อนุตรธรรม พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีแล้ว ไม่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เป็นไฉน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย กลายแก้ว, 7 พฤศจิกายน 2013.

  1. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ข้าพเจ้าได้อ่านข้อความเหล่านี้ จากเว็บไหนแล้วจำไม่ได้ แต่ได้จดบันทึกไว้เมื่อหลายปีก่อน แล้วลองมาเทียบเคียงกับการศึกษา ประวัติพระราชาและกษัตริย์ที่สำคัญไทยและต่างชาติ ของภารกิจของท่าน ถึงความน่าจะเป็นได้ จึงได้นำลงมาเพื่อให้ผู้ที่ปารถนาพระโพธิสัตว์ ได้พิจารณาเพื่อเป็นประโยชน์ในการบำเพ็ญบารมี ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องประการใด หรือ อ้างอิงแหล่งที่มาไม่ได้ ผิดข้อบังคับ จะพิจารณาลบกระทู้ก็ได้นะคะ

    อนุตรธรรม พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีแล้ว ไม่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เป็นไฉน


    คือ พระโพธิสัตว์ที่ถูกพระโพธิสัตว์องค์อื่นคานอำนาจได้ ไม่อาจเป็นหนึ่งได้ด้วยตนเอง จึงเป็นยอดไม่ได้ เป็นสาวกขวาได้ สาวกซ้ายได้ อย่างนี้จะไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดมากมากมาย จนบารมีล้นขนาดไหนก็ตาม เช่น พระสมันตภัทร ก็มีบารมีถึง 17 อสงไขยมากกว่าพระศรีอาริยเมตตรัย แต่ท่านถูกพระมัญชุศรี คานอำนาจได้ ดังนั้น ทั้งคู่ก็จะไม่อาจสามารถสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะไม่ได้บำเพ็ญบารมีแบบยอดเป็นหนึ่งเดียว



    อีกแบบหนึ่ง เป็นยอดได้แต่ติดใน “ลูก” คือ สละลูกเป็นทานไม่ได้ อย่างนี้จะต้องตกเป็นพุทธบิดา เพราะความที่สละลูกเป็นทานไม่ได้ บารมีเลยพร่อง เดิมพุทธบิดาก็ปารถนาพุทธภูมิและบำเพ็ญบารมีแข่งกับพระพุทธเจ้ามาก่อน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เรียกว่าต่างก็ไร้เทียมทานทั้งคู่ ในที่สุดคนตายมากมาย ถ้าฝ่ายใดยอมถอย ยอมแพ้ เพื่อรักษาชีวิตคนได้ ยอมกระทั่งเสียลูกเสียเมีย เพื่อรักษาชีวิตคนเพื่อวันหน้าจะเอาคืนใหม่ ด้วยสันติวิธี อย่างนี้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ แต่ถ้าไม่ยอมเสียลูก ไม่ยอมตัดใจเอาลูกเป็นทาน ละความเป็นพ่อ ไม่ได้ก็ต้องเป็นพุทธบิดา ในชาติสุดท้าย จึงนิพพานได้ ถ้าไม่ได้เป็นพุทธบิดา ก็จะคาใจไม่อาจนิพพานได้ เพราะไม่สมปรารถนา



    อีกแบบหนึ่งเป็นยอดคนได้ แต่ติดใน “คู่รัก” คือ สละคนรักเป็นทานไม่ได้ ประเภทเสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียคู่รักให้ใคร หรือยอมเสียทุกอย่างได้ แต่ไม่ยอมเสียคนรัก อย่างนี้ต้องเป็นนางแก้ว เพราะจิตคิดแต่เรื่องครอบครัว และความรักเป็นใหญ่ ต้องการคู่รัก ปรารถนาในคู่รัก มากกว่าความสุขของมวลสรรพสัตว์ เช่น บำเพ็ญบารมีไปแล้ว เขามาตีเมือง ทำสงครามคนตายมากมาย จึงเจรจาหย่าศึกเขาขอเมีย เพื่อจะสงบศึก ถ้าเราให้เขาไม่ได้ ตัดใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย ดันทุรัง ทำสงครามจนคนตายมากมาย แบบนี้จะไม่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ต้องเกิดมาเป็นหญิงชำระกรรม และต้องบำเพ็ญบารมี นางแก้ว แทน ดังนั้น นางแก้วเดิมทีก็มาจากผู้ชายที่บำเพ็ญบารมีปารถนาพุทธภูมินั้นแหละ แต่สละเมียตนเองไม่ลง นั่นเอง จึงได้บำเพ็ญบารมีนางแก้ว


    อีกแบบหนึ่ง เป็นยอดคนได้ และสละได้ทั้งลูกทั้งเมีย แต่สละบังลังก์ไม่ได้ ยอมให้ลูกเมียตามหมด แต่จิตจะผูกมัดเอาบัลลังก์ สละบัลลังก์ไม่ได้ อย่างนี้จะเป็น “พุทธบุตร” เพราะยึดติดในบัลลังก์ แต่ตนเองกลับขี้ขลาดหวาดกลัว ยอมทิ้งลูกเมียไปหมด จึงเป็นได้แต่ “ลูกที่รอรับสมบัติจากพ่อ” เท่านั้นจึงจะนิพพานได้ จะต้องสมปรารถนาคือ ต้องให้ได้สมบัติจากพ่อก่อน จึงจะสมปรารถนา แล้วถึงนิพพานได้ เช่น พระราหุล เป็นต้น



    COLOR="Magenta"]อีกแบบหนึ่ง เป็นยอดคนและสละได้ทุกสิ่ง [/COLOR]ทั้งลูก ทั้งเมีย ทั้งสละบัลลังก์ ยอมให้ลูกเมียตายหมด ทั้งยังไม่สามารถรักษาบัลลังก์ของตนไว้ได้ แบบนี้จะเป็น “พระปัจเจกพุทธเจ้า” เพราะใจดำถึงขั้นยอมเสียคนรอบตัวไปหมด เพื่อความอยู่รอดของตนเอง จึงมีจิตเป็น “ปัจเจกชน” ไม่สนใจความเป็นความตายของใครเลย ประชาชนจะตายอย่างไรไม่สน ขอเพียงตนได้อยู่รอดต่อไปก็พอ คนแบบนี้ จะเหมือนพระเทวทัต ต้องบำเพ็ญบารมีแบบพระเทวทัต จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ยอดคนในที่สุด เพราะละทิ้งทั้งหมด เอาแต่ตัวเองรอด


    อีกแบบหนึ่ง เป็นยอดคนได้ และสละได้ทั้งสามสิ่ง คือ สละลูก เมีย บัลลังก์ เพื่อสยบศึกสงคราม ไม่ต้องการให้มวลสัตว์ต้องตายไปมากมาย หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ยอมเป็นเมืองขึ้นเขานั่นเอง จะสำเร็จเป็น”พระสาวกองค์สำคัญ” ของพระพุทธเจ้า เพราะยอมเป็นรองเขาแล้ว ธรรมชาติจึงจัดสรรตำแหน่ง รอง ๆ ไปจากพระพุทธเจ้า ให้อย่างสมฐานะ ทั้ง ๆ ที่ยอมสงบศึก ก็เพื่อความสงบสุขของมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง แบบนี้ท่านจะมีคู่ใหม่ ที่ไม่ใช่ลูกเมียเดิมตนไป ไม่อาจสร้างทีมงานเป็นพระพุทธเจ้าได้ แต่จะได้ผู้บำเพ็ญบารมีที่แข่งกันมา แล้วฝีมือทัดเทียมกันเป็นคู่ปรับ เหมือนสาวกซ้าย และขวา ฉะนั้น นี่คือ ผลกรรมจากการยอมเสียลูก เสียเมียและบัลลังก์ไปโดยไม่คิดค้นหาวิธี “กอบกู้คืน” แล้วยอมตกเป็นเมืองขึ้นจึงต้องเป็นสาวก


    อีกแบบหนึ่ง ยังไม่ได้แสดงความเป็นยอดคน ยังไม่ได้และสละได้ทั้งสามสิ่ง คือ สละลูก เมีย บัลลังก์เลย หรืออาจเป็นเพราะเพื่อน หรือ ผู้ที่กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่องค์อื่นๆ ยอมรับหรือให้การยกเว้น อาจด้วยเกิดเป็นน้อง สาบานกันไว้ ฯลฯ เช่น พ่อขุนงำเมือง พ่อขุนเม็งราย แบบนี้บำเพ็ญบารมี อนิยตโพธิสัตว์ แต่บารมียังอ่อน อาจสำเร็จหรือไม่สำร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ เนื่องจากยังไม่ได้บำเพ็ญบารมีถึงที่สุด ปกติถ้าพระนิตยโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก พร้อมตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เกิดมาเป็นพระราชาคนละเมืองกัน ถ้าท่านได้ให้ความเป็นเพื่อนร่วมสาบาน หรือ สถานะพี่น้องแก่ใครไว้ คนเหล่านั้น มักบำเพ็ญบารมีแบบท่านเหมือนกัน ตาม ๆ กันมา เพียงแต่ท่านเหล่านั้นยังไม่ถึงวาระที่จะบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งนั่นเอง หรือ ถ้าพี่น้อง หรือ เพื่อนร่วมสาบานเหล่านี้ ทรยศพระนิยตโพธิสัตว์ในภายหลัง ก็จะต้องบำเพ็ญบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอย่างเดียว ไม่อาจสำเร็จเป็นอย่างอื่นได้เลย


    สำเร็จผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านั้น จะต้องยอมแพ้ให้เป็น แต่ไม่ยอมจำนน คือ แสร้งยอมไปก่อน แล้วหาวิธี ซึ่ง การหาวิธีใหม่ นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการตรัสรู้นั่นเอง และ วิธีที่ท่านหานี้ก็เพื่อ รักษาชีวิตคนส่วนใหญ่เอาไว้ นั่นเอง แต่เพื่อมวลสัตว์ เรียกว่า ถ้าค้นพบ ถ้าตรัสรู้ ก็เพื่อมวลสัตว์ แต่สุดท้ายจะไม่มีวิธีไหนเลย นอกจากสละลูก เมีย และ บัลลังก์ ซึ่งท่านจะต้องถูกบีบจนสละ และท่านก็จะสละได้สำเร็จ ยังผลให้เกิดความสงบสุข แต่ท่าน “ไม่แพ้” เพราะท่านยอม แต่ไม่ยอมจำนน ท่านจะค้นพบวิธีใหม่ที่จะเอาชนะได้ โดยการไม่ทำสงคราม แล้ว สามารถเอาทั้งลูก เมีย และ บัลลังก์ของตนคืนมาได้ทั้งหมด เช่น อ๋องโกวเจียน ยอมเสียเมียให้ผู้อื่นเชยชม แล้วหาวิธีเอาชนะ อ๋องฟูชายได้ในภายหลัง อย่างนี้จะบำเพ็ญบารมีสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้



    ปกติพระนิยตโพธิสัตว์มักจุติลงมาบำเพ็ญบารมีร่วมกันไว้ เพื่อสร้างรอยกรรมสืบสานต่อบารมีกันไว้ เช่น พ่อขุนรามคำแหง พ่อขุนงำเมือง พ่อขุนเม็งราย นี่ก็นิยตโพธิสัตว์ทั้งสามพระองค์ หรือ แม้แต่ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี ครูบาไชยวงศา ทั้งสามองค์นี้ก็เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ทั้งสิ้น ซึ่งครูบาขาวปีก็ยอมเขาถอดถอนเอาผ้าเหลืองไป แต่ท่านไม่ยอมจำนน แม้ท่านห่มผ้าขาว ท่านก็ปฏิบัติเหมือนเดิม ไม่ยอมทิ้งปณิธานเดิม จนผู้คนยอมนับถือท่าน ว่าเป็นพระทั้งที่ห่มผ้าขาวในที่สุด นี่คือ ท่านบำเพ็ญบารมีสำเร็จ คือ ยอมแพ้เพื่อไม่ให้วงการสงฆ์แตกแยก มีเรื่องราวขึ้น แล้วท่านก็หาวิธีใหม่ เพี่ออยู่ต่อไปตามปณิธานของท่าน คือ ยอมตนเป็นพระห่มผ้าขาวนั้นเอง อันนี้ไม่จำเป็นต้องไปเอาลูกเมียหรือ บัลลังก์คืนจากไหน แค่ยอมแพ้ แล้วทำตามปณิธานจนสำเร็จได้ก็พอ ซึ่งในท้ายที่สุด ท่านกลับเป็นผู้ชนะ ผู้คนนับถือศรัทธาท่านมากมายว่าท่าน คือ พระ

    เพื่อพิจารณานะค่ะ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่น่าเชื่อ ละไม่น่าจะจริงนะครับ

    เพราะการปฏิบัติ การสร้างบารมี สายใครสายมัน ครับ

    อย่างในตัวอย่างที่อ่านคร่าว เช่น จะเป็น สาวก ก็ต้อง บำเพ็ญ ทางสายสาวก

    จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ต้อง บำเพ็ญคนละสายกันเลย

    ดังนั้นผมเห็นว่า เป็นประเภท คิดเองเออเอง ตามปัญญาของตัวเองมากกว่าครับ


    .
     
  3. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ผมอ่านก็รู้เลยว่าบทความนี้มาจากบล็อคของ "physigmund_foid"

    เชื่อหมดเปลือกไม่ได้นะ พี่ น้องหญิง ชาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2013
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    อ่านบทความที่ จขกท ไปก๊อบมาแล้ว
    ทำให้รู้ว่าผู้เขียนบทความนั้น
    ได้ใส่ตรรกะความคิดของตนเองลงไปล้วนๆ
    จะไม่ผิดเลยถ้าความคิดเหล่านั้นสมเหตุสมผล
    โดยเฉพาะเรื่องพระปัจเจกพระพุทธเจ้า
    อย่างที่เขียนมานั้น เรียกว่าเห็นแก่ตัว
    ผู้เห็นแก่ตัว ไม่น่าจะมีเมตตา
    จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกได้อย่างไร
    อย่าว่าแต่พระัปัจเจกเลย
    อริยมรรคขั้นแรกโสดาบันก็คงเป็นไม่ได้หรอก
    พระปัจเจกไม่ได้เป็นผู้เห็นแก่ตัว
    แต่เป็นผู้ที่ตรัสรู้ด้วยตนเอง
    มีเมตตา กรุณา พร้อมช่วยคนอื่น
    พร้อมที่จะเทศนาคนอื่นเสมอ
    แต่ว่าไม่ได้มีฐานความรู้ครอบคลุม
    ถึงกับที่จะประกาศศาสนาได้
    เพราะบารมีที่มาเกิดไม่เท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์
    ย่อมมีบริวารและมิตรสหายมาก
    โอกาสที่จะเภยแผ่ศาสนาเลยทำได้ง่าย
    แต่ระดับพระปัจเจก บุคคลธรรมทั่วไป
    ก็สามารถบรรลุธรรมได้ รู้อริยสัจได้
    แต่เมื่อบรรลุแล้ว ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
    ไม่ค่อยมีใครนับถือ เพราะไร้ชื่อเสียง
    ประกอบกับ ตนเองก็ใช้ชีวิตไปวันวัน
    มาก็สอน ไม่มาก็ไม่เป็นไร
    แต่หน้าที่ของพระปัจเจกน่ะมีแน่
    ก็คือสอนให้ผู้คนพ้นทุกข์นั่นแหละ
    พาคนไปอรหันต์ได้
    แต่ไม่ได้เป็นศาสนาเท่านั้นเอง
     
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    บทเรียนในทางผิดก็เป็นวิบากที่ท่านต้องผ่านด้วยตนเอง เพื่อนำมาบอกสอนแก่โลกว่า
    "ทางนั้นเราเคยเดินมาแล้ว"
     
  6. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ขอนอบน้อมแด่พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ และผู้ทรงคุณทุกท่าน

    ขอขอบพระคุณนะคะ ทุกคำตอบ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะ

    ถามนะคะ ถามว่า

    1.พระโพธิสัตว์แต่ละคน ที่เริ่มปราถนาในใจว่าเรานี้มีความต้องการจะช่วยเหลือ สรรพสัตว์ เพื่อเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ แต่แล้วระหว่างทางตรวจสอบตนเองแล้ว ว่าตนเองอาจยังไม่ถึงเป้าหมายได้ เพราะเหตุปัจจัยไม่ให้ อย่างที่มีผู้รู้บอกว่า ปรารถนาเท่ากับทะเลทราย สำเร็จความปราถนาเท่าเม็ดทรายในกำมือ แต่ด้วยความที่มีนิสัยสั่งสมเรื่องช่วยเหลือผู้อื่นมานาน ก็เลยไม่ต้องเป็นหนึ่งก็ได้ ช่วยเหลือพระโพธิสัตว์ที่เคยเกื้อกูลกันมา และยอมรับในตัวท่าน เพื่อให้สำเร็จผลในการช่วยสรรพสัตว์ ความคิดแบบนี้มีไหมค่ะ

    2.ปัญญาของพระสาลีบุตร ใกล้เคียงพระพุทธเจ้า (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) แต่ประกาศศาสนาของตนเองไม่ได้ ใช่หรือเปล่าค่ะ

    3.พระเทวทัต ที่อ่านประวัติท่าน ท่านทำทุกอย่างเพื่อตนเอง ที่จะขัดขวางพระพุทธเจ้าทุกอย่าง แต่เมื่อขึ้นมาจากนรกแล้ว พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

    4.พระสังฆจาย บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์มา มีความงดงามเทียบเท่าพระพุทธเจ้า แต่ก็กลับตัวเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า โดยฟังธรรมแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ สามารถขยายย่อ-ความ คำประกาศของพระพุทธเจ้าได้อย่างพิศดาร

    5.แต่ละองค์ที่เป็นสาวกสำคัญ ส่วนมากจะฟังธรรมพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุแค่โสดาบัน นอกจากนั้นจะพิจารณาธรรมของพระพุทธองค์แล้วบรรลุเอง เนื่องจากแต่ละคนได้สั่งสมบารมีมามาก อันนี้ไม่รู้ว่าเห็นถูกหรือเปล่า

    แต่ก็เป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้นะคะ น่าจะเป็นอจินไตยหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ
    บางท่านก็ยอมเป็นรอง ไม่ต้องเป็นหนึ่งก็ได้ ขอให้ได้ช่วยสรรพสัตว์สำเร็จตามที่ตนปราถนาไว้ก็แล้วกัน

    แล้วส่วนที่ท่านปราถนาบำเพ็ญบารมีไว้มาก แล้วเกิดสลดสังเวชการเกิดตาย ลาพุทธภูมิ ก็คงจะมี หรือ

    ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็น ก็ลาพุทธภูมิเลย เมื่อไม่ได้เป็นก็ไม่เอา ก็เป็นไปได้ และ

    บางคนก็มีบุพรกรรมที่ต้องรับ เพราะ กรรมก็เป็นอจินไตย

    ไม่ได้โต้แย้งนะคะ ขอเสนอความคิดเห็นค่ะ

    เพราะส่วนใหญ่บุคคลที่สำคัญที่ช่วยประกาศพระศาสนา จะต้องมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระพุทธองค์ พื้นฐานเหล่านันก็น่าจะมาจาก การปรารถนาหรือ บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์ แต่อีกละค่ะ ก็ไม่มีอะไรแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2013
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขอตอบตามความเห็นส่วนตัว(จากความรู้สึกภายใน)

    ความดำริเช่นนั้นมีอยู่ ด้วยเหตุที่รู้แน่ชัดแล้วว่าพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นมีวาสนาบารมีอันยิ่งกว่า เราจึงยอมตนช่วยเหลือเกื้อกูลท่านตามกำลังความสามารถ(ท่านอาจอยู่ในฐานะครูอาจารย์ หรือไม่ก็ได้) เพื่อหวังอนาคตกาลเบื้องหน้าจะเป็นพลวะปัจจัยเมื่อท่านตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เราจักได้รับพุทธยากรณ์จากท่าน!

    ปล.ความจริงอยากอธิบายให้พิสดารมากกว่านี้ แต่เกรงใจ ^_^
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    2.1 ไม่ควรกล่าวเช่นนั้น ที่ถูกเธอควรกล่าวว่า "หากเว้นพระพุทธองค์เสียแล้ว จักหาใครที่มีปัญญาเสมอด้วยพระสารีบุตรนั้นไม่มี"

    2.2 ไม่ควรกล่าวเช่นนั้น พระสารีบุตรอธิษฐานใจเพื่อเป็นอัครมหาสาวกเบื้องขวา ^_^
     
  9. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของแต่ละคน...บางคนจิตใจไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรมก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จตามที่หวังสูง ...บางคนก็ท้อแท้ระหว่างที่บำเพ็ญบารมีเอือมระอากับโลกธรรมที่รุมเร้าจนต้องเลิกล้มความตั้งใจก็มี... บางท่านที่ยังไม่สำเร็จก็อาจจะเป็นเพราะยังไม่บรรลุปณิธานที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นไปได้ สวัสดี
     
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เพราะเหตุทำสงฆ์ให้แตกแยก ยุแยงพระเจ้าอธิชาติศรัตรูฆ่าพระบิดา ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ฯลฯ เธอจึงหมกไหม้อยู่ในมหานรกสิ้นกาลนาน หลังจากชดใช้เศษกรรมจนหมดสิ้นแล้ว มีพุทธพยากรณ์ว่าท่านจักได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้านามว่า "อริฐะ" ด้วยเพราะสำนึกผิดในครั้งสุดท้าย(ก่อนโดนธรณีสูบจนหมดสิ้น) และกุศลกรรมแต่ครั้งปางบรรพ์มาให้ผล ^_^
     
  11. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    อันพระขีนาสพสาวกไม่อาจหยั่งรู้ในปัญญาของพระมหาโมคคัลลานะได้.... แม้พระมหาโมคคัลลานะก็ไม่อาจหยั่งรู้ในปัญญาของพระสารีบุตรได้ .... แม้พระสารีบุตรก็ไม่อาจหยั่งรู้ในปัญญาของเราคถาคตได้....ถ้าเราไม่ให้นัย ถ้าให้นัย พระสารีบุตรก็จะแจกแจงได้เป็นร้อยนัยพันนัย ... จากข้อความนี้จะเห็นได้ว่า พระสารีบุตรไม่ได้มีปัญญาเทียบเท่าพระพุทธเจ้า แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงความนัยแค่อย่างเดียว พระสารีบุตรสามารถทำให้กลายเป็นร้อยนัยพันนัยเพื่อให้เหมาะแก่บุคคลต่างๆได้ ซึ่งไม่เหมือนกับพระปัญญาของพระพุทธองค์ที่สามารถจำแนกแจกแจงธรรมให้เหมาะสมกับบุคคล ๆ นั้นๆ ได้ด้วยพระญาณบารมีของพระองค์เอง ในความคิดส่วนตัวของผมนั้น พระอสีติที่พระพุทธองค์ทรงยกย่องนั้น ต่างก็เป็นคุณลักษณะที่รวบรวมอยู่ในพระจริยะวัตรของพระพุทธองค์อยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีพระดำริอยากให้คุณต่างๆของพระสาวกนั้นเด่นชัดจึงทรงประกาศ เอกทัตคของพระสาวกขึ้น และ อีกอย่างหนึ่งก็จะได้เป็นไปตามความปราถนาที่ตั้งใจบำเพ็ญบารมีของสาวกแต่ละองค์ด้วย สวัสดี
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    4. เป็นบารมีที่ท่านสั่งสมมาโดยเฉพาะ
    5. อยู่ในฐานะที่จะพึงเป็นได้ แต่มิใช้ทั้งหมด เพราะบางท่านก็ต้องได้รับการทรมานเพื่อละทิฎฐิเสียก่อน บางท่านก็ต้องได้รับการชำระกรรมเก่าเสียก่อน บางท่านก็ตอนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง จึงบรรลุธรรม ฯลฯ ^_^
     
  13. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090





    1.พระโพธิสัตว์แต่ละคน ที่เริ่มปราถนาในใจว่าเรานี้มีความต้องการจะช่วยเหลือ สรรพสัตว์ เพื่อเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ แต่แล้วระหว่างทางตรวจสอบตนเองแล้ว ว่าตนเองอาจยังไม่ถึงเป้าหมายได้ เพราะเหตุปัจจัยไม่ให้ อย่างที่มีผู้รู้บอกว่า ปรารถนาเท่ากับทะเลทราย สำเร็จความปราถนาเท่าเม็ดทรายในกำมือ แต่ด้วยความที่มีนิสัยสั่งสมเรื่องช่วยเหลือผู้อื่นมานาน ก็เลยไม่ต้องเป็นหนึ่งก็ได้ ช่วยเหลือพระโพธิสัตว์ที่เคยเกื้อกูลกันมา และยอมรับในตัวท่าน เพื่อให้สำเร็จผลในการช่วยสรรพสัตว์ ความคิดแบบนี้มีไหมค่ะ

    ตอบ... ความปรารถนาที่จะเป็นนั้นมีได้ทุกคน แต่การจะไปให้ถึงปรารถนาเป็นการยาก อะหนึ่งเราอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ความปรารถนาก็คือความอยาก อยาก ยังไม่ได้หมายความว่าเป็น ก่อนจะเป็นก็ต้องบุกป่าฝ่าดงมากมาย ต้องไต่ระดับ จะมาเป็นนายก ต้องสมัครมาเป็นนักการเมือง และก็ต้องทำคุณประโยชน์ในพรรค จนสมาชิกยอมรับ และได้เป็นหัวหน้าพัก แล้วก็ยังต้องได้รับเลือกให้เป็นนายกอีก กว่าจะได้เป็นอย่างที่อยาก ยากลำบากนัก พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ต้องใช้ความพยายามมากนัก เป็นกัปเป็นกัล มีบ้างที่ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า บำเพ็ญมานานนนนนนมากๆ และบางทีก็บำเพ็ญผิดทาง หรือบำเพ็ญไม่ถูกทาง ก็เท่ากับเสียเวลาเสียชาติไปเปล่าๆ พอตายเกิดตายเกิดมามากๆเข้า ไม่เห็นหนทางขยับใกล้ ก็จึงเบื่อ และเลิกปรารถนานเช่นนั้นเสีย หมดปรารถนาก็เท่ากับหมดกิเลสในส่วนนี้ ก็สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้นๆได้ทันที แต่หากว่าบำเพ็ญจนชัดแจ้งแก่ใจ ปฏิบัติจนมองเห็นโอกาส และได้รู้ด้วยตนเองว่า ตนนั้นได้ขยับเข้าใกล้อีกหน่อยหนึ่งแล้ว มีความหวังเกิดขึ้น ความปรารถนานั้น ย่อมมีอันแรงกล้าขึ้นตามลำดับ ขยับเป็นอนิยตโพธิสัตว์ ด้วยปรารถนาแรงกล้า แม้จะพบพานเพื่อนพระโพธิสัตว์อื่นๆ ก็เต็มใจที่จะสนับสนุนเขา ถ้าผู้นั้นสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ ตนก็ยินดีที่จะไปเป็นพุทธสาวก แต่เรื่องที่จะบรรลุอรหันต์ของตนนั้นเป็นไปไม่ได้เมื่อมาอยู่ ณ จุดๆนี้แล้ว มีแต่จะยิ่งมีความเพียรความอดทนที่แรงกล้าขึ้น ที่ผ่านมาทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลนานะก็เช่นกัน ได้เป็นพุทธสาวกของพระพุทธเจ้ามาหลายภพชาติ สะสมธรรมมากมายก็เพื่อมาเป็นพุทธสาวกในวาระปัจจุบัน ฉะนั้น ถ้าเรานั้นปรารถแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า กิเลสตัวนี้เอง จะกั้นทางบรรลุอรหัตผลไว้ ต่อให้พบพระพุทธเจ้าสักกี่พระองค์ ก็ไม่อรหันแน่นอน และในจำนวนสาวกของพระสมณะโคดมที่ยังไม่ได้อรหัตผล หรือยังไม่บรรลุธรรมอะไรนั้น เป็นไปได้ที่จะมีผู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระอัครสาวกในอนาคตอยู่มากมาย


    2.ปัญญาของพระสาลีบุตร ใกล้เคียงพระพุทธเจ้า (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) แต่ประกาศศาสนาของตนเองไม่ได้ ใช่หรือเปล่าค่ะ

    ตอบ... พระสารีบุตร พุทธองค์ยกย่องให้เป็นสุดยอดของพระอรหันต์สาวกทั้งมวลผู้เป็นเลิศด้านปัญญา จะเป็นรองเพียงพุทธองค์เท่านั้น แต่กล่าวว่าใกล้เคียงมิได้ เพราะแม่พระสารีบุตรก็เปรียบตนเองเพียงแค่ขี้ผงขี้ดิน และเปรียบพุทธองค์ดั่งเขาพระสุเมรุ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปเปรียบไปวัดกันได้เลย วัดจากช่วงเวลาที่สร้างสมบารมีมาก็ต่างกันมากแล้ว พระสารีบุตรเป็นเลิศด้านปัญญา พระโมคคัลลานะเป็นเลิศด้านอิทธิฤทธิ์ แต่พระพุทธองค์เป็นเลิศทุกๆด้าน

    3.พระเทวทัต ที่อ่านประวัติท่าน ท่านทำทุกอย่างเพื่อตนเอง ที่จะขัดขวางพระพุทธเจ้าทุกอย่าง แต่เมื่อขึ้นมาจากนรกแล้ว พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

    ตอบ... ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน เมื่อกาลผ่านไป มีปัจจัยมาปรุงแต่ง สามารถเปลี่ยนคนเลวให้เป็นดีได้ ทุกคนมีโอกาสบรรลุธรรมชั้นสูงได้กันทั้งนั้น อยู่ที่เวลา ว่าจะเป็นคนเลวไปนานเท่าไร หรือเป็นคนดีแล้ว จะกลับไปเลวอีกหรือไม่ และถ้าดีแล้ว จะดีจนถึงที่สุดบรรลุธรรมได้เมื่อไร ที่สนทนากันในเวบบอดกันนี้ ก็ย่อมต้องมีผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าอยู่มากมาย แต่คงอีกนานมากมาย และสถานะตอนนี้ก็อาจจะเทียบได้กับพระเทวทัตก็เป็นได้ พระเทวทัตเป็นคนเก่ง แต่ขาดคุณธรรม ขัดเกลาให้คุณธรรมเกิด ไม่นานก็บรรลุธรรมได้ แต่ผู้ที่ยังไม่เก่ง ก็ต้องเสียเวลาฝึกตนให้เก่งก่อน เมื่อเก่งแล้ว ก็มีมานะ มีทิฐิ คุณธรรมก็คือสิ่งที่ต้องสร้างต่อไป ดังนั้นแล้ว คนเลวที่สุดในโลกในวันนี้ อาจจะสำนึกและกลับตัวเป็นคนดี และบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้ในอนาคตชาติภายหน้าที่นานมากๆได้


    4.พระสังฆจาย บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์มา มีความงดงามเทียบเท่าพระพุทธเจ้า แต่ก็กลับตัวเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า โดยฟังธรรมแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ สามารถขยายย่อ-ความ คำประกาศของพระพุทธเจ้าได้อย่างพิศดาร

    ตอบ... เรื่องของพระสังฆจาย ผมไม่เคยศึกษาจริงๆจังๆ เคยแต่อ่านผ่านๆ แต่เรื่องที่มีความงดงามเทียบกับพระสาวกทั้งหมดอาจจะเป็นอันดับหนึ่ง แต่เทียบเท่าพระพุทธเจ้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะพุทธองค์เป็นผู้เป็นเลิศทุกด้านมิอาจหาผู้ใดเทียมได้ เพราะบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเต็มแล้ว ทั้งรูป ทรัพ ศักดิ์ ชาติตะกูล แม้แต่ในการ์ตูนหรืองานเขียนพุทธประวัติต่างๆ แม้ช่วงที่พุทธองค์ปรินิพพาน ก็ยังวาดเป็นหนุ่มฝ้อหล่อเฟี้ยว แต่พระสาวกหงำเหงือกกันหมด


    5.แต่ละองค์ที่เป็นสาวกสำคัญ ส่วนมากจะฟังธรรมพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุแค่โสดาบัน นอกจากนั้นจะพิจารณาธรรมของพระพุทธองค์แล้วบรรลุเอง เนื่องจากแต่ละคนได้สั่งสมบารมีมามาก อันนี้ไม่รู้ว่าเห็นถูกหรือเปล่า

    แต่ก็เป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้นะคะ น่าจะเป็นอจินไตยหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ
    บางท่านก็ยอมเป็นรอง ไม่ต้องเป็นหนึ่งก็ได้ ขอให้ได้ช่วยสรรพสัตว์สำเร็จตามที่ตนปราถนาไว้ก็แล้วกัน


    ตอบ... ถูกครับ เพราะว่าปัญญามาก สงสัยมาก ก็ด้วยความสงสัยจึงต้องทำให้กระจ่างสิ้น และด้วยความเพียรที่ทำให้กระจ่างด้วยตัวเอง นั่นหมายถึงจะเข้าใจธรรมนั้นๆได้อย่างถ่องแท้ สามารถหยิบยกมาอธิบายต่อผู้อื่นให้เข้าใจได้ ต่างกับพระสาวกปรกติทั่วไป ที่ฟังแล้วตนอรหันต์ได้ แต่ไปสอนต่อให้ผู้อื่นเข้าใจหรือบรรลุธรรมไม่ได้ สถานะระหว่างอัครสาวกกับพระสาวกก็คือ ครูกับนักเรียนนั่นเอง ครูสอนนักเรียนได้ แต่นักเรียนสอนนักเรียนไม่รู้เรื่อง

    อจินไตย หมายว่าเป็นเรื่องที่มิควรไปสนใจ แต่มิได้หมายความว่าอจินไตยจะไม่เป็นเหตุเป็นผลและพิสูจน์มิได้ เพียงแต่พิสูจน์ไปได้ผลมา ก็หาประโยชน์มิได้ เช่น การสงสัยว่าจักวาลกว้างแค่ไหน หรือการสงสัยในกฏแห่งกรรม วิบากกรรม ถามว่าเหล่านี้พิสูจน์ได้หรือไม่ ต้องตอบว่าทุกอย่างพิสูจน์ได้ ตามอัตภาพ สมัยนี้ไม่ได้ ในสมัยต่อๆไปในอนาคตก็อาจจะทำได้ แต่ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะที่สามารถพิสูจน์หรือไม่ ผลออกมาก็คือ ไร้ประโยชน์ จะรู้ไปทำไม รู้แล้วได้อะไร ถ้าจักวาลมันมีเขตสิ้นสุดแล้วไงต่อ เราก็ไม่ได้บรรลุธรรม ไม่ได้รวยขึ้น ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย อย่างนี้ๆ ถึงเรียกว่า อจินไตย คือไม่ต้องไปสนใจเลยจะเป็นการดี ไม่ต้องพิสูจน์ให้เสียเวลาบำเพ็ญเพียร



    แล้วส่วนที่ท่านปราถนาบำเพ็ญบารมีไว้มาก แล้วเกิดสลดสังเวชการเกิดตาย ลาพุทธภูมิ ก็คงจะมี

    หรือส่วนใหญ่ไม่ได้เป็น ก็ลาพุทธภูมิเลย เมื่อไม่ได้เป็นก็ไม่เอา ก็เป็นไปได้ และ

    บางคนก็มีบุพรกรรมที่ต้องรับ เพราะ กรรมก็เป็นอจินไตย

    ตอบ... สังเวชการตายแล้วลาพุทธภูมิคงไม่มีหรอกครับ แต่จะเป็นประเภทเหนื่อยจากการบำเพ็ญแล้วด้วยวิบาก ทำให้เหมือนทำดีแล้วยังไม่ได้ดี โปรดสัตว์แล้วได้บาป ก็เลยท้อ แล้วเลิกไป คือความอดทนไม่พอนั่นเอง




    เพราะส่วนใหญ่บุคคลที่สำคัญที่ช่วยประกาศพระศาสนา จะต้องมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระพุทธองค์ พื้นฐานเหล่านันก็น่าจะมาจาก การปรารถนาหรือ บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์ แต่อีกละค่ะ ก็ไม่มีอะไรแน่นอน


    ทุกอย่างเป็นอนิจจัง


    ^^
     
  14. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    *****พิจารณาก่อนเถิดท่านผู้เจริญ ด้วยอันเรานั้นขอพิจารณาด้วยเช่นนี้*****
    .....กัมมุนาวัฎรตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม. อันเหตุด้วยแห่งพระโพธิสัตว์นั้น หากผู้ปฏิบัติสามารถล่วงรู้ถึงพระโพธิสัตว์ ก็ย่อมสัมผัสถึงหัวใจแห่งพระโพธิสัตว์ ด้วยทุกสรรพสิ่งล้วนมีเหตุและปัจจัยเป็นเหตุ แม้นแต่องค์พระสัมมาสัมโพธิญาณเจ้าผู้เป็นบรมครูอันประเสริฐที่ทรงเผยแพร่ธรรมชี้ทางให้ปวงสรรพชีวิตทั้ง๓โลกให้ข้ามพ้นทะเลทุกข์นั้น ด้วยพระองค์เองก็มีบารมีเป็นเหตุจนเกิดผลให้พระองค์ทรงตรัสรู้ธรรมเป็นองค์พระสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยผลบุญบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมานับชาติไม่สิ้นจนมาถึงพระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรบารมีใน๑๐ชาติสุดท้าย จนชาติสุดท้ายที่พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรคือชาติที่พระองค์ทรงเป็นพระเวสสันดร ด้วยที่ได้กล่าวพระชาติสุดท้ายแห่งพระองค์ทรงเป็นมหาชาตินั้น ก็ด้วยพระชาติสุดท้ายของพระองค์นี้ทรงทำให้พระองค์ทรงจุติเข้าไปเกิด ณ แดนสวรรค์ชั้นดุสิตที่เป็นที่สถิตแห่งพระโพธิสัตว์ ฉะนั้นหากพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็จะเห็นได้ว่าเหตุแห่งทานนั้นเป็นเหตุที่ส่งผลให้ไปเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ ด้วยผู้เป็นพระโพธิสัตว์นั้นจะต้องประกอบไปด้วย ศีล ทาน บารมี ด้วยดวงจิตที่มีเมตตา ดวงจิตที่มีกรุณา ดวงจิตที่มีมุทิตา แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั้นคืออุเบกขา(การทำจิตใจปล่อยวางอย่างหลุดพ้น)
    *****ด้วยเหตุนี้ขอท่านทั้งหลายเราจงมาพิจารณาในพระชาติแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคราวบังเกิดเป็นพระมหาชาติที่ทรงเพียรบุญบารมีมากดังนี้คือ....พระเวสสันดรพระองค์ทรงสละช้างเผือกคู่บ้านคู่เมืองของพระองค์ให้เป็นทานแก่เหล่าพราหมณ์ที่มาขอ ด้วยพระองค์ทรงมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาพระองค์จงทรงมอบช้างเผือกนั้นแก่เหล่าพราหณ์ จนเป็นเหตุให้เหล่าประชาชนพสกนิกรของพระองค์ขุ่นเคืองจนเป็นเหตุให้พระองค์ทรงถูกพระราชบิดาให้ออกจากรุง เมื่อคราวออกจากรุงด้วยความรักของพระนางมัทรีจึงขอติดตามองค์พระเวสสันดรพร้อมด้วยลูกน้อยกัณหาและชาลี ด้วยพระองค์ทรงมีเพียงรถม้าทรงที่นำเสด็จออกมาจากวังด้วยมุ่งหน้าไปสู่ป่า เมื่อคราวนั้นเหล่าพราหมณ์เมื่อล่วงรู้ว่าองค์พระเวสสันดรได้กำลังมุ่งหน้าเสด็จออกจากวังสู่ป่าเหล่าพราหมณ์จะมารอระหว่างทางเพื่อมาทูลขอของมีค่าที่ติดมากับพระองค์อันได้แก่รถม้าและเครื่องราชทรงกษัตรยิ์ ด้วยในครานั้นองค์พระเวสสันดรก็มีจิตใจแห่งเมตตาจึงทรงพระกรุณามอบให้ด้วยพระนางมัทรีเห็นแล้วในศรัทธาแห่งพระองค์จึงทรงไม่ขัดข้องในบารมีทานของพระองค์ด้วยในครานั้นทั้ง๔พระองค์ด้วยหมดแล้วในทรัพย์สินอันมีค่าจึงทรงออกเดินมุ่งหน้าสู่ป่าหิมพานเพื่อออกบวชบำเพ็ญด้วยพระเวสสันดรก็ทรงลูกน้อยอุ้มกัณหาพระนางมัทรีก็ทรงอุ้มลูกน้อยชาลีเดินลัดเลาะลำเนาไพรเพื่อบำเพ็ญเพียรพรตในป่าหิมพาน จนเมื่อถึงคราวหนึ่งในคราเฒ่าชูชกที่ต้องการข้าทาสรับใช้ให้แก่ภรรยาตนจึงได้ไปทูลขอลูกน้อยขององค์พระเวสสันดรคือกัณหาและชาลีเพื่อมาเป็นข้าทาสรับใช้ ด้วยในครานั้นลูกน้อยทั้ง๒อันเป็นประดุจแก้วตาของพระองค์เป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่ผู้ใดจะสละได้แต่ด้วยองค์พระเวสสันดรก็ทรงมีจิตใจอันแน่วแน่แห่งทานพระองค์ก็ทรงสละลูกน้อยทั้ง๒ให้แก่เฒ่าชูชกไปในครานั้นพระนางมัทรีโศกเศร้าเสียใจประดุจด้วยถูกควัดดวงตาดวงใจไปจากพระองค์ด้วยในคราที่พระเวสสันดรมอบลูกน้อยเป็นทานนั้นพระนางออกไปหาผลไม้ป่า จวบจนถึงคราวที่ทรงมอบพระนางมัทรีเป็นทานด้วยในคราวนั้นพระอินทร์บนสวรรค์ทรงแปลงลงมาเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอพระนางมัทรี ในครานั้นองค์พระเวสสันดรแม้นจะห่วงด้วยรักในพระนางมัทรีแต่ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่นแห่งพระองค์จึงทรงสละมอบพระนางมัทรีให้แก่พระอินทร์ ด้วยในครานั้นพระนางมัทรีรู้สึกโศกเศร้าเสียพระทัยแต่ด้วยเห็นในปณิธานอันแน่วแน่แห่งองค์พระเวสสันดรพระนางมัทรีจึงทรงยินยอมไม่เคืองขัด ด้วยมหาทานครั้งนั้นพระอินทร์จึงกล่าวสรรเสริญองค์พระเวสสันดรในบุญกุศลทานอันยิ่งใหญ่ในครั้งใน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์พระเวสสันดรครั้งเมื่อสวรรคตแล้วจึงบังเกิดเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ณ สวรรค์ชั้นดุสิตอันมีพระนามว่า สันตุสิต โพธิสัตว์นั่นเอง
    ....ด้วยเหตุนี้อันเราจึงพิจารณาแล้วจึงเหตุว่าเหตุที่ทำให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์นั้นก็คือ ศีล และ ทาน อันเป็นบารมี และหากจิตพิจารณาให้ล่วงรู้แล้วจะเห็นว่าสิ่งที่พระเวสสันดรยังทรงขาดหายไปในช่วงแรกนั้นก็คือ อุเบกขา ที่ยังไม่ขาดสิ้น ด้วยพระองค์ทรงยังมีความอาลัยในพระทัยในทานแม้พระองค์จะทรงมอบทานนั้นไปแล้ว ในที่นี้คือการปล่อยวาง ด้วยพิจารณาในครา องค์พระเวสสันดรมอบกัณหาและชาลีให้แก่เฒ่าชูชก ด้วยพระองค์ทรงบอกแก่เฒ่าชูชกว่าให้พาลูกน้อยที่เป็นทานนี้เดินทางไปทางนั้นทางนี้ และกล่าวแก่เฒ่าชูกว่าหากมีผู้ที่มาขอซื้อทาสนี้ให้ขายจำนวนเท่านั้นเท่านี้๑ และในคราของมอบพระนางมัทรีเป็นทานในครานั้นพระองค์ก็ทรงมีความอาลัยในทานอยู่ในช่วงแรก และเมื่อพระองค์ทรงระงับแล้วจึงมอบให้เป็นทาน. ด้วยเหตุนี้แลอันเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เหล่าพระโพธิสัตว์ยังไม่สามารถตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพานได้ จึงได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตและยังมีการแสดงธรรมฟังธรรมอยู่ในสวรรค์ชั้นนั้น.....ด้วยเหตุนี้แลอันเราจึงขอกล่าวว่า พระโพธิสัตว์นั้น จะเป็นผู้อยู่ในพระโสดาบันก็มี มีจิตอยู่ในพระสกิทาคามีก็มี มีจิตอยู่ในพระพระอนาคามีอยู่ก็มี ด้วยพิจารณาจากผู้ที่ขอออกบวชตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สำเร็จพระอรหันต์และเผยแพร่ธรรม ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อผู้ที่ออกบวชสำเร็จพระอรหันต์แล้วย่อมมีดวงจิตเหนือกว่าพระโพธิสัตว์ด้วยเหตุแห่งว่าพระอรหันต์เป็นผู้ที่ดับขันธ์ดับนิวรณ์สิ้นแล้ว แต่พระโพธิสัตว์ยังดับขันธ์ดับนิวรณ์ไม่สิ้น ด้วยเหตุยังมีห่วงด้วยดวงจิตแห่งเมตตาปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ดวงจิตจึงยังคงผูกพันธุ์กับสรรพสัตว์สรรพชีวิต
    *****พิจารณาก่อนเถิดท่านผู้เจริญ ด้วยเหตุอย่างนี้แลจึงเป็นเหตุให้พระโพธิสัตว์ยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์เพื่อดับจิตเข้านิพาน จึงทรงยังวนเวียนอยู่เพื่อช่วยเหลือปวงสรรพชีวิตด้วยเมตตา.*****
    *****พิจารณาก่อนเถิดท่านผู้เจริญ ด้วยเหตุใดบุคคลในโลกนี้ย่อมเกิดขึ้นด้วยเป็นบิดาของเรา เป็นมารดาของเรา เป็นครูอาจารย์ของเรา เป็นญาติพี่น้องของเรา เป็นเพื่อนที่มีไมตรีแก่เรา ก็ด้วยเหตุแห่งบุญและกรรมนั้นเองที่ส่งผลผูกพันธ์กันมาให้เราทั้งหลายได้บังเกิดมาดังในชาติปัจจุบันนี้. อันเราจึงขอยกคราวพระชาติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์มีนามว่าพระเวสสันดร อันมีพระนางมัทรีเป็นภรรยา มีกัณหาและชาลีเป็นบุตรธิดา เมื่อพระเวสสันดรแล้วจึงได้บังเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ในแดนสวรรค์ชั้นดุสิต จนได้รับคำทูลเชิญจากองค์ท้าวมหาพรหมให้เสด็จลงมาบังเกิดยังโลกมนุษย์เป็นพระชาติสุดท้ายก่อนเข้าพระนิพาน ในชาติที่บังเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะนี้ จึงทำให้พระนางมัทรี กัณหา และชาลีที่ได้เป็นภรรยาบุตรธิดาติดตามมาบังเกิดเป็นบุคคลต่างๆในพระชาติสุดท้ายแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามแรงบุญและกรรมของแต่ละบุคคล ด้วยกรรมอธิฐานของกัณหาที่ได้อธิฐานว่าจะไม่ขอเกิดมาเป็นลูกของพระเวสสันดรอีกในคราวเฒ่าชูชกไปขอมาเป็นทาส จึงทำให้ในพระชาติเจ้าชายสิทธัตถะมิได้เกิดมาเป็นลูกของพระองค์จึงมีเพียงชาลีเท่านั้นที่ได้บังเกิดมาเป็นพระราหุล พระนางมัทรีได้บังเกิดมาเป็นพระนางพิมพาภรรยาของเจ้าชายสิทธัตถะ ส่วนกัณหาได้เกิดมาเป็นพระอุบลวรรณา . ด้วยเหตุนี้แล พิจารณาก่อนเถิดท่านผู้เจริญ อันบุคคลใดที่ได้เกิดเป็นบิดาแก่เรา เป็นมารดาแก่เรา เป็นบุตรธิดาแก่เรา เป็นมิตรสหายแก่เรา เป็นปวงญาติแก่เรา ก็ด้วยเขาเหล่านั้นได้เป็นผู้ผูกพันธ์กรรมกันมา กรรมนั้นเป็นเหตุให้บังเกิดมี ด้วยเหตุนี้แลจึงทำให้พระโพธิสัตว์ไม่สามารถบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า แต่พระโพธิสัตว์สามารถบังเกิดเป็นพระอรหันต์เจ้า บุคคลใดจะเป็นครูได้ในชาตินี้ก็ด้วยแต่ชาติปางก่อนได้สร้างบารมีไว้ บุคคลใดที่ได้บังเกิดเป็นพระมหากษัตรยิ์ได้ในชาตินี้ก็ด้วยบุคคลนั้นได้สร้างมหาทานไว้แก่สรรพชีวิตไว้มาก ฉะนั้นผู้ที่จะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบรมครูที่เหล่าปวงสรรพชีวิตนอบน้อมศรัทธานั้นก็ด้วยพระเมตตาทานบารมีที่พระองค์ทรงเคยสร้างไว้แก่ปวงสรรพชีวิตนั้นเอง ฉะนั้นกรรมจึงเป็นเหตุให้บังเกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กรรมนั้นเองจึงทำให้เกิดเป็นพระอรหันต์ และกรรมนั้นเองจึงทำให้บังเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ จึงสามารถกล่าวได้อย่างนี้ว่า กรรมนั้นเองที่เป็นเหตุให้พระโพธิสัตว์บางพระองค์ไม่สามารถบังเกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ และกรรมนั้นเองที่สามารถส่งผลให้พระโพธิสัตว์บางพระองค์สามารถบังเกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นั่นเอง อันเราจึงขออนุโมทนามาด้วยประการ ณ ฉะนี้แล.*****
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2013
  15. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    แหล่งเปิดโปงลัทธิอนุตตรธรรม

    1-อนุตตรธรรม-ลัทธิรวมศาสนา
    อนุตตรธรรม-ลัทธิรวมศาสนา

    2-จอมโลกธาตุเปิดโปงลัทธิอนุตตรธรรม
    https://www.facebook.com/tan.jomlok?ref=tn_tnmn

    3-ตีแผ่ความจริงลัทธิธรรมปฏิรูป
    https://www.facebook.com/TiphaeKhwamCringLaththiThrrmPtirup?ref=ts&fref=ts

    4-เจงกิสข่านล่ามารศาสนา
    https://www.facebook.com/janggaeskan?ref=ts&fref=ts

    5-เทียนยวยหัวขวานความจริงสัทธรรมปฏิรูป
    https://www.facebook.com/Antianuttaradham?ref=ts&fref=ts

    6-อนุตตรธรรมบิดเบือนศาสนาจริงหรือ(เพจ)
    https://www.facebook.com/anuttaradham?ref=ts&fref=ts

    7-อนุตตรธรรมบิดเบือนศาสนาจริงหรือ(กลุ่ม)
    https://www.facebook.com/groups/anuttaradham/

    _____________________________________
    คลิปวีดีโอ

    อนุตตรธรรม-ไตรรัตน์
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xMaF27_5bOM]อนุตตรธรรม-ไตรรัตน์ - YouTube[/ame]

    อนุตตรธรรมความจริงที่ต้องรู้ตอนที่ 1
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=GnEzIkPaEnU]อนุตตรธรรมความจริงต้องรู้ตอนที่1 - YouTube[/ame]

    อนุตตรธรรมความจริงที่ต้องรู้ตอนที่ 2
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1mgAEx4u8-c]อนุตตรธรรมความจริงต้องรู้ตอนที่2 - YouTube[/ame]

    อนุตตรธรรมความจริงที่ต้องรู้ตอนที่ 3
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3sc7s3q8p3c]อนุตตรธรรมความจริงต้องรู้ตอนที่3 - YouTube[/ame]
     
  16. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ข้อเท็จจริงก็คือ
    พระโพธิสัตว์ ถ้าไม่ตัดใจลาพุทธภูมิเสียก่อน
    คติอื่นนอกจากความเป็นพระสัพพัญญูพระพุทธเจ้าจะไม่มีครับ
     
  17. piranatch

    piranatch Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +41

    เท่าที่ทราบ อู๋ไท่ฝอ หมายถึง พระศรีอริยเมตตรัย
    คำว่า ไท่ฝอ หมายถึง พุทธที่ยิ่งใหญ่ หรือ พระพุทธเจ้า

    อนุตรธรรม ก็ ไม่ได้มีแค่ แหล่งรวมศาสนาอย่างเดียว แต่ก็แตกแขนงสาขาไปหลายทาง

    เหมือนกับพุทธที่เราท่านนับถือกัน เริ่มถูกเจอปน นับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว แตกออกเป็นสาขาหลายสาขา แม้แต่เถรวาทเอง แม้จะพยายามรักษาพุทธพจน์ไว้ให้ได้มาก ก็ถูกเจือปนมาด้วยเช่นกัน
     
  18. InvisibleForce

    InvisibleForce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +659
    คุณ OPUS_1 ต้องการจะบอกอะไรคับ ถ้าต้องการจะเตือนคนในนี้เรื่องหลงรวมคำสอนทุกศาสนา ผมก็ยังไม่เห็นนะ เปรียบเหมือนมาบอกให้คนควรหาหน้ากากผ้ามาคาดอยู่กะบ้านด้วยเพื่อป้องกันโรคหวัดนกอะไรยังงั้น.. แต่ถ้าสังสัยประเด็นการรวมคำสอน ก็น่าจะยกมาตั้งเป็นกระทู้หัวข้อใหม่น่าจะดีกว่าคับ .. แต่ผมเข้าใจท่านว่าเป็นกรณีแรกมากกว่านะ
     
  19. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    เจตนาก็เป็นอย่างที่แสดงให้เห็นนั่นแล ความจริงข้อมูลเคยมีอยู่ในห้องนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...