<VSN><<<มาใหม่ สายเขาอ้อ อ.ชุม,อ.ปาล,อ.คง, สรุปรายการหน้า๑๐๓>>><NSV>

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย momotaro67, 25 ธันวาคม 2010.

  1. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    รับทราบการโอนเงินครับผม
     
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปิดรายการนี้ให้พี่นอกเว็ปครับผม

     
  3. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    พระขุนแผน นะกุกู เนื้อผงพรายหลังตะกรุด สร้างน้อยเพียง 77องค์เท่านั้น ของดี สุดยอดสายเสน่ห์ครับ

    นะกุกู เป็นคาถามหาเสน่ห์ที่ลุงพรามห์(หลานหลวงปู่แก้ว)ได้รับสืบทอดจากหลวงปู่ทิม และลุงยังเน้นว่าคาถานี้เป็นคาถาที่ใช้ได้ผลจริงและแรงที่สุดตั้งแต่ได้มาจากหลวงปู่ แต่ว่าถึงเรื่องคาถาถ้าจะให้ได้ผลจริงจะต้องมีสาธิขั้นต้นเสียก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆท่าน ผมและคณะจึงจัดสร้างขุนแผน นะกุกู ขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อพลังอาศัยบารมีหลวงปู่เพื่อให้ได้ผลเร็ว และพระอาจารย์มานิตย์ท่านยังเมตตาบอกว่าหลวงปู่ทิมท่านลงมาทำให้ทุกขั้นตอน และพระอาจารย์มานิตย์ยังประจุกุมารเข้าพระทุกองค์เพื่อเพิ่มความเร็วแรง โดยท่านเปรียบเปรยว่า "ขุนแผนไม่มีกุมาร ก็เหมือนหนุมานไม่มีตรี" จะขาดอย่างใดอย่างนึงไม่ได้ และท่านยังกล่าวว่าพระนี้ดีทุกด้านและเป็นพระคนหนุ่มทำให้ระวังเรื่องผิดศีลเรื่องกรรมเน้อ(เสน่ห์นำ)

    วิธีใช้
    ให้กำพระขุนแผน นะกุกู ไว้ในมือ
    ตั้งนะโม 3 จบ
    ตั้งจิตถึงหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว
    หายใจเข้ากลั้นหายใจแล้วภาวนา
    นะกุกู
    กุกูนะ
    กูนะกุ
    (เวลาภาวนาให้นึกถึงคนที่เราจะไปหาหรือไปเจรจา)

    [​IMG]
    [​IMG]



    ให้บูชา 2,950บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    พระขุนแผน นะกุกู เนื้อผงพุทธคุณมหาเสน่ห์ฝังพลอยเสกปัดทอง สร้างน้อยเพียง 1,347องค์เท่านั้น ของดี สุดยอดสายเสน่ห์ครับ

    นะกุกู เป็นคาถามหาเสน่ห์ที่ลุงพรามห์(หลานหลวงปู่แก้ว)ได้รับสืบทอดจากหลวงปู่ทิม และลุงยังเน้นว่าคาถานี้เป็นคาถาที่ใช้ได้ผลจริงและแรงที่สุดตั้งแต่ได้มาจากหลวงปู่ แต่ว่าถึงเรื่องคาถาถ้าจะให้ได้ผลจริงจะต้องมีสาธิขั้นต้นเสียก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆท่าน ผมและคณะจึงจัดสร้างขุนแผน นะกุกู ขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อพลังอาศัยบารมีหลวงปู่เพื่อให้ได้ผลเร็ว และพระอาจารย์มานิตย์ท่านยังเมตตาบอกว่าหลวงปู่ทิมท่านลงมาทำให้ทุกขั้นตอน และพระอาจารย์มานิตย์ยังประจุกุมารเข้าพระทุกองค์เพื่อเพิ่มความเร็วแรง โดยท่านเปรียบเปรยว่า "ขุนแผนไม่มีกุมาร ก็เหมือนหนุมานไม่มีตรี" จะขาดอย่างใดอย่างนึงไม่ได้ และท่านยังกล่าวว่าพระนี้ดีทุกด้านและเป็นพระคนหนุ่มทำให้ระวังเรื่องผิดศีลเรื่องกรรมเน้อ(เสน่ห์นำ)

    วิธีใช้
    ให้กำพระขุนแผน นะกุกู ไว้ในมือ
    ตั้งนะโม 3 จบ
    ตั้งจิตถึงหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว
    หายใจเข้ากลั้นหายใจแล้วภาวนา
    นะกุกู
    กุกูนะ
    กูนะกุ
    (เวลาภาวนาให้นึกถึงคนที่เราจะไปหาหรือไปเจรจา)

    [​IMG]
    [​IMG]



    ให้บูชา 1,550บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระขุนแผน มหามงคล 8 รอบ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว เนื้อผงผสมว่าน ตอกโค้ดตัวนะ พร้อมกล่องเดิมจากวัด

    รุ่น1 นั้นราคาไปไกลแล้วครับ ตอนนี้เก็บรุ่น8 รอบใช้แทนก็ได้ครับ ยิ่งมีคำว่ารอบยิ่งน่าสะสมยิ่งนักเลย ทันหลวงปู่ปลุกเศกครับ เป็นเมตตา มหาเสน่ห์

    พระขุนแผนเป็นประประธานของพระเบญจภาคีเนื้อดิน ซึ่งพระขุนแผนที่ได้รับความนิยมมากอันดับ 1 ของเมืองกรุงเก่า คือ พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล มีตำนานว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างเป็นพุทธบูชาในการชนะสงครามยุทธหัตถี โดยมีพระอาจารย์ผู้ร่วมปลุกเสก คือ สมเด็จพระนพรัต วัดป่าแก้ว ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพุทธาคม และเป็นผู้จารึกตำราการสร้างพระพุทธรูป พระกริ่ง และพระชัยวัฒน์ไว้เป็นมรดกจนถึงปัจจุบัน

    หลวงปู่ทิม ได้สร้างพระขุนแผนไว้หลายรุ่นด้วยกัน แต่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ พระขุนแผน รุ่นหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้หายากและมีราคาสูงตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน ผู้ที่มีไว้บูชาต่างได้รับประสบการณ์แทบทุกคน โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม และในโอกาสอันเป็นมงคล 8รอบ 96ปีครั้งนี้ วัดพระขาวจึงได้สร้างพระขุนแผน มหามงคล 8 รอบขึ้น มีพุทธลักษณะเหมือนพระขุนแผนเคลือบ วัดใหญ่ชัยมงคล พระพุทธคุณเด่นด้านเมตตา ค้าขาย มีโชค มีลาภ และมีเสน์ห์แก่ผู้บูชาติดตัว

    [​IMG]
    [​IMG]


    ให้บูชา 450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    ประวัติของ"พ่อท้วง คุณุตฺโร"สำนักสงฆ์คลองแคว

    พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร มีนามเดิมว่า ท้วง เถาว์ชู เกิดที่บ้านหัวป่าขลู ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู พุทธศักราช 2468 ซึ่งตรงกับวันที่ 27 กรกฎาคม 2468 บิดาชื่อ นายทอง เถาว์ชู มารดาชื่อ นางซ่าน เถาว์ชู เมื่อวัยเยาว์พ่อท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดป่าระกำเหนือ ตามประเพณีนิยมสมัยนั้น โดยมีพระอุปัชฌาย์เลื่อน วัดบางคุระเป็นพระอุปัชฌาย์ โดยได้อยู่อุปฐากปฏิบัติพ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมสมัยนั้นและเป็นที่เคารพนับถือกับบิดาของท่าน ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีจากพ่อท่านมุ่ย ทำให้ท่านได้รู้จักและเป็นสหธรรมิกกับพ่อท่านเนียมเจ้าอาวาส วัดบางไทรในปัจจุบัน และมีความสนิทสนมกัน มาตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งบางท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน มีครั้งหนึ่งมีโยมไปเยี่ยมพ่อท่านเนียม แห่งวัดบางไทร แล้วถามถึงพ่อท่านท้วงว่ามีดียังไงบ้าง พ่อท่านเนียมก็กล่าวว่า “เรานับถือท่านท้วง ท่านท้วงก็นับถือเรา” ต่อมาเมื่อพ่อท่านลาสิกขาจากสามเณรออกจากวัดป่าระกำเหนือ เพื่อประกอบสัมมาอาชีพ มีภรรยาและบุตร 2 คนเป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ปัจจุบัน ผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่ โดยท่านได้ประกอบอาชีพแจวเรือจ้างข้ามฝั่งระหว่างแม่น้ำปากพนังตะวันตก กับแม่น้ำปากพนังออก ช่วงที่พ่อท่านแจวเรืออยู่นั้นพ่อท่านชอบแต่งชุดสีดำตลอดเวลา กางเกง เสื้อ และหมวกก็มีสีดำ ซึ่งบุคลิกของพ่อท่านเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลานั่งจะชอบหันหน้าเข้าหาฝาผนัง และชอบสวดมนต์มาตั้งแต่เป็นฆราวาสและมีวาจาสิทธิ์มาตั้งแต่เป็นฆราวาส มีเรื่องเล่าว่า

    1.เรื่องทักคนเป็นบ้า วันหนึ่งขณะที่ท่านนั่งรออยู่ที่ท่าเรือ มีคนมาขอให้ท่านแจวเรือ แต่ท่านนั่งนิ่ง ชายคนนั้นเลยพูดว่า “ท้วงแกนี้ท่าจะบ้าแล้ว นั่งไม่พูดไม่จา”ท่านเลยพูดกลับไปว่า “แกนั่นแหละบ้า”หลังจากท่านพูดจบ ชายคนนั้น ถอดเสื้อ ถอดกางเกงแล้ววิ่งร้องเพลงไม่เป็นภาษาเข้าไปในตลาดเลย หลังจากนั้นได้ถูกชาวบ้านจับมาหาท่านท้วงและถามว่าท่านท้วงทำอะไรชายคนนั้น ท่านท้วงเลยให้ไปตักน้ำขันหนึ่งให้ท่าน แล้วท่านท้วงก็ยกน้ำนั้นขึ้นเหนือหัว แล้วนำน้ำนั้นมาตบที่หัวของชายคนนั้นแล้วพูดว่า หาย หาย หาย 3 ครั้ง ปรากฏว่า หายบ้าเลย และถามท่านท้วงว่า เขาเป็นอะไร แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร

    2.เรื่องดูเรือหาย มีชาวบ้านคนหนึ่ง เรือได้หายออกไปจากบ้าน และมานั่งบ่นอยู่กับชาวบ้าน ขณะนั้น ท่านท้วงได้นั่งอยู่ด้วย และได้บอกกับชายคนนั้นว่า เรือไม่ได้ถูกคนขโมยไป และไม่ได้หายไปไหน มีคนผูกไว้ให้แล้ว ให้รีบไปเอา เพราะเรือกำลังจะจม เรืออยู่ที่บ้านหลังสีเขียวใต้ถุนบ้าน หลังจากนั้นชายคนนั้นก็ไปตามที่ท่านท้วงบอก ก็เจอบ้านหลังหนึ่งมีสีเขียวตามที่ท่านท้วงบอกก็เลยเข้าไปที่ใต้ถุน ปรากฏกว่าเจอเรือผูกอยู่ใต้ถุนจริง และกำลังจะจมเพราะเรือขัดไว้กับคานบ้านและมีน้ำขึ้นท่วมเรือไปแล้วครึ่งลำจริงๆ แล้วจริงเหมือนที่ท่านท้วงว่า

    3.เรื่องวัวหาย ตอนนั้นที่บ้านท่านเลี้ยงวัวไว้ จำนวนหนึ่ง แต่ ท่านสถิตน้องชายต่างมารดา ซึ่งยังไม่ได้บวช เลี้ยงวัวฝูงนั้นอยู่ ท่านสถิต ท่านเลยพูดเตือนอยู่ 2-3 ครั้ง ว่าคืนนี้ระวังวัวจะหาย เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านสถิตก็ได้ออกมาดูวัว 2 ครั้ง พอออกมาดูครั้งที่ 3 ปรากฏว่าวัว ได้หายไปแล้วหนึ่งตัว

    4.ทักพี่น้องจนชัก มีอยู่ครั้งหนึ่งมีญาติท่านมาหาท่านที่บ้าน ซึ่งเป็นน้าและพูดกับท่านท้วงว่า “เห็นเขาว่า แกวาจาสิทธิ์เหอ แต่กูไม่เชื่อ เพราะกูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ”หลัง จากน้าพูดจบ น้าคนนั้นก็ชัก ตาตั้ง นอนชักดิ้นชักงอ อยู่ตรงนั้นเลย และบนหลังคาบ้านก็มีเสียงดังโครมคราม เหมือนมีคนเป็นสิบคน มาเดินอยู่บนหลังคาเหมือนหลังคาจะพัง ญาติคนอื่นที่นั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็เลยไปขอให้ท่านท้วงช่วย ท่านท้วงบอกว่า ไปตักน้ำมาสักขัน แล้วท่านก็ยกน้ำขึ้นเหนือหัว แล้วนำมารดที่น้า แล้วพูดว่า หาย หาย หาย แล้วเป่าไปร่างของน้า ปรากฏว่า น้าคนนั้นหายเหมือนปลิดทิ้ง และเชื่อและเคารพท่านท้วงตั้งแต่นั้นมา เกร็ดเล็กๆน้อยนี้เป็นบางเรื่องที่ได้ฟังมาจากท่านสถิต น้องชายของท่าน
    ระหว่างที่แจวเรือจ้างอยู่นั้นท่านได้พบปะกับท่านโอภาสีแห่งอาศรมบางมดบ่อยครั้ง เหตุเพราะบ้านของท่านโอภาสีอยู่ที่ปากพนัง แต่ท่านก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดในช่วงเวลานั้นมากนัก จนต่อมาท่านโดนคดีความโดยท่านไม่ได้กระทำผิด ท่านจึงต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่ทางการไปพักหนึ่ง ทั้งๆที่ท่านเตรียมพร้อมที่จะมีคณะหนังตะลุงของท่านเอง จนเมื่อท่านหลบหนี ทุกคนจึงให้ฉายาท่านว่า “ไอ้เสือห้าง”เป็นที่เกรงกลัวและต้องการตัวของทางการ จนท่านต้องหลบหนีไปพักใหญ่ ต่อมาพ่อท่านก็ได้มีภรรยาอีก 1 คนและมีบุตรด้วยอีก 1 คนเป็นผู้หญิง จนตอนหลังพ่อท่านเบื่อเรื่องทางโลก และได้ยินว่าพ่อท่านจะสร้างเจดีย์ที่ วัดธาตุน้อย จนเมื่อปีพ.ศ.2500 พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธ์ได้มีโครงการริเริ่มก่อสร้างเจดีย์ใหญ่ที่วัดธาตุน้อย ด้วยจิตใจที่ท่านต้องการสร้างบุญกุศลเพื่ออุทิศบิดา มารดา จึงเดินทางไปช่วยพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยเพื่อก่อสร้างเจดีย์ เมื่อไปถึงท่านก็ก้มลงกราบที่ฝ่าเท้าพ่อท่านคล้าย แต่พ่อท่านคล้ายได้เอามือรองรับเอาไว้ไม่ให้ถึงเท้าท่านพร้อมกลับกล่าวประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า “ท่านผู้นี้มีวาสนาวาจาสิทธิ์ได้เดินทางมาถึงแล้ว” พ่อท่านท้วงจึงจึงถามกลับไปว่าเป็นท่านหรือ พ่อท่านคล้ายตอบกลับมาว่าเป็น “ท่าน”

    จึงทำให้ชื่อเสียงท่านโด่งดังแต่นั้นมา อีกทั้งท่านได้ไปหาท่านพระครูสุนทร วัดดินดอนเพื่อรำเรียนวิชามาด้วยซึ่งหลายท่านอาจยังไม่ทราบ มีหลักฐานที่รอยสักที่ข้อมือของท่านซึ่งเป็นคาถาที่ท่านพระครูสุนทรสั่งสอนท่านมา ถ้าไม่มีใครถามท่านก็คงไม่บอกเพราะท่านค่อนข้างเก็บตัว หลังจากช่วยพ่อท่านคล้ายสร้างเจดีย์ที่วัดธาตุน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อท่านคล้ายจึงแนะนำว่าให้ท่านอุปสมบทจึงจะดีและสามารถครองสมณะเพศไปได้ตลอดอายุขัยและจะเจริญรุ่งเรื่องในพระพุทธศาสนา สามารถช่วยเหลือบุคคลทุกข์ยากทั่วไป พ่อท่านท้วงจึงได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อพุทธศักราช 2509 ที่วัดนาควารี(หูล่อง) โดยมีท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระสมุห์พ่วง อุปติสโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดพลอย ติสสโร เป็นพระอนุสาวาจารย์ ได้รับฉายาว่า “คุณุตฺตโร”เมื่ออุปสมบทแล้วพ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดนาควารีเป็นที่แรก และได้เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆจากท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านซึ่งมีความเก่งกล้าไม่น้อย และตำราอาคมต่างๆของพ่อท่านแล้วก็ตกอยู่กับพ่อท่านท้วงหลายเล่ม บางเล่มก็ลอยมาตกตรงหน้าท่านโดยอัศจรรย์รวมถึงพระยันต์นอโม ที่บรรจุไว้ด้านหลังเหรียญรุ่นแรกด้วย และยันต์ที่ลงปลัดด้วยเช่นกัน และอีกหลายพระยันต์ที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์โบราณที่สืบทอดมาเฉพาะสายเท่านั้น หลังจากบวชได้ 2 เดือนพ่อท่านท้วงได้เดินทางไปกราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยอีกครั้งหนึ่งโดยไปกับพระภิกษุของวัดหูล่อง เมื่อไปถึง หลังจากราบพ่อท่านคล้ายแล้ว พ่อท่านเลยรดน้ำมนต์ให้ โดยพ่อท่านคล้ายใช้นำมนต์ตบ ที่ศีรษะ ของพระอีกองค์หนึ่ง แต่กับพ่อท่านท้วง พ่อท่านคล้ายกลับ เสกน้ำมนต์ใส่ในฝ่ามือ และ ประพรมให้เท่านั้น พ่อท่านท้วงเลยจับมือ พ่อท่านคล้ายเพื่อ ให้มาตบที่ศีรษะพ่อท่านท้วง แต่พ่อท่านคล้ายบอกว่า “ทำไม่ได้ เพราะมีบุญบารมี เสมอกัน ทำแบบนั้นไม่ได้”หลังจากนั้นก็กลับไปจำพรรษาที่วัดหูล่อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีญาติโยมจากวัดหูล่อง มากราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยเพื่อขอพร หลังจากการบพ่อท่านแล้ว พ่อท่านเลยถามญาติโยมกลุ่มนั้นว่ามาจากไหน ทางกลุ่มญาติโยมได้แจ้งพ่อท่าน คล้ายว่า “มาจากวัดหูล่อง พ่อท่านคล้ายเลยบอกว่า “ที่วัดหูล่องก็มีพระเก่ง วาจาสิทธิ์อยู่องค์หนึ่ง ไปกราบองค์นั้นก็ได้ เหมือนมากราบพ่อท่านนั่นแหละ”หลังจากญาติโยมกลุ่มนั้นกลับไปวัดหูล่องแล้วก็ได้เข้าไปในวัดหูล่องเพื่อมาตามหาพระองค์นั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นองค์ไหนเลยนั่งอยู่ในวัดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น และได้เห็นว่ามีอยู่กุฏิหนึ่ง มีคนเข้าออกตลอดเวลาไม่ขาดเลย จึงถามพระลูกวัดว่ากุฏินั้นพระชื่ออะไร พระลูกวัดเลยบอกว่าชื่อท่านท้วง ทางญาติโยมกลุ่มนั้นเลยรู้ว่าพระที่พ่อท่านคล้ายหมายถึงที่วัดหูล่อง ก็คือพ่อท่านท้วงนั่นเอง หลังปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ได้ไม่นาน พ่อท่านแคล้ว พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านได้สิ้นบุญลง แต่ก่อนที่พ่อท่านแคล้ว จะสิ้นบุญท่านได้พูดไว้ว่า “ หลังจากเราสิ้นบุญแล้ว ท่านท้วงจะอยู่ลำบากที่วัดนี้”ตอนนั้นที่วัดหูล่องมีพ่อท่านแปลก เป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลังจากการที่พ่อท่านแคล้วสิ้นบุญไปแล้ว พ่อท่านท้วงก็อยู่ลำบากจริง เพราะมีญาติโยมต่างทราบถึงความวาจาสิทธิ์ จึงมาหาพ่อท่านท้วงกันมาก ทำให้กุฏิของพ่อท่านท้วงไม่เคยว่างเว้นจากญาติโยมเลย ทั้งมาขอของดี ขอพร และให้พ่อท่านดูของหายให้บ้าง ของขลังส่วนใหญ่ที่พ่อท่านท้วงแจกไปตอนที่อยู่วัดหูล่อง ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ โดยเฉพาะปลัดขิกของท่านจะดังมากเมื่อพ่อท่านท้วงแจกตอนอยู่วัดหูล่อง หลังจากนั้นมีพระลูกวัดองค์หนึ่ง ได้ไปฟ้อง พ่อท่านแปลก ว่าพ่อท่านท้วงประพฤติ ปฏิบัติ ผิดวินัยสงฆ์ ชอบอวดอ้าง อวดฤทธิ์ และพูดเรื่องต่ำๆ จะให้อยู่วัดนี้ไม่ได้ พ่อท่านแปลกเลยเรียกพ่อท่านท้วงเข้าไปคุย และจะให้พ่อท่านท้วงออกจากวัด พ่อท่านท้วงได้แก้ข้อกล่าวหาว่า ไม่เป็นความจริง แต่ทางพ่อท่านแปลก ก็ยังยืนยันตามพระลูกวัดเหมือนเดิม และให้พ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องเสีย พ่อท่านท้วงเลยต้องจำเป็นที่จะต้องออกจากวัดหูล่อง แต่ก่อนออกจากวัด พ่อท่านท้วงได้ลั่นวาจาไว้ อย่างหนึ่ง แล้วรุ่งขึ้นอีกวัน พ่อท่านก็ได้ออกจากวัดหูล่อง แต่ก่อนที่พ่อท่านท้วงจะถูกกล่าวหา มีอยู่วันหนึ่ง มีพระจากวัดหูล่อง 3 องค์จะไปบอกฎีกาญาติโยมที่กรุงเทพ กำลังจะเดินออกจากวัดไปกรุงเทพ พ่อท่านท้วงนั่งอยู่กับญาติโยมบนกุฏิ ญาติโยมถามพ่อท่านท้วงว่า พระทั้ง 3 องค์จะไปไหนกัน พ่อท่านท้วงบอกว่าจะไปกรุงเทพ แต่จะกลับกันมาแค่ 2 องค์ และใส่หีบกลับมาองค์หนึ่ง หลังจากนั้น ปรากฏว่า 1 ใน 3 องค์ นั้น ถูกรถชนที่กรุงเทพสิ้นบุญไป 1 องค์ต้องใส่หีบศพกลับมาจริงๆเหมือนวาจา ที่พ่อท่านท้วงได้พูดไว้ไม่ผิดไปเลย มีเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง หลังจากพ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องแล้ว ปรากฏว่าฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ด้านทิศตะวันตก 1 ครั้ง พอซ่อม เกือบจะเสร็จ ฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ทิศตะวันออกจนพังอีก เป็นเรื่องแปลกมากพ่อท่านท้วงได้อยู่ที่วัดหูล่องตั้งแต่ปี 2509- 2514

    พ.ศ.2514 พ่อท่านท้วงได้ออกจากวัดหูล่องมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนาวงแถวๆท่าซัก ปากนคร ซึ่งตอนนั้นมีพระใบฎีกาส้วง อุตโม เป็น เจ้าอาวาสอยู่ ช่วงที่อยู่วัดนาวงก็เหมือนที่อยู่วัดหูล่อง มีญาติโยมมากราบพ่อท่านท้วงกันเต็มกุฏิเหมือนเดิม ทั้งขอพร รดน้ำมนต์ ขอของขลัง ดูของหาย ฯลฯ และพ่อท่านท้วงได้ชวนท่านสถิตซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดา ซึ่งมาบวชในบวรพระพุทธศาสนาด้วย และได้ตามหาพ่อท่านท้วงอยู่นาน เพราะหลังจากพ่อท่านออกจากวัดหูล่อง ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ว่าพ่อท่านท้วงจำพรรษาที่วัดไหน เลยได้บวชและออกตามหาและได้มาเจอที่วัดนาวงโดยบังเอิญ โดยพ่อท่านสถิตได้เล่าให้ฟังว่า ตามหาพ่อท่านท้วงมานานแล้วแต่ไม่พบเลยและคืนหนึ่งได้มาตามหาที่วัดเขาปูนที่พรหมคีรีและได้จำวัตรอยู่ในกุฏิ หน้ากุฏิมีญาติโยมมานั่งคุยกันเต็ม คุยกันเรื่องพระในเมืองคอน มีอยู่ตอนหนึ่ง ญาติโยมคนหนึ่งได้คุยขึ้นมาว่า มีพระอยู่องค์หนึ่งเก่งมาก ไม่มีใครเก่งเกินพระองค์นี้แล้วอยู่ วัดนาวง ของญาติโยมคนนี้หาย ไปให้ท่านดูให้ ท่านดูได้ถูกหมด อะไรอยู่ในบ้าน ตั้งอยู่ตรงไหน พ่อท่านองค์นี้ ดูแม่นเหมือนตาเห็น ชื่อท่านห้วง หรือท้วงจำไม่ได้ ได้ยินดังนั้น ท่านสถิตได้ออกมาจากกุฏิและได้ถามญาติโยมคนนั้นว่า ตอนนี้พระองค์นั้น ได้จำพรรษาอยู่วัดนาวงอีกหรือเปล่า ท่านไปดูของหายนานหรือยัง ญาติโยมแจ้งมาว่า เพิ่งไปดูมา และพ่อท่านองค์นั้น ก็ยังอยู่วัดนาวง หลังจากนั้นรุ่งเช้า หลังจากฉันท์ข้าวเสร็จ ท่านสถิต ก็เลยเดินทางไปวัดนาวง และก็ได้เจอกับพ่อท่านท้วงจริงๆ และ ก็ได้จำพรรษากับพ่อท่านท้วงที่วัดนาวงด้วย หลังจากจำพรรษาอยู่วัดนาวงได้ 2 พรรษา ก็ได้มีญาติโยมที่ศรัทธาพ่อท่านท้วงได้มานิมนต์พ่อท่านไปอยู่วัดป่าขอม ซึ่งอยู่ในเมือง พ่อท่านท้วงอยู่วัดนาวง 2 พรรษา คือตั้งแต่ปี 2514-2516

    พ.ศ.2516 ก็ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดป่าขอม ในเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งตอนนั้น มีพระปลัดแป้น ติสโส เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ตามที่ญาติโยมที่ศรัทธาได้นิมนต์มา เมื่อมาอยู่วัดป่าขอม ก็เหมือนเดิม ญาติโยมก็มาหาพ่อท่านกันกุฏิ ก็ไม่เคยว่างเหมือนเดิม หลังจากนั้น มีญาติโยมที่มาจากคลองแคว มาแจ้งกับพ่อท่านท้วงว่า ที่คลองแควมีสำนักสงฆ์อยู่ แต่มีพระน้อย ไม่รู้จะไปทำบุญกันที่ไหน เลยมานิมนต์พ่อท่านท้วงให้ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านท้วงจึงรับปาก และได้เดินทางไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลอง พ่อท่านท้วงจำพรรษาอยู่วัดป่าขอมตั้งแต่ปี 2516-2528 รวม จำพรรษาที่วัดป่าขอม 12 พรรษา

    พ.ศ.2528 พ่อท่านท้วง ก็ได้มาจำพรรษาอยู่สำนักสงค์คลองแคว โดยมีพ่อท่านสถิตได้ติดตามมาจำพรรษาด้วย ช่วงแรกๆที่มาจำพรรษาที่สำนักสงค์คลองแคว ก็มีปัญหากับพระที่จำพรรษาอยู่ก่อนพอสมควร แต่พ่อท่านก็ได้เอาชนะอุปสรรค ต่างๆมาได้ด้วยดี มีชาวบ้านได้ถวายบ้านให้พ่อท่านท้วงหนึ่งหลัง เพื่อมาเป็นกุฏิที่พักอาศัย จนถึงปัจจุบันนี้พ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแควเป็นเวลาเกือบ 26 พรรษาแล้ว ซึ่งมีพ่อท่าสถิต เป็นเจ้าสำนักสงฆ์คลองแคว เพราะพ่อท่านท้วงไม่รับตำแหน่งนี้ เมื่อมาอยู่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านเป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธบริษัททั่วไปไม่เลือกชั้นวรรณะ บรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านตลอดมา และเรื่องทายใจคนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเคยสัมผัสรับรู้ได้ทุกคน และวัตรปฏิบัติของท่านที่ทุกคนรู้กันดี คือ ฉันท์อาหารมื้อเดียวโดยนั่งกับพื้น ฉันท์กับมือ หันหน้าไปทิศตะวันออกเท่านั้นและท่านไม่รับกิจนิมนต์นอกวัดเลยและที่สำคัญพ่อท่านไม่เคยสรงน้ำเลย ออกจากวัดก็เฉพาะบิณฑบาตอย่างเดียว และท่านก็ยังถือปฏิบัติมาจนถึงวันนี้

    ปัจจุบันนี้ด้วยสังขารเข้าสู่วัยชรา ประกอบกับมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียด เบียนบ้างในบางคราว พ่อท่านไม่ออกบิณฑบาตแล้ว โดยมีญาติโยมนำอาหารมาถวาย บางวันก็มีมาก บางวันก็มีน้อย ฉันท์ได้บ้าง ไม่ได้ฉันท์บ้างบางครั้งแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดคือ พ่อท่านยังโปรดญาติโยมด้วยความเมตตา อยู่ตลอด ไม่เคยแบ่งชั้น วรรณะ ยกเว้นกรณีลุกขึ้นนั่งไม่ไหวจริงๆที่จะไม่ได้โปรดญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา สำหรับวัตถุมงคล ตอนนี้ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธา และใกล้ชิดพ่อท่าน จะสร้างมาถวาย เพื่อนำปัจจัยมาช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ตลอดจนค่าอาหารถวายพ่อท่าน และค่ายาต่างๆที่นำมาถวายครับ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • showimage.php.jpg
      showimage.php.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.6 KB
      เปิดดู:
      13,079
    • 31649.jpg
      31649.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.3 KB
      เปิดดู:
      10,973
  7. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    พ่อปู่ฤาษี พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร (ไม้งิ้วดำ) จำนวนการสร้าง 106ตนครับ

    พ่อปู่ฤาษี พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร สำนักสงฆ์คลองแคว (ลูกศิษย์สร้างถวาย) สร้างเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2555 ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง ปู่ฤาษีแกะจากไม้ "งิ้วดำ" ใต้ฐานฝั่งตะกรุด และ อุดด้วยผงว่าน,กาฝากฯต่างๆนับหลายร้อยชนิด,ผงตะเคียนต้นเดียวกับเสาหลักเมืองนครศรีฯ ซึ้งพุทธคุณล้วนแล้วแต่เด่นด้าน เมตามหานิยม,โภคทรัพย์ อย่างแรงกล้า และ ที่สำคัญยังมีเกศาของพ่อท่านผสมอยู่ในผงนั่นด้วย

    ส่วนลายละเอียดของพญาไม้งิ้ว เป็นไม้มงคล ถือกันว่าเป็นพญาแห่งไม้บนโลกมนุษย์ เป็นไม้แห่งองค์อินทร์ เป็นไม้แห่งโชคลาภ นำชัยชนะ พละกำลัง ความร่ำรวย มั่นคง ธนสมบัติ ร่มเย็นเป็นสุข ปัดกวาดอุปสรรค บังเกิดความสำฤทธิ์ผล ตามความปราถนา กับผู้ที่เคารพนับถือทุกประการ ซึ้งไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะหาไม้งิ้วดำมาไว้บูชา อีกทั้งยังเป็นไม้มงคลชิ้นเอก ที่นิยมนำมาทำวัตถุมงคล และ เครื่องราง มาแต่โบราณกาลฯ เมื่อนำไม้งิ้วดำมาพกติดตัวหรือบูชาในที่อันควรจะส่งผลให้เป็นเมตตามหานิยมอย่างยิ่ง ย่อมบังเกิดโชคลาภอยู่เนืองๆ คำว่าขัดสนอดอยากจะไม่บังเกิดแก่ผู้บูชางิ้วดำนี้เลย ด้วยอานุภาพเยี่ยงนี้ทำให้มีผู้เสาะหาไม้งิ้วดำกันมานานนับพันปี ไม่ต่างจากไม้กาหลงที่หากมีนกกามาวนเวียนจนตายอยู่ใต้ต้นนับร้อยนับพันก็ถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์คล้ายกัน ไม้งิ้วดำเป็นอะไรที่หายากสุดๆ เป็นไม้ที่มีดีอยู่ในตัว ไม่ว่าจะนำไปแกะเป็นอะไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องปลุกเสกก็ได้ มีดีอยู่ในตัวแล้ว ยิ่งเมื่อได้ผู้มีอาคมสมาธิกล้าแข็งอย่างพ่อท่านท้วง ปลูกเศกให้ด้วยยิ่งดีเป็นทับเท่าคูณทวี ทีเดียวเชียวครับผม ทีสำคัญสร้างน้อยมากจำนวนการสร้างเพียง 106ตนเท่านั้นครับ

    [​IMG]
    [​IMG]



    ให้บูชา 3,450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  8. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปลัดขิก พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร (ไม้แก่นเมื้อย)

    ปลัดขิกไม้แก่นเมื้อย พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร สำนักสงฆ์คลองแคว (ลูกศิษย์สร้างถวาย) เมื่อวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2556 ตรงกับ วันเสาร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 1 ปีมะเส็ง วัตถุมงคลที่ท่านสร้างสมัยตอนท่านยังแข็งแรงอยู่คือ สายมือผูกข้อมือเด็ก-ผู้ใหญ่,ลูกอม,ตะกรุด,ปลัดขิก,ผ้าบยันต์ ซึ้ง"ปลัดขิก"ของท่าน

    หลายท่านคงยังไม่ทราบ เพราะถือได้ว่าเป็นเครื่องรางชิ้นเอกของท่านเลยทีเดียว พุทธคุณครบเครื่อง

    สมัยก่อนเด็กวัดคนไหนที่ไม่ไดัแขวน"ปลัดขิก"ท่านท้วงก็ถือว่าไม่ใช่เด็กวัดตัวจริง และ วัยรุ่นละแวกวัดมักจะมีติดตัวกันแทบจะทุกคน พุทธคุณไม่ว่าจะด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา มหาเสน่ห์ ครบเครื่องครอบจักรวาล ทุกคนที่ใช้ต่างทราบกันดี และ ปลัดขิกของท่านไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิต ทุกคนที่ใช้ปลัดขิกท่านติดตัว และ นับถืออย่างเคร่งครัด จะสามารถสำผัสได้ในสิ่งนั่น ไม้ที่นำมาแกะปลัดขิกคือ ไม้แก่นเมื้อยๆ ถือได้ว่าเป็นไม้ที่มีพุทธคุณดีในตัวอยู่แล้ว พุทธคุณด้าน กันเขี้ยว,กันงา "ปกติไม้ชนิดนี้ตามธรรมชาติจะเป็นไม้ที่ไม่มีแก่น" กว่าจะได้มาก็ต้องทำพิธีขอกับ เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง ซึ้งคนที่รู้จักไม้แก่นเมื้อยต่างทราบกันดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าจะเจอแก่นเมื้อยกัน ซึ้งเป็นไม้มงคลที่หายากมากๆ พระเกจิอาจารย์สมัยก่อนนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังตั้งแต่โบราณกาลฯ และ เป็นไม้ที่พ่อท่านท้วงนิยมนำมาแกะปลัดขิกด้วยเช่นกัน ท่านเคยบอกไว้ว่าปลัดขิกถ้าจะให้ดีต้องแกะจากไม้แก่นเมื้อยถึงจะดีที่สุดครับ จำนวนสร้าง 1,050ตัว

    [​IMG]


    มีให้บูชา 4ตนให้บูชาตนละ 450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  9. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปลัดขิก พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร (ไม้พยุง) มีกริ่งในตัว

    ปลัดขิกไม้แก่นเมื้อย พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร สำนักสงฆ์คลองแคว (ลูกศิษย์สร้างถวาย) เมื่อวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2556 ตรงกับ วันเสาร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 1 ปีมะเส็ง วัตถุมงคลที่ท่านสร้างสมัยตอนท่านยังแข็งแรงอยู่คือ สายมือผูกข้อมือเด็ก-ผู้ใหญ่,ลูกอม,ตะกรุด,ปลัดขิก,ผ้าบยันต์ ซึ้ง"ปลัดขิก"ของท่าน

    หลายท่านคงยังไม่ทราบ เพราะถือได้ว่าเป็นเครื่องรางชิ้นเอกของท่านเลยทีเดียว พุทธคุณครบเครื่อง

    สมัยก่อนเด็กวัดคนไหนที่ไม่ไดัแขวน"ปลัดขิก"ท่านท้วงก็ถือว่าไม่ใช่เด็กวัดตัวจริง และ วัยรุ่นละแวกวัดมักจะมีติดตัวกันแทบจะทุกคน พุทธคุณไม่ว่าจะด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา มหาเสน่ห์ ครบเครื่องครอบจักรวาล ทุกคนที่ใช้ต่างทราบกันดี และ ปลัดขิกของท่านไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิต ทุกคนที่ใช้ปลัดขิกท่านติดตัว และ นับถืออย่างเคร่งครัด จะสามารถสำผัสได้ในสิ่งนั่น ไม้ที่นำมาแกะปลัดขิกคือ ไม้พะยูงเป็นไม้ที่ราคาแพงมากที่สุดในโลก ไม้พะยูง พยุงฐานะ มีฐานะดีขึ้น ช่วยไม่ให้ชีวิตตกต่ำ เพราะพยุงคือการประคับประคองให้คงอยู่ ให้มั่นคงหรือการยกให้สูงขึ้น จำนวนสร้าง 1,050ตัว

    [​IMG]


    มีให้บูชา 4ตนให้บูชาตนละ 450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  10. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    แหวน พ่อท่านท้วง รุ่นแรก เนื้อทองระฆัง สวยมากครับ
    [​IMG]
    [​IMG]


    ให้บูชา 650บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  11. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ตะกรุด ไม้ไผ่ตันลงยันต์ พ่อท่านท้วง (ลูกศิษย์สร้างถวาย)

    ไผ่ตันนั้นเป็นของวิเศษจัดอยู่ในประเภทของทนสิทธิ์ที่คนโบราณกล่าวถึงมากอย่างหนึ่ง ต้นไผ่นั้นถือเป็นไม้มงคลที่ให้คุณประโยชน์ต่อมนุษย์ และสัตว์อย่างมากมายเป็นของที่มีเทพารักษ์ดูแลรักษาอยู่ เป็นของวิเศษที่นานๆถึงจะปรากฏขึ้นให้พบเห็นกัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบโดยบังเอิญ เช่น มีการตัดต้นไผ่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ แล้วเกิดเจอไปพบลำต้นที่ตันไม่เป็นรูกลวงอย่างปกติทั่วไป อันนั้นแหละ ที่เขาเรียกกันว่า “ไผ่ตัน”

    อานุภาพของไผ่ตันนั้นท่านว่า ดีเยี่ยมทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ซึ่ง ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว

    คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของไผ่ตัน คนโบราณเชื่อว่า หากนำไผ่ตันมาทำไม้เท้าเวลาเดินเข้าป่าแล้ว ไผ่ตันจะสามารถกันสัตว์มีพิษไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเราได้ หรือว่าสัตว์มีพิษต่างหลีกทางให้นั้นเอง ผู้เรืองอาคมทั้งหลายจะนำมาจัดสร้างเป็นเครื่องรางในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านมั่นใจในอิทธิคุณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

    วิธีการหาไผ่ตัน คนโบราณมักจะสังเกตว่าหากเกิดไฟป่า หรือจุดไฟเผาที่นาขึ้นเมื่อไหร แล้วก่อไผ่ ก่อไหนไม่ไหม้ไฟ หรือไหม้ไฟไม่หมด แปลว่าในก่อไฟนั้นจะต้องมีไผ่ตันอยู่ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้สังเกตในคืนที่มีแสงจันทร์ส่อง หากก่อไผ่ก่อไหนมีแสงสีขาวเป็นเส้นๆ ยาวๆเรืองแสงออกมา แปลว่าในก่อไผ่นั้นมีไผ่ตันอยู่ เนื่องจากคนโบราณคนเก่าคนแก่ท่านเชื่อกันว่ามีเทพเทวาคอยปกปักรักษาคุ้มครองป่านั้นอยู่ ส่วนมากก็จะนำมาสร้างวัตถุมงคลจำพวกตะกรุดครับ

    [​IMG]
    [​IMG]


    ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  12. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    หลวงปู่นิล วัดครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิทยาคมเกรียงไกรแห่งภาคอีสาน

    พระครูนครธรรมโฆษิต หรือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก นามเดิม นิล แหวนครบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 บิดาท่านชื่อ สี มารดาท่านชื่อ พิมพ์ แหวนครบุรี มีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นคนที่สอง อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดนกออก พระอธิการพรหม วัดป่าเลไลย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อแก้ว วัดนกออก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า อิสฺสริโก ด้านวิชาอาคมขลังนั้นท่านได้ตำรามาจาก หลวงพ่อหว่าง ซึ่งเป็นตำราของ หลวงพ่อน้อย วัดบ้านไผ่ ครบุรี และ หลวงพ่อโต วัดปอแดง อาจารย์อีกรูปหนึ่งของ หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ท่านได้ศึกษาจนมีวิชาอาคมแก่กล้า

    ท่านสำเร็จวิชา “พระธาตุกัมมัฏฐาน” หรือ “กสิญจ์” ท่านมีคาถาอาคมแก่กล้าจนเป็นที่เลื่องลือทั่วภาคอีสาน มีเมตตาธรรมเปี่ยมล้นยากจะหาพระเถราจารย์รูปใดเสมอเหมือนในยุคปัจจุบัน วิทยาคมเข้มขลังและมีวาจาศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่ยอมรับของสาธุชนทั่วไป แต่ละวันจะมีประชาชนพากันหลั่งไหลไปกราบไหว้ท่านมิได้ขาด จนมีชื่อเสียงโด่งดังชาวบ้านยกย่องท่านเป็น “เทพเจ้าแห่งครบุรี”

    ครั้งหนึ่งเมื่อท่านนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่หน้าพระประธาน ภายในพระอุโบสถ ได้มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งทราบว่าท่านอยู่ในโบสถ์เปิดประตูเข้าไปกลับพบแต่ความว่างเปล่า มีแต่ธูปปักอยู่ในกระถางเท่านั้น มองหาตัวหลวงปู่ไม่เห็น ลูกศิษย์คนนั้นจึงเอะใจ กลับไปถามพระลูกวัดว่า หลวงปู่นิลท่านอยู่ในโบสถ์แน่หรือ เปิดประตูเข้าไปทำไมจึงไม่เห็นท่าน เพื่อความแน่ใจเมื่อกลับมาดูอีกครั้ง พบหลวงปู่นิลท่านนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ภายในโบสถ์นั่นเอง จึงมั่นใจว่าหลวงปู่นิลท่านแสดงปาฏิหาริย์หายตัวได้แน่นอน

    มีอยู่วันหนึ่งชายหาปลาได้เห็นแสงนวลขาวพุ่งเป็นเส้นเหนือยอดโบสถ์วัดครบุรี ด้วยความอยากรู้ว่าเกิดจากอะไรจึงเข้าไปแอบดู ตรงรอยแตกหน้าต่างพบหลวงปู่นิลนั่งกัมมัฏฐานด้านพระประธานโดยมีแสงนวลขาวหมุนม้วนตัว เป็นเกลียวรอบร่างท่าน รุ่งเช้าข่าวนี้ก็กระจายทั่วหมู่บ้านมีชาวบ้านมากราบเรียนถามท่านถึงแสงนวลดังกล่าวแต่ท่านก็มิได้ให้ความกระจ่างอันใดเพราะ หลวงปู่นิลไม่ใช่พระอวดโอ้สรรพคุณ จนได้รับคำบอกเล่าจากพระอาจารย์กลั่น เขมจาโร ว่าแสงที่พบนั้นคือ ดวงธาตุ ซึ่งประกอบด้วย นะมะพะทะ ได้แก่ ดินน้ำลมไฟ เป็นวิชาที่หลวงปู่นิลท่านใช้หนุนไสยศาสตร์ระหว่างปลุกเสกให้ของขลังอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมยิ่งขึ้น ท่านร่ำเรียนวิชานี้เป็นเวลากว่าสี่สิบปี จนสำเร็จบรรลุซึ่งวิชาพระธาตุกัมมัฏฐานนี้ ในปัจจุบันนี้มีพระผู้สำเร็จเพียงสองสามองค์เท่านั้น เพราะเป็นวิชาที่เรียนยากที่สุด

    วัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือ ที่โดดเด่นทางเมตตามหานิยม และ คุ้มครองป้องกัน นอกจากท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มากด้วยวิชาความรู้แล้ว เรื่องวิชาแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ท่านเป็นหนึ่งมาโดยตลอด ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 รวมสิริอายุได้ 92ปี 6เดือน 72พรรษา

    รูปหล่อ หลวงปู่นิล วัดครบุรี เนื้อทองผสม มีกริ่งในตัว สวยครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    ให้บูชา 450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2014
  13. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot]ปิดรายการเหล่านี้ให้พี่นอกเว็ปครับผม

    รายการที่10.>>>
    [/FONT][/FONT][/FONT]ล็อกเก็ตซีเปียรุ่นแรกหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา ปี2549 [FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot]>>> [/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][FONT=&quot]ให้บูชา[/FONT][FONT=&quot]องค์[/FONT][FONT=&quot]ละ 1,650 บ.[/FONT][FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot] / หน้า10.[/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    รายการที่147.>>>พระเนื้อดิน พิมพ์สี่เหลี่ยม พระครูสังฆรักษ์ (หลวงพ่อโปร่ง โชติโก) ช่วงเป็นฆราวาส>>>[FONT=&quot]ให้บูชา 550บ.[/FONT]/ หน้า80.
    [​IMG][​IMG]

    รายการที่165.>>> พระหลวงปู่ทวดเขาอ้อ อ.ชุม วัดพระบรมธาตุ ปี 2497 ของดีพุทธคุณสูง เปิดให้บูชาตามสภาพครับ สำหรับผู้ที่ต้องการบูชาเอาพุทธคุณครับ>>>[FONT=&quot]ให้บูชา 550บ.[/FONT] / หน้า82.
    [​IMG]

    รายการที่183.>>> เหรียญ รุ่นแรกพ่อท่านวิน วัดเขากอบ ปี2513 (เนื้ออัลปาก้า) สุดยอดเหรียญประสบการณ์ของเมืองตรัง พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัยครับ หายากมากๆครับ >>>[FONT=&quot]ให้บูชา 1,950บ. [/FONT] / หน้า84.
    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2014
  14. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    หลวงปู่ตี๋ วัดหูช้าง ทายาทและศิษย์พุทธาคม...หลวงปู่กี๋
    พระครูกิตตินนทคุณ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อกี๋” วัดหูช้าง ต.คูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สมัยท่านมีชีวิตอยู่ ใครมีเรื่องเดือดร้อน หรือต้องการให้ท่านขจัดปัดเป่า ท่านก็เมตตาช่วยเหลือให้ทุกรายไปโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ท่านเป็นอดีตพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและเก่งกล้าทางด้านคาถาอาคม การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผีเข้าหรือถูกคุณไสยต่างๆ แม้ปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านก็ยังเป็นที่กล่าวขานตลอด

    หลวงปู่กี๋ วัดหูช้าง ถูกจัดให้เป็นเกจิดังสมัย พ.ศ.๒๕๐๐ ที่คนเมืองนนท์ เคารพนับถือท่านมาก โดยเฉพาะการทำปลัด ตะกรุด และเครื่องรางของขลังต่างๆ ท่านยังคงจารเอง รวมถึงการเหลาไม้ และวัสดุมวลสารต่างๆ เองทุกขั้นตอน จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านเข้มขลัง ทรงคุณค่า และที่สำคัญหายากมาก จนเป็นตำนาน ปลัดขิกเมืองนนท์ สุดยอดของความหายากและปรารถนา เนื่องจากพุทธคุณใช้แทนอาจารย์ของท่านได้เลยทีเดียว

    หลวงปู่กี๋ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ รวมถึงเป็นศิษย์ก๋งจาบ สำนักประดู่ทรงธรรม อยุธยา ศิษย์น้องหลวงปู่เทียม วัดกษัตราฯ และหลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน ซึ่งเกจิร่วมสำนักทั้ง ๓ รูปนี้ได้ก่อปาฏิหาริย์ในคราวปลุกเสกพระที่วัดปราสาทบุญญาวาส สามเสน คือ แผ่นทองแดงของพระอาจารย์ทั้ง ๓ รูปหลอมไม่ละลายมาแล้ว และยังเป็นศิษย์หลวงปู่แดง วัดตะเคียน นนทบุรี และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เนื่องจากท่านมาแวะพักที่วัดหูช้างเสมอๆ ด้วยบรรดาลูกหลานเหลนท่านมาตั้งรกรากบ้านเรือนในย่านวัดหูช้าง หลายสิบครอบครัว และยังได้ผงจากหลวงพ่อปานตั้งเกือบ ๑ ปี๊ป รวมทั้งเจ้าคุณโพธิ์ วัดชัยพฤกษ์มาลา อีกด้วย จึงนับว่าหลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง ท่านเป็นพระเกจิที่สืบสายพุทธาคมมาอย่างเข้มขลัง

    นอกจากนี้แล้ว ในวัยเยาว์หลวงพ่อกี๋มีความสนใจและศึกษาตำราการทำน้ำมนต์รักษาโรคต่างๆ โดยได้ศึกษาวิชาการทำน้ำมนต์จากคุณปู่ของท่านเอง ในสมัยนั้นคุณปู่ของท่านเก่งทางด้านการทำน้ำมนต์รักษาโรคต่างๆ กล่าวได้ว่า ใครมีโรคอะไรก็จะเดินทางมาหา เนื่องจากสมัยนั้นโรงพยาบาลต่างๆ ก็ยังไม่ค่อยมีเหมือนปัจจุบัน จนต่อมาชาวบ้านต่างๆ ก็ขนานนามท่านว่า “หมอบุญเทวดา” ปัจจุบันก็มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปที่ให้ความเคารพนับถือในตัวท่านเดินทางมากราบไหว้ตลอดเวลา ซึ่งบางท่านก็มากราบไหว้ขอพรท่านเฉยๆ บางท่านก็มาบนบานศาลกล่าวเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ก็สัมฤทธิผลตามที่ต้องการ

    แม้ว่าหลวงปู่กี๋จะมรณภาพไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่เคล็ดวิชาการทำตะกรุดจารมือ ปลัดขิก รวมทั้งเบี้ยแก้ไม่ได้ตายตามท่านไปด้วย โดยถูกถ่ายทอดให้ พระครูสุวรรณโชติวุฒิ หรือ หลวงพ่อตี๋ เจ้าอาวาสวัดหูช้าง นนทบุรี ปัจจุบันอายุ ๗๔ปี พรรษา ท่านเป็นศิษย์เอกทายาทพุทธาคมเพียงรูปเดียว รวมทั้งยังมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงกี๋อีกด้วย

    หลวงปู่ตี๋ บอกว่า ได้ช่วยหลวงปู่กี๋จารตะกรุด เบี้ยแก้ และจารปลัดขิกตั้งเมื่อครั้งหลวงปู่กี๋มีชีวิตอยู่ โดยในเบี้ยแก้จะลงคาถาหลักๆ คือ ปิดทวารทั้ง ๙ และเฑาะว์รันโต ส่วนปลัดขิกนั้นคาถาหลวงปู่กี๋ที่ขาดไม่ได้ คือ “มะ อะ อุ นะ ละ กา ลัง จะ ภะ กะ สะ จิต ตัง พุท ธิ โส จิต ตัง พุท ธิ เม” โดยหลวงปู่กี๋จะลง “นะ โม พุทธ า ยะ อิ กะ วิ ติ” ด้วยลายมือท่านเอง

    เมื่อถามพุทธคุณของวัตถุมงคล หลวงปู่ตี๋ พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ตะกรุดทุกดอก ปลัดขิก และเบี้ยแก้ทุกตัว จะจารด้วยเมือตัวเอง ทั้งนี้เพื่อความเข้มขลังของผู้นำไปใช้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต่อให้พระตั้งใจทำ และลงอักขระเลขยันต์มากเพียงใด ของดีทุกอย่างคนที่มีนั้นต้องเป็นคนดีมีศีลธรรมของดีจึงแสดงพุทธคุณ แต่ถ้าเป็นคนไม่มีไร้ศีลธรรมของดีย่อมไม่แสดงพุทธคุณ คนจึงมักโทษว่าพระไม่ขลัง โดยไม่ดูตัวเองว่า พยายามที่จะทำตัวเองให้ขลัง ด้วยการอยู่ในศีลตั้งมั่นในธรรมก่อนหรือเปล่า”

    นอกจากหลวงปู่ตี๋จะรักษาเอกลักษณ์ทำเบี้ยแก้ และตะกรุจารมือแล้ว งานสวดภาณยักษ์ใหญ่ของวัดหูช้างหลวงปู่ตี๋ยังคงตำรับหลวงพ่อกี๋ไว้เช่นเดียวกับเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาเสริมบารมีให้สาธุชนทั่วไป งานสวดภาณยักษ์ใหญ่ที่วัดหูช้างถือว่าเป็นตำนาน รวมทั้งเป็นวัดแห่งแรกๆ จัดมาสมัยหลวงพ่อกี๋ยังอยู่นั้น ในปี ๒๕๕๔ นี้ จะจัดในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป

    ปลัดขิกสร้างโบสถ์
    วัดหูช้าง (อยู่คนละฝั่งถนนใหญ่วัดตะเคียน) นับว่าเป็นวัดเก่าแก่โบราณวัดหนึ่ง เช่น วิหาร เจดีย์ ซึ่งเข้าใจกันว่าสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน วัดหูช้างมีเจ้าอาวาสปกครองวัดนี้หลายองค์ด้วยกัน และหนึ่งในจำนวนนี้มีเจ้าอาวาสองค์หนึ่งที่มีผู้คนให้ความเคารพนับถือกันเป็นอย่างมาก และยังเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจยามทุกข์ยาก เดือดร้อนด้วยเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ผีเข้าเจ้าสิง หรือเรื่องอื่น ซึ่งในสมัยนั้นนับว่าหลวงปู่กี๋เป็นเจ้าอาวาสที่เก่งกล้ามาก

    ผู้เฒ่าผู้แก่อายุ ๔๐ ปีขึ้นไป จะได้ยินได้ฟังพระเกจิดังสมัยสงครามอินโดจีน หลวงพ่อกี๋ อยู่ที่วัดหูช้าง จังหวัดนนทบุรี เก่งด้านอาคมไล่ผี สะเดาะเคราะห์เสริมดวง ที่เรียกว่าเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ แก้คนถูกคุณไสยในคนที่มีจิตอ่อนไหว ถูกกระทำด้วยอาคมคนเล่นของหรือโดนของจากลมเพลมพัดไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีอาการป้ำๆ เป๋อๆ หลวงพ่อกี๋ ผู้นำวิชาอาคมมารักษาคนที่วัดนี้เป็นครั้งแรกเป็นที่ยอมรับนับถือว่าแน่จริง

    หลวงปู่ตี๋ บอกว่า สิ่งหนึ่งที่ยืนยันในความศรัทธาที่ลูกศิษย์มีต่อหลวงปู่กี๋ รวมทั้งความเข้มขลังของปลัดขิก คือ โบสถ์ราคากว่าสิบล้าน ซึ่งสร้างไว้เมื่อ ๒๕๒๖ มาจากปัจจัยให้เช่าบูชาปลัดขิกทั้งสิ้น ที่สำคัญ คือ แพงด้วย ท่านให้เช่าตัวละ ๕๐๐-๑,๐๐๐ บาท ครั้งนั้นใครจะมาวัดต้องนั่งเรือมาเท่านั้น

    “ของดีทุกอย่างคนที่มีนั้นต้องเป็นคนดีมีศีลธรรมของดีจึงแสดงพุทธคุณ แต่ถ้าเป็นคนไม่มีไร้ศีลธรรมของดีย่อมไม่แสดงพุทธคุณ คนจึงมักโทษว่า พระไม่ขลัง โดยไม่ดูตัวเองว่า ตั้งมั่นในธรรมก่อนหรือเปล่า”


    พระปิดตามหาลาภ ฝังตะกรุด (เนื้อขาว)


    เป็นพระปิดตาที่ครบเครื่องครับฝังตะกรุดคู่และเกษา พระปิดตาชุดนี้ทำมาแจกงานผ้าป่า มีสองเนื้อครับ เนื้อขาวและเนื้อดำ ประสบการณ์ของพระแจกรุ่นนี้ มีวัยรุ่นที่ทำงานมูลนิธิฯ นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้วมีคู่อรินำอาวุธมายิงจากทางด้านหลัง หัวคว่ำลงไปบนโต๊ะเสื้อขาดเป็นรู แต่น้องคนนั่นไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่ามีพุทธคุณครบเครื่องทั้งโชคลาภและกันตัว แคล้วคลาด คงกะพัน ครับผม

    [​IMG]



    ให้บูชา 350บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ พระปิดตาปริสุทโธ รุ่นปลดหนี้ พร้อมกล่องเดิมๆ
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]


    ให้บูชา 550บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  16. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    พระปิดตาไตรแก้ว พ.ศ.๒๕๑๒ พระธรรมโกษาจารย์ ชอบ อนุจารี วัดราษฎร์บำรุง ชลบุรี ผสมผงหลวงพ่อแก้วและผงสำคัญของวัดต่างๆในชลบุรี ครบชุดแบบนี้หายากครับ

    พระปิดตาไตรแก้ว พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารี) สมัยเป็น พระธรรมโกษาจารย์ วัดราษฎร์บำรุง จ.ชลบุรี สร้างจากผงของหลวงพ่อแก้ว และผงที่สำคัญของวัดต่างๆ ในจังหวัดและมอบให้หลวงปู่บัว วัดบางเป้ง เป็นผู้จัดสร้าง และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดราษฎร์บำรุง ปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์ทั่วไทยที่มีนามว่า "แก้ว" เป็นมหาพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ของชาวบางปลาสร้อย เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว มี 3 สี คือ แดง ดำ เหลือง ด้านหลังพระปิดตาประทับอักขระ "ธ" ซึ่งเป็นอักษรย่อของท่าน

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]


    ให้บูชา 1,650บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  17. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระกริ่งรุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ปี พ.ศ.2545 ไตรจักรชัยสิทธิ์ เนื้อนวะโลหะ ก้นเงิน ตอกโค๊ต เลขสวย 464 พร้อมกล่องเดิม หายากครับ

    เป็นพระกริ่งฉลองหลวงปู่ครบ 8รอบ และถือเป็นพระกริ่งรุ่นแรก มีขนาดหน้าตัก 1.5ซม. ส่วนสูง 3.5ซม. ประทับแบบมสมาธิราบมารวิชัยบนฐานบัวคว่ำบัวหงายแบบบัวตูม โดยถอดแบบเค้าหน้ามาจาก พระพุทธรูปศิลปอู่ทอง โดยแบ่งออกเป็น
    เนื้อทองคำ 97 องค์
    เนื้อเงินสร้าง 999 องค์
    เนื้อเงินก้นทองคำสร้าง 545 องค์
    เนื้อนวะโลหะก้นทองคำสร้าง 545 องค์
    เนื้อนวะโลหะก้นเงินสร้าง 545 องค์
    เนื้อนวะโลหะก้นนวะสร้าง 1455 องค์
    เนื้อทองทิพย์สร้าง 2545 องค์

    หลวงปู่ชื้นเจิมแผ่นยันต์และเททอง และพระอีก 4 รูป
    หลวงพ่อสวัส วัดศาลาปูน
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
    หลวงพ่ออีกองค์ อยู่ จ.ปราจีนบุรี โดยมีหลวงปู่ชื้นป็นประธาน ร่วมพิธีเททองในงานวันเกิดหลวงปู่ชื้น 18 มีนาคม ปี พ.ศ.2545
    [​IMG]

    พิธีเททองในงานวันเกิดหลวงปู่ชื้น 18 มีนาคม 2545 เวลา9.39น. ช่วงฤกษ์เททองเป็นตอนเช้า เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นอัฐจรรย์คือมีพายุลมหมุน ฟ้ามืดคล้ายกลางคืน ช่วงจังหวะเททอง มีเพียงฝนโปรยเป็นละออง ส่วนที่อื่นๆ รอบบริเวณ พิธีมีฝนตกอย่างหนัก (ใครที่ไปร่วมพิธีจะเห็นเหตุอัฐจรรย์อย่างยิ่ง) จากนั้นนำชนวนบางส่วนไปเทที่โรงงาน เมื่อเสร็จก็นำมาทำพิธีให้หลวงปู่ท่านทำพิธีอธิฐานจิตอีกครั้งช่วงปลายปี 2545

    มีผู้ถามท่านว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้

    หลวงปู่ครับ ทำไมพระของหลวงปู่ถึงมีพระ 3 องค์ มีจักรด้วย หมายถึงอะไรครับ (เรียกรัตนจักร)
    ท่านตอบว่า "พระ 3 องค์ คือ พระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จักรคืออำนาจ"

    มีผู้ถามหลวงปู่ดู่ว่า “หลวงปู่ครับ ....หากว่าหลวงปู่มรณภาพจากไปแล้ว พวกกระผมจะไปกราบพระที่ไหนเป็นครูบาอาจารย์ต่อไปดีขอรับ.....????
    หลวงปู่ดู่ตอบว่า “เออ....งั้นให้พวกแกไปกราบ “พี่ชื้น” ที่วัดญาณเสนแทนเถอะ ท่านเป็นพระดีนะ.....”

    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา

    หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บบูชา พระหลวงปู่ชื้น

    หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้น กลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล

    หลวงปู่ชื้น พุทธสโร พระเกจิอาจารย์เปี่ยมด้วยเมตตาแห่งวัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มรณภาพละสังขารตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2546 เวลา 09.40 น. ด้วยอาการสงบรวมอายุ 97 ปี เกิดเมื่อวันพุธที่ 18 มีนาคม 2450 ก่อนที่หลวงปู่จะมรณภาพท่านได้สั่งไว้ว่าไม่ต้องฉีดยา สภาพศพดูเหมือนเป็นปรกตินอนหลับอย่างธรรมดาทั่วไป จนผ่านไปหลายวันแล้วไม่เน่าไม่เปื่อย ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนคนทั่วไป ประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าวว่าหลวงปู่ชื้นได้มรณภาพลงแล้ว จึงแห่กันมากราบไหว้และขอรับเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมกันเป็นจำนวนมาก ขณะทางวัดได้นำศพหลวงปู่ขึ้นไว้ใส่ในโลงศพแก้ว เพื่อศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไปได้กราบไหว้สักการะทุกวัน

    คำอาราธนาพระเครื่อง ให้ว่าดังนี้
    พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ
    ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำ แล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน

    พุทธคุณเด่นในด้าน เสน่ห์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยเป็นเยี่ยม

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]



    ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  18. ชายชุดขาว

    ชายชุดขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    4,007
    ค่าพลัง:
    +12,706
    มีเนื้อเงินหรือเปล่าครับ :cool:
     
  19. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ไม่มีครับผม
     
  20. kittykku

    kittykku สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    รายการที่180.>>> รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก กริ่งเหล็กไหล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ปี2528 นครศรีธรรมราช >>>องค์ที่13 ให้บูชา 1,450บ. / หน้า83.

    ขอจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...