ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

โนวา อนาลัย กล่าวเป็นกฏอันเรียบง่ายไว้ว่า

"เธอจดจ่อสิ่งใด ได้สิ่งนั้น"

(kiss)

 

ขอขุดเอาของเก่ามาขายอีกทีนะครับ
เข้าสถานการณ์พอดีเลย ไม่ต้องคิดใหม่ 555
ไม่รู้อยู่หน้าไหนแล้ว ขี้เกียจหา พิมพ์ใหม่ละกัน
บังเอิญสมุดที่จดไว้ อยู่กะตัวพอดี


...ยิ่งอ่าน ยิ่งสงสัย ในใจจิต
หรือต่างดาว เขาชิด ในจิตข้า
คอยสอดส่อง มองใจ ในกายา
แล้วเอามา เขียนออก บอกเขียนเอง

...หรือเราเก่ง เรื่องโม้ แลโอ้อวด
ฝันประกวด ประชัน ขันแข่งขอ
ชอบคิดเข้า ข้างตัว มั่วไม่รอ
คิดแล้วขอ คำตอบ จากรอบตัว

...หรือเรามั่ว หัวใจ ไปแบบแถ
ไม่ตรงแต่ แถไถ ใช้ข้างถู
เลือกอ่านแค่ คล้ายตัว รั่วหลายรู
โอ้ตัวตู ถูไถ เลือดไหลซึม

...เอ๊ะเกือบลืม คนหลาย ก็คล้ายเหมือน
หรือมีเพื่อน มากหลาย ที่คล้ายฉัน
ภารกิจ หลากหลาย แต่คล้ายกัน
ทุกทุกวัน ฝันแค่ แถไถถู


นักรบแสง / วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด
.

 

เป็นไปได้นะประเด็นนี้
เพราะมีฝันนึงที่รู้สึกประทับใจมากกกก...อยู่
ราวเดือนนึงที่ผ่านมา... ฝันถึงครูบาอาจารย์พระองค์หนึ่ง
(เราเข้าใจว่า ท่านคือองค์พระศิวะนะ
เพราะว่าในฝันท่านไม่ได้เอ่ยพระนาม
ประมาณว่า... ใ้ห้ใช้วิจารณญาณเองก็จะรู้เองว่าท่านคือใคร)

ท่านมาปรากฎโดยผ่านร่างของเพื่อนในทางธรรมคนหนึ่ง
(โดยเรื่องจริง... เพื่อนคนนี้เขาก็มีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้อยู่แล้ว)
แล้วเราก็ถามข้อสงสัยส่วนตัวไปเรื่องหนึ่ง ท่านก็ตอบคำถาม
แล้วท่านก็บอกว่า... เราเป็นหนึ่งในจำนวน ... คนที่พึ่งได้รับแต่งตั้ง
(ตรงนี้น่าจะมีความหมายว่า... มีกลุ่มหนึ่งที่จะได้ทำภาระกิจร่วมกันนะ... อาจจะเป็นในช่วงเวลาหนึ่ง)

ทีแรกแทบจำรายละเอียดในความฝันไม่ได้เลย
ก็มัวแต่ปลื้ม.. เพราะนาน..น๊านนน... จะได้มีโอกาสฝันถึงครูบาอาจารย์สักครั้ง


ซินโครนิตี้อีกแล้ว เจอเลขสวยตลอด ดีจัง
ยอดไลค์กระทู้ 1144 แล้วจ้าา...

 

อ้าว..ท่าน Vking นี่กระทู้มนตด.หรือพวกต่างมิติไม่ใช่หรือครับ
ทำไมมีพระศิวะมาออกฉากด้วยละครับ ผิดเรื่องรึป่าว 555

พระศิวะมาในร่างเพื่อน แต่ทำไมท่านรู้ล่ะครับ ว่าพระศิวะมาเอง ถามจริงๆ
เผื่อว่าจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ จะได้ขอเก็บไว้ใช้กระตุ้นเซลล์สมองของเรา ในคราวที่เหมาะ

แล้วมีสมาชิกกี่ท่านล่ะครับ บอกมาเลย ไม่ต้องอายครับท่าน

วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง
.

 

เป็นเหมือนผมเลยครับไอ้เรื่องเสียงที่ว่า(ผมเป็นตลอดเวลาเลย) ขอแนะนำนะครับ อย่าพึ่งไปคิดว่านึ่คือสกิลนะมันจะทำให้คุณหลงตัวเองได้ ให้มองว่าเรื่องในจิตที่รับรู้นั้นเกิดมาจากตัวคุณเองทั้งสิ้นคุณอาจจะคิดว่าเสียงนั้นมันไม่ใช่เสียงตัวเองเพราะเราไม่เคยคิดอย่างนั้นมาก่อน แต่หากลองทบทวนดูดีๆมันมาจากความทรงจำที่ฝังอยู่ในจิต เรื่องอะไรก็แล้วแต่เมื่อคุณคิดต่อไปเรื่อยๆคุณจะพบว่ามันอาจจะใช่ตามที่สังคมเค้าเชื่อกัน หรือ มันอาจจะเป็นไปตามที่คุณเชื่อ ขอให้ระลึกว่าท้ายที่สุดแล้วช่างมันครับ จะรู้หรือไม่รู้ก็เหมือนกันเราไม่มีทางไปเปลี่ยนแปลงมันได้และแต่ละคนย่อมมีทางเดินของตัวเอง
ผมว่าตอนนี้คุณมองเรื่องราวได้เป็นนามธรรมมากกว่าเป็นรูปธรรมแล้ว(ผมเชื่อเช่นนั้น)
ที่ผมใช้ศัพท์ธรรมดาๆเนี่ยก็เพราะว่าไม่อยากให้โยงเข้าเรื่องศาสนานะครับ(คุณน่าจะเข้าใจ) เพราะ ธรรมะมันเป็นเรื่องธรรมดา

 

วันนี้(2ครั้ง)ที่มองนาฬิกา เจอแต่11.44 และ.12.12 บังเอิญเป่า?5555
ปล.ช่วงนี้อะไรๆก็ดูแปลกๆ รออย่างใจจดใจจ่อล่ะครับ.

 

อ้าว..ท่าน Vking นี่กระทู้มนตด.หรือพวกต่างมิติไม่ใช่หรือครับ
ทำไมมีพระศิวะมาออกฉากด้วยละครับ ผิดเรื่องรึป่าว 555

ก่อนเกิดมา ดวงจิตของบางท่านก็ไม่ใช่ดวงจิตที่อยู่ในระบบสังสารวัฏ หรือใน31 ภพภูมินี่นะ
เมื่ออยู่ในระบบอื่น ก็ไม่ใช่ประชากรของโลกใบนี้
ก็เป็นภาคส่วนต่างหาก อย่างเช่น มนุษย์ต่างดาว หรือ รูปธรรมต่างมิติใช่มะ
แล้วในส่วนของภาคทิพย์ ถ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจริงท่านก็คงรู้จักกันหมดนั่นแหละ
เพียงแต่ภารกิจของแต่ละท่าน แต่ละพระองค์ก็ต่างกันไป
เหมือนกับนักแสดงงัย ก็จะมีหลายบทบาท ก็ว่ากันไปในแต่ละเรื่อง
นักแสดงระดับตุ๊กตาทองก็เล่นเนียนทุกบทบาทว่ามะ...

เพราะงี๊ ถึงมีคำที่บอกว่า ไม่เชื่อ แต่อย่าลบหลู่
จะไปรู้ได้งัย ว่าตัวเราจะเจอแจ๊กพ๊อต ไปจ๊ะเอ๋กับองค์คุณเบื้องสูงเข้า

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ทำอย่างไร เขาจึงจะเปิดใจรับ และยอมรับการโปรด หรือเรียกว่าจะเข้าถึงได้อย่างไร

เพราะเรานี่แหละก็คนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อน และระวังตัวมาก จะไม่ยอมเปิดใจรับท่านใด ใดเข้ามาเป็นครูบาอาจารย์ง่าย ๆ แต่ก็สงสัยมาตลอด เป็นคำถามตัวเบ้อเริ่มเทิ่มอยู่ในใจมาตั้งแต่เริ่มสนใจในทางธรรมแล้ว ว่าใครกันนะคือครูบาอาจารย์ที่แท้จริงของเรา เหมือนมันเป็นสัญชาตญาณเนาะ ว่า ให้เซฟตัวเองให้ดี ดี อาจเป็นเพราะภพชาติที่ผ่านมาเคยมีปัญหาเรื่องนี้มาก่อนมั๊ง เปิดง่าย ๆ บางทีก็ไม่ใช่ ก็เป็นที่รู้กันเนาะว่า ภาคของมารก็มี

ทำให้เรารู้สึกทึ่งในความอัจฉริยะของผู้โปรดสรรพสัตว์นะ

พระศิวะมาในร่างเพื่อน แต่ทำไมท่านรู้ล่ะครับ ว่าพระศิวะมาเอง ถามจริงๆ
เผื่อว่าจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ จะได้ขอเก็บไว้ใช้กระตุ้นเซลล์สมองของเรา ในคราวที่เหมาะ

1. ท่านเคยผ่านร่างของเพื่อนคนนี้เพื่อมาสอนธรรมเรา ขอย้ำว่า มาสอนธรรมเพื่อจี้ข้อบกพร่องเพรียว ๆ เพื่อพัฒนาการตัวเอง ไม่มีการแสดงปาฏิหาริย์ใดใดทั้งสิ้น
2. เราเริ่มเข้าใจ ตาสว่าง เกท ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ที่เราสนใจศึกษา ศรัทธา ในรูปแบบต่าง ๆ นั้น แท้จริงแล้ว ท่านเชื่อมต่อกัน หรือว่ามีความสัมพันธ์กัน หรือว่าการแสดงบทบาทว่าเป็น พระองค์นั้น พระองค์นี้ อันที่จริงท่านคือพระองค์เดียวกันด้วยซ้ำไป รู้สึก งึด มากเลย บอกแล้ว ท่านก็สวมบทบาทไปตามภาวะกาลนั้น ๆ
3. เป็นซิกส์เซนส์น่ะ เคยเป็นมะ เวลาที่เราเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นในใจ แล้วซักประเดี๋ยว ก็เกิดผุดเป็นคำตอบสว่างวาบขึ้นมาในหัวน่ะ

แล้วมีสมาชิกกี่ท่านล่ะครับ บอกมาเลย ไม่ต้องอายครับท่าน

ส่วนเรื่องจำนวน เราว่ามันก็ไม่มีอะไรนะ ไม่รู้สิ จำไม่ค่อยแม่นด้วยมั๊ง....

 

ข้อความสื่อสารจากพระแม่มารี (Mother Mary)
เรื่อง: การเปลี่ยนรูปแบบของกายแห่งอารมณ์
(Transitions of the Emotional Body)

ผู้รับสาส์น: Natalie Glasson
วันที่: 16 ธันวาคม 2013
ที่มา: Sacred School of Om Na | Illusion and Beyond by El Morya | Channeled Wisdom and Channelled Message | Natalie Glasson


ตอนที่ 1:


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


ตอนนี้ทุกๆวันบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ คือวันที่มีระดับพลังงานสูงอย่างมาก
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมานั้น มันจะมีอยู่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง ที่จะมีกระแสพลังงาน
หลั่งไหลเข้ามาในโลกของพวกคุณ และเข้ามาในตัวตนของพวกคุณ อย่างมากมายขนาดนี้
แต่ว่าในตอนนี้ กลับมีกระแสพลังงานอันทรงพลังอำนาจ หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และทุกๆวัน ที่พวกคุณเดินอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ด้วย

พวกคุณได้มาถึงขั้นตอนๆหนึ่งของการเปลี่ยนสภาพแล้ว
ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พวกคุณจะเปิดอยู่ตลอดเวลา
และก็เป็นขั้นตอนที่พวกคุณจะมีโอกาส
ถูกกระแสพลังงานแห่งการเปลี่ยนรูปแบบ
อันทรงพลังอำนาจระลอกแล้วระลอกเล่า
หลั่งไหลเข้ามาสู่ตัวตนของพวกคุณเอง
และหลั่งไหลเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเอง
อยู่เสมอๆ และบ่อยครั้งกว่าที่จะไม่โดนซะอีก

ซึ่งพลังงานเหล่านี้ จะไปทำให้ระดับความสั่นสะเทือน
ด้านพลังงานของพวกคุณสูงขึ้น และในขณะเดียวกัน
ก็จะไปทำให้เกิดการชำระล้างให้บริสุทธิ์
และความแข็งแกร่งขึ้น ภายในตัวตนของพวกคุณ

ดังนั้น พวกคุณจึงไม่จำเป็นจะต้องรอคอยให้ถึงวันที่ที่เหมาะสม
เพื่อกระตุ้นกระบวนการตื่นรู้ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
เพราะว่าทุกๆวันบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ
คือวันแห่งการตื่นรู้ และคือวันแห่งการเลื่อนระดับขึ้น
ที่ทรงพลังอำนาจอยู่แล้ว

และด้วยการรับเอาคลื่นความสั่นสะเทือนของพลังงาน
ที่เข้มข้นรุนแรงและทรงพลังอำนาจระดับนี้เข้ามา
จึงอาจทำให้พวกคุณ ตกอยู่ในสภาวะแห่งความปิติสุข
และสงบสุขอย่างล้นเหลือ ในบางช่วงเวลา
ควบคู่ไปกับการตกอยู่ในสภาวะแห่งความสับสนวุ่นวาย
และความทุกข์ทรมานทั้งภายในและภายนอก
ในบางช่วงเวลาได้

มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พวกคุณจะต้องตระหนักรู้เอาไว้ว่า
ทุกๆรูปแบบของความทุกข์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น ล้วนเป็นบทเรียนด้านจิตวิญญาณทั้งสิ้น
หรือล้วนเป็นความท้าทายเพื่อก่อให้เกิดวิวัฒนาการทั้งสิ้น
และชาวโลกมากมายก็ยังคงอยู่ในบทเรียนที่เป็นแพทเทิร์นด้านพลังงานเก่าๆอยู่
ซึ่งมันจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพื่อการสังเกตการณ์ดู, เพื่อบำบัดรักษา
และเพื่อปลดปล่อยมันไป

ระลอกคลื่นของพลังงานที่โหมกระหน่ำเข้ามาเหล่านี้
วัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของพวกมัน ก็คือ
เพื่อนำพาเอาทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว
หรือที่เป็นอุปสรรคกีดขวางอยู่ ให้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิว
เพื่อที่พวกคุณจะได้สามารถสังเกตการณ์ดูพวกมันได้,
แล้วเยียวยารักษาพวกมัน และปลดปล่อยพวกมันไป
ซึ่งก็จะส่งผลให้ตัวพวกคุณเอง สามารถที่จะก้าวหน้าต่อไป
สู่ระดับขั้นที่ลึกมากขึ้นไปอีกได้ เพื่อเข้าไปสู่โลกยุคใหม่
ที่จะจดจ่ออยู่กับความรักเป็นหลัก
และจดจ่ออยู่กับความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

และโลกยุคใหม่ที่ว่านี้ ก็คือโลกแห่งการรักตัวเอง,
โลกแห่งการรักคนอื่น
และโลกแห่งการมีประสบการณ์กับความรักของพระผู้สร้าง

ระลอกคลื่นของพลังงานบางระลอก จะส่งผลกระทบอย่างมาก
ต่อ “กายแห่งอารมณ์” (Emotional Body) ของพวกคุณ
ดังนั้น พวกคุณจึงจะต้องให้ความสนใจกับกายแห่งอารมณ์ของตัวเอง
ให้มากในช่วงเวลานี้ เพราะว่ากายแห่งอารมณ์ของพวกคุณ
กำลังถูกเตรียมความพร้อม และกำลังผ่านเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบอยู่
เพื่อที่จะได้สามารถตอบสนองต่อจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
และผสานรวมกับจิตวิญญาณของพวกคุณเอง ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

ซึ่งกระบวนการนี้จำเป็นจะต้องอาศัยการไหลบ่าเข้ามาของแสงสว่าง
และพลังงานจำนวนมหาศาล สู่กายแห่งอารมณ์ของพวกคุณ
และสู่กายแห่งอารมณ์ของดาวเคราะห์โลกเองด้วย

ด้วยเหตุนี้ จึงอาจจะเป็นสาเหตุให้กายแห่งอารมณ์ของพวกคุณ
มีความไวและตื่นตัวอย่างมาก ต่อโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ,
ต่อการกระทำของพวกคุณ และต่อการตอบสนองของพวกคุณเองได้

ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องขอให้กายแห่งอารมณ์ของตัวเอง
อยู่ในความสมดุล, อยู่ในความสงบ และให้พลังงานของมันสงบราบเรียบลง
เพื่อที่จะทำให้เกิดความสอดประสานกลมกลืนขึ้น ในกายแห่งอารมณ์ของพวกคุณเอง
และรวมถึงภายในตัวตนทั้งระบบของพวกคุณเองด้วย
ซึ่งพวกคุณอาจจะต้องกล่าวคำอธิษฐานดังต่อไปนี้:

“ข้าแต่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า, เทพผู้นำทางของข้าพเจ้า และพระผู้สร้าง
ขอได้โปรดช่วยให้กายแห่งอารมณ์ของข้าพเจ้า จงกลับคืนสู่ความสมดุลด้วยเถิด
และขอได้โปรดช่วยทำให้กายแห่งอารมณ์ของข้าพเจ้า จงสงบและเยือกเย็นลง
ด้วยแสงสว่าง, ด้วยความรัก และด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้สร้างด้วยเถิด
จงทำให้มันผสานรวมอย่างสอดประสานกลมกลืนกัน และอย่างสงบสุข
กับระบบร่างกายทั้งระบบของข้าพเจ้าด้วยเถิด

และขอได้โปรดนำพาความสงบราบรื่น มาสู่กิจกรรมใดๆที่มากเกินไป
ที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นภายในกายแห่งอารมณ์
ของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อให้ข้าพเจ้าได้ประสบกับการเลื่อนระดับขึ้น
ของกายแห่งอารมณ์ของข้าพเจ้า อย่างพอเหมาะพอดีมากที่สุด
และเพื่อให้อารมณ์ความรู้สึกของข้าพเจ้าได้รับการเยียวยารักษา
และ หลั่งไหลไปด้วยความสวยงาม และสงบ”


ปกติแล้วกายแห่งอารมณ์จะไปยึดติดอยู่กับความคิดแห่งการเป็นทุกข์และความเจ็บปวดต่างๆ
ที่พวกคุณไปกระตุ้นให้มันโผล่ขึ้นมาโดยอัตโนมัต เพราะว่ามันคือวิธีการหนึ่ง ที่ทรงคุณค่า
ของการปลดปล่อยอดีตไป, เพื่อการมีประสบการณ์กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
แต่มันก็จะทำให้มีประสบการณ์กับ ego ของตัวเอง และกับความรู้สึกขาดแคลน
หรือ การแบ่งแยกได้ด้วย

ความท้าทายด้านอารมณ์, การตอบสนองด้านอารมณ์ และกระบวนการปลดปล่อย
หรือกระบวนการเรียนรู้ด้านอารมณ์บางอย่าง สามารถที่จะทำให้พวกคุณ
ไม่มีสติรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองได้ และทำให้ไม่มีสติรับรู้ถึงความเป็นจริง
ที่อยู่ภายในตัวตนของตัวเองได้ ซึ่งการไม่มีสติรับรู้ถึงวิถีแห่งจิตวิญญาณของตัวเอง
และการไม่รับรู้ถึงความเป็นรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างที่สวยสดงดงามของตัวเอง
ที่อยู่ภายในร่างกายเนื้อของตัวเองนี้เอง ที่เป็นสาเหตุให้เกิดความเจ็บปวดขึ้น
แต่มันก็สามารถที่จะทำให้เกิดความเจ็บปวด, ความทุกข์ทรมาน, และความสับสน
รวมถึงประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงปราถนาอื่นๆขึ้นได้อีกด้วย

.....................................

 

ขอบคุณมากค่ะ
กำลังงงๆเลยว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆก็มีอาการควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ได้แต่มองดูตัวเองอย่างทรมาน ซึ่งปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ รวมถึงฝันถึงเรื่องตอนเด็กๆ ความกลัวความเสียใจตอนเด็กๆ ฝันแล้วร้องไห้จนตื่นทั้งน้ำตาสามคืนแล้วค่ะ รู้สึกแปลกใจค่ะ รู้สาเหตุแบบนี้ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ^______^

 

ข้อความสื่อสารจากพระแม่มารี (Mother Mary)
เรื่อง: การเปลี่ยนรูปแบบของกายแห่งอารมณ์
(Transitions of the Emotional Body)

ผู้รับสาส์น: Natalie Glasson
วันที่: 16 ธันวาคม 2013
ที่มา: Sacred School of Om Na | Illusion and Beyond by El Morya | Channeled Wisdom and Channelled Message | Natalie Glasson


ตอนที่ 2:


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ฉันอยากจะนำเสนอแง่คิดอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยให้พวกคุณมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้
และเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่พวกคุณ เพื่อที่พวกคุณจะได้นำไปใช้งาน
ในเวลาที่พวกคุณพบว่าตัวเองกำลังได้รับผลกระทบจาก หรือกำลังติดกับดัก
อยู่ภายในกายแห่งอารมณ์ของตัวเอง และกระบวนการของมันอยู่

การเดินทางของพวกคุณบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
คือกระบวนการแห่งการจดจำ
“พระผู้สร้าง” (the Creator)ให้ได้ กระบวนการหนึ่ง
และดังนั้น โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ
ในแต่ละวัน และในทุกๆวัน
จึงคือกระบวนการแห่งการจดจำให้ได้ว่า
ตัวเองคือพระผู้สร้างนั่นเอง

มันมีเครื่องมือและแบบฝึกหัดอยู่หลายชนิด ที่จะสามารถช่วยเตือนพวกคุณ
ให้ระลึกถึง “ความเป็นจริง” ของตัวเองได้ หรือที่จะช่วยนำพาพวกคุณ
ให้หันกลับมาจดจ่ออยู่ที่ หรือหันกลับมาสนใจอยู่กับ
การมีสติรับรู้ถึงความเป็นจริงของตัวเองได้ แม้ว่าพวกคุณจะยังไม่เข้าใจ
ความเป็นจริงของตัวเองที่ว่านั้นก็ตาม แต่เครื่องมือและแบบฝึกหัดเหล่านี้
ก็ยังจะช่วยให้พวกคุณคงอยู่ในความสมดุล, ความสงบ, ความรัก และ ความปิติสุขได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ภายในหรือภายนอกรอบๆตัวของพวกคุณก็ตาม

และส่วนมากแล้ว เมื่อมีระลอกคลื่นของพลังงาน
โหมกระหน่ำเข้ามาภายในตัวตนของพวกคุณ
ก็จะทำให้ร่างกายเนื้อและร่างกายที่เป็นพลังงานทั้งหลาย
ของพวกคุณ เกิดการตื่นตัวแบบสุดขีด

ซึ่งมันก็จะปรากฎออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณได้หลากหลายรูปแบบ
เช่น ถ้ามีอะไรบางอย่างที่จะต้องได้รับการบำบัดรักษาแล้ว
มันก็จะปรากฎออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ
ในลักษณะของกระบวนการและประสบการณ์ แห่งการบำบัดรักษาอันทรงพลัง เป็นต้น

ในช่วงเวลาใดก็ตามที่พวกคุณรู้สึกทุกข์ทรมาน, เจ็บปวด, สับสน, โศกเศร้าเสียใจ,
ว้าวุ่น, หวาดกลัว, หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นพลังงานประเภทนี้
ให้พวกคุณจดจ่อความสนใจและความทรงจำกลับมาที่ความคิดดังต่อไปนี้

ว่า..ฉันจะอยู่กับพวกคุณเสมอ ฉันรักและกำลังคอยให้ความช่วยเหลือพวกคุณอยู่ตลอดเวลา
แม้ในขณะที่พวกคุณกำลังอ่านข้อความแห่งความทรงจำของฉันอยู่นี้ก็ตาม
ฉันก็กำลังให้ความช่วยเหลือในการตื่นขึ้นมาของดาวแห่งแสงสว่างดวงใหม่
ที่อยู่ภายในตัวตนของพวกคุณอยู่

และถ้าตอนนี้พวกคุณกำลังรู้สึกทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดอยู่
ก็ให้จดจำเอาไว้ว่า แสงสว่างกำลังถูกสร้างขึ้นมา
ภายในตัวตนของพวกคุณ
และภายในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณอยู่

และสิ่งที่พวกคุณกำลังประสบอยู่นี้
ก็จะนำพาไปสู่การปลดปล่อยพลังงานที่อุดตัน
หรือติดขัดอยู่ หรือ ที่ไม่เป็นที่ต้องการทั้งหลาย
ให้หลุดลอยออกไปครั้งใหญ่ และตลอดกาล
เพื่อที่พวกคุณจะได้สามารถจดจำตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
ในฐานะที่เป็นรูปธรรมชีวิตแห่งความรักและแสงสว่างผู้ยิ่งใหญ่ได้

จงยินยอมให้ตัวเองมีความตระหนักรู้อยู่กับความรัก
เพราะว่าความรักคือแก่นแท้ของพระผู้สร้าง
มันเป็นพลังงานแห่งการบำบัดรักษาตามธรรมชาติ
สำหรับร่างกายเนื้อและสำหรับตัวตนของพวกคุณ
รวมถึงสำหรับโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณด้วย
และมันก็จะนำพาทุกสิ่งทุกอย่างที่
อยู่ทั้งภายในและภายนอกตัวพวกคุณ
ให้เข้าสู่ความลงตัว, ความสอดประสานกลมกลืนกัน
และความปิติสุขอย่างสมบูรณ์แบบ

ดังนั้น ทุกๆลมหายใจ
จงอยู่ภายในคลื่นความสั่นสะเทือนของความรัก

ประสบการณ์ภายนอกตัวพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นโลกของพวกคุณ,
โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ, ผู้คนที่พวกคุณไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วย
และแม้แต่ตัวตนของพวกคุณเองด้วย ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกฉายออกมา
จากภายในของพวกคุณเองทั้งสิ้น

ความเชื่อของพวกคุณ, ทัศนคติของพวกคุณ และความเข้าใจของพวกคุณ
ที่มีต่อตัวเอง และที่มีต่อพระผู้สร้าง สามารถที่จะถูกฉายออกมา
สู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณได้

การที่จะเยียวยารักษาสถานการณ์ใดๆก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่
อันดับแรกจะต้องมองกลับเข้าไปข้างใน
ตัวตนของพวกคุณเองก่อน เพื่อค้นหาคำตอบ

การโทษตัวเอง หรือโทษคนอื่น จะไม่สามารถนำพาความกระจ่างแจ้ง
มาสู่สถานการณ์ใดๆได้เลย มีแต่จะทำให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกเท่านั้น

จงนั่งอยู่ภายในพลังงานของตัวพวกคุณเอง
แล้วตระหนักรู้ถึงแหล่งที่มา และวัตถุประสงค์ของสิ่งที่ตัวเองสร้างสรรค์ออกมา

พลังงานทุกๆชนิดสามารถทำให้เปลี่ยนแปลงได้ และดังนั้น พวกคุณจึงสามารถ
ที่จะเปลี่ยนแปลงพวกมันได้ ไม่มีอะไรเลยในโลกใบนี้ที่เป็นสิ่งถาวร
โดยเฉพาะในระดับทางกายภาพนี้แล้วด้วย เพราะว่าโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ
จะเปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะการไหลตามธรรมชาติ ของพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์
จากพระผู้สร้าง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ถ้าพวกคุณกำลังประสบกับสถานการณ์
หรือความรู้สึกใดๆ ที่ไม่เป็นไปโดยสอดคล้องกับสัจธรรมของพระผู้สร้างอยู่หละก็
ก็จงรู้ไว้เลยว่าพวกคุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพวกมันได้ในทันที ถ้าพวกคุณต้องการ

พวกคุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพลังงานอะไรก็ได้
และก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการตอบสนอง
ต่อพวกมันได้ในทันทีทันใดเลยด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้วยกระแสความคิดที่เป็นบวกและสร้างสรรค์

ให้จินตนาการถึงสิ่งที่พวกคุณปราถนาที่จะมีประสบการณ์ด้วย
หรือจินตนาการถึงความรู้สึกที่พวกคุณอยากจะมี
แทนที่จะไปจดจ่ออยู่แต่กับความคิด
ที่อยากจะให้พลังงานอันใดอันหนึ่ง
กลายเป็นของถาวรและไม่เปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว

อารมณ์ความรู้สึกของพวกคุณ, ความคิดของพวกคุณ และร่างกายเนื้อของพวกคุณ
สามารถที่จะแสดงออกมา ซึ่งระดับความสั่นสะเทือนสูงสุดและบริสุทธิ์ที่สุด
ของพระผู้สร้างได้ ดังนั้น จงยินยอมให้ตัวเองมีสติรับรู้ถึงความตระหนักรู้อันนี้

จงจำไว้ว่า พวกคุณแต่ละคน
คือดวงประทีปแห่งความรักและแสงสว่าง
ที่ทรงพลังอำนาจและเข้มแข็งคนหนึ่ง
นี่คือสัจธรรมของพวกคุณ
ที่จริงแท้ซะยิ่งกว่าความตระหนักใดๆ
หรือความคิดใดๆหรืออารมณ์ความรู้สึกใดๆ
หรือประสบการณ์ใดๆ ที่อาจจะเข้ามา
สู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณซะอีก

จงโปรแกรมจิตใจของตัวเอง ให้คุ้นเคยกับการรีบหาวิธีแก้ไขประสบการณ์
และความรู้สึกทุกๆชนิด ที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกคุณ ที่พวกคุณรู้ว่า
มันไม่สอดคล้องกับพระผู้สร้าง ในทันที โดยการกระตุ้นความคิดและจิตใจของตัวเอง
ให้ดิ่งลึกเข้าไปในความสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
เพื่อค้นหาทางออกของปัญหา และเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการสร้างวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆ

ชาวโลกจำนวนมากมาย ที่จดจ่ออยู่กับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของตัวเอง
มักจะมีความไวต่อพลังงานที่อยู่รอบๆตัวพวกเขาเองอยู่แล้ว ดังนั้น สถานการณ์ต่างๆ
หรือ ประสบการณ์ต่างๆของพวกเขา จึงมักจะสามารถทำให้คลี่คลายไปในทางบวกได้
ด้วยการ “จัดการด้านพลังงาน” ไม่ว่าจะเป็นการส่งพลังงานออกไป
หรือการรับพลังงานเข้ามา หรือการทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางพลังงานกันขึ้น
หรือการทำให้เกิดการสถาปณาด้านพลังงานขึ้น เช่น การสร้างฟองแห่งแสงสว่าง
(bubbles of light) เพื่อรักษา, ค้ำจุน หรือ ปกป้องพลังงานเอาไว้ เป็นต้น ก็ตาม

…………………………………

 

ข้อความสื่อสารจากพระแม่มารี (Mother Mary)
เรื่อง: การเปลี่ยนรูปแบบของกายแห่งอารมณ์
(Transitions of the Emotional Body)

ผู้รับสาส์น: Natalie Glasson
วันที่: 16 ธันวาคม 2013
ที่มา: Sacred School of Om Na | Illusion and Beyond by El Morya | Channeled Wisdom and Channelled Message | Natalie Glasson


ตอนที่ 3: จบครับ


กระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในตัวของพวกคุณ
อยู่ในขณะนี้ จำเป็นจะต้องได้รับ
“ความอดทน” จากพวกคุณด้วย
และ ก็จำเป็นจะต้องได้รับ
“ความเห็นอกเห็นใจตัวเอง” จากพวกคุณ
และ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ
จากพวกคุณด้วยเสมอ

พวกคุณสามารถที่จะนำพาตัวเอง
ออกมาจากสถานการณ์ต่างๆ
และ ความรู้สึกต่างๆได้เสมอ

โดยการ “จินตนาการว่าตัวเอง
กำลังอยู่ในบรรยากาศแห่งความรัก”
ที่ล้อมรอบไปด้วยความรัก
และก็กำลังมีความรัก ถูกสร้างขึ้นมา
จากภายในตัวตนของพวกคุณเองอยู่อีกด้วย

ซึ่งด้วยวิธีการนี้ก็จะทำให้ระดับพลังงานของพวกคุณเพิ่มสูงขึ้น
จนหลุดออกมาจากสถานการณ์ หรือ ความรู้สึกนั้นๆได้
แล้วพวกคุณก็จะสามารถกลับเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง
ได้ในทันที และสามารถที่จะยินยอมให้ความทรงจำเกี่ยวกับ
ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มาผสานรวมเข้ากับ
โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้
ระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณเพิ่มสูงขึ้น
และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สามารถเป็นไปได้ตามมา


แต่การมีความเข้าใจ ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพ และในเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ
ที่พวกคุณกำลังเคลื่อนที่ผ่านพวกมันไปอยู่นี้ ก็ใช่ว่าจะมีความจำเป็นเสมอไป
เพราะว่าถ้าพวกคุณมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการค้นหา และการทำความเข้าใจพวกมันแล้วหละก็
พวกคุณก็อาจจะทำให้ตัวเองพลาดจากการได้รับความเข้าใจอย่างถ่องแท้ อันหาค่ามิได้
และพลาดจากการค้นพบวิถีทาง ที่จะย้อนกลับเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของบรรยากาศแห่งความรักได้

“ฉันคือความรัก ฉันคือความสงบสุข
ฉันคือความปิติสุข ฉันคือสัจธรรม
ฉันคือความสมบูรณ์แบบ
ที่ได้รับการเยียวยารักษาแล้วของพระผู้สร้าง
ฉันเชื่อมั่นในสัจธรรมของถ้อยคำเหล่านี้
และฉันก็ยินยอมให้ความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์
ปรากฎออกมาจากภายในตัวตนของฉันเอง อย่างง่ายดาย”

อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลาย สามารถที่จะพัวพันกันเองได้
ภายในส่วนลึกของตัวตนของพวกคุณเอง
และภายในระบบพลังงานของพวกคุณเอง
ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณจะสามารถทำได้ก็คือ
การเฝ้าสังเกตการณ์ดูตัวเองด้วยความรัก
และด้วยความทรงจำเกี่ยวกับสัจธรรมของพวกคุณเอง
เพื่อนำพาไปสู่การเยียวยารักษาอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้น
และเพื่อปลดปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระด้วย

ประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในอดีตของพวกคุณ
ได้ทำให้พวกคุณใช้อารมณ์ความรู้สึกไปในทางที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
แต่บัดนี้ กายแห่งอารมณ์ของพวกคุณ กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการ
เปลี่ยนรูปแบบครั้งยิ่งใหญ่อยู่ ดังนั้น มันจึงจะทำให้พวกคุณ
สามารถใช้อารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เพื่อเป็นเชื้อเพลิง
ในกระบวนการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของตัวเองได้
และจะทำให้พวกคุณสามารถเชื่อมต่อกับพระผู้สร้าง
และมีประสบการณ์กับพระผู้สร้างได้ ในทุกๆชั่วขณะ
แห่ง “ปัจจุบันขณะนี้”

จงหาเวลาเพื่อตระหนักรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายของตัวเอง
และเพื่อส่งความรักให้แก่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
รวมถึงเพื่อเยียวยารักษา และเพื่อพยุงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
ในระหว่างที่กายแห่งอารมณ์ของพวกคุณ
กำลังเคลื่อนที่ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนรูปแบบอยู่เช่นนี้

และขอได้โปรดรู้เอาไว้ว่า ฉัน..พระแม่มารี..กำลังอยู่กับพวกคุณ
และรักพวกคุณชั่วนิจนิรันดร์ ภายในสัจธรรม
และด้วยความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้าง


ด้วยรัก..พระแม่มารี (Mother Mary)

……………………

 

ในวาระดิถีปีใหม่นี้ ผมขอให้พี่ชยุตและทีมงานแสงสว่างทุกๆท่านจงมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่่แข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง(ซึ่งจำเป็นต้องมีในการดำรงขันธ์5)่ำ มั่งคั่งความรักจากทุกสารทิศ อยู่เป็นฐานและกำลังใจของพวกเราไปตราบนานนนนนเ่ท่านานนนนะครับผม.
ปล.ขอบคุณสำหรับบทความใหม่ล่าสุดนะครับพี่ มันช่างเหมาะเจาะลงล๊อคกับความรู้สึกของผมในวันนี้ซ่ะจริงๆ เฮ้ออ.ในที่สุด
เราก็ได้รู้ว่า เรานั่นแหล่ะ คือ พระผู้สร้าง หาใช่นายหมู นายหมาที่ไหนไม่? หึหึ..55555

 

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ขอกราบขอบพระคุณในพรอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ด้วยนะครับ
และก็ขอให้เจ้าของพรนี้ และรวมถึงท่านอื่นๆทุกๆท่านด้วย
จงประสบแต่ความสุข ความสันติสุข ความมั่งคั่งร่ำรวย
ความอุดมสมบูรณ์ ความรัก ความจริงใจ และอื่นๆ ตลอดไป

และรวมถึงขอมีสุขภาพพลานามัยที่ดีเยี่ยม
ทั้งทางกายภาพ และในระบบร่างกายอื่นๆ ทุกๆระบบด้วยนะครับ

สาูธุ สาธุ สาธุ

..............................................................

 

ขอบคุณ..ที่ปลุกให้ตื่นเสมอมา..ตอนแรกแค่เรียกปลุก..ต่อมาก็เขย่าๆ..ตอ่มาก็กระทืบๆ..จนตอนนี้ได้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่เรียบรอ้ยแล้ว...ขอให้ท่านผู้แปลทั้งหลายจงประความความสำเร็จในการกลับมาเป็นความรักลว้นๆ..เหมือนอย่างที่เคยเป็น..เพราะไม่มีอะไรที่เราตอ้งเป็น..นอกจากเป็นความรัก..เพราะมันคือการ..เป็นตัวของตัวเอง..ไม่มีสิ่งอื่นนอกจากนี้ที่ตอ้งเป็น..เป็นสิ่งอื่นนอกจากความรักลว้นเป็นมายา.....(kiss)(kiss)(kiss)

 

บางส่วนของข้อความจากท่านซาลูซ่า (SaLuSa)

วันที่: 27 ธันวาคม 2013
ผู้รับสาส์น: นาย Mike Quinsey

ที่มา: Mike Quinsey - SaLuSa, December 27, 2013

...เมื่อพวกคุณยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง และไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกแล้ว
ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับแสงสว่างที่กำลังเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นทุกวันๆอยู่
ดังนั้น จงใช้ชีวิตอยู่ในแสงสว่าง แล้วพวกคุณก็จะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในเส้นทาง
ที่จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้ยกระดับขึ้นมาเช่นเดียวกับพวกคุณได้ด้วย

ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้จะนำพาการเปลี่ยนแปลงมากมายมาด้วย
ซึ่งก็จะไปส่งสัญญาณที่ชัดเจนให้รู้ว่า
แสงสว่างกำลังนำพา “ยุคใหม่” มาสู่อยู่

ปี 2014 นี้ จะเป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อ
ที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วขึ้น
และก็จะไปส่งสัญญาณให้เกิดการเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง
ของ “ยุคแห่งแสงสว่าง” อีกด้วย

ที่พวกคุณแต่ละคนถูกคัดเลือกให้มาอยู่ที่นี่ ก็ด้วยเหตุผลนี้เอง
และสำหรับพวกคุณหลายคน
ชีวิตก็จะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันมาสู่พวกคุณ
ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกคุณเสาะแสวงหามานานแล้ว

ในฐานะของ Light Worker พวกคุณแต่ละคนมีอะไรบางอย่างที่จะนำเสนอ
เพื่อที่จะถูกนำไปใช้ประโยชน์เมื่อถึงเวลาอันสมควร
ดังนั้น ได้โปรดอย่าเป็นกังวลไปเลยว่า สิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น
มันจะเล็กน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับของคนอื่นๆ เพราะว่าทุกๆคน
ล้วนมีความสำคัญต่อส่วนรวมเหมือนๆกันหมด

พวกคุณทุกๆคนได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากมายแล้ว
และตอนนี้ประสบการณ์ต่างๆที่พวกคุณกำลังเจออยู่นี้
ก็ได้เพิ่มความเข้มข้นรุนแรงมากขึ้น กว่าที่พวกคุณเคยเจอมาก่อน
เมื่อสมัยที่พวกคุณเริ่มออกเดินทางใหม่ๆโน่นแล้ว

ไม่มีประสบการณ์ไหนเลยที่ไร้ค่า และก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย
ที่จะต้องไปเปรียบเทียบกับของคนอื่นๆด้วย
เพราะว่าพวกคุณแต่ละคน ต่างก็มีแผนการของชีวิตที่พิเศษเฉพาะตัวแตกต่างกันไป
ดังนั้นจึงไม่มีใครดีกว่าใครหรือด้อยกว่าใครเลย เพราะว่าพวกคุณแต่ละคน
ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวขนาดใหญ่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งเป็นทั้งบิดาและมารดาของพวกเรา ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
และเมื่อใดที่พวกคุณมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน มันจึงไม่มีใครเลย
ที่จะถูกมองว่าดีกว่าหรือด้อยกว่าคนอื่นๆ เพราะว่าทุกๆคน ล้วนกำลังก้าวย่าง
อยู่บนเส้นทางเดียวกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ากำลังอยู่กันคนละช่วงคนละตอนเท่านั้นเอง

เมื่อใดที่พวกคุณสามารถมองเห็นตัวเองในตัวผู้อื่นได้แล้ว
พวกคุณก็จะรู้ว่าพวกคุณมีความเชื่อมโยงกันอยู่ อย่างมิอาจอธิบายได้
และอันที่จริงแล้ว พวกคุณก็คือหนึ่งเดียวกัน

แต่ว่า แม้ว่าพวกคุณจะสามารถวิวัฒน์มาจนถึงจุดแห่งความเข้าใจนี้แล้ว
พวกคุณก็จะยังคงเป็นแสงสว่างเดี่ยวๆที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างทั้งหมดอยู่
และเมื่อใดที่พวกคุณวิวัฒน์ขึ้นไปจนถึงระดับที่เรียกว่า “ทวยเทพ” ได้แล้ว
มันก็จะเป็นสภาวะแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะว่าพวกคุณจะได้กลับคืนไปสู่พระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ดีกว่านี้ก็จะพูดว่า มันคือบ้านของพวกคุณ มันเป็นที่ๆพวกคุณจากมา

และเมื่อใดที่พระผู้เป็นเจ้าปราถนาที่จะมีประสบการณ์กับอะไรบางอย่างมากขึ้น
จิตวิญญาณทั้งหมด ก็จะถูกส่งลงมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์นั้น

ในขณะนี้พวกคุณจะยังคงมีความยากลำบากในการจินตนาการ
หรือ จดจำสภาวะที่สูงส่งกว่าของตัวเองให้ได้อยู่ แต่ว่าในเร็วๆนี้
พวกคุณจะได้ไปอยู่บนเส้นทางแห่งการจดจำได้อย่างเต็มที่แล้ว
ซึ่งมันจะค่อยๆเกิดขึ้นทีละขั้นตอน และขั้นตอนแรก พวกคุณก็จะต้อง
ได้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้แบบเต็มพิกัดมาซะก่อน เพราะมันมีความจำเป็น
เพราะว่าพวกคุณได้ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในมิติที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำๆนี้
และมีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้แบบมีข้อจำกัดนี้ มาหลายภพชาติแล้ว

ดังนั้น ความท้าทายของพวกคุณก็คือ การหาทางกลับคืนไปสู่พระผู้เป็นเจ้าให้ได้
โดยอาศัยประสบการณ์ของตัวเอง นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมแต่ละจิตวิญญาณ
จึงกำลังท่องเที่ยวไปด้วยความเร็วของตัวเองอยู่ และทำไมจึงกำลังอยู่บนเส้นทาง
ของใครของมันอยู่

แต่จงจำไว้ด้วยว่า ในบางภพชาตินั้น พวกคุณก็มีการเชื่อมต่ออยู่กับพลังงานบางอย่าง
ที่จะสามารถเพิ่มโอกาสแห่งการบรรลุผลสำเร็จให้กับพวกคุณได้มากขึ้นด้วย

และยิ่งพวกคุณสามารถกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับแสงสว่างได้มากขึ้นเท่าไหร่
พวกคุณก็จะยิ่งสามารถตื่นขึ้นมาสู่ “สัจธรรม” ของตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้นด้วย
เพราะว่าพวกคุณไม่ใช่ร่างกายเนื้อนี้เลย ร่างกายเนื้อนี้มันจะทำหน้าที่รับใช้พวกคุณ
แค่ในระหว่างที่พวกคุณยังคงอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้เท่านั้นเอง

ใช่แล้ว..พวกคุณยังมี “กายทิพย์” (etheric body) อยู่อีกกายหนึ่ง
ซึ่งเป็นกายที่มีความละเอียดปราณีตกว่า เพื่อทำให้พวกคุณสามารถดำรงอยู่
ในมิติที่มีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่าได้ แต่ว่าเส้นทางของพวกคุณที่จะต้องไปต่อ
ก็ยังคงอีกยาวไกลมากมายนัก ซึ่งในที่สุดแล้วพวกคุณก็จะกลายไปเป็น
“รูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง” ที่แท้จริง (ที่ไม่จำเป็นต้องมีกายใดๆอยู่อีกเลย – ผู้แปล)

แต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นพวกคุณก็ยังจะสามารถสร้าง “กาย” ขึ้นมาใช้งานเองได้อยู่
เมื่อมีความจำเป็น แต่มันก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยที่จะทำเช่นนั้น
เพื่อให้สามารถเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในมิติที่ต่ำๆกว่าได้ เพราะว่ามันก็ยังจะคงมีข้อจำกัดอย่างอื่นอยู่ดี

ที่รักทั้งหลาย จงโยนความรู้สึกเหนื่อยล้าและลังเลสงสัยทิ้งไป
เพราะว่าตอนนี้ระดับความสั่นสะเทือนกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว
และเพราะว่าพวกคุณกำลังได้รับการฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิมอยู่
จงขึ้นมาให้อยู่เหนือความลังเลสงสัย หรือ ความไม่เชื่อ
และจงมองตรงไปข้างหน้า แล้วเดินอยู่ในแสงสว่าง

จงทิ้งความวิตกกังวลเอาไว้เบื้องหลัง และจงมั่นใจเถิดว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีอย่างสมบูรณ์แบบ

มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่พวกคุณก็จะต้องเริ่มต้น
ปลดปล่อย “สัมภาระ” ของตัวเองทิ้งไปได้แล้ว
เพราะว่าพวกคุณไม่สามารถที่จะแบกพวกมันไปสู่มิติที่สูงกว่าด้วยได้

จงคิดการใหญ่ และ จงคิดบวก
เพราะว่างานหนักของพวกคุณได้สำเร็จลงแล้ว
จนสามารถมาถึงจุดนี้บนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการของพวกคุณได้แล้ว

และโปรดจงจำไว้ด้วยว่าพวกคุณยังมีจิตวิญญาณอีกมากมาย
ที่อยู่กับพวกคุณมาโดยตลอด บนเส้นทางเดินของพวกคุณ
พวกเขากำลังทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้
เพื่อนำทางพวกคุณไปบนเส้นทางที่ปลอดภัยและทรงคุณค่าอยู่

ฉันคือซาลูซ่า ฉันมาที่นี่อีกครั้งเพื่อที่จะมาย้ำเตือนให้พวกคุณมั่นใจอีกครั้งว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี และพวกเราก็อยู่กับพวกคุณ
ตลอดเส้นทางของพวกคุณ

ความรักและพรอันประเสริฐของพวกเราจะไปกับพวกคุณด้วย


Thank you SaLuSa.
Mike Quinsey
Website: Tree of the Golden Light

…………………

 

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/12zPU-8bsTE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



เพลงสนุกๆค่ะ ^ ^

HAPPY NEW YEAR 2014 ล่วงหน้าเลยนะคะ

 

•ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดดลบันดาลให้คุณChayuttและทีมงานและสมาชิกเว็บพลังจิตทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง สมหวังในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ

 

ข้อความสื่อสารจาก “The constant companions”
เรื่อง: ต้นฉบับแห่งการมีชีวิตรอด (The Manuscript of Survival) ตอนที่ 382

ผู้รับสาส์น: Aisha North
วันที่ : 29 ธันวาคม 2013

ที่มา: The manuscript of survival – part 382 | aisha north



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


ที่รักทั้งหลาย บางทีพวกคุณอาจจะเข้าไปอยู่ใน “แรงพลัง” อันใหม่
(new force) ที่กำลังนั่งรอพวกคุณอยู่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแรงพลังที่ว่านี้ ก็คือสิ่งที่จะนำพาพวกคุณให้ข้ามผ่านเข้าไปสู่
“จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง”(threshold) ได้ ซึ่งดูเหมือนว่า
ก่อนหน้านี้ พวกคุณได้ป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆมันมานานแล้ว

พวกคุณเห็นไหมว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกคุณทุกๆคนจริงๆ
เพราะว่าพวกคุณทุกๆคนได้ถูกเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว
สำหรับ “ขั้นตอนสุดท้าย” ของภาระกิจกู้ภัยครั้งใหญ่ในครั้งนี้
ถ้าพวกเราจะสามารถเรียกมันว่าอย่างนั้นได้หนะนะ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว
หลายสิ่งหลายอย่างก็จะเริ่มที่จะคุ้นเคยกับวิถีที่มันเคยเป็นมาก่อนแล้ว

พวกคุณเห็นไหมว่า ช่วงเวลาเหล่านี้ มันจะไม่ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ
จนไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นมันได้เลย เพราะว่าพลังงานที่ถูกส่งเข้ามานี้
มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
และมันก็จะไปกระแทกกับชั้นบรรยากาศส่วนตัวของพวกคุณ
จนทำให้พวกคุณทุกๆคนได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งตามไปด้วย

พวกเรารู้ดีว่า สำหรับพวกคุณส่วนใหญ่แล้ว ผลกระทบที่พวกคุณรับรู้มาโดยตลอดนี้
บางทีอาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่า เป็นผลกระทบทางด้านบวกเสียทั้งหมด
หรือไม่ก็..ไม่เป็นบวกเอาซะเลยด้วยซ้ำไป เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว
มันอาจจะไปทำให้เกิดอาการเจ็บปวดแบบตุบๆ และเกิดอาการเจ็บปวดแบบลึกๆ
อยู่ภายในเนื้อเยื่อของร่างกายเนื้อของพวกคุณ และอาจจะปรากฎออกมา
ในรูปแบบของความวิตกกังวล, ความไม่สบาย และบางที
อาจจะมีแม้แต่ความโกรธเกิดขึ้นในระดับจิตใจของพวกคุณเองด้วยซ้ำไป

แต่ว่าบัดนี้ ม่านพรางกำลังจะเริ่มถูกยกขึ้นมาแล้ว มันจะถูกยกขึ้นมา
จนช่วยให้พวกคุณทุกๆคน สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจาก
ความไม่น่าพึงพอใจทั้งหลาย อันเกิดขึ้นจากพลังงานได้
และจะทำให้พวกคุณสามารถเริ่มมองเห็นอิสระภาพ
ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านพรางแห่งความหลงลืมนี้,
หรือม่านพรางแห่งการทำงานตรากตรำนี้,
หรือม่านพรางแห่งความทุกข์ยากลำบากนี้ ซึ่งได้ถูกกางกั้นเอาไว้
ระหว่างพวกคุณ และ “โลกในแบบที่พวกคุณฝัน” เมื่อนานแสนนานมาแล้ว..ได้

พวกเรารู้ว่าถ้อยคำที่กล่าวมานี้ มันอาจจะดูเลิศหรูเกินไปสำหรับพวกคุณบางคน
เพราะว่าพวกคุณบางคนอาจจะโยนคำว่า “ความฝัน” ทิ้งไปในกองขยะเรียบร้อยแล้ว
เพราะว่าพวกคุณอาจจะคิดว่าเรื่องพวกนี้มันไม่มีอะไรที่จะต้องไปฝันถึงอีกแล้ว
เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณปราถนามานานแสนนานแล้วนั้น นับวันก็จะยิ่งดูเหมือนว่า
มันห่างไกลออกไปทุกทีๆ ในขณะที่ร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง
ก็กำลังอ่อนล้าลงเรื่อยๆจนจมลงไปอยู่ในกองแห่งความหมดอาลัยตายอยาก
และความเหนื่อยล้าไปเสียแล้ว

แต่จงฟังพวกเราก่อน! พวกเราอยากจะบอกว่า ความฝันของพวกคุณ
ไม่ได้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว แต่อย่างใดเลย เพียงแต่ว่าความเป็นมนุษย์
ที่ยังหลงเหลืออยู่ของพวกคุณ ที่ยังคงครอบงำพวกคุณอยู่นี้ต่างหากหละ
ที่จำเป็นต้องแสดงความไม่สะดวกสบายของมันออกมา
อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวงนี้

เพราะว่าจงจำไว้ว่า ภายใต้ความเหนื่อยล้า,
ความเจ็บปวด และความไม่สะดวกสบายเหล่านี้
มันไม่เพียงแต่จะมี
“การฟื้นคืนสภาพใหม่ทั้งหมดของร่างกายเนื้อของพวกคุณ”
(total renewed physical body) อยู่เท่านั้น
แต่มันยังจะมี “ตัวตนใหม่เอี่ยมอ่องของพวกคุณ”
(the brand new you) อยู่อีกด้วย
ซึ่งเป็นตัวตนใหม่ของพวกคุณ ที่อีกไม่นานนี้
ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
และก็จะสามารถส่องแสงสว่างที่แท้จริงของมันเองออกมา
เป็นครั้งแรกได้ซะที


พวกเรารู้ว่าคำพูดเหล่านี้ของพวกเรา
ไม่เพียงพอที่จะช่วยปลอบประโลมให้พวกคุณ
ผู้ที่กำลังแบกภาระอันหนักอึ้งที่สุด
ของอาการเหล่านี้อยู่ รู้สึกดีขึ้นมาได้

แต่พวกเราก็รู้ว่าไม่มีพวกคุณคนไหนเลย
ที่ได้สูญเสียความฝัน ที่พวกคุณมาที่นี่เพื่อพบกับมัน
ไปเรียบร้อยแล้วเลย เพราะว่าความฝันอันนั้น
มันยังคงอยู่ในตัวของพวกคุณอย่างเหนียวแน่นอยู่
และมันก็พร้อมที่จะงอกงามขึ้นมาอย่างเต็มที่
ในทันทีที่โอกาสอำนวยซะด้วย

เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่าคือ “ความฝันของตัวเอง” นั้น
แท้ที่จริงแล้วมันก็คือส่วนหนึ่งของ “พิมพ์เขียว” (the Blueprint)
ที่พวกเราได้เคยพูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง
ซึ่งพวกคุณทุกๆคนได้นำติดตัวมาด้วย ตั้งแต่ตอนที่ถือกำเนิดขึ้นมา
บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้แล้ว และเพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง
ของจินตนาการลมๆแล้งๆที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ของพวกคุณเองเท่านั้น
แต่อย่างใดเลย เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว มันคือคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นไปได้
ของสิ่งที่พวกคุณมาที่นี่เพื่อมาเนรมิตให้มันเป็นความจริงนั่นเอง

ดังนั้น ในระหว่างที่พวกคุณกำลังเผชิญหน้าอยู่กับ
ชั่วโมงท้ายๆของปีนี้ ที่พวกคุณเรียกกันว่าปี 2013 นี้อยู่
จงรู้ไว้เถิดว่า “ความฝัน” ของพวกคุณ
ได้เริ่มต้นงอกรากอันอ่อนนุ่มชุดแรกของมันออกมาแล้ว
และมันก็กำลังจะพร้อมแล้วที่จะงอกขึ้นมาเป็นลำต้นในเร็วๆนี้
ที่จะทำให้พวกคุณถึงกับลืมหายใจไปเลยทีเดียว
เมื่อได้เห็นหน่อเล็กๆหน่อแรกของมัน
ที่งอกขึ้นมาจากเมล็ดแห่งความฝันของพวกคุณ
ที่มันเคยซุกซ่อนตัวอยู่

เพราะว่ามันไม่ใช่แค่พวกคุณเท่านั้นที่มาที่นี่เพื่อเจริญงอกงามขึ้นมา
แต่มันยังมีความฝันอันนั้นของพวกคุณอีกด้วย ที่มาที่นี่เพื่อเจริญงอกงามขึ้นมา
มันคือความฝันที่พวกคุณมีร่วมกัน ท่ามกลางรูปธรรมชีวิตที่รู้แจ้งแล้ว
จำนวนหลายล้านชีวิต ที่กำลังอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ในช่วงเวลานี้

และก็อย่าคิดว่าพวกคุณมาที่นี่เพราะความบังเอิญนะ
และก็อย่าคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณได้ทำกันมาแล้วนั้น
จะไม่ให้ผลตอบแทนอะไรเลยด้วยนะ เพราะว่ามันไม่ใช่เลย
เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณได้ลงทุนลงแรงกันไปแล้วนั้น
ได้ให้ผลตอบแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในหลายๆวิถีทาง
เพราะว่าพวกคุณได้ใช้เวลากันไปอย่างคุ้มค่าแล้ว
เพราะว่าพวกคุณได้ทำให้ตัวเองเริ่มต้นเจริญงอกงามขึ้นมาได้เรียบร้อยแล้ว
ในแบบที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย

และเมื่อพวกคุณทุกๆคนได้เริ่มต้นยืดตัวเองให้สูงขึ้นสู่แสงสว่างได้เช่นนี้แล้ว
เมล็ดพันธุ์ที่หลับไหลอยู่ ที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณแต่ละคน และทุกๆคน
ก็กำลังจะเริ่มผลิงอกออกมาด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากพวกคุณมองย้อนกลับไป
ใน “ปีแห่งความอุตสาหะ” นี้ จงรู้ไว้เถิดว่า
ปีที่พวกคุณกำลังจะได้เห็นในวันข้างหน้านี้
หรือปีใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นมานี้
จะเป็นอีกปีหนึ่งที่รู้จักกันในนามของ
“ปีแห่งความเจริญรุ่งเรือง” หรือ
เป็น “ปีแห่งการประสบผลสำเร็จ”

มันจะเป็นปีที่เมล็ดพันธุ์หลายล้านเมล็ด
จะเจริญงอกงามขึ้นมา และสิ่งที่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น
จะเจริญเติบโตขึ้นไปเป็นก็คือ สิ่งที่จะสามารถเรียกได้ง่ายๆ
ประมาณว่า “สวนแห่งอีเดน” (the Garden of Eden) นั่นเอง

………………

 

ส.ค.ส.๒๕๕๗
ให้ทุกลมหายใจไร้ห่วงหา
ให้ชีวิตข้างหน้าพาสุขศรี
ให้เภทภัยทั้งโลกาอย่าได้มี
ให้"ความดี"ชี้นำโลกสู่ "ความจริง"...
อจิตตะ...

 

วันนี้มีบทความใหม่อัพเดทมาอันนึงอะครับ จาก Montague Keen

แต่ผมแปลไม่เก่งอะครับ เลยเอามาแปะไว้ให้นะครับ

Montague Keen - December 29, 2013