ตอบปัญหาธรรม โดย ดร.สนอง วรอุไร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 พฤศจิกายน 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    [​IMG]

    ดร.สนอง วรอุไร ภูมิลำเนาของท่านอยู่ที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพี่น้องทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๖ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำสวน ทำไร่ นอกจากนี้บิดายังเป็นกำนันของตำบลคลองหลวงแพ่งและเป็นมัคนายกของวัดในละแวกบ้านด้วย ในวัยเด็ก ท่านมีหน้าที่ใส่บาตรตอนเช้าทุกวันและนำอาหารที่มารดาจัดเตรียมไปถวายพระในวันสำคัญและวันพระตามประสาชีวิตในชนบทยุคนั้น

    ท่านได้รับการศึกษาเบื้องต้นจากโรงเรียนสุวรรณศิลป์ใกล้บ้าน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง ท่านและพี่ๆ น้องๆ ได้ย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ อยู่บ้านที่บิดามารดาซื้อไว้ให้พี่น้องทุกคนอยู่ร่วมกัน ย่านประตูน้ำ โดยบิดามารดามิได้ย้ายมาด้วย ท่านศึกษาในโรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๘ ชีวิตท่านต้องรับผิดชอบงานส่วนตัว เช่น ซักรีดผ้าเอง และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบงานในบ้านร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ท่านเป็นอยู่อย่างมัธยัสถ์ อดออม และมีระเบียบ เมื่อถึงช่วงปิดเทอมก็พากันกลับไปเยี่ยมบิดามารดาเพื่อช่วยงานด้านเกษตรกรรม เช่น เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เป็นดังนี้ตลอดมา

    ดร.สนอง วรอุไร สนใจฝึกสมาธิครั้งแรกในขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยสนทนากันระหว่างพี่ๆ น้องๆ แล้วนำมาฝึกหัดปฏิบัติเองเมื่อมีโอกาส จนถึงระดับอุดมศึกษา ท่านเลือกศึกษาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบปริญญาตรีสาขาโรคพืช เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ แล้วไปทำงานเป็นนักวิชาการเกษตร เผยแพร่ความรู้ด้านการปลูกข้าวปลูกเห็ดแก่ประชาชนในภาคอีสานอยู่ประมาณ ๒ ปี ในระหว่างนี้ ท่านแต่งงานมีครอบครัวและได้โอนย้ายจากกรมวิชาการข้าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ เป็นอาจารย์รุ่นบุกเบิกมหาวิทยาลัยและบุกเบิกบัณฑิตวิทยาลัยด้วย

    จากนั้นปีพ.ศ. ๒๕๑๔ ท่านก็ได้เรียนจบปริญญาโทเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาเชื้อรา ปีเดียวกันนั้นเอง ท่านได้รับทุนโคลัมโบไปศึกษาปริญญาเอก สาขาไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ นาน ๔ ปี ในระหว่างการศึกษา ท่านมิได้เดินทางกลับมาเมืองไทยเลย เพราะเรียนหนักมาก ท่านใช้เวลาว่างพักทำจิตนิ่งทุกวัน ซึ่งมีผลให้ท่านจดจำได้เร็ว เรียนเข้าใจง่าย และจบ ๔ ปีตามกำหนด

    เมื่อกลับเมืองไทยในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๑๘ และมีเวลาว่างช่วงก่อนเปิดเทอมไปสอนนักศึกษา ท่านตัดสินใจอุปสมบทเพื่อพิสูจน์สัจธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ วัดปรินายก แล้วมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับพระเทพสิทธิมุนี (โชดก ปธ.๙) ที่คณะห้า วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ท่าพระจันทร์ ในชั่วระยะเวลา ๓๐ วัน ที่ท่านปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างมอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ท่านได้รับประสบการณ์ทางจิตและความก้าวหน้าในญาณอภิญญาต่างๆ มากมาย โดยหลังจากปฏิบัติได้เพียง ๑๐ วัน ท่านสามารถแยกกายกับจิตได้ และได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมเป็นครั้งแรกในชีวิต ณ ลานอโศก วัดมหาธาตุฯนั่นเอง

    เมื่อลาสิกขาบทแล้ว วิถีชีวิตของท่านเปลี่ยนแปลงไปมาก ด้วยความคิด ด้วยคำพูด และการกระทำซึ่งถูกหล่อหลอมจากภาวนามยปัญญา ที่ได้รับจากการพัฒนาจิตวิญญาณในครั้งนั้น ท่านได้รับเชิญเป็นองค์บรรยายด้านหลักธรรม คุณธรรม จริยธรรม ตามหน่วยงานต่างๆ องค์กรต่างๆ มากมาย และหลังจากเกษียณอายุราชการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านยังเป็นอาจารย์พิเศษถวายความรู้แก่พระนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนาด้วย

    ปัจจุบันท่านเป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนธรรม โดยได้นำประสบการณ์ตรงของท่านเองมาเป็นแบบอย่าง สร้างจุดเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับชีวิตของคนจำนวนมาก มีกลุ่มคณะศิษย์ช่วยกันเผยแผ่ผลงานของท่านโดยทำเป็นหนังสือหลายเล่ม เช่น ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข, ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ, ทางสายเอก, ตามรอยพ่อ, การใช้ชีวิตที่คุ้มค่า, มาดสดใสด้วยใจเกินร้อย, อริยมรรค นอกจากนี้ยังมีตลับเทป ซีดี และ MP3 อีกเป็นจำนวนมาก

    ผลงานเรื่อง “ ทางสายเอก ” ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยอาจารย์ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม เพื่อให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสศึกษาถึงประสบการณ์การปฏิบัติธรรมและการพัฒนาจิตวิญญาณของท่านเพื่อเสริมสร้างความศรัทธาในวิชาวิปัสสนากรรมฐาน สุดยอดวิชาเอกของโลก


    คัดลอกมาจาก
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31664
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    การปฏิบัติและเห็นเองในธรรม หากจะพูดให้ใครฟังเช่นคนรอบข้างจะถูกต้องหรือไม่ ถ้าคิดว่าต้องการให้เจตนาที่ดี แต่คิดว่าทุกครั้งที่พูด 10 ครั้งธรรมะเหล่านั้นในตัวที่รู้เหมือนจางหายไป 5 เรื่อง จะทำอย่างไรให้หนักแน่นและรู้ยิ่งขึ้น

    คำตอบ.
    -ถูกต้องถ้าเขาอยากฟังคือต้องเกิดศรัทธาก่อน
    -ไม่ถูกต้องถ้าเขาไม่อยากฟัง คือไม่ศรัทธาทุกครั้งที่พูดธรรมะ ธรรมะเหล่านั้นเหมือนจางหายไป
    -ในหลักธรรมแล้วยิ่งให้ยิ่งมีมาก ถ้าให้แล้วตัวรู้จางหายไปแสดงว่าไม่รู้จริง
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    การฝึกภาวนา บางครั้งฟังเทศน์ไปด้วยแต่เผลอดูลมกำหนดภาวนาเหมือนหลับแต่คำเทศน์ได้ยินหมดเพียงแต่ได้ยินจาง ๆ

    คำตอบ
    - ฝึกด้วยฟังเทศน์ด้วยเป็นการปฏิบัติที่ผิดวิธี ทำให้ขาดสติ ไม่ใช่เจริญสติ
    - ถ้าจะให้เกิดสติต้องกำหนดดูลมหายใจอย่างเดียวหรือฟังเทศน์อย่างเดียวที่เป็นอารมณ์ปัจจุบัน
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    เคยฝึกสมาธิเหมือนนั่งสักพักออกจากสมาธิเหมือนมีกำลัง พลังแต่เป็นได้ครั้งสั้น ๆ หายไปจะทำอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมได้และก้าวหน้า

    คำตอบ
    การฝึกสมาธิไม่มีมีแต่การฝึกจิตให้มีสติ เมื่อใดจิตมีสติ สมาธิเกิดโดยอัตโนมัติ
    -ถ้าอยากให้จิตมีกำลังสมาธิและยาวนานต้องฝึกจิตให้มีสติต่อเนื่องและยาวนานกำลังสมาธิจะมีมากและยาวนาน
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเรื่องพระมหาชนกออกมาเผยแพร่ต่อประชาชน
    ในประเทศและที่สุดได้นำเรื่องทองแดงออกมาเผยแพร่ในทำนองเดียวกันอยากทราบว่าท่านผู้บรรยายเห็นอย่างไร

    คำตอบ
    ความเห็นของผู้บรรยายเห็นว่าเรื่องพระมหาชนกเป็นเรื่องของการทำความเพียรควรอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และทำให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ส่วนเรื่องคุณทองแดงเป็นตัวอย่างของความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณ และเป็นเรื่องของวาสนาคือบุญที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีตส่งผลให้ได้รับการอุปถัมภ์ได้รับใช้ใกล้ชิดผู้มีบารมีสูง

    ตัวอย่างสุนัขที่คอยระวังให้พระโพธิสัตว์ตายแล้วยังได้ไปเกิดเป็นโฆสกเทพบุตร สุนัขยังมีวาสนาดีได้ ทำไหมเราเป็นมนุษย์ที่มีกำเนิดสูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉานจะไม่สร้างวาสนาให้กับตัวเองด้วยการสร้างและสั่งสมบุญกิริยาวัตถุ 10 ด้วยตัวเองเหล่า
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ที่กล่าวว่า “บุญเป็นอริยทรัพย์” ผู้อื่นเอาไปไม่ได้ โจรปล้นไม่หาย ไฟไหม้ไม่หาย ฯลฯ การทำบุญอุทิศให้บรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่าจะได้บุญกุศลที่เราส่งให้หรือไม่ (ประยุกต์แนวคิดนี้ใช้กับการแผ่เมตตา กรวดน้ำได้อย่างไร)

    คำตอบ
    ได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศส่งไปถ้าเขาอยู่ในสถานภาพที่รับได้ เช่นสื่อสารถึงกันได้ คือโทรจิตมีความถี่คลื่นเดียวกันและแรงส่งของคลื่นไปถึงผู้รับ (เช่นเรื่องของเด็กหญิงพิมพวดีซึ่งเขียนโดยนายแพทย์อาจินต์ บุญเกียรติ)

    -ไม่ได้รับบุญกุศลเช่นบรรพชนไปเกิดในภพภูมิที่กันดารห่างไกล สัตว์นรกทุกขณะจิตเสวยแต่ความทุกข์ เปรตทุกขณะจิตเสวยแต่ความหิวโหย ยกเว้นเปรตปรทัตตุปชีวี ที่พอจะมีเวลาว่างคอยรับส่วนบุญจากผู้อุทิศให้ ตัวอย่างเช่น อดีตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร

    -การกรวดน้ำเป็นการทำจิตนิ่งเป็นสมาธิคือจูนความถี่คลื่นจิตให้มีกำลังแรงเพื่อจะได้สื่อไปถึงผู้รับวิธีนี้เคยมีขึ้นในครั้งพุทธกาล ที่พระเจ้าพิมพิสาร ถวายอาหารแด่พระพุทธเจ้าและสาวกแล้วหลั่งทักษิโณทกให้กับอดีตญาติที่เป็นเปรตมารอรับส่วนบุญ

    -การแผ่เมตตาคือความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ปัญญามีอยู่ว่าถ้าผู้ให้มีเมตตา ผู้ให้ต้องมีความสุขได้ก่อน จึงจะแผ่ให้ผู้อื่นได้ เครื่องบ่งชี้ความเมตตาของผู้ให้คือต้องเป็นคนเย็นไม่มีโทสะหรือความโกรธหรือความฉุนเฉียวได้ก่อนผู้นั้นจึงจะชื่อว่าเป็นผู้มีความเมตตาถ้ามีความเมตตาแล้วส่งความเมตตาให้ใครผู้รับก็ได้รับความเมตตา(ความสุข)จริงไม่เป็นโมฆะ
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ทำไมผู้มีบุญจึงไปจุติชั้นดุสิตมากทำไมไม่ไปเกิดชั้นที่สูงกว่าครับ

    คำตอบ
    คำว่าจุติแปลว่าตายมักใช่กับเทวดาเช่นจุติจากเทวดามาปฏิสนธิ (เกิด) เป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้มีความประพฤติแบบพระโพธิสัตว์คือทำตัวเป็นผู้ให้มุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนะวัตถุเป็นต้น เมื่อถึงเวลาทิ้งขันธ์ลาโลกแล้วจะได้ไปเกิดภพดุสิต ตัวอย่างเช่นอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่สร้างวัดเชตวันถวายไว้ในพุทธศาสนา

    มนุษย์ที่ทำบุญอย่างอื่นเช่นนันทิยมาณพ คหบดีแห่งเมืองพาราณสีทำโรงทาน สร้างศาลาตายแล้วไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในดาวดึงส์ ผู้ใดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก (เจริญไตรสรรณคมน์) และรักษาศีล 5 อยู่เนื่องนิตย์ตายจากมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นเทพบุตร, เทพธิดาในดาวดึงส์ได้

    สรุปถือว่าจะไปเกิดที่ไหน ขึ้นอยู่กับชนิดของบุญและความมากน้อยของบุญที่กระทำก่อนตายนั้นเอง

    -ผู้ที่เกิดสูงกว่าชั้นดุสิต เช่นหญิงชรายากจนเอาน้ำผักดองใส่บาตรรพระมหากัสสปะที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติในวันที่ 7 เห็นพระมหาเถระฉันน้ำผักดองแล้วเกิดปิติ ตายไปเกิดเป็นเทพนารีชั้นนิมมนนรดีซึ่งสูงกว่าชั้นดุสิต ซึ่งเป็นเหตุมาจากอานิสงส์ของบุญที่ได้ทำกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ที่บ้านมียายอายุ 96 ปี เสียชีวิตได้ 2 ปีแล้ว หลังจากที่ยายเสีย แม่จะเห็นคนโบราณทั้งชายหญิงและเด็กผมจุกอยู่ในบ้านด้วยจะเห็นในตอนกลางคืน บ่อยครั้งมาก บางทีเห็นตอนหลับบางทีเห็นตอบเคลิ้มหลับ เรียกให้คนดูแต่คนอื่นไม่เห็นด้วย เรียนถามอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรดีและภาพที่แม่เห็นนั้นเป็นอะไร ทุกวันนี้ก็ยังเห็นอยู่

    คำตอบ
    ภาพที่เห็นนั้นเป็นลายละเอียด ซึ่งยืนยันว่าภพอื่นมีจริงทำบุญอุทิศไปให้ผู้ที่เห็นในภาพปรากฏนั้นดีที่สุด
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    การปฏิบัติธรรมมีหลายแบบ ทั้งการกำหนดลมหายใจ การกำหนดอิริยาบถย่อย ฯ เราจะทราบได้อย่างไรว่าอย่างไหนถึงจะเหมาะสมกับเรามากที่สุดครับ

    คำตอบ
    แบบที่ทำให้เกิดสมาธิได้ง่ายและเกิดสมาธิได้ยาวนานนั้นเหมาะกับเราที่สุด
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    เวลาอยู่คนเดียวจะภาวนาได้โดยกำหนดลมหายใจ แต่เมื่ออยู่กับคนอื่น ๆ จะลืมสติทุกครั้ง จะฝึกอย่างไรดีจึงจะมีสติตลอดเวลา

    คำตอบ
    ฝึกบ่อย ๆ ฝึกสติทุกครั้งที่นึกได้ ฝึกจนเป็นมหาสติตาเห็นภาพมีสติคุม หูได้ยินมีสติคุม ลิ้นสัมผัสรสอาหารมีสติคุม จมูกสัมผัสกลิ่นมีสติคุม กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งมีสติคุม ใจปรุงอารมณ์มีสติคุม ถ้ามีอินทรียสังวรอย่างนี้ตลอดเวลาที่ตื่น จะอยู่กับใครได้ทั้งนั้น จิตไม่ฟูไม่แฟบ ไม่หวั่นไหว ไม่คล้อยตามจิตมีแต่ความสงบเป็นอารมณ์ อย่างนี้เรียกว่ามีมหาสติผู้ใดทำได้ถือว่าเข้าถึงมหาสติ
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ความคิดอกุศลที่เกิดขึ้นในจิตใจ เป็นความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด แต่มันคิดขึ้นมาเองเราจะมีวิธีแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เพราะปัญหานี้สร้างความทุกข์ใจให้ตัวข้าพเจ้ามาก

    คำตอบ
    เรื่องเป็นผลมาจากโปรแกรมของจิตที่เป็นอกุศลเราสร้างและสั่งสมไว้ในใจของเราเอง เป็นผลงานไม่ดีของเราเอง ทางที่ดีควรลบทิ้งโปรแกรมจิตที่เป็นอกุศลให้หมดไป ถ้าไม่ลบทิ้งโปรแกรมฯนี้ยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกไม่มีปัญญา ถ้าโปรแกรมโผล่ขึ้นในจิตสำนึกและให้ผลไม่ดี เจ้าของโปรแกรมอกุศลนี้จะเดือดร้อนเป็นทุกข์ ฉะนั้นต้องเจริญอินทรีย์พละ5 ให้แก่กล้าแล้วพิจารณาโปรแกรมอกุศลตามกฎไตรลักษณ์เพื่ออกุศล เข้าสู่อนัตตา และไม่กลับมาปรากฏในจิตอีกแสดงว่า โปรแกรมอกุศลถูกลบทิ้งไปแล้ว เราก็จะมีใจที่เป็นสุขตลอดไป
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรกับความคิดที่ว่า “พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย แดนพุทธภูมิคือประเทศไทย”

    คำตอบ
    โลกเขาสมมติกันว่าใครเกิดบนแผ่นดินไหน ก็เป็นคนของ (สัญชาติ) แผ่นดินนั้น เราเกิดบนแผ่นดินไทย (อดีตถูกสมมติเรียกว่าสุวรรรณภูมิ) เรามีสัญชาติไทย เราเป็นคนไทย เจ้าชายสิทธัตถะเกิดบนแผ่นที่ถูกสมมติเรียนว่าชมพูทวีปมีสัญชาติชมพูทวีป เรียกว่าเป็นคนชมพูทวีป

    ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ตรัสรู้บนแผ่นดินชมพูทวีป พระพุทธเจ้าก็น่าจะเป็นคนชมพูทวีปตามสมมตินิยมที่เขาบัญญัติกันขึ้น ถ้าท่านจะเรียกว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ก็เป็นความเห็นเฉพาะตัว คนอื่นไม่เห็นด้วย ส่วนที่ว่าแดนพุทธภูมิคือประเทศไทยก็เป็นความเห็นเฉพาะตัว คนอื่นไม่เห็นด้วยเช่นกัน
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    อานิสงฆ์ของการบริจาคโลงศพและผ้าห่อศพให้กับปอเต๊กตึ้ง (แบบคนจีน) โดยทำทุกปี จะมีอานิสงส์อย่างไร

    คำตอบ
    อานิสงส์ที่จะกลับมาสู่ผู้บริจาค คือได้เพื่อนดีและมีเครื่องนุ่งห่มดี ถ้าจิตของผู้ตายไปเกิดใหม่เป็นเทวดา , นางฟ้า เราจะได้เพื่อนที่เป็นเทวดา , นางฟ้า ถ้าให้กับคนที่ถูกรถชนตายบนถนน เราจะได้เพื่อนดีที่เป็นสัมภเวสี คอยดูแลปกป้องเราให้พ้นจากภัยบนท้องถนน สัมภเวสีก็ได้รับเครื่องนุ่งห่มด้วย
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ถ้าโลกแตกด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม มนุษย์ตายหมด แล้วจะมีภพที่เป็นมนุษย์อยู่ที่ไหนอย่างไรคะ

    คำตอบ
    ถ้าเราแหงนดูหมู่ดาวที่ประกอบกันขึ้นเป็นทางช้างเผือก ซึ่งถูกสมมติเรียกว่า กาแลกซี่ ซึ่งประกอบดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และเทหวัตถุ ในฟากฟ้า อีกนับจำนวนไม่ถ้วน ในเอกภพมีจำนวนการแลกซี่มากกว่าล้านกาแลกซี่ นับเฉพาะทางช้างเผือกเพียงกาแลกซี่เดียว ผู้มีประสบการณ์รู้ว่าดาวที่มีมนุษย์อาศัยอยู่มีอยู่ 16 ดวง ผู้ตอบคำถามยืนยันโดยเอาหลักฐานมาแสดงไม่ได้ ว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง

    ที่ถามว่าถ้าโลกแตกแล้วจะไปอยู่ที่ไหน อย่างไร ตอบว่าเมื่อโลกแตกจิตต้องทิ้งร่างนี้ก่อน แล้วพลังงานจิตที่มีเหตุปัจจัยลงตัวว่าต้องไปเกิดในภพมนุษย์ จะเคลื่อนที่ไปปฏิสนธิในครรภ์ของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดาวดวงอื่น
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    สามีไม่พอใจเวลาภรรยามาฟังธรรม ทำให้ภรรยาไม่สบายใจจะมีอุบายอย่างไรที่จะให้ภรรยาสบายใจ

    คำตอบ
    ต้องตรวจสอบตัวเองว่า ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่มีต่อครอบครัวได้ครบหรือยัง ถ้าหน้าที่ยังบกพร่อง คนอื่น ๆ ในครอบครัวมีสิทธิไม่พอใจ มีสิทธิตำหนิได้ ถ้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้วไปฟังธรรมหาความดีใส่ตัว แล้วสามียังไม่พอใจที่ภรรยาทำความดี ถือว่าเป็นกรรมของตัวเอง ที่ไปเลือกเขามาเป็นสามีเพื่อใช้หนี้เวรหนี้กรรมที่ผูกไว้ ให้อภัยเขา หาความดีใส่ตัวแล้วแผ่เมตตาให้เขาไป
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ขอให้ท่านพระอาจารย์อธิบายถึงวัฎของขันธ์ 5 ซึ่งมี วิบาก กิเลส กรรม อยู่ในวัฎของขันธ์ 5 นี้

    คำตอบ
    ผู้ที่ศึกษาวิชาพุทธศาสตร์ สมมติเรียกร่างกายของคนที่ยังมีชีวิตว่าประกอบด้วยขันธ์ 5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ทั้ง 5ขันธ์นี้เรียกย่อว่า รูปและนาม หรือจะเรียกว่าร่างกายกับจิต (จิตใจ) ก็ได้

    ส่วนคำว่าวัฎ (วัฏฏะ) แปลว่า วนเวียนด้วยกำลังของกิเลส กรรมและวิบาก คำว่ากิเลสหมายถึงสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง กรรมหมายถึงการกระทำ ถ้าทำสิ่งที่เศร้าหมอง (กิเลส) เช่นฆ่าสัตว์ ลักขโมย ประพฤติผิดลูกเมีย พูดเท็จ จะนำมาซึ่งผลที่ผู้กระทำต้องได้รับเรียกว่า วิบากไม่ดี (อกุศลวิบาก) ทำให้ใจเป็นทุกข์

    ตัวอย่างที่ 1 วัยรุ่นบางคนอยากมีโทรศัพท์มือถือ (กิเลสเกิด) จึงไปลักขโมยหรือจี้ปล้นเอาโทรศัพท์มาเป็นของตัว (กรรมเกิด) ถูกตำรวจจับได้ทำให้สูญเสียอิสรภาพ ได้รับผลไม่ดี (อกุศลวิบากเกิด) เมื่อได้รับผลของกรรมแล้วกิเลสก็เกิดขึ้นอีก แล้วทำกรรมอีก แล้วเสวยผลของกรรมอีกวนเวียนอย่างนี่ไม่สิ้นสุด ทั้งนี้เป็นเหตุมาจากใจที่มีความอยากได้จึงสั่งให้ร่างกาย ทำตามสิ่งที่ใจต้องการ ผลสุดท้ายเกิดทุกข์ตามมาไม่สิ้นสุดเป็นวงจรแห่งทุกข์

    ตัวอย่างที่ 2 ไปจี้ปล้นโทรศัพท์เขา แต่ตำรวจจับไม่ได้ตัวเองได้โทรศัพท์มาใช้สมใจอยาก เกิดเป็นสุขเวทนา ทำให้ใจฮึกเหิมอยากได้รุนแรงยิ่งขึ้น จึงทำกรรมไม่ดีซ้ำอีก ตำรวจจับไม่ได้อีก อกุศลกรรมนี้ฝังอยู่ในใจ ตายแล้วจิตออกจากร่างแต่เป็นจิตเศร้าหมอง ต้องไปปฏิสนธิ (เกิด) เป็นสัตว์ในอบายภูมิ (อกุศลวิบาก) ผลสุดท้ายเกิดทุกข์ตามมา เป็นวงจรแห่งทุกข์
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ถ้ามีบุญน้อยจะเจริญวิปัสสนาได้หรือไม่ (เพราะเราไม่รู้ว่าบุญเรามีน้อยหรือมาก)

    คำตอบ
    เจริญวิปัสสนาได้ แต่ได้ผลช้าต้องใช้เวลาปฏิบัติยาวนานที่เป็นเช่นนี้เพราะกำลังของบุญมีน้อย จึงทำให้การปฏิบัติกรรมฐานเนิ่นช้า

    ถ้าประสงค์เจริญวิปัสสนาได้รวดเร็ว ต้องนำตัวเองประพฤติปฏิบัติสิ่งที่เป็นบุญให้มากขึ้น (บุญกิริยาวัตถุ 10) ใกล้ชิดบัณฑิตในทางธรรม คบหากัลยาณมิตร เลือกนาบุญดี ๆ ทำ คือทำบุญด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา มากกว่าใช้ศรัทธา
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ดิฉันเป็นคนมีหนี้มาก ซึ่งเป็นหนี้มาจากการทำการค้าในอดีต (หนี้จากครอบครัวที่ทำการค้าร่วมกันในอดีต) ขณะนี้ดิฉันได้พยายามทำงานเพื่อชำระหนี้ แต่รู้สึกว่าดิฉันไม่ค่อยได้ทำบุญ สิ่งนี้จะทำให้ดิฉันทำสิ่งใดไม่ราบรื่นหรือไม่

    คำตอบ
    ที่ถามมาเข้าใจว่าเป็นหนี้ทางวัตถุ (หนี้ทางรูปธรรม) ส่วนหนี้เวร หนี้กรรม หนี้บุญคุณ เป็นหนี้ทางนามธรรม เป็นหนี้ใด ๆ เมื่อมีเหตุปัจจัยลงตัว (ถึงเวลาใช้หนี้) ก็ต้องชดใช้

    ตัวอย่าง ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีชายผู้หนึ่งทำอาชีพเลี้ยงสัตว์มีชีวิตส่งขายเพื่อฆ่า ทำอาชีพนี้ระยะแรกรุ่งเรืองดี ไม่ทรัพย์เป็นกอบเป็นกำสมกับการลงทุนลงแรงที่เหนื่อยยาก (บุญเก่าส่งผล) ทำอาชีพนี้อยู่หลายปี บุญเก่าหมด และอกุศลกรรมที่เกิดจากอาชีพเบียดเบียน(มิจฉาอาชีวะ) ให้ผลเป็นสิ้นเนื้อประดาตัวและเป็นหนี้จึงเลิกอาชีพดังกล่าว กลับมาสั่งสมบุญใหม่ด้วยการับจ้างทำอาหารแจกเป็นทาน ให้กับผู้ที่มาในงานออกนิโรธกรรมขอพระสงฆ์ กุศลกรรมแบบนี้ทำให้ใจเป็นสุขมากขึ้น ส่วนหนี้เก่าก็ใช้คืนไปเท่าที่ทำได้ แม้จะเป็นหนี้ทางวัตถุแต่ใจเป็นสุขนับว่าโชคดี ทุกคนที่เกิดมาไม่มีใครไม่เป็นหนี้ เป็นหนี้น้อยก็สุขมากเป็นหนี้มากก็สุขน้อย ไม่เป็นหนี้เลยก็ไม่ทุกข์

    สรุปคือว่าถ้าเป็นหนี้มาก ควรจะทำบุญให้มาก ใจจะได้มีความสุขมาก พระพุทธเจ้าเป็นหนี้พระเทวทัต พระโมคคัลลานเป็นหนี้แม่ที่ถูกทุบตาย พระองคุลีมาลเป็นหนี้คนที่ถูกฆ่าตายแต่ทั้งสามท่านมีความสุขด้วยการมีจิตเป็นอิสระจากเจ้าหนี้ทั้งหลาย
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ดิฉันเคยมีลูกสาวคนเล็กอายุ 15 ปี หูข้างขวาไม่ได้ยินรักษาไปหลายทางหาหมอ ฝั่งเข็มต่อมาไปหาอาจารย์หมอว่าไม่มีทานได้ยินเพราะไม่มีเส้นประสาทหู ดิฉันอยากถามว่าจะทำบุญอย่างไรถึงจะมีอานิสงส์เจอหมอที่รักษาหูให้ได้ยิน

    คำตอบ
    คำว่าเคยมี แสดงว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ก็ไม่จำเป็นหาหมอไปรักษา โรคทุกชนิดเกิดจากการกระทำที่ไม่ดีของตัวเอง บางโรครักษาง่ายเช่น โรคขาดอาหาร ถ้ากินอาหารให้ถูกส่วนก็หายได้ โรคท้องร่วงกินยาฆ่าเชื้อโรคก็หายได้ โรคที่เกิดจากพันธุกรรมผิดปกติรักษาไม่หาย เช่นตาบอด ตาบอดสี ประสาทหูเสื่อม ประสาทหูเสื่อมยังสามารถใช่เครื่องช่วยฟังได้ ประสาทหูไม่มีแก้ไขไม่ได้เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถต่อระบบประสาทรับเสียงที่หูได้ วิธีดีที่สุดช่วยตัวเอง เมื่อหูเนื้อหูหนังใช้ไม่ได้ เปลี่ยนไปใช้หูทิพย์ (ทิพพโสต) แทนด้วยการฝึกจิตให้มีสติสูงสุด จนจิตนิ่งเป็นฌาน 1-4 ได้ ถอนจิตออกจากฌาน ก็สามารถเกิดอภิญญา (ทิพพโสต) ได้ วิธีนี้ดีที่สุดทำได้แต่ยากหน่อย
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ผู้ที่ตายพร้อม ๆ กันมาก ๆ จากภัยธรรมชาติผู้คนตายจำนวนมากทำกรรมอะไรร่วมกันมา

    คำตอบ
    การตายร่วมกันจำนวนมาก เหตุเกิดจากการร่วมกันทำบาปมากเช่น ฆ่าสัตว์มาก เบียดเบียนชีวิตของสัตว์มาก แต่ร่วมกันทำบุญน้อย

    ส่วนภัยธรรมชาติเกิดจากธรรมชาติถูกทำลายมากถูกเบียดเบียนมาก ธรรมชาติต้องปรับตัวเองให้กลับสู่สมดุลอย่างรุนแรงและรวดเร็ว สัตว์บุคคลที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีการปรับสมดุล หากมีบาปมากมีบุญน้อย ต้องรับอกุศลวิบากรุนแรง หากมีบุญมากกว่าบาป ก็ได้รับอกุศลวิบากน้อย ถ้าไม่ได้ทำบาปดังกล่าวข้างต้น ก็ไม่ต้องนำตัวเข้าไปรับอกุศลวิบากจากภัยที่กล่าวถึง
     

แชร์หน้านี้

Loading...