วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบน้อง Xorce ครับ

    ฝันนั้นพอตื่นขึ้นก็จับลมหายใจได้เลย ก็แสดงว่าหลับมาในฌาน มาตื่นในฌานพอดี ดังนั้นฝันนี้นับว่าเป็นนิมิตรในสมาธิครับ ต้องลองดูว่าจริงไหม เมื่อไร เราวางใจให้เป็นกลางๆ(อุเบกขาเอาไว้ก่อน)

    ส่วนอรูปฌานนั้น เริ่มจากการจับลมหายใจสบายจนหายไปก่อน จับพุทธนิมิตร จนเป็นประกายพรึก(เพื่อเป็นการควบการถึงฌานสี่จากทั้งอานาปาณสติและกสิณโดยมีบารมีพระท่านคุม)

    จากนั้นเพิกนิมิตรทิ้งกลายเป็นเห็นอากาศว่างเวิ้งว้างว่างเปล่าไม่มีอะไร เป็นอรูปฌานที่หนึ่ง

    กลับมาจับพุทธนิมิตรใหม่ แล้วเพิกนิมิตรทิ้ง พิจารณาว่า ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป้นตึกภูเขา โลก จักรวาล แม้กายเรา ล้วนแตกสลายกลายเป้นความเวิ้งว้างว่างเปล่า

    กลับมาจับพุทธนิมิตรใหม่ แล้วเพิกนิมิตรทิ้ง พิจารณาว่า สัมผัสในอายตนะทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง ไม่ว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ยึดถือแล้วเป็นทุกข์ เราสลายความรู้สึกทางอายตนะทั้งปวงเป้นความว่างเวิ้งว้างว่างเปล่าไม่มีที่สุด

    จนอรูปฌานที่สี่ จับภาพพระ แล้วเพิกทิ้ง พิจารณาว่า สัญญา ความทรงจำทั้งปวงล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ประดุจความฝัน อดีต ความจำยึดมั่นก็เป็นทุกข์ เราสลายความทรงจำทั้งปวงออกไปกลายเป้นความว่างเวิ้งว้างว่างเปล่าไม่มีที่สุด

    และย้อนเข้าพิจารณาในวิปัสนาญานต่อ ว่า รูปพรหมก็ดี อรูปพรหมก็ดี ยังไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีก ความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงล้วนไร้แก่นสาร วัตถุธาตุทั้งปวงล้วนไร้แก่นสาร การยึดติดในรสแห่งอายตนะทั้งปวงเป็นปัจจัยแห่งการเกิดล้วนไร้แก่นสาร ความทรงจำ สัญญาอันก่อให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นก็ไร้แก่นสาร ก่อให้เกิดความทุกข์

    จุดเดียวที่เราต้องการก็คือการไม่เกิดแม้จะเป็นพรหม หรืออรูปพรหมก็ตาม จุดเดียวที่เราต้องการก็คือพระนิพพานเท่านั้น

    การพิจารณาต้องค่อยๆพิจารณาละเอียดๆ ช้าๆใจเย็นๆ ให้จิตน้อมในธรรม เห็นจริงในธรรม จนยอมรับนับถือความเป็นจริงในที่สุด

    ที่เล่าให้ฟังมา จิตยังไม่เข้าถึงฌานสี่ดี และผูกเชือกแค่ปมเดียวยังไม่แน่นหนา จิตจึงยังมีอาการซัดส่าย

    ทำตามข้างต้นจะมีจิตที่ตั้งมากกว่า แต่ที่สำคัญอย่าลืมอารมณ์ใจสบายอันเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติทุกข้อทุกสิ่ง

    ฌานสี่ของกสิณทุกๆกองมีนิมิตรเสมอกัน (เป็นเพชรประกายพรึก)

    อารมณ์ของอรูปฌานทุกกองก็มีนิมิตรอารมณ์เสมอกันเช่นกัน

    ขอโมทนาบุญกับน้องในความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมด้วยครับ และโปรดอย่าลืมว่า น้องผู้สอบถามการปฏิบัติในอรูปฌานท่านนี้ อายุ 17 ปีนะครับ ดังนั้น อย่าให้คำว่า ไม่ได้ ไม่มี ทำไม่ได้ ปรากฏแก่การปฏิบัติของพวกเราครับ
     
  2. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ขอบคุณมากครับ อ.คณานันท์เรื่องรู้ลมหายใจอย่างสบาย
    เป็นเรื่องหนักใจกับผมมาเป็น10 ปีแล้วครับ
    จับลมดีเข้าสมาธิดี วันนี้ แต่10 วันต่อไปไม่ได้เรื่องมันจะฝืด
    รู้ทั้งรู้ว่ามันเพ่งมากไปแต่ทำไม่ได้วันนั้นต้องเลิก
    ช่วงก่อนโพสกระทู้แรกตอนเช้าครึ่งหลับครึ่งตื่นเราทำได้
    จับลมสบายทำได้และรู้ลมอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
    ผมจะพยายามครับได้ผลอย่างไรจะรายงานให้ทราบครับผม
     
  3. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    เอาธรรมะมาฝากครับ

    " สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดทำจิตให้ว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เรากว่าวว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน "
     
  4. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    วันนี้สอนหนังสือ นศ.มางานเรามาช่วยงาน ได้คุยกันเรื่องการเตรียมจิต เลยได้พุดเรื่องศีลห้า และพรหมวิหาร ๔ ที่ทำให้ศีลสมบูรณ์

    อนุโมทนาบุญอาจารย์คลิก ที่ให้คำสอน อนุโมทนาบุญนักศึกษาที่ทำให้อาจารย์ได้พูดเรื่องดีๆ สองคนๆหนึ่งอยู่ยะลา อีกคนอยู่สงขลา เริ่มบอกพ่อแม่แพ็คของแล้ว สาธุ
     
  5. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    มารายงานผลการฝึก หลังจากนั่งมโนครึ่งกำลัง เพราะเต็มกำลังยังไม่คล่อง เข้าไปปฏิบัติอรูปณาน ถอยจนไม่มีอายตนะทั้ง6 ไม่มีเเม้ความรู้ได้หมายจำ อารถนาปฏิบัติ วิชชากายเพชรประกายพรึก รู้สึกสบายเป็นประกายไปหมด กราบความเมตตา พระรัตนไตร หลวงพ่อ พี่คนานัน เเละโมทนาทุกท่านด้วยครับ^-^
     
  6. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    สวัสดีค่ะ เพิ่งจะได้เริ่มฝึกแบบเป็นกิจจะลักษณะเมื่อไม่นานนี้โดยมีพี่คณานันท์สอนให้(ขอบคู้ณ ขอบคุณหลายๆนะคะ) ตอนนี้กำลังเริ่มไล่ฝึกตั้งแต่หน้าแรกแบบทำเวลาอยู่ค่ะ(เพิ่งถึงหน้า 6) ว่าจะพยายามไล่ตามรุ่นพี่ให้ทัน (^ ^")...

    แต่สิ่งหนึ่งที่ให้ผลชัดเจนมาก และคิดว่าจะเป็นประโยชน์มากช่วงภัยพิบัติ อาหารขาดแคลน ก็คือ การขอบารมีพระท่านเสกอาหารที่เราพิจารณาและถวายท่านไปให้เป็นทิพย์ เป็นยารักษาโรคนั่นละค่ะ 2-3 วันนี้ บางมื้อก็ซื้อเขาถ้าไปนอกบ้าน บางมื้อก็ลงมือเองพอทำกับข้าวเสร็จก็รีบถวายพระท่าน ลาลงมาแล้วก็เสริฟคุณสามีกะลูกชายตามปกติ ในปริมาณปกติ แต่ทุกคนที่ได้ทานจะบอกตรงกันว่า "อืด... ทำไมมันอิ่มอย่างนี้" นี่ถ้าหน่วยเสบียงมีคนที่สามารถขอบารมีพระท่านเสกอาหารได้ คงจะยืดเวลาอด(ตาย)ออกไปได้ไม่มากก็น้อย..

    (อันนี้ชอบใจมากค่ะ ประหยัด ไม่เปลือง (ต่อไปนี้เราจะลดปริมาณ) อิ่มแล้วก็หลับง่าย ไม่กวนใจ... อิ อิ)
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ธรรมลอยตามลม ***

    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    พึ่งการกระทำของตน.... ไม่หวังพึ่งการกระทำคนอื่น
    พึ่งหลักสัจจะธรรม ... ไม่พึ่งความเห็น ความเชื่อ
    พึ่งการกระทำ .... ไม่พึ่งวัตถุ
    ไม่พาตนเองไปติดใน ... รูป รส กลิ่น เสียง
    ไม่โลภ ทำบุญ.... สละทรัพย์ แต่หวังทรัพย์
    หาก มุ่งหลุดพ้นทุกข์...ไม่ติดในตัวคนสอน

    เดินทางตรงตามสัจจะธรรม
    เดินด้วย "สัจจะ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post871984 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>chdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_871984", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:33 AM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 74 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,337 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 612 ครั้ง ใน 68 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 70 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_871984 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เมื่อปลายปี 2549 ถึง ต้นปี 2550 ฝันติดต่อกัน ประมาณ 4 หนได้...

    ในฝันจะมีเสียงบ้าง เฉพาะภาพบ้าง มาถามว่าจะไปนิพพานทำไม ไม่เห็นมีอะไรดีเลย มีแต่ความเงียบ หาความสุข ความสนุกอะไรก็ไม่ได้เลย ต้องอยู่คนเดียวนะ ไม่มีคนที่เรารัก หรือรักเราอยู่ด้วยเลยนะ เหงามากนะ... มาอยู่ด้วยกันบนโลกแบบเดิมดีกว่า มีแต่ความสนุกสนานเฮฮา มีแต่งานสังสรรค์ มีแต่เสียงหัวเราะ ฯลฯ

    แล้วก็จะมีภาพพระนิพพานที่ไกลสุดลูกหูลูกตา โล่งๆ เรียบๆ ปรากฏขึ้นมา... หลังจากนั้นก็จะมีภาพของคนที่กำลังสนุกกันสุดเวี่ยงอยู่ในงานปาร์ตี้โผล่ขึ้นมา...

    ทุกครั้งและทุกฝัน เราจะบอกเสียงนั้นไปว่า...

    อย่ามาโกหกเลย... บนพระนิพพานเรามีหลวงพ่ออยู่ มีสมเด็จองค์ปฐมท่านด้วย... เราจะไปพระนิพพาน

    มีอีกฝันหนึ่งที่จดเอาไว้ คือ ในฝันเราชอบปฏิบัติธรรม แต่ญาติๆ อื่นๆ เห็นว่าเราเพี้ยน... แต่อยู่ๆ ก็มีคุณลุง(ซึ่งในชีวิตจริง ท่านเสียไปนานแล้ว) เอากระดาษขุมทรัพย์โบราณมาให้แผ่นหนึ่ง

    ในกระดาษบอกว่า เมื่อเรียนวิชาที่ในกระดาษสำเร็จแล้ว เราจะสามารถมีตาทิพย์เห็นสมบัติมหาศาลที่อยู่ใต้ดิน หรือใต้มหาสมุทรนี่แหละ ได้ แถมลงไปเอามาเป็นของเราเองได้ด้วย... แต่ เราต้องอธิษฐานจิตเลิกนับถือครูบาอาจารย์ทั้งหมดที่เราเคยนับถือ ให้นับถือได้ผู้เดียวคือ เจ้าของวิชาในกระดาษแผ่นนี้

    เมื่ออ่านมาได้แค่นี้ เราก็โยนกระดาษทิ้งเลย... เพราะถ้าจะให้เราอธิษฐานเลิกนับถือครูบาอาจารย์...

    ก็เท่ากับเราต้องเลิกนับถือองค์หลวงพ่อฤาษี อีกทั้งพระรัตนตรัยด้วย... ยังไงๆ เราก็เลิกนับถือทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่านไม่ได้... สมบัติเหล่านั้นเราจะเอามาทำอะไร ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย... แล้วก็ตื่น

    ความฝันน่ะมีเยอะมาก... ฝันว่าคอยช่วยเตือนคน หรือช่วยเหลือคนจากพวกภูติ ผีปีศาจนี่จะบ่อยมาก... ในฝันเวลาช่วยก็เหนือย ตื่นขึ้นมาก็เหงื่อโทรมตัวเลย...

    เออ! แปลกดี ปกติไม่เคยเป็นเลย เมื่อกี้อยู่ดีๆ จิ้งจกก็ตกจากเพดานลงมานอนแปะอยู่ข้างหน้า ห่างไม่ถึง ฟุตเลย แล้วก็เกาะอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่ยอมไปไหน...

    จนต้องหันไปบอกว่า... รู้แล้ว ไม่ได้เถลไถลหรอก เดี๋ยวก็เลิกแล้ว เดี๋ยวจะไปปฏิบัติธรรมแล้ว... ฟังอยู่สักแป๊บ แล้วค่อยไป... คงต้องเลิกก่อน ไม่อยากผิดสัจจะ... เนอะ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอโมทนาบุญด้วยครับ ที่คุณผ่านการทดสอบทางจิตใจในความตั้งมั่นในไตรสรณะคมม์ ตั้งมั่นในพระนิพพานเพียงจุดเดียว

    แบบนี้หนทางในการปฏิบัติไม่ไกลเกินเอื้อมครับเพราะ หากไม่ใกล้นิพพาน เขาไม่มาทดสอบกำลังใจแบบนี้ครับ

    ขอให้ตั้งมั่นในการปฏิบัติต่อไป ส่วนธนาณัติร่วมทำบุญสมทบกองทุนพลังจิตพิชิตภัยพิบัติให้แล้วครับ

    ขอโมทนาบุญให้กุศลทั้งหลายที่พวกเราได้บำเพ็ญแล้วมานับแต่อดีต ปัจจุบันและในอนาคต ขอให้คุณและครอบครัว พึงได้อานิสงค์สมบูรณ์ทุกอย่างทุกประการด้วยเทอญ


    อีกเรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำท่านอื่นๆในเรื่องของนิมิตรต่างๆโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเองบ้าง ทรัพย์สมบัติทั้งหลายบ้าง การบรรลุธรรมขั้นสูงบ้าง ขอให้เราเองใช้อุเบกขาในการพิจารณานิมิตรทั้งหลายทุกอย่างประหนึ่งเป้นเรื่องราวของคนอื่น อย่าได้ไปยึดมั่นถือมั่น อย่าได้ไปเชื่อแต่เเรก รู้สักแต่ว่ารู้ แล้วรอข้อยืนยันข้อพิสูจน์ เมื่อเจอข้อยืนยันอย่างแท้จริงเราค่อยเชื่อ

    ส่วนธรรมส่วนนิมิตรที่ปรากฏเพื่อการละ ตัด วาง ซึ่งกิเลส เพื่อมรรคผลนิพพาน เพื่อประโยชน์ของสรรพสัตว์ เราจงใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองก่อนว่ามีผลมีอานิสงค์ แล้วจึงปฏิบัติครับ เช่นนี้จึงได้ชื่อว่าฉลาดในนิมิตร ไม่หลงในนิมิตร

    ขอให้ทุกๆท่านก้าวหน้าเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือพระนิพพานทุกๆท่านครับ
     
  9. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอถามเกี่ยวกับความรู้สึกแปลกๆครับ วันนี้ขณะนอนจับลมอยู่ อยู่ดีๆ ไม่ทราบครับว่ามันคืออะไร อาจต้องให้พี่คณานันท์ช่วยสแกนด้วยครับ มันเป็นความรู้สึกคล้าย จิตเหมือนไม่หนักเพราะร่างกายอย่างที่เคย สามารถรับความรู้สึกในขันธ์ได้ปกติแต่ไม่ทุกข์เพราะความรู้สึก ผมไม่รู้ว่าคืออะไรผมก็เลยวิปัสสนาไปก่อนเลยเผื่อใกล้มรรคผล แต่จิตก็เหมือนถูกตรึงไว้ด้วยอารมณ์นิ่งๆ เสร็จแล้วผมก็จามทีนึง ก็หลุดจากอารมณ์นี้ทันที ผมกลัวกายทิพย์กระเทือนก็เลยนั่งจับลมต่อซักพัก แล้วก็แผ่เมตตา ก็ออกจากสมาธิครับ ขอคำแนะนำด้วยครับว่าอารมณ์นี้คืออะไร ขอบพระคุณมากครับ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จิตเริ่มที่จะมีความทรงตัวในอุเบกขาญาณในร่างกาย กิเลสในขณะอยู่ในฌานลดน้อยหายลงไปครับ

    จิตจะมีตัวรู้รู้สึกได้ว่า การปล่อยวางจากอุปทานในร่างกาย เป็นความสุข ความโปร่งเบาในจิตของเราขณะนั้น

    การที่น้องเข้าพิจารณาในวิปัสนาญาณนั้นนั้นว่าถูกต้องแล้วครับ จะยิ่งทำให้จิตสะอาดยิ่งขึ้น คราวหน้า อย่าลืมอธิฐานวสีในอารมณ์นั้นแล้วต่อด้วยการเจิญอรูปฌานก่อน เข้าสู่วิปัสนาญาณครับ จะยิ่งละเอียดลึกเข้าไปอีกครับ

    เสร็จแล้วก็อย่าได้ลืมแผ่เมตตาให้เป็นปกติครับ จิตจะละเอียดสะอาดและชุ่มเย็นครับ

    ขอโมทนาบุญในความตั้งใจและก้าวหน้าในการปฏิบัติด้วยครับ ที่สำคัญ อย่าได้ลืมภาระกิจทางโลกคือการเรียนหนังสือเราต้องยิ่งทำให้ได้ดีด้วย อย่าให้ใครมาปรามาสว่า มัวแต่ทำสมาธิแล้วการเรียนตกไปได้ เขาจะบาป เสีย ดังนั้นเราต้องดีเพื่อสงเคราะห์เขาให้เห็นประโยชน์และมาทำสมาธิกันให้มากๆด้วยครับ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอบพระคุณมากครับ แต่ผมยังสงสัยอีกอย่างครับ อารมณ์นี้นี่ผมจะกลับเข้าไปได้ด้วยวิธีไหนครับ หรือว่าต้องรอให้เกิดขึ้นเอง เพราะผมยังไม่ทราบครับว่าอยู่ดีๆมันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะตอนนั้นแค่จับลมปกติก็เข้าไปเองเลยครับ ขอบพระคุณมากครับ แล้วผมก็ได้โหลดการสัมนาของวันที่ 16 มาฟังแล้วครับ 8ชั่วโมงครับ ฟังกันมันส์เลย แม้จะเป็นไฟลที่อัดมาแต่ตอนที่อาจารย์ท่านให้ปรับคลื่นจิต ผมก็ยังสัมผัสได้นะครับว่ามีพลังจริงๆ แม้จะเป็นไฟล์ที่อัดมาก็ยังมีพลังติดมาด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งครับ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    กลับเข้าไปใหม่ก็ให้ใช้การอธิฐานครับ

    จับลมหายใจสบาย
    เจริญวิปัสนาญาณ
    จับลม
    อธิฐานขอเข้าสู่สภาวะนั้นอีกครั้ง
    วางใจให้เป็นอุเบกขา เฉยๆอย่าไปอยาก เกิดก็ดี ไม่เกิดก็ไม่เป็นไร
    จับลมหายใจแล้วเฝ้าดู จิตของเรา

    หากเข้าได้ก็ต่อไปตามที่เคยได้แนะนำเอาไว้
    หากยังก็ไปพิจารณาในวิปัสนาญาณต่อไปครับ

    ขอโมทนาบุญและผลในการปฏิบัติอันเป็นปัตจัตตังรู้เห็นได้เฉพาะตนด้วยครับ
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เมื่อใกล้รุ่งนั่งสมาธิได้สักครึ่งชั่วโมง ต้องเร่งฝึกหน่อยอายน้องๆ เว้นไปนานจิตยังซัดส่าย
    หลังๆได้ลมสบาย ได่ยินเสียงทุกอย่าง สักพักปลายมือชาๆเล็กน้อย ได้ยินสามีหายใจหนักๆเหมือนจะตื่นนอนเลยเลิกเสียแล้วอุทิศกุศล

    เมื่อคืนฝันว่าได้พระองค์ไม่โตนัก (เป็นพระเครื่อง) เป็นรูปพระภิกษุนั่งขัดสมาธิ ที่ฐานมีตัวหนังสือเขียนว่าเทพโลกอุดร
    สงสัยถ่ายรูปพระให้พี่เกษมมากไปมั้ง
     
  14. พุทธโกมุท

    พุทธโกมุท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +2,807
    โมทนากับอาจารย์ไก่ด้วยครับ ช่วงแรกๆที่เริ่มสนใจฝึกกรรมฐาน ผมก็ฝันว่าได้พระเช่นกัน เป็นพระหลวงปู่ปาน 2 องค์ คิดเข้าข้างตัวเองว่าท่านสงเคราะห์รับเราเป็นศิษย์แล้ว หลังจากนั้นการปฏิบัติก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าของอาจารย์ไก่น่าจะคล้ายๆกันน่ะครับ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ความเห้นของคุณพุทธโกมุทถูกต้องแล้วครับขอโมทนาบุญกับ อ.ไก่ด้วยครับ

    การถ่ายภาพพระเป็นจำนวนมากๆนั่นเองทำให้ได้พุทธานุสติและสังฆานุสติโดยไม่รู้ตัวครับ ได้กรรมฐานทีเผลอ

    หากจับลมสบายไป แผ่เมตตา และถ่ายภาพพระไปด้วยล่ะก็เยี่ยมเลยครับ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาต่อเรื่องเจโตปริยญาณกันครับ

    เนื่องจากมีเพื่อนๆหลายๆท่านได้ กันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีติดสงสัยบ้าง คิดว่าบังเอิญบ้าง

    เรื่องเจโตปริยญาณนั้นก็คือการรู้วาระจิต ของบุคคลต่างๆ รวมทั้งตนเองด้วย

    เรื่องนี้เป็นผลจากการปฏิบัติ ในสมาธิควบกับวิปัสนาญาณ

    อาการที่ปรากฏก็จะเหมือนกับเรา ได้ยินเสียงของความคิดของบุคคลอื่น ส่วนใหญ่จะปรากฏขึ้นเอง ได้ยินเอง ผมเรียกเล่นๆว่า "คนอื่นเขาคิดเสียงดัง"

    มีบางคนที่ได้ยินเสียงความคิดคนอื่น ประมาณว่าเขาคิดในใจ แต่เราได้ยินในจิตแล้วเอ่ยปากถามออกไปจนเขา เกิดงง ว่า ยังไม่เอ่ยปากถามแต่ทำไมเราตอบออกมาแล้ว

    เจโตนั้นมักปรากฏตอนที่เราจับลมหายใจสบายอยู่วางอารมณ์เบาๆสบายๆแล้วเกิดเองแบบไม่ได้บังคับแบบหนึ่ง

    กับอีกกรณีที่ใช้กำลังของมโนมยิทธิขอบารมีพระท่านดูจิต ทั้งของเราเอง และการดูคิด ดูความคิดของบุคคลอื่นอีกประการหนึ่ง

    โดยส่วนตัวผมเองไม่นิยมการไปดูจิตของบุคคลอื่นเนื่องจากถือว่าเป็นมารยาทในการไปดูของส่วนตัวของคนอื่นเขา มันไม่เหมาะ

    โดยเฉพาะ ผู้ที่เป็นมิจฉาทิษฐิ ไปเที่ยวดูจิตดูอดีตชาติของคนนั้นคนนี้แล้วเอามาเปรียบเทียบกับตนเองว่า เขาเก่ง ไม่เก่งกว่าตัว บ้าง ไปดูเพื่อการครอบงำเขาเอาไว้บ้าง เอาเป็นว่าการไปดูเพื่อการก่อกิเลส ก่อมานะทิษฐิ เป็นการปฏิบัติที่ไม่แนะนำ

    การใช้เจโตปริยญาณในแนวทางสัมมาทิษฐินั้น มีแนวทางดังนี้

    -การใช้เจโตดูจิตของเราเองว่าสะอาด หรือไม่สะอาด มีกิเลสหรือไม่มีกิเลส จิตเป็นแก้วประกายพรึกทรงอยู่ตลอดเวลาหรือไม่

    -การใช้เจโตเพื่อดูจิตคนอื่น ให้เป็นไปด้วยจิตที่ทรงพรหมวิหารสี่มุ่งสงเคราะห์เขา เช่นในขณะที่สอนสมาธิก็ดี ต้องดูจิตของคนที่เราสอนด้วยว่า ทรงสมาธิได้ไหม ตัวเขาเห็นในจิตของเขาอย่างไร สมาธิได้ระดับไหนแล้ว ต้องปรับอารมณ์ปรับจิตอย่างไรจึงจะขึ้นสู่สมาธิที่สูงขึ้นได้ หลายๆท่านก็คงจะมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้กันอยู่บ้าง โดยเฉพาะท่านที่แว่บมาติวเข้ม(ซึ่งผมถือว่ามีความเพียร ความจดจ่อในความดีสูง)

    -การใช้เจโตในการทำงานเพื่อส่วนรวม ในสมัยหนึ่งที่หลวงพ่อท่านสอนผมจากเคสจริงๆ ท่านเล่นให้เราจับเจโตแบบชนิดให้ชุ่มเลย ดูปั๊ปรู้ปุ๊ปว่าใครเป็นอย่างไร ดี ร้าย อย่างไร จิตใจดี ไม่ดี อย่างไร คิดอย่างไรกับเรา ซึ่งไอ้ที่ตอนหลังไม่ค่อยได้ใช้ก็เพราะ ไปเจอที่เขาคิดไม่ดีกับเราบ่อยๆเข้าก็เบื่อเหมือนกัน ได้ยินแบบเต็มสองหู เลย เราจะพลอยหน่ายเสียกำลังใจเพราะโลกธรรมแปดเสียมากกว่า

    แต่ตอนนี้สำหรับเรื่องเจโตปริยญาณพระท่านสั่งให้ใช้เต็มที่เพราะ ต้องใช้ทำงานแล้ว จะมาขี้เกียจใช้ไม่ได้ แล้วเวลาใช้คราวนี้เอาแบบลวกๆก็ไม่ได้ ประมาณว่าพวกเอานิมิตรรูปพระมาบังจิตเอาไว้ไม่ให้เห็นจิตมารของตัวเองนี่ก็มี บางคนใช้ลีลาปิดจิตเอาไว้ก็มี บางคนก็ใช้วิธีพรางจิตเอาไว้ไม่ให้เห็น

    วิธีการก็คือ ส่วนใหญ่คนที่เป็นคนประสงค์ร้ายนั้น ก็มีความหวาดระแวงกลัวคนมารู้จิต รู้ความจริง รู้ความชั่วของตัว ดังนั้น เราก็อธิฐานดูให้ลึกที่สุด ถึงเนื้อจิตที่แท้จริงของเขา ก็พอจะทราบในความเป็นทิพย์ได้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน คิดอย่างไร คิดเสียสละ หรือคิดเพื่อตนเอง

    คำพูด วาจา การแสดงออกกลบเกลื่อนกันได้ แต่จิตบังได้ ซ่อนได้ แต่หลอกกันไม่ได้ หากใช้อดีตังสญาณ และยถากรรมุตาญาณ ร่วมไปด้วยแล้ว ก็จะรู้อดีตชาติ ที่มา และอนาคตที่เขาจะไปได้

    พวกเราที่สนใจฝึกกันนั้นผมขอให้ตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิเอาไว้เป็นสำคัญ

    จุดสำคัญที่จะเตือน ก็คือให้เห็นความเป็นธรรมดาที่ปรากฏจากเจโตปริยญาณว่าเป็นธรรมดา เป็นเรื่องปกติ อย่าไปคิดว่าเป็นความวิเศษ อย่าได้ไปแสดงให้ชัดว่าเรามีความสามารถนี้ ให้คนนอกวงการปฏิบัติธรรมได้รู้ ให้เลี่ยงให้เบี่ยงไป เปลี่ยนเรื่องเสีย

    แต่เราสามารถพูดคุยกันในหมู่ผู้ปฏิบัติเพื่อ การยืนยันผลของการปฏิบัติกันได้


    ส่วนที่ต้องมาลงในช่วงนี้ก็เนื่องมาจาก ท่านต้องการแยกคนเลวออกจากหมู่คนดี เพราะตอนนี้มีคนดีๆ ที่ต้องเสียเพราะมีคนเลวเข้ามาปะปน

    การใช้เจโตปริยญาณก็เพื่อให้ทราบว่า ดีน่ะดีจริงไหม บางคนอาจมีดีบ้างเลวบ้าง แต่พื้นของจิตเป็นอย่างไร มีพื้นฐานจิตใจที่ดีงามหรือไม่

    บางคนรู้ธรรมมะเป็นฉากๆแต่มีจิตเป็นมิจฉาทิษฐิ ริษยาผู้อื่นเป็นปกติ เห็นผู้อื่นดีกว่าเก่งกว่าไม่ได้ ฉันต้องเก่งกว่า วิเศษกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นวิธีคิดที่อาจเข้าใจผิด อันที่จริงมีคนเก่งหลายๆคนก็ยิ่งดี เพราะเราจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว เขาเก่งเราก็โมทนากับเขา เรามีแต่ได้กับได้ แล้วดูว่าเขาเก่งอย่างไร แล้วไปพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นตามลำดับ

    การใช้เจโตปริยญาณเมื่อปรากฏก็ขอให้ใช้ในทางสร้างสรรค์ ในทางสงเคราะห์ และท้ายที่สุดใช้ในการตัดกิเลส

    วิธีการก็คือการทรงจิตในอารมณ์พระนิพพานแล้วใช้เจโตคุมจิต ดูจิตให้ทรงอารมณ์นี้เอาไว้ให้นานที่สุดทั้งยามหลับ ยามตื่นครับ


    "ขอให้เจโตปริยญาณของทุกท่านที่ปรากฏจงเห็นดวงจิตของท่านเองใสสะอาดบริสุทธิ์เปล่งฉัพพรรณรังสีสว่างไสวตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิด้วยทุกท่าน ทุกคนด้วยเทอญ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2007
  17. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    สาธุ ธรรมพี่เล็กได้ บรรยายวันนี้ ผมเองนั้นยังด้อยนัก ไอ้ดูจิตคนนี่ไม่เคยได้ ดูของตัวเองนี่แหล่ะสบายใจดี
     
  18. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เหอๆ วันนี้มีโอกาสไปสักการะพระธาตุ ในงานบูชาพระธาตุ ที่เมืองทองธานี
    ใครสนใจไปกันนะครับ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่พอเข้าไปเท่านั้น
    แหละ อึ้งเลย เอาพระธาตุส่วนต่างๆ ของพระปัจเจกพุทธเจ้า สวยงามยิ่งนัก
    พอไปนั่งทำสมาธิในบริเวณนั้น ก็เกิดได้ยินเสียงของพี่ที่เค้าไปด้วย นั่งข้างๆ
    ก็ไม่ได้สนใจเค้าพูดอะไร นึกว่าจะลุกออกจากสมาธิแล้ว เลยลืมตาจะลุกด้วย
    ปรากฏว่า เค้ายังทำสมาธิอยู่เลย พอลุกออกจากที่นั่งก็ถามเค้าว่า ได้พูดอะไร
    ไหม เค้าบอกเปล่าเลย เสียงมานมาจากไหนละเนี่ย เหอะๆ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เคสนี้เป็นทิพย์โสต หรือเสียงทิพย์จากเบื้องบนครับ

    วันนี้ผมก็ได้ไปมาครับมีหลายๆคนไปด้วยเช่นกัน ขอถวายบุญให้กับเพื่อนๆทุกคนด้วยครับ

    ขอแนะนำว่าหากมีโอกาสให้ไปกันครับ วันธรรมดายิ่งดีเพราะคนน้อยหน่อย ทำสมาธิง่ายหน่อยครับ และงานมีถึงวันอาทิตย์นี้แล้วครับ
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    Thankyou krub

    i don't type thai
     

แชร์หน้านี้

Loading...