ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

..... สำหรับกระทู้นี้

... กาลีนะ .. ได้นำมาลงก็เพราะ ..... พระอาจารย์ของ กาลีนะ ได้ทำนายเอาไว้ว่า

.. " นับจากนี้ เทพ และ เทวดา จะลงมาสร้างบารมีเยอะขึ้น จะมีเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ชื่อแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมาย .. คนจะกลายเป็นที่สิงสถิตย์ แฝง กาย ของภูต ผี ปีศาจ มากขึ้นเพราะความ .. หลงผิด .. กระทำผิด .. "

.... ท่านได้ให้เหตุผลไว้เท่าที่จำได้ว่า ... คนจะมีการเล่น คุณไสยย์ อวิชามากขึ้น โดยเฉพาะ เสน่ห์ .. มีการรับขันธ์ และ ผิดครูมากขึ้น ทำให้เกิดช่องทางให้ พวกมิจฉาทิฐิ แฝงมาได้ง่าย .... ประมาณว่าเห็นโลกเราเป็น " สมรภูมิ " ก็ไม่ปาน ...

..... กาลีนะ ก็ได้เก็บนำมาคิดว่าเพราะอะไรจะทำให้คนกลายเป็นแบบนั้นไปได้ .. หรือ เพราะนี้คือ กลียุค ... ที่เคยได้ยินหลาย ๆ ท่านกล่าวเอาไว้ ... จึงมีความคิดว่าถ้าเราให้คำแนะนำคนที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่านได้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น ... ก็น่าจะช่วยได้อีกทางหนึ่ง ... นอกเหนือจากเวรกรรมที่พวกเขาผูกพันธ์กันมาแล้ว ....

.... แต่สำหรับตัว กาลีนะ ก็ศึกษาหาความรู้ให้ตนเองตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของ พวกมิจฉาทิฐิ .. มาหลอกใช้เอาได้ .. เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และ ผู้ใกล้ชิด .. ส่วนใครที่แปลเจตนารมณ์ของ กาลีนะ เป็นอย่างอื่นก็ไม่สามารถไปห้ามได้ ... แต่ถ้าพวกคุณแสดงอะไรที่มันมากเกินไป .. ก็คงต้องมีการว่ากล่าวกันบ้างนะคะ ..

.... กาลีนะ ชอบแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากกว่าคะ

 

... เดี๋ยวจะกลับมาเล่า ประสบการณ์ที่เคยไปงาน นวราตรี ปี 54 มาให้ได้อ่านกันนะคะ ครั้งแรก และครั้งเดียวที่ไปคะ ... ยอมรับเลยว่าเจอของจริงเข้าแล้ว ....

 

.... ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นช่วงเดือนตุลาคมปี 54 .. เราพาแม่ลงไปทำธุระที่กรุงเทพ ฯ เราไปกันสองคนขับรถไปเอง .. เราเป็นคนขับระหว่างทางเราได้เจอกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ขายของเกี่ยวกับเทพ .. และ เป็นร่างทรงทั้งสองคน .. เราเจอกัยหลายครั้งมากน่าจะสี่ครั้งได้ .. เรารู้จากพวกเขาว่ากำลังจะไปร่วมงาน " นวราตรีวันสุดท้าย " เขาชวนเราไปด้วย ...

.... เราได้นัดน้อง พอย กับ ไอ้เจ .. ไปด้วยเรานัดเจอกันแล้วจอดรถไว้ที่ BTS จตุจักร .. นั้งรถไฟฟ้าไปผู้คนมากมายที่หลั่งไหลไปงานวันนี้ มีทั้งแต่งตัวธรรมดาใส่เสื้อขาวทั้งชุดมีแบบที่ใส่ชุดแขกทั้งชุดก็มี พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้ไปร่วมงานนี้กันเพราะไม่เคยมีใครได้ไปร่วมงานแบบนี้ .. เหมือนเด็กจะได้ไปเที่ยวงานอะไรสักอย่างแหละคะ

... พวกเรามาถึงพร้อมกับภาพผู้คนมากมายจนน่าตกใจ กำลังมีขบวนแห่มาทางนี้ตรงสถานีไฟฟ้าที่พวกเรายืนอยู่ .. กลิ่นธูปควันเทียนคลุ้งไปหมดจนหายใจแทบไม่ออกเลยจริง ๆ

... พวกเราพากันเดินลงมาจากสถานนี้เพื่อจะได้ดูขบวนแห่ใกล้ ๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นของเทพองค์ใดที่แห่มารู้แต่ว่าเป็นเทพผู้ชาย .. ตอนนั้นทุกคนก็ดูปกติดีคะไม่มีอาการอะไรน่าตกใจ ... พวกเราเดินมากำลังจะถึงปากซอยที่ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนที่จะไปวัดแขก ... เราเจอกับผัวเมียคู่นั้นอีกแล้ว ... คราวนี้เขามากับหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานแบบคุณหญิงคุณนายทรงผมฟาร่าใส่ชุดขาว ... ฝ่ายภรรยาเขาแนะนำเรากับหญิงคนนั้นว่า .... เขาหันมามองเราแค่แว็บเดียวจะเรียกว่ามองด้วยหางตาก็ได้ .. แล้วก็รีบเดินจากเราไปโดยมีสองคนนั้นประคองไป .. ถามว่าเรารู้สึกยังไงในตอนนั้นน้องบอกว่าเราก็จ้องหญิงกลางคนนั้นไม่หลบตาเหมือนกันหน้าเรานิ่งมาก ๆ ทั้งที่ตอนแรกเราก็ยิ้มให้พวกเขานะ .. เรารู้สึกตัวว่าตัวเบาตลอดเวลาที่อยู่ในงาน และ พยายามควบคุมสติให้อยู่กับตนเองตลอดเวลา และเตือนน้อง ๆ ที่มาด้วย .. เพราะงานนี้รู้อยู่แล้วว่าตำหนักคนทรงจากทั่วสารทิศมารวมตัวกัน ... ไม่รู้ใครเป็นยังไงเราจึงต้องระวังตัวให้มากที่สุด ... อันตรายอยู่ทุกย่างก้าว .. สำหรับคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรอาจไม่เท่าไหร่ .. แต่สำหรับคนอย่างพวกเรา 3 คน ถือว่าอันตรายมาก ..

 

.... เราพยายามไม่เดินเข้าไปในหิ้งบูชาของใครต่อให้สวยแค่ไหนเราก็ชื่นชมอยู่ห่าง ๆ น้องเราคิดว่าเรา " ขี้ระแวงเกินไป " เธอไม่สนใจเดินเข้าไปใกล้หลายครั้ง .. เธอเริ่มมีอาการเหม่อลอยเหมือนคนคุมสติตัวเองไม่ได้ ... ร้องไห้ พนมมือไหว้ไทั่ว ปากก็พูดแต่ว่า " หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้ว ขอแม่โปรกอภัยให้ลูกด้วย " ก่อนที่เธอจะเดินไปคุกเข่ายกมือไหว้หิ้งของกระเทยคนหนึ่งที่คล้ายผู้หญิงกำลังทรงพระแม่อยู่เพื่อโปรดคนที่เข้าไปหา .. มีบริวารหลายคนซึ่งส่วนมากเป็นกระเทย หรือ เพศที่ 3 เหมือนกัน ..

.... เราเคยดูรายการผียอดนิยมรายการหนึ่งซึ่งอยากบอกว่าเธอคนนี้หน้าตาคล้ายกับคนทรงที่น้องเราเข้าไปไหว้ไปให้เขาลูบหัวมากเลย ... แถมทำเสียงคล้าย ๆ กันด้วย ... แต่เราอาจจำผิดคนก็ได้ ...

.... เราได้แต่ยืนมองทั้งที่น้องเรียกให้เราเข้าไปนั้งด้วย ... ไม่รู้สิเราไม่รู้สึกว่าใช่องค์แม่ท่านมาประทับทรง .. หรือ มาทรงจริงแต่เรารับรู้ไม่ได้ก็เป้นได้ เพราะมันไม่มีข้อพิสูจน์ เราถามไอ้เจว่าใช่ไหม๊มันแค่ส่ายหน้า .. มางานนี้ไอ้เจนิ่งมากดูสุขุม ระวังตัว เหมือนไม่ใช่มันเลยดีกว่า และ มันดูจะปกป้องเรามากด้วยซ้ำเหมือนใครคนหนึ่งที่เรารู้จักแต่เขาตายไปแล้วจริง ๆ นะ .. ไอ้เจเดินไม่เคยห่างจากตัวเราเลยเดินตามหลังตลอดเวลา นอกจากเราให้ไปดึงเอาน้องพอยออกมาจากตรงนั้น และ เป็นช่วงที่พอดีที่ขบวนแห่ของ " องค์แม่ท่านมาพอดี " คนทรงคนนี้เลยต้องเลิกทรงเพราะว่ามีเจ้าหน้าที่มาไล่เพื่อเครียทางให้ขบวนแห่ ..

.... พอย ยังคงร้องไห้น้ำตาไหลเป้นสายทางเลยทีเดียวยกมือไหว้ไปสายตาเหม่อลอยเดินเข้าหาขบวนแห่ .. เราได้แต่ให้ไอ้เจช่วยจับไว้กลัวจะเกิดอันตราย ... แต่ก่อนเข้างานเราได้ให้จี้ปู่เวชสุวรรณกับพอยให้ใส่ไว้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ใส่อะไรแม้แต่พระเพราะเราไม่ชอบ และ กลัวทำหายด้วย ...

... ขบวนแห่ใกล้เข้ามาเห็นคนมากมายเอามะพร้าวมาเตรียมไว้เพื่อที่จะทำการทุบ .. พวกเราเสียดายมากที่ไม่มีมะพร้าวมาทุบเหมือนคนอื่น ... ได้ยินคนข้างพูดกันว่า " เป็นการทุบมะพร้าวเสี่ยงทาย และ บูชาพระแม่ " พวกเราคุยกันว่าคราวหน้าจะหามะพร้าวมาลองทำบ้าง ...

.... เมื่อขบวนใกล้เข้ามาเรารับรู้ได้ถึงความพลังงานอันมหาศาลครอบคลุมไปทั่วบริเวณนั้น .. มัน คือ อะไร ? ลักษณะที่เราสัมผัสได้มันเป็นความนิ่งของอากาศแต่เหมือนมันมีมวลพลังงานอยู่ในอากาศ ( นึกสภาพเราอยู่ในน้ำใส ๆ มีมวลน้ำห่อหุ้มรอบตัวเราไว้แบบนั้นแหละคะแต่มันไม่หนัก ) ไม่อึดอัดเหมือนเวลาที่เราไปในที่ของพวกตายโหง หรือ ที่มีผีดุ ๆ เฮี้ยน ๆ มันคนละความรู้สึกกัน และ น้อยครั้งที่เราจะสัมผัสพลังงานแบบนี้ .. อธิบายไม่ถูก .. พวกเราชื่นชมกับความยิ่งใหญ่ของขบวนพลังศรัทธาของคนที่มา .. หรือสิ่งที่เราสัมผัสได้มันคือพลังศรัทธาของคนที่มาร่วมงาน .. ตอนนั้นเราแยกไม่ออกเลยจริง ๆ รู้แค่ว่าไม่เป็นอันตรายก็น่าจะพอแล้วใช่ไหม๊คะ ...

 

... เราพยายามจับหาที่มาของพลังงานนั้น .. ในคนที่เบียดเสียดกันอยู่ไอ้เจยืนข้างหลังเราเลยได้โอกาศถามมันว่า " แกเห็นท่านไหม๊ " เชื่อไหม๊คะไอ้เจมันพยักหน้าบอกว่า " เห็นสิ " เราจึงถามต่อว่า " แกเห็นตรงไหน ใช่ข้างบนไหม๊ " " ใช่ ข้างบนลอยอยู่กลางอากาศเลยละ " ... แสดงว่าเราคิดถูก .... เราพยายามเพ่งมองไปเหนือหลังคาคานหามนั้นเผื่อว่าเราจะมีบุญได้มองเห็นท่านบ้าง .. แบบไอ้เจ ... เชื่อไหม๊คะว่ามัน ... " ว่างเปล่า "

.... แต่ในหัวของเรากลับมีภาพผู้หญิงแขกใส่ส่าหรีสวยงามมีมงกุฏอันใหญ่แบบในภาพวาด ... มืออีกนับไม่ถ้วน .. สาตายดุดันถมึงทึง .. แต่ไม่น่ากลัว .. แค่ดูมีอำนาจมากกว่าถึงจะถูก .. " ลอยอยู่กลางอากาศ " เราจึงเชื่อว่า ... นี้คือ พระแม่อุมา .. ที่ทุกคนนับถือกัน ... รวมทั้งเราด้วย ....

.... พอขบวนแห่ผ่านไปพอยก็หยุดร้องไห้ และ เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ... เรา กับ ไอ้เจพูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้ากันแค่นั้น ... นี้คือประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอมา ... แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นเคยเจอแบบเราไหม๊นะคะ

 

พูดถึงร่างทรงแล้วเข็ดไปอีกนานตอนนี้หลวงพ่อท่านก็ยั่งไม่ว่างมาจากชัยนาท
หลวงพ่อท่านคุยกับน้าผมว่าใครก็ตามที่อาบน้ำมนกับร่างทรงโดนผีแฝงทุกคน
เค้าทำไว้เพื่อจะใด้หากินใด้ทุกบ้านแล้วใครทำอะไรเค้ารู้หมดแม้แต่กระทั้งที่
ผมเล่าให้พวกคุณกาลีนะในเว็ปนี้เค้าก็รู้ทันทีที่ท่านบอกน้าของผมตอนกลางคืน
ร่างทรงรองของท่านทันทีมาเป็นหญิงหนึ่งชายสอง แน่ไม่แน่ทำเข้าไปในกุฏิ
หลวงพ่อท่านใด้ท่านบอกว่าตั้งแต่ถอนของมาทั่วประเทศไทยนี่เป็นรายที่เก่งที่สุด
เท่าที่เคยเจอมาซึ่งมาจากสุรินทร์ถึงกับทำให้ท่านป่วยท่านจะมาถอนของให้
บ้านผมเป็นครั้งสุดท้ายจะไม่ถอนให้ใครอีกต่อไปเพราะครูบาอาจาร์ท่านสั่งห้าม
ใว้แล้วไปถอนให้คนอื่นส่วนตัวเองก็ต้องโดนจ้องเล่นไปซึ่งผมก็เข้าใจในเรื่องนี้
แต่ไม่หน้าจะเกินเดือนนี้ท่านจะมาแน่นอนจะเป็นอย่างไรต่อไปจะมารายงานให้ทราบ
(ใครรู้วิธีถอนของดำออกจากตัวเองบ้างครับช้วยบอกที) ปล ผมก็โดน

 

ตอบ Kalina
ไม่แนะนำให้ไปงานต่างๆมากนัก อย่าลืมว่าตั้งแต่ผีขึ้นไปก็มีพลัง
สามารถสร้างภาพลวงตาได้แล้ว ไม่นับมารอีกเค้าจะยิ่งทำได้เนียนมากแค่ไหน
แล้วยังมีเทวดามาลองใจเรา แปลงกายเพื่อทดสอบศรัทธาอีก

สอบตกจริงๆจ๊ะ ไม่ได้แม้แต่อานาปานสติเลยล่ะ สมาธิขั้นพื้นฐานทีเดียว
มัวแต่ไปหลงกับวิชาต่างๆ อยากรู้สวรรค์ นรก นั่นโน่นนี่
แต่ศีล สมาธิ ปัญญาไม่สนใจ เลยได้เลิกหมดแล้วมาเริ่มต้นฝึกใหม่



ตอบ mistersak12
ง่ายมากๆกับการถอนคุณไสย พิธีเป่ายันต์เกราะเพชรนี่ไง
วันที่ 7 ธันวาคมเดือนหน้าจะมีงาน ใครจะสะดวกไปวัดก็ได้ หรือจะทำพิธีที่บ้านก็ได้
เป่าแล้วปฏิบัติไปเรื่อยๆจะดีขึ้นตามลำดับ

ทริปเสาร์ ๕ & เป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน เสาร์ที่ 7 ธ.ค.56 (มี 2 รอบ) คลิก
ทริปเสาร์ ๕ & เป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน เสาร์ที่ 7 ธ.ค.56 (มี 2 รอบ) ยอดจอง 117 ที่ ยังว่าง - PaLungJit.org

 

จะว่าไปก็ใช้ครับเคยฝึกสมาธิอย่างจริงจังหลายครั้งแต่ก็เริ่มใหม่หมดแล้วก็เลิกไปเพราะเป็นคนไม่ค่อยจริงจังซักเท่าไรไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันเป็นคนไม่มั้นใจในตัวเองอย่างมากจะเรื่องความศัทธานั้นเป็นพักๆแล้วก็หายไปเป็นแบบนี้ตลอดส่วนเรื่องหลงในวิชานั้น คงไม่ถึงกับหลงหลอกครับแค่ชอบศึกษาเท่านั้น
แต่ก็มีบ้างนิดหน่อยส่วนเรื่องศิลนั้นก็รู้สึกจะขาดมาเป็นปีๆแล้วล่ะโดยที่ไม่ใด้ต่อเลยรู้ทั้งรู้ว่าขาดแต่ก็ไม่เคยต่อเป็นงั้นไปอีก เรื่องปัญญาไม่ต้องพูดถึงโง้เข้าขั้น
เป็นคนที่ถูกชักจูงใด้ง้ายมากโดนกับตัวแบบนี้คงต้องเริมฝึกจริงๆจังๆซะแล้วล่ะ

 

ผมไม่เคย ไปงาน แห่ ร่างทรง อยากมากก้แค่ เดินผ่านวัดแขก มองดู เพราะไม่เคยเห็น ที่เคยรู้สึกแปลกๆ ก็งาน วางศิลาฤทธิ์พระนอน (ไม่รู้เรียกถูกป่าว คำศัพไม่เก่ง) ได้กลิ่นๆหอม เกือบตลอดเวลา เมื่อลมพัดมา ถามเพื่อนว่าได้กลิ่นป่าวก็บอกว่าไม่ ผมก็สั่งเกณฑ์แถวนั้นมีดอกไม้หรือป่าว เห็นแต่ป่า เพราะอยู่วัดป่า จะว่ากลิ่นเครื่องหอมดอกไม้ที่เขานำมาใช้ในพิธีก็ไม่ใช้ ก็แปลกดี ไปอีกแบบ

 

ไม่แนะนำให้ไปงานต่างๆมากนัก อย่าลืมว่าตั้งแต่ผีขึ้นไปก็มีพลัง
สามารถสร้างภาพลวงตาได้แล้ว ไม่นับมารอีกเค้าจะยิ่งทำได้เนียนมากแค่ไหน
แล้วยังมีเทวดามาลองใจเรา แปลงกายเพื่อทดสอบศรัทธาอีก

สอบตกจริงๆจ๊ะ ไม่ได้แม้แต่อานาปานสติเลยล่ะ สมาธิขั้นพื้นฐานทีเดียว
มัวแต่ไปหลงกับวิชาต่างๆ อยากรู้สวรรค์ นรก นั่นโน่นนี่
แต่ศีล สมาธิ ปัญญาไม่สนใจ เลยได้เลิกหมดแล้วมาเริ่มต้นฝึกใหม่



... สาธุคะ ...

.... กาลีนะ ก็พอทราบเหตุผลเรื่องนี้เหมือนกันคะ .. พระอาจารย์ท่านก็สอนคะ แต่มันหลังจากที่ไปงาน " นวราตรี " มานานพอสมควรคะ แต่ท่านแนะแค่ว่าให้ฝึกแยกแยะว่าสิ่งไหนจริง สื่งไหนปลอม .. เพราะมันลวงตากันได้ .. เพราะที่มาหา กาลีนะ ก็ไม่ได้หน้าตาแบบที่เห็นตอนในงานคะ ... กาลีนะ ก็คิดแค่ว่าท่านมีหลายภาคอาจจะหน้าตาไม่เหมือนกันก็ได้ .. กาลีนะสนใจแค่มาดี หรือ มาร้ายเท่านั้นคะ .. มิตร หรือ ศัตรู ... กาลีนะเพิ่งเจอพระอาจารย์ที่มาสอนกาลีนะได้แค่ปีกว่า ๆ เข้าสองปีนี้เองคะ ...

.... และ กาลีนะ ก็ไม่ได้ฝึกการนั้งสมาธิแบบจริงจัง ... กาลีนะ แสวงหาแค่บุญบารมีจากการทำความดีเท่านั้นคะ ...

... ส่วนแนวทางการฝึกนั้น ท่านก็ได้วางไว้ให้แล้วคะ และ มีพี่ ๆ ที่อยู่ในเว็ปนี้สองสามท่านแนะนำไว้แล้วคะ เหลือแค่ กาลีนะ จะทำเมื่อไหร่

 

.... ส่วนเรื่องไปร่วมงานต่าง ๆ นั้น สมัยก่อนไปบ่อยคะ แต่แค่ไปดูเท่านั้นคะ .. พวกตำหนักทรงนี้ก็ไปคะ .. แม้แต่พวกของที่เป็นนวดสีที่พวกเซลล์ใช้กัน หรือ แม้แต่สาริกาลิ้นทองของพระฤษี (จำชื่อไม่ได้ ) อายุแปดสิบกว่าปีแต่ร่างกายยังเหมือนคน 50 ต้น ๆ ก้เคยใช้คะ .. พ่อกาลีนะ เอาคัมภีร์ข่อยอายุน่าจะร่วมพันปีได้ไปแลกให้แกได้มีโอกาศได้อ่านข้อความในนั้นแลกกับให้ฤษีตนนั้นท่านทำสาริกาลิ้นทองให้ .. แต่พ่อก็ถามท่านนะคะว่าจะดูไปทำไมภาษามันตายแล้วไม่มีใครอ่านได้ .. แต่ท่านก็ยืนยันคำเดิม

... แล้วทุกคนคงอยากรู้ว่า " สาริกาลิ้นทอง " ที่ได้มามันหน้าตายังไง ใช้ได้ผล หรือ เปล่า จำได้ว่าตอนนั้นพ่อให้สีนวดมาด้วยแต่แกบอกว่าของมันแรงนะอันนี้แกไม่ค่อยอยากให้ใช้มันออกทางสายดำ และ ถ้าเราแบ่งให้ใครไปคนนั้นจะกลายเป็นบริวารของเราคะ ... กาลีนะเคยลองด้วยทั้งสองอย่าง

1. สีนวด ... มันทำให้อารมณ์เราหงุดหงิดไม่ปลอดโปร่ง + ฉุนเฉียวง่าย = เจ้านายเรา น้าเรา ญาติเรา แม่เรา เขาจะหงุดหงิดเวลาคุยกับเราแบบไม่มีสาเหตุ ได้ยินเสียงเราเป็นไม่ได้ ....... เลยใช้แค่ครั้งเดียวแล้วเก็บไว้ในรถแทน ... มีคนมาขอเหมือนกันพวกเซลล์เหมือนกันแต่ไม่ได้ให้ไปคะ เพราะคิดว่ามันเป็นของไม่ดี ... ตอนนี้หายไปไหนไม่ทราบเพราะเปลี่ยนรถมาหลายคัน ..

2. สาริกาลิ้นทอง ของท่านฤษี = ตรงข้ามกับสีนวด ไม่อึดอัด แต่พูดไม่หยุด พูดจนลมเข้าท้อง พูดเร็วน้ำไหลไฟดับ = ไปเจรจางานสำเร็จเป็นชิ้นโบว์แดงของบริษัทในปีนั้น .. เป็นพนักงานดีเด่น ... แต่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว พอคุยตกลงกับลูกค้าเสร็จขึ้นรถเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ( ท่านได้บอกวิธีใช้เก็บรักษามาแล้ว ) ขับรถกลับบ้านไม่ได้แวะที่ไหนพอถึงบ้านควักออกมา ... ปรากฏว่า " หาย " แต่ท่านเคยบอกว่ามันหนีได้นะ ...

.... ลักษณะเป็นแผ่นทองแดง ทองเหลือง เงิน ขดเป็นตะกรุด 3 อัน ให้อมไว้อันหนึ่งตอนเจรจางาน ...

.... ตอนหลัง ๆ มาก็มีหลายที่ทักว่า กาลีนะ ไม่ควรไปรับของจากใครที่ไหน ไม่ต้องแสวงหาของดี ของขลังมาพกให้เสียเวลา ... เพราะท่านเหล่านั้นบอกว่า " เสียดายของ " ... เพราะมันจะ " เสื่อมหมด " พกไปก็เท่านั้น ... หรือแม้แต่โดนอะไรมา เด๊่ยวก็จะมีคนมาล้างให้หมดอยู่ดี .... เพราะฉะนั้นอย่าไปพกเลย .... อันนี้ทั้งพระ ทั้งร่างทรงนะคะที่ทักมา ... แต่เท็จจริงไม่ทราบคะ

 

... ส่วนเรื่องอื่นที่ลึกกว่านี้ขอตอบพี่ naitiw หลังไมค์นะคะ ไม่สะดวกด้านหน้าคะ ... บอกแล้วไงคะเรื่องที่เล่าไปล้วนเกิดขึ้นก่อนเจอพระอาจารย์ที่แนะนำ กาลีนะ ก่อนที่จะรู้จักเว็ปพลังจิตคะ

 

นั่งหันหน้าไปทิศตะวันตก
เหยียดเท้า
ใช้มีดหมอหรือน้ำมนต์ หรือทั้งสองอย่างก็ได้
แต่ทีละอย่าง
ไล่ออกไปทางปลายเท้า

ในกรณีที่กินเข้าไป ต้องกินน้ำมนต์
ใช้เวลานานมาก กินไปเรื่อย ๆ
หรือถ้าฝึกบังคับพลังมาก็ใช้พลังตัวเองขับออกตลอดเวลา

 

ชอบ ชอบ อ่านแล้วสนุก ได้ปลงด้วย

 

คุณกาลีนะ ไม่มีเรื่องมาเล่าแล้วเหรอครับ ผมคิดถึงนะ

 

... เรื่องเล่ามีเยอะ ... นี้ยังไม่ถึงครึ่งที่ตั้งใจจะลงคะ ... เอาไว้เป็นอุทธาหรณ์ และ แนวทางคะ ... ไม่อยากให้พลาด ... เพราะ กาลีนะ เคยพลาดจนเทวดาละทิ้งไปเกือบหมด .. ต้องเจอวิบากกรรมมากมายกว่าจะรอดมาได้ .. เลยไม่อยากให้ใครต้องมาเจอแบบ กาลีนะ อีก ... เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาศ " แก้ตัวใหม่ "

 

......กาลีนะ ขอกราบขอขมา และ กราบขอบพระคุณ " ท่านหมอยา " และ ทางทีมงาน มากเลยคะ ที่นำข้อมูลมาลงเผยแพร่ในเว็ปไซร์ของท่าน .. หากมีอันใดล่วงเกินท่านไป กาลีนะ ขอกราบแทบเท้าท่านเพื่อขออภัยท่านคะ .. เพราะต้องการให้คนที่หลงทางหลงผิด ได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ... ใครสนใจอยากรู้ก็ลองไปค้นหาอ่านได้นะคะ .. กาลีนะ จำเป็นต้อง " ลบ " คะ

... ในส่วนตัว กาลีนะ ก็เลื่อมใสท่านหมอยามากคะ เพราะท่านเดินทางสายเทพชัดเจน .. กาลีนะ ก็เคยให้ท่านลองตรวจให้เช่นกันว่าเข้าเกณฑ์กับเขาบ้างไหม๊ ... ท่านก็กรุณาตรวจให้ฟรีคะ .. คงอยากรู้สินะคะว่า กาลีนะ จัดอยู่ในประเภทใด .... ข้อ 5 คะ ... เพียงแต่ไม่ได้เดินสายเทพ .. ยังเป็นคนธรรมดาอยู่คะ ... เพราะกระทำผิดไปเลยหมดสิทธิ์ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ ...

... " เพียงเพราะเอาสิ่งที่ได้มา ... ไปช่วยเหลือคนไม่ดี ไม่กี่คน ... แถมเขาก็ยังคงทำตัวแย่เหมือนเดิม .. ท่านก็เลยจากไป .. เพราะเราทำผิด "

 

อยากรู้คร่าวๆจากคุณ Kalina ครับว่า การกระทำอะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่ผิดจนเทวดาเขาหนีกันหมด ยกตัวอย่างมาเป็นหัวข้อสั้นๆก็ได้ครับ

แล้วเรื่อง"สายเทพ"พอจะอธิบายได้ไหมครับ สายเหล่านี้เขามีคติอย่างไร เหตุใดบางองค์(ที่ผมเคยเห็น)เขามีคติบางอย่าง คือ เขาไม่ให้ลูกศิษย์ซึ่งเป็นญาติของผม(ร่างทรง)ของเขาห้อยพระ รูปลักษณ์พลังงานของพระเลยนอกจากเทพและเจ้าแม่กวนอิม แต่ว่าทางสายเขาก็บอกว่าเคารพบูชาพระพุทธเจ้าอยู่ ญาติผมก็เคยกล่าวไว้ว่า "บูชาท่านเพื่อขอให้ก้าวพ้นวัฏฏะสงสาร" แต่ตรงนี้อาจมีมุมอื่นที่เขาไม่ได้กล่าวถึงเพราะเห็นเขาเป็นสายเทพทางอินเดียแต่ว่าเขาถือและปฏิบัติกรรมฐานตามสายของพระแม่กวนอิม และจะไปร่วมพิธีกรรมอยู่บ่อยๆแต่ไม่บอกให้ใครรู้ว่าที่ไหนและทำอะไร เข้าใจว่าเพราะไม่อยากให้ใครรบกวนและปรามาส

ทำให้ผมสับสบ งงงวยเป็นอย่างมาก หากจะกล่าวว่าเป็นสัมมาทิฏฐิก็คงจะยอมรับได้ยาก และไม่เคยถามกับญาติหรือองค์ท่านตรงๆ เพราะกลัวจะผิดใจกัน ส่วนตัวผมเชื่อในคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แต่ไม่ได้ยึดติดอะไรกับคติที่ไม่ตรงกับของหลวงปู่-หลวงพ่อพ่อท่านสอน คือสงสัยแต่ว่ารู้ก็ดี ไม่รู้ก็ได้ ส่วนตัวต้องการจะทำให้เกิดความรู้จริงเพื่อจะได้หายสงสัยและปรับคติไม่ให้ไปปรามาสสิ่งต่างๆเข้า จากเหตุเพราะเป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรครับ ซึ่งในส่วนนี้ถ้าคุณ Kalina ไม่อาจบอกได้หรือเห็นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็ไม่เป็นไรครับ

 

อยากรู้คร่าวๆจากคุณ Kalina ครับว่า การกระทำอะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่ผิดจนเทวดาเขาหนีกันหมด ยกตัวอย่างมาเป็นหัวข้อสั้นๆก็ได้ครับ


*** เอาแบบบ้าน ๆ เลยนะคะ ... เช่น

1. คุณนับถือเทพอะไร พระองค์ใด สิ่งศักดิ์องค์ใด .. แล้วถ้าอะไรที่ท่านเหล่านั้นไม่ชอบ หรือ ผิดเจตนารมณ์ของท่านอย่างรุนแรง ... แต่คุณยังทำก็คิดเอาว่าท่านเหล่านั้นจะยังอยากเมตตาคุณต่อไหม๊ ... หากการกระทำนั้นจะนำพาท่านเหล่านั้นอาจต้องมารับกรรมร่วมกับคุณ .. ท่านก็คงไม่เอาคะ .. ลองนึกสภาพตัวคุณเป็นท่านก็ได้คะ .... หรือ ไปส่งเสริมคนให้ทำผิด

... ยกเว้นว่า ท่าน และ คุณ เคยมีเวรมีกรรมสัมพันธ์กับท่านมาก่อน ... ท่านก็อาจจะยังเมตตาสงเคราะห์ช่วยบ้าง .. หรือ คุณมีหน้าที่ต้องทำ หรือ เป็นส่วนหนึ่งของท่านที่แบ่งแยกลงมา .. มันจะต้องพิจารณาอีกที ... ส่วนมากเจ้าตัวจะทราบเองคะเมื่อถึงเวลา

2. คุณได้ไปกระทำการอันใด ... อันเป็นการ " ลบหลู่ ดูถูก เหยียดหยาม "

3. ไม่อยู่ในศีลธรรมที่ท่านเหล่านั้นยึดถือให้ความสำคัญคะ .. เช่น .. พระแม่อุมา ท่านจะขึ้นชื่อเรื่อง ความซื่อสัตย์ และ ดุแลสามี เป็นนางแก้ว รักเดียวใจเดียว .. แต่ถ้าคุณเป็นประเภทที่ตรงข้ามกับท่านทำ ... ท่านก็ไปคะ .. หรือ เจ้าแม่กวนอิม ท่านจะขึ้นชื่อเรื่อง ความเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น .. แต่คุณโคตรเห็นแก่ตัว เอาเปรียบ ขี้อิจฉา ฯ ท่านก็ไม่อยู่คะไปเช่นกัน

.... เพราะเทพ เทวดา ทุกท่านจะมีจริต หรือ นิสัย เอกลักษณ์ส่วนตัวแตกต่างกันออกไป ... ท่านก็จะเลือกคนที่มีลักษณะใกล้เคียง กับ ท่านมากที่สุด .. จริต ความคิด จิตใจ รูปร่าง ... ประมาณนี้คะ

4. ส่วนเทพผู้ควบคุมวิชาที่เรียน จะแตกต่างกันออกไปคะ .. ออกแนวครู ... ถ้าเราทำผิดกฏที่ครูตั้งไว้ .. " ผิดครู " เทพเทวดาจะหนีหาย ... มารร้ายจะมาแทน .. นั้นคือ " คำสาป " ที่บรรดาครูท่านลงไว้จะให้ผลคะ .. หนักเบาตามสิ่งที่เรากระทำผิด ... เมื่อเทพที่คุมวิชาท่านไปแล้ว ... พวก ผี ปีศาจ อสุรกาย จะเข้ามาครอบครอง ควบคุม ร่างเราแทน .. และ เทพก็ไม่สามารถช่วยเราได้ .. แม้ว่าท่านจะมีฤทธิ์แค่ไหนก็ยากคะ ... เพราะเป็นส่วนของ " กรรมมะวาจา " ให้ผล ... ซึ่งพวกที่ไป " รับขันธ์ " ก็จะถูกจัดในประเภทนี้เช่นกันคะ

5. ผู้ที่ได้รับหน้าที่มาแต่กำเนิด .... แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ... หรือ นำสิ่งที่ได้รับพรมาไปใช้ในทางที่ผิด หรือ ช่วยผู้อื่นกระทำผิด หรือ ไปส่งเสริมคนให้ทำผิด ... อันนี้ก้ไปเช่นกันคะ

..... คิดออกเท่านี้คะ .. ขอโทษด้วยนะคะ ..

 

แล้วเรื่อง"สายเทพ"พอจะอธิบายได้ไหมครับ สายเหล่านี้เขามีคติอย่างไร

อันนี้ กาลีนะ ก็ไม่ทราบละเอียดคะ .. เพราะก็ไม่ได้เดินสายนั้นเต็มตัว .. หรือ เปล่า .. คือ ออกแนวเป็นตัวของตัวเองคะ ... แต่จะเอาของท่านอื่นที่ไปอ่านมาแล้ว ... มาแตกประเด็นให้ทราบละกันนะคะ ..