเทวดา บูชาบรรพบุรุษ
ตั้งแต่สร้างบ้านแปลงเมือง ก็ยังคงเห็นศาลหลักเมือง ยังคงอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้การลงเสาร์เอกในการสร้างบ้าน

แล้วพิธีกรรมเหล่านี้หายไปไหนหมด ถูกคนรุ่นใหม่ มองว่าเป็นเรื่องเหลวใหล
โบร่ำโบราณ ปัญญาอ่อน ล้าหลัง


แม้แต่พระสงฆ์เองก็ยังไม่เข้าใจ ดันเข้าใจว่าเป็นการบูชา"ผี"ฃะอีก
บ้างก็อวดอ้างว่าไปบูชาทำไมเทวดา มันจะมาสู้พระได้หรือ

ทั้งๆที่การสร้างวัดวาอาราม ทั้งๆที่การสร้างพระปฏิมา ก็ล้วนต้องบูชาเหล่าเทพ เหล่าเทวดา ทั้งสิ้น


บ้านเมืองเดือดร้อนกันขนาดนี้ ปล่อยปะละทิ้ง ทวยเทพกันขนาดนี้
แม้แต่องค์พระสยามเทวาธิราช ก็ยังไม่มีกำลังจะช่วยชาติบ้านเมือง


แม้ว่าสำนักเปรต สำนักผี สำนักคุณไสย์ยาสั่ง ก็ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก


สำนักที่ดีๆ เขาก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน


ใครมีสติปัญญา ใครมีบุญบารมี ก็หาพบ ก็หาเจอ ได้เอง


ส่วนพวกที่คิดว่า


"ช่วยรักษาโรคแค่นี้ จะเอาเป็นพัน เป็นหมื่น"
"อดหยากปากแห้งหรือ จะเอาเป็นพันเป็นหมื่น"
"เฮ้ยช่วยทำให้ก.รวยหน่อยโว้ย ก.มีเงินจ่ายให้นะ"
"กะอีแค่ บ้านนอกๆ จะแค่ไหนเชียว"
"แค่นี้เองหรือ ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาหรอกโว้ย"
"มีเหล็กไหลหรือ ขายไหม จะขายเท่าไร?"


ท่านที่คิดได้แค่นี้ ขอแนะนำว่า อย่าได้ไป หรือ แม้แต่อย่าได้มาอ่าน มาแสดงความเห็นในกระทู้นี้เลย


ท่านที่มีความคิดว่า


"เรียนปริญญาตรี ปริญญาโท หรือ แม้แต่ปริญญาเอก เสียเวลาไปกี่ปี เสียเงินไปเท่าไร?"
"ก็ยังมองหาช่องท่านทำมาหากินได้ ที่ทำให้รวยโดยอัศจรรย์ยังไม่ได้"

"ท่านที่เจ็บ ท่านที่ป่วย ไปรักษาไหนก็ไม่หาย หมดเงินไป เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ก็ยังไม่หาย"

"ท่านที่ครอบครัวแตกแยก ผัวไปทาง เมียไปทาง ทำมาค้าไม่ขึ้น ชักหน้าไม่ถึงหลัง"

"ท่านที่มีความเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร"


อย่างนี้ค่อยไป


พวกเก่ง พวกแน่ พวกแพ้ไม่เป็น
พวกที่ชอบลบหลู่ ชอบลองของ
พวกกระทั่ง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของตนก็ยังไม่เคยบูชากราบไหว้
พวกกระทั่ง เทวดา เจ้าที่ทีๆบ้านของตน ยังไม่เคย บวงสรวงบูชา
พวกกระทั่ง ศาลหลักเมือง บ้านตนเองยังไม่เคยไปกราบไปไหว้
พวกกระทั่ง ความนอบน้อมถ่อมตนเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้จัก
พวกกระทั่ง ความเจ็บป่วย ความยากลำบาก ของชีวิตตน ยังประเมินไม่เป็น
พวกที่คิดว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน, ๙ล๙


พวกนี้ อย่าได้ไป


ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

มันกระทู้เก่าแล้วตั้งแต่ ปี 2011 แล้วนี่ครับ เผลอๆป่านี้ จขกท จริงๆเขาอาจจะเรียนจนรู้เรื่อง แล้วเอาของที่มีขว้างทิ้งไปหมดแล้วก็ได้มั้ง

 

Thank you

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ...เป็นเรื่องที่ดีและน่าสนใจมากครับ

 

ในที่สุดก็เจอผู้ที่มีสติปัญญาที่ได้เข้ามาอ่าน

ขออนุญาตครับ

ท่านผู้นี้ทำไมไม่รู้จักพิจารณาก่อนที่ท่านจะเขียนอะไรออกมา
แม้ว่าเป็นกระทู้เก่าก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
พระพุทธองค์ก็ได้ทรงละขันธ์ไปตั้งสองพันกว่าปีแล้วไม่ใช่หรือ?

ไม่ว่าจะอ่านอะไร? ไม่ว่าจะเขียนอะไร?

สมควรคิดก่อนว่า

ที่เราอ่านไป เราจะได้ประโยชน์อะไร?
และที่เราเขียนไปผู้อื่นจะได้ประโยชน์อะไร?

ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ หรือว่า เข้ามาในเว็บแค่เหงาไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ?

เรื่องที่ผมพบ เรื่องที่ผมเห็น เรื่องที่ผมสัมผัสมา ยังมีอีกมาก

เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะบอกเล่าออกมา เท่านั้นเอง

ผู้ที่เขามาอ่าน ผู้ที่มีปัญญา ก็สามารถ เก็บเกี่ยวเอาประโยชน์ได้?

ไม่ใช่พากัน เข้าป่า เข้ารก เข้าพง พากันไปอ่านนิยาย ที่หาประโยชน์ไม่ได้

ผู้มีปัญญาจริงๆนั้น ไม่ว่าจะอ่านกระทู้ไหน อย่างน้อยต้องสรุปได้ว่า

หัวข้อนั้นๆ หัวข้อสำคัญคืออะไร อันไหนเป็นเปลือก อันไหนเป็นแก่นแท้

อันไหนเป็นแค่คนขี้เหงาเข้ามารวมกัน แล้วเขียนเรื่องที่ไร้สาระและหาประโยชน์ไม่ได้

เขียนอะไรออกมา ไม่มีเนื้อหา ไม่มีสาระ เอาไปใช้ประโยชน์อะไร ก็ไม่ได้

เพราะที่จำเป็นต้องทำคือ เราต้องไล่อ่านว่า ใครเขียนอะไรเอาไว้บ้าง?

แล้วก็วิเคราะห์ว่า

ท่านผู้นั้น มีภูมิรู้ มีภูมิธรรม ขนาดไหน?
ท่านผู้นั้น สามารถ ช่วยเหลือ ผู้อื่นให้ พ้นจากทุกข์ได้มากน้อยเท่าไร?
ท่านผู้นั้น สามารถ ช่วยเหลือ ผู้อื่นให้ เข้าถึง ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ได้มากน้อยเท่าไร?
ท่านผู้นั้น สามารถ ช่วยเหลือ ผู้อื่นให้ เข้าถึง กุศล ผลบุญ ได้มากน้อยเท่าไร?

ไม่เชื่อลองเข้าไปอ่านดู กระทู้ที่มีคนอ่านเยอะๆดู

แค่มีกลุ่มคนไม่กี่คน เข้ามาเปิด เข้ามาคลิ๊ก วันละ ๑๐-๒๐ เที่ยว ก็กระฉูดไปไกลแล้ว

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

เมื่อไรจะกล้าซักที

ขออนุญาตครับ

เมื่อไรจะกล้าซักที เมื่อไรจะกล้าไปเขียนกระทู้เป็นของตนเองซักที

หรือกลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน

หรือกลัวว่า เขียนเรื่องที่เป๋็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่เป็น

ลุงมหา

 

เอ...เห็นลุมหา๑ ย้ำหลายทีแล้ว เราก็ชักสงสัยเหมือนกันแฮะ ทำไมไม่เขียนกันน๊า
จะว่าเขียนไม่เป็น หรือกลัวไม่มีลูกค้า ก็ไม่น่าจะใช่
หรือว่าเรื่องที่อยากจะเขียน มันยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก
หรือว่าเยอะแยะมากมายหลากหลาย ไม่รู้จะเอาอะไรให้อ่านก่อน
หรือว่าไม่มีอารมณ์จะเขียนกันแน่น๊า อาจจะเบื่อโลก เบื่อคนหลอกลวงรึป่าว

อยากรู้หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเล้ย หึหึหึ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เรื่องกรรมละเอียดอ่อน ต้องศึกษา ต้องรับข้อมูลใหม่ๆไปพิจารณา

ขออนุญาตครับ

ขอนำเรือง ที่ผมได้ตอบไปแล้วในเว็บนี้ มาบอกมาเล่าให้อีกที

เมื่ออ่านแล้ว รู้แล้ว เข้าใจแล้ว

ท่านจะพิจารณา เอาเองว่า ท่านจะ "ปิดกรรม แก้กรรม ขอขมากรรม หลบเลี่ยงกรรม ได้อย่างไร?"

หรือ ท่านจะอยู่เฉยๆ?
หรือ ท่านจะใช้ชีวิตแบบเดิมๆ?
หรือ ท่านจะยอมรับชะตากรรม?

ก็แล้วแต่ตัวท่านเอง

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

ลุงมหา