ดำลงไปใต้เกาะคำชะโนด

การสำรวจพื้นที่ใต้เกาะคำชะโนด โดยทีมงานมูลนิธิกู้ภัยสว่างเมธา อุดรธานี
การดำลงไปสำรวจพื้นที่เกาะด้านล่างยังไม่มีใครกล้าทำมาก่อนเพราะชาวบ้านเชื่อว่าบริเวณรอบเกาะมีจรเข้ที่คอยดูแลเกาะให้เจ้าปู่ศรีสุทโธอยู่(จรเข้ตัวนี้คือเรือของเจ้าปู่ศรีสุทโธ ที่โดนชาวบ้านไล่ล่าและเอาเนื้อมากินตามตำนานเล่าขาน)
จากการสำรวจของนักประดาน้ำกล่าวว่าน้ำข้างล่างใต้เกาะคำชะโนดใสมาก มีหางสาหร่ายและสามารถดำเข้าไปได้อีก คำกล่าวจากการดำลงไปครั้งแรก
การลงไปครั้งที่สองคือการลงไปบันทึกภาพของเกาะคำชะฯดนักประดาน้ำดำลงไปในทิศทางเดิม20เมตรผ่านไปประมาณ10นาทีก็ได้รับสัญญาณให้ดึงเชือกกลับเพราะเข้าไปไม่ได้จึงดึงเชือกสัญญาณขอขึ้นฝั่ง
***คำกล่าวของนักประดาน้ำ**ข้างในเป็นโพรงเข้าไปเหมือนถ้ำลอยได้ทางโล่ง แต่พอครั้งที่สองปรากฎว่ามันตันเป็นรากหญ้ายาวติดกันเป็นพื้นเข้าไปไม่ได้ไม่เหมือนรอบแรกมีเพียงกิ่งไม้รากหญ้าบางๆ ผมพยายามเครียร์ออกแล้วแต่ก็เข้าไปไม่ได้เวลาแหวกหญ้าเข้าไปเหมือนกับคนมาดึงไว้ไม่ให้เข้าไป นับว่าเป็นการสำรวจที่ท้ายมากในการดำลงไปใต้เกาะคำชะโน
ส่วนตัวกระผมเองก็เป็นคนในอำเภอนั้น เคยไปมาก็หลายครั้งเห็นเรื่องแปลกๆก็บ่อยแต่สภาพปัจจุบันไม่เหมือนเดิมตามยุคสมัยมีการก่อสร้างมากมายภายในวัดและในเกาะคำชะโนดเอง "จอมเพชร"

 

มีน้อยคนที่กล้าทำอย่างคุณ
ใครๆก็อยากรู้ว่า ข้างล่างมีอะไร

 

ไม่ทราบว่าได้ทำพิธีอะไรก่อนเข้าไปสำรวจหรือเปล่าคะ

 

เห็นด้วยทีเดียว ต้องบอกว่าคุณกล้าหาญมากจริง ๆ เพราะเท่าที่ดิฉันติดตามอ่านหนังสือของหลวงปู่คำคะนึง หรืออีกหลายท่าน ชนิดที่ว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับที่แห่งนี้จะไม่มีพลาดนั่นเพราะดูเป็นเรื่องที่ลึกลับยากแก่การพิสูจน์ดด้วยตาเนื้อนะคะที่พูดเช่นนี้เพราะเท่าที่ได้ศึกษาเรื่องนี้และถามหลวงปู่ หลวงพ่อ พระอาจารย์หลายองค์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว้่า อย่าลงไปเลย ไม่มีทางได้พบเห็นอะไรหรอกเพราะถ้ำของท่านพ่อ(ศรีสุทธโธ) หรือวังบาดาลที่ว่านี้น่ะ จะไม่มีทางพบเห็นได้ด้วยตาเนื้อค่ะ หากจะพบหรือเห็นได้ต้องเข้าฌาน 4 ถึงจะได้สามารถเห็นได้น่ะค่ะ และที่หลวงปู่คำคะนึง ท่านพบเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ๆ น่ะ หากท่านได้อ่านประวัติท่านแล้วท่านเองก็เกือบมรณภาพ เพราะดำลงไปพิสูจน์แบบนี้(ไม่มีชุดประดาน้ำ)นะคะ ท่านเพียรอยู่ หลายรอบมากค่ะ จำได้ว่า 3-4 หน หรือไงไม่แน่ใจ แต่ครั้งสุดท้ายท่านต้องอธิษฐานและฉันเจด้วยเท่าที่จำได้แล้วดำลงไป ก็เกือบมรณภาพอีกเหมือนกันแต่ดีที่ท่านเพียงแค่อยากชมดูเฉย ๆ มิได้ต้องการอะไรจริง ๆ จึงได้พบได้เห็น ท่านเล่าเอาไว้ เพราะเหมือนทางเข้าจะมีเถาวัลย์รกรุงรังมากมายจับดูก็ไม่มีทางเข้าได้เลยหากบาดาลไม่อนุญาติ แต่เมืออนุญาติแล้วก็มีตนมานำท่านเข้าชมจนทั่ว ว่ากันว่าท่านไปก็น่าจะ 2 หรือ 3 วันนีละค่ะแล้วต้องรีบกลับออกมาไม่เช่นนั้นท่านจะเสียชีวิตเพราะเนื้อมนุษย์มิอาจทนพิษแห่งพญานาคทีคายไว้ได้นาน และก็มีอีกหลายห้องในถ้ำท่านไม่สามารถเข้าไปได้เพราะหากเข้าไปแล้วจะไม่สามารถกลับออกมาสู่โลกมนุษย์ได้อีกเลย ท่านยังเห็นน้ำไหลบนศีรษะท่านๆว่า เหมือนมีแผ่นกระจกบาง ๆ กั้นน้ำกับถ้ำไว้ ท่านยังถามพญานาคว่า น้ำที่ไหลข้างบนก็คือแม่น้ำโขงนั้นเอง แต่มนุษย์จักไม่วันหรือไม่ว่าเทคโนโลยีจะดีล้ำเลิศเพียงไร ก็ไม่สามารถพบเห็นได้แบบท่านเพราะถ้าจะมาต้องมาด้วยสภาวะทิพย์หรือการเข้า ฌาน น่ะค่ะ และยังจำได้ว่า ท่านว่า ดงคำชะโนดนั้นเป็นทางขึ้น-ลงของเหล่าพญานาค ส่วนทางฝั่งลาวที่นั้นก็มีปากประตูถ้ำเป็นทางขึ้น-ลงบาดาลเหมือนบ้านเราเช่นกัน ต่างกันตรงทีว่า พญานาคบ้านเราฝั่งคนไทยจะมีแค่ 1 เศียร ส่วนทางฝั่งลาว จะมี 7 เศียร ค่ะ ทั้งไทยกับลาวพญานาค 2 ตนนี้จะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน หลวงปู่ท่านเคยเล่าเอาไว้ค่ะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านเจ้าของกระทู้ลงเรื่องนี้ทำให้ต้องรีบเข้ามาอ่านเพราะ น้อยคนจริง ๆ ที่จะกล้าแบบนี้ และต้องคอยลุ้นตลอดว่าลงไปแล้วท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เจริญในธรรม กำหนดมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติเสมอค่ะ[/COLOR][/SIZE]

 

อาจจะเป็นข้อมูลที่นักประดาน้ำในทีมที่เคยไปสำรวจ ร่วมกับคณะนักวิชาการนักวิทยาศาสตร์และทีมงานจากรายการเรื่องจริงผ่านจอที่ไปสำรวจเพื่อหาคำตอบความมหัศจรรย์ของเกาะคำชะโนดว่าลอยน้ำได้อย่างไรในทางธรรมชาติ ซึ่งการสำรวจครั้งนั้นมีทั้งนักวิชาการผู้ศึกษาวิจัยเกาะคำชะโนด และนักธรณีวิทยาจากกรมทรัพยากรธรณี

.....จากการสำรวจเบื้องต้นนักประดาน้ำกล่าวว่า “ข้างล่างน้ำใสมาก เห็นแต่หางสาร่าย และสามารถเข้าไปต่อได้”

การลงไปครั้งที่สองคือการลงไปบันทึกภาพของเกาะคำชะโนด นักประดาน้ำสองคนดำลงไปในทิศทางเดิมระยะกว่า 20 เมตร ผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็ได้รับสัญญาณให้ดึงเชือกกลับ เพราะเข้าไปไม่ได้แล้วจึงดึงเชือกขอขึ้นฝั่ง

“ข้างในเป็นโพรงเข้าไปเหมือนถ้ำลอยได้ เคลียร์สะดวกทางโล่ง พอครั้งที่ 2 ปรากฏว่ามันตันเป็นรากหญ้ายาวติดพื้นเข้าไปไม่ได้ ไม่เหมือนรอบแรกมีกิ่งไม้หญ้าบ้าง ผมพยายามเคลียร์ออกแล้วแต่ก็เข้าไปไม่ได้ เวลาแหวกหญ้าเข้าไปเหมือนกับคนมาดึงไว้ไม่ให้เข้าไป”


“ครั้งแรกที่เข้าไปอาจเป็นการไปทำช่องว่างให้เกิดขึ้น เมื่อเราทำช่องว่างเกิดขึ้นมันจะต้องปรับตัวใหม่ สวะที่อยู่ข้างบนหรือรากไม้ วัชพืชที่เกิดอยู่ในน้ำมันต้องปรับตัวใหม่ ตรงไหนมีช่องว่างมันก็ขยับเหมือนเราขยับเข้าที่

พอไปอีกทีมันก็มาปิดบังแล้ว จะมีต้นไม้บางชนิดที่สามารถเกิดอยู่ในน้ำและบนดินที่เรียกว่าเกาะลอย บางส่วนผมเชื่อว่ามันหยั่งลงไปชั้นดินหรือชั้นหินที่อยู่ข้างล่างใต้หนองน้ำ” (นักธรณีวิทยาจากกรมทรัพยากรธรณี) กล่าวสรุป

อย่างไรก็ตามชาวบ้านเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนต้องห้าม ที่บางทีเราเองไม่ควรก้าวล้ำเข้าไป แต่การสำรวจทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้มีส่วนช่วยทำให้รู้ว่าเกาะนี้ลอยได้โดยรากของต้นชะโนดหยั่งลึกลงพื้นดินใต้น้ำเกาะคำชะโนด

อือม....นักวิทยาศาสตร์ก็คงสำรวจได้แต่ภายนอกเกาะหรือรอบๆ เกาะเท่านั้น ส่วนหลวงปู่คำคะนิง ท่านได้เข้าไปสำรวจภายในถ้ำซะทะลุปรุโปร่ง แถมมีพญางูเป็นมัคคุเทศก์นำทางซะด้วย ลองเข้าไปอ่านดูก็ได้ค่ะที่ หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี บุกเมืองพญานาค ฯ มหัศจรรย์มากๆ

ที่มา�Ҷ�þ���ҤӪ�⹴ : ��Ҽ׹�ش���� ������ 2,000 �� �ҡ���͡ ����๪��� oknation.net

 

เรื่องนี้ ได้มาการดำลงไปนานแล้วนะครับ ถ่ายทอดทางรายการ บันทึกลึกลับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=1sHmTPRO_RU]บันทึกลึกลับ วังนาคินทร์คำชะโนด [2/5] - YouTube[/ame] ประมาณ น.4 ครับ

 

ถูกต้องแล้วครับ...ผมประสบเรื่องบางอย่าวที่คำชะโนดมาก็เยอะ
สมัยเด็กปั่นจักรยานไปกับเพื่อนจากตัว อ.บ้านดุง-คำชะโนด 11กิโล(ไปทางลัดเพื่อจะทะลุเส้นหลัก)คนพื้นที่อย่างผมไม่มีหลงแน่นอน...แต่หาคำชะโนดไม่เจอ เพื่อนบอกกลับเถอะกูเหนื่อยตามประสาเด็ก ป.6 แต่ผมไม่ยอมมาไกลแล้วก็เลยนั่งพักที่หลักกิโล อ้าวววนั่นไงคำชะโนด จับจักรยานได้ไปเลยครับได้ไปบ่น้ำศักดิ์สิทธิ์ตักกันในบ่เลยไม่เหมือนทุกวันนี้ที่ดูมาอีกบ่อหนึ่ง

 

รอยพญานาคขนาดใหญ่ประมาณ หน้ายางรถกระบะเลื้อยรอบศาลาวัดที่อยู่ในคำชะโนด
หากอยากกราบไหว้ก็จะมีสองที่ครับ ศาลหลักเมืองบ้านดุง กับ คำชะโนด ครับ บางเรื่องการท้าทายก็มีครับแต่ผมไม่ขอเล่า...บอกแค่ว่าคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว

 

มาพูดถึงเรื่องวัตถุมงคลบ้าง...
รุ่นเรก สมเด็จพิชัยมุนี ปี14
มีพระเกจิสายกรรมฐาน หลวงปู่ขาว วัดถ้ากลองเพล หลวงปู่ฝั้น วัดถ้ำขาม เป็นต้น
(ขอยืมภาพจากเว็ปนะครับ เพราะของผมไม่สวยเท่าไหร่)

 

จากคลิป...เป็นคำชะโนดสมัยไหม่ซึ่งผมก็ว่าดูไม่สวยงามเหมือนแต่ก่อน รูปปั้นพญานาคที่ข้างบ่น้ำพึ่งสร้างเสร็จเมื่อประมาณ ปี53-54 เพราะตอนสร้างรูปปั้นพญานาคที่ทอดยาวเข้าไปเกิดการชำรุดหลายครั้ง ต้นชะโนดก็เคยหักทับแตกหักมาหลายจุดกว่าจะสร้างเสร็จ ส่วนรายละเอียดตามคลิปเลยครับ

 

ไปคำชะโนดหลายครั้งค่ะ
มีความรู้สึกว่าคำชะโนดไม่เหมือนเดิม คือต่างจาากเดิมมากๆ
ทั้งด้านบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม....ธุรกิจ...
และอะไรหลายๆอย่างค่ะ

 

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมาเผอิญดิฉันได้เดินทางมาทอดกฐินด้วยตัวเองกับครอบครัวและคณะ กฟผ. แต่ดิฉันขับรถมาเองไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์หลายที่และก่อนกลับกรุงเทพฯด้วยความที่อยากรู้มานาน 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น อ่านมาก็เยอะหลวงพ่อ หลวงปู่เล่าก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองว่าเป็นอย่างไร เพื่อน ๆ เคยมาก็มาเล่าจำได้ว่า วันนั้นค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะไม่เคยมา ก็ซื้อดอกไม้ธูปเทียนไหว้เหมือนคนอื่น ๆ นะค่ะ ตอนที่ต้องถอดรองเท้าและเดินเข้าไปในเมืองพญานาค(คำชะโนด) อากาศร้อนอบอ้าวข้างนอกแต่ข้างในออกเย็น ๆ มีลมพัดตลอดสบายๆ ดิฉันก็แหงนมองดูต้นไม้ที่นับว่าสูงมากหากเทียบกับกรุงเทพฯแล้วสูงมากอีกทั้ง มีลักษณะเหมือนต้นไม้โบราณที่เดี๋ยวนี้ก็ไม่น่าจะเห็นเหมือนที่เขาถ่ายหนังหลุดเข้าไปเจอป่าเก่าๆ และทันทีที่เดินลงไปไหว้ที่ศาลท่านแม่(พญานาคี)แล้ว ดิฉันค่อนข้างแปลกใจว่าเออหนอที่นี้เขาแต่งชุดขาวกันเยอะมาก ๆ เขาคงเคร่งเพราะเป็นวันกฐินมั้ง เห็นนั่งกันทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่ดิฉันจะเข้าไปนั่งก็ไม่สามารถเพราะเขานั่งกันแบบไม่มีเว้นวรรคเบียดกันแน่นคนก็สวนกันขวักไขว่เยอะมาก และหลังจากไปชมบ่อน้ำศักสิทธิ์ก็ได้ยินเสียงคนฮือฮาว่ามีผู้ชายคนหนึ่งถ่ายรูปพญานาคได้ ดิฉันยังเข้าไปขอดูด้วยตัวเอง ก็เห็นเป็นเหมือนชอล์คสีขาวเขียนอยู่ในรูปที่ถ่ายได้เป็นรูปหัวพญานาคชัดมากคนก็เข้ามาขอดูดิฉันและครอบครัวสามี และน้องสาวอีก 2 คนก็เดินจะออกมา ก็ค่อนข้างแปลกใจมากอีกครั้งว่าเออหนอทำไมคนที่นีเขานั่งกันเฉยๆ นะ แต่สำรวมใส่ชุดขาวกันเยอะจริงๆ ก็มีผู้ชายค่อนข้างท้วมเล็กน้อยผิวขาวหน้าออกจีนเล็กน้อยสวมชุดสีขาวทั้ังชุดเขามองมาที่ดิฉันนิ่ง ๆ ขณะที่ขบวนเรากำลังจะเดินออกมา ความรู้สึกว่าเอ๊ะ? เขามองใครหว่า? ก็เลยรีบหันกลับอย่างรวดเร็วไปมองว่าเขามองใครมองเราหรือมองอะไร? ก็เห็นว่าเขารีบหันหน้ากลับอย่างรวดเร็วและทำทีทำท่าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่น แต่ดิฉันทราบได้ทันทีว่าเขามองมาที่ทางกลุ่มดิฉันและเขาก็ทราบว่าเรารู้ว่าเขามองอยู่เช่นกัน ที่เล่ามายืดยาวเนียเพราะจุดสำคัญมันอยู่ที่ พออออกมาแล้วขึ้นรถเสร็จสรรพดิฉันก็ถามว่าดีเนอะที่นี่เขาสวมชุดขาวกันเยอะเนอะท่าทางเคร่งกันดี เนอะ โดยเฉพาะกลุ่มที่นั่งกันติดกำแพงทางลงสองข้างน่ะนั้งไม่แบ่งใครเลย น้องสาวกับสามีดิฉันบอกว่า ไม่เห็นมีใครใส่ชุดขาวเลย ดิฉันก็ว่านั่งกันสลอนทีใต้ต้นไม้ไม่เห็นหรือ น้องสาวก็ว่าไม่มี มีแต่คนเดินไปมาเยอะมากไม่เห็นมีเก้าอี้อะไรเลย ดิฉันก็ว่ามีแน่นอนเก้าอี้เหมือนม้านั่งยาวมาก ๆ มีแต่คนชุดขาวนั่งผู้หญิงก็สวมสไบเหมือนทำวัตรน่ะ ผู้ชายก็นุ่งขายาวสีขาวเสื้อยืดขาวน่ะ ขากลับออกมาก็มียังมีคนชุดขาวหัน มามองด้วยไม่เห็นกันหรือไง ท่านเชื่อหรือไม่? ไม่มีใครเห็นกันเลย ยกเว้นดิฉันคนเดียว จนสามีต้องถามว่าแล้วที่ดิฉันเห็นเขานั่งม้ัานั่งยาว ๆ กันน่ะ เขาคุยกันไหม? ดิฉันไม่เห็นเขาคุยกันเห็นแต่เขานั่งมองคนเข้ามาทำบุญ แต่ละคนทำหน้าเฉย ๆ ไม่ยิ้ม หน้าตาดูเหมือนคนดุน่ะค่ะ เพราะหน้าเฉยถึงเฉยมาก ๆ ไม่คุยกันเลยได้แต่สนอกสนใจคนที่มาทำบุญมากกว่า เหตุที่ทำให้ดิฉันจ้องมองคนกลุ่มนี้เพราะเขาแต่งชุดสีขาวกันทั้งหมดและนั่งแบบไม่มีที่ว่างให้แทรกเข้าไปนั่้งได้เลย เป็นเพราะอยากหาที่นั่งกะว่าหากมีใครลุกเรานี่แหละจะรีบเผ่นแนบไปทันทีจึงได้มองอยู่ว่าเมื่อไรเขาจะลุกกันซึ่งเขาก็ไม่ลุก ก็ทำให่้ดิฉันแปลกใจว่าเอ๊ะทำไม? คุณถามแบบนี้ล่ะ เขาบอกว่าก็เพราะไม่เห็นมีใครพบเห็นคนใส่ชุดขาวมากมายอะไรเลยทีีสำคัญยังม้านั่งใต้ต้นไม้ไม่มีอย่างแน่นอน มันน่าแปลกไหมละคะไปกันตั้ง 4 คน มีดิฉันเห็นแปลกประหลาดอยู่คนเดียวเนียนะ
เจริญในธรรม กำหนดมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติเสมอค่ะ[/COLOR]

 

มารอติดตามด้วยอีกคนครับ

 

สำหรับเหตุที่เชื่อว่าบ่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากบ่น้ำนี้ไม่เคยแห้งสภาพคงเดิม(เมื่อสมัยก่อนจะมีช่องระบายน้ำน้ำออกจากบ่อขนาบกับทางเดินบริเวณรอบบ่อลงสู่พื้นป่า) แสดงว่าน้ำในบ่จะคงปริมาณขึ้นมาเพิ่มขึ้นเลยๆ และเคยมีคนเอาไม้ไผ่2ลำต่อกันแล้วหยั่งลงไปดูความลึกของน้ำแต่หยั่งไม่ถึง ความเชื่อคือบ่น้ำนี้จะทะลุไปสะดือแม่น้ำโขง บริเวณวัดอาฮงศิลาวาส และหลวงพ่อพระสุก ที่เป็นพระพุทธรูปที่เหล่าพญานาคให้การเคารพอัญเชิญขึ้นจากแม่น้ำโขงหลวงพ่อพระสุกลอยโผล่ขึ้นมาเพียงครึ่งองค์ก็จมลงสู่บาดาลอีกจึงได้หล่อองค์จำลองขึ้นเกิดอัศจรรย์มีน้ำหยดตลอดเวลาบนหลังคาประดิษฐานหลวงพ่อพระสุก ส่วนหงอนพระญานาค2ชิ้นซึ่งบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าแห่งอาณาจักรล้านช้างนำมาฝากไว้ที่วัดโพธิ์ชัย .จ.หนองคาย หงอนพระญานาคนี้มีรูปสามเหลี่ยมฐานยาว4นิ้ว สูง6นิ้ว มีสีน้ำตาลเข้มปลายสีขาม โค้งงอเล็กน้อย เก็บในตู้โชว์ภายในพระอุโบสถ

 

อยากเห็นภาพครับ เอามาให้ดูหน่อยครับ

 

ส่งภาพที่ดงคำชะโนดมาให้ดู ว่าต้นไม้เขาสูง ๆ เก่า ๆ แปลกตา และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหมือนมี 2 บ่อ แต่ดิฉันไปที่่บ่อ สี่เหลี่ยมที่เขาใช้น้ำจากที่นี้เวลามีพิธีในกรุงเทพฯจะต้องให้มานำน้ำจากที่นี้ไปนะค่ะ ส่วนหงอนพญานาค ดิฉันถ่ายในตู้ที่วัดโพธิ์ชัยมาหลายรูปทีเดียวเดี๋ยวขอค้นก่อนนะคะ

 

เพิ่งเจอเลยส่งภาพที่ถ่ายที่วัดโพธิ์ชัย มาให้ตามคำขอน่ะค่ะ หงอนพญานาคในตู้ของทางวัดซืึ่งได้มีการเก็บรักษาไว้อย่างดีติดชื่อไว้ด้วยนะคะ ของจริง ๆ เหมือนหินนะค่ะแต่น่าอัศจรรย์มาก
ส่วนที่อุดร ได้แวะไปดงคำชะโนดมา ที่บอกว่ามี 2 บ่อ นั้นเพราะเห็นเขารดกันเยอะมากมันเตี้ย ๆ น่ะคะ ดีที่คุณเสื้อลายน้ำเงินเขาบอกว่าบ่อสี่เหลี่ยมสูงดังรูปนั้นน่ะ กรุงเทพฯใช้น้ำจากที่นี้ไปประกอบพิธีกรรมสำคัญ ๆ หลายแห่ง ดิฉันจึงรด ทั้ง 2 แห่งแต่ชอบบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่มากกว่าค่ะ
เจริญในธรรม กำหนดมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติเสมอค่ะ

 

ขอบคุณ k.siwatcha มากครับที่นำภาพมาให้ชมเพราะผมเองไม่มีรูปเพราะมาอยู่ ตจว.

 

ไม่เป็นไรมิได้ ยินดีมากค่ะ

ความเห็นส่วนตัว เชื่อเลยนะคะเพราะยังมีอีกมากที่แม้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ยังอธิบาบหรือตอบคำถามกับปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาหลายต่อหลายครั้งไม่ได้เลย

เจริญในธรรม กำหนดมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติเสมอค่ะ