ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่า ตามแบบสมัยโบราณ

ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมทอดผ้าป่า(ผ้าบังสุกุล) แบบสมัยโบราณ
ในวันอังคารที่๓๑ เดือนธันวาคม พุทธศักราช๒๕๕๖
เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น.เป็นต้นไป
ณ ลานธรรมสมเด็จองค์ปฐม วัดบูรณสามัคคีธรรม จ.สุรินทร์
วัตถุประสงค์
๑.เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมที่อันมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
๒.เพื่อประโยชน์ต่อพระภิกษุที่ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร(ธุดงควัตร)
๓.เพื่อพระภิกษุจะได้เย็บและย้อมเอง ตามกระบวนการ เพื่อให้ต้องตามพระวินัย

โดยผ้าที่สามารถทอดได้คือผ้า 6 ชนิดนี้ คือ
1. โขมะ (ผ้าเปลือกไม้)
2. กัปปาสิกะ (ผ้าฝ้าย)
3. โกเสยะ (ผ้าไหม)
4. กัมพล (ผ้าขนสัตว์)
5. สาณะ (ผ้าป่าน)
6. ภังคะ (ผ้าที่ทำด้วยของผสมกัน)


ท่านที่ปราถนาแต่ไม่สามรถมาได้ ก็สามารถ ส่งผ้ามาร่วมทอดได้
โดยส่งมาที่วััดเลย

สุปัญโญภิกขุ
วัดบูรณสามัคคีธรรม
ม.5 ต.ตากูก
อ.เขวาสินรินทร์
จ.สุรินทร์
32000
สอบถามโทร 0821125954
ขออนุโมทนาสาธุ[/SIZE]

 

ประวัติความเป็นมาของการทอดผ้าป่า หรือ ผ้าบังสุกุล

ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุต้องเที่ยวเก็บผ้าบังสุกุลที่เขาทิ้งแล้ว เช่น ผ้าเปรอะเปื้อน ที่ชาวบ้านไม่ต้องการนำมาทิ้งไว้ ผ้าห่อศพ ฯลฯ เมื่อรวบรวมผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยพอแก่ความต้องการแล้ว จึงนำมาซักทำความสะอาด ตัด เย็บ ย้อม เพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง ทั้งนี้ การทำจีวรของพระภิกษุในสมัยพุทธกาล ค่อนข้างยุ่งยากและเป็นงานใหญ่
ภายหลังที่มีพระพุทธานุญาตให้พระสงฆ์อุปสมบทแก่กุลบุตรกุลธิดา ที่มีศรัทธาปสาทะจะปฏิบัติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้เพื่อการพ้นทุกข์ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุผู้ให้อุปสมบท บอกนิสสัย ๔ (คือปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต มี ๔ อย่าง) แก่ผู้ขออุปสมบท ที่เกี่ยวกับผ้าบังสุกุลนี้อยู่ในข้อที่ ๒ ดังนี้
๒. บรรพชาอาศัยบังสุกุลจีวร เธอพึงทำอุตสาหะในข้อนั้นจนตลอดชีวิต อดิเรกลาภ คือ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าป่าน ผ้าเจือกัน (เช่นผ้าด้ายแกมไหม)
ฉะนั้น จึงเห็นได้ว่าพระสงฆ์ย่อมต้องอาศัยผ้าบังสุกุลเพื่อใช้นุ่งห่มจนตลอดชีวิต ผ้าบังสุกุลจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระสงฆ์ ในสมัยพุทธกาลก็มีการทอดผ้าบังสุกุล ผู้ทอดผ้าบังสุกุลเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง ความปรากฏในธัมมปทัฏฐกถา ดังนี้
ในวันหนึ่ง พระเทพธิดาถวายผ้าแก่พระอนุรุทธเถระ ผู้มีจีวรเก่าแล้วและเที่ยวแสวงหาจีวรในที่ทั้งหลาย มีกองหยากเยื่อเป็นต้น หญิงภรรยาเก่าของพระเถระนั้นในอัตภาพที่ ๓ แต่อัตภาพนี้ได้เกิดเป็นเทพธิดาชื่อ ชาลีนี ในดาวดึงส์ภพ นางชาลินีเทพธิดานั้น เห็นพระเถระเที่ยวแสวงหาท่อนผ้าอยู่ จึงถือผ้าทิพย์ ๓ ผืน ยาว ๑๓ ศอก กว้าง ๔ ศอก แล้วคิดว่า “ถ้าเราจักถวายโดยทำนองนี้ พระเถระจักไม่รับ” จึงวางผ้าไว้บนกองหยากเยื่อแห่งหนึ่งข้างหน้าของพระเถระนั้น ผู้แสวงหาท่อนผ้าทั้งหลายอยู่ โดยอาการที่เพียงชายผ้าเท่านั้นจะปรากฏได้ พระเถระเที่ยวแสวงหาท่อนผ้าอยู่โดยทางนั้น เห็นชายผ้าของท่อนผ้าเหล่านั้นแล้ว จึงจับที่ชายผ้านั้นนั่นแลฉุดมาอยู่ เห็นผ้าทิพย์มีประมาณดังกล่าวแล้ว ถือเอาด้วยคิดว่า “ผ้านี้เป็นผ้าบังสุกุลอย่างอุกฤษฏ์หนอ” ดังนี้แล้วหลีกไป
ต่อมา ครั้นชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาทั้งหลายเห็นความยากลำบากของพระภิกษุสงฆ์ ต้องการจะนำผ้ามาถวาย แต่เมื่อยังไม่มีพุทธานุญาตโดยตรง จึงนำผ้าอันสมควรแก่สมณบริโภค ไปทอดทิ้งไว้ ณ ที่ต่างๆ เช่น ตามป่า ป่าช้า หรือข้างทางเดิน หรือแขวนไว้ตามกิ่งไม้ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์สะดวกในการแสวงหาผ้าบังสุกุล เมื่อพระภิกษุสงฆ์มาพบ เห็นว่าเป็นผ้าที่ผู้เป็นเจ้าของทอดอาลัยแล้ว ก็นำเอามาทำเป็นผ้าจีวร ด้วยเหตุนี้กระมังจึงเรียกผ้าในลักษณะนี้ว่า “ผ้าป่า” (ผ้าที่ชาวบ้านนำไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าหรือผ้าที่ห่อศพอยู่ในป่าช้า)
แม้ในการทำบุญงานศพ ยังนิยมเอาผ้าไปทอดที่หีบศพ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ชักผ้านั้น เรียกว่า ชักผ้าบังสุกุล ถ้าหากมีการทอดผ้าจำนวนมาก ก็ยังนิยมเอาสายสิญจน์ผูกที่หีบศพ และยังโยงสายสิญจน์นั้นมาวางที่หน้าพระภิกษุสงฆ์ และทอดผ้าไว้บนสายสิญจน์เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ชักผ้านั้น ก็เรียกว่าชักผ้าบังสุกุล

 

ทรงอนุญาตจีวร 6 ชนิด
สมัยนั้น จีวรทั้งชนิดที่มีเนื้อละเอียดและเนื้อหยาบ ได้เกิดขึ้นแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายสงสัยว่า ทรงอนุญาตจีวรอะไรบ้าง จึงทรงอนุญิจีวร 6 ชนิด คือ
1. โขมะ (ผ้าเปลือกไม้)
2. กัปปาสิกะ (ผ้าฝ้าย)
3. โกเสยะ (ผ้าไหม)
4. กัมพล (ผ้าขนสัตว์)
5. สาณะ (ผ้าป่าน)
6. ภังคะ (ผ้าที่ทำด้วยของผสมกัน)
อริยวินัย หมวดว่าด้วยจีวร หน้า 260 (รวบรวมจากพระไตรปิฎก)

 

ขออนุโมทนา สาธุ
ในบุญกุศลกับทุกท่านในกาลนี้ด้วยครับ

 

ด่วน ใกลัถึงวันแล้ว

 

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

ข้าพเจ้า...
1. ทพ.อินทรพล - ทพญ.อรวดี หอวิจิตร
2. ทพ.วัชรินทร์ - ทพญ.วีรยา - ทพญ.เพชริณี หอวิจิตร
3. นางเพียงฟ้า พงศ์พรหมนาถ และครอบครัว
4. นายสมบูรณ์ สุดวิเศษ และครอบครัว
5. นายปติ อังสันทัดสุข และครอบครัว
6. อาจารย์วิไล อังสันทัดสุข และครอบครัว
7. นางอรญา โพธิ์อุดม และครอบครัว
8. นายอินทรศักดิ์ - นางศิริพร หอวิจิตร
9. นายภาคภูมิ - นางศรัญญา โฆศิรินนท์
10. นายพงศ์สรณ์ หอวิจิตร - น.ส.เปรมกมล คู่ศิริ
11. นายศิริยิ่ง ยมหล้า - น.ส.ศราภพร หอวิจิตร
12. นายปิยศักดิ์ ถีอาสนา
13. คุณเรศ และครอบครัว
14. นางประสม สีหา และครอบครัว
15. นายสมศักดิ์ อักษร และครอบครัว
16. นางมณี จำปางาม และครอบครัว
17. นายอนันต์ หินสูงเนิน และครอบครัว
18. นายขจรศักดิ์ สุวรรณธาดา และครอบครัว
19. นายประหยัด - นางภัสรา - น.ส.สุพพัตรา เกษร
20. นางวิภาวดี จาตุเทน และครอบครัว
21. น.ส.จันทร์เพ็ญ วินทะวุฒิ และครอบครัว
22. นายธนพัฒน์ เทศประสิทธิ์ และครอบครัว
23. นายธนพล - น.ส.นิศาชล ถิรธนากร และครอบครัว
24. นายสุภัทร อุดมพันธ์ และครอบครัว
25. นายจอมพล ดอนนอก และครอบครัว
26. น.ส.ปภัสรา เจริญยิ่ง และครอบครัว
27. น.ส.ชุติมณฑ์ วงศ์ทองเจริญ และครอบครัว
28. น.ส.ณัฐกานต์ สุขถาวร และครอบครัว
29. ด.ญ.มานิตา คิ้วสูงเนิน และครอบครัว
30. ด.ช.เกียรติภูมิ พลเที่ยง และครอบครัว

ขอน้อมถวายปัจจัยเพื่อร่วมทำบุญ “สร้างวิหารและร่วมทอดผ้าป่าแบบโบราณ”
จำนวน 4,942.25 บาท (สี่พันเก้าร้อยสี่สิบสองบาท ยี่สิบห้าสตางค์)
โดยโอนผ่าน SCB EASY ธ.ไทยพาณิชย์ เมื่อเวลา 15.02 น. (27 ธ.ค. 2556)

และได้ส่ง "ผ้าขาว" เพื่อร่วมทอดผ้าป่า (ผ้าบังสุกุล) แบบสมัยโบราณ
จำนวน 2 ผืน

กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุกๆ ท่านด้วยนะคะ

 

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

คุณเบญญาภา เข็มสุวรรณ และครอบครัว
ร่วมทำบุญสร้างพระวิหารและร่วมทอดผ้าป่าฯ
จำนวน 200 บาท
(โดยโอนผ่าน SCB Easy ธ.ไทยพาณิชย์ เมื่อเวลา 19.18 น.)

ขอนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง