พรที่้รับกันมาจากพระจนชั่วชีวิตแต่ทำไมจึงไม่ส่งผลสักที

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คมสันต์usa, 21 ตุลาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ชาวพุทธหลายท่านเข้าใจว่าได้ทำบุญกุศลไว้มากมายในพระพุทธศาสนา
    และได้รับพร  จากพระสงฆ์มาร่วมค่อนชีวิต  แต่ไม่มีใครรู้ และเข้าใจ
    ว่าทำไม พรที่ได้รับมามากมาย ทำไม ยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลยในชีวิต นับวันยิ่งจะแย่ลงไปกว่าเดิม ตามมาอ่านเลยครับ มีคำตอบให้รู้ถูกเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้
    ความเชื่อ ที่เชื่อกันมาอย่างผิดๆ
    รู้ไว้ ได้ประโยชน์
    ถามมา ตอบไป
    ความเชื่อของชาวพุทธ
    พุทธบริษัท ๔
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      32
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    คำแปลบทสวดกรวดน้ำ ยะถา สัพพี

    อนุโมทนารัมคาถา แปล

    ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง ห้วงน้ำที่เต็มยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด
    เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วในโลกนี้ ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น
    อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง    ขออิฏฐผลที่ท่านปราถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว
    ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ    จงสำเร็จโดยฉับพลัน
    สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา    ขอดำริทั้งปวงจงเต็มที่
    จันโท ปัณณะระโส ยะถา  เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
    มะณิ โชติระโส ยะถา เหมือนดังแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี.
    สามัญญานุโมทนาคาถา แปล

    สัพพีติโย วิวัชชันตุ      ความจัญไรทั้งปวง จงบำราศไป
    สัพพะโรโค วินัสสะตุ    โรคทั้งปวง (ของท่าน) จงหาย
    มา เต ภะวัตวันตะราโย   อันตรายอย่ามีแก่ท่าน
    สุขี ทีฆายุโก ภะวะ        ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
    อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน
    จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ
    อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
    ธรรมสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญ  แก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้ มีปกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      29
    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      22
  3. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    กาเลทะทันติ (กาละทานะสุตตะคาถา)

    กาเล ทะทันติ สะปัญญา กาเลนะ ทินนัง อะริเยสุ
    วิปปะสันนะมะนา ตัสสะ เย ตัตถะ อะนุโมทันติ
    นะ เตนะ ทักขิณา โอนา ตัสมา ทะเท อัปปะฏิวานะจิตโต
    ปุญญานิ ปะระโลกัสมิง วะทัญญู วีตะมัจฉะรา อุชุภูเตสุ ตาทิสุ
    วิปุลา โหติ ทักขิณา เวยยาวัจจัง กะโรนติ วา เตปิ ปุญญัสสะ ภาคิโน
    ยัตถะ ทินนัง มะหัปผะลัง ปะติฏฐา โหนติ ปาณินันติ ฯ

    ทายกทั้งหลายเหล่าใด, เป็นผู้มีปัญญามีปรกติรู้จักคำพูด ปราศจากตระหนี่
    มีใจเลื่อมใสแล้วในพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ตรงคงที่, บริจาคทาน
    ทำให้เป็นของที่ตนถวายโดยกาลนิยมในกาลสมัย,
    ทักษิณาของทายกนั้นเป็นคุณสมบัติ มีผลไพบูลย์
    ชนทั้งหลายเหล่าใดอนุโมทนา หรือช่วยกระทำการขวนขวายในทานนั้น
    ทักษิณาทานของเขามิได้บกพร่องไป ด้วยเหตุนั้น
    ชนทั้งหลายแม้เหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย
    เหตุนั้น ทายกควรเป็นผู้มีจิตไม่ท้อถอย, ให้ในที่ใดมีผลมากควรให้ในที่นั้น
    บุญย่อมเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า ฉะนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      21
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      27
    • DSC05715.JPG
      DSC05715.JPG
      ขนาดไฟล์:
      557 KB
      เปิดดู:
      28
  4. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ถ้าเราจะทำบุญกุศลที่วัดใดนั้น จะใช้การตัดสินพระวินัยของสงฆ์ ๘ ข้อ เป็นข้อมาตราฐานวัดเสมอ ว่าสมควรที่จะทำทักษิณาทาน ซึ่งจะได้อานิสงฆ์ สูงสุด
    วัตถุทาน ๔ หรือ ปัจจัย ๔ คือ จีวร อาหารบิณฑบาตร ยารักษาโรค และ
    เสนาสนะที่อยู่อาศัย มิไช่เงินและทอง
    ส่วน วัตถุทาน ๑๐ อย่างนั้น ลองไปค้นหาอ่านดู สิ่งที่จะถวายพระสงฆ์
    ได้นั้นมี ปัจจัย ๔ กับวัตถุทาน ๑๐ อย่าง ตามพระธรรมวินัย นอกเหนือจากนั้น
    ถ้าเราถวายแด่พระสงฆ์ ก็จะเป็นการ ไม่เอื้อเฟื้อต่อ พระธรรมวินัย ขององค์พระสัมมา
    สัมพระพุทธเจ้า ของเรา นอกจากไม่ได้บุญแล้วยังได้แต่บาป ทั้งผู้ให้ และผู้รับ เรียกว่า
    ช่วยกันแบ่งบาปทั้งคู่ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      27
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  5. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ทั้งๆที่ทุกคนรู้จักการรับ และการให้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะต่างก็เคยรับและเคยให้กันมาแล้ว การรับนั้นไม่ยาก ขอให้รับด้วยความอ่อนน้อมเป็นพอ ส่วนการให้นั้นเชื่อว่าคงมีคนไม่มากนักที่จะให้ได้ถูกต้องให้เกิดประโยชน์ ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ เป็นการให้แบบสัตบุรุษ คือคนดีทั้งหลาย ตามที่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ถ้าไม่ได้ศึกษาเรียนรู้มาก่อน น้อยคนนักที่จะประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง
    แม้แต่ทรัพย์ที่เราขวนขวายแสวงหามา เราก็ยังไม่ทราบว่าจะใช้ทรัพย์นั้นไปในทางใดจึงจะเกิดประโยชน์ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าก็ได้ทรงแสดง เรื่องการใช้ทรัพย์ ไว้ในอังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต อาทิยสูตรที่ ๑
    (ข้อ ๔) ๕ ประการ คือ
    ๑. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยสุจริตชอบธรรม บำรุงเลี้ยงตนเอง บิดา มารดา บุตร ภรรยาและบ่าวไพร่ให้มีความสุข ไม่อดยาก
    ๒. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยสุจริตชอบธรรม เลี้ยงดูมิตรสหายให้อิ่มหนำสำราญ
    ๓. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยสุจริตชอบธรรม ป้องกันอันตรายอันเกิดจากไฟ จากน้ำ พระราชา โจร หรือทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก เพื่อให้ตนปลอดภัยจากอันตรายนั้นๆ
    ๔. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยชอบธรรม ทำพลี คือบูชา หรือบำรุงในที่ ๕ สถาน คือ ญาติพลี บำรุงญาติ อติถิพลี ต้อนรับแขก ปุพเปตพลี ทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ราชพลี บำรุงราชการมีการเสียภาษีอากรเป็นต้น และเทวตาพลี ทำบุญแล้วอุทิศให้แก่เทวดา เพราะว่าเทวดาย่อมคุ้มครองรักษาผู้นั้นด้วยคิดว่า
    "คนเหล่านี้แม้ไม่ได้เป็นญาติของเราเขาก็ยังมีน้ำใจให้ส่วนบุญแก่เรา เราควรอนุเคราะห์เขาตามสมควร"
    ๕. ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยชอบธรรม บำเพ็ญทักษิณาทานที่มีผลเลิศ เกื้อกูลแก่สวรรค์ มีวิบากเป็นสุข ไว้ในสมณะพราหมณ์ผู้เว้นจากความประมาท มัวเมา ตั้งอยู่ในขันติโสรัจจะเป็นผู้หมั่นฝึกฝนตนให้สงบระงับจากกิเลส ในข้อ ๕ นี้ตรัสสอนให้ใช้ทรัพย์ที่หามาได้ให้ทานแก่ผู้มีศีล ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติเพื่อความหมดจดจากกิเลส ผู้เป็นทักขิเณยยบุคคล เพราะทานที่ให้แก่ผู้มีศีลมีผลมาก ทำให้เกิดในสวรรค์ ได้รับความสุขอันเป็นทิพย์ นอกจากนั้นผู้ถวายยังอาจบรรลุคุณวิเศษ เพราะธรรมที่ท่านผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเหล่านั้นยกมาแสดงให้ฟังได้อีกด้วย ผู้มีปัญญาย่อมไม่เสียดายทรัพย์ที่หมดเปลืองไปเพราะเหตุเหล่านี้ เพราะว่าท่านได้ใช้ทรัพย์นั้นถูกทางแล้วเกิดประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นแล้ว โดยเฉพาะทรัพย์คือบุญที่ท่านถวายไว้ในผู้มีศีลเหล่านั้น ยังสามารถติดตามตนไปในโลกหน้าได้อีกด้วย ควรหรือไม่ที่เราจะใช้ทรัพย์ให้ถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ และควรหรือไม่ที่เราจะใช้ทรัพย์นั้นจำแนกแจกทาน
    ด้วยเหตุนี้ จึงควรที่จะรับรู้เรื่องของทาน ตลอดจนการให้ทานที่ถูกต้องไว้บ้าง เพื่อทานของเราจะ ได้เป็นทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    คำว่า ทาน ที่แปลว่า การให้ นั้น จัดเป็นบุญเป็นกุศล เป็นความดีอย่างหนึ่ง หมายถึง เจตนาที่ เป็นเหตุให้เกิดการให้ก็ได้ หมายถึงวัตถุ คือสิ่งของที่ให้ก็ได้ ทานจึงมีความหมายที่เป็นทั้งนามธรรมและรูปธรรม ถ้าหมายถึงเจตนาที่ให้ก็เป็นนามธรรม ถ้าหมายถึงวัตถุที่ให้ก็เป็นรูปธรรม ในที่นี้จะขอกล่าวถึงทานในความหมายทั้งสองอย่างนี้รวมๆกันไป
    เจตนาที่เป็นเหตุให้เกิดการให้ทานนั้น แบ่งตามกาลเวลาได้ ๓ กาล คือ ปุพเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นก่อน คือเมื่อนึกจะให้ ก็แสวงหาตระเตรียมสิ่งที่จะให้นั้นให้พร้อม มุญจเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นในขณะกำลังให้ของเหล่านั้น อปรเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นหลังจากได้ให้เรียบร้อยแล้ว แล้วเกิดความปีติยินดีในการให้ของตน
    บุคคลใดที่ทำบุญหรือให้ทานด้วยจิตใจที่โสมนัสยินดี ทั้งประกอบด้วยปัญญา เชื่อกรรมและผลของกรรม ครบทั้ง ๓ กาลแล้ว บุญของผู้นั้นย่อมมีผลมาก
    เจตนาทั้ง ๓ กาลนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องดับไปเช่นเดียวกับสังขารธรรมอื่นๆ และเมื่อดับไปแล้วสามารถจะส่งผลนำเกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์และเทวดาได้ ใน พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน แสดงความบุพกรรม คือกรรมในชาติก่อนๆ ของผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่เกี่ยวกับทานไว้มากมาย ตัวอย่าง
    เช่น พระอรหันต์รูปหนึ่งในอดีตชาติได้ถวายผลมะกอกผลหนึ่งแก่พระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ในป่าใหญ่ รูปหนึ่ง เคยถวายดอกบุนนาค รูปหนึ่งเคยถวายขนม รูปหนึ่งเคยถวายรองเท้า เป็นต้น นับแต่นั้นมาท่านเหล่านั้นไม่เคยเกิดในทุคติภูมิเลย เกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์และเทวดาเท่านั้น ตราบจนในชาติสุดท้ายได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    วัตถุทาน คือสิ่งของที่ให้นั้นก็มีหลายอย่าง กล่าวกว้างๆ ก็ได้แก่ปัจจัย ๔ คือ จีวร ซึ่งรวมทั้งเครื่องนุ่งห่มด้วย บิณฑบาต ซึ่งรวมทั้งอาหารเครื่องบริโภคทุกอย่าง เสนาสนะ ที่อยู่อาศัย คิลานเภสัช คือยารักษาโรค
    ในโภชนทานสูตร อัง. ปัญจก. ข้อ ๓๗ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ทายกผู้ให้โภชนะเป็นทาน ชื่อว่าให้ฐานะ ๕ อย่าง แก่ปฏิคาหก คือ ผู้รับ ๕ อย่าง คือ ๑. ให้อายุ ๒. ให้วรรณะ คือผิวพรรณ ๓. ให้ความสุข คือ สุขกาย สุขใจ ๔. ให้กำลัง คือความแข็งแรงของร่างกาย ๕. ให้ปฏิภาณ คือฉลาดในการตั้งปัญหาและตอบปัญหา
    ถ้าจะพูดให้ละเอียดขึ้นไปอีก พระพุทธองค์ก็ทรงจำแนกวัตถุทานไว้ ๑๐ อย่างคือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน (พาหนะ) ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่อยู่ ที่อาศัย และประทีปดวงไฟ
    ใน กินททสูตร สัง. สคาถ. ข้อ ๑๓๘ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
    การให้ข้าวและน้ำ ชื่อว่า ให้กำลัง
    การให้ผ้า เครื่องนุ่งห่ม ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ
    การให้ยานพาหนะ ชื่อว่า ให้ความสุขทั้งกายและใจ
    การให้ประทีบดวงไฟ ชื่อว่าให้ดวงตา
    การให้ที่อยู่อาศัย ชื่อว่า ให้ทุกอย่าง คือให้กำลัง ให้ผิวพรรณ ให้ความสุข และให้ดวงตา
    แต่การพร่ำสอนธรรม คือการให้ธรรมะ ชื่อว่าให้สิ่งที่ไม่ตาย เพราะบุคคลจะพ้นจากความตายไม่ต้องเกิดอีกได้ ก็เพราะอาศัยการได้สดับตรับฟังธรรม ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสว่าการให้ธรรมะชนะการให้ (สิ่งอื่น) ทั้งปวง แม้การจะทำทานให้ถูกต้องก็ต้องอาศัยการฟังธรรม ใน วนโรปสูตร สัง สคาถ. ข้อ ๑๔๖ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบเทวดาที่มาทูลถามว่า ชนพวกไหนมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรมสมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์ ด้วยข้อความว่าชนเหล่าใดสร้างอาราม (คือสวนดอกไม้ สวนผลไม้) ปลูกหมู่ไม้ (เพื่อให้ร่มเงา) สร้างสะพาน
    และชนเหล่าใดให้โรงน้ำดื่มเป็นทาน บ่อน้ำ บ้านเป็นที่พักอาศัย ชนเหล่านั้นย่อมมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์ ซึ่งมีความหมายว่า ชนเหล่าใดทำกุศลมีการสร้างอารามเป็นต้น เหล่านี้ เมื่อระลึกถึงการทำกุศลนั้นในกาลใด ในกาลนั้นบุญย่อมเจริญ คือเพิ่มขึ้น และเมื่อชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรม คือกุศลธรรม ๑๐ มีการไม่ฆ่าสัตว์ เป็นต้น ย่อมเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ ละโลกนี้ไปแล้วย่อมเกิดในสวรรค์
    นอกจากนั้น เจตนาที่เป็นเครื่องงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นต้น พระพุทธองค์ก็ตรัสว่าเป็นมหาทาน เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ดังที่ตรัสไว้ในปุญญาภิสันทสูตร อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ข้อ ๑๒๙ ว่า
    การงดเว้นจากปาณาติบาต คือการไม่ฆ่าสัตว์ทั้งด้วยตนเองและใช้ผู้อื่น เป็นการให้ความไม่มีเวร ไม่มีภัยแก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตสัตว์
    การงดเว้นจากอทินนาทาน คือการถือเอาของที่เจ้าของเขามิได้ให้ทั้งโดยตนเอง และใช้ผู้อื่น เป็นการให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น
    การงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือการประพฤติผิดในบุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น ชื่อว่า ให้ความบริสุทธิ์แก่บุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น
    การงดเว้นจากมุสาวาท คือการกล่าวเท็จ กล่าวไม่จริงชื่อว่าให้ความจริงแก่ผู้อื่น
    การงดเว้นจากสุรา เมรัย และของมึนเมา เสพติด อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ชื่อว่าให้ความปลอดภัยแก่ทุกสิ่ง คือให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตสัตว์ แก่ทรัพย์สินของผู้อื่น แก่บุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น และให้แต่คำพูดที่เป็นจริงแก่ผู้อื่น ทั้งนี้เพราะผู้ที่มึนเมาแล้วย่อมขาดสติ เป็นผู้ประมาท สามารถจะประพฤติล่วงศีลได้ทุกข้อ รวมทั้งประพฤติผิดอื่นๆด้วย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่อัตคัตขาดแคลนทรัพย์สิ่งของที่จะนำออกให้เป็นทานก็ไม่ควรเดือดร้อนใจ เพราะเราสามารถจะบำเพ็ญทานที่ยิ่งใหญ่เป็นมหาทาน เป็นทานที่ไม่เจาะจง เป็นทานที่แผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ด้วยการรักษาศีล ๕ ยิ่งถ้าสามารถจะทำได้ทั้งสองอย่างก็ยิ่งประเสริฐ
    ขอกล่าวถึง ทาน ที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ทานของอสัตบุรุษและทานของสัตบุรุษ ตามที่แสดงไว้ใน อสัปปุริสสูตร และ สัปปุริสสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ดังต่อไปนี้
    ทานของอสัตบุรุษ คือทานของคนไม่ดี มีอยู่ ๕ อย่าง คือ ให้โดยไม่เคารพ ๑ ให้โดยไม่ยำเกรง ๑ ไม่ให้ด้วยมือของตนเอง ๑ ให้โดยทิ้งขว้าง ๑ ไม่เห็นผลในอนาคตแล้วให้ ๑
    ส่วน สัตบุรุษ ย่อมให้ทานโดยเคารพ ๑ ให้โดยยำเกรง ๑ ให้ด้วยมือของตนเอง ๑ ให้โดยไม่ทิ้งขว้าง ๑ เห็นผลในอนาคตจึงให้ ๑
    อีกนัยหนึ่ง แสดงว่า ทานของสัตบุรุษ มี ๕ อย่าง คือให้ทานโดยศรัทธา ๑ ให้ทานโดยเคารพ ๑ ให้ทานตามกาลอันควร ๑ เป็นผู้มีจิตคิดอนุเคราะห์ให้ทาน ๑ ให้ทานโดยไม่กระทบตนและผู้อื่น ๑ ถ้าตรงข้ามกับ ๕ ข้อนี้ก็ชื่อว่าเป็นทานของอสัตบุรุษ

    จากwww84000.org/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      24
  6. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ใน ทักขิณาวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงจำแนกอานิสงส์
    ของทานที่ให้โดยเจาะจงและไม่เจาะจงไว้ตามลำดับขั้น ถึง ๒๑ ประเภท คือ
    ๑. ให้ทานแก่ดิรัจฉาน มีอานิสงส์ร้อยชาติ คือ ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ถึง ๑๐๐ ชาติ
    ๒. ให้ทานแก่ปุถุชนทุศีล มีอานิสงส์พันชาติ
    ๓. ให้ทานแก่ปุถุชนผู้มีศีล มีอานิสงส์แสนชาติ
    ๔. ให้ทานแก่ปุถุชนผู้ปราศจากความยินดีในกาม นอกพุทธศาสนา อย่างพวกนักบวชหรือฤาษีที่ได้ฌานเป็นต้น แม้ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา ก็ยังมีอานิสงส์ถึงแสนโกฏิชาติ
    สี่ประเภทนี้เป็นปาฏิปุคคลิกทาน เป็นทานที่ให้โดยเจาะจง คือให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ และมีผลจำกัด ยังมีปาฏิปุคคลิกทานที่มีผลไม่จำกัด คือให้ผลนับประมาณชาติไม่ได้ มากน้อยตามลำดับขึ้นอีก ๑๐ ประเภท ดังต่อไปนี้
    ๑. ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตติผล
    ๒. ให้ทานแก่พระโสดาบันบุคคล คือผู้ที่บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว
    ๓. ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
    ๔. ให้ทานแก่พระสกทาคามีบุคคล
    ๕. ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล
    ๖. ให้ทานแก่พระอนาคามีบุคคล
    ๗. ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล
    ๘. ให้ทานแก่พระอรหันต์
    ๙. ให้ทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
    ๑๐. ให้ทานแก่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    รวมเป็นปาฏิปุคคลิกทาน คือทานที่ให้โดยเจาะจง ๑๔ ประเภท ใน ๑๔ ประเภทนี้ ประเภทที่ ๑ มีผลน้อยที่สุด ประเภทที่ ๑๔ มีผลมากที่สุด
    ทานที่ให้โดยไม่เจาะจงผู้ใดผู้หนึ่งที่เรียกว่า สังฆทาน มี ๗ อย่าง
    ๑. ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย (คือภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์) มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๒. ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานไปแล้ว
    ๓. ให้ทานในภิกษุสงฆ์
    ๔. ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์
    ๕. ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากสงฆ์ ๒ ฝ่าย ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า
    ๖. ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุสงฆ์ ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า
    ๗. ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุณีสงฆ์ ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุณีสงฆ์จำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า
    สังฆทานทั้ง ๗ อย่างนี้ ปัจจุบันเราทำได้เพียง ๒ อย่าง คือให้ทานในภิกษุสงฆ์ และให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุสงฆ์เท่านั้นเพราะพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว ภิกษุณีสงฆ์ก็สูญวงศ์แล้ว
    ขึ้นชื่อว่าสังฆทานย่อมมีผลมาก มากจนประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ชาติ แม้ในอนาคตกาล จักมีแต่ โคตรภูภิกษุ มีผ้ากาสาวะพันที่คอ หรือผูกข้อมือ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก พระพุทธองค์ ก็ยังตรัสว่า คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นก็มีผลนับประมาณไม่ได้ ปาฏิปุคคลิกทานจะมีผลมากกว่าสังฆทาน คือทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้โคตรภูสงฆ์ หาเป็นไปได้ไม่
    แต่ว่าสังฆทาน จะเป็นสังฆทานได้ก็ต่อเมื่อผู้ถวายมีความเคารพยำเกรงต่อสงฆ์เท่านั้น วางใจในสงฆ์เสมอเหมือนกันหมด ไม่ยินดีเมื่อได้พระหรือสามเณรที่ชอบใจ หรือไม่ยินร้ายเมื่อได้พระหรือสามเณรที่ไม่ชอบใจ หรือต้องการผู้แทนของสงฆ์ที่เป็นพระเถระ แต่ได้พระนวกะหรือสามเณรก็เสียใจ หรือได้พระเถระผู้ใหญ่ก็ดีใจอย่างนี้ ทานของผู้นั้นก็ไม่เป็นสังฆทานเพราะขาดความเคารพในสงฆ์ หรือผู้แทนที่สงฆ์ส่งไปในนามของสงฆ์ ด้วยเหตุนี้การถวายสังฆทานที่ถูกต้องจึงทำได้ไม่ง่ายนัก ในทางพระวินัย ภิกษุ ๔ รูปขึ้นไป จึงเรียกว่า สงฆ์แต่การถวายไทยธรรมแก่ภิกษุแม้รูปเดียวที่สงฆ์จัดให้เป็นองค์แทนของสงฆ์ ก็จัดเป็นสังฆทานเหมือนกัน ดังมีเรื่องเล่าไว้ใน อรรถกถาปปัญจสูทนี ภาค ๓ (หน้า ๗๑๗) อรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร ว่า
    กุฎุมพี คือ เศรษฐีคนหนึ่งเป็นเจ้าของวัดวัดหนึ่ง ได้ไปขอภิกษุรูปหนึ่งมาจากสงฆ์ ด้วยคำว่า ขอพระคุณเจ้าทั้งหลายจงให้ภิกษุรูปหนึ่งจากสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แม้เขาจะได้ภิกษุทุศีลรูปหนึ่งเขาก็ปฏิบัติต่อภิกษุรูปนั้นด้วยความเคารพนอบน้อม ตกแต่งเสนาสนะและเครื่องบูชาสักการะพร้อม ล้างเท้าให้ภิกษุนั้นเอาน้ำมันทาเท้าให้ แล้วถวายไทยธรรมด้วยความเคารพยำเกรงต่อสงฆ์เหมือนกับบุคคลเคารพยำเกรงต่อพระพุทธเจ้า ภิกษุรูปนั้นฉันภัตตาหารแล้วก็กลับวัด หลังจากนั้นได้กลับมาขอยืมจอบที่บ้านของกุฎุมพีนั้น
    อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กุฎุมพีเอาเท้าเขี่ยจอบให้ คนที่เห็นกิริยาของกุฎุมพีนั้นก็ถามว่า เมื่อเช้านี้ท่านถวายทานแก่ภิกษุรูปนี้ด้วยความเคารพนบนอบอย่างยิ่ง แต่บัดนี้แม้สักว่ากิริยาที่เคารพก็ไม่มี กุฎุมพีตอบว่า เมื่อเช้านี้เราเคารพยำเกรงต่อสงฆ์ เราหาได้เคารพยำเกรงต่อภิกษุรูปนี้เป็นส่วนตัวไม่


    จากwww84000.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      23
  7. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    วัตถุ หมายถึงของที่ให้ บางทีเรียกเต็มศัพท์ว่า ทานวัตถุ แปลว่า ของสำหรับทาน ในบาลีแสดงทานวัตถุไว้ ๑๐ อย่าง คือ :

    ๑. อนฺนํ ข้าว หมายถึงอาหาร

    ๒. ปานํ น้ำดื่ม เช่น น้ำหวาน บ่อน้ำ ถังน้ำ

    ๓. วตฺถํ ผ้า เช่น ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว

    ๔. ยานํ ยานพาหนะ เครื่องอุปกรณ์การไป เช่น ร่ม รองเท้า ถนน สะพาน

    ๕. มาลา ดอกไม้ ต้นไม้ดอก ต้นไม้ใบ

    ๖. คนฺธํ ของหอม เครื่องกำจัดกลิ่นชั่ว

    ๗. วิเลปนํ เครื่องตบแต่ง เช่น ธงทิวและเครื่องย้อมเครื่องทา

    ๘. เสยฺยา ที่นอน ที่อยู่ เช่น เสื่อ หมอน มุ้ง

    ๙. วสถํ ที่พัก เครื่องรับรอง ศาลา ม้านั่ง

    ๑๐. ปทีเปยฺยํ ประทีป ธูป เครื่องแสงสว่าง

    ทานวัตถุ ๑๐ อย่างนี้ เป็นเกณฑ์พิจารณาในขั้นแรกว่าของที่ควรให้ มีสิ่งใดบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      27
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อรุณสวัสดิ์ค่ะ
    ยินดีที่มีกระทู้นี้เกิดขึ้น ขอโอกาสเรียนถามเป็นเบื้องต้นนะคะ
    สืบเนื่องจากโพสต์ที่ ๗ วัตถุทาน ๑๐ ค่ะ

    คำถาม
    ๑. อานิสงส์แห่งทานนั้นๆ มีอย่างไรบ้างคะ

    ๒. หากมีผู้ให้ทานดังนี้

    ๑) ท่านที่ ๑ ให้ทานด้วยความเคารพในทาน สรรหาวัตถุทานที่ประณีต ทั้งก่อนให้และหลังให้ทานมีปิติเต็มเปี่ยมในใจ แต่ตั้งความปรารถนาผลแห่งทานนั้น คืออธิษฐานขอพรด้วยตามสมควรแก่เหตุ


    ๒) ท่านที่ ๒ ให้ทานด้วยความเคารพในทาน สรรหาวัตถุทานที่ประณีต ทั้งก่อนให้และหลังให้ทานมีปิติเต็มเปี่ยมในใจ อธิษฐานกำจัดอาสวกิเลส และขอถึงซึ่งพระนิพพาน


    ๓) ท่านที่ ๓ ให้ทานด้วยความเคารพในทาน สรรหาวัตถุทานที่ประณีต ทั้งก่อนให้และหลังให้ทานมีปิติเต็มเปี่ยมในใจ ไม่อธิษฐานขอพรใดๆ ให้ทานเพราะเห็นสมควรแก่การให้

    เรียนถามว่าผู้ให้ทานท่านใด ตั้งจิตไว้เหมาะสมและควรที่สุดคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  9. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ทานในอันดับแรกจะต้องประกอบไปด้วยองค์สามคือ
    ๑.เงิน(ที่จะมาใช้ในการซื้อของมาทำทาน)นั้นหามาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเราโดยสุจริต
    ๒.มีจิตคิดที่จะให้ทานนั้น
    ๓.เมื่อให้แล้วไม่ติดในผลของทาน (ขาดกันตรงนั้นเลย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      28
  10. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี พระนางมหาปชาบดี เสด็จไปเฝ้าทูลขอให้ทรงแสดงธรรมโดยย่อ เพื่อหลีกออกปฏิบัติแต่ผู้เดียว พระพุทธองค์ทรงประทาน ลักษณะตัดสิน ธรรมวินัย ๘ ประการ ให้ทรงปฏิบัติคือ:-

    ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ
    ๑. ความกำหนัด
    ๒. ประกอบสัตว์ไว้ในภพ
    ๓. ความสั่งสมกิเลส
    ๔. ความมักมาก
    ๕. ความไม่สันโดษ
    ๖. ความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
    ๗. ความเกียจคร้าน
    ๘. ความเลี้ยงยาก
    พึงทราบเถิดว่า นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของ พระศาสดา

    ส่วนธรรมเหล่าใดที่มีลักษณะตรงข้ามจากนี้ พึงทราบเถิดว่า นั่นเป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา สังขิตตสูตร ๒๓/๒๕๕
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      28
  11. บัวพ้นตม

    บัวพ้นตม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2013
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +646
    แล้วในที่สุดเราก็ได้รู้ว่าทำไม ขอบคุณค่ะ
     
  12. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    มาถึงสมัยนี้จะหาพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติตามพระธรรมวินัย ในพระพุทธศาสนาได้ก็ยากเด็มที  ฉนั้นพรที่เราได้รับกันมาเกือบครึ่งชีวิต
    จึงเป็นพร ที่ว่างเปล่า  และไม่มีพลัง ที่จะมาให้พรนั้นสมปราถนา  สมดั่งพรที่ได้รับมา
    ส่วนมากคนเรา จะไปโทษกันที่วาสนา โชคชะตา ฟ้าลิขิต มากกว่าที่จะมาดูที่ต้นเหตุ
    ที่มาของพร
     ยึ่งสมัยนี้ ยุคไฮเทค พระสงฆ์บางรูปนั้นมีทั้งไอพอด ไอแพด คอม กล้องถ่ายรูปที่ทันสมัย กว่าญาติโยม เสียอีก แล้วการปฏิบัติธรรมก็ลดน้อยลง จะไปเอาบุญกุศลมาจากไหนที่จะมาให้ผู้ที่มาทำบุญกุศลได้ ครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      29
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  13. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ถ้าเราจะเปรียบพรที่ได้รับมาจากนั้นพระสงฆ์นั้น เราเปรียบดังเช่นเมล็ดพันธุ์พืช
    ถ้าเมล็ดพันธุ์พืช ที่ได้รับมามีคุณภาพดี  เรานำไปปลูกและหมั่นพรวนดินรดน้ำ
    ใส่ปุ๋ยดูแลรักษา ให้ดี ในไม่ช้าเมล็ดพันธุ์พืชก็จะเจริญเดิบโต งอกงาม
    และผลิ ดอก ออกผล ให้เราได้ชื่นชม สมดั่งพร ฉนั้นเราสามารถที่จะเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      28
    • PICT0541.JPG
      PICT0541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      853.4 KB
      เปิดดู:
      28
    • PICT0677.JPG
      PICT0677.JPG
      ขนาดไฟล์:
      963 KB
      เปิดดู:
      22
  14. adisackdi

    adisackdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +178
    ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
     
  15. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ถ้าเราจะเปรียบบุญกุศลหรือที่เราจะเรียกกันว่า(แผ่ส่วนบุญ)ที่เราได้อุทิศไปให้นั้น
    ให้เห็นได้ชัดเจน จะเปรียบเหมือนกับนาคที่จะบวชเป็นพระก่อนที่จะเข้าอุโบสถ
    จึงได้ทำการหว่านทาน   คนที่แข็งแรงและอยู่ใกล้และเร็วจะได้รับไปก่อน
    ส่วนที่เหลือก็ต้องแย่งกัน ส่วนเด็กฯ ที่รับไม่ทันก็ต้องหาเก็บเอาตามพื้น ส่วนคนสูงอายุ
    คนหนุ่มสาวที่ได้มาก จึงมาแบ่งให้ ในไม่ช้าทานที่หว่านใว้ก็จะถูกแบ่งบันไปจนหมด
    ตามจำนวนของทานที่ได้หว่านลงมาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      23
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      24
    • DSC05585.JPG
      DSC05585.JPG
      ขนาดไฟล์:
      539.9 KB
      เปิดดู:
      42
    • PICT0707.JPG
      PICT0707.JPG
      ขนาดไฟล์:
      931.1 KB
      เปิดดู:
      35
  16. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ข้อที่ ๓ เป็นการให้ทานที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาครับ
    ทานในอันดับแรกจะต้องประกอบไปด้วยองค์สามคือ
    ๑.เงิน(ที่จะมาใช้ในการซื้อของมาทำทาน)นั้นหามาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเราโดยสุจริต
    ๒.มีจิตคิดที่จะให้ทานนั้น
    ๓.เมื่อให้แล้วไม่ติดในผลของทาน (ขาดกันตรงนั้นเลย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      23
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ขออนุญาตนำมาวางในกระทู้ท่านอาจารย์คมสันต์นะคะ

    [​IMG]
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    สังคมแสนวุ่นวาย หลีกเร้นกายในไพรสณฑ์
     
  19. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ทำไมเราจึงบอกว่าอย่าเที่ยวไปแจกบุญกุศลที่เรามีอยู่เพียงน้อยนิด ให้ใครทั่วโลกจนหมด
    เช่นบางท่านให้๑๖ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นพรหม ครูบาอาจารย์  หลวงปู่โต  หลวงปู่ทวด หลวงพ่อต่างฯ และญาติในดีตชาติอีก  เปรต สัมพะเวสี (ต้องถามคนให้บุญกุศลก่อนก่อนว่า หลวงปู่โต หลวงปู่ทวด ท่านยังจะมารอรับบุญกุศล แทบจะไม่มีเลยจากเราหรือไม่)
    เปรียบเหมือนเรามีเงิน คือบุญกุศล ที่จะเอาไปใช้ได้  เรามีอยู่ ๑๐๐๐  บาท
    เราแจก ไปให้ ๑๐๐๐  คน ก็จะได้เพียงคนละ ๑ บาทเท่านั้น ซึ่งเอาไปใช้ซื้ออะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าเราให้๑๐๐๐ บาทกับคน ๕  คน  เขาก็จะได้รับไปคนละ ๒๐๐ บาท
    คนทั้ง  ๕   ไปซื้ออาหารทานได้ ๑  วัน ครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      28
    • PICT0707.JPG
      PICT0707.JPG
      ขนาดไฟล์:
      931.1 KB
      เปิดดู:
      23
  20. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    รอฟังด้วยคนครับ น่าสนใจครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...