ตอบปัญหาธรรม โดย ดร.สนอง วรอุไร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 พฤศจิกายน 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ดิฉันเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือธรรมของท่าน และมีปัญหาที่ไม่แน่ใจว่าถ้าทำไปแล้วจะถูกต้องหรือไม่ ดิฉันอยากลาออกจากงาน เพราะใจไม่สงบเหมือนตัวเองได้เข้าไปในบ่วงกรรม เนื่องจากบริษัทฯที่ ทำงานมักจะหาเรื่องหักเงินจากบริษัทฯที่รับจ้างอีกทอด โดยที่ดิฉันรู้แต่ก็พูดไม่ได้ ไม่ทราบว่าดิฉัน ควรจะทำอย่างไรดี

    กรุณาชี้ทางสว่างให้ด้วยค่ะ


    คำตอบ
    บริษัทที่ทำหน้าที่หางานให้ผู้อื่นทำเรียกว่าเป็นนายจ้าง บริษัทที่รับจ้างทำงานแทนบริษัทแทนบริษัทได้งาน เรียกได้ว่าเป็นลูกจ้าง เรื่องนี้จึงเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างนายจ้าง-ลูกจ้าง

    ปัญหามีอยู่ว่าการหักเงินของนายจ้างแต่ละครั้ง มีเหตุผลชอบธรรมลูกจ้างเข้าใจและยอมรับความจริง ไม่ถือว่าเป็นการเบียดเบียนแรงงานของลูกจ้าง ไม่เป็นบาป ในทางตรงกันข้าม การหักเงินลูกจ้างแต่ละครั้งไม่ตั้งอยู่บนเหตุผลของความชอบธรรม ลูกจ้างถูกนายจ้างเอาเปรียบค่าจ้างแรงงานอย่างนี้ถือว่าเป็นการเบียดเบียนแรงงานของลูกจ้างเป็นบาป

    ผู้ถามปัญหาอยู่ในฐานะทำงานให้กับบริษัทนายจ้าง ต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองว่า ถ้าปฏิสัมพันธ์ให้ผลเป็นอย่างในกรณีแรกก็สามารถร่วมวงจรกุศลกรรมต่อไปได้ แต่หากให้ผลเป็นอย่างในกรณีที่สอง ผู้ถามปัญหาต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่า จะร่วมวงจรอกุศลกรรมกับบริษัทที่ทำงานอยู่หรือไม่เพราะเมื่อใดอกุศลกรรมให้ผล ผู้ร่วมเบียดเบียนแรงงานต้องได้รับอกุศลวิบากของชีวิต ด้วยการไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ จึงขอยกตัวอย่างของผู้ที่ทำกรรมในลักษณะนี้ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นเล่าให้ฟัง เขาได้ตายจากโลกมนุษย์ลงไปเห็นผลกรรมของคนที่เคยทำกรรมเบียดเบียนแรงงานได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรกถูกบังคับให้ทำงานหนักโดยไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่กลางวันซึ่งต้องทำงานหนักไม่มีกลางคืนให้ได้พักผ่อน เขาไปเห็นสัตว์นรกถูกบังคับให้ทำงานหนักถ้าเมื่อใดหยุดทำงานจะถูกบริวารของยมบาลทำโทษถูกตีด้วยกระบองใหญ่จนล้มลุกคลุกคลาน ถ้าไม่ลุกขึ้นจะถูกตีจนต้องรีบลุกขึ้นมาทำงานอีก เขาไปเห็นสัตว์นรกรับโทษเช่นนี้อยู่นานถึง ๒ วัน ทั้ง ๆ ที่เวลาในโลกมนุษย์ผ่านไปได้เพียง ๕ นามี ผู้ตอบปัญหาจงนำมาบอกเล่าให้ผู้ถามปัญหา ได้นำเรื่องนี้ไปคิดพิจารณาด้วยตนเอง จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจให้กับชีวิตของตนเองได้ไม่ผิดพลาด
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1. พระอนาคามีบุคคลจิตละกิเลสกามแล้วเพราะเห็นโทษแล้วละได้ แต่ยังมีความ รู้สึกด้านทางกายภาพอยู่หรือไม่คะ หมายถึงทางกายยังรู้ถึงความกำหนัดแต่จิตมี กำลังเข้มกว่าไม่ทำให้ความต้องการนั้นลุไปได้

    คำตอบ
    เมื่อใดจิตเข้าถึงธรรมที่ละกามราคะได้แล้วความรู้สึกทางกายภาพจะไม่ปรากฏ สิ่งนี้เป็นคุณธรรมของพระอนาคามีคิดว่าตัวเองละกามราคะได้แต่ความรู้สึกทางกายภาพ (ความกำหนัด) ยังมีอยู่สภาวะเช่นนี้ยังไม่เข้าถึงธรรมของการเป็นพระอานาคามี


    2. คนที่จะบรรลุพระอนาคามีจำเป็นต้องเกิดวิปัสสนาญาณจากการเห็นร่างกายเป็นของอ สุภะทุกคนหรือไม่คะ เคยได้ยินครูบาอาจารย์เล่าว่าความรู้สึกทางกายมันหายไป เมื่อไรไม่รู้ ต้องลองนึกถึงที่จะให้จิตกำหนัดแล้วมันไม่เกิดจึงรู้ว่าละได้ แล้ว

    คำตอบ
    ปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาญาณ) จำเป็นต้องเกิดกับพระอนาคามีทุกคน


    3. คนที่ถอดกายทิพย์ไป ช่วงนั้นจิตวิญญาณอื่น สามารถเข้ามาอาศัยในร่างกายได้ หรือไม่คะ

    คำตอบ
    สามารถเข้าได้ แต่เมื่อเจ้าของเดิมกลับมาต้องออก


    4. ได้คุยกับท่านหนี่งเล่าว่า ท่านเกิดกามกิเลสแล้วท่านเลยมองตัวกิเลสนั้นแล้ว มันก็ดับวูบหายไป อันนี้เป็นมรรคหรือเปล่าคะ

    คำตอบ
    เป็นมรรค


    5. การเห็นเวทนาแล้วดับเวทนาด้วยมรรรค ไม่มีต้วอะไรชี้บอกว่าจะต้องเกิด วิปัสสนาตัวนี้อย่างนี้จึงบรรลุธรรมขั้นนี้ถ้าจะรู้ว่าการเกิดวิปัสสนาแต่ละ ครั้งเป็นการบรรลุธรรมขั้นไหนต้องดูว่าละอะไรได้บ้างใช่ไหมคะ
    ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ และขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์ให้ความสว่างแก่ปัญญา ค่ะ

    คำตอบ บรรลุธรรมขั้นไหนต้องดูว่าละอะไรได้บ้างใช่ไหม ตอบว่า คำว่าบรรลุธรรมขั้นไหนหากหมายถึงธรรมขั้นที่ทำให้กิเลสตัวนั้นเช่นความโกรธหมดไป ต้องตอบว่าใช่แต่หากหมายถึงธรรมขั้นที่ทำให้เป็นอริยบุคคลต้องดูว่าละกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเกิด (สังโยชน์) ได้กี่ตัว เช่นละสังโยชน์สัก 3 ตัว (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ก็บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ละสังโยชน์ได้ 5 ตัว (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ) ก็บรรลุธรรมขั้นอนาคามี ฯลฯ
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1.การที่ต้องอยู่ร่วมอาศัยกับผู้ที่ตำหนิ(คือแม่สามี)เราบ่อยๆ เป็นกรรมที่เราเคยก่อไว้หรือไม่ ถ้าหากว่าย้ายออกไป ไม่อยู่ร่วมกันอีก จะไปเจอกรรมที่หนักกว่านี้หรือไม่ (เพราะเพื่อนเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เก็บกดจนเป็นบ้าไปเลย) แปลว่าเราต้องอดทนต่อเค้าจนกว่าจะตายจากกันหรือไม่เพื่อให้หมดเวรต่อกัน

    คำตอบ
    เป็นกรรมที่เคยทำมาก่อนและได้ผูกเวร (ความแค้นเคือง ความปองร้าย ความคิดร้ายตอบแก่ผู้ทำร้าย) กันไว้ หากย้ายออกไปจะไปเจอกรรมที่หนักกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กรรมว่าเคยทำกรรมที่เป็นเวรผูกกันไว้หรือไม่ ถ้าไม่เคยก็ไม่เจอ แต่ถ้าเคยทำกรรมที่เป็นเวรผูกกันไว้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวจะเกิดการเบียดเบียนขึ้นได้อีก และจะให้ผลรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับแรงกรรม (เวร) ที่ได้ทำ


    ถ้าคุณเชื่อคำแนะนำของพระพุทธะ คุณต้องใช้หนี้เวรให้หมดไม่สร้างหนี้กรรมเวรขึ้นใหม่ แล้วเวรกรรมจึงจะมีโอกาสหมดไปได้

    2.ทุกครั้งหลังถูกตำหนิแล้ว จะเกิดอาการคิดมาก คิดวนไปวนมาในเรื่องเหตุผลที่ถูกตำหนิ ซึ่งคนอื่นไม่ถูกตำหนิ ไม่เข้าใจว่าทำไมถูกตำหนิคนเดียว เป็นอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น
    กราบขอบพระคุณอาจารย์สนองอย่างสูง

    คำตอบ
    ผู้ใดคิดวนไปวนมาถึงเรื่องที่ถูกตำหนิ แสดงว่าผู้นั้นมีกำลังของสติอ่อน แต่เมื่อใด พัฒนาจิตวิญญาณจนมีกำลังของสติกล้าแข็งได้แล้ว การคิดวนไปวนมาจะไม่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่คนอื่นไม่ถูกตำหนิ เพราะคนอื่นไม่ได้ทำกรรมที่เป็นเวรผูกไว้กับเขาผู้นั้น
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1.ถ้าบังเอิญไปเห็นลูกน้องของพี่ชายโกงเงินพี่ชาย ควรจะบอกให้พี่ชายทราบไหมคะ หรือจะวางอุเบกขา โดยถือว่ากรรมใครกรรมเค้า

    คำตอบ
    ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของผู้รู้จริง จึงไม่มีคำว่าบังเอิญทุกอย่างที่เกิดต้องมาจากเหตุที่ทำให้เกิด ในฐานะที่เป็นน้องและยังต้องร่วมสังคมวงศาคณญาติ ต้องตอบแทนคุณของพี่ชาย ด้วยการบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาทราบเพื่อเขาจะได้บริหารจัดการความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องผู้ไร้จริยธรรมของการเป็นลูกน้องที่ดี ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะถูกต้องตามโลกหรือถูกต้องตามธรรมก็เป็นเรื่องของพี่ชายคือต้องเลือกวิธีการด้วยตัวของเขาเอง



    2.ได้ใส่บาตรแถวบ้านในกรุงเทพฯ พระท่านแจกเงิน สิบบาท ยี่สิบบาทให้กับผู้ที่มาใส่บาตร โดยบอกว่าเป็นเงิน ปุกเสกเป็นเงินก้นถุง ดิฉันควรจะรับเงินนั้นหรือไม่คะ และควรจะใส่บาตรกับท่านอีกไหมคะ

    คำตอบ
    พระสงฆ์มีเจตนาที่ดี หวังทำทานด้วยการให้เงินก้นถุงเป็นทาน แก่ผู้ทำความดีด้วยการใส่บาตร คุณต้องรับไว้จะได้ไม่เป็นการตัดทางของผู้ให้ และควรใส่บาตรพระสงฆ์องค์นั้นต่อไป บุญที่เกิดจากการนำอาหารไปใส่บาตรได้เพิ่มพูนยิ่ง ๆ ขึ้น



    3.ถ้าเจอเงินเป็นหมื่นบาทใส่ถุงหล่นอยู่ข้างทางควรจะนำเงินนี้ไปให้ตำราจหรือนำเงินนี้ไปทำบุญหรือไม่ควรเก็บ ปล่อยไว้ที่เดิมดีคะ กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาตอบคำถามให้คะ

    คำตอบ
    ควรเก็บไว้แล้วประกาศหาเจ้าของเงินที่ทำตกหล่นด้วยสื่อต่าง ๆ ที่เหมาะสม หรือนำไปมอบเป็นทางการไว้กับตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาไว้เพื่อประกาศหาเจ้าของต่อไป
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    หนูมีปัญหาเกี่ยวกับคุณพ่อที่จะถามนะคะ คือคุณพ่อหนูเป็นคนจีน ตอนนี้อายุ 85 ปี ท่านแข็งแรงมาก และต้องเดินออกกำลังกายทุกวัน วันละ 2-3 รอบ แต่เวลาที่ท่านไปเดินออกกำลังกายนั้น ท่านจะต้องไปหยิบขนม, ผลไม้หรืออาหารรวมถึงน้ำดื่ม ที่เขาไหว้ตามศาลพระภูมิและบางแห่งที่ไหว้เจ้าที่ ท่านก็จะหยิบขนมหรือผลไม้ที่อยากกินใส่ถุงกลับมาบ้านทุกวันค่ะ ไม่ใช่ที่บ้านไม่มีให้ทานนะคะ หนูจัดอาหารให้ท่านทาน 3 มื้อ แล้วก็จัดผลไม้แบบปลอกเปลือกเรียบร้อยแล้วให้ทาน ท่านก็ทานทุกวัน แต่ท่านชอบกินขนมและน้ำดื่มที่ท่านหยิบมา (ซื้อมาให้แบบเหมือนกันท่านก็ไม่กิน) และบางครั้งก็ชอบทานอาหารที่ค้างไว้หลายวันมาก โดยอ้างว่า เพื่อนให้มา เพราะบางวันก็มีอาหารคาวที่เกือบจะเสียอยู่แล้วกลับมา ท่านก็ชอบทาน ส่วนผลไม้นั้นเอามาก็ไม่ได้ทานเพราะหนูจัดไว้ให้ทานอยู่แล้ว (คือทานไม่ทัน) ก็จะเน่าเสียทุกครั้ง และโดยเฉพาะวันพระ จะมีกลับมาเยอะมาก หนูอยากถามท่านเป็นข้อๆ นะคะ

    1. การที่ท่านหยิบของไหว้หรือกินของที่เขาไหว้เจ้าที่ไว้นั้น แต่บางครั้งก็เหมือนมีคนให้มาโดยเขาจัดใส่ถุงไว้ให้แล้ว ท่านจะบาปหรือไม่คะ แล้วเป็นกรรมอะไรคะท่านถึงได้เป็นแบบนี้

    คำตอบ
    รับของที่คนมอบให้เป็นทาน ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่การไปเอาของที่เจ้าของยังมิได้อนุญาตมาเป็นของตนโดยพลการถือว่าละเมิดศีลข้อ 2 เป็นบาป เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะความเห็นผิดจากธรรมยังมีอำนาจอยู่เหนือจิตใจ


    2. ผลไม้หรือขนมที่เน่าเสียแล้ว หนูเก็บไปทิ้งโดยไม่บอกท่านหนูจะบาปไหมค่ะ

    คำตอบ
    บาปเพราะไปเอาสิ่งของของผู้อื่นไปทิ้งโดยยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ แต่หากเจ้าของผลไม้เน่าอาหารบูดเน่าได้นำไปใส่ไว้ในภาชนะทิ้งของแล้วคุณสามารถนำไปทิ้งได้โดยไม่เป็นบาป


    3. ความประพฤติของท่านแบบนี้ ในส่วนหนูที่เป็นลูก หนูต้องทำอย่างไรค่ะ (เพราะบางครั้งหนูก็โกรธท่านที่นำของไหว้กลับมา แล้วก้อชอบรับประทานอาหารที่เสียๆ นะค่ะ)
    ทุกวันนี้หนูก็สวดมนต์ไหว้พระ เช้า-เย็น แล้วนั่งสมาธิทั้งตอนตื่นนอนและก่อนนอน ประมาณ ครึ่งชั่วโมง และแผ่เมตตาให้ บิดา-มารดา รวมถึงญาติเปตา และสรรพสัตว์ทั้งหลาย และบางครั้งก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดบ้าง ถึอศีลอุโบสถบ้าง แบบนี้ถูกต้องไหมค่ะ หนูปฏิบัติมาได้ 6 เดือนแล้ว

    คำตอบ
    ในฐานะเป็นลูกควรให้ความเห็นที่ถูกต้องกับท่านหากท่านเชื่อแล้วทำตามที่คุณแนะนำจะเป็นบุญเกิดขึ้นกับทั้งพ่อและลูก ดังตัวอย่างของวิมลโกญทัญญะ ได้แนะนำแม่อัมพปาลีที่ดำเนินอาชีพเป็นหญิงงามเมือง (โสเภณี) ว่าเป็นบาปควรเลิกอาชีพนั้นเสีย แม่เชื่อแล้วทำตามและยังได้นำตัวเองมาประพฤติปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์ได ้หากคุณได้แนะนำพ่อแล้วท่านไม่เชื่อคุณต้องปล่อยวางเพราะชีวิตเป็นของท่านต้องเลือกและนำพาชีวิตด้วยตัวท่านเอง

    ส่วนความเห็นในเรื่องของการบริโภค มนุษย์ผู้มีความเห็นถูกเห็นว่า บุหรี่สูบแล้วให้โทษแต่ยังมีมนุษย์อีกจำนวนมากเห็นว่าบุหรี่เป็นสิ่งมีคุณ สูบแล้วสบายอารมณ์มีความสุขจึงยังคงสูบอยู่ เช่นเดียวกันผลไม้เน่าอาหารบูดเสียพวกหนอน พวกแร้งกินซากศพเน่ารวมถึงมนุษย์บางคนเห็นว่าบริโภคแล้วมีคุณ จึงยังจำเป็นต้องกินอาหารบูดเน่าอยู่เพราะบริโภคแล้วไม่เกิดโทษทั้งยังทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอีกด้วย ผู้รู้จึงยอมรับและเคารพความเห็นของคนอื่น

    เรื่องพฤติกรรมที่บอกเล่าไปหากทำแล้วเกิดผลดีจงทำต่อไป และหากเมื่อใดสามารถนำจิตวิญญาณเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้แล้วคุณสามารถให้คำชี้แนะที่ดีต่อผู้อื่นได้ สามารถปล่อยวางเรื่องของคนอื่นได้ แล้วจะไม่เป็นทุกข์
    หนูจะถามคำถามเกี่ยวกับคุณแม่หนู 1 ข้อนะคะ


    4. คุณแม่หนูเสียชีวิตมาได้ ประมาณ 8 ปีแล้ว เมื่อก่อนก็ฝันเห็นท่านบ้าง แต่หลังจากที่ปฏิบัติธรรม หนูฝันถึงท่านคือฝันว่าได้จูงมือท่านเข้าไปในโบสถ์ ที่มีพระภิกษุสงฆ์หลายรูปกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ ในฝันท่านรู้สึกกลัวๆ แต่หนูก็จูงมือตั้งแต่หน้าประตูเข้าไปถึงในโบสถ์และจัดให้ท่านนั่งฟังพระสวดอยู่ข้างหลังพระเลย แบบนี้หมายถึงท่านไปดีแล้วใช่ไหมค่ะ

    คำตอบ
    นิมิตเห็นสิ่งดี เป็นเครื่องบ่งชี้ภพที่สัตว์ไปเกิด (คติ) ดี
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    เวลาหนูนั่งฟังธรรมอย่างตั้งใจ ด้วยจิตสำรวม มีความเคารพและศรัทธาครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก แต่มักจะเกิดอาการจิตก้าวร้าวและคิดไม่ดี เช่น นั่งฟังธรรมของหลวงพ่อสนองกตปุญโญ นั่งฟังอย่างตั้งใจ ห่างจากท่านประมาณ 1 เมตร แต่พอนั่งฟังธรรมได้ประมาณ 2 ชั่วโมง หยิบก้อนหินเล่นไปมาได้ซัก 3-4 ครั้ง จิตก็นึกถึงการเควี้ยงก้อนหินก้อนนั้นไปทางครูบาอาจารย์ ทั้งๆที่ไม่มีความตั้งใจในการทำอย่างนั้น แต่มันมีความคิดนั้นเกิดขึ้น ทั้งๆที่หนูมีความเคารพครูบาอาจารย์เป็นอย่างมากและหนูก็ต้องงงกับความคิดของตังเองว่าทำไมความคิดนี้มันผุดมาได้อย่างไร ( เฉพาะเวลาตั้งใจมากๆแต่ถ้าฟังธรรมปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร ค่ะ )

    1. หนูควรจะต้องทำอย่างไรค่ะ ? เพราะหนูก็กลัวบาปมากๆค่ะทั้งๆที่หนูไม่มีความตั้งใจในการทำอย่างนั้น แต่จิตมันแวบคิดในทางไม่ดี ซึ่งหนูก็รู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ถ้าคิดอย่างนั้น ก็จะเป็นบาปมหันต์ ต้องตกนรก

    คำตอบ
    เหตุที่ไประลึกรู้เรื่องขว้างปาก้อนหิน เป็นอกุศลกรรมเก่าที่เคยประพฤติมา แล้วจิตเก็บบันทึกกรรมชั่วไว้เป็นสัญญา เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจนถึงระดับไประลึกรู้ถึงสัญญาเก่าที่ถูกเก็บฝังไว้ในจิต วิธีแก้ปัญหา ต้องนำพวงมาลัยดอกไม้สดเช่นพวงมาลัยมะลิสดใส่ลงในพานแล้วไปขอขมากรรมต่อหลวงพ่อที่คุณไปฟังธรรมจากท่าน เมื่อท่านเอ่ยปากยกโทษให้เวรกรรมเรื่องขว้างปาผู้ทรงศีลจะหมดไป


    2. หรือว่าชาติก่อนๆหนูเป็นอย่างไรค่ะ ? ถึงมีความคิดที่ไม่ดีแวบซึ่งหนูเองก็ยังตกใจกับตัวเอง จึงต้องนั่งคล้ายสะกดจิตตัวเองและท่องอยู่ในใจว่า มนุษย์ ต้องคิดดี พูดดี และทำดี และไม่เกร็ง ทำจิตให้สบายๆ เหมือนอิริยาบถปกติ จิตจึงผ่อนคลายดีขึ้น

    สุดท้ายขออำนาจคุณพระรัตนตรัย จงช่วยปกป้องและคุ้มครองท่าน ด.ร สนอง วรอุไร ให้มีความสุขความเจริญ และอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ของชาวมนุษย์นานๆ ค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

    คำตอบ
    ชาติก่อนเป็นคนขาดสติ จึงคิดและทำไม่ดีกับผู้ทรงคุณธรรม ชาตินี้มีสติจึงระลึกได้ถึงแรงกรรมไม่ดีที่ทำไว้ ควรต้องรีบแก้ไข
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1. การสำเร็จความใคร่โดยไม่ได้ไปเที่ยวผู้หญิง ถือว่าผิดศีลห้าไหมครับ และมีผลต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมอย่างไร

    คำตอบ
    การทำกรรมสามารถทำได้ 3 ทางคือ มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรม ไม่ผิดศีล 5 แต่ผิดธรรม ตรงที่ว่าจิตตกเป็นทาสของกามราคะ หากราคะยังมีกำลังกล้าแข็งมีอำนาจอยู่เหนือจิตใจทำให้ใจไม่สงบเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้


    2. ผมตั้งใจรักษาศีลห้ามาได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้วครับ เวลาทำสมาธิซักพักจะเกิดอาการตึงบริเวณด้านในใบหน้าบริเวณจมูก และรู้สึกว่าลมหายใจเริ่มมีแรงดันแปลกๆ เหมือนลมหายใจรวมตัวเป็นลำมากระแทกจมูกเวลาหายใจออก ผมมักจะเริ่มเกิดอาการนี้เมื่อนึกเห็นภาพพระสว่าง 3จุดในหัว ในอก และในท้อง ควบกับการรู้ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา นะมะพะธะ ไปซักพัก แล้วจะรู้สึกสายลมหายใจเข้าออกสั้นลงแต่ไม่ถึงกับลมดับ คำถามคือความรู้สึกที่เกิดแบบนี้ที่มันรู้สึกหนักๆแน่นๆในจมูกนี้ ผมปฏิบัติผิดทางหรือเปล่าครับ ความรู้สึกจริงๆของการเข้าถึงฌานลึกจริงๆควรจะรู้สึกเบาสบาย ไม่หนักแบบนี้ใช่ไหมครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ

    คำตอบ
    หากปฏิบัติธรรมแล้วเกิดอาการติดลบ เช่นความรู้สึกหนัก ๆ แน่น ๆ ในจมูก แล้วยังปล่อยให้อาการเช่นนี้ยังคงอยู่ การปฏิบัติธรรมจะไม่ได้ผลก้าวหน้า ถือว่าได้เป็นการปฏิบัติที่ผิดทาง วิธีแก้ไข เมื่อใดที่มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นต้องกำหนดว่า “ หนักหนอ ๆ ๆ ” จนกว่าอาการหนักจะหายไป เช่นเดียวกันเมื่อเกิดอาการแน่น ต้องกำหนดว่า “ แน่นหนอ ๆ ๆ ๆ ” จนกว่าอาการแน่นหายไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

    ส่วนการที่จิตพัฒนาเข้าสู่องค์ฌานจะไม่มีอาการเช่นนี้ปรากฏแต่มีอารมณ์ฌานเกิดขึ้น มีอารมณ์ฌานเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับระดับของฌาน ทุกระดับของรูปฌานจะมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว (เอกัคคตา) เป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็นฌานของจิต


    3.ในหนังสือทางเอกนั้น ผมสนใจเรื่องการตั้งคำอธิษฐานมาก เพื่อประสบความสำเร็จในการปฏิบีติธรรมมาก ผมสนใจเรื่องการสร้างเหตุให้ตรงกับเรื่องที่อธิษฐานและการอ้างสัจจะประกอบการอธิษฐาน ผมขอเรียนถามว่า ถ้าสิ่งที่ผมจะอธิษฐานขอเป็นข้อ 3.1 ถึง 3.5 การอธิษฐานข้อใดที่ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขในวิธีการด้านล่างแล้ว จะมีโอกาสสำเร็จสูงสุดครับ สาเหตุที่ผมถามเพราะผมไม่อยากอธิษฐานแล้วไม่สำเร็จกลัวว่าจิตจะตกครับ

    วิธีการ
    -ถ้าผมทำสมาธิให้เข้าฌานสูงสุดเท่าที่ผมทำได้ จนเห็นภาพพระสว่าง และอาการลมหายใจเกิดเหมือนที่ผมอธิบายข้างบน
    -แล้วอ้างสัจจะที่ได้ถวายปัจจัยสร้างพระพุทธรูปของสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว 30 วันต่อเนื่องและจะทำไปตลอดชีวิตตามสัจจะ

    -เพื่อ
    -3.1. ขอเห็นนิมิตรคำตอบของคำถามที่ว่าผมเคยอธิษฐานพุทธภูมิหรือสาวกภูมิ
    -3.2. ขอเห็นนิมิตรคำตอบของคำถามว่า ถ้าผมตายตอนนี้จะไปไหน เพื่อขอทราบผลการปฏิบัติธรรมในปัจจุบันของตนเอง
    -3.3. ขอเห็นนิมิตรภาพพระพุทธรูป ที่จะเป็นพุทธนิมิตรให้ผมจับภาพพระนั้นจนสามารถเข้าถึงฌานสี่ละเอียดได้เร็วที่สุด
    -3.4. เพื่อขอทราบคำตอบของคำถามที่ว่า อายุขัยของคุณพ่อคุณแม่ผมจะถึงเมื่อไหร่ ผมจะได้เร่งรัดให้ท่านปฏิบัติธรรมได้ถูกจังหวะ
    -3.5. ขอให้เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตัดรอนชีวิตของคนที่ผมอยากช่วย ให้อโหสิกรรมให้คนที่ผมอยากช่วย แลกกับการอุทิศผลบุญจากสังฆทานที่ผมจะไปทำวันพรุ่งนี้

    ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าพี่สนองจะสงเคราะห์ตอบคำถามผมหรือไม่ก็ตาม ผมกราบขออำนาจพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ จงบันดาลบุญและภูมิธรรมทั้งหมดที่ผมได้เคยทำมาดีแล้วในทุกๆชาติและที่จะได้ทำต่อไปในอนาคต ให่สำเร็จแด่พี่สนองและคนในครอบครัวพี่ เพื่อให้เข้าสู่พระนิพพานกันในชาตินี้เทอญ :)


    คำตอบ
    ก่อนตอบปัญหา ต้องเข้าใจก่อนว่าขณะจิตพัฒนาเข้าสู่ความเป็นฌาน ไม่สามารถอธิษฐานใดๆ ได้ เพราะจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ของฌานเมื่อใดถอนจิตออกจากฌาน จึงสามารถใช้พลังจิตไปทำสิ่งต่าง ๆ ได้

    ข้อ 3.2 มีโอกาสสำเร็จได้ง่ายที่สุด เพียงแต่ว่าพัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะ แล้วดูที่ต้นเหตุที่ทำเป็นปกติอยู่ในปัจจุบัน สามารถรู้ผลว่าตายแล้วตัวเองมีโอกาสไปเกิดที่ไหน

    ส่วนข้อ 3.5 สำเร็จได้ยากที่สุด เพราะเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่นมีจำนวนมากเกินที่จะนับได้ เจ้ากรรมนายเวรจะยกเลิกการจองเวรให้หรือไม่นั้น ไม่มีใครแม้แต่พระพุทธะยังไม่สามารถก้าวล่วงได้
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1. เมื่อสมัยข้าพเจ้าเรียน ปวช. เคยสนใจเรื่องการนั่งสมาธิ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งสมาธิได้สักพัก ลองเอามือสองข้างมาถูกัน ปรากฏว่า ฝ่ามือทั้งสอง ขยายออกเองอัตโนมัติ เมื่อลองดันมาเข้าหากันจะรู้สึก เหมือนมีอะไรซักอย่างมีแรงต้านกันอยู่ เหมือนมีลูกบอลตรงฝ่ามือ ครับ ปัจจุบันก็ยังสามารถทำได้ และเคยให้นักเรียน ในชั้นเรียนบางคน ลองกลับไปทำที่บ้าน แล้วเด็ก ๆ ก็ตื่นเต้นใหญ่ แต่เราไม่สามารถอธิบายได้ อยากเรียนถาม ท่าน ดร.ครับว่า สิ่งนี้คืออะไรครับ

    คำตอบ
    สิ่งนั้นคือพลังของจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิคนหลงจำนวนมากใช้พลังสมาธิ (พลังฝ่ามือ) ไปแสดงการจับหลอดฟลูออเรสเซนท์ให้สว่างใช้พลังฝ่ามือสับอิฐให้แตกหัก ใช้พลังฝ่ามือต่อสู้ศัตรูใช้พลังฝ่ามือรักษาโรคทางกาย ฯลฯ ทั้งหมดยกตัวอย่างเป็นการใช้พลังสมาธิไปใช้ทางที่ผิด (มิจฉาสมาธิ) ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำให้แสดงเพราะไม่ทำให้พ้นไปจากทุกข์ได้


    2. ข้าพเจ้ามีความสนใจด้านธรรมะพอสมควร ชอบอ่านและศึกษาธรรมะเป็นชีวิตจิตใจ แต่รู้สึกว่าตนเองหลงในกามอารมณ์มากเกินไป พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม ก็ช่วยได้บ้าง ครับ ไม่ทราบว่า ตรงนี้มีกรรมใดถึงละเว้นได้ยากนัก

    คำตอบ
    กรรมที่ทำคือปล่อยให้กิเลสเข้ามามีอำนาจเหนือใจเหตุเพราะไม่พัฒนาใจให้มีกำลังกล้าแข็ง


    3. ข้าพเจ้าสะสมหนังสือธรรมะและแผ่นซีดีธรรมะไว้มาก บางเล่มก็ยังไม่ได้อ่าน ซีดีบางแผ่นก็ยังไม่ได้ดู จึงนำหนังสือที่ได้รับแจกมานี้ เอาไปมอบให้ผู้อืนอีกที เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้นได้ ส่วนซีดี ข้าพเจ้าก็นำไปตั้งแจกไว้กับหนังสือสวดมนต์ที่ข้าพเจ้าเย็บเล่มเอง ไปวางไว้ในวัด โดยทำป้ายว่า หนังสือแจกฟรี อยากเรียนถามท่าน ดร.ว่า การที่เรามีเจตนาจะให้ทาน แต่ไม่ได้ระบุผู้รับ คือ วางไว้ให้ผู้สนใจหยิบไปได้เลย ฟรี แบบนี้ จะได้กุศลมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับการเจตนามอบให้เป็นรายบุคคล ครับ

    ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ ท่าน ดร.ไว้ล่วงหน้าครับ

    คำตอบ
    การกระทำแบบนี้ คือการให้ธรรมะเป็นทานแก่คนหมู่มากได้บุญมากกว่ามอบธรรมให้เป็นราย ๆ แต่ทั้งสองยังได้ไม่มากเท่ากับเอาธรรมะที่มีอยู่ในหนังสือหรือมีอยู่ในแผ่นซีดี มาบรรจุไว้ในใจของตัวเองได้เมื่อไร จะเป็นบุญสูงสุด
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ดิฉันเริ่มปฏิบัตธรรมที่บ้านมาได้ ๖ เดือน คือดิฉันจะสวดมนต์ประมาณ ๒๐ นาที จากนั้นก็เดินจงกรม ๒๐ ถึง ๓๐ นาท และก็นั่งสมาธิต่ออีก ๑๕ ถึง ๒๐ นาที สามเดือนแรกการปฏิบัติมีการก้าวหน้าเรี่อยๆ ดิฉันมีสมาธิมากขึ้น และก็มีความจำดีขึ้นด้วย แต่หลังจากที่ดิฉันได้พยายามที่จะนั่งสมาธิให้ได้นานขึ้นคือประมาณ ๓๐ นาทีถึง ๔๕ นาที ดิฉันก็จะมีอาการปวดหัว ยิ่งพอตกเย็นก็จะรู้สึกปวดหัวมาก และก็ปวดที่ท้องด้วย ดิฉันคิดว่าคงจะพยายามเกินไป จึงได้เกิดความเครียด ดิฉันจึงลดการนั่งสมาธิให้น้องลง และก็เดินจงกรมให้มากขึ้น อาการปวดหัวก็หายไป แต่แปลกตรงที่ว่าตอนเย็นดิฉันจะรู้สึกปวดท้อง แต่พอเช้ามาก็ไม่มีอาการดังกล่าวอีก เป็นแบบนี้อยู่หลายอาทิตย์แล้ว เวลาเกิดอาการปวดท้อง ดิฉันพยายามกำหนดว่าปวดหนอ ปวดหนอ แต่อาการก็ไม่หายไป

    ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร และทำอย่างไรอาการเหล่านี้ถึงจะหายไป และดิฉันจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปเพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

    กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง


    คำตอบ
    ปวดท้องต้องไปหาหมอให้หมอค้นดูต้นเหตุที่ทำให้ปวด และประสงค์ให้เกิดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม ต้องลดความพยายามลงให้เหลือเท่าครั้งแรก ๆ ที่ปฏิบัติแล้วได้มรรคผลคือมีสมาธิมากขึ้นมีความจำดีขึ้น นั่นเป็นมัชฌิมาปฏิปทาของคุณ ต่อเมื่อจิตมีพลังมากขึ้น ระดับมัชฌิมาปฏิปทาจะเพิ่มขึ้นเองเป็นอัตโนมัติ
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมมะแล้ว ยังไม่เข้าใจในเรื่องต่อไปนี้
    ๑. เมื่อตายแล้ว เข้าใจว่าวิญญาณออกจากร่าง ถ้าเป็นวิญญาณดังว่าจะมีกี่วิญญาณ โดยเฉพาะชาวจีน จะมีพิธีมากมายเกี่ยวกับวิญญาณ เช่น ขณะทำพิธีกงเต๊ก ผู้ทำพิธีก็บอกว่านำวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์ วันร่งขึ้นก็นำศฯพไปฝังยังหลุมฝังศพ เมื่อทำพิธีฝังก็นำวิญญาณมากราบไหว้บูชาที่บ้านอีกโดยมีป้ายชื่อของผู้ตายตั้งไว้ วิญญาณอยู่ที่ใด หรือสามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ คล้ายมีกายทิพย์

    คำตอบ
    อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะแล้วยังไม่เข้าใจเรื่องของชีวิตได้ถ่องแท้ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการอ่านอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้

    วิญญาณคือ การรู้แจ้งอารมณ์หรือคือจิต ที่ถามว่าวิญญาณออกจากร่าง นั่นหมายถึงจิตออกจากร่าง มีเพียงจิตเดียว แต่ละการเกิดดับของพลังงานจิต สามารถทำงานได้การเกิดดับของจิตเร็วมากจึงทำงานได้หลายอย่างเช่น ไปรู้อารมณ์ทางตา (จักษุวิญญาณ) ไปรู้อารมณ์ทางหู (โสตวิญญาณ) ไปรู้อารมณ์ทางลิ้น (ชิวหาวิญญาณ) ฯลฯ คนที่เข้าไม่ถึงความจริงแท้จึงเข้าใจว่ามีหลายวิญญาณ (มีหลายจิต) แต่นักปฏิบัติธรรมที่เข้าฌานได้แล้วเกิดอภิญญาไประลึกรู้ชาติหนหลัง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) จะรู้เห็นเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแต่ละภพที่ตนไปเกิดมีเพียงรูปนามเดียว เช่นเดียวกันรูปนามที่เป็นทิพย์ ที่ไปเกิดในภพที่มีอิสระในการโคจร สามารถไปในที่ต่าง ๆ ได้ตามศักยภาพที่ตนมีเช่นเทวดา แต่รูปนามทิพย์ที่ไปเกิดในอบายภูมิบางภพหมดโอกาสโคจรเพราะเสวยอกุศลวิบากถูกจำกัดบริเวณก็หมดโอกาสโคจร บางภพเปิดโอกาสให้สัตว์โคจรได้ค่อนข้างจำกัด ด้วยเหตุนี้วิญญาณจึงมีอยู่ในทุกภพ นับแต่เบื้องต่ำสุด(สัตว์นรก) จนถึงภพสูงสุด (พรหม)


    ๒. ที่ว่าคนทำบาปจะต้องตกนรกตามแต่กรรมของแต่ละคน การรับกรรมของคนตกนรกเป็นเช่นใด บางเล่มที่ได้อ่านมา หรือตามที่คนมักจะกล่าวถึงเสมอ เช่น ถูกเหล็กแหลมแทงบ้าง ถูกสุนัข/อีกา กัด/จิกบ้าง เป็นต้น จิตหรือวิญญาณนั้นมีรูปร่างอีกหรือ

    คำตอบ
    คนทำบาปต้องถามว่า ทำบาประดับไหน เช่นทำบาปด้วยการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดกาม ฯลฯ ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้ทำบาปด้วยการกล่าววาจาลบหลู่ผู้มีคุณธรรม ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นเปรตได้
    ฯลฯ

    การรับผลกรรมของสัตว์นรก แตกต่างกันตามชนิดของกรรมที่ทำตัวอย่างเพระเทวทัต รับผลกรรมในนรกด้วยการถูกตรึงให้อยู่ในท่ายืนด้วยเหล็กแหลมเสียบร่างกาย พระเจ้าอชาติศัตรูรับผลกรรมในนรก ด้วยการถูกต้มอยู่ในหม้อนรก ที่มีของเหลวเดือดอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกที่ถูกใช้ให้ทำงานไม่มีวันพักผ่อนเหตุเพราะสมัยเป็นมนุษย์คดโกง เบียดบังแรงงานคนอื่น ฯลฯ

    จิตหรือวิญญาณ เมื่อออกจากร่าง (ตาย)แล้วจะต้องโคจรไปเกิดอยู่ในร่างใหม่ (ปฏิสนธิ) ได้รูปนามเป็นสัตว์ในภพต่าง ๆ ตามกรรมที่ตนเองทำเอาไว้


    ๓. เพชณฆาตก็ดี ตำรวจก็ดี หรือแม้แต่ทหารที่ทำสงครามก็ดี จะต้องมีการฆ่ากันตาย จะต้องรับกรรมด้วยหรือไม่

    คำตอบ
    ผู้ใดทำกรรมไม่ว่าดีหรือชั่ว กรรมจะถูกเก็บบันทึกไว้ในจิตของผู้ทำกรรมเมื่อใดกรรมให้ผล ผู้ทำกรรมย่อม ได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน


    ๔. นายนิรยบาล (น่าจะเป็นยมบาล) เป็นผู้คุมกฎแห่งกรรม จะมีโทษหรือชดใช้กรรมหรือไม่

    จึงกราบเรียนมายังอาจารย์โปรดให้คำชี้แนะด้วยครับ


    คำตอบ
    คำว่า “ นิรยบาล ” กับคำว่า “ ยมบาล ” หมายถึงผู้ลงโทษสัตว์นรก ผู้ลงโทษสัตว์นรกถ้าประพฤติได้ถูกตรงตามหน้าที่ และสัตว์นรกยอมรับผลของกรรมที่ตนเองทำจะไม่มีการจองเวรเกิดขึ้น ผู้ลงโทษสัตว์นรกไม่ต้องรับโทษ

    แต่ถ้าผู้ลงโทษไม่รู้แน่ชัด แล้วไปลงโทษผู้ที่มิได้ทำความผิดเกิดมีการจองเวรเกิดขึ้น ผู้ลงโทษต้องได้รับโทษแห่งการทำหน้าที่นั้นตัวอย่างเช่น มูคผักขะกุมาร (พระเตมีย์ใบ้) อดีตเคยเกิดเป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี ได้ตัดสินโทษประหารชีวิตแก่นักโทษ เมื่อกรรมให้ผล ตนเองต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์นรกยาวนานถึงแปดหมื่นปี เมื่อพ้นโทษในนรกแล้วจึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ชื่อว่ามูคผักขะราชกุมาร ได้ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตของตนจึงได้อธิษฐานเป็นใบ้ เหตุเพราะไม่ประสงค์จะสืบต่อราชบัลลังก์ เป็นพระเจ้ากรุงพาราณสีต่อจากพระบิดา หรือในอดีตตัวอย่างหนึ่ง คือเรื่องของคุณหมออาจินต์ อดีตเคยเป็นราชมัล ทำหน้าที่ทรมานนักโทษด้วยการใช้เครื่องบีบขมับให้ยอมสารภาพความผิด ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์นักโทษจึงได้ผูกเวรได้ ผลที่ตามมาคือ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติปัจจุบันท่านต้องรับอกุศลวิบาก ด้วยการปวดศรีษะอย่างแรงยาวนาน
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ผมได้ฝึกปฎิบัติสติปัตฐานสี่ตามแนวของหลวงพ่อ จรัญ วัดอัมพวันอยู่เสมอ มีปัญหาจะรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยดังนี้

    1. ลูกสาวอายุได้ 3เดือน มีปัญหาเป็นโรคลิ้นหัวใจไม่แข็งแรงและผนังหัวใจรั่ว ถ้าผมปฎิบัติกรรมฐานบ่อยๆ แล้วแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของลูกสาว จะช่วยให้ลูกสาวหายป่วยได้หรือไม่ ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

    คำตอบ
    ปฏิบัติกรรมฐาน (ภาวนา) เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดปฏิบัติได้มรรคผลแล้ว จะเกิดเป็นบุญสูงสุดผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญกุศลให้ผู้อื่นได้ ส่วนเขาจะรับอนุโมทนาหรือไม่นั้น เป็นสิทธิ์ของเขาไม่มีใครไปบังคับให้เขารับหรือไม่รับอนุโมทนาได้

    ส่วนเมตตาเป็นคนละเรื่องกับบุญเมตตาเป็นบารมีเป็นความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดขึ้นได้ด้วยการให้อภัยเป็นทานเครื่องบ่งชี้ความมีเมตตาคือ ความสงบและเย็น (ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด) เกิดมีอยู่ในจิตวิญญาณของผู้มีเมตตา และเช่นเดียวกัน ผู้ใดมีเมตตาสามารถแผ่เมตตาให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นได้ ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นรับอนุโมทนนาเมตตาจากผู้แผ่ให้แล้วความเป็นศัตรู ความผูกพยาบาล จองเวรจะไม่เกิดขึ้น


    2. การตั้งจิตอธิฐานทุกๆครั้งในการทำบุญและปฏิบัติกรรมฐาน ให้ถึงพระนิพพานในกาลอันควร เป็นการอธิฐานที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร

    คำตอบ
    เป็นการอธิษฐานที่ถูกต้อง สำหรับผู้ปรารถนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากสังสารวัฏ เมื่ออธิษฐานแล้วต้องทำใจให้มีศีลและสัจจะคงอยู่ และสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรง คือพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งไปกำจัดกิเลส ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดาน (อนุสัย 7) หรือกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเกิด (สังโยชน์ 10) ให้หมดไปจากใจได้เมื่อไรแล้วคำอธิษฐานให้ถึงซึ่งพระนิพพานจึงจะเกิดเป็นจริงได้


    3. การปฎิบัติกรรมฐานที่บ้านด้วยตนเอง จะต้องไปสอบอารมณ์กับพระอาจารย์หรือไม่

    คำตอบ
    หากบุญบารมีสั่งสมมามากพอ สามารถปรับแก้ไขสิ่งผิดพลาดในการกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้ ดังเช่นพระปัจเจกพุทธะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่หากบุญบารมียังอ่อนจำเป็นต้องสอบอารมณ์กรรมฐานกับครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และเป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม


    4. ผมต้องการร่วมทำบุญโรงทานให้พระที่ออกจากสมาบัติที่อาจารย์เคยพูดไว้ จะทำได้อย่างไรครับ

    คำตอบ
    หากปรารถนาจะร่วมบุญกับการจัดตั้งโรงทานตามที่ถามไปทุกต้นเดือนกุมภาพันธ์ของปี โปรดสอบถามได้โดยตรงกับผู้มีประสบการณ์หรือถามไปทางชมรมกัลยาณธรรมน่าจะให้คำตอบที่ถามไปได้
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    1. คุณแม่เป็นผู้ป่วยจิตเภท รักษาตัวและทานยามาตลอด สามารถดูแลตัวเองได้ แต่ปัญหาคือเมื่อมีใครมาพูดว่าหรือแสดงทีท่าว่าไม่พอใจการกระทำของท่าน บางครั้งแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะโกรธและหลายครั้งก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะด่าทอและขว้างปาข้าวของ โวยวาย อาละวาด และมักจะโทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนบ้านบ้าง พี่น้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะโทษว่าเป็นความผิดของลูกว่าไม่ดูแลเอาใจใส่ ตัวดิฉันเองไม่ได้อยู่กับท่านเพราะทำงานอยู่ที่จังหวัดอื่น และยอมรับว่าไม่ค่อยใกล้ชิดกันมากตั้งแต่เด็ก ความคิดความเห็นหลายๆ อย่างก็ไม่ตรงกัน ไม่สามารถสื่อสารกันได้ จนบางครั้งเครียดมาก เพราะขนาดอยู่กันคนละที่ บางช่วงท่านยังก่อปัญหาให้เครียดได้แทบจะรายวัน

    ดิฉันดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของท่านเพราะท่านไม่ได้ทำงาน เคยพาท่านไปปฏิบัติธรรม ในวันเกิดของท่านก็จะจัดหาหนังสือธรรมะให้ท่านแจก ส่งเทปและซีดีรวมทั้งหนังสือธรรมะไปให้ฟัง ไปให้อ่าน และท่านเองก็จะเข้าวัดถืออุโบสถในวันพระ และชอบทำบุญตักบาตร แต่ก็ยังไม่ทำให้ดีขึ้น และเมื่อดิฉันทำทานหรือปฏิบัติธรรมดิฉันก็จะแผ่บุญให้ อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่ากรรมอะไรที่ทำให้คุณแม่เป็นอย่างนี้ จะมีวิธีการอะไรอีกมั้ยคะที่จะช่วยแก้ไขอาการของท่านให้ดีขึ้นและมีความสุขขึ้นได้ และไม่ทราบว่ากรรมอะไรที่ทำให้บุคคลมาเกิดเป็นแม่ลูกกัน ถ้าเป็นกรรมไม่ดีดิฉันจะมีวิธีการตัดกรรมได้ยังไงคะ

    คำตอบ
    กรรมที่ท่านทำคือ ใช้ปัญญาเห็นผิดเป็นเครื่องส่องนำทางให้กับชีวิตและไม่มีใครจะแก้ปัญหาให้กับชีวิตของท่านได้ แท้จริงท่านต้องแก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติ และมีกำลังของปัญญารู้ทันสิ่งกระทบต่าง ๆ ตามความเป็นจริง (สติสัมปชัญญะ) จนจิตมีกำลังอยู่เหนือกิเลส ตัณหา อุปาทานได้แล้ว ปัญหาที่เกิดกับตัวท่านจะหมดไป ท่านจึงจะมีจิตที่สงบและเป็นสุข

    คนที่จะเกิดมาเป็นแม่ลูกกันได้ ต้องเคยทำกรรมร่วมกันมาซึ่งมีทั้งกรรมดีที่ให้ผลเป็นความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ กับกรรมไม่ดีที่ให้ผลเป็นความทุกข์ความขัดข้องของชีวิต วิธีตัดกรรมที่ให้ผลเป็นอกุศลวิบากไม่มี แต่อกุศลวิบากจะหมดไปได้ ด้วยการกระทำ 4 อย่าง ดังนี้คือ
    1. ชดใช้หนี้กรรมจนกว่าจะหมดไป
    2. ทำความดีที่ให้ผลเป็นบุญแล้วอุทิศบุญกุศลใช้หนี้
    3. ทำความดีให้ยิ่งใหญ่จนกรรมชั่วตามให้ผลไม่ทัน
    4. พัฒนาจิตวิญญาณจนเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุด แล้วทิ้งขันธ์ลาโลก (ดับรูป-ดับนาม) ไม่ต้องกลับมาสู่สังขารวัฏอีกต่อไป


    2. มีเพื่อนฝากเรียนถามอาจารย์ว่า เขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง มีหมา 2 ตัวที่คนมาปล่อยไว้ ตัวหนึ่งเป็นหมาฝรั่งตัวโต อีกตัวเป็นหมาไทยแต่มีหมัดเต็มตัว เพื่อนดิฉันอยากทราบว่าจะพาหมาฝรั่งไปทำหมันได้ไหม เพราะกลัวว่าถ้าหมาตัวนี้ออกไปนอกวัดไปผสมกับหมาตัวเล็กกว่า จะสร้างกรรมกับแม่หมาตอนคลอดลูก เพราะจะทำให้ได้รับความลำบากมาก และจะพาหมาอีกตัวไปรักษาหมัดได้หรือไม่ จะแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้บาปคะ

    ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงและขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

    คำตอบ
    พาสุนัขไปทำหมันได้ พาสุนัขไปรักษาไม่ให้มีหมัด เห็บได้แต่ผู้ที่เป็นต้นเหตุของกิจกรรมต้องรับผล แห่งการกระทำนั้น ถ้าไม่ปรารถนาจะให้มีบาปเกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรมกับสุนัข
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ดิฉันเป็นคนขี้หึง และขี้ระแวงมาก จิตปรุงแต่งได้เรื่อยๆ ดิฉันอยากจะแก้นิสัยนี้มากเพราะเห็นว่ามันเป็นทุกข์ทั้งกับตัวเองและคนอื่นที่อยู่ข้างๆ เรา ไม่ทราบว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำให้เจอเหตุการณ์ที่ทำให้คิดไปได้ และต้องคิดไปในทางนั้น หรือเป็นเพราะโรคจิตเองก็ไม่ทราบ

    พยายามคิดหาข้อธรรมะต่างๆ ที่พอได้ศึกษามาบ้างด้วยตนเองเพื่อหาเหตุผลดีดีมากำหราบตัวเอง ก็ไม่พบข้อไหนที่จะเอาอยู่ อาจจะเป็นเพราะความตื้นเขินและเบาปัญญาของตัวเอง แต่ดิฉันยังเชื่อว่าทุกข์ทุกอย่างในโลกสามารถดับได้ด้วยยาวิเศษคือธรรม แต่จะใช้ยาตัวไหนนั้นคงต้องพึ่งคุณหมอผู้รู้แล้วล่ะค่ะ เพราะจากการที่พยายามค้นยาสามัญประจำบ้านตามที่พอรู้ เพื่อช่วยเหลือตัวเองไปก่อนหน้านี้ตามกำลังปัญญาตัวเองมันค้นไม่เจอ รักษาไม่หาย และยังเป็นทุกข์ใจอยู่

    จึงกราบขอความเมตตาอาจารย์โปรดชี้ทางสว่างให้กับสัตว์ที่กำลังตะเกียกตะกายติดบ่วงอยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ

    ขอร่วมอนุโมทนากับทุกบารมี ทุกความเมตตาที่อาจารย์กำลังบำเพ็ญอยู่นี้ และขอให้บุญใดก็ตามที่ดิฉันได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติช่วยเป็นอีกแรงหนึ่งให้ท่านอาจารย์มีกำลังทั้งนอกและในเพื่อช่วยพาสัตว์ข้ามพ้นโอฆะ เป็นกำลังของพระศาสนาของพระศาสดาเช่นนี้ต่อไปนานๆ เทอญ

    ขอบพระคุณค่ะ

    คำตอบ
    เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่มีสาเหตุมาจากจิตที่มีกำลังของสติอ่อน และมีกำลังปัญญาเห็นแจ้งอ่อน จึงรับเอาสิ่งกระทบเข้าทางหูสิ่งกระทบเข้าทางตา มาปรุงแต่งให้มีอารมณ์ติดลบเกิดขึ้น แล้วยึดเอาอารมณ์ (อุปาทาน) นั้นว่าเป็นตัวตน เป็นของตัวเป็นของตน ทุกข์ใจเกิดขึ้น

    ยาขนานเอกที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ต้องมีศรัทธาเต็มร้อยแล้วปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยการไปพิจารณาซากศพที่บวมพองขึ้นอืด สิ่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมีน้ำเหลืองไหลออกทางปาก ทางจมูก ทางหู จนกระทั่งเข้าถึงสัจธรรมของร่างกายได้ถูกตรงตามความเป็นจริง ว่าร่างกายเป็นสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจไม่ปรารถนายึดเอามาเป็นของตนได้เมื่อไรแล้วปัญหาขี้หึงขี้ระแวงอันนำความทุกข์มาให้กับใจจะหมดไป
     
  14. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    โมทนาน่ะค่ะในการเอามาเผยแพร่ข้อมูลที่ดีค่ะ
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ขออนุญาตแทนตัวเองว่าหนูนะค่ะ ช่วงนี้หนูมุ่งมั่นในการนั่งวิปัสนากรรมฐานที่บ้านมาก ทุกเช้าและก่อนนอน แต่ปัญหามีอยู่ว่า หนูไม่แน่ใจว่าที่หนูนั่งอยู่มันเป็นแค่สมถะหรือกรรมฐานกันแน่ หนูประสงค์นั่งวิปัสนาเพื่อให้หนูมีสติมากขึ้น เกิดปัญญา และต้องการให้ตัวเองลดความเป็นตัวตนน้อยลง เพราะตัวหนูรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์และทรมานกับความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ของเที่ยง แต่ก็ยังเป็นทุกข์กับสิ่งเหล่านี้ ทุกครั้งที่นั่งหนูภาวนาด้วยการยุบหนอ พองหนอ แต่หลายครั้งหลายครา มันมักจะฟุ้งไปเรื่องอื่น หรือบางครั้งก็มีอาการกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ อาการปวดระยะหลังไม่ค่อยเป็น แต่จะรู้สึกเมื่อย จิตเริ่มขาดเป็นห้วงๆ ทำให้ไม่แน่ใจว่าที่ปฏิบัติอยู่นี่เป็นสมถะหรือกรรมฐานกันแน่ ถึงแม้ว่าจะภาวนาว่า ปวดหนอ เมื่อยหนอ แต่รู้สึกว่ามันไม่หายเลยค่ะ จะทำอย่างไรดีคะ

    อาจารย์คะ หนูมีความประสงค์อยากเรียนอภิธรรมเป็นภาษาอังกฤษค่ะ อาจารย์พอจะแนะนำได้ไหมค่ะ หรืออาจารย์พอจะมีเวลาสอนหนูได้ไหมค่ะ คือ จุดประสงค์ของหนูไม่ใช่แค่พัฒนาจิตตนเอง แต่หนูอยากเขียนหนังสือนวนิยายที่สอดแทรกเชิงพุทธเป็นภาษาอังกฤษนะค่ะ ภาษาอังกฤษหนูอยู่ในระดับดีใช้ได้ แต่ยังไม่ถึงขึ้นเก่ง


    คำตอบ
    ก่อนอื่นต้องปรับความเห็นให้ถูกว่า ประสงค์จะพัฒนาจิตให้มีสติมากขึ้น ต้องปฏิบัติสมถกรรมฐาน ด้วยการเลือกองค์บริกรรมที่เหมาะกับจริตของตน (ดูกรรมฐาน 40) หากทำได้ถูกตรงแล้วจิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับต้น (ขณิกสมาธิ) ระดับกลาง (อุปจารสมาธิ) หรือจิตตั้งมั่นระดับสูงสุด (อัปปนาสมาธิ)

    ประสงค์พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการนำจิตที่มีความตั้งมั่นไปพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ได้เมื่อไรแล้ว ปัญญาเห็นแจ้งในสติปัฏฐานทั้ง 4 จึงจะเกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งไปพิจารณาขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) จนเห็นเป็นจริงตามกฎไตรลักษณ์ ได้แล้ว อัตตา หรือความมีตัวตน หรือความเห็นแก่ตนจะดับไปตัณหาคือความอยากได้ ความไม่อยากได้ (วิภวตัณหา) จะดับไป

    ที่นั่งภาวนา เช่น พองหนอ-ยุบหนอ แล้วจิตมักจะฟุ้งไปรับสิ่งกระทบอื่นเข้ามาปรุงเป็นอารมณ์ ต้องปรับต้นเหตุให้ถูกตรง คือต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อน แล้วการพัฒนาจิตให้มีสติ จึงจะเกิดขึ้นได้

    ประสงค์จะเรียนอภิธรรม ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำเพราะไม่เป็นเหตุให้พ้นไปจากทุกข์ได้ แต่ถ้าผู้ถามปัญหาประสงค์จะเรียนอภิธรรม ประสงค์จะอยู่กับความทุกข์ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถามที่จะเลือกนำพาชีวิตด้วยตนเองผู้ตอบไม่เคยศึกษาเล่าเรียนอภิธรรมมาก่อนจึงไม่อาจให้คำชี้แนะได้
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    หนูได้อ่านหนังสือของอาจารย์มาหลายเล่มที่มหาวิทยาลัยน่ะค่ะ อ่านเกือบทุกวัน จะหมดทุกเล่ม(ที่มหาวิทยาลัย)แล้วนะคะ ดีมากค่ะ อย่างน้อยมีสติ ให้ทำความดีทุกขณะ คะแนนสอบการเรียนดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ค่ะ มีเต็มกับเกือบเต็มทุกวิชาค่ะ จึงได้เกิดแรงบันดาลใจค่ะ ได้ไปบวชชีพรามณ์ในช่วงเดือนมีนาคม(อยากทำเหมือนอาจารย์น่ะค่ะ)ที่วัดมหาธาตุ ที่เห็นได้ชัดจากคนรอบข้างก็นิสัยเปลี่ยนเป็นคนใจเย็น จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีค่ะจากเมื่อก่อนมีแต่คนบอกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หนูจึงมีปัญหาธรรมถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    1.ตอนเด็กๆตั้งแต่ 5 ขวบ หนูจะฝันเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงค่ะ เค้ามาบอกให้ให้หนูไปทำบุญให้หน่อย หนูไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นด้วยค่ะ หนูบอกแม่ แต่แม่ว่าหนูคิดมาก เลยไม่ได้ทำอะไรค่ะ แต่เค้ามาเข้าฝันบ่อยๆนะคะ (แต่หนูก็คิดว่าหนูคงคิดมากไป) จนฝันครั้งสุดท้ายเค้ากลายเป็นวิญญานร้ายแล้วเค้าจะฆ่าหนูน่ะค่ะ เค้าบอกว่าเพราะหนูที่ทำให้เค้ากลายเป็นแบบนี้ หนูเลยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย(ไม่เอ่ยถึงท่านนะคะ)ท่านมาจริงๆค่ะ บางครั้งหนูฝันว่าเค้ามานะคะ แต่เค้าทำอะไรหนูไม่ได้น่ะค่ะ จึงอยากถามว่าเพราะอะไรคะ เคยมีอะไรเกี่ยวพันกันมาก่อนรึเปล่า เค้าตามหนูมานานมากค่ะ ตอนนี้หนูอายุ22ปีแล้วนะคะ ซึ่งหนูจะฝันเห็นวิญญานเด็กบ่อยค่ะ(ไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นคนเดียวค่ะ) ถ้าไม่มาเล่นด้วยก็มาขอร่าง แต่หนูบอกไม่ให้ สิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไรคะ และมีวิธีแก้อย่างไร

    คำตอบ
    เป็นเรื่องของกรรมเก่าที่ผูกไว้แต่อดีต ร่วมกับกรรมปัจจุบันที่ฝันเห็น ฉะนั้นทุกครั้งที่ฝันเห็นเด็ก หรือทุกครั้งที่ระลึกถึงเรื่องนี้ต้องทำบุญแล้วอุทิศผลบุญไปให้เขา เลือกทำบุญใหญ่ ๆ เช่น ถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงศีลทรงธรรม แก่พระสุปฏิปันโนหรือพระอริยบุคคลหรือนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม แล้วของความเมตตาจากเพื่อนโยคีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมช่วยอุทิศบุญกุศลให้กับเด็กที่คุณฝันเห็น หรือเด็กที่คุณนึกถึงเขาสามารถมาอนุโมทนาบุญได้ ทุกครั้งที่มีโอกาสทำบุญ เมื่อมีบุญแล้วต้องอุทศบุญให้เขาไปเรื่อย ๆ จนกว่าไม่ฝันถึงหรือไม่ระลึกถึงเขา

    ส่วนการที่เขามาขอร่างไปใช้เพื่อนำประโยชน์ของเขาและคุณบอกไม่ให้นั้นทำถูกต้องแล้ว เพราะคุณจะมีโอกาสใช้ร่างนี้ไปพัฒนาจิตวิญญาณได้เต็มที่ และหากเมื่อใดสามารถพัฒนาจิตให้มีศีล 5 คุมใจและพัฒนาจิตให้มีสติอยู่ได้ทุกขณะตื่นหากเจ้าของไม่อนุญาตจะไม่มีใครผู้ใดสามารถเอาร่างของคุณไปใช้ได้


    2.หนูภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 ค่ะ ก่อนนั่งหนูมักจะบอกว่าขอให้มีสภาวธรรมเกิดขึ้น แล้วเราจะแผ่เมตตาขณะภาวนาได้หรือไม่คะ แผ่อย่างไร บูญกุศลที่ได้มากที่สุดช่วงไหนคะ

    คำตอบ
    การเจริญจิตภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 ผลที่เกิดตามมาคือบุญและยังเป็นบุญสูงสุดอีกด้วย เพราะการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถเข้าถึงธรรมสามารถเปลี่ยนสภาวะจิตให้เป็นอริยบุคคลได้ฉะนั้นเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมมีบุญเกิดขึ้นแล้ว ควรอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ญาติพี่น้องทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว ให้กับสรรพสัตว์ที่ร่วมเวียนตายเกิด ที่สามารถมาอนุโมทนาบุญได้ ควรกระทำหลังจากปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วเสร็จ ซึ่งผู้ปฏิบัติจะมีบุญมากที่สุด พลังจิตขณะอุทิศจะแรงสุดสามารถส่งบุญไปได้ไกลและจะมีจำนวนผู้มาอนุโมทนาบุญมากที่สุดจึงไม่ควรอุทิศบุญขณะปฏิบัติจิตตภาวนาเพราะบุญยังเกิดได้ไม่เต็มที่

    ส่วนเรื่องของเมตตาเป็นคนละเรื่องกับบุญ เมตตาเป็นความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดได้ด้วยการให้อภัยเป็นทานผู้มีเมตตาเป็นผู้มีจิตอยู่เหนือโทสะ ผู้มีเมตตามีจิตสงบเย็น สรรพสัตว์นำตัวเข้าใกล้ผู้มีเมตตาไม่ฝันร้าย ไม่ฝันสกปรก ลามก ฯลฯ หากพัฒนาจิตใจให้ได้ดังนี้แล้ว จึงสามารถแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ได้ แล้วปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้แผ่เมตตากับผู้รับเมตตาจะเป็นไปในทางที่เป็นมิตรที่ดีต่อกัน


    3.จะทราบหรือสังเกตได้อย่างไรคะ ว่าคนนี้มีบุญบารมี และสิ่งที่พอจะบอกได้บ้างน่ะค่ะว่าพระรูปนี้เป็นพระสุปฏิปัณโณ

    คำตอบ
    ต้องพัฒนาจิตตัวเองให้เป็นผู้มีบุญ ให้เป็นผู้มีบารมีได้เมื่อไรแล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก) ว่าใครเป็นผู้มีบุญบารมีสั่งสมอยู่ในจิตใจ

    พระสงฆ์รูปใดประพฤติถูกตรงตามธรรรมและวินัยของพระพุทธะพระสงฆ์รูปนั้นเป็นพระสุปฏิปันโนใช้ตาดู ใช้หูฟัง ดูนาน ๆ ฟังนาน ๆ แล้วจะรู้ได้เอง
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    กระผมและภรรยาแต่งงานเมื่อปี ๔๑ หลังจากแต่งงานภรรยาก็ตกงาน อยู่บ้านเช่า ชีวิตครอบครัวกระท่อนกระแท่นมาเรื่อย ๆ จวบจนต้นปี ๔๖ เริ่มตั้งครรภ์ ชีวิตครอบครัวก็เริ่มดีขึ้น ธุรกิจกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ทำอยู่ก็ดีขึ้นมีเงินเข้ามา พอเดือนตุลาคม ๒๕๔๖ ก็คลอดบุตรสาว ก่อนคลอด ๕ วันได้ย้ายบ้านจากดอนเมืองมาอยู่ที่สายไหม (เป็นบ้านที่ซื้อเอง) จากนั้นประมาณต้นปี ๔๗ ได้ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง ธุรกิจเป็นไปด้วยดี ซื้อง่ายขายคล่อง ทำสำเร็จทุกอย่าง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีมาก พอสิ้นปี ๔๘ ธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองก็นิ่งเงียบ จากนั้นไม่มีการซื้อขายอีกเลย

    พอเข้าเดือนมีนาคม ๒๕๔๙ ภรรยาของกระผมมีอายุครบ ๓๖ ปี ก็รู้เห็นอดีตของตัวเองว่ามาจากนาคราช เคยอธิษฐานร่วมกันมาชาตินี้เลยเกิดเป็นมนุษย์ครองคู่กัน จากนั้นก็รู้เห็นต่าง ๆ นานา ครอบครัวของกระผมหันมาปฏิบัติธรรม หมั่นภาวนา โดยเฉพาะภรรยาของกระผมเกิดธรรมะรายวัน ภาวนาในทุกอิริยาบถ วิปัสสนากรรมฐานตามแนวของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช (สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี) ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ทุกวันนี้ครอบครัวของกระผมหันหน้าเข้าสู่การปฏิบัติธรรม มีศีล ภาวนา เพื่อเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครอบครัวของกระผมมีความสุขมาก

    แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ธุรกิจที่เคยทำอยู่กลับนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเลย การเงินเริ่มฝืดเคือง คิดจะทำอะไรเพื่อให้มีรายได้เข้ามา ก็ไม่สำเร็จ (ไม่เหมือนก่อนหน้านี้) ขณะที่การเงินของครอบครัวเริ่มฝืดเคือง ก็มีน้องที่ทำงานของกระผมบอกว่ามีความเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างมากขอยืม ๑๐,๐๐๐ บาท ๑ เดือนจะนำมาคืนให้ ๑๐ เดือนแล้วเขาก็ไม่นำมาคืน ส่วนภรรยาของกระผมคิดถึงเพื่อนเก่าชื่อบุญส่งที่เคยเรียนมาด้วยกัน เคยอาศัยข้าวทาน ดูและกันมา เขาก็มายืมเงินไป ๒๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งที่เราก็ไม่มี จึงไปหากู้เพื่อนมาให้เพื่อช่วยเหลือกัน จากนั้นเขาก็หายไป (๘ เดือนแล้ว) ปกติครอบครัวของกระผมก็ฝืดเคืองเรื่องเงินอยู่แล้ว ยังมีคนมาทำให้เดือดร้อนอีก


    ๑. ธรรมะที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของกระผมมีที่มาที่ไปอย่างไร

    คำตอบ
    ที่มาของธรรมะที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมาจากคนในครอบครัวต่างประพฤติปฏิบัติธรรม ที่ไปของธรรมะคือคนในครอบครัวทิ้งการปฏิบัติธรรมห่างเหินการปฏิบัติธรรม จิตจึงหนีไปพึ่งโลกธรรมและวัตถุ


    ๒. ธุรกิจที่เคยทำอยู่ ทำไมถึงเงียบไปเฉย ๆ

    คำตอบ
    สรรพสิ่งมีเกิด-มีดับ ตามกฎไตรลักษณ์ธุรกิจเป็นหนึ่งในสรรพสิ่งที่กล่าวถึง


    ๓. เรื่องเงินที่เขามายืม เกิดจากเราใจง่าย หรือกรรมเก่าเราเคยไปเอาของเขามา

    คำตอบ
    เกิดจากจิตขาดสติและกรรมเก่าส่งผล


    ๔. ทำอย่างไรการเงินของครอบครัวกระผมจึงจะดีขึ้น

    คำตอบ
    ต้องกลับมาประพฤติปฏิบัติธรรมจนมีสติสัมปชัญญะกล้าแข็งได้เมื่อไรแล้วจิตจึงจะมีบุญสั่งสมมากครอบครัวจะดีขึ้นได้เองเพราะบุญส่งผล


    ๕. กระผมและภรรยาเดินมาถูกทางแล้วหรือยัง ทั้งในทางโลกและทางธรรม
    สุดท้ายนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร และครอบครัวมีความสุขความเจริญในทางธรรม ตามที่ท่านปรารถนาทุกประการ

    คำตอบ
    หากใช้สัญญาส่องนำชีวิตดำเนินไปถูกทางแล้วจะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตทางโลกและชีวิตทางธรรมชีวิตทางโลกต้องส่องนำด้วยปัญญาไอคิว ชีวิตทางธรรมต้องส่องนำด้วยปัญญาญาณ
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    หนูอายุ 27 ปีตอนนี้พักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หนูได้มีโอกาสอ่านหนังสือทั้งสามเล่มของอาจารย์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง จากการแนะนำของคนอื่น คือ ทางสายเอก ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข และยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิต การได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ผ่านตัวหนังสือในอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงถือเป็นความโชคดีของหนูอย่างยิ่ง หนูมีโอกาสได้เป็นเจ้าของร้านอาหารร่วมกับเพื่อนตั้งแต่อายุยังน้อย 24ปี แต่หนูเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ ค่ะ แต่ในการทำงานหนูเป็นผู้นำเค้านะคะ ถึงแม้ว่าเค้าจะมีอายุมากกว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาหนูตัดสินใจที่จะไม่ทำงานร่วมกับเค้า ตัดสินใจที่จะถอนหุ้นตัวเองออกมา ทั้งๆที่เสียใจเป็นอย่างมาก เพราะหนูกับพี่เค้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกันเสมอ อาจารย์คะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาหนูรู้สึกได้เสมอว่าพี่เค้าไม่ชอบหนู หนูเป็นคนชอบศึกษาธรรมะและอ่านธรรมะค่ะ ได้พยายามแล้วที่จะดีกับพี่เค้าแต่บางครั้งก็เหมือนกับฝืนตัวเองทำไปไม่ได้นานก็จะออกมาเป็นตัวของตัวเอง 2 อาทิตย์ที่เหลือนี้หนูจะทำงานกับพี่เค้าสุดท้ายค่ะแล้วจากนั้นหนูจะกลับไปเดินเสริฟ์เก็บเงินค่ะ ถ้าวันนึงมีโอกาสหนูจะไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง วันนี้หนูไปที่ร้านตอนเช้าแล้วก็เกิดมีเรื่องกับพี่เค้าขึ้นมา หนูก็กลับมาบ้านแล้วก็นึกถึงอาจารย์น่ะค่ะ เลยเข้ามาค้นในweb ดูว่าพอจะมีทางไหนที่จะได้คุยกับอาจารย์ได้ แต่ก็ไม่มีเลย เลยต้องเขียนมาแทนค่ะ

    อาจารย์คะหนูกับพี่เค้าผูกเวรกันมาหรือเปล่าคะ ทำไมเราคุยกันไม่เคยรู้เรื่องเลย เราเห็นไปคนละทางตลอดเวลา บางครั้ง หนูคิดว่าทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ทำไมแต่ละอย่างที่พี่เค้ามองหนูเค้ามองหนูไม่เคยดีเลยหล่ะคะ ทั้งๆ ที่บางครั้งเวลาเค้าว่าหนูออกมา หนูว่าหนูไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ หนูยอมรับค่ะว่าเมื่อก่อนเคยอารมณ์ร้อน งอน แต่หนูก็พยายามปรับมาตลอด จนช่วง2 เดือนหลังนี้ดีขึ้นมาก

    ยิ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาพอได้อ่านหนังสือของอาจารย์ตลอดเวลาที่ยังต้องทำงานอยู่กับพี่เค้าหนูก็กำหนดสติอยู่กับลมหายใจตัวเองตลอด แต่ก็กลายเป็นว่าพี่เค้าหาว่าหนูกวน ไม่พูดไม่จา ทำให้บรรยากาศที่ร้านเสีย คือหนูเปลี่ยนไปไงคะ พอได้อ่านหนังสืออาจารย์เรื่องไร้สาระอะไรหนูก็ไม่พูด เค้าว่าอะไรหนูก็พูดสั้นๆ แล้วเงียบ แต่เค้าก็ยังเห็นว่าไม่ดี

    อาจารย์สนองคะ หนูรู้ว่าต้องแผ่เมตตาและให้อภัยเยอะๆใช่ไหมคะ แต่อาจารย์คะ วันนี้หนูรู้สึกเสียใจ เพราะมันมีอะไรอีกหลายๆอย่างระหว่างหนูกับพี่เค้า อาจารย์คะถ้าหนูเลือกที่จะเฉยๆ ไม่พูด ไม่คุย ไม่รับรู้ ต่างคนต่างอยุ่เลยล่ะคะ อย่างนี้จะผูกเวรกันไปอีกหรือเปล่า เพราะถ้าจะให้หนูไปพูดดีๆ หรือทำแบบเดิมนั้น หนูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข แล้วก็ไม่อยากแกล้งทำน่ะค่ะ หนูว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพี่เค้าเลยถ้าหนูจะแกล้งทำ มันเหมือนไม่จริงใจน่ะค่ะ จริงๆ หนูอยากจะคุยกับอาจารย์โดยตรงค่ะ แต่ก็รุ้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากทีเดียว

    กราบเท้าขอบคุณอาจารย์ด้วยความเคารพนะคะ ที่สละเวลาอ่านมาถึงตรงนี้ หนูก็ยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงบนโลกนี้คนนึงที่ต้องการกำลังใจ และต้องการมีผู้ที่ชี้ทางให้เดินต่อไปในทางที่ถูกที่ควร ถึงแม้หนูจะยังมีกิเลสเพราะยังเป็นเพียงมนุษย์คนนึง แต่หนูก็คิดและบอกตัวเองเสมอว่าหนูต้องการจะเป็นคนดีของสังคมต่อไป หนูต้องการจะพัฒนาปัญญาและศักยภาพในตัวเองให้เจริญงอกงามต่อไป ต้องการจะเป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและเพื่อนร่วมโลกต่อไปเหมือนที่อาจารย์กำลังทำอยู่ขณะนี้ หนูจะรอคำตอบและกำลังใจจากอาจารย์นะคะ วันนี้หนูจะไปนั่งธรรมะช่วยตัวเองไปก่อน หนูรักธรรมะค่ะเพราะรุ้ว่าธรรมะจะช่วยหนูได้เสมอและตลอดเวลาไม่มีใครช่วยหนูได้หรอก แต่บางครั้งหนูแค่อยากมีคนคอยช่วยประคับประคองและให้คำปรึกษาในทางที่ถูกน่ะค่ะ เหมือนกับว่าถ้าหนูผิดก็บอกว่าหนูผิดว่าได้เสมอ หนูจะได้ปรับปรุงแก้ไข

    กราบเท้าอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

    คำตอบ
    ทั้งหมดที่บอกเล่าไป เป็นไปตามกฎแห่งกรรมการทำร้านขายอาหาร หากมีเครื่องดื่มที่เจือปนด้วยแอลกอฮอล์เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจ หากมีการสั่งซื้อเนื้อสัตว์เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจผลที่จะต้องเกิดตามมาคือการขาดสติ การทะเลาะเบาะแว้ง การเห็นไม่ตรงกัน การผูกพยาบาลจองเวร ฯลฯ กับผู้ร่วมกระบวนกรรม ซึ่งปัญหาจะทุเลาลงได้ด้วยการใช้ขันติและพรหมวิหาร 4 ซึ่งหนึ่งในพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา ผู้มีเมตตาเป็นผู้ให้อภัยในทุกเรื่องที่ทำให้ขัดใจ ผู้มีเมตตาเป็นผู้มีอารมณ์สงบเย็น และไม่งอน หากเป็นได้อย่างนี้ การเจริญพรหมวิหารธรรม แล้วแผ่เมตตาให้กับคู่เวร จะช่วยทุเลาปัญหาลงได้ การทำงานร่วมกันแล้วมีความเห็น (ทิฏฐิ) ไม่ตรงกันย่อมไปด้วยกันไม่ได้
    ส่วนการตัดสินใจนำพาชีวิตให้เป็นไปอย่างไรเจ้าของชีวิตต้องบริหารจัดการด้วยตัวเอง ว่าจะนำพาชีวิตดำเนินไปตามกระแสโลก ที่อุดมด้วยอุปสรรค ปัญหา ความทุกข์ และความว่างเปล่าจากประโยชน์ซึ่งจะเห็นได้ชัดแจ้งในวันที่จำเป็นต้องทิ้งขันธ์ลาโลกหรือจะนำพาชีวิตให้ดำเนินไปตามกระแสธรรม ที่อยู่กับอุปสรรคโดยไม่มีอุปสรรคอยู่กับปัญหาโดยไม่มีปัญหา อยู่กับทุกข์โดยไม่เป็นทุกข์มีแต่เก็บเกี่ยวสิ่งอันเป็นประโยชน์ไว้เป็นทุนเดินทางไปเกิดใหม่ซึ่งต้องเลือกด้วยตัวเอง
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ดิฉัน ดำรงอาชีพด้วยการจำหน่าย เทป ซีดี ทำมาตั้งแต่ ปี 2530 ค่ะ ก็รุ่งเรืองในอาชีพมาโดยตลอด จวบจน กระทั่งปี 2533 ก็เริ่ม หันมาทำผิดศีลข้อ สองคือ หันมาทำ copy ทั้งเทป ทั้ง ซีดี ขายทำโดยไม่รู้สึกว่า ผิดศีล ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน ทั้งยังผิลศีลข้อ 3 คือไปรักชอบ กับสามีชาวบ้าน อันนี้เป็นกรรมเก่าหรือเปล่า ดิฉันเองก็ไม่ทราบ เพราะตั้งแต่เห็นผู้ชายคนนี้ ครั้งแรก แล้วเหมือนจำได้ จนเกิดข้อผิดพลาดในชีวิต ต้องไปเป็น ภรรยา ชั่วคราว รับกรรม อยู่ถึง 7 ปีกว่าที่จะหมดกรรมได้

    พอมาถึง ปี 40 ดิฉันก็แยกทาง กันไปและหันมาทำกิจการตัวเอง ก็รุ่งเรืองมาโดยตลอดเสียแต่ว่า เหมือนจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ พอจะดีก็มี การรื้อร้าน พอจะสบาย (เพราะส่งน้องเรียนด้วย) ก็มี การทำถนน พอจะมือขึ้น ก็โดน ขโมยเข้าร้าน ปี 41 บังเอิญ ดิฉันได้ พบกับ ชายคนนึง ที่รู้จักกันทาง net พูดคุยกันทุกวัน จนกระทั่งนัดพบกัน ดิฉันรู้สึก ถูกชะตาเค้าตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งดิฉัน รักเค้ามาก เค้าจึงมาสารภาพว่า เค้ามี เมีย แล้ว เหมือนกรรมมากำหนดคนขาด สติ อย่างดิฉัน ทำให้เป็นภรรยา ลับของชายคนนี้ ต่อมา อีก 7 ปีทั้งที่ ดิฉันไม่เคย ได้รบกวนอะไรจากเค้าเลย ประกอบกันกับที่ ดิฉัน ล้มป่วย ลงด้วยโรค ธัยรอยด์เป็นพิษ อย่างแรง ทำให้อารมณ์ ดุร้าย หงุดหงิด ตลอดเวลา เพราะลมหายใจสั้น และชีพจรเต้นเกือบ 110 ต่อนาที ดิฉันรักษาตัวอยู่ 5 ปี เข้าผ่าตัดในปี มิถุนา 47 และการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี จนทุกวันนี้ ดิฉันไปตรวจเลือดปี ละ 1 ครั้งเท่านั้น จนกระทั่งล่าสุดปี 48 ดิฉัน โดนเจ้าหน้าที่ ลิขสิทธิ์ ของบริษัท ตามสืบและมาจับถึง ร้าน โดยที่เหตุครั้งนี้ ดิฉันไม่ได้เป็น ผู้กระทำ แต่ดัน ไปแนะนำให้น้องสาว ทำการ copy CD หนังขาย แต่ เปิดบัญชี เป็นชื่อ ดิฉัน โดยที่ดิฉันเองไม่ได้มีส่วน ได้เสียในผลกำไรนั้น ๆ ด้วย หมดเงินไปถึง 3 แสนกว่าในคราวเดียว ดิฉันแทบจะล้มทั้งยืน แต่รวบรวมสติได้ ก็ให้น้องสาว หยุดทำ และเกิด ตาสว่าง เห็นว่า อะไรมันก็ไม่เที่ยง คิดว่า แน่ ๆ ยังไม่แน่ จึงหันหน้าเข้าหา พระธรรม หันมาศึกษา พระธรรม ก็เริ่มทำ ความดีตักบาตรทำบุญ เพราะเดิมดิฉันเป็นคนจีน ไหว้เจ้ามากกว่าไหว้พระ ไปศาลเจ้ามากกว่าไปวัด พอดิฉันเริ่มศึกษา พระธรรมก็ เริ่มเห็นบาปที่ตัวเองทำ จึงไปขอเลิกลากับ ผู้ชายคนนั้น ซึ่งเค้าก็ เห็นดีด้วยเพราะเค้าเองก็เริ่ม ปฏิบัติธรรมเช่นกัน

    จนปี 49 ดิฉันเริ่ม ไปเรียน กรรมฐาน กับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปฏิบัติมานาน เห็นผลเพียง ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ ดิฉันรวบรวมสมาธิได้ เกิดความสว่างในจิต รู้สึกสงบมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่หงุดหงิด ไม่มีอารมณ์ใด ๆ นอกจากความสงบ อยู่ที่ ภาวนายุบ พอง ไม่ได้ยินเสียง ใด ๆ จากการปฏิบัติครั้งนั้นทำให้ ดิฉัน ยิ่งสนใจในการ ทำ สมาธิมากขึ้น เพราะเห็นผล ในครั้งนั้น แต่ไม่ได้ใส่ความเพียร ก็ละวางไม่ได้ปฏิบัติต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบันดิฉัน ไปที่ปฏิบัติธรรมที่วัด อีกครั้งเมื่อเดือน มิถุนาที่ผ่านมา และตั้งแต่กลับมา ก็เพียร ปฏิบัติ ที่บ้านพยายามให้ได้ทุกวันอาจจะมีบ้างบางวันที่ ดึกมากไม่ได้ปฏิบัติ บางวันก็ รู้สึกโปร่งสบายดี แต่เหมือนการปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเลยค่ะ ไม่ว่า จะเดินหรือ นั่งฟุ้งซ่าน จิตออกนอกตลอดเวลา ทั้งที่เหมือนไม่มีเรืองอะไรให้คิด ภาระการเงินจากหนี้ครั้งนั้นยังอยู่ ไม่ได้ทำให้ดิฉันถึงกับ เดือดร้อน ยังพออยู่ต่อไปได้ ดิฉันหยุด ทำ copy หรือ ผิลศีลข้อ 2 เลิก ผิดศีลข้อ 3 แล้ว ส่วน ศีลข้ออื่นเช่น ฆ่าสัตวไม่ได้ทำ พูดปด ก็พยายามหลีกเลี่ยงค่ะทั้งนี้ยังเป็นแม่ค้า อยู่ก็พูดยาก แต่สุราไม่เคยแตะมานานแล้วค่ะ ทุกวันนี้ เปิดร้านหนังสือ เทป ซีดี ก็ขายแต่ของแท้ ขายเท่าที่ขายได้ และพลิกตัวเองไปขายประกัน รถยนต์ ซึ่งตัวนี้ก้าวหน้าได้ดีระดับหนึ่งค่ะ

    ที่ต้องเล่ารายละเอียดเบื้องหลังมา เผื่ออาจารย์จะได้นำไปเล่าเป็นวิทยาทาน ประกอบกับดิฉันขอสอบถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ

    1. ชายคนที่เพิ่งเลิกราไป เค้าไปเรียนกรรมฐานกับ แม่ชีท่านหนึ่ง แถวระยอง แม่ชีท่านนี้ท่านมี เจโตดี และบอกว่า ดิฉันเคยมีกรรมเก่ามาตั้งแต่สมัย สุโขทัย ที่ดิฉันเคยเกิดเป็นคู่ กับชายคนนี้ แล้วบังเอิญ ชายคนนี้เกิดไปมีเมียน้อยเป็นเด็กกว่า ดิฉันแค้นใจ จึงสั่งให้คนไปฆ่า ด้วยการตัดหัว เด็กคนนั้นซะแล้ว ปล่อยศพลอยไป ทั้งดิฉันยังไปให้ร้ายเด็กคนนี้ว่าหนีตามคนอื่นไป ผลกรรมนั้นทำให้ดิฉันเวียนตายเวียนเกิดรับกรรมมาหลายชาติ และเศษกรรม นั้นทำให้ดิฉันต้องเข้า ผ่าตัดคออันเกิดจากธัยรอยด์ในชาตินี้ แล้วตอนหลังจากที่ ดิฉันทราบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรจนวันหนึ่ง เกิดรู้ขึ้นมาเองว่า ชายคนแรกที่ดิฉันใช้กรรม ด้วยถึง 7 ปี คือคนที่ดิฉันจ้างวานให้ไปฆ่า เค้า ดิฉันต้องมารับกรรม ร่วมกัน ทำให้ดิฉันหาย แค้นเคืองชายคนแรก ลงไปได้
    ถามว่า : ตอนนี้ ดิฉันไม่เจอชายคนนี้ อีกแล้ว หากดิฉันหมั่นสร้างกุศล อุทิศไปให้ จะหมดเวรต่อกันไหมค่ะ เพราะดิฉันไม่ได้แค้นเคืองอะไรแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าทำกับเราแบบนี้

    คำตอบ
    หนี้เวรกรรมจะหมดไปได้ด้วยการทำเหตุให้ถูกตรง 4 ประการคือ
    1. ยอมรับความจริงแล้วชดใช้หนี้กรรม
    2. ทำความดีที่เป็นบุญ แล้วอุทิศบุญแทนหนี้
    3, ทำความดีที่เป็นบุญอยู่เสมอ จนหนี้เวรกรรมตามให้ผลไม่ทัน
    4. พัฒนาจิตให้หลุดพ้นวัฏสงสาร (นิพพาน) ซึ่งหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมดไม่สามารถตามให้ผลได้


    2. หากดิฉันไม่ได้ ผลิต หรือทำ CD ขาย แต่ดิฉันไปซื้อ ที่เค้า copy ขาย ดิฉัน จัดว่าผิดศีลข้อ 2 ไหมค่ะ

    คำตอบ
    ยังถือว่าผิดศีลข้อ 2 ในฐานะผู้ร่วมกระบวนกรรมแต่เป็นจำเลยที่สอง


    3. ที่ร้านดิฉัน ขายหนังสือพวกใบ้ หวย ทั้งนี้ดิฉันไม่ได้มอม เมา เหมือนร้านอื่น ๆ ที่เน้นขายให้ได้ มาก ขายให้ได้เยอะ ๆ โดยอ้างว่า ตรงนี้ เข้าดีตรงนั้นให้แม่น คือลูกค้าอยากซื้ออะไร จะขายแต่ไม่เน้นให้ต้องซื้อมาก ๆดิฉัน ผิดศีลหรือเปล่า ค่ะ

    คำตอบ
    ไม่ผิดศีลแต่ผิดธรรมตรงที่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนกรรมให้คนซื้อหนังสือใบ้หวย มีจิตตกเป็นทาสของอบายมุข (ทางแห่งความวิบัติของชีวิต) ผู้ขายหนังสือใบ้หวยต้องรับผลของการขายนั้นด้วย


    4. ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ดิฉันจำหน่าย เทป Cd มีลูกค้านำ CD หนังโป๊มา ทิ้งที่ร้าน เป็นจำนวน มากคือ เป็นพันแผ่น แล้วดิฉัน นำไปแจกจ่ายต่อไม่ได้เก็บเงิน อย่างนี้ บาป ไหมค่ะ

    คำตอบ
    บาปตรงที่ว่า เป็นผู้ร่วมกระบวนกรรมนำซีดีหนังโป๊ไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นมีจิตเป็นทาสของกรรมลามก


    5. ดิฉันจะทำอย่างไร หรือด้วยวิธีไหนที่จะทำให้เกิดสมาธิ ได้ดีบ้างค่ะ ตอนที่หลุดเข้าไปในสมาธิ ได้ นั้นใช้วิธี ยุบ พอง แต่พอได้สมาธิแล้วเหมือนว่า ดิฉันอยู่กับลมหายใจค่ะ ตอนนี้รู้สึก แย่ที่ไม่พัฒนาขึ้นเลย

    คำตอบ
    หยุดประพฤติอกุศลกรรม พัฒนาจิตให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น มีสัจจะ และเจริญสติภาวนาอยู่เสมอ


    6. กสิณ ถ้าเราต้องการ เพ่งกสิณ สำหรับคนฟุ้งซ่าน อย่างดิฉัน มีคำแนะนำไหมค่ะ

    คำตอบ
    ประสงค์จะเพ่งกสิณสามารถทำได้ ด้วยการประพฤติตามคำชี้แนะในข้อ (5) ให้ได้ก่อน แล้วเลือกเพ่งกสิณที่เหมาะกับจริตของตน
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    หนูมีเรื่องอยากกราบเรียนถามอาจารย์ค่ะ คือหนูอยากเรียนรู้การนั่งเจริญสมาธิและวิปัสสนา หนูอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจค่ะ หนูนั่งสมาธิเกือบจะทุกวันค่ะหลังจากสวดมนต์ แต่หนูไม่ทราบได้การที่หนูนั่งนั้นมันถูกหรือป่าว คือหนูพอทราบว่าการทำสมาธิทำให้เรามีปัญญาและจิตใจสงบ หนูเบื่อนิสัยในความเจ้าอารมณ์ของหนูค่ะ หนูอยากพบหนทางที่สว่างกับชีวิตหนูค่ะ หนูไม่รู้จะหาคำแนะนำทางด้านนี้จากไหนค่ะ หนูพยายามทำตามที่อาจารย์บอกค่ะ ให้คิดดี ทำดีพูดดี พยายามเลิกทำสิ่งที่ไม่ดี

    ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

    คำตอบ
    ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามสำนักที่มีการเปิดฝึกปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้มีประสบการณ์ตรงจะได้รู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง


    ดิฉันมีเพื่อนรับแปลงานหนังชุด วีซีดี โดยผู้จ้างไม่ได้รับลิขสิทธิ์โดยตรงจากเจ้าของหนัง ในต่างประเทศ เพื่อนฝากถามว่าจะเป็นบาปผิดศีลข้อ 2 อทินนาหรือไม่ รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้ความกระจ่างด้วยคะ

    คำตอบ
    ผิดศีลข้อ 2 ด้วยเหตุนำตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ด้วยอาการลักขโมย (อทินนาทาน) และเป็นจำเลยที่สองด้วยเหตุ ไปรับเอาของที่ถูกขโมยมา ทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง คือรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการแปล
     

แชร์หน้านี้

Loading...