ตอบปัญหาธรรม โดย ดร.สนอง วรอุไร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 พฤศจิกายน 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    กระผมเพิ่งเรียนจบ ป ตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ 3-4 ปี ขณะนี้กำลังทำงานช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวซึ่งทำกำไรได้ปีหนึ่งๆ มากมายพอจนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปได้หลายชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโต ผมสนใจและชอบศึกษาวิชาทางวิทยาศาตร์มาตลอด จนจบการศึกษาทางวิศวฯ จิตใจเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่เคยสนใจเรื่องของศาสนาต่างๆแม้แต่น้อย ตั้งแต่อายุ 20 ปี ก็ได้ถูกปลูกฝังให้สนใจแต่เรื่องธุรกิจและการแข่งขันมาตลอด ได้อ่านหนังสือทางธุรกิจและการค้าหลักๆ มาเกือบหมดเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน

    แต่ในช่วงที่เติบโตมานั้น ก็สนใจอ่านในเรื่องของปรัชญาด้วย มีหลายครั้งที่ความสงสัยทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และปรัชญามาบรรจบกัน เช่น จักรวาลนี้จริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ เกิดมาจากไหน ก่อนเหตุการณ์ big bang นั้นมีอะไรเกิดก่อน และ ชีวิตคนคืออะไร วิญญาณคืออะไร ทำงานในเชิงวิทยาศาตร์อย่างไรบ้าง ฯลฯ

    จนเมื่อเร็วๆมานี้ได้พบกับธรรมะของพุทธศาสนาโดยบังเอิญจึงเกิดความซาบซึ้งในพระธรรมเนื่องจากทุกสิ่งนั้นล้วนตรงกับจริตของผมในแง่หลักการและเหตุผลของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะหลักของปฏิจสมุปปบาทและอริยสัจจสี่ ซึ่งเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ ในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรเป็นพระเจ้า ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรสักอย่าง ทุกสิ่งล้วนเป็นเหตุปัจจัยสืบเนื่องมาตามลำดับ และมีความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น ไม่น่ายึดถืออะไรสักอย่าง ตั้งแต่นั้นมาผมได้ทำการศึกษาค้นคว้าครั้งใหญ่จากหนังสือ เวปไซต์ และการบรรยายธรรมของอาจารย์ท่านต่างๆ และนำมาปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง

    คำถามที่อยากเรียนถามท่านอาจารย์เพื่อให้กรุณาชี้แนะมี ดังนี้

    1. ผมอายุได้ 26 ปีแล้วยังไม่เคยบวชมาก่อนเพราะทางครอบครัวไม่มีศรัทธาในเรื่องนี้เลย ผมสนใจที่จะบวชเพื่อจะได้มีโอกาสเรียนรู้และปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ ไม่ต้องมัววุ่นวายกับเรื่องราวทางธุรกิจตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนจนดึกดื่น กว่าจะได้ปฏิบัติธรรม ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ วัด และพระอาจารย์ที่ท่านสอนอย่างเคร่งครัดและถูกต้องในด้านวิปัสสนา และ สติปัฐาน 4 ด้วยครับ ผมเข้าใจว่ามีมายมายหลายวัดที่ทำการสอนอยู่ดีเท่าเทียมกัน แต่ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะสัก 2 - 3 ที่ที่ท่านอาจารย์คิดว่าเหมาะสมที่สุดด้วยครับ ผมตั้งใจว่าจะบวชสัก 2 - 3 สัปดาห์

    2. ผมมีความเชื่อมั่นในพระธรรมว่าเป็นหลักวิชาสูงสุดที่จะทำให้สัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ และเชื่อว่าตัวผมเองสามารถช่วยเผยแพร่พระศาสนาและช่วยเหลือผู้คนได้มากมายกว่าการที่ผมจะมัวแต่ทำธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องไม่กี่คน แต่ก็ยังไม่มีกำลังใจเข้มแข็งพอที่จะสามารถสลัดบ่วงทางโลก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการงาน ครอบครัว เพื่อนพ้อง และคนรัก ไปบวชแบบถาวรได้ ซึ่งอาจยังเป็นกรรมเก่าของผมอยู่ในขณะนี้ แต่ก็มีความตั้งใจว่าจะทำเพื่อพุทธศาสนาเต็มที่ในฐานะของฆราวาส

    กราบขอบคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

    คำตอบ
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติหรือเกิดขึ้นกับชีวิตหากเข้าถึงความจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ในพุทธศาสนาได้แล้วจะรู้ว่า ไม่มีปรากฏการณ์ใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์ต้องมีเหตุที่ทำให้เกิด ที่คุณมีความสนใจในหลักของปฏิจสมุปปบาทและอริยสัจ 4 เมื่อเหตุปัจจัยของบุญบารมีที่ถูกเก็บสั่งสมในจิตลงตัว จะเป็นแรงผลักดันให้บุคคลได้เข้าถึงความจริงแท้ (เหตุผล) ในระดับที่อยู่เหนือประสาทและเครื่องมือสัมผัส ดังที่นักวิทยาศาสตร์นอกกรอบหลายคนรวมถึงคุณได้เข้าถึง

    (1) คนที่มีบุญบารมีส่งผลต้องเจอกับครูที่เข้าถึงความจริงแท้ในพุทธศาสนา จึงขอแนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อพิสูจน์ความจริงในพุทธศาสนากับพระอาจารย์มนตรี สำนักสงฆ์ป่าละอู จ.กาญจนบุรี พระอาจารย์มานพ จ.จันทุบรี พระอาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่ ฯลฯ

    (2) ความเชื่อมั่นในพระธรรมจะเกิดขึ้นเต็มร้อยได้ ต้องปฏิบัติและเข้าถึงธรรมของพระพุทธะด้วยตัวเอง ดังเช่นวิศวกรผู้เปลี่ยนวิถีชีวิตตนเองมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ วิศวกรผู้อุทิศตนทำหน้าที่เป็นเว็บมาสเตอร์ในเว็บกัลยาณธรรม ฯลฯ
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1.คุณแม่ของดิฉันอยากทราบว่าหากเราติดเงินผู้อื่นอยู่อยากใช้คืนแต่ตอนนี้หาตัวเขาไม่พบจะทำอย่างไรดีคะ
    2.ดิฉันมักจะไปบวชเนกขัมมะอยู่ที่สำนักแห่งหนึ่งบ่อยๆ พระอาจารย์บอกว่าเราจะบริกรรมว่าอะไรก็ได้เพราะเป็นแค่บัญญัติ แต่เวลาท่านนำเจริญสติท่านจะใช้ พุทโธ อยากทราบว่าเราควรใช้เหมือนท่านหรือไม่คะ
    3.ดิฉันเป็นคนชอบพูดเล่น พูดตลก พูดประชดเล่นๆ และพูดแซวผู้อื่น อยากทราบว่าผิดศีลข้อ 4 หรือไม่คะ

    กราบขอบพระคุณค่ะ

    คำตอบ
    (1) เอาเงินเท่าจำนวนที่เป็นหนี้ไปสร้างบุญใหญ่เช่น สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างทางเดินจงกรม เป็นเจ้าภาพปฏิบัติฯลฯ แล้วอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับผู้เป็นเจ้าหนี้ของเงินที่คุณไปเอามา

    (2) พระอาจารย์แนะนำนั้นถูกต้องแล้ว จะให้องค์บริกรรมพุท-โธ ให้เหมือนท่านหรือบริกรรมต่างไปจากท่าน ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าองค์บริกรรมใดเมื่อนำมาใช้แล้ว ทำให้จิตเกิดความตั้งมั่น (สมาธิ) ได้เร็วองค์บริกรรมเช่นนั้นเหมาะกับจริตของคุณ จงใช้เพียงอย่างเดียวและตลอดไปสมถภาวนาจึงจะสัมฤทธิ์ผล

    (3) ไม่ผิดศีลข้อ 4 แต่ผิดกุศลกรรมบถในเรื่องของวจีกรรม 4 หากยังประพฤติอกุศลวจีกรรมอยู่เรื่อย ๆ จะไม่สามารถนำจิตเข้าถึงธรรมขั้นสูงของพระพุทธะได้
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    คำถามที่ 1
    อยากทราบว่าเป็นโรคกรรมใช่ไม๊ค่ะ คนที่เป็นไปทำกรรมอะไรมา มีวิธีแก้ยังไรบ้างค่ะ?

    ดิฉันเป็นโรคเกี่ยวกับมดลูก2โรคคือ เนื้องอก ได้ผ่าตัดออกไปแล้ว แต่มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ค่ะ โรคที่สองคือ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายยกเว้นต้องมีลูกซึ่งยากเพราะดิฉันยังโสดและอายุมากแล้ว ดิฉันเชื่อว่ามีคนเป็นกันมาก มีคนแนะนำให้ทานเจ ต้องเจเท่านั้นถึงจะช่วยให้ทุเลากินมังสวิรัติก็ยังไม่พอ จริงไม๊ค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

    คำตอบ
    เป็นโรคที่เกิดจากประพฤติละเมิดศีลข้อ ปาณาติบาต วิธีแก้ปัญหาในเรื่องการชดใช้หนี้เวรกรมให้ดูคำตอบในเว็บข้อ 621 (1)-(4) และที่มีคนแนะนำให้กินเจ เขาแนะนำถูกแต่โรคที่เกิดขึ้นจะหายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


    คำถามที่ 2
    อยากทราบว่าคนที่ทำอาชีพที่ต้องคอยลุ้นวันต่อวันเดือนต่อเดือนว่าจะทำยอดได้ไม๊ แถมยังมีความเสี่ยงสูงด้วยหากทำพลาด ทำกรรมอะไรมาถึงไม่มีความมั่นคงเลย ต้องแก้ไขอย่างไรค่ะ

    อาชีพที่ทำอยู่คือเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ตลาดหุ้น ทำมานานกว่าสิบปี โดยจุดเริ่มต้นดูเหมือนงานอาชีพอื่นที่มีอนาคตเติบโตได้ มีความมั่นคง แต่ด้วยระบบธุรกิจที่เปลี่ยนไปทำให้มีกฏเกณฑ์ออกมาคนที่ตกในอาชีพนี้คือ มีความเสี่ยงสูงถ้าทำพลาด มีรายได้ไม่แน่นอนขึ้นกับภาวะตลาด อนาคตอาจอยู่ไม่ได้เพราะมีซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถ้าจะให้เปลี่ยนอาชีพตอนนี้คงยากเพราะทำมานานแล้ว อายุเยอะแล้ว อาชีพนี้บาปไม๊เพราะต้องเรียนตามตรงว่าไม่มีใครรู้แน่นอนว่าหุ้นจะขึ้นลงเท่าไหร่ แต่เราต้องคอยแนะนำลูกค้าตามข้อมูลที่มี

    ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

    คำตอบ
    คนหลงโลกยังจำเป็นต้องดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการเอาจิตไปผูกติดเป็นทาสกับวัตถุ จึงถูกกิเลสหลอกใช้ให้เกิดอารมณ์วูบวาบ หวั่นไหว เครียด ซึ่งให้อานิสงส์เป็นบาป และยังถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณของผู้หลงอีกด้วย ตายแล้วบาปนำไปเกิดในที่ไม่ดีดังตัวอย่างของโตเทยยพราหมณ์ หลงมนุษย์สมบัติจึงต้องไปเกิดเป็นลูกสุนัข เฝ้าสมบัติตัวเองที่ถูกฝังดินไว้ในบ้านของลูกชาย และเช่นเดียวกันในครั้งพุทธกาล ยังมีคนตาสว่าง เช่น ปิปผลิมาณพ เจ้าชายอนุรุทธ ผสะกุลบุตร ฯลฯ เห็นทุกข์โทษที่เกิดจากการมีจิตเป็นทาสของวัตถุ ด้วยรู้แจ้งชัดว่า ตายแล้วไม่สามารถแบกขนเอามนุษย์สมบัติข้ามภพข้ามชาติไปได้สักอย่าง เพราะเป็นสมบัติของโลก เป็นสมบัติที่ต้องทิ้งไว้เป็นกำพร้า มีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่ตนเองสามารถนำพาไปได้จึงได้สละสมบัติมนุษย์ให้ผู้อื่นครอบครองแล้วตัวเองไปแสวงหาสมบัติที่ดีกว่า ปลดจิตให้เป็นอิสระจากสิ่งเศร้าหมอง คือกิเลสทั้งปวงให้ได้ แล้วจึงจะสามารถเข้าถึงอริยสมบัติซึ่งเป็นสมบัติที่สุดยอดและบุคคลสามารถเข้าถึง แสวงหามาไว้เป็นของตนได้

    ด้วยเหตุนี้ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิตตนเองให้เลิกหลงทำตัวเองให้เข้าถึงความจริงของชีวิต ปัญหาที่ถามไปจึงจะสามารถแก้ไขได้
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 แม้ได้มีโอกาสได้พบปะกับอาจารย์ แต่ก็ไม่มีความกล้าและเกรงใจในการ จะเข้าไปสอบถามหรือคุยปัญหากับอาจารย์อย่างใกล้ชิด ปลายปีนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าอรัญวิเวกเป็นเวลา หนึ่งอาทิตย์ หากบุญบารมีถึงจริง ขอให้ได้สัมผัสธรรมที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้ประสบ พบมาแล้ว หากไม่พบเจอก็ถือเป็นการสั่งสมบุญบารมีไปในตัว

    ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

    หากปราถนาภพแห่งอริยบุคคล สิ่งที่ทำต่อไปนี้ ถือ เป็น ศีลพรตปรามาส หรือเปล่าครับ

    1. มุขเยอะ ถือว่า ผิดศีลข้อ 4 หรือเปล่าครับ คงจะลำบากเหมือนกันนะครับหากปฏิสัมพันธ์ของเราตัดขาดออกไปมากขึ้น จากสังคมหรือเปล่า
    2. การเผลอกระทำพลาดศีลข้อปาณาติบาต เพราะไม่ได้ตั้งใจ อาทิเช่น เดินเหยียบหมด,เผลอตบยุงโดยปฏิกิริยาอัตโนมัติ หรือ เอามือลูบออกหรือผ้าปัด แต่ปรากฏยุงตัวนั้น กลับตาย ถือเป็น ศีลพรตปรามาส หรือเปล่า เพราะในใจคิดว่าหากไม่ เจตนาก็คงไม่ผิด

    สุดท้ายผมต้องกราบขออภัย อาจารย์ด้วยครับหาก อาการแห่งจิตใดๆ ของผมไปทำความรำคาญหรือทำใหจิตของอาจารย์ ต้องขุ่นมัว


    คำตอบ
    ปรารถนาภพแห่งอริยบุคคลหมายถึงโลกอันเป็นที่อยู่ของอริยบุคคล มีตั้งแต่ภพมนุษย์ ภพสวรรค์ทั้งหกชั้น และภพพรหมสุทธาวาสทั้งห้าชั้น

    (1) คำว่า “ มีมุขเยอะ ” หมายถึงมีลูกเล่นตลกมาก ผู้ใดคิดพูดทำ เพื่อให้เกิดเป็นความตลก ถ้าการพูดนั้นไม่เคลื่อนไปจากความจริงถือว่าไม่ผิดศีลข้อ 4 หรือพูดแล้วไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ ถือว่าไม่ผิดกุศลกรรมบถข้อวจีกรรม 4

    ฉะนั้นผู้แสดงมุขตลกที่เคลื่อนไปจากที่กล่าวนี้เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่นำพาชีวิตให้ไหลเวียนไปตามกระแสโลก แต่หากมีพฤติกรรมถูกตรงตามศีลตามกุศลกรรมบถเป็นการทวนกระแสโลก ซึ่งผู้ถามปัญหาต้องเลือกนำพาชีวิตด้วยตนเอง

    (2) ในสมัยที่หลวงปู่ธรรมชัยยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้เล่าให้ผู้ตอบปัญหาฟังว่า มีหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รักษาศีล 5 มาเกือบตลอดชีวิต มีอยู่วันหนึ่งลงอาบน้ำในลำคลอง ขณะถูตัวได้เอามือไปลูบถูกลูกกุ้งตัวหนึ่งตายโดยไม่เจตนา จิตเกิดความเศร้าหมอง ด้วยเหตุที่พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์มาเกือบตลอดชีวิต แต่มาพลาดทำให้ลูกกุ้งต้องตายลงด้วยมือของตัวเอง ตายแล้วไปพบพญายมและถูกตัดสินโทษให้ไปเกิดเป็นสัตว์ในนรก เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร ถ้าผู้ถามปัญหาอยากรู้ต้องตามไปดูด้วยตนเอง แต่ผู้ตอบปัญหาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหลวงปู่ธรรมชัยไม่กล่าววาจาที่เป็นเท็จ ฉะนั้นที่ถามไปจึงเป็นสีลัพพตปรามาส
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    กระผมได้อ่านพระไตรปิฎกมาบ้างบางตอน กระผมมีความสงสัยเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในอดีตว่า พระพุทธเจ้าในอดีตนั้นเกิดขึ้นเฉพาะบนโลกใบเดียวกับที่มนุษย์เราอยู่ปัจจุบันนี้เท่านั้น หรือเกิดขึ้นที่โลกใบอื่นที่มีมนุษย์ต่างดาวอยู่ด้วย เพราะในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงพุทธวงศ์ต่างๆ นั้น พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีร่างกายที่สูงใหญ่มาก ( สูง 40 ศอกบ้าง 60 ศอกบ้าง 80 ศอกบ้าง ) และอายุยืนเป็นหมื่นเป็นแสนปี ก็เลยสงสัยว่ามนุษย์สมัยนั้นมีร่างกายสูงใหญ่และอายุยืนขนาดนั้น โลกใบนี้น่าจะไม่พอที่จะอาศัยอยู่

    คำตอบ
    เป็นเรื่องปกติธรรมดา ของผู้ที่พัฒนาปัญญาด้วยการอ่านจากตำราคัมภีร์ ผู้ตอบปัญหาเคยได้สนทนาธรรมกับพระป่าองค์หนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านนั่งเข้าฌานในโบสถ์มีอยู่คืนหนึ่งได้พบพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยอัครสาวกทั้งสอง ท่านบอกว่า พระสมณโคดมมีพระวรกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์สมัยนี้ เช่นเดียวกับผู้ที่เคยพบหลวงปู่โลกอุดรก็พูดว่ามีร่างกายสูงใหญ่กว่าคนสมัยนี้ ผู้ที่เคยไปนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จะเห็นว่ารอยประทับบนแผ่นหิน พระพุทธบาทของพระกุกสันธะพุทธเจ้า พระโกนาดมพุทธเจ้า พระกัสสปะพุทธเจ้า พระโคดมพุทธเจ้า มีพระพุทธบาทตั้งแต่ใหญ่สุดและใหญ่รองลงมาตามลำดับ จนถึงพระพุทธบาทของพระสมณโคดมที่มีขนาดเล็กสุด ยังมีความยาวัดได้ถึง 1 เมตร 80 เซนติเมตร ลองไปคิดดูเองว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คนในยุคอดีตมีร่างกายสูงใหญ่ดังที่ถามไป เช่นเดียวกันคนในอดีตมีอายุยืนยาวเป็นหมื่นเป็นแสนปียังไม่ยืนยาวเท่ากับมนุษย์ที่เกิดมาในต้นยุคซึ่งมีอายุยืนยาวถึงหนึ่งอสงไขยปี

    ส่วนเรื่องที่พระมหาโพธิสัตว์ ต้องมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่โลกใบนี้หรือไปตรัสรู้ที่โลกอื่นได้ ตอบว่ามาตรัสรู้ที่โลกใบนี้เพราะมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม เทวดาที่เป็นสันดุสิตเทพบุตร ก่อนตอบรับคำเชิญจุติของหมู่เทวดาและพรหม เพื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้พิจารณาเรื่องสำคัญอยู่ 5 เรื่องใหญ่คือพิจารณาโลกที่จะลงไปเกิด อายุขัยของมนุษย์ ทวีป ประเทศ ตระกูล และพุทธมารดา เหล่านี้ต้องเหมาะสม ซึ่งมีอยู่ที่โลกใบนี้เท่านั้น จึงตัดสินใจรับคำเชิญจุติ แล้วลงมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    กระผมปฏิบัติธรรม โดยการเดินจงกรม และนั่งสมาธิมาต่อเนื่องมาซักช่วงเวลาหนึ่งแล้วมีเรื่องอยากเรียนถามท่านอาจารย์ฯ ดังนี้ครับ

    1. การที่เราเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาจะเป็นเพราะว่าเจ้ากรรมนายเวรเขามาเอาคืนหรือเปล่าครับ เพราะปกติไม่เคยเป็นแล้วก็ดูแลตัวเองดีครับ หากใช่เราต้องทำไงครับ และในช่วงที่ป่วยต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล เราจะสามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างไรบ้างครับ เพื่อรักษาธรรมที่มีอยู่ไม่ให้ขาด

    2. สืบเนื่องมาจากเรื่องเจ็บป่วย ตอนที่ผมป่วยมีเลือดออกในลำไส้ทำให้เสียเลือดมาก จึงทำให้หน้ามืด หายใจไม่ออก และหูดับไม่ได้ยินเสียง ช่วงวินาทีแบบนี้เราจะมีวิธีการเตรียมจิตอย่างไรเพราะอยู่ในช่วงนั้นมาแล้วรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันเปราะบางมากเหลือเกิน แล้วการที่เราขอในใจว่าขอลูกอยู่เพื่อปฏิบัติพระธรรม-กรรมฐานก่อน จะผิดไหม เพราะช่วงนั้นรู้สึกถึงเรื่องนี้มากที่สุด หรือมีวิธีการเตรียมจิต และกำหนดให้มีสติตลอดได้อย่างไรบ้างครับ

    3. เรามีการรักษาจิตเราอย่างไรไม่ให้ออกไป คิดไม่ดีกับคนอื่น หรือลบหลู่คนอื่นให้เป็นบาป เพราะทุกครั้งก็จะกำหนดรู้ทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดเลยมาก แต่บางทีมันคิดไปแล้วมันก็เลยเกิดอกุศลในจิต แบบนี้เรามีวิธีสกัดกั้นยังไงเพื่อไม่ให้อกุศลแบบนี้เกิดขึ้นครับ

    ปล. ปัจจุบันนี้เพิ่งหายแล้ว และตอบตัวเองได้ว่าหากพรุ้งนี้ต้องตายสิ่งที่จะเสียดายมากที่สุดก็คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมช่วยได้มากแม้ในยามที่ชีวิตวิกฤตทำให้เรามีสติ หรือแม้ยามที่เราหลงขาดสติไปบ้างจากการเจ็บป่วย ก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งที่ดีคอยปกป้องตัวเราอยู่ข้างๆ เพื่อไม่ให้หนักขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ ท้ายนี้ขอขอบคุณล่วงหน้าในคำตอบของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ


    คำตอบ
    (1) การเจ็บป่วยของมนุษย์สมัยนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์อาพาธด้วยเหตุ 4 อย่าง และหนึ่งใน 4 เหตุนั้นคือโรคที่เกิดจากกรรม ดังตัวอย่างเช่น อุตริมนุษย์ที่เอากาวแห้งเร็วไปหยดใส่ก้นไก่ แล้วเอามือบีบให้รูเปิดที่ก้นไก่ติดกัน ผลปรากฏว่าไก่ไม่สามารถถ่านมูลได้ ไก่อยู่ได้หลายวันแล้วตายลงในที่สุด อยู่มาไม่นานกรรมนี้ให้ผล มนุษย์ผู้ทำกรรมถ่ายอุจจาระไม่ออกหลายวันแล้วตายตามไก่ไปในที่สุด นี่คือตัวอย่างจริงของโรคที่เกิดจากรรมเป็นเหตุ

    ฉะนั้นหากคิดว่าการเจ็บป่วยของคุณเกิดจากกรรมเป็นเหตุต้องทำบุญให้ยิ่งใหญ่ เช่น ปฏิบัติกรรมฐานแล้วอุทิศผลบุญให้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร จนกว่าเขาจะเลิกจองเวร อาการเจ็บป่วยก็จะหาย

    ขณะเจ็บป่วยสามารถปฏิบัติธรรมได้ ด้วยการสวดมนต์ฟังธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น กำหนดอาณาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออกว่า พุท-โธ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลางและหากมีกำลังสมาธิมากพอ สามารถพิจารราการเจ็บป่วยให้เห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุดได้

    (2) การเจ็บป่วยของคุณในครั้งนี้ถือว่าโชคดี ที่ทำให้เห็นชัดว่า ชีวิตของคนเราเปราะบาง และเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อใดที่ลมหายใจหยุดเข้าร่างกาย หยุดออกจากร่างกาย ชีวิตจะดำเนินอยู่ไม่ได้เหมือนที่คนตายทั้งหลายได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ฉะนั้นไม่ควรประมาทกับชีวิตเพราะเมื่อใดที่จิตปฏิเสธร่างกายแล้ว จิตต้องไปแสวงหาร่างใหม่เข้าอยู่อาศัยร่างนี้จะถูกทอดทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพังไป จึงควรอย่างยิ่งต้องเตรียมตัวไปเกิดใหม่ในภพที่ดีด้วยการประพฤติแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้น จึงจะไม่เสียชาติเกิด

    การตั้งจิตปรารถนา (อธิษฐาน) ขอมีชีวิตอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมสามารถตั้งจิตปรารถนาได้แต่เมื่อตั้งปรารถนาแล้วต้องมีสัจจะและปฏิบัติให้เป็นเหตุถูกตรงตามที่ปรารถนา ทำได้อย่างนี้และจะไม่ผิดอธิษฐาน ส่วนเรื่องการเตรียมจิตด้วยการกำหนดให้บริกรรมคำว่า พุท-โธ ๆ ๆ อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก กำหนดทุกครั้งที่นึกได้ กำหนดทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก แล้วสติจะมีกำลังมากขึ้น

    (3) ต้องพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ที่มีอยู่ในใจให้หมดไป ด้วยการพิจารณาสิ่งเศร้าหมองหมดไปจากใจ การระลึกได้ในสิ่งเศร้าหมองจะไม่มีความคิดที่เป็นอกุศลอื่ต้องพิจาณาในทำนองเดียวกันนี้
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. ทำกรรมอะไรถึงใส่เสื้อผ้าแล้วกลายเป็นโป๊หรืออุจาดตาคะ ทั้งที่เสื้อผ้าเหล่านั้นเคยใส่แล้วก็ไม่เคยเกิดเหตุอะไร แต่ช่วงนี้ใส่อะไรก็ดูไม่เหมาะสมไปหมด ตัวเองดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ หรือคนในบ้านคนที่ไปด้วยก็ไม่เห็นอะไร แต่คนอื่นกลับเห็น หัวเราะเยาะดูถูก มันเป็นทุกครั้งเลยค่ะในช่วงนี้ จนไม่อยากออกไปไหน แต่ก็มีเหตุให้ต้องออกจนได้ วันไหนขับรถไปก็ไม่เกิดอะไร วันไหนนั่งรถเมล์ไปก็เป็นเรื่องเลยค่ะ จนคนแถวบ้านหรือคนพบเห็นอาจคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงไม่ดี ชอบแต่งตัวยั่วยวนหรือเป็นโรคจิตชอบให้คนดูร่างกายตัวเอง

    2. หนูจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรคะ ครั้งล่าสุดนี่พอรู้ตัวหนูก็ให้คนในห้องน้ำช่วยดูให้ เขาก็บอกไม่เห็นอะไร เรียบร้อยดี หนูไปสมัครงานเลยพลาดงานไปเลยค่ะ ทั้งที่เปอร์เซนต์ที่จะได้มีถึง80เปอร์เซนต์ มันเกี่ยวกับเรื่องงานสองหนแล้วค่ะ หนูกลุ้มใจมาก

    3. ครั้งสุดท้ายนี่ จิตเตือนว่า อย่าๆ สองครั้ง ไม่ให้หนูไปยืมกระโปรงน้าสาวมาใส่ ทั้งที่กระโปรงนั้นก็เป็นสีน้ำตาล ผ้าไม่บาง ใส่ครั้งแรกไม่เป็นไร ขับรถไปแล้วก็ไปเดินห้างด้วย ไม่มีใครว่าอะไร แต่ครั้งที่สองนี่นั่งรถเมล์ไปเลยเกิดเรื่องเลยค่ะ ถ้าหนูไม่ทำตามที่จิตห้าม หนูก็ไม่ต้องเกิดเรื่องใช่ไหมคะ แสดงว่า กรรมใกล้หมด หรือยังไงก็ต้องรับกรรมนี้อยู่แล้วคะ

    ทุกวันนี้หนูกลุ้มใจมาก กว่าจะออกจากบ้านก็ดูแล้วดูอีก เกือบจะประสาท หนูถูกนินทาว่าร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก คิดว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย มันก็ยังไม่จบซักที หนูท้อมากค่ะ ท้อจริงๆ แทบไม่ได้ทำกรรมฐานเลยหลังจากออกพรรษา เพราะคิดว่าผลบุญจะช่วยได้ แต่นี่โดนเล่นงานทุกครั้งเลยค่ะ นอกจากจะอับอายแล้ว งานก็ไม่ได้ค่ะ


    คำตอบ
    (1) เหตุเกิดเพราะจิตขาดสติดสัมปชัญญะ จึงทำให้จิตตกเป็นทาสของกามราคะคือมีจิตยินดีพอใจ หมกมุ่นสาละวน อยู่กับสรีระว่าเป็นของสวยงามควรแก่การทะนุบำรุงรักษาเมื่อใดที่กรรมให้ผล สิ่งที่บอกเล่าไปจึงได้เกิดขึ้น

    (2) ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดสติสัมปชัญญะ แล้วพิจารณาว่าสรีระของตนเองเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วพฤติกรรมที่แสดงออกจะดีงามเป็นอิสระต่อสิ่งเย้ายวนทางประสาทสัมผัสโอกาสที่ได้งานทำจึงจะเกิดขึ้นได้

    (3) ตราบใดที่กรรมยังไม่หมด ผู้ทำกรรมยังต้องรับผลวิบากของกรรมนั้น
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. กรณีที่สัตว์ป่วยหนักและได้ทำการตรวจวินิจฉัยแล้วว่า ต้องไม่รอดแน่ๆ อยู่ต่อไปได้ไม่นานก็ต้องตาย แต่ในขณะที่ยังไม่ตายสัตว์จะอยู่อย่างทรมาณมาก เช่น เป็นมะเร็งเจ็บปวดร้องทรมาณตลอดเวลา หรือโดนรถทับบั้นท้ายรวมทั้งเชิงกรานแหลกละเอียด จะรักษาอย่างไรก็ไม่รอด แต่ไม่ตายในขณะนี้ อาจอยู่ต่อได้อีก 2 - 3 วันหากให้ยารักษาไว้ แต่ในทางด้านสัตวแพทย์ที่เรียนมา เขาสอนว่าหากเป็นกรณีแบบนี้ควรฉีดยาให้หลับตายไปเลย ( put to sleep ) เพื่อสัตว์จะได้พ้นจากความทรมาณ อยากทราบว่าในกรณีแบบนี้เป็นความหวังดีของหมอ แต่ก็ผิดศีลข้อ 1 จะบาปมากไหม ในความเห็นของอาจารย์ควรทำหรือไม่

    2. ในอีกกรณีหนึ่งถ้าหากว่าสัตว์เป็นอัมพาตช่วงหลัง เดินไม่ได้ แต่ขาหน้ายังใช้งานได้เดินลากบั้นท้ายไปกับพื้น ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มีแผลหลุมที่เกิดจากการลากตัวเองและการกดทับ ทำให้มีความทรมาณในการใช้ชีวิต แต่ถ้าดูแลอย่างดีสัตว์ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนาน แต่ถ้ามนุษย์ไม่ช่วยสัตว์ก็จะช่วยตัวเองไม่ได้และคงอยู่ได้ไม่นาน แต่เจ้าของไม่อยากดูแลแล้ว ต้องการให้สัตวแพทย์ฉีดยาให้หลับตายไปเลยจะได้พ้นจากความทรมาณ กรณีนี้ควรทำหรือไม่ครับ


    คำตอบ
    (1) ผู้ที่ยังต้องเดินตามกระแสโลกจะใช้ความรู้ทางโลกแก้ปัญหาเห็นสัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานแล้วฉีดยาให้สัตว์หลับตายไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด แต่หากนำวิธีเดียวกันนี้มาใช้กับคนเจ็บป่วยเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในโรงพยาบาลถือว่าผิดกฎหมาย นักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตแล้วถูกฉีดยาให้ตายถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้น ในทางตรงกันข้ามผู้ปรารถนานำชีวิตทวนกระแสโลก เขาใช้ความรู้ทางธรรม (ญาณ) แก้ปัญหา ญาณเป็นความรู้ขั้นสูงสุดที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ใครเข้าถึงได้ถือว่าเป็นผู้รู้จริง ผู้รู้จริงรู้ว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน ประพฤติกรรมไม่ดี เมื่อกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบากผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับอกุศลวิบากนั้นจนกว่าจะชดใช้ผลของกรรมได้หมดสิ้น

    ในกรณีที่ถามไปหมดช่วยสัตว์ไม่ให้ต้องได้รับทุกข์ทรมานหมดได้บุญจากสัตว์ในกรณีที่สัตว์เห็นดีด้วย แต่ได้บาปตรงที่ถูกเจ้ากรรมนายเวรของสัตว์ผูกพยาบาทจองเวร

    อนึ่งผู้ตอบปัญหานำพาชีวิตตนเองและชี้ทางให้ผู้อื่นไม่ทำตัวเองให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ จึงเห็นว่าควรปล่อยวางสัตว์ให้เป็นไปตามกรรมสัตว์ต้องเสวยอกุศลวิบากที่ตัวเองได้กระทำ ชาวโลกมองว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้เป็นคนใจดำซึ่งเป็นความเห็นถูกของชาวโลกที่ยังพัฒนาตนเองเข้าไม่ถึงความรู้สูงสุดจึงคิดเห็นเป็นเช่นนั้น

    (2) ผู้ตอบปัญหาเคยช่วยสุนัขขาหน้าหักสองข้างด้วยการนำสุนัขไปหาสัตวแพทย์ช่วยดามขาให ้แล้วใช้ปัญญาของตัวเองคิดประดิษฐ์ล้อเลื่อนให้สุนัขได้ใช้ขาหลังที่ไม่หักเดินไปในที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการใช้เวลาดูแลอยู่ครบเดือนจนหายเจ็บป่วยกลับมาเดินได้เป็นปกติ

    เรื่องที่บอกเล่าไปว่าสุนัขได้รับความทุกข์ทรมานเจ้าของสุนัขไม่ประสงค์เลี้ยงดูสุนัขที่เคยให้ความสุขกับตัวเองอีกต่อไป จึงคิดกำจัดสุนัขด้วยการขอความร่วมมือจากสัตวแพทย์ให้ฉีดยาหลับตายเพียงแค่คิดกำจัด (มโนกรรม) ไปให้พ้นก็บาปแล้ว หากความคิดถูกกระทำให้สำเร็จอานิสงส์บาปที่จะเกิดขึ้นกับผู้กระทำกรรมต้องได้รับคือการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานจะเกิดขึ้นกับจำเลยกรรมที่หนึ่งคือเจ้าของสุนัข และจำเลยที่สองคือหมอผู้ร่วมกระทำกรรม

    ที่ถามว่าควรทำตามที่เจ้าของสุนัขต้องการหรือไม่ ผู้ตอบปัญหาไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกระบวนอกุศลกรรมที่ให้ผลเป็นบาป จึงไม่มีความเห็น
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หนูปลีกตัวออกมาอยู่ต่างจังหวัดหลายปี ก่อนที่จะออกมาอยู่ต่างจังหวัดหนูเป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง ตอนนี้ออกมาอยู่อำเภอเล็กๆ ไม่ค่อยเจอคนเท่าไหร่ใจก็สงบขึ้น และฝึกวิปัสสนาได้ เมื่อต้องอยู่กับผู้คน จิตมักระลึกถึงการกระทำของตนเองในอดีต ซึ่งทำให้ละอายใจและอายที่จะเผชิญหน้ากับผู้คน นอกจากนี้ยังรู้สึกกลัวคนอยู่ลึกๆในใจ และกลัวการถูกตำหนิติเตียนจากคนอื่นด้วยค่ะ เวลาที่ถูกตำหนิแม้เพียงเล็กน้อยก็สะเทือนใจมาก ตอนนี้หนูต้องทำงานแทนพ่อแม่ ซึ่งจำเป็นต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้า ทำให้ทรมานใจมากเพราะกลัวคน เวลาลูกค้าต่อว่าหรือปฏิเสธก็มีผลกระทบกับใจ

    หนูควรแก้ไขอย่างไรคะ

    คำตอบ
    ความละอายชั่วและเกรงกลัวต่อบาป เป็นคุณสมบัติของชาวฟ้าชาวสวรรค์ผู้ใดรักษาสภาวะของจิตให้เป็นอยู่แบบนี้ตลอดไป ตายแล้วมีโอกาสไปร่วมสังสรรค์เป็นสมาชิกกับชาวสวรรค์ที่ไม่สับสนวุ่นวายแบบสังคมมนุษย์

    วิธีแก้ปัญหาเรื่องกลัวคนต่อว่าหรือปฏิเสธทำได้ไม่ยาก ต้องเจริญสมถะและวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดเป็นสติสัมปชัญญะได้แล้ว จะเห็นว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ตัวเอง คือใช้สติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้ปล่อยวางพฤติกรรมของคนที่อยู่แวดล้อมได้ ความเป็นอิสระของจิตจะเกิดขึ้นแล้วปัญหาจะหมดไปเอง
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    กระผมรู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้อ่านงานเขียนของท่านอาจารย์ และอยู่ระหว่างการฝึกหัดตาม ที่อาจารย์แนะนำ กระผมจะขอกทราบเรียนถามอาจารย์ว่า

    1.) เวลานั้งสมาธิประมาณ 30 นาทีแรก จะเมื่อยมาก และบางครั้งจิตจะเริ่มไม่อยู่กับคำภาวนา กระผมควรทำอย่างไรดี

    2.) บางครั้งนั้งสมาธิ หูมีเสียงดัง "วิง" อยู่ภายในหูเบาๆ แม้จะออกมาจากสมาธิแล้วบางครั้งก็ยังมีเสียงอยู่ สาเหตุเกิดจากอะไรครับ

    3.) อาจารย์พอจะแนะนำสถานที่ฝึกนั้งสมาธิ ในกรุงเทพ ให้ด้วยครับ


    คำตอบ
    (1) เมื่อนั่งปฏิบัติธรรมแล้วเมื่อย ควรลุกขึ้นเดินจงกรมทำสลับกันไปเรื่อย ๆ

    (2) เกิดจากร่างกายปรับสมดุลตามการปรับสมดุลของจิต

    (3) คณะ 5 วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ ยุวพุทธิกสมาคม วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
    วัดปทุมวนาราม (วัดสระปทุม) ใกล้สี่แยกราชประสงค์ฯลฯ
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. ดิฉันเคยทำงานเป็นหัวหน้าคน และต้องทำการประเมินการผ่านการทดลองงานของลูกน้อง ดิฉันเคยประเมินพนักงานไม่ผ่านการทดลองงานจำนวนทั้งสิ้น 3 คน รู้สึกอึดอัดใจมาก แต่จากการทำงานของลูกน้องที่ดิฉันพิจารณาแล้ว คือ ชอบมาสาย ชอบขาดงาน บางคนก็ไม่เคยขาดงานแต่เรียนรู้งานช้า และอู้งานบ้าง จนเพื่อนร่วมงานหน่าย บางคนดิฉันให้โอกาสทดลองงานต่อแต่ก็ยังขาดงานอยู่ ดิฉันอึดอัดใจและเครียดกับการเป็นหัวหน้ามาก ปัจจุบันดิฉันลาออกจากงาน หางานใหม่ และได้งานที่ไม่ต้องมีลูกน้อง

    คำถาม
    ดิฉันจะบาปกรรมไหมคะที่ทำให้คนตกงาน ไม่มีงานทำ และถ้าบาปจะไถ่บาปได้อย่างไร

    2. การที่เราจะแต่งงานหรือใช้ชีวิตอยู่กับใครคนหนึ่ง มันเป็นชะตาชีวิตที่ฟ้ากำหนดมา หรือเป็นจากเวรกรรมที่เคยทำร่วมกันมา หรือเป็นจากที่เรากำหนดเองในชาติปัจจุบัน

    3. จากข้อ 2 ไม่ว่าจะเป็นจากอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องมาอยู่หรือแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กับใครคนหนึ่ง เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้หรือไม่ โดยจากการกระทำของเรา จากกุศลกรรมที่เราตั้งใจสร้างขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันและตั้งอธิษฐานจิตให้ได้อยู่กับคนที่เราอยากจะอยู่ด้วยได้หรือไม่

    4. ถ้าเรายังเป็นคนที่หลงยึดติดอยู่กับความทุกข์ จะทำให้เราไม่สามารถหลุดจากวัฏสงสารนี้ได้ใช่หรือไม่ และเกี่ยวไหมคะอาจารย์ว่าต้องเป็นพระเท่านั้นที่จะหลุดได้ ยังงี้ผู้หญิงก็ไม่สามารถหลุดได้ใช่หรือไม่ ดิฉันจะได้อธิฐานให้ชาติหน้าเกิดเป็นผู้ชาย (เพราะคิดว่าชาติหน้าคงต้องเกิดมาอีกเป็นแน่แท้ เพราะกิเลสยังเยอะอยู่

    ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง
    ขอให้อาจารย์ได้หลุดจากวัฏสงสารนี้คะ

    คำตอบ
    (1) สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมเขาทำกรรมให้ตัวเองด้วยในศักยภาพจึงไม่สามารถแข่งขันสู้ผู้อื่นที่มีศักยภาพสูงกว่าได้จึงต้องได้รับประเมินให้ออกจากงาน คุณอยู่ในฐานะหัวหน้าผู้ประเมินผลงานซึ่งเข้าไปมีส่วนร่วมในวงจรกรรมกับเขา จะได้รับอานิสงส์บาปในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดไม่เป็นไปตามธรรม ถ้าปฏิบัติได้ถูกต้องแล้วบาปจะตามให้ผลไม่ได้

    (2) ฟ้ามิเคยกำหนดชะตาของผู้ใด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเกิดจากกรรมที่เคยร่วมทำกันมาแต่อดีตชาติและปัจจุบันชาติ ส่วนคำว่าเวรกรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นการแก้เผ็ด แค้นเคืองปองร้ายฯลฯ

    (3) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอธิษฐานเอาแต่สิ่งที่เป็นกุศล หลังอธิษฐานแล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรงคือทำเหตุให้เหมือนกับคนที่คุณประสงค์จะอยู่ร่วมคือ ทั้งสองต้องทำกรรมให้เหมือนกันนั่นเองแล้วโอกาสเกิดมาอยู่ร่วมในวันข้างหน้าจึงจะเป็นไปได้

    (4) ใช่ ฆราวาสสามารถพัฒนาจิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารได้แต่ส่วนใหญ่บรรพชิตพัฒนาจิตได้มากกว่า
    ไม่ใช่ ผู้หญิงสามารถพัฒนาจิตให้หลุดพ้นได้เช่นกันดังตัวอย่างพระโคตรมีภิกษุณีอัมพปาลีภิกษุณีปฏาจาราภิกษุณี ฯลฯ ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. ระบบทุนนิยม ที่มุ่งการผลิตเพื่อการตลาดและแสวงหากำไรสูงสุดนั้น บุคคลที่อยู่ในกระบวนการความคิดแนวนี้ มีบาปแค่ไหน อย่างไร
    อาจารย์มีข้อคิดทางธรรมเพื่อจะสอนบุคคลที่แสวงหาผลกำไรอยู่ตลอดเวลาอย่างไรค่ะ

    2. หากการแสวงหากำไร กระทำด้วยการทำลายทรัพยากรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาโลกเสื่อมสลาย คนบนโลก(ที่มีบุญสามารถเกิดเป็นมนุษย์)จะเกิดใหม่ที่ใดค่ะ

    3.บทธรรมะที่สอนเกี่ยวกับความโลภ มีอะไรบ้างค่ะ ขอความหมายด้วยค่ะ


    คำตอบ
    (1) พฤติกรรมใดประพฤติแล้วทุศีล หรือไร้ธรรมถือว่าเป็นบาป ถามว่ามีบาปแค่ไหนตอบว่ามีบาปเท่าที่ทำทำแล้วเป็นเหตุให้ผิดศีลข้อปาณาติบาตโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์นรกมีได้ ทำแล้วผิดศีลข้ออทินนทานโอกาสไปเกิดเป็นเปรตมีได้ฯลฯ

    ผู้ตอบปัญหามีแนวคิดตามรอยพระเจ้าอยู่หัวคือเศรษฐกิจพอเพียงแล้วควบคุมตัวเองให้อยู่ในศีลในธรรม

    (2) ในยุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่ที่มีบุญจะไม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ในครั้งพุทธกาลคนมีบุญลงมาเกิดกันมาก

    เมื่อเวลาที่โลกสลายมนุษย์ที่มีบุญมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งในดาวดวงอื่น หรือไปเกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์รวมถึงพรหมหรือไม่เกิดอีกเลย(นิพพาน)

    (3) คนที่มีจิตใจตกเป็นทาสของความโลภ ตายแล้วมีโอกาสไปได้รูปนามเป็นเปรตในอบายภูมิได้

    บทธรรมที่สอนใจเกี่ยวกับความโลภ คือทำจิตให้นิ่งแล้วหยุดคิดว่าคนที่ตายไปแล้วเขานำอะไรติดตัวไปได้บ้าง แล้วเมื่อถึงคิวตายของตัวเองตัวเองจะเอาอะไรไปเกิดใหม่ในปรโลก

    บุคคลสำคัญที่คนส่วนใหญ่ไม่ปรารถนาพบแต่จำเป็นต้องพบคือพญายม ท่านจะถามว่า “ ตอนที่เกิดเป็นมนุษย์ทำความดีอะไรไว้บ้าง ” ถ้ายังนึกไม่ออกตอบไม่ได้ท่านจะถามต่อไปว่า “ แล้วความชั่วล่ะทำอะไรไว้บ้าง ” ถ้าระลึกได้ถึงการคอรัปชั่น และตอบให้ท่านทราบจะถูกตัดสินพิพากษาให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ พญายมลงโทษคนทำความผิดด้วยการใช้กรรมที่ถูกบันทึกไว้ในดวงจิตเป็นหลักฐาน และใช้กฎแห่งกรรมคือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเป็นกฎหมายด้วยเหตุนี้มนุษย์ผู้ประพฤติทุจริตคอรัปชั่นทุศีล ฯลฯ ที่เคยรอดพ้นจากอำนาจของศาลในเมืองมนุษย์จึงไม่สามารถรอดพ้นจากอำนาจของพญายมได้นี่คือเรื่องจริง ลองตามไปดูสิเห็นแล้วจะหนาว
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เพิ่งเริ่มฝึกปฏิบัติโดยใช้การดูกายดูจิต เมื่อเคลื่อนไหวก็ดูการเคลื่อนไหวของกาย เมื่อคิดก็จะเห็นว่าความคิดมันไหลไปเอง เมื่อเริ่มฝึกปฏิบัติแล้วเกิดปฏิกิริยาดังนี้ค่ะ
    1. ขณะที่กำลังล้างหน้าอยู่แล้วมองหน้าตัวเอง เหมือนไม่ใช่ตัวเรา พอลองจ้องเหมือนกับว่าหน้าเราค่อยๆเปลี่ยนไป(แก่ขึ้น)แต่เป็นแป๊บเดียวค่ะ แล้วขณะที่ล้างมืออยู่แขนกำลังแกว่งไป-มา เหมือนไปใช่แขนของเรา รู้สึกว่าเรากำลังมองสิ่งๆนึงแกว่งอยู่ เลยเกิดความรู้สึกกลัวจึงหยุด เหตุการณ์นี้คืออะไรคะ
    2. เวลานั่งสมาธิช่วงแรกจะฟุ้งมาก พอนั่งไปซักพักเหมือนกับวูบไปแต่ยังรู้ตัว รู้ว่าไม่ได้หลับ ควรปฏิบัติอย่างไรต่อคะ
    3. ปกติเป็นคนกลัวผี แล้วช่วงนี้ฝันเห็นผีบ่อยขึ้น ควรทำอย่างไรคะ การฝันบ่อยแปลว่าจิตเรายังมีกำลังอ่อนใช่ไหมคะ


    คำตอบ
    (1) เมื่อใดจิตนิ่งคือตั้งมั่นเป็นสมาธิความจริงที่อยู่เหนือประสาทสัมผัส จะปรากฏสิ่งที่เห็นด้วยใจเป็นเรื่องจริงของร่างกายจะเห็นได้ชัดแจ้งว่า เมื่อวันข้างหน้ามาถึงร่างกายต้องเป็นเช่นที่เห็นแล้วในที่สุดหายไปจากโลกเป็นธรรมดาของทุกรูปนาม
    จึงไม่จำเป็นต้องหนีความจริงให้เกิดเป็นความกลัวเพราะทุกชีวิตจะต้องเป็นเช่นนี้

    (2) ให้กำหนดว่า “ วูบหนอๆๆ ” จนอาการดังกล่าวหายไปแล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

    (3) สติสัมปชัญญะของผู้ถามปัญหามีกำลังอ่อนจึงกลัวผี ประสงค์จะแก้ปัญหากลัวผีต้องไปอ่านหนังสือ “ ทางสายเอก ” แล้วทำตามให้ได้ เมื่อใดเข้าถึงความจริงเรื่องของผีแล้ว จากนั้นไปเจอผีดุอย่างไรจะไม่กลัวผีอีกต่อไป
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1)ผมเคยไปปฎิบัติที่วัดอัมพวัน มา7วัน ก็ได้พยายามระดับหนึ่ง พอนั่งไปได้วันที่4ที่5(ไม่แน่ใจ) อยู่ๆมันวุบไป รู้สึกว่าตัวหาย เหมือนไม่มีร่างกาย มีแต่จิตใจ เวทนาก็หายไปด้วย อาการง่วงก็หายไป แต่มีความรู้สึกดีใจมากๆอย่างบอกไม่ถูก เหมือนปิติรึป่าวผมไม่แน่ใจ กลัว วิตก มากไปหน่อย เลยอยู่สภาวะนั้นได้เพียง1-2นาทีได้มั้งครับ รู้สึกว่าก่อนจะเกิดอาการนี้ผมได้เพ่งไปที่หน้าผาก อาการอย่างนี้เรียกว่าอะไรครับ ดีหรือไม่ครับ และสามารถบอกได้รึป่าวครับว่าผมควรฝึกตามแนวไหน

    2)อีกเรื่องผมสงสัยมาก อยากรู้มาก เพราะว่าทำให้การปฎิบัติผมต้องหยุดไป อยากทราบว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรปฏิบัติแนวไหน ระหว่างสติปัฏฐาน4 ยุบพอง หรือว่า พุทธโธ จะต้องไปหาหลวงพ่อที่มีญาณสามารถดูว่าจริตเราตรงกับแบบไหนดี หรือว่าลองสติปัฏฐาน4ไปเลย

    3)เรื่องสุดท้ายครับ อาจารย์มีวิธีหาคำตอบไหมครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมอายุ23 ใจหวังหลุดพ้นไปจากโลกนี้เต็มทนแล้ว เบื่อมาก แต่อีกใจคือต้องทำหน้าที่เลี้ยงดูแม่และน้องๆ เพราะพ่อเสีย เราก็เป็นพี่ใหญ่ ใจนึงก็ฟังคำพูดพระท่านและอาจารย็หลายๆท่าน บอกว่า ภัยกำลังจะเกิด ไม่เกิน5ปี ผมเลยไม่รู้จะเอาอะไรดี จะเรียนต่อก็ไม่รู้เรียนไปทำไมเพราะว่าเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ จะไปทางธรรมเลยก็ไม่ได้ ต้องเลี้ยงดูแม่ เวลาที่เหลือก็น้องไปแค่5ปี คงไปได้ไม่ถึงไหน อยากให้อาจารย์ช่วยหาทางออกให้หน่อยครับ ว่าจะเรียนต่อให้จบถึงที่เราหวังไว้ก่อนดีไหม หรือว่า ออกมาปฏิบัติธรรมเลย แต่ระหว่างเรียนก็คงปฎิบัติได้ด้วย แต่คงได้ไม่เต็มที่

    ขอบพระคุณมากครับ

    คำตอบ
    (1) อารมณ์ที่บอกเล่าไปเป็นเรื่องดีในระดับหนึ่งและจะดียิ่งขึ้นหากเอาจิตไปตามดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นจนเห็นว่าดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์แล้วทำให้จิตปลอดจากอารมณ์วิตกกลัวดีใจฯลฯได้แล้ว จะเกิดปัญญาเห็นแจ้งต่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นในจิตถือว่าดีที่สุด

    (2) การปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพอง-ยุบ หรือตามแนวพุท-โธ เมื่อนำมาใช้เป็นองค์ภาวนาแล้วทำให้จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิถือว่าปฏิบัติได้ถูกทาง หลังจากจิตสงบเป็นอุปจารสมาธิแล้วต้องปฏิบัติต่อไปด้วยพิจารณาสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม) ให้เห็นว่าแต่ละฐานดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์แล้วปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่กายหรือเวทนาหรือจิตหรือธรรมปรากฏขึ้นเป็นอารมณ์ของใจ ต้องพิจารณาแบบนี้จิตจะปล่อยวางผัสสะจิตเป็นอิสระจากผัสสะนี่คือวิธีพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งเห็นสิ่งต่าง ๆ ถูกตรงตามเป็นจริง

    (3) ทางชีวิตต้องเลือกด้วยตัวเอง ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทางว่าผู้ใดยังมีหน้าทางโลกต้องทำหน้าที่ทางโลกให้ดีที่สุด แต่ขณะเดียวกันงานภายในคือพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองต้องไม่ลืมที่จะปฏิบัติเหตุ เพราะชีวิตยังต้องดำเนินข้ามภพชาติอีกยาวไกลเมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัวทางออกของชีวิตย่อมเกิดขึ้น และเคยเกิดขึ้นแล้วนับครั้งไม่ถ้วนที่ตัวเองทิ้งรูปเดิมและไปได้รูปใหม่ให้จิตอยู่อาศัย ฉะนั้นหน้าที่ปัจจุบันต้องทำให้ดีที่สุดแล้วทางชีวิตที่ถูกต้องจะเกิดจากกรรมดีที่ทำนั่นเอง
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. ถ้าเราเป็นลูกเขยซึ่งมีพ่อตาชอบเล่นไก่ชนเป็นประจำ เรียนถามท่านอาจารย์ว่ากระผมและภรรยาจะบาปด้วยหรือไม่ครับ และจะมีผลกระทบหรือเศษกรรมกับกระผม, ภรรยาหรือลูกที่อาจจะมีในอนาคตบ้างโดยส่วนตัวกระผมและภรรยาไม่เห็นชอบกับสิ่งที่พ่อตาทำเลย

    2. จากคำถามข้อแรกครับถ้ากระผมต้องทำธุรกิจส่วนตัวร่วมกับพ่อตา กระผมจะมีส่วนร่วมในการทำบาปของพ่อตาหรือไม่ครับ เพราะเงินที่ได้จากการทำธุรกิจก็จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลไก่ชนและนำไปเล่นพนันชนไก่

    3. กระผมควรทำอย่างไรดีครับซึ่งทางออกที่ผมคิดได้ตอนนี้คือ
    3.1 ตัดใจไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักเพราะกระผมรับไม่ได้ที่พ่อตาเป็นแบบนี้
    3.2 แต่งงานกันตามปรกติแต่แยกครอบครัวออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

    4. ถามว่าอาชีพนักแต่งเพลง,นักร้องนั้นบาปมากน้อยแค่ไหนครับ


    คำตอบ
    (1) กาย วาจา ใจ ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในอกุศลกรรมของผู้อื่นก็ไม่บาป แต่เศษกรรมยังส่งผลกระทบได้ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในทางลบ(ไม่เห็นด้วย) กับคนที่มีบาป แล้วทำให้ตัวเองต้องมีจิตเศร้าหมองเมื่อนึกถึงการพนันชนไก่ของเขา ฉะนั้นผู้รู้จึงพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้าแข็ง แล้วปล่อยวางพฤติกรรมของผู้อื่นบาปจะเข้ารบกวนจิตใจไม่ได้

    (2) มีบาปในฐานะเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรม

    (3) ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง ชีวิตของคุณต้องเลือกทางชีวิตด้วยตัวคุณเอง

    (4) บาปในฐานะเป็นเหตุให้คนหลง เอากิเลสเข้าไปปรุงแต่งใจความหลง (โมหะ) เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเมื่อเทียบกับสัตว์นรกแล้วยังบาปไม่มากเท่า
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. คนที่มีเชื้อสายจีนบางคนจะไหว้เจ้า และติดต่อร่างทรงเพื่อให้เทพเจ้าช่วยเหลือสิ่งต่าง ๆ เช่น ช่วยให้แก้ไขปัญหาชีวิต ติดต่อกับคนตาย การช่วยส่งวิญญาณไปสวรรค์ ฯลฯ (ซึ่งผมไม่ทราบว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงหรือไม่) ตัวผมจะไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เมื่อพิจารณาแล้วการขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าก็เป็นโอกาสช่วยให้ท่านได้สร้างบารมี จึงทำให้สงสัยว่าควรปฏิบัติอย่างไร เมื่อไปกราบไหว้เคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งจึงเพียงแต่น้อมจิตบูชาในคุณงามความดีของเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์ (ด้วยความดีที่ท่านสั่งสมไว้จึงทำให้ท่านได้ไปเกิดเป็นเทวดา) ไม่ได้บนหรือขออะไร เพราะคิดว่าคนที่เป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงไม่ควรพึ่งพาผู้อื่นมากจนเกินไป (ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ก็ตาม) จึงขอเรียนอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติสำหรับตัวผมและแนะนำให้กับผู้อื่นสำหรับเรื่องนี้ด้วยครับ

    2. ได้อ่านคำตอบจากอาจารย์ครับว่า "จิตมีดวงเดียว" ดังนั้นเรื่องการแบ่งจิตของเทพองค์ต่าง ๆ ลงมาสร้างบารมีจึงไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ

    3. การเซ่นไหว้ด้วยอาหาร และสิ่งจำลองต่าง ๆ เช่น กระดาษเงิน กระดาษทอง รถยนต์และบ้านกระดาษจำลอง เป็นต้น เป็นแค่เพียงพิธีกรรม เพื่อบูชาบุคคลที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถส่งให้ถึงผู้ตายได้จริงใช่ไหมครับ

    ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ

    ด้วยบุญกุศลที่ผมได้ทำมาในทุกกาลขอส่งผลให้อาจารย์มีอายุยืนนานและสุขภาพดีเพื่อสร้างบารมีช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไปครับ

    คำตอบ
    (1) การช่วยให้เทพเจ้าสร้างบารมีต้องขอให้เทพช่วยทำในเรื่องของคุณธรรมที่เป็นบ่อเกิดแห่งบารมีอันได้แก่ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา หากเทพเจ้าทำดังที่ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นการสร้างบารมีของเทพเจ้า

    อนึ่งการระลึกถึงความดีที่ทำให้ไปเกิดเป็นเทพเจ้า (เทวดานุสติ) เป็นสิ่งดีเป็นหนึ่งในอนุสติ 10 ควรระลึกบ่อย ๆ

    พระพุทธะมิได้สอนให้พุทธบริษัทพึ่งสิ่งอื่นใดที่อยู่นอกตัวแต่สอนให้พึ่งตนเองคือพึ่งธรรมะที่มีอยู่ในใจตัวเองเป็นสิ่งดีที่สุด

    (2) จิตมีดวงเดียวแต่ด้วยเหตุที่จิตเป็นพลังงานเกิดดับเร็ว จึงทำให้จิตเคลื่อนที่ได้เร็วทำงานได้เร็ว ดังนั้นในแต่ละขณะจิตที่มีการเกิด-ดับ จึงไปทำหน้าที่ได้หลายอย่างประกอบกับความต่างกันอย่างมากในมิติแห่งกาลเวลาของภพมนุษย์และภพสวรรค์ จึงทำให้มนุษย์คิดเอาเองตามประสบการณ์ที่เกิดจากประสาทสัมผัส ว่าเทพเจ้าแบ่งจิตลงมาสร้างบารมีซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องของผู้รู้จริง ดังตัวอย่างของพระจูฬปันถกผู้เข้าฌานได้และชำนาญด้านฤทธิ์สามารถเนรมิตตัวเองได้ถึง 1,000 ร่างแต่เวลาเหาะไปเฝ้าพระพุทธเจ้ามีเพียงรูปนามเดียวหรือเวลาที่พระจูฬปันถกดับรูปนามเข้านิพพานก็มีเพียงรูปนามเดียวที่ต้องดับ

    (3) ผู้ที่เป็นชาวพุทธและเข้าถึงธรรมขั้นสูงของพุทธศาสนาได้แล้วจะรู้ว่าการกระทำที่บอกเล่าไปไม่สามารถส่งเงิน ส่งของ ส่งรถยนต์ ส่งบ้านไปให้ผู้ตายได้
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ทำอย่างไรถึงจะขจัดความเกียจคร้านออกไปจากตัวได้คะ บางครั้งเวลาจะสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ ความรู้สึกขี้เกียจก็เกิดขึ้น แต่โดยปกติหนูจะสวดมนต์ทุกคืนอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้นั่งทำสมาธิทุกว้น จะขยันตั้งใจปฎิบัติเป็นบางช่วงเท่านั้น เวลาตั้งใจปฎิบัติก็เหมือนกับต้องมีสิ่งมากระตุ้น เช่นเวลาที่หนูฟังธรรมมะบรรยายของอาจารย์ หรือเวลาที่หนูได้อ่านหนังสือธรรมมะ มันทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากและไม่พอใจตัวเองที่ทำไมเป็นคนไม่มีความพยายามและไม่มีความเพียรอย่างจริงจัง หนูไม่อยากเป็นคนที่ประมาทในชีวิต ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะมีข้อคิด หรือข้อเตือนใจที่จะให้หนูได้นำไปปฎิบัติเพื่อขจัดความรู้สึกนี้ได้ไหมคะ รบกวนอาจารย์ช่วงชี้แนะให้ชีวิตหนูได้พบแสงสว่างด้วยนะคะ


    คำตอบ
    เมื่อใดที่ผู้ถามสามารถคุมวาจาให้เป็นสัมมาวาจาคือพูดไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด และไม่เพ้อเจ้อไร้สาระกับชีวิต ลดแบกภาระของผู้อื่น คือลดการเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเรื่องของตน ทำเป็นไม่เห็นเสียบ้าง ฯลฯ แล้วความขี้เกียจจะลดลง จะประพฤติเช่นนี้ได้ต้องเจริญสติให้มีกำลังมากยิ่งขึ้นด้วยการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน 40 ที่เหมาะกับจริต มาเป็นองค์บริกรรมทุกขณะที่จิตนึกได้ทุกขณะที่ว่างจากงานภายนอกที่ทำให้กับสังคมจนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นได้แล้วความขี้เกียจจะหายไป
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ดิฉันเคยไปปฏิบัติธรรมที่สำนักปฏิบัติธรรม (จำชื่อไม่ได้อยู่ จ.ฉะเชิงเทรา) 2 คืน 3 วัน และได้มาปฏิบัติต่อที่บ้านแต่ไม่ได้ทำทุกวัน นาน ๆ จะนั่งสมาธิ และเดินจงกรม แต่ดิฉันจะสวดมนต์คาถาชินบัญชรทุกคืน มีอยู่วันหนึ่งดิฉันได้นั่งสมาธิพอนั่งได้ซักพักเริ่มรู้สึกว่าในขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้นร่างกายค่อย ๆ หมุน และเริ่มหมุนเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ดิฉันพยามตั้งสติดูการหมุน และนึกในใจว่า หมุนหนอ หมุนหนอ แต่ก็ไม่หยุดหมุน ดิฉันจึงได้มาดูลมหายใจโดยใช้ภาวนาว่า พอง ยุบ ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ร่างที่นั่งสมาธิอยู่นั้นก็ยังหมุนอยู่เรื่อย ๆ ประมาณ 10 กว่านาที จนกระทั่งดิฉันคิดว่าจะถอนสมาธิแล้ว ดิฉันจึงอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และคนที่ดิฉันเคารพรัก แล้วค่อย ๆ ถอนสมาธิออก ร่างก็ค่อย ๆ เริ่มหมุนช้าลง ๆ และหยุดหมุน ตอนที่ไปปฏิบัติที่สำนักปฏิบัติธรรมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แต่เคยเป็นครั้งหนึ่งตอนที่ดิฉันสวดมนต์บทอิติปิโสเทาอายุแต่ตอนนั้นรู้สึกกลัว แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่งแล้วประกอบกับที่ดิฉันไปไปปฏิบัติธรรมมาเลยพอควบคุมสติได้บ้าง

    ดิฉันอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
    1.การที่ร่างหมุนขณะนั่งสมาธินั้น (ไม่ได้มองเห็นแต่รู้สึกได้ว่าร่างหมุนเร็วมาก) คืออะไร ดีหรือไม่ดีค่ะ
    2.ดิฉันต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป ถ้าหากว่านั่งสมาธิแล้วร่างหมุนอีก

    ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

    คำตอบ
    (1) ขณะนั่งเจริญสติเพื่อให้จิตเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วเกิดอาการหมุนของร่างกายแสดงว่าสติเคลื่อนออกจากองค์ภาวนาแล้วไประลึกรู้อาการหมุนของร่างเป็นสิ่งที่ไม่ดี

    (2) เมื่อใดจิตระลึกได้ในอาการหมุนของร่างต้องกำหนด “ หมุนหนอ ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ แม้จะเป็นจำนวนร้อยหรือหลายร้อยครั้งจนกว่าอาการหมุนจะหยุด แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หนูขอเรียนถามว่า หากเจอเงินหรือเหรียญเงินที่ตกอยู่ในที่สาธารณธะ สามารถที่จะเก็บมาเพื่อนำไปทำบุญ เช่นให้ต่อขอทาน หรือหย่อนในตู้บริจาคต่อได้หรือไม่ หนูไม่มีเจตนาที่จะเก็บมาเป็นของตน อย่างนี้จะผิดศีลและธรรมหรือไม่ อย่างไร ขออาจารย์ได้โปรดให้ความกระจ่างเพื่อป้องกันภัยเวรที่เกิดจากการู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยค่ะ

    หนูกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ที่สละเวลามาตอบคำถาม และหากมีสิ่งใดที่ได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ไปด้วยกายวาจาใจก็ดี ด้วยความไม่ตั้งใจก็ดี ขออาจารย์ได้โปรดให้อภัยและอโหสิกรรมให้หนูด้วยค่ะ

    ด้วยความเคารพอย่างสูง

    คำตอบ
    ที่ถามไปเป็นการกระทำที่ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรมทำแล้วควรอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นส่งไปให้กับเจ้าของทรัพย์ที่ตกหล่นไว้

    หากเป็นทรัพย์มีค่าและมีจำนวนมากต้องประกาศหาเจ้าของเพื่อส่งคืนเมื่อถึงเวลาที่สมควรแล้วยังไม่มีเจ้าของมาขอรับคืนจึงนำไปทำบุญดังที่บอกเล่าไปได้
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    1. พอดีดิฉันสวดมนต์บทมหาเมตตาใหญ่แล้วเจอคำบาลีบางคำที่เมื่ออ่านคำแปลแล้วก็ยังไม่เข้าใจความหมายรบกวนถามอ.ดังนี้คะ
    - ปาณะ บทสวดแปลว่าปาณา แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ
    - อัตตะภาวะประริยาปันนา บทสวดแปลว่า อัตภาพ แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ
    - วินิปาติกะ บทสวดแปลว่า วินิปาติกา แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ

    2. เรียนถามเรื่องการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
    - การนั่งกรรมฐานจริงๆแล้วเราต้องการผลลัพธ์คืออะไรคะ ฝึกจิตใจให้เราสงบ / เพื่อให้ได้บุญกุศล / หลุดจากวัฎสงสาร หรืออะไรกันแน่คะ ดิฉันเคยได้ยินว่าสามารถแก้กรรมหรือผ่อนกรรมได้ใช่ไหมคะ

    - การนั่งวิปัสสนากรรมฐานจำเป็นต้องเดินจงกรมหรือไม่ ดิฉันเคยไปฝึกที่วัด ท่านจะสอนให้เดินควบคู่กับการนั่ง แล้วดิฉันมาปฏิบัติเองที่บ้าน นั่งอย่างเดียว ไม่ได้เดินคะจะถือว่าไม่ครบสมบูรณ์หรือเปล่า

    - การเข้ากรรมฐาน 7 วัน จำเป็นต้องเข้าที่วัดอย่างเดียวหรือไม่ ถ้าทำที่บ้านจะได้หรือไม่

    - ดิฉันนั่งสมาธิมาประมาณ 1 เดือน มาระยะหลังๆรู้สึกว่าพอจิตเริ่มนิ่งแล้ว (แต่จิตยังไม่ว่างถึงขั้นเป็นสมาธิ) บริเวณหน้าผากมันจะหน่วงๆ ระยิบระยับบนหน้าผาก เหมือนมีพลังงานอะไรมารวมอยู่บริเวณหน้าผาก รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยว่าปรากฎการณ์นี้คืออะไร

    3. ศีลอุโบสถกับศีล 8 ต่างกันอย่างไรคะ และข้อเรื่องการประพฤติผิดในกามในศีล 5 และศีล 8 ต่างกันอย่างไรคะ

    ขอบคุณอาจารย์คะ

    คำตอบ
    (1) คำว่าปาณาหมายถึง สัตว์ที่มีลมปราณมีลมหายใจ มีชีวิต
    คำว่า อัตภาพ หมายถึงลักษณะความเป็นตัวตนหรือหมายถึงตน
    คำว่า วินิปาติกา หมายถึง สัตว์ที่ถูกทรมานหรือสัตว์ที่ตกอยู่ในที่ที่ปราศจากความเจริญ (อบาย)

    (2) การนั่งเป็นอิริยาบถหนึ่งของการฝึกกรรมฐานคือฝึกจิตให้มีความพร้อมที่จะทำงานระดับสูง ได้แก่ ฝึกจิตให้มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิและฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง นั่นคือเป้าหมายของการนั่งกรรมฐาน

    การฝึกกรรมฐาน (จิตตภาวนา) เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10และเป็นบุญสูงสุด เพราะเมื่อจิตเห็นแจ้งและเข้าถึงธรรมที่ทำให้พ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดได้แล้ว ผู้มีสภาวะของจิตเช่นนั้นสามารถนำพาชีวิตพ้นไปจากความทุกข์ได้

    บุญที่เกิดจากการฝึกกรรมฐานมีอานิสงส์มากสามารถอุทิศใช้หนี้เวรกรรมได้ดีกว่าบุญอย่างอื่น และเมื่อใดดับรูปดับนามเข้าสู่ภาวะนิพพานไปแล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือเป็นอันยกเลิก

    การฝึกกรรรมฐานสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถของมนุษย์ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ ฉะนั้นฝึกนั่งกรรมฐานเพียงอย่างเดียวแต่อิริยาบถอื่นไม่นำมาใช้ในการฝึก เท่ากับปล่อยโอกาสของการฝึกจิตให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

    การฝึกกรรมฐาน 7 วัน จะทำที่ไหนก็ได้ แต่สถานที่ใดมีความเหมาะสม (สัปปายะ) มากกว่า สถานที่นั้นให้ประโยชน์ในการฝึกจิตได้มากกว่า

    คำว่า สมาธิ มิได้หมายถึงจิตมีความว่าง แต่หมายถึงจิตที่มีความสงบตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน อาการที่เกิดขึ้นกับหน้าผากเป็นผลมาจาก จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับหนึ่งควรกำหนดว่า “ รู้หนอ ๆๆๆ ” กับอาการที่เกิดขึ้นกำหนดไปเรื่อย ๆ จนกว่า อาการระยิบ ระยับบนหน้าผากจะหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

    (3) ศีลอุโบสถหมายถึงศีล 8 ที่รักษาเป็นพิเศษในวันพระส่วนศีล 8 เป็นศีลที่ใช้ฝึกตนให้ยิ่งขึ้น

    ศีล 5 ข้อที่สาม เว้นจากการประพฤติผิดในกามหมายถึงเว้นจากการร่วมประเวณีกับหญิงหรือชาย ที่เจ้าของยังมิได้อนุญาตซึ่งในเรื่องอย่างเดียวกันนี้ มีปรากฏอยู่ในศีล 8 ให้เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์หมายถึงเว้นจากการร่วมประเวณีกับหญิงหรือชายที่เจ้าของอนุญาตแล้วหรือที่เป็นของตนตามนิตินัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...