อยากทราบว่ามีวิธีใดในการประคองตัวเราให้ไม่ล้มเลิกการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 19 มกราคม 2014.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    มันคงจะเป็นนิสัยเดิมด้วยคะ เพราะปกติแล้วดิฉันก็บอกไม่
    ถูกเหมือนกันบางเรื่องก็ดีมากแต่บางเรื่องก็ evil และดิฉัน
    อยู่ในสังคมแบบ ปิด ไม่สนิท ไม่ยุ่งอะไรกับใครนอกจากเรื่องธุระ
    มันเลยทำให้ ไม่เห็นแบบอย่าง ไม่เห็นภาพ
    ดิฉันใช้ชีวิตคล้ายคนที่โดนไปปล่อยอยู่ป่าตามลำพัง
    มันเลยเหมือนว่าเรามีความ self-center มาก
     
  2. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    อ๋อ...เจ้าหญิงเปอร์เชีย ช่วยหากระโถนมาหน่อยเร้ววว
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันไม่ให้ fb ใครคะแค่บอกเฉยๆว่ามี ภาพวิวในเฟรซ
    โอ้ไม่ต้องเรียกเจ้าหญิงหรอกคะ

    มีแต่รูปวิวเท่านั้นคะ รูปดิฉันไม่มีคะ เพราะดิฉัน
    ไม่เคยถ่ายรูปตัวเอง นอกจากวิว ไม่ชอบถ่ายรูปคน
     
  4. UางЂaา

    UางЂaา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +51
    แหม๋...เสียดายจัง :cool:
    เดี๋ยวต้องขอตัวก่อนฮับ ไอ้ตัวนั่นคนข้างบนคุณมาอีกแล้ว
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    บางภาพที่ถ่ายเอง

    จริงๆแล้วน่าจะเป็นเจ้าหญิงยุโรปมากกว่า เพราะบ้านดิฉันอยู่ยุโรป
    แต่กำลังคิดว่าจะย้ายไปเมืองแขก เพราะค่าครองชีพต่ำ

    อันนี้บางภาพที่พอมีถ่ายเอง
    ในคอมนี้ แต่ภาพทั้งหมดอยู่ที่คอมเจ้ง

    ต้องขอตัวเหมือนกัน มีธุระต้องไปหาสำนักงานโนตาลิสต์



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  6. UางЂaา

    UางЂaา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +51
    กลับเข้ามาชมภาพถ่ายฮับ ฝีมือดีนะนี่ :cool:
    สังเกตม่ะ เวลากุศลครอบงำ อะไรๆก็ดีไปหมด :cool:
    หากกลับจากโนตาลิสต์แล้ว ลองฟังนี้ดูฮับ
    "ประวัติพระนางรูปนันทาเถรี เอตทัคคะในฝ่าย ผู้เพ่งด้วยฌาน" ดีนะฮับ ไม่ลองฟังไม่รู้น๊าา

    <iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/DRPRziTNgSI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    ขอถาม คะ อยากทราบว่าเรื่องราวในพระไตรปิฏกนั้น
    ใครเป็นผู้บันทึก และ เรื่องราวพระอริยะองค์ต่างๆ
    นั้นทราบได้อย่างไรว่า บรรรลุอริยะเป็น อรหันต์บ้าง สกทาคามี โสดาบัน ฯ


    แต่ส่วนตัวเรื่องทั้งหมดที่ฟังมา (ยังไม่ครบ) จะชอบเรื่องหมูมุณิกะ (บางเรื่องฟังตลกๆหน่อย และก็โหดๆด้วย ) & พระภัททกาปิลานีเถรี

    เรื่องนี้มากที่สุด




    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=tOT7zjD9gAI"]?????????-????????????Sub-eng - YouTube[/ame]




    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=PmA5M_qjewk]พระภัททกาปิลานีเถรี.wmv - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  8. UางЂaา

    UางЂaา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +51
    ตอบตามความรู้น้อยๆนะครับ
    1.เรื่องราวในพระไตรปิฏกใครเป็นผู้บันทึก?

    - เริ่มมีการสังคยานาครั้งแรกโดยพระอรหันต์500รูปมีพระกัสสปะผู้เป็นประธาน
    พระอานนท์จะแสดงเกี่ยวกับสุตตันตปิฏก พระอุบาลีแสดงเกี่ยวกับพระวินัยปิฏก
    แล้วก็มีการสังคยานามาเรื่อยๆ หากต้องการดูรายละเอียดก็ลองค้นหาข้อมูล

    กาลามสูตร ก็ขอให้ยกไว้ก่อนอย่าเพิ่งฉาบฉวย มีศรัทธาให้มั่นคงก่อน

    2.จะทราบได้อย่างไรว่าใครบรรลุพระอริยะในเรื่องราวสมัยพุทธกาล?

    - หากมีศรัทธาในพระพุทธเจ้าอย่างมั่นคง ผู้นั้นจะน้อมใจเชื่อในคำสอน
    เพราะพระองค์เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นโลกะวิทู เป็นพระสัพพัญญุตญาณ ไม่มีใครเสมอเหมือน
    บุคคลที่เชื่อมั่นในพระตถาคตว่าเป็นผู้ชี้นำทาง นั่นเพราะมีศรัทธาความเชื่อ
    ศรัทธาเป็นเสมือนหัวขบวนรถไฟ สามารถลากวิริยะความพากเพียร ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้
    หากขาดศรัทธาที่มั่นคง สิ่งที่พระองค์ตรัสมา ผู้นั้นจะไม่สามารถน้อมใจเชื่อได้เลย
    อินทรีย์-พละ ของผู้นั้นก็จะไม่สามารถเต็มเปี่ยม หรือที่เรียกว่าอินทรีย์ทั้ง5(ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา)

    ดังนั้น เรื่องราวเอตทัคคะในสมัยพุทธกาล จึงเชื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย สามารถดำเนินรอยตามได้ตามจริตวิสัยครับ
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,193
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +70,436
    จากปรุะสพการณ์ในชีวิต


    ยามที่ความทุกข์ และสิ่งหลากหลายในโลกเหมือนจะบีบคั้น

    แต่ถ้าเราสามารถอดทน เอาชนะอารมณ์ตัวเองได้
    ไม่ยอมทำตามจิตใจ ที่กำลังชักนำให้เหตุผลในการทำชั่ว ด้วยกาย วาจา และใจ


    กลับมีแสงสว่างจากภายใน และ กำลังใจ ที่แม้จะยังน้อย แต่ความมืดไม่สามารถดับได้
    เหมือน ดาวสุกสว่าง ที่เด่นท่ามกลางคืนเดือนดับ



    ....เมื่อเราอดทน ฝืนใจ ชนะใจตนได้ทีละน้อยๆ บ่อยๆครั้งเข้า



    ปิติ สุข สงบ จากภายใน นั้นเอง คือ กำลังที่จะประคองหล่อเลี้ยงให้เราเจริญ
    ในทางธรรมได้ จนกว่าร่างกายนี้จะแตกดับไปอีกชาติ
     
  10. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ส่วนผมชอบเรื่อง หมูผู้กล้าหาญ ชนะเสือได้ ^^ อยู่ในชาดก เป็นอดีตชาติเรื่องราวความกล้าหาญมากของพระอรหันต์พระองค์หนึ่ง ที่ติดตัวมาจนชาติสุดท้าย
     
  11. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    สติวินะโย..ดิฉันไม่รู้จักนะค่ะ
    ตอบเรื่อง หายใจไม่สะดวกดีกว่า

    เรื่องนี้เพื่อนอธิบายว่า น่าจะเกิดจากการเข้าฌาณ แล้วร่างกายเริ่มหายใจลึกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ขัดกับธรรมชาติ
    ทำให้ไม่สัมพันธ์กัน
    วิธีแก้คือ ฝึกหายใจเข้าออก ลึกๆ ยาวๆ (ฝืนทำ) เวลาไม่ได้เข้าฌาณ เป็นอาการของร่างกายนะค่ะ


    อยากทราบคะว่าสุขจาก
    การทรงฌาณตลอดนี้มันมากกว่าสุขจากกิเลสที่ดิฉันได้ไปพบเห็น

    ส่วนตัวความเห็นดิฉันว่า มันผิดกันเยอะมาก มากจนบางคนถ้าไม่ได้เจริญสติ จะเกิดอาการติดสุขได้เลยค่ะ
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,193
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +70,436
    การสร้างกำลังใจ ที่ทำให้อาจหาญไม่ละทิ้งธรรม_________________________________




    สำหรับผู้มีความสุขทางโลกมาก อยากได้สิ่งใดก็สมปรารถนาเป็นส่วนมาก
    แทบจะไม่พบกับความไม่พึงพอใจ ในสิ่งตอบสนองทางกาย

    มีทรัพย์ มีโอกาส ที่จะทำบุญกุศลภายนอกได้มาก ได้สะดวก

    แต่ ไม่ได้อบรมให้ใจเกิดปัญญาภายใน ที่จะเห็นอริยสัจจ์อันเป็นความจริงในโลก


    ในยามที่ต้องพรากจากของรัก ของชอบ ในยามที่ต้องประสพกับการแปรปรวนของสิ่งที่รักที่ชอบ ความไม่ได้ดั่งใจในอารมณ์ที่ปรารถนา

    ความทุกข์จากภายในก็จะเกิด (และอาจจะมากกว่าคนทั่วไป ที่เคยประสพความทุกข์
    แล้วมีปัญญายอมรับในไตรลักษณ์ของสรรพสิ่ง)

    เมื่อทุกข์ภายในเกิด แต่ไม่มีสติและสัมปชัญญะ ระลึกรู้ ยับยั้ง
    ปัญญาภายนอกที่เป็นแค่ความคิดนึกตรึกตรอง จะตามอารมณ์ไม่ทัน


    -----------------------


    แล้วจะทำอย่างไรเล่า จึงจะเพิ่มปัญญาภายในที่เท่าทันความทุกข์ที่เกิดขึ้น และเท่าทันอารมณ์ไม่พึ่งพอใจ ที่จะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกข์ทับทวี


    อย่างง่ายๆที่สุด ก็ต้องเห็นทุกข์จากกายเราเอง ด้วยสารพัดวิธี

    และ ดูให้เห็นเทวฑูตทั้งสี่จากภายนอก คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่มีมากมาย
    (ไปโรงพยาบาล จะเห็นได้ครบ )
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,193
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +70,436
    ฌาณ



    การเลือกที่จะเพ่ง รวมสติระลึกรู้ ในอารมณ์ที่พอใจในสิ่งพอใจ
    จะเป็นการรวมอำนาจจิต ให้เป็นสมาธิได้

    สมาธิที่ประกอบด้วยองค์ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา จะกลายเป็นสภาวะฌาณ


    อันมีจุดอ่อนคือ ...ยามที่ประสพกับอารมณ์อันไม่ชอบใจอย่างแรง ก็จะเกิดการเสื่อมการถอยหลังได้ง่าย มีอารมณ์สุดขั้วได้ง่ายทางด้านโทสะ พยาบาท
    ...ยามที่ประสพกับอารมณ์อันชอบใจอย่างแรง ก็จะเกิดการเสื่อมการถอยหลังได้ง่าย มีอารมณ์สุดขั้วได้ง่ายทางด้านราคะ โลภะ กามฉันทะ




    แต่........


    เมื่อ บุคคล ได้มีวาสนา มาพบกับมหาสติปัฏฐานสี่
    ในพระพุทธศาสนา แล้วได้ฝึกฝน ที่ตั้งสติ และสัมปชัญญะ ไว้ในอารมณ์ทั้งสี่คือ
    กาย เวทนา จิต ธรรม อันมีในกายตนเป็นเบื้องต้นแล้ว

    จิตจะเข้าสู่สภาวะ ปิติ สุข เอกัคตา ได้อย่างธรรมชาติ เป็นฌาณแบบธรรมชาติ
    โดยมีสิ่งต่างๆที่มากระทบทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นวิตก วิจาร

    ไม่ต้องมีความอยากประสพกับอารมณ์ที่พึงพอใจ มาเป็นตัวกระตุ้น

    จึงเสื่อมได้ยาก แปรปรวนได้ยาก


    และ ตราบใดที่มีสติ สัมปชัญญะ มีกาย มีใจ

    สภาวะที่ทรงในองค์ฌาณ ตั้งแต่ปิติ สุข เอกัคตา ก็เป็นไปได้ โดยไม่ต้องดิ้นรนหา


    ---แม้แต่นิมิตละเอียด ที่นอกเหนือจากหู ตา สัมผัสธรรมดา จะมีมา จะสลาย
    ก็ไม่ได้ทำใจคลาดเคลื่อน จากปกติสุขภายใน ด้วยความรู้ทั่วรู้พร้อมได้เลย

    อายตนะทิพย์ และอภิญญา ของจริง ที่เกิดจากการอบรมฝึกฝนของตน ไม่ได้มาจาก
    พลังงานแฝงภายนอก สามารถมีได้ ฝึกเพิ่มได้ หลังจากอบรมด้วยมหาสติปัฏฐานสี่ที่กลมกลืน
    เป็นเนื้อเดียวกับจิต
    แม้ไม่ได้ต้องการจะมี ก็มีได้ โดยไม่นำพาไป ให้หลงจากทางพ้นทุกข์


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มกราคม 2014
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สมาธิ ที่ไม่เกิดปัญญา ก็เรียกว่า มิจฉาสมาธิ
    สติ ที่รู้แล้ว เข้าไปยึด ก็เรียกว่า มิจฉาสติ
    สติและสมาธิ เป็นสิ่งที่เกื้อกูลกัน

    อาการทรงสติเอาไว้นั้น จะเป็นอาการรู้สึก ตื่นอยู่ เห็นจิต เป็นปกติ เมื่อมีผัสสะ ผ่านเข้ามาก็จะรู้ได้โดยตลอด เพียงแต่การรู้นี้ไม่ได้เข้าไปยึด เห็นผู้หญิงสวยก็รู้ว่านี่ผู้หญิงสวย แต่ไม่เข้าไปปรุงแต่ง วิตกวิจารณ์ต่อ ไม่ใช่กระทบแล้วไม่กระเทือน เหมือนดั่งปาก้อนหินไปที่ผนัง ไม่ใช่อย่างนั้น จะเปรียบไป คล้ายกับการปาหิน ไปในหุบผาที่ไม่มีก้น หินที่ปาออกไป ย่อมไม่กระทบเข้ากับสิ่งใด สิ่งที่ไม่กระเทือนมันจึงไม่มี...

    เมื่อทรงสติแล้วสัมปชัญญะจะอยู่คู่พร้อมและทั้งสมาธิ อาการภายนอกจะเหมือนมีแหมารัดตรึงเข้ากับตัวไว้แน่น จะรู้สึกตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา ตื่นอยู่ตลอดเวลา รู้สึกทุกอริยาบทที่เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหว แม้การกรอกตา หรือเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายก็รู้สึกได้ ทำตรงนี้ได้ต้องทรงฌาณ 4 ไปด้วยพร้อมๆกัน ต้องบอกก่อนว่า ฌาณ4ที่ว่านี่เป็นฌาณ 4 ในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ในทางทฤษฎีที่ต้องนั่งหลับตานิ่ง ให้จิตกับกายแยกออกจากกัน อย่างนั้นเป็นสำหรับผู้ฝึกเบื้องต้นเท่านั้น...

    อาการของผู้ทรงสติ สัมปชัญญะ พร้อมๆไปกับทรงฌาณตลอดเวลานั้น ผมไม่รู้สึกว่าเวลานั้นมันสุขยังไง มันทุกข์ยังไง หรือมันไม่สุขไม่ทุกข์ยังไง...ด้วยเพราะมันไม่ปรากฎอาการของสุข ของทุกข์ และความไม่สุขไม่ทุกข์ เนื่องจากสติรู้เท่าทันใน เวทนาเหล่านี้ ย่อมไม่ยึดอยู่ เป็นแต่ผู้รู้ ทรงอยู่อย่างนั้น ตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้ในยามหลับ ก็เสมือนตื่นอยู่ การฝันไม่มีเกิดขึ้น นิมิตต่างๆไม่ปรากฎ ร่างกายจะหมดจด ของเสียที่ขับถ่ายออกมาก็ไม่มีกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจดั่งก่อน...

    เมื่อทรงไว้เช่นนี้ได้ ตลอด 7 วัน 7 คืน หรือ 7 เดือน ไม่เกิน 7 ปี สภาวะธรรมจะเกิดขึ้นแก่จิต จิตจะเป็นผู้เห็นสภาวะธรรม เป็นธรรมอันประเสริฐ ไม่มีภาษา ไม่มีเบื้องต้น เบื้องหน้า เบื้องหลัง ไม่มีเหตุ ไม่มีอ้างอิง ไม่มีประมาณ คาดการณ์ไม่ได้ จะปรากฎขึ้น โดยเบื้องต้นจะได้เห็น ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา แต่ไม่ใช่อาการรู้ จากการท่องจำ หรือบีบบังคับให้คิดตาม แต่เป็นอาการเห็น เสมือนคนที่หลับตามาตั้งแต่เกิด เมื่อได้ลืมตาขึ้นมามองเห็นแสงอาทิตย์แล้ว ย่อมแจ้งอยู่ที่นั้น ย่อมสิ้นสงสัยไปในที่นั้น ความอยากเห็น ความปรารถนาใดๆ เป็นอันว่าไม่มี ไม่ต้อง อีกต่อไป จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า พรหมจรรย์ของเราได้สิ้นสุดแล้ว ภพชาติสิ้นแล้ว เป็นสิกขีภูโต เป็นพยานรู้เห็นในธรรมที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นปัจจัจตังคือรู้ได้เฉพาะตน แม้จะบรรยายอย่างไร ก็ไม่สามารถหาคำมาทดแทนกับสภาวะธรรมที่บังเกิดขึ้นได้...จนในท้ายที่สุด จึงเห็นว่า ธรรมอันประเสริฐนี้ไม่เคยบังเกิดขึ้นแก่เรา สิ่งใดเมื่อเกิดขึ้นแล้วขึ้นชื่อว่าไม่ดับไปย่อมไม่มี จึงเกิดเป็นสัพเพธรรมาอนัตตา ธรรมนี้จึงเป็นของมันอยู่อย่างนี้เอง ย่อมไม่เป็นไปเพื่อการติดยึดแต่อย่างใด นี่จึงเป็นการเห็นธรรมในธรรม....

    เล่ามาก็ดูจะมากเกินไปเสียแล้ว เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าผมบรรลุธรรมเป็นอริยะบุคคลชั้นใดชั้นหนึ่งแล้ว ก็ต้องขอยืนยันว่า ผมไม่ใช่อริยะบุคคล ยังไม่มีภูมิธรรมชั้นใดๆ ไม่ใช่ผู้มีความดีใดๆ ยังมีความเลวอยู่อีกมาก ยังไม่ชื่อว่าจะพ้นนรกได้ ที่เล่ามานี่ก็เพียงเอ่ยถึงการฝึกฝนที่ผ่านมากับพระธุดงค์ เพื่อให้รู้ว่า สติ สัมปะชัญญะ สมาธิ จิต คืออะไร? เพียงเท่านั้นเอง ซึ่งหลวงพ่อก็ได้ยืนยันว่า ที่เห็นนั้่นถูกต้องแล้ว พอจะมีหลักในการจะประพฤติปฏิบัติตนของตนได้ ได้ชื่อว่า อัตตาหิ อัตโน นาโถ คือพอจะพึ่งพาอาศัยตนเองได้บ้างแล้ว ก็เพียงเท่านี้เอง..
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..จะอธิบายให้ฟังได้ แต่คุณต้องบอกมาตามตรงก่อนว่า คุณคือ 1 ใน แก๊งค์ ผู้สอนโสดาบัน แล้วมอบใบประกาศให้-เขาเหล่านั้นใช่ไหม ครับ:boo:
     
  16. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ท่าน raming2555
    :cool:อาการของผู้ทรงสติ สัมปชัญญะ พร้อมๆไปกับทรงฌาณตลอดเวลานั้น ผมไม่รู้สึกว่าเวลานั้นมันสุขยังไง มันทุกข์ยังไง หรือมันไม่สุขไม่ทุกข์ยังไง...ด้วยเพราะมันไม่ปรากฎอาการของสุข ของทุกข์ และความไม่สุขไม่ทุกข์ เนื่องจากสติรู้เท่าทันใน เวทนาเหล่านี้ ย่อมไม่ยึดอยู่ เป็นแต่ผู้รู้ ทรงอยู่อย่างนั้น :cool::cool::cool:แม้ในยามหลับ ก็เสมือนตื่นอยู่ การฝันไม่มีเกิดขึ้น นิมิตต่างๆไม่มีเกิดขึ้น นอนไม่เคยฝัน..ฯล
    :cool:cool::cool::cool::cool:

    ..นี่แหละครับ พยานยืนยัน..ผมอยากอ่านคนที่ปฏิบัติได้แบบนี้มานานแล้ว แต่หายากยิ่งในเวปนี้ครับ ขอยืนยันอีกคนครับ สติ-สัมปชัญญะ-สมาธิ-รู้ตัวทั่วพร้อม-เขาเกิดพร้อมกันหมดเลย เฉยแบบสบายๆ เป็นหนึ่งเสมอ ทรงอยู่อย่างนั้น..ต่อจากนี้ทำยังไงต่อครับในการปฏิบัติ สาธุ:cool:
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,193
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +70,436
    วิปัสสนา



    วิปัสสนา คือ การเห็นอย่างวิเศษ

    ทางโลก หมายเอา ความวิเศษ เป็นสิ่งที่เหนือโลกสัมผัสปกติที่เค้าสัมผัสรู้เห็นด้วยอายตนะธรรมดา

    ทางธรรม หมายเอา ความที่ใจ จะมีทุกข์น้อยลง จนกระทั่งพ้นทุกข์ได้ จากการได้เห็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเห็นด้วยอายตนะธรรมดา หรือ เห็นได้โดยละเอียดกว่าธรรมดา



    ผู้ได้เจริญ มหาสติปัฏฐานสี่ จนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับจิต สามารถรวมสมถะและวิปัสสนา ได้เป็นเนื้อเดียวกัน เสมือนมีดดาบเนื้อดี ที่ทั้งคม เหนียว แข็งแกร่ง
    ( คม หมายเอา สติปัญญาที่ เท่าทันและชนะกิเลสได้มาก ,
    เหนียวแน่น แข็งแกร่ง หมายเอา สภาวะของจิต ที่ไม่หวั่นไหวด้วยรัก-ชัง
    หรือแม้แต่กิเลสสารพัดชื่อที่ทำให้สภาวะสมาธิ-ฌาณ เสื่อมคลอน)


    เมื่อสติ-สัมปชัญญะ อันเกิดจากฐานทั้งสี่ อบรมมาจนใช้งานได้

    การเห็นอย่างวิเศษ จึงปรากฏได้ทุกขณะที่มีการกระทบจากภายนอก
    คือเห็น การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป อันเป็นสัจธรรมแท้

    ปิติ สุข ปราโมทย์ ในธรรมปฏิบัติ จะทับทวีขึ้นไปเป็นลำดับ

    ความอ่อนล้า เหนื่อยหน่าย ท้อแท้ จะอ่อนกำลังจางคลายไปเรื่อยๆ


    และเมื่อการเห็นสัจธรรมคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มีความถี่แก่รอบจนได้ที่
    สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสิ่งอันเป็นไตรลักษณ์จะปรากฏ ( เป็นสิ่งที่จะรู้ได้เฉพาะตน )




    สรุป.....เมื่อสัมมาสติเป็นไปในสติปัฏฐานสี่ สิ่งที่ควรจะเป็นอุปสรรคขัดขวาง
    บ่อนทำลาย ทำให้เกิดความท้อใจ ในการปฏิบัติ ก็สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็น
    กำลังส่งเสริม ให้ปฏิบัติให้มากขึ้นไปอีกได้

    แล้วจะเปลี่ยนจากการประคอง มาเป็นอาหารใจที่ขาดไม่ได้ การปฏิบัติธรรมกลายเป็นชีวิตประจำของเราเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มกราคม 2014
  18. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    คุณโชคดีครับที่มีแต่ความสุข คงเป็นบุญที่เกื้อหนุนคุณจากการที่ไปช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยส่วนหนึ่ง :) #อนุโมทนาในส่วนนั้นด้วยครับ

    จากที่คุณเขียนมา คุณรู้สึกตัวเองตลอด ตามรู้ความคิดการกระทำตัวเอง มันก็คือการฝึกอย่างนึง มีความสุข ก็รู้.. เมื่อถึงเวลาคงพบทางปฏิบัติเองครับ .. :)
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ดิฉันมีนิสัยอย่างนึงที่ คนทุกคนที่รู้จัก ทั้งไทยและต่างชาติ
    บอกว่าไม่เหมือนคนอื่น คือ นิสัย soft
    คือ ยอมเสียเปรียบแม้ตัวเราขาดทุน เพียงเพื่อจะให้คนอื่นสบายใจหรือ ไม่โกรธ
    แม้จะเป็นเรื่องที่โง่มาก ที่คนอื่นมองว่าโง่และไม่มีวันทำ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนมาในชีวิตคือ เรายิ่งให้เรายิ่งได้

    อย่างคนมาขอซื้อบ้านของดิฉันที่ตปท ดิฉันกลับปฏิเศทคนทีให้ราคาเท่าตัวของหนี้บ้านที่ติดแบงค์
    แต่ไปปขายให้คนที่ซื้อได้เพียงราคาหนี้ที่ติดแบงค์ เพียงเพราะเห็นเขาร้องไห้
    เพราะเขาอยากได้บ้านแต่มีเงินไม่พอซื้อ



    [MUSIC]http://k007.kiwi6.com/hotlink/88ja7hr46e/Daemonia_Nymphe-Summoning_Divine_Selene.mp3[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อยากสอบถามว่า ถ้าตายที่นั้นจะได้มาเกิดเป็นคนพุทธอีกไหม

    อยากสอบถามว่า หลังจากขายบ้านที่ยุโรป ดิฉันจะมีเงินบางส่วน
    ที่มากพอจะไปซื้อ บ้าน ในเมืองโบราณ ที่ชิบามซึ่งเตึกทั้งหมดนี้ทำ
    จากโคลนก่อ ปลูกสร้างมา พันหกร้อยปี เป็นปราการป้องกันการโจมตี
    ของชาวเบดูอิน ถ้าดิฉันย้ายไปอยู่ที่ดังกล่าว มันเป็นความใฝ่ฝันของดิฉันที่จะ
    อยู่ในอาณาจักรโบราณที่เหมือนเมืองเทพนิยาย และมีความเป็นอยู่
    สงบเงียบตัดขาดจากระเบียบวุ่นวาย

    อยากทราบว่าถ้าตายที่นั้นจะได้มาเกิดเป็นคนพุทธอีกไหม?






    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]





    ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...