วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณคุณnuttadet ค่ะ
     
  2. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    ------

    สาธุ จ้า ตอนนี้หนังสืออยู่ที่โรงพิมพ์แล้วจ้า ต้นทุนต่อเล่ม สูงกว่าที่คาดไว้กว่าสองเท่าตัว เพราะจำนวนเงินที่น้อยนิด:'(
    ต้องถามนิดหนึ่ง เงินบุญที่ส่งมาให้จะแจกแจงอย่างไรจ๊ะ คุณKananun ก็คงอยากจะถามอย่างนี้เหมือนกัน

    วันนี้ไปแจกซองผ้าป่ามา และได้รับทราบว่า ทางวัดโคกอารัษ์ที่ จ.สุรินทร์ กำลังจะระดมบุญ จัดสร้างพระประัธาน ซึ่งสิ้นปีนี้ตอนนี้กำลังช่วยกันทำผ้าป่าสร้างโบสถ์ใหม่ก่อน เนื่องจากโบสถ์เก่าผุพัง คานไม้ร่วงลงมาพอดีที่หลวงตาทำวัตรเสร็จ (รอดได้อย่างไม่น่าเชื่อ) หลังจากนั้นจะจัดสร้างพระประธาน จึงได้บอกไปว่า สร้างองค์ปฐมไม๊ ทางน้าๆเค้าก็สนใจ คงจะได้จัดผ้าป่าอีกกองเป็นแน่แท้;) มาร่วมบุญกันเน้อ:love:
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    อยากจะขอเรียนถามเรื่องวิปัสสนาญาณด้วยครับ ทำอย่างไรจึงจะเป็นพระโสดาบันได้แบบ โสดาปัตติผลครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ ขออนุโมทนากับคุณchdhorn ด้วยครับ แบบนี้ไม่เรียกมือใหม่แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2007
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ chdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_852235", true); </SCRIPT> ครับผม


    คราวนี้เป็นคำถามในการปฏิบัติของเจ้าตัวเองเลย ก่อนอื่นก็ขอโมทนาบุญก่อนเลยครับ

    คุณเป็นคนที่เคยมีของเก่า กรรมฐานและการปฏิบัติที่เคยมาตั้งแต่อดีตชาติครับ เคยเป็นลูกหลานหลวงพ่อฤาษีท่านมาครั้นพอได้อ่านหนังสือหลวงพ่อปานก็เลยต้องรีบมาครับ (หนังสือประวัติหลวงพ่อปานนี้เป็นเหมือนหมายเรียกตัว ครับ ใครที่มีวาระเกี่ยวพันกับสายนี้ พออ่านแล้วจะทนไม่ได้ต้องมาวัดทุกคนครับเป็นเรื่องแปลก)


    ข้อ1. ที่ฝันแบบนี้อยู่เป็นเวลานานนั้น เป็นเพราะฝ่ายมารฝ่ายมิจฉาทิษฐิเองก็ตั้งใจเล่นงานคุณอยู่นับแต่สมัยเด็กแล้วครับ จึงตามรังควานคุณอยู่ แต่ พระและครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตาคุ้มครองดูแลคุณไม่ให้เป็นอันตรายจากสิ่งรบกวนเหล่านั้นครับ

    วิธีแก้ไขเรื่องนี้ก็คือการตั้งจิตอธิฐานรับไตรสรณะคมม์ ตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ จากนั้นอธิฐานจิตเป็นสัมมาทิษฐิ ถวายตัวเป็นคนของฝ่ายสัมมาทิษฐิตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ โดยถวายตัวต่อพระพุทธเจ้า(ในมโนมยิทธิ) และขอบารพระพุทธเจ้า เทพพรหมเทวาสัมมาทิษฐิท่านคุ้มครองปกปักรักษาตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเช่นกัน เรื่องนี้แนะนำให้ทุกๆคนทำครับ

    ข้อ2. เขาวงกต นั้นเขาได้สร้างเอาไว้เป็นมายา ปิดล้อมคุณไว้ครับ

    ข้อ 3.ที่อยากบวชพระมากๆเพราะเป็นวาสนาบารมีเก่าที่น้อมไปในทางเนกขัมมะการถือบวช มาแต่อดีตชาติ

    ตอนนี้บวชใจไปพลางๆก่อนก็ได้ครับ กล่าวคือเราถือศีลตามกำลัง(ใจ)ของเราที่ทำได้ ตื่นมาก่อนนึกถึงพระ ก่อนกินอาหารก็พิจารณาแบบพระ อาบน้ำแปรงฟันก็พิจารณากายในความโสโครกต้องดูแลรักษา ส่วนการทำงาน ก็ดี การแต่งกายก็ดี การพูดจาสนทนาเราก็ทำปกติโดยอย่าไปทำเคร่ง(เป็นมานะทิษฐิ)ให้ใครเขาเห็นหรือจับได้ ปฏิบัติธรรมแบบเสือซ่อนเล็บ ทรงอารมณ์ใจในกรรมฐานอยู่ตลอดเวลา ถือว่ากายเป็นโยม ใจเป็นพระ นับเป็นการบวชใจ

    ส่วนที่อยากรู้ภาษาสัตว์และทุกๆภาษานั้น ขอยืนยันว่าคุณอยู่ในวิสัยของ"ปฏิสัมภิทาญาณ" การรู้ภาษาทุกภาษาทั่วอนันตจักรวาล นั้นเป็นคุณธรรมวิสัยของ ท่านผู้ได้อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ หรือแม้ท่านที่ได้อนาคามีปฏิสัมภิทาญาณ องค์ญาณความรู้นี้ก็เริ่มปรากฏแล้วครับ มีสิ่งยืนยันเรื่องนี้อีกจุดหนึ่งซึ่งตัวคุณเองได้บอกมาตอนท้ายซึ่งเราจะไปดูกัน

    4.สิ่งที่รอคือ "วาระ" และ"กุญแจ" ที่จะไขเปิดสิ่งที่อยู่ในจิตของคุณ ให้กลับระลึกรู้ถึงหน้าที่ สิ่งที่ได้อธิฐานมา ครับซึ่งตอนนี้ก็เริ่มได้วาระแล้ว

    5. ภาพวงจรชีวิตนี้เป็นวิปัสนาญาณที่ปรากฏขึ้นจาก มหาสติปัฐฐานสี่ ข้อธรรมนุปัสนาสติปัฐฐาน ซึ่งจะปรากฏญาณให้เห็นการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย จนจิตของเราคลายตัวจากความยึดมั่นในร่างกายและการเวียนว่ายตายเกิด วงจรเล็กคือ อย่างที่คุณเห็น วงจรใหญ่คือวัฏฏสงสาร และที่สำคัญอย่าได้ลืมน้อมมาพิจารณากับตนเองว่าก็ไม่พ้นจากวงจรความเป็นไปเหล่านี้ จนจิตเราเกิดความเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด(นิพพิทาญาณ) และ ใคร่หาโมกขธรรมเพื่อออกจากกองทุกข์ที่เวียนว่ายไม่สิ้นสุดนี้

    6. "ตัวมอง" คือ"ตัวรู้" ครบเป็น กายในแบบหนึ่งที่ประกอบการพิจารณาในสติสัมปชัญญะ "ตัวรู้" นี้ ปรากฏขึ้นจากการปฏิบัติในมหาสติปัฐฐานสี่ครับ ดีใจไม่บ๊องซ์อย่างที่เขาว่า

    7.หลวงพ่อท่านให้กรรมฐานครับ คือมรณานุสติและอสุภกรรมฐานซึ่งเป้นของเก่าอยู่แล้ว

    ส่วน
    - เมื่อตามลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ อยู่ๆ จะเห็นปอดข้างในขยับขึ้นขยับลงตามการหายใจพร้อมเห็นหลอดลมด้วยมีลมไหลเข้าไหลออก

    ก็เป็นกายคตาสติปัฐฐาน ครับ สิ่งที่ได้นี้เอาไปใช้ในการแพทย์ได้นะครับ เอาไว้สแกนดูอาการเจ็บป่วยของเราก็ดี และเอาไว้ดูอาการเจ็บป่วยของผู้อื่นได้อีก ทำให้ชำนาญเอาไว้ครับ อย่าทิ้ง ได้ใช้แน่ รวมทั้งอ.ไก่และคุณหนูน้อยด้วย ใช้ประกอบการวินิจฉัยโรคต่างๆได้

    - บางทีจับลมหายใจอยู่ดีๆ ก็เห็นว่าจิตของตัวเองอยู่ในจักรวาล แล้วอยู่ๆ จักรวาลทั้งจักรวาลก็หายไปเลย ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยไม่ว่าจะเป็นจักรวาลหรือจิตของเรา มันว่างไปหมด หมายความว่าอะไรคะ

    การเห็นจักรวาลหายไปกลายเป็นความเวิ้งว้างว่างเปล่า นั่นคือกรรมฐานของการทรงอรูปฌานในสมาบัติแปด อันเป็นบาทฐานในการบรรลุธรรมในแบบปฏิสัมภิทาญาณครับ ดังนั้นวิสัยของคุณควรปฏิบัติมาในทางปฏิสัมภิทาญาณเอาไว้ จะตรงจริตและพื้นฐานบารมีเก่า


    เมื่อเริ่มจับลมอาการก็มาหยุดอยู่ตรงที่ สมาธิเริ่มจะมารวมตัว... คือ เหมือนกับอากาศรอบๆ ตัว ค่อยๆ ห่อหุ้มหนาแน่นขึ้น แต่ไม่ได้อึดอัดอะไร... แต่แล้วก็จะคลายตัวออกไปเอง โดยที่ยังไม่ทันจะรวมตัว


    เป็นอาการของจิตที่รวมตัวกันครับ พอเป็นสมาธิจิตก็รวม ให้ลองสังเกตุ ลมหายใจของตัวเองดูว่าเมื่อ จิตรวมลมหายใจก็จะหายไป หยุดหายใจ

    จิตสว่างนิ่งทรงสติอยู่ ให้ลองเล่น รวมจิต ถอนจิต(จากสมาธิ) ทำให้ชิน ชำนาญเป็นวสี จากนั้น็จงอธิฐานจิตในสมาธิว่า

    "ขอให้ข้าพสามารถเข้าออกฌานได้ดั่งใจปรารถนา ทุกครั้งทุกเวลาทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการได้ด้วยเทอญ"

    ข้อ9. อารมณ์ใจในสมาธิข้ามเลยจากอุปจาระสมาธิ ก็เลยจากการสวดมนต์ไป จิตจะนิ่งสว่างอยู่เงียบๆแบบนั้น วิธีปฏิบัติก็คือหากในหมู่พวกเขาสวดกันเกรงเขาจะตำหนิ ก็ถอนจิตออกจากสมาธิซักหน่อยไม่ต้องเข้าลึกมาก แล้วสวดไปกับเขา กับอีกวิธีหนึ่งก็คือเข้าสมาธินั่นล่ะแต่เราเอากายในไปสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธเจ้าท่าน ใช้ใจสวดเอาในสมาธิ


    10.เจ้าที่ ที่บ้านท่านมาปลุกให้ทำกรรมฐานครับ ก่อนลงมาเกิดคุณอธิฐานเอาไว้เยอะพอมาเกิด เราอู้ท่านก็เลยหยอกกันแรงหน่อยครับ อีกอย่างหนึ่งแผ่เมตตา พรหมวิหารสี่ให้บ่อยๆและระลึกถึงท่านด้วยครับ

    โดยสรุปแล้ว ปฏิบัติมาทางปฏิสัมภิทาญาณครับ มาต่อ อรูปฌานให้คล่องจากนั้นเอากำลังของอรูปฌานมาพิจารณาตัดกิเลส พิจารณาในวิปัสนาญาณครับ

    อรูปฌาน เปรียบเหมือนพละกำลัง(ขั้นสูงสุด)

    วิปัสนาญาน เปรียบเหมือนดาบที่มีความคม

    กิเลส เปรียบเหมือนเชือกที่ร้อยรัดเราอยู่ในสังสารวัฏฏแห่งนี้

    ขอโมทนาบุญและวาสนาในทางธรรมของคุณที่ได้บำเพ็ญเอาไว้ดีแล้วครับ ชาตินี้ขอไปพระนิพพานให้ได้ครับ ระหว่างมีชีวิตอยู่ก็พึงทำคุณประโยชน์เอาไว้ในพระพุทธศาสนา ให้มากที่สุดครับ สาธุ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอบคุณกิ๊กครับ

    สาธุ จ้า ตอนนี้หนังสืออยู่ที่โรงพิมพ์แล้วจ้า ต้นทุนต่อเล่ม สูงกว่าที่คาดไว้กว่าสองเท่าตัว เพราะจำนวนเงินที่น้อยนิด:'(
    ต้องถามนิดหนึ่ง เงินบุญที่ส่งมาให้จะแจกแจงอย่างไรจ๊ะ คุณKananun ก็คงอยากจะถามอย่างนี้เหมือนกัน




    จะจัดเป็นค่าหนังสือรู้ไส้ภัยพิบัติสองเล่มและสมทบโครงการคุณกิ๊กส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเข้ากองกลางของกองทุนพลังจิตพิชิตภัยพิบัติเพื่อการทำงานและการทำบุญที่ได้อานิสงค์สูงสุดเท่าที่จะทำได้ (ซึ่งก็มีอยู่น้อยนิดเช่นกันจ้า)
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบน้อง
    Xorce<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_852992", true); </SCRIPT>
    ครับ

    วิปัสสนาญาณอันเป็นเหตุให้ได้ โสดาปฏิผล นั้น ได้แก่ การตัดสังโยชน์สาม จากสังโยชน์สิบประการ การปฏิบัติอันได้แก่

    -ตัดศีลตะปรามาส การทรงศีลให้บริสุทธิ์ ศีล5 ก่อนก็ได้ ศีลต้องรักษา สามระดับ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อมีผู้อื่นละเมิดศีล ควบกับพรหมวิหารสี่และกุศลกรรมบทสิบ

    -ตัดวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนไตร จนมีความเคารพในพระรัตนไตรแบบสุดหัวจิตหัวใจไม่ลังเลสงสัย ไม่มีมานะทิษฐิใดๆ ไม่มารู้สึกยกตนว่าเราเก่งกว่าพระเป็นเด็ดขาด มีศรัทธาในพระรัตนไตรอย่างไม่แปรผันเป็นอื่นไปได้ ชนิดที่เอาตัวไปฆ่าเพื่อให้เราเลิกนับถือพระนี่เรายอมตายดีกว่า (ในข้อสงฆ์นั้นท่านนับเอาพระอริยะเจ้าขึ้นไปเป็นพระสงฆ์ อลัชชีห่มเหลืองไม่นับเอาว่าเป็นสงฆ์)

    -ตัดสักกายทิษฐิ ความเข้าใจว่าร่างกายนี้เที่ยง ร่างกายนี้สวยงาม ประมาทในความตาย จนมีวิปัสสนาญานเห็นร่างกายตัวเราต้องแก่ต้องเสื่อมสลาย ต้องตายไปในที่สุด จิตไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย จนปล่อยวางได้ในระดับหนึ่ง รู้ว่าเราต้องตาย ไม่ประมาทในความตาย

    เมื่อดำรงอารมณ์ในสามข้อนี้ได้เป็นปกติเป็นธรรมดาก็ตัดได้ไม่ยาก

    ยิ่งน้องเองก็ได้ฝึกสมาบัติแปด อรูปฌานมาแล้วใช้กำลังในอรูปฌานตัด โดยพิจารณาในสังโยชน์ทั้งสามประการนี้ ในสมาธิและอธิฐานตัดสังโยชน์

    ขอแนะนำหนังสืออ่านประกอบ มี"หนีนรก สังโยชน์สิบ พรหหมวิหารสี่ ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า "ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านครับ

    ขอโมทนากับน้องผู้มีอายุเพียง 17 ปี ก็ปรารถนาที่จะเข้าถึงซึ่งความเป็นพระโสดาบันแล้วครับ ขอกราบโมทนาความดีของน้องด้วยครับ ขอให้สมปรารถนาทุกอย่างครับ สาธุ
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ชั้นเรียนเก่า

    คุณเด็กอนุบาล คุณหนูน้อย คุณพุทธโกมุท คุณจำรัส คุณอู๊ดและอีกหลายๆท่าน รายงานผลการปฏิบัติกันด้วยครับ

    อย่างไรขอให้ผ่านอุปสรรคที่ขัดขวางไปได้ให้เจริญในธรรมทุกๆคนครับ
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ลูกศิษย์ได้อาจารย์ดีดีอย่างคุณเล็ก ที่คอยติดตามความก้าวหน้าแบบนี้ ต้องตั้งใจปฏิับัติกันแน่นอนครับ

    อนุโมทนากับคุณเล็กและสมาชิกที่กำลังปฏิบัติธรรมกันทุกท่านครับ
    (||)(||)(||)(||)
     
  9. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    คุณ chdhorn ของเก่าเยอะน่าดู

    โมทนาด้วยครับ _/\_
     
  10. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    เมื่อเข้าสู่สภาวะ ไม่มาไม่ไป ว่างเปล่า เหมือนอยู่ในอวกาศ

    - บางทีจับลมหายใจอยู่ดีๆ ก็เห็นว่าจิตของตัวเองอยู่ในจักรวาล แล้วอยู่ๆ จักรวาลทั้งจักรวาลก็หายไปเลย ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยไม่ว่าจะเป็นจักรวาลหรือจิตของเรา มันว่างไปหมด หมายความว่าอะไรคะ

    แต่สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงตอนที่เราไม่ได้ตั้งใจทำสมาธิอะไร ภาพมันจะเห็นเองในระหว่างวันที่เราทำโน่นทำนี่

    แต่ถ้าเรานั่งทำสมาธิเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อเริ่มจับลมอาการก็มาหยุดอยู่ตรงที่ สมาธิเริ่มจะมารวมตัว... คือ เหมือนกับอากาศรอบๆ ตัว ค่อยๆ ห่อหุ้มหนาแน่นขึ้น แต่ไม่ได้อึดอัดอะไร... แต่แล้วก็จะคลายตัวออกไปเอง โดยที่ยังไม่ทันจะรวมตัว

    ผมก็เคยนั่งสมาธิเป็นคล้ายๆกับคุณ คือ นั่งภาวนา ไม่นานนัก จิต เมื่อเข้าสู่สภาวะ ไม่มาไม่ไป ว่างเปล่า เหมือนอยู่ในอวกาศ จะว่ามีรูปก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง ตอนแรกเข้าใจว่านั่งสมาธิไม่ได้ เรานั่งอยู่ก็รู้สึกว่า รู้ตามไปทุกที เหมือนมีสองคน คนหนึ่งคิด อีกคนรู้ว่ากำลังคิด เหมือนฟุ้งซ่าน ก็เลยเอาไปสอบถามกับครูบาอาจารย์หลายท่านๆ ซึ่งท่านจะแนะนำให้เข้าสู่ภูมิแห่งวิปัสสนา หรือฝึกสติให้ทันกับองค์สมาธิที่เกิดขึ้น มีท่านหนึ่งได้แนะนำให้เปลี่ยนคำภาวนาเป็น " อนัตโต อากาโส นามะ" ให้เพิกรูป ขึ้นสู่ นาม เมื่อชำนาญแล้ว เปลี่ยนคำภาวนาใหม่เป็น " อนัตโต วิญญาณโณ นามะ" เมื่อชำนาญแล้ว ก็พัฒนาต่อไปโดยเปลี่ยนเป็น ยืน เดิน นอน โดยพยายามทรงอารมณ์ให้ต่อเนื่องให้ยาวนาน ให้กำหนดถึงอารมณ์นี้เมื่อไร ก็สามารถเรียกกลับมาได้เมื่อนั้น เวลาจะพูด คิดทำสิ่งใด ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะจะมีผลในทันที ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำเอาไว้ให้พิจารณา อุเบกขาธรรม เป็นพิเศษ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอเรียนถามอีกคำถามหนึ่งครับ ทำไมผมรู้สึกว่าเวลาที่ผมจับลมปกติ แล้วอยู่ๆก็ใช้มโน ลมหายใจเหมือนเปลี่ยนไปทันที เหมือนเบาขึ้นช้าลง เหมือนใกล้จะหยุดแทบทันที ไม่ทราบว่าถูกต้องไหมครับ ขอโมทนาในบุญกุศลที่พี่kananun เมตตาสอนพระกรรมฐานให้ผมด้วยครับ สาธุ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post854542 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Xorce<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_854542", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:03 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    อายุ: 17 ปี
    ข้อความ: 13 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 170 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 179 ครั้ง ใน 14 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_854542 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขอเรียนถามอีกคำถามหนึ่งครับ ทำไมผมรู้สึกว่าเวลาที่ผมจับลมปกติ แล้วอยู่ๆก็ใช้มโน ลมหายใจเหมือนเปลี่ยนไปทันที เหมือนเบาขึ้นช้าลง เหมือนใกล้จะหยุดแทบทันที ไม่ทราบว่าถูกต้องไหมครับ ขอโมทนาในบุญกุศลที่พี่kananun เมตตาสอนพระกรรมฐานให้ผมด้วยครับ สาธุ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>



    ขออนุญาตตอบครับ ถูกต้องครับเหตุผลก็คือ เมื่อเราใช้มโนมยิทธินั้น จิตของเราก็จะรวมเป็นสมาธิในอุปจารสมาธิ ดังนั้นลมหายใจของเราก็จึงเบาลงจนเกือบหยุดนิ่งครับ

    ดีแล้วครับไม่ทิ้งลมหายใจดูอาการของลมหายใจเอาไว้ และทรงภาพพระให้ใสสะอาดด้วยพร้อมกัน
     
  13. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    รายงานตัวค่ะอาจารย์ ;) ขอบคุณพี่เล็กมากนะคะที่ยังคอยติดตามดูความก้าวหน้าอย่างที่คุณ Vanco ว่า ซึ่งอาจจะเป็นแค่ความคืบหน้า [Embarrass ที่ผ่านมาเจออุปสรรคตลอดจนเริ่มชาชินแล้วค่ะ แต่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่เกินกิเลสในใจเราจริง ๆ เลยค่ะ ช่วงนี้มีงานทางโลกให้ทำมาก แต่ก็พยายามปฏิบัติให้ได้ คือ เดินจงกรม ๑๐ นาที และนั่งสมาธิ ๑๐ นาทีต่อวัน วันไหนไม่ได้ทำก็เอามาทบรวมกันทำในวันหลังค่ะ อยากเรียนถามพี่เล็กว่ายังแก้อาการที่นั่งสมาธิไปแล้วก้ม ๆ เงย ๆ ไม่หายค่ะ บางครั้งก็ลมหายใจหายไป บางครั้งก็เห็นแสงสว่างจ้าถ้านึกถึงสมเด็จองค์ปฐมหรือขึ้นไปไหว้ท่านบนนิพพาน บางครั้งก็เห็นแสงสีม่วง กรรมฐานที่ใช้ก็มีทั้งพุทโธ พุทโธกำกับด้วยการนับเลข จับภาพพระ ๓ ที่ หรือจับลมสบาย รู้สึกว่าตนเองใช้หลายวิธีเกินไปหรือเปล่าทำให้รู้สึกไปว่าไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควร ช่วงหลังจะใช้วิธี คือ เริ่มจากหายใจเข้าพุท ออกโธ ถ้ารู้สึกว่าเริ่มฟุ้งบางทีก็จะขึ้นไปไหว้องค์ปฐมเพราะทุกครั้งที่ทำจะเห็นแสงสว่างและรู้สึกมีพลังมากขึ้น แล้วอัญเชิญท่านมานั่งบนศรีษะ ในศรีษะ และในลำตัว แล้วมากำกับด้วยการนับ แต่หากวันไหนรู้สึกว่าจับลมได้ดี หรือพุทโธจนลมหายก็จะใช้วิธีจับลมสบายไปเรื่อย ๆ ที่ยังคงมีเกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิในตอนนี้ก็คืออาการก้มไปซักพัก ก็มาเงย แล้วก็ก้มสลับไปมา จนเริ่งเซ็งแล้วค่ะ อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะหายซักที ไม่ทราบว่าถ้าจะรบกวนพี่เล็กฝากเรียนถามพระท่านถึงวิธีที่จะทำให้เจริญก้าวหน้ากว่านี้ต้องทำอย่างไรได้มั๊ยคะ
    แล้วก็ก่อนนอนทุกครั้งก็ต้องขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ช่วยคุ้มครองอย่าให้มีจิตวิญญาณใดมากวน เพราะจะเจอเรื่อยค่ะถ้าไม่ขอท่าน และช่วงหลังนี้แปลก ๆ ก่อนตื่นจะเห็นข้อความหรือรับรู้คำบางอย่างเตือนให้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองในขณะนี้ค่ะ
    สำหรับระหว่างวัน ก็จะมีตัวรู้คอยเตือนตนเองถึงกิเลสที่ผุดขึ้นในใจแต่ก็ไม่ตลอดหรอกค่ะ อันไหนละได้ก็ละ อันไหนที่สะสมมาเป็นนิสัยที่ฝืนยาก ก็พยายามใช้พลังสัจจะอย่างที่คุณหนุมานผู้นำสารแนะนำขัดเกลาอยู่ค่ะ ถ้ามีสติก็จะกำหนดหนอไป และอีกอย่างค่ะเดี๋ยวนี้มีอารมณ์ใดไปในทางมิจฉาทิฐิ เช่น โกรธ อิจฉา ทิฐิมานะ จะรู้สึกร้อนขึ้นมาในอกและส่วนกลางลำตัว ทำให้รู้ตัว และจะพยายามลดละอารมณ์ดังกล่าวและสูดหายใจลึก ๆ ยาว ๆ ค่ะ จะทำให้ความร้อนลดลง ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับโรคไทรอยด์ที่เคยเป็นหรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2007
  14. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    สวัสดีครับ พี่คนานัน ผมมีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกเต็มกำลังมาถามครับ
    1.ก่อนฝึกอฐิษฐานอารถนาบารมีพระรัตนไตร ภาวนาขับไล่นิวรณ์ก่อน หลังจากนั้นพอตัวโยกไปเยกมาสักพัก จิตดิ่งไปไม่มีคำภาวนา เเต่เสียงยังได้ยินเเต่ค่อยมากเหมือนจะไม่มี เห็นพระท่านตามไป ไปกราบพระท่านบนนิพพาน
    อยากถามว่าทำไมฝึกเต็มกำลังถอนกำลังใจ ถอยออกมาไม่ได้เลย จะกลับออกมาภาวะปกติทำไม่ได้ ต้องอารถนาบารมีพระท่านถึงถอนกำลังใจได้เป็นแบบนี้เสมอเลยครับ
    จะตามไปฝึกกับพี่อีกนะครับ
    โมทนาทุกๆท่านด้วยครับ;)
     
  15. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    อีเอ็มดีอาร์ แก้ความบ้า post traumatic stress โดยไม่ต้องกินยา

    ช่วงสึนามิมา หมออังกฤษ อิสราเอล ฮ่องกง เอาวิชามาสอนไว้ให้ มาจากคำว่า
    Eye Movement Desensitized Response มั้งเพราะไม่เคยจำชื่อเต็ม
    คนต้นคิดเป็นด็อกเตอร์อยู่อเมริกา เดิมต้องใช้การจ้อง เดี๋ยวนี้ใช้การกระตุ้นซ้าย-ขวาแทนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทย

    การฝึกจริงต้องเป็นหมอ พยาบาล นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ ต้องเข้าคอร์ส ฝึกกับคนไข้จริงที่อาสาเป็นตัวอย่าง แต่ อ. ไก่เป็นล่ามเดินตามหมออยู่สองอาทิตย์ ไปๆมาๆเลยลักวิชาเขามา แล้วไปเข้าคอร์สอีก ได้เป็น counselor แล้ว ช่วงสึนามิชั่วโมงบินเราสูงสุด มกราคม-ตุลา ๔๘ ทำงานอยู่เดือนละ ๓ วันเป็นเวลาสิบเดือน

    ที่จะสอนนี้เป็น short course ยามภัยมาทิ้งเวลาให้คนสักเดือนครึ่งดูๆไปก่อน ถ้ารอดแต่ยังเอ๋อๆนอนไม่ได้ผวากลัวก็ลงมือเลย เพราะทิ้งไว้คนรอบๆจะบ้าไปด้วย
     
  16. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    EMDR ต่อ

    หลักการคือ ถ้าคิดอะไรอยู่ แต่เดิน (เท้าซ้ายสลับเท้าขวา) ไปนานๆ เดินจบแล้วปัญหาก็ยังเหมือนเดิม แต่ไม่เดือดร้อนกับปัญหาเท่าก่อนเดิน

    แทนที่จะให้เดิน เราก็ใช้มือเราแตะมือเขาสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ ขณะพูดด้วย หรือจะตีเข่าผู้ป่วยซ้ายสลับขวาไปก็ได้

    ก่อนอื่นผู้ป่วยต้องยอมให้เราคุยด้วย เราก็นั่งประจันหน้า ให้เขาหลับตา พอเริ่มคุยก็ขออนุญาตแตะมือเขาสลับข้างกันเป็นชุดๆละสัก ๔๐ ครั้ง (ซ้าย-ขวานับเป็นหนึ่งครั้ง) บอกเขาว่าถ้าไม่เอาแล้วยกมือหยุดได้ตลอด บอกเขาว่ามันจะเจ็บในความรู้สึกนิดนึงนะ เหมือนบ่งหนองล้างแผลจะแสบแผลนิดนึง แต่เสร็จแล้วจะสบาย

    ถามเขาว่าอะไรเป็นภาพที่เจ็บปวดที่สุด
    ให้นึกถึงภาพนั้นไว้ (บำบัดได้ครั้งละ หนึ่งเรื่องเท่านั้น)
    แล้วตีมือไป ถ้าน้ำตาเขาไหลก็โอเค
    เสร็จแล้วถามว่าเขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนั้นตรงไหน

    ตย.ได้แก่ลุงหนีน้ำจูงมือเมียวิ่ง แต่มือที่จับไว้หลุด ลุงไม่ได้ไปตามหาป้าเพราะน้ำไล่หลังมา แล้วป้าก็ตาย ลุงนอนไม่ได้ หลับได้แค่คืนละครึ่งชม. หลับตาก็เห็นตอนป้าพลัดหลุดมือ

    คำตอบคือภาพป้าพลัดหลุดมือ รู้สึกว่าตนไม่สามารถคือตัวเองไม่จับป้าให้มั่นๆป้าเลยตาย

    พอถามตรงนี้แล้วให้ถามว่า ที่ว่าตัวเองแย่มากคือ ๑๐ แย่น้อยคือ ๑ ลุงเลือกเลขอะไร คำตอบตอนนี้คง ๘ หรือ ๙

    ว่าแล้วคุณก็ตีมือลุงต่อไป

    ทีนี้ถามว่า จากเหตุการณ์นั้น สิ่งดีที่สุดที่เกิดขึ้นคืออะไร ผู้ป่วยมักนึกไม่ออก เราก็ต้องใช้ตัวช่วย เช่นในกรณีนี้ลุงรอด แปลว่าวิ่งเก่ง ถามดูหนุ่มๆกว่าที่ไม่รอดก็ม ถามให้ตอบออกมาด้วยตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร ในกรณีนี้คือลุงเก่ง ลุงแข็งแรง ฯลฯ

    ให้คำที่ออกมาเป็น adjective อธิบายความรู้สึก
    ช่วงต้น ได้แก่ เลว อ่อนแอ แย่
    ช่วงสองได้แก่ ฉลาด เก่ง แข็งแรง รอด ชนะ เข้มแข็ง

    ทีนี้มันคงเกินสี่สิบแปะมาสักสองรอบแล้ว พอครบสี่สิบใหม่ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆ ยกมือสองข้างชิดหู หายใจออกยาวๆ ลดมือลง ซ้ำสามครั้ง

    ถามสิว่าเห็นภาพข้างต้นไหม ชัดหรือเลือนลาง (เราต้องการคำตอบว่าชักเลือนๆ)
    ถ้ายังไม่เลือนตีมือต่อ ถ้าเลือนก็ยังตีต่อ

    ถามเรื่ื่องข้อดีใหม่ ว่าที่ว่าเก่งน่ะ ถ้า ๕ คือเชื่อว่าตัวเองเก่งจริง กับหนึ่งคิดว่าตัวเองโกหกลุงจะเลือกเลขอะไร มักจะตอบประมาณ ๒-๓ เพราะไม่เชื่อว่าตัวเองเก่งจริง

    บอกให้นึกภาพข้างต้น ตีมือไปเรื่อยๆ ครบสี่สิบก็ซ้ำหายใจเข้า-ออกข้างต้น
    กลับมาถามเรื่องภาพข้างต้นว่าชัดไหม ถ้าบอกว่าเลือนๆอย่าเพิ่งหยุด ตีมือต่อ

    กลับมาเช็คข้อที่ว่าแย่มากน้อย ตอนนี้ลุงจะให้เลขเท่าไหร่
    ที่ควรจะเป็นเลขควรลดลงเป็น ๓-๔
    ตีมือต่อให้ถามแล้วได้คำตอบสัก ๒ ถ้าเลขยังไม่ลงก็ตีมือต่อไป

    กลับมาถามเรื่องเชื่อไหมว่าตัวเองเก่ง ป่านนี้ตัวเลขควรเพิ่มเป็นสัก ๔

    กลับไปที่รูปข้างต้น ตอนนี้ชัดไหม น่าจะเบลอๆมากๆ

    เกือบเสร็จแล้วค่ะ

    ปิดด้วย light treatment
    ตีมือไป ให้เขาเลือกสีรุ้งมาหนึ่งสี
    บอกว่าแสงแดดผ่านแก้ว ได้แสงสีของเขา ให้หลับตา สร้างภาพว่าแสงนั้นลงกลางกระหม่อม
    วนที่ศีรษะ เอาความเจ็บปวดมลายหายไป
    ค่อยๆพากษ์ให้แสงลงมาในช่วงอก แขน สะโพก ขา เท้า บอกว่าอบอุ่นและล้างสิ่งไม่ดี
    บอกว่าเขาใช้แสงนี้เองได้ เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ เพราะพระอาทิตย์ให้มาไม่จำกัด
    จบลงด้วยบอกว่ามีพบต้องมีจาก จะเอาแสงออกทางปากนะ ทำปากห่อๆ เป่าลมออก เหมือนปล่อยลมลูกโป่ง

    บางทีคนไข้จะพุดเองว่าแสงที่ออกมาสีดำๆ ก็บอกว่าดีแล้ว เขาล้างความไม่สบายกายไม่สบายใจออกมา

    หยุดตีมือ หายใจเข้าออกซ้ำสามหน ให้ลืมตา
    เอามือเราประกบมือเขาแน่นๆ บอกว่าเสร็จแล้ว

    สอนท่าผีเสื้อ คือให้คนไข้กอดอก ยกมือแตะไหล่ทั้งสองข้าง ตีมือบนบ่าซ้ายทีขวาที เวลากลุ้มใจไม่สบายใจให้ทำท่านี้สัก ๕ นาที ถ้าไม่หายให้ซ้ำอีก ๕ นาที
    จะได้ใช้เวลาไม่เจอคุณ(หมอ)

    ดีกว่ากินยานอนหลับ ป่านนั้นคงไม่มียาให้กิน
    เคสหนักกว่านี้ก้หาหมอไก่ก็แล้วกันนะคะ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณหนูน้อยก่อนครับ


    1. อาการก้มๆเงยๆ ที่ปรากฏนั้นก็คืออาการของปิติ ครับวิธีแก้ไขก็คือ การกำหนดรู้ ว่าสิ่งนี้คืออาการของปิติ รู้แล้วละเสีย ไม่ต้องไปสนใจมันอีก อาการนี้ก็จะค่อยๆหายไปครับ

    2.การใช้หลายวิธีเกินไปทำให้ เราเหมือนกับเริ่ม ก้าว 1-2-3 แล้วก็กลับมาเริ่ม นับ 1 ใหม่อยู่เรื่อยก็เลยยังไม่ก้าวหน้าครับ
    ทางที่ดีเลือกใช้วิธีการทำสมาธิที่ทำแล้ว ก่อให้เกิดลมหายใจ จิตใจที่สบายจนลมหายใจหายไปครับ แล้วทำให้ยิ่งขึ้นไป พอได้ลมหายไปแล้วอย่าเพิ่งเพลิน ให้อธิฐานกำกับให้เป็นวสีเพื่อที่เราจะไดเข้าสมาธิมาที่จุดนี้ได้ง่ายขึ้นครับ

    วิธีที่เหมาะสมกับจริตและความก้าวหน้าของคุณคือ การจับลมสบาย อานาปาณสติกรรมฐานครับ


    3.พอได้ลมสบาย ไปกราบพระท่านแล้ว ให้เริ่มพิจารณาในวิปัสนาญาณในสมาธิครับ

    4."ก่อนนอนทุกครั้งก็ต้องขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ช่วยคุ้มครองอย่าให้มีจิตวิญญาณใดมากวน เพราะจะเจอเรื่อยค่ะถ้าไม่ขอท่าน และช่วงหลังนี้แปลก ๆ ก่อนตื่นจะเห็นข้อความหรือรับรู้คำบางอย่างเตือนให้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองในขณะนี้ค่ะ"

    ช่วงนี้มิติเปิดจิตวิญญานฝ่ายลบและเจ้ากรรมนายเวรออกมากันมากครับ เราขอบารมีพระคุ้มครองเอาไว้ดีที่สุดครับ และอย่าลืมอธิฐานสัมมาทิษฐิเอาไว้เสมอ

    ส่วนการปรากฏของเครื่องรู้ต่างๆ เป็นเพราะครูบาอาจารย์สัมมาทิษฐิท่านมาคุ้มครองคุณแล้วครับ โมทนาด้วย

    5."
    อีกอย่างค่ะเดี๋ยวนี้มีอารมณ์ใดไปในทางมิจฉาทิฐิ เช่น โกรธ อิจฉา ทิฐิมานะ จะรู้สึกร้อนขึ้นมาในอกและส่วนกลางลำตัว ทำให้รู้ตัว และจะพยายามลดละอารมณ์ดังกล่าวและสูดหายใจลึก ๆ ยาว ๆ ค่ะ จะทำให้ความร้อนลดลง ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับโรคไทรอยด์ที่เคยเป็นหรือเปล่า""

    อาการดังกล่าวนี้ สมัยที่จิตเรายังหยาบเราก็จะไม่รู้สึกครับ บางครั้งกลับรู้สึกเอร็จอร่อยไปในอารมณ์เหล่านี้ด้วย ดูได้จากการดูละครแนวเหล่านี้ครับ ครั้นพอจิตใจเราสะอาดเราละเอียดขึ้น เราก็จะพบว่า พอเราเกิดอารมณ์เหล่านี้ขึ้นในจิต ใจเราก็เกิดอาการร้อนรุ่ม อาการเผาผลาญใจ รุ่มร้อน อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเอาไว้ไม่มีผิด

    ดังนันไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนที่ปฏิบัติธรรมถึงไม่ได้เข้ามาเต็มที่แต่ก็จะปรากฏการเปลี่ยนแปลงเช่น เลิกฟังเพลงบางประเภท เช่นเพลงร็อค เฮฟวี่เมตัล เปลี่ยนไปฟังเพลงที่ ฟังสบายใจสบายมากขึ้น

    หนังละครก็เลือกดูที่สร้างสรรค์บ้าง สร้างแรงบันดาลใจบ้าง ประมาณนี้ครับ

    ดังนั้นการปรากฏอาการทางกายดังกล่าวแบบนี้เราก็ควรนำไปใช้ประโยชน์ โดยเมื่ออารมณ์และอาการเกิดเราก็ใช้วิปัสนาญาณตัดไปตรงจุดนี้เลย จากนั้นเอาพรหมวิหารสี่ดับอีกครั้งจนจิตเราเย็นสงบระงับ

    ขอโมทนากับความก้าวหน้าและความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมของคุณหนูน้อยด้วยครับ
     
  18. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    ขอบคุณมากมายนะคะพี่เล็กสำหรับคำตอบและคำแนะนำต่าง ๆ เดี๋ยวจะรีบนำไปปฏิบัติต่อเลยค่ะ (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2007
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post854813 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>pat3112<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_854813", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:04 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2005
    สถานที่: nontabury
    อายุ: 23 ปี
    ข้อความ: 167 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 848 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,441 ครั้ง ใน 137 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 187 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_854813 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->สวัสดีครับ พี่คนานัน ผมมีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกเต็มกำลังมาถามครับ
    1.ก่อนฝึกอฐิษฐานอารถนาบารมีพระรัตนไตร ภาวนาขับไล่นิวรณ์ก่อน หลังจากนั้นพอตัวโยกไปเยกมาสักพัก จิตดิ่งไปไม่มีคำภาวนา เเต่เสียงยังได้ยินเเต่ค่อยมากเหมือนจะไม่มี เห็นพระท่านตามไป ไปกราบพระท่านบนนิพพาน
    อยากถามว่าทำไมฝึกเต็มกำลังถอนกำลังใจ ถอยออกมาไม่ได้เลย จะกลับออกมาภาวะปกติทำไม่ได้ ต้องอารถนาบารมีพระท่านถึงถอนกำลังใจได้เป็นแบบนี้เสมอเลยครับ
    จะตามไปฝึกกับพี่อีกนะครับ
    โมทนาทุกๆท่านด้วยครับ;)
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    เมื่อเราฝึกตนดีเเล้วไซร้ เราย่อมได้ที่พึ่งที่บุคคลอื่นได้โดยยาก








    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขออนุณญาตตอบน้องPat ครับ

    เวลาที่ได้มโนมยิทธิต็มกำลังแล้ว เราจะถอนอารมณ์ออกยากนั้นเพราะการออกไปเป็นกำลังของฌานสี่เต็มกำลัง บวกกับกำลังของพระท่านที่เมตตาเต็มอัตราครับ ภาวะนั้เราจะควบคุมอาทิสมานกายยากกว่า การไปแบบมโนมยิทธิครึ่งกำลังแบบคนละเรื่องเลย ความรู้สึกว่าจะสว่างชัดเจนยิ่งกว่าตาเนื้อ แต่การบังคับกายจะยาก และจิตจะแนบแน่นไม่ค่อยอยากออกจากฌาน ทำให้ถอนอารมณ์ออกได้ยาก

    วิธีการก้คือ พอเราเข้าไปได้อีกเราก็อธิฐานขอให้เข้าสู่สภาวะนี้ได้ทุกครั้งเป็นวสี และอธิฐานเพิ่มว่าขอให้เข้าออกในมโนมยิทธิเต็มกำลังได้ทุกครั้งทุกเวลาที่เราต้องการ(อธิฐานในมโนเต็มกำลังขณะนั้น) จากนั้นก็ลองถอยอารมณ์ออก แล้วลองเข้าใหม่ดู ทำจนกระทั่งชำนาญบังคับได้อย่างใจทุกอย่าง


    ดูจากที่ได้เล่ามาให้ฟังก็ขอโมทนาญด้วยที่ได้มโนมยิทธิเต็มกำลังครับ
     
  20. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณคุณnuttadet (อีกครั้งนะคะ... วันนั้นยังพิมพ์ไม่ทันเสร็จ หลานตัวเล็กๆ ตื่นขึ้นเลยต้องไปเอานมให้กินก่อนน่ะค่ะ) แหม! รู้สึกดีจังที่มีเด็กๆ มาเรียกว่าพี่แบบนี้ ขอบใจจ้ะ

    ขอบคุณคุณXorce คุณnakamura คุณลูกหลานหลวงปู่ด้วยนะคะ ที่ให้กำลังใจ... แต่ไม่รู้ว่าจะต้องผิดหวังไปตามๆ กันหรือเปล่า...

    เพราะตัวเองทำไมยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรสักเท่าไหร่เลย... คือยังงี้ค่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...