ประสบการณ์เกี่ยวกับนางตะเคียน

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

 

อยากทราบว่านางตะเคียนนี่เป็นรุกเทวดาอย่างเดียวหรือเปล่าครับ หรือจะสามารถเป็นพวกอสุรกายหรือพวกสัมภเวสีได้ด้วยครับ หรือว่าเป็นอย่างอื่นได้นอกจากนี้ครับ รบกวนขอความรู้หน่อยนะครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ต้นไม้ที่มีแก่นเป็นรุกขเทวดาอย่างเดียว

 

ท่านชอบฟังเสียงสวดมนต์เป็นที่สุดเลยค่ะแล้วก็ดอกไม้สีขาว

 

ออลืมไปเคยใช้กล้องส่องพระส่องดูเนื้อองค์ที่อัดกรอบมีวรรณะขึ้นเป็นสีรุ้งคล้ายๆปีกแมงทับค่ะ

 

การที่คนตัดป่าไม้กันเยอะเหมือนเป็นการทำลายบ้านของรุกเทวดาเหมือนกันนะค่ะ

 

ปลูกต้นไม้เลย รุกขเทวดาจะได้มาอยู่บ้านเรา

 

ในสวนหลังบ้านเมื่ิอก่อนต้นยางนาใหญ่ๆหลายๆสิบต้นค่ะตอนนี้เหลือ ประมาณ5-6ต้น

 

คนเขามักจะเล่าลือว่าเจ้าแม่ตะเคียนมักจะดุร้าย เหี้ยมโหด แต่เท่าที่ได้สัมผัสมาชักไม่แน่ใจค่ะ เพราะท่านไม่เคยทำสิ่งไม่ดีให้เห็น
ค่ะ

 

ท่านใดมีประสบการณ์ร่วมแชร์ให้รับฟังบ้างนะค่ะ

 

อย่าเล่าเยอะ ท่านต้องการสร้างอิมเมจแบบนั้นไว้ขู่พวกชั่ว ๆ

 

น่าจะใช่นะค่ะมีเหตุผลค่ะ

 

ขอโทษท่านเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ ตอบ. ที่คุณน้ำเกลี้ยงถามนะครับ ฟรอสซิลหินธรรมชาติไม่มีผู้ดูแลครับ เป็นของธรรมดา สุดท้ายแล้วก้อกลายเป็นดินเป็นหินปกติทั่วไปครับ ส่วนของอะไรก้อชังที่มีผู้ลงมาอยู่(กายสิทธิ์และกายสิทธิ์ไม่ใช่เทวดา)จะกลายเป็นรัตนะชาติ อะไรก้อชังถ้ากลั่นตัวเองจนใสเป็นแก้วได้จะมีกายสิทธ์อยู่ครับ ไม่ว่าสีอะไร แต่ถ้ากลายเป็นเพชรเป็นแก้วใสสีใสบริสุทธิ์เม็ดใหญ่โตคือสุดยอดของกายสิทธิ์ครับ ยกตัวอย่างเช่นรัตนชาติทั้งหลาย หินจุ้ยเจีย หินแก้วมรกต หรือแก้วที่มาพร้อมกับองค์หลวงปู่ทวดเป็นต้นครับ ทำไมในรูปภาพเทพหลายๆองค์ทั้งไทยและเมืองนอกถึงมีเทพที่ถือลูกแก้วใสไว้ในมือ บ่างก้อเรียกแก้วสารพัดนึก บ่างก้อเรียกแก้วมณีโชติในตำนาน และหนึ่งในของประดับบารมีของพระมหาจักรพรรดิ์ก้อมีแก้วมณีอยู่ด้วยใช่ไหมครับ คต พระธาตุ หินรัตนชาติ เหล็กไหล หรืออะไรก้อชังที่สามารถกลั่นตัวเองได้ในเวลารวดเร็วในตัวมันเอง คือของกายสิทธิ์ครับ มีผู้อยู่และผู้รักษา ผู้อยู่ก้อคือกายสิทธิ์ ผู้รักษาก้อคือเทพเทวดาที่ลงมารักษาครับ ตามที่ท่านนายดอกบัวตอบนั้นถูกต้องแล้วครับ เพราะผู้ที่มีของสิ่งนี้ครอบครองไม่ใช่ให้มีไว้บูชากราบไหว้ แต่มีไว้เสริมบารมี มีไว้คู่บารมีในการทำทานศีลภาวนาแล้วผู้ที่อยู่ในนั้นหรือผู้ที่รักษาจะช่วยปกป้องเราเองครับ ไม่ใช่มีไว้กราบไหว้ยกใว้ให้เหนือตนเอง คนโปราณถึงเรียกว่าของคู่บุญบารมีครับมีไว้คู่ไม่ใช่มีไหว้กราบไหว้เหนือตนเอง ผู้ที่รู้สมัยโปราณท่านถึงกล่าวว่าของหลายสิ่งนี้เช่นรัตนชาติควนมีไว้เสริมบารมีไงละครับเป็นตำหรับตำราให้รุ่นหลังสืบทอด แต่สมัยนี้ตัดเอาความศักดิ์สิทธิ์ออกเหลือไว้เพียงความสวยงามประดับบารมีเฉยๆ เพราะถ้าเชื่อก้อจะกลายเป็นงมงายไป คนสมัยโบราณท่านไม่ได้งมงายครับแต่เราไม่สามารณรู้ได้เท่ากับท่านเท่านั้นเองเราถึงว่าท่านงมงาย แต่สิ่งที่งมงายก้อมีนะครับต้องมีสติปัญญาพิจารณาในข้อเท็จจริงครับ ผู้ที่ศึกษาวิชาธรรมกายจะเอาแก้วหินจุยเจียหรือแก้วหินธรรมชาติช่วยในการทำสมาธิครับ บ่างท่านบารมีมากก้อมาหาเองเลยแบบพระธาตุเสด็จนะครับ คนสมัยก่อนถ้าบริเวณไหนหรือป่าไหนภูเขาลูกไหนชอบมี แสงวนเวียนอยู่ท่านจะหาและเก็บมาไว้เป็นของคู่บารมีครับ ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคนนะครับ งั้นจะเรียกว่าของคู่บารมีเหรอ ส่วนที่มีคนตอบว่าเจ้าแม่ตะเคียนเป็นรุขเทวาหรือไม้มีแกนเป็นรุขเทวานั้นไม่เสมอไปครับ ส่วนมากเจ้าแม่ตะเคียนหรืออะไรก้อชั่งที่ชอบมาข้องเกี่ยวกับมนุษย์คือภุมมเทวาสายคนธรรพ์ครับ เพราะรุขเทวามีวิมารอยู่บนยอดไม้หรือตามกิ่งไม้ ถ้าถูกตัดหรือโค่นก้อไปอาศัยยอดต้นไม้ต้นอื่นอยู่ได้ครับ ส่วนภุมมเทวาที่สิ่งอยู่ตามต้นไม้หรือแก่นไม้ ของหอมต่างๆนั้น ถ้าตัดก้อจะไปกับต้นไม้ด้วยครับ เพราะภุมมเทวาท่านจะอาลัยอยู่กับต้นไม้ที่ท่านอาศัยตั้งแต่ต้นครับ เราจึงสงสัยกันว่าทำไมเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายที่ถูกโค่นต้นไม้นำมาทำเป็นเรือบ่าง เสาบ้านบ่าง ทำเป็นเตียงเป็นตู้ ถึงไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก้อเพราะคนธรรพ์ภุมมเทวานั้นจะยึดติดกับต้นไม้ที่ตัวเองอยู่ครับ ส่วนในกรณีของเจ้าของกระทู้ก้อเป็นภุมเทวาครับไม่ใช่รุขเทวาเพราะท่านถึงเปลี่ยนไปอยู่ในคตตะเคียนนั้นเอง ถ้าเป็นรุขเทวาท่านจะย้ายที่อยู่ใหม่ครับไปอยู่ในป่าดงดิบไกลๆมนุษย์เลยไม่ค่อยจะเดือดร้อนหรือมายุ่งวุ่นวายกับมนุษย์เท่าไร เราถึงได้เห็นความร้ายกาจของเจ้าแม่ตะเคียนเจ้าแม่สักทองเจ้าแม่ประดู่หรือไม้แก่นไม้หอมทั้งหลายที่ไม่ยอดให้ใครมาทำลายต้นไม้ที่ท่านอยู่ไงละครับ เพราะวิมารข้าใครอย่าแตะ ว่าแล้วก้อเห็นใจนะครับเพราะถ้าไม่ดุคนก้อไม่กล้วขนาดดุแล้วนะเนี้ยยังเหลือแต่ตอ เอาละพอเป็นกษัย คงหายสงสัยบ่างไม่มากก้อน้อย (โปรดใช่วิจารณญาณเพราะเป็นความรู้ที่ผมได้เรียนได้ศึกษาอาจจะไม่ตรงกับที่ท่านได้ศึกษามาโปรดอภัยถือชะว่าแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันครับ) รอผู้รู้ท่านต่อไป ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณครับ

 

อ่านจากที่คุณ ซีวอนเขียนมาดูแล้วความเข้าใจค่อนข้างไปในแนวทางเดียวกันครับ.
เรื่องของวัตถุคู่บารมี.เรามีครอบไว้สร้างบารมีร่วมกับเรา.ในขณะที่เราทำความดีอยู่
เราก็สามารเพิ่มกำลังให้สิ่งที่อยู่ข้างในได้จาก.การอุทิศส่วนกุศลให้เค้านี่หละครับ.
แต่ควรให้ความสำคัญในการสร้างบารมีตนเองให้มากๆไว้ครับเด่วกลุ่มนี้เค้ามีเพิ่ม
เติมเข้ามาเองและหมุนเวียนเปลี่ยนกันเองได้ตามปกติ เน้นประเด็นนี้มากกว่าการ
ไปยึดติดที่วัตถุที่เรามีไว้ในครอบครอง.ดูจากกิริยาของพวกที่อยู่ข้างในแล้ว
คือเค้าต้องการมาร่วมสร้างบารมีกับเรามากว่าอย่างอื่น.
ส่วนจะเรียกว่าอะไรก็สุดแล้วแต่ภาษาสมมุติครับ..และข้างในนี้เค้ามีหลายกลุ่ม
หลายประเภท มีความสามารถแตกต่างกัน.ซึ่งการที่เค้าหรือกลุ่มไหนจะมาก็แปรผันตาม
คุณลักษณะเฉพาะของตัวเราเองทางนามธรรมด้วยครับ..
ส่วนรุกขเทวดา.ก็เป็นไปตามอย่างที่คุณ ซีวอน เล่าให้ฟังครับ
ตรงนี้พอมีประสบการณ์ตรงมาบ้างพอเข้าใจในสิ่งที่พูด..
มีอีกกรณีหนึ่งนะครับ.พวกที่อาศัยอยู่ในวัตถุต่างๆนั้นไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน
อะไรก็ตามหรืออะไรก็แล้วแต่.ที่เค้ายึดติดและห่วงๆ.ส่วนหนึ่งก็คือเค้าอยู่
ในสมัยช่วงที่มันมีสงครามด้วยครับ.ช่วงนั้นใครมีทรัพสินอะไรก็มักจะหาวิธี
รักษาไว้ต่างๆนานาๆ.พอตัวเองเสียชีวิตเนื่องจากจิตติดในวัตถุก็เลยได้วัตถุ
เป็นที่สถิตแทน.บางคนเค้าก็เป็นคนทำบุญทำทานมา.เค้าก็พอมีความเป็นทิพย์
อยู่เราก็เลยเห็นว่าเค้าพอดูดีบ้าง.แต่ว่าสุดท้ายแล้วเกือบๆทุกตนเค้าก็ต้องการ
ที่จะปรับภพภูมิเพื่อเลื่อนระดับตัวเอง
เพราะว่าแม้ว่าเค้าจะมีความเป็นทิพย์แต่ความสามารถก็มีขีดจำกัด
เช่น ไปไหนได้ไม่ได้ไกล ทำอะไรที่เกินขอบเขตจะลำบากและอึดอัด.
และยังอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของระดับที่สูงกว่า..
จะไม่เหมือนพวกที่มีวิมานเป็นของตัวเองในระดับสูงๆ.
.และไม่ใช่ว่าเค้าอยากจะไปเกิดอย่างเดียวนะครับ บางทีคือ
การได้เลื่อนระดับขึ้นไป.บางตนเลยแลกด้วยการบอกที่อยู่ทรัพย์สิน
เพื่อให้คนที่เจอตามที่เค้าได้เลือก.ให้คนนั้นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้
เป็นการแลกเปลี่ยนกันนั่นหละครับ..

 

คงจะมีบุญมีกุศลด้วยกันมาช้านานนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไร ชาติไหน ๆ ก็ต้องพึ่งพากันไปครับ...

 

***เหมือนการบำเพ็ญบารมี ของมนุษย์ไหมค่ะ

 

ไม่เหมือนครับ..มนุษย์สร้างเองได้และเพิ่มได้.และ
ร่วมสร้างกับนามธรรมได้แต่ต้องสร้างเองก่อน
หรือถูกเค้ายืมเพื่อสร้างแต่ตัวเองไม่ได้ครับ...
พวกนามธรรมระดับที่เอาให้ดูนี้สร้างเองโดยตรงไม่ได้.
แต่ร่วมทำความดีได้
.นามธรรมก็ยังมีฝ่ายที่เทาๆได้เหมือนกันครับเพราะ
เค้าไม่ได้เกาะกระแสพระพุทธหรือพระโพธิสัตว์บางท่าน..
พวกเกาะกระแสจะเป็นพวกที่มีฤิทธิ์มาก
จะอยู่ตั้งแต่สมัยมีพระเจ้าจักรพรรดิ์พวกนั้น
เห็นพระพุทธฯแล้วศรัทธาจะมาในแบบการ
แฝงในวัตถุได้เช่นเดียวกัน.
ส่วนถ้ารู้ว่าเราไม่ใช่พวกนี้
เราต้องสร้างตัวเราและปรับให้เค้าไปด้วย
จนกว่าเทาจะกลายเป็นขาว
เอาไว้ตรวจสอบตัวเองไปในตัวครับ..
ถึงแม้ว่าฝ่ายเทาๆจะป้องกันได้
แต่ก็ในระดับหนึ่งและยังไม่ถือว่าอยู่ฝ่ายความดีครับ..
หากเราไม่สร้างไม่ปรับแล้วไปยึด.ที่จะกลายเป็นเทาๆ
หนึ่งในนั้นก็คือตัวเราในอนาคตครับ..
ปล.ลองอ่านที่ตอบไปใน #Repก่อนหน้าให้ดีๆครับ.ขอบคุณครับ.

 

กายสิทธ์

ขออนุญาติเจ้าของกระทู้คุยเรื่องนี้ต่อนะครับ คาดว่าจะเป็นประโยชน์ดีนะครับ ต้องขอบคุณท่านพี่ซีวอน และคุณพี่ nopphakan มากครับสำหรับคำตอบ ที่ถูกจริตผมมาก (แต่ยากจังต้องถามเพิ่ม) หลังจากค้นๆเรื่องนี้อยู่ซักพักนึงเหมือนกันทำให้ได้ข้อสรุปอันหนึ่งคือ ธาตุกายสิทธ์มีหลายกลุ่มเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยแตกต่างกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะมีพลังได้เพราะ มีเหตุ

สำหรับกลุ่มทนสิทธ์นั้น ไม่ว่าจะเกิดจากพืชหรือสัตว์เช่น กระดูกสัตว์ใหญ่เช่น คตกระดูก/งาช้าง หรือ คตตะเคียน เป็นต้น จะมีพลังที่เกิดขึ้นจากจิตของเทพที่อาศัยอาศัยสร้างบารมีอยู่เท่านั้นหรือว่าจะมีพลังในตัวเองอยู่แล้วหรือไม่ (เพราะมีกายสิทธ์มาอยู่) แล้วมีเทพมารักษาอีกที่ พูดง่ายๆคำถามคือถ้ากายสิทธ์มาอยู่จะต้องมีเทพมาพิทักษ์เสมอหรือไม่อันนี้ไม่แน่ใจครับ

กลุ่มต่อไปจะเป็นกลุ่มรัตนชาติ quartz ต่างๆ กลุ่มนี้มีพลังแน่ๆได้มีการพิสูจน์ทั้งไทยและในกลุ่มต่างประเทศหลายๆความเชื่อมานานแล้ว ตามความเข้าใจของผมโครงสร้างของรัตนชาตินี้กว่าจะเกิดขึ้นส่วนใหญ่ใช้เวลาเป็นล้านๆปีรับพลังจักรวาลมานานระหว่างที่ค่อยๆแปรสภาพจนใส ถูกส่วน พอเหมาะกับการรองรับกายสิทธ์ได้ ดังนั้นในกลุ่มนี้กายสิทธ์ที่มา จะมีเทพคอยอารักษ์เสมอ แล้วถ้าเราได้มาแล้ว และเนื่องจากว่าท่าน (กายสิทธ์) อยู่มานาน บางสายได้พบการเกิดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์จึงรู้ว่า ถ้าอาศัยสร้างบารมีในนี้จะมีผลมาก ปัญหาก็คือเราไม่ทราบว่ากลุ่มที่มาเป็นกลุ่มไหน แต่เท่าที่วิเคราะห์แล้วไม่ควรห่วงมากเพราะตามที่พี่ nopphakan อธิบายคือ

ลักษณะทางนามธรรมก็คือจิตหรือพลังจิตเรานั่นเอง ดังนั้น ถ้าเราสร้างบารมีมาทางสายพระสัมมาพุทธเจ้า ก็จะมีกายสิทธ์ที่มีลักษณะนามธรรมแบบเดียวกับเรา (ศรัทธาพระพุทธเจ้า) มาอยู่ ดังนั้นทำให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า รัตชาติใสเป็นเสืื่อกลางอย่างหนึ่ง คล้ายๆ iPhone รับคลื่นแบบ 3G/4G แต่ว่าขึ้นอยู่กับว่าจะรับสัญญาณของเครือข่ายไหน เช่น dtac true หรือ AIS (พี่nopphakan confirm อีกทีนะครับ)

ถามเพิ่มอีกนิดนะครับ แล้วในกรณี หินจากจักรวาลอื่นพวกอุกกาบาต (อุกามณี) นี่จะเป็นลักษณะพลังแบบไหนครับ เพราะไม่ใสแต่เหมือนจะมีพลังมากเพราะรับพลังจักรวาลมานาน

สำหรับตำนานถิ่นกำเนิดของรัตนชาติในจักรวาลนั้น มีจารึกไว้ในบาลีตามคำของอรรถกถาจารย์ว่าเกิดในที่ต่างๆดังนี้
๑.เกิดที่แถบเชิงเขาพระเมรุบรรพต
๒.เกิดที่ท้องพระสมุทร
๓.เกิดที่เขาวิบูลย์บรรพต
๔.เกิดในป่าหิมพานต์
๕.เกิดด้วยอำนาจเทวฤทธิ์
๖.เกิดในบ่อแก้วทั้งหลายในแดนมนุษย์
ที่มาอ่านเพิ่มเติมได้ที่งานเขียนของคุณ ชุนคำ จิตจักรแก้ววิเศษแห่งเทือกเขาภูพาน ครับ

กลุ่มที่สาม เหล็กไหล ... กลุ่มนี้ลึกลับมาก ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าพลังที่มามาจากไหน ส่วนตัวไม่ค่อยถูกจริต (ชอบใสๆ) เพราะว่าดำๆ น่ากลัว อิอิ

สรุปเรื่องกายสิทธ์สำหรับผมครับ

1. มีครอบครองได้เพื่อร่วมสร้างบารมี แต่ไม่ได้บูชาเป็นสรณะ คล้ายๆเป็นพันธมิตร กันเหนียว มีพวกไว้อุ่นใจดี ยิ่งเยอะยิ่งอุ่นใจ
2. กายสิทธ์มีหลายแบบแล้วแต่เหตุปัจจัย อยากได้หลายๆแบบเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ควรพิจารณาดีๆ แล้วตั้งใจสร้างบารมีเป็นงานหลัก
3. ดังนั้นก่อนจะครอบครองกายสิทธ์แบบไหน​ศึกษาเหตุปัจจัยที่มาให้ดีๆ เพื่อดูว่าถูกจริตเราหรือไม่
4. เนื่องจากมีไว้เพื่อสร้างบารมี ถ้าไม่ทำดี ก็อย่าหามาเลยจะดีกว่าเพราะเดือดร้อนแน่ๆ

ประสบการณ์ของผมเอง ได้แก้วขนเหล็กชิ้นเล็กๆมานั่งสมาธิด้วย ตอนกำหนดอาโลกสินอยู่ที่แก้ว ครั้งที่นั่งได้ดีรู้สึกถึงพลังเย็นๆปิติที่แผ่ซ่านออกมาจากแก้ว อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

เคยลองใช้แร่กายสิทธิ์นั่งสมาธิเหมือนกันค่ะรู้สึกว่าช่วยในเรื่องการเข้าสมาธิได้เร็วขึ้นนะค่ะรู้สึกหนาวๆขนลุกเหมือนตัวสั่นจะลอยยังไงไม่รู้ค่ะ

 

เย้ มีพวกแล้ว รอผู้รู้มาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ