เรื่องร่างทรง มีใครเคยสังเกตุไหม (เทพแขก)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย surer, 26 มีนาคม 2013.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    มีใครเคยสังเกตุไหมว่า เทพแขกเช่น พระแม่อุมา พระแม่กาลี พระศิวะ
    ทำไมมีแต่มาลงองค์ในประเทศไทย แต่ไม่เห้นมีในประเทศ อิเดียบ้าง
    ทั้งๆที่เป้นต้นฉบับเลย หรือว่าจริงๆแล้ว พวกร่างทรงทั้งหมด เป้นของปลอม
    หรือไม่ก็เป้นผีอ้างเทพ พวกท่านคิดว่ายังไง
     
  2. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ืั ที่อินเดีย ก็มีทรงครับ พิธีการทรงเทพของอินเดีย ในประเทศอินเดีย จะเป็นประเพณีของทางอินเดียใต้ ซึ่งการทรง ก็คล้าย ๆ วัดแขกที่สีลม พิธีการทรงนั้นจะเป็นพิธีของพวกเกษตรกร คือขอพรให้พืชผลไร่นาอุดมสมบูรณ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ทรง.jpg
      ทรง.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.7 KB
      เปิดดู:
      1,195
    • ทรง 2.jpg
      ทรง 2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.7 KB
      เปิดดู:
      421
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2013
  3. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    แล้วร่างทรงของที่นั้น มีรับขันร์ ป่าวครับ
     
  4. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701

    คงมีเฉพาะประเทศไทย ที่เดียว
     
  5. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ร่างทรงนี่เรื่องมากเยอะ รู้ไม่จริงสักเรื่องพาผู้เลื่อมใสห่างไกลพุทธศาสนา ผิดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ น่าเสียดายจริงๆ
     
  6. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    698
    ค่าพลัง:
    +2,385
    ส่วนใหญ่เป็นของปลอมค่ะ เท่าที่เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นผีเข้ามากกว่าเทพเข้านะคะ เลยไม่แปลกใจที่บางครั้งร่างทรงอาจจะทายเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆแม่นบ้างหรือใกล้เคียงบ้าง ทำให้ชาวบ้านหลายรายต่างเชื่อและให้ความศรัทธาและเลื่อมใส จนสามารถเปิดเป็นตำหนักหลังใหญ่โตก็มี ดิฉันเห็นมาเยอะ แต่แปลก ที่ไม่รู้ สึกเชื่อแต่อย่างใด สาเหตุนึงคงเพราะตัวของร่างทรง หลายคนเมื่อเวลาที่ออกจากทรงแล้วเป็นคนธรรมดา กลับทำตัวแย่ ไม่สมกับที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเข้าประทับร่างได้ เอาเป็นว่าใครจะเชื่อก็เชื่อไป เพราะบางสิ่งบางอย่างมันอาจเป็นผลแห่งโชคชะตาของคนเหล่านั้นที่ต้องไปโคจรอยู่ในแวดวงแห่งความหลอกลวงก็เป็นได้
     
  7. schiller

    schiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +265
    ผมไปอินเดียมาเมื่อไม่นานมานี้ เห็นคนที่นั้นเค้าก็บ่นกันนะครับว่าช่วงนี้เทพไม่ค่อยอยู่ที่ที่อินเดีย มาอยู่ที่เมืองไทยกันหมด 5555 เทพของจีนก็เหมือนกัน เจอท่านได้ที่เมืองไทยครับ
     
  8. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    โดยส่วนตัวไม่ชอบคนที่อ้างเป็นร่างทรงประเภทพระแม่อุมา รึจำพวกประเภทร่างพระพ่อนั่น พระแม่นี่ และพูดภาษาเทพแขก อีพวกประเภทนี้เห็นหลอกลวงคนมาเยอะหากินบนความทุกข์ ความศรัทธราของคนที่ไร้ที่พึ่งทางใจ...
     
  9. มเหศวร

    มเหศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,776
    ค่าพลัง:
    +792
    มนุษย์สมบัตินี้วิเศษสุด ไม่มีพรเทพ พรมนุษย์ เปรียบประดุจ กรรมดีที่ทำเอง
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ใครว่าอินเดียไม่ร่างทรง ตัวดีเลยอินเดียเนี้ยะ เคยดูในรายการสารคดี อินเดียมีร่างทรงเหมือนกันนะคะแถมหมอแขก โยคี ชีปะขาวมีเดินกันให้เกลื่อน แต่ทั้งนี้ทังนั้นดิฉันไม่ค่ยเชื่อเรื่องร่างรงในเมืองไทยคะ เพราะต่ละที่ก็พูดไม่เหมือนกันสักที่ ดิฉันเชื่อ มีเดี่ยมของฝรั่งมากกว่าเพราะเขามีประกาสณียบัตรถูกกฏหมายต้องผ่านการฝึกมาแล้ว และแต่ละคนต้องบอกได้ทันทีว่าคู่สนธนาชื่ออะไร ถ้าคุยทางโทรศัพท์ใส่ชุดสีอะไร มาหาด้วยเรื่องอะไร ไม่เหมือนของไทย ต้องมาถามก่อนว่าจะให้ช่วยอะไร ถ้ามีฌาณทิพย์จริงต้องรู้ว่าเขามาหาด้วยเรื่องะไร


    เล่าแถมหน่อยละกัน เราเคยดดูในรายการตามไปดู ตอนสมัยเราเด็ๆ ร่างทรงสดที่อินเดียก็มี จำไม่ได้แล้วพระแม่อะไร แตแต่ก่อนตอนเด็กๆเขาเคยเป็น กุมารีในวิหารเจ้าแมุ่รคา ที่ทุกปีจะมีการคัดเลือกเด็กผู้หญิง อินเดีย ที่ผิวขาวหน้าตาสวยเอาไป เป็นตัวแทนเจ้าแม่ จะโดนอยู่ในราสาทคนเดียว และใช้ชีวิตเหมือนเจ้าหญิง อยู่จนกว่าจะมีประจำเดือนครั้งแรก เขาก็จะให้กลับมาอยู่บ้านเป็นคนธรรมดาเหมือนเดิม แต่ของผู้หญิงคนนนี้เขาเป็นกรณีพิเศษ เพราะอยู่จนแก่ก็ไม่มีประจำเดือน เขาบอก่าเพราะเจ้าแม่มารับทรง เลยออกมาตั้งสำนักอยู่จนถึงทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  11. RaDii

    RaDii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +142
    ___นานาจิตตัง___

    เคยตามแม่ไปตั้งแต่เด็กเลยนะ .. ก็ไม่เห็นว่าจะแก้ไข ปัญหาอะไรได้เลย ^_^
    คนที่ไปหาก็เป็นคนที่มีปัญหาประเภทเดียวกัน แนวเดียวกัน ไม่อยากหรอกที่ คนให้คำปรึกษาจะประมวลจากประสบการณ์ที่สะสมมา ^__^ และปลอบใจกลับมา
    แต่ก็ไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดมานะว่า ต้องรักครอบครัว ต้องแก้ที่ตัวเรา น๊ะ..

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับ พื้นฐานความรู้ และแนวความคิดมั้งค่ะ ว่าบวกมากกว่าหรือลบมากกว่า
    ของแต่ละคน ^__^

    บุญรักษาค่ะ (แค่แนวความคิด)
     
  12. marty

    marty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +439
    เห็นด้วยจร้า เจอมาเยอะแล้วเหมือนกัน
     
  13. luckylight

    luckylight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +33
    เรามีญาติที่เค้าเป็นร่างทรงเคยไปตอนที่เค้าเข้าทรงกัน ประมาณว่า มีงานประจำปีกันที่ตำหนักทุกปีนี่แหละ อาเหล่ากู๋เราที่เค้าเป็นร่างทรงน่ะ และเป็นตำหนักใหญ่ด้วย พอมีงานประจำปีที มีคนมากันเป็นร้อยคนเลย เยอะมาก และครอบครัวนี้เค้าทรงกันทั้งบ้านเลยล่ะ และเรา เคยแอบไปเห็นและได้ยินเค้ากำลังเอา CD และหนังสือ สำหรับเรียนภาษาเทพให้กับคนทรงคนอี่นอยู่
    เราก็เพิ่งจะรู้ว่าคนทรงเค้าต้องมีการเรียนภาษาเทพกันก่อนด้วยแหละ (deejai) เราเลยไม่เคยศรัทธาเรื่องการทรงเจ้าเลย เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ องค์เทพใหญ่ ๆ ท่านจะไม่ลงมาทรงในร่างมนุษย์หรอก ส่วนใหญ่น่าจะเป็นวิญญาณ หรือ เทวดาชั้นที่ต่ำ ๆ (คือชั้นที่ติดกับโลกมนุษย์) ที่อ้างตัวว่าเป็นองค์เทพใหญ่ ๆ ซะมากกว่า
     
  14. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกทักว่ามีองค์ เคยเข้าพิธีเปิดภาษาเทพด้วย วิธีการก็คือ
    อาจารย์ท่านจะให้ท่องคาถาเฉพาะของแต่ละคน ให้ท่องเร็วๆจนกระทั่งคาถาที่ท่องเปลี่ยนไป
    เป็นภาษาที่เราฟังไม่ออก ก่อนภาษาจะเปลี่ยนไปจะมีความรู้สึกแน่นที่ท้องน้อย แล้วค่อยๆ
    เลื่อนขึ้นด้านบน ผมทำตามที่หลวงปู่สอนได้หลายเดือน เวลานั่งสวดมนต์ก็จะเริ่มออกท่าทาง
    คือมือจะยกขึ้นทำท่าทางต่างๆ หลังจากมีอาการเช่นนี้บ่อยๆเข้า ก็จะเริ่มจดจำท่าทางและเริ่ม
    ควบคุมได้ พอถึงตอนนี้ก็เริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนหลังๆนี้ เป็นเป็นจิตเราคิดไปเอง
    หรือเป็นเพราะมีญาณขององค์เทพมาแฝง ทำให้ผมคิดว่าร่างทรงมีจริง แต่ส่วนใหญ่จริง
    เฉพาะช่วงแรกๆ พอนานไปเริ่มควบตัวเองได้ก็จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ อีกอย่างหนึ่งคือ
    ลูกศิษย์รุ่นพี่รุ่นน้องผมหลายคนหลายคนจะได้ตาทิพย์บ้าง หูทิพย์บ้าง ผมก็เคยให้ดู
    ว่าผมมีองค์อะไร ก็ได้คำตอบไม่เหมือนกัน สรุปก็คือไม่สามารถเชื่อใครได้ หลวงปู่เอง
    ยังสอนว่า ไม่ต้องไปถามใครในเรื่องนี้ ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆถึงเวลาจะรู้เอง
    สุดท้ายนี้ ผมก็อยากจะบอกว่าองค์เทพมีจริง แต่ร่างทรงที่เราเจอนั้นจะจริงรึเปล่า
    และเรื่องคนที่ได้หูทิพย์ ตาทิพย์ มีจริง แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นรู้เห็นจะจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่
    กับความละเอียดของจิตของคนๆนั้นครับ
    ขอความทุกประการจงบังเกิดทุกๆท่าน และความทุกข์ทั้งหลายจงหมดไปครับ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เมืองไทย เมืองพุทธ ไงครับ

    มีผู้ปฏิบัติ มี ศีล มี ธรรม
     
  16. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    อย่าเอาพุทธศาสนามาแปดเปือ่นกับเรื่องพวกนี้เลยครับ
    พุทธแท้ ไม่มีร่างทรง ไม่มีองค์ลง พุทธทุกวันนี้ เป็นพุทธ
    กลายพันครับ ไม่รู้ว่าผีหรือเทพกันแน่ที่มาลง ก็ไหว้กันไป
     
  17. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    มันก็แปลกนะ ร่างทรงทั้งหลายจะว่าไม่เชื่อก็เจอมากะตัวเอง เข้าทรงเจ้ากันก็เข้าไปดูกะเค้าด้วย เค้าก็ทักเราเป็นโรคปวดหลัง ส่วนพี่ชายไม่เคยเจอกันเลย เค้าอออกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่เด็ก วันนั้นมาที่บ้านบอกเค้าทรงกุมาร เลยถามทำอะไรได้บ้าง เค้าขอน้ำแดง แล้วเสียงก็เปลี่ยน กลายเป็นเรียกเราเป็นพี่แทน แล้วพูดว่าพี่นะเป็นโรคปวดหลัง เอ่อรู้ได้ไง ไม่เคยบอกใคร ไม่เคยรักษา วันนั้นปวดทนไม่ไหว เลยไป รพ.เอ๊กซเรย์ หมอนรองกระดูกปิ่น เอ่อ ...ควรยกมือไหว้เหมือนกันนะเทพเจ๋งๆๆอะ ส่วนพวกเรียกเงินเยอะๆๆ อันนี้ไม่ใช่ละ
     
  18. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    เมื่อหลวงพ่อฤาษีพิสูจน์ร่างทรง

    ท่านเจ้าแก้วจินดา นี่อยู่บ้านบางกะทิง อำเภอเสนา
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นอาตมาอยู่ที่วัดบางนมโค
    มีคนเขาไปหากัน ไปหาแล้วก็มาบอกให้ฟังทุกทีว่า
    จ้าวแก้วจินดาอยากพบ ตอนนั้น อาตมากำลังเป็น
    พระกระทิงเปลี่ยว ล่าจ้าวเข้าทรงมีเพื่อนอยู่ 2 - 3 องค์
    ถ้าใครเขาเข้าทรงที่ไหนว่ามีชื่อเสียงมากละเป็นไปแน่
    ไอ้ไปน่ะ ไม่ใช่ไปทำไม ไปจับผิดเขา ไอ้จิตเลวมันมีมาก
    เรียกว่าความเลวมันยังสิงอยู่ในใจมาก อยากจะไปดูว่า
    จริงหรือไม่จริง แต่ว่าที่มีชื่อมีเสียงจริงๆ ไปทีไร
    แพ้เขาทุกที เจ๊งกลับมา สู้เขาไม่ได้

    ทีนี้สำหรับจ้าวแก้วจินดานี่ ไม่ได้ตั้งใจจะไปลอง
    มีชื่อเสียงมาก แต่ทว่าท่านสั่งให้ไป หลายคราวเข้า
    ก็ชักรำคาญ คิดว่าจ้าวนี่มันดีแค่ไหน ทรงก็ทรงไป
    ดันมากวนใจพระ ดีละ จะได้รู้กัน ก็ไปชวนเพื่อนอีก 2 องค์
    พระแบบขนาดไม่เต็มบาทเหมือนกัน สองสลึงก็ไม่ค่อยเต็ม
    เป็นอันว่าสามองค์รวมกันแล้วไม่ได้สลึงดีกว่า
    ไปด้วยกันก็ปรึกษาหารือกัน ว่าเราจะไปพิสูจน์
    แบบนั้นแบบนี้ พูดคุยกัน คุยที่กุฏิว่าไปถึงแล้ว
    เราจะพิสูจน์แบบไหนก็ว่ากันไป พอไปถึงบ้านนั่งเรือยนต์ไป
    เวลานั้นเป็นฤดูน้ำท่วม เห็นจะเป็นเดือนสิบ เดือน 11
    ไปถึงประมาณ 5 โมง คนทรงกำลังทำปลา จะแกง
    อยู่ที่ชานบ้าน ไอ้ชานบ้านก็น้ำเปี่ยมเต็มทีใกล้จะท่วมอยู่แล้ว

    พอเห็นเรือบ่ายเข้าไปเท่านั้น แกก็รีบล้างมือวิ่งเข้าห้อง
    พอเข้าไปในห้องแต่งตัวออกมาใหม่ เป็นแบบเครื่องทรงของจ้าว
    จ้าวเข้าทรงนะ ไม่ใช่เจ้าฟ้า ออกมาร้องเรียกบอกนิมนต์ขอรับๆ
    แหม ผมคอยท่านอยู่ตั้งแต่ตอนบ่าย เห็นท่านนั่งปรึกษาหารือกัน
    ผมดีใจมานั่งคอยอยู่ ท่าทางเป็นผู้ชาย องอาจปูเสื่อให้นั่ง
    ก็นั่งกันคนละอาสนะ ตามปกติเวลาเข้าทรง ท่านมีเตียงและมีเบาะ
    วันนั้นไม่ยอมนั่งบนเตียง บนเบาะ บอกจ้าวหรือเทวดาจะนั่งเหนือพระ
    ไม่สมควร แต่พระบางองค์ก็นั่งเหนือได้เหมือนกัน
    ท่านว่ายังงั้น แล้วพระพวกท่านนี่ผมไม่นั่งเหนือหรอก
    เขาว่างั้น เพราะว่าศักดิ์ศรีใหญ่ ชักยิ้มๆ ไป โดนจ้าวยอเข้าชักยิ้ม

    พอนั่งลงปุบแกก็พูดเลยว่าก่อนที่ท่านจะมาน่ะ ท่านปรึกษากัน
    องค์นั้นพูดว่ายังงั้น องค์นี้พูดว่ายังงี้ แล้วท่านก็พูดเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น
    ที่เราปรึกษากัน คล้ายๆ กับเอาถ้อยคำของเราไปอ่านให้ฟัง หมดเลยไม่เหลือ
    พอฟังเท่านั้นกำลังใจก็ตก มีความรู้สึกว่านี่เขาเข้าจริง เขารู้จริง พอพูดจบท่านก็ถามว่า
    จะพิสูจน์หรือยัง ก็เลยบอกว่าไม่ต้องพิสูจน์แล้ว
    เท่านี้พอเท่านี้น่ะพอ จะต้องไปพิสูจน์ทำไม ในเมื่อท่านรู้เรื่อง
    ที่ข้าพเจ้าพูดได้ และพูดอยู่ที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ แล้วพูดได้ถูกต้องคล้ายๆ
    กับลอกเอาถ้อยคำที่พูดมาพูดให้ฟัง อย่างนี้ใช้ได้
    น่านับถือแล้วแกก็ถามว่านับถือหรือยัง บอก ยัง
    เป็นแต่เพียงน่านับถือเท่านั้น มันต้องดีกว่านี้อีก
    ก็เลยนั่งคุยกันไป คุยกันไปตามเรื่องตามราว

    จนกระทั่ง 24 นาฬิกา มันสองยามแล้ว แกบอกแกอยากกินเหล้า
    มาเจอะจ้าวกินเหล้าเข้าอีก ก็เลยว่าแกว่า มาอยากกินเหล้าอะไรตอนนี้
    หัวค่ำทำไมไม่อยากกิน มาอยากกินตอนดึกชาวบ้านเขานอนกันหมดแล้ว
    แกบอกว่าไม่นอนหรอก มีอยู่บ้านหนึ่งไม่หลับ บ้านมันขายเหล้า อยู่แพนู่น
    ท้ายคุ้งนู่น ความจริงมองไม่เห็น มันยังจุดตะเกียงอยู่แพเดียว ให้คนขับเรือไปเอามา
    มันมีอยู่ 4 ขวด ไปเอามาให้หมด ก็เลยเอาสตางค์ให้คนขับเรือไป
    บอกวิ่งเรือไปทางด้านนี้ ถ้าเห็นแพจุดตะเกียงอยู่ มีแพเดียวนะ
    ถ้าจุด 2 แพไม่ต้องแวะ ถ้ามีแพๆ เดียวจุดตะเกียงอยู่ แวะเข้าไปไปซื้อเหล้ามา
    ท่านชอบใจ บอกลองผมเรอะ ตอบว่าไม่ได้ลอง เห็นว่ายังงั้นนี้ มันก็เป็นการลองกัน
    เจ้าคนเรือไปซื้อปรากฏว่า มี 4 ขวดจริงๆ แม่โขงที่มีน้ำอยู่ มีอยู่ 4 ขวด
    สุราอย่างอื่นมี มันก็ไม่เอามา เอาแต่แม่โขงมา 4 ขวด พอมาถึง
    ท่านก็บอกแหมมันอยากน้ำมานาน เปิด 1 ขวด ดื่มหมด
    ขวดที่ 2 ดื่มหมด ขวดที่ 3 ดื่ม ขวดที่ 4 ดื่ม หมดไม่เหลือสักขวด
    ไม่มีโซดาปน ถามว่าไม่เมารึ ตอบว่าไม่เมาหรอก ถามว่าเป็นเทวดากินเหล้าทำไม
    บอก ไอ้ที่กินนี่น่ะ หลอกให้ท่านเสียสตางค์เล่นยังงั้นแหละอยากมาลองนี่
    ก็เลยเอาค่าจ้างลองเสีย ถามว่าแล้วได้ผลเป็นยังไง ตอบว่าก็จะได้รู้ซีว่าอีคนนี้
    มันไม่ได้ปลอม ผมมาจริงๆ ถ้ามันปลอมเข้า มันกินเหล้าแบบนี้ มันก็ตายแล้ว
    จะนั่งพูดแบบนี้ไม่ได้ นั่นเป็นการพิสูจน์จุดหนึ่ง

    คุยไปคุยมา คุยไปถึงเวลา 2 นาฬิกา ท่านบอก เดี๋ยวๆ หยุดประเดี๋ยวเขามารายงาน
    ก็หันหน้าไปข้างหลังถามว่าใคร เอ๋อ ชื่อเจ้าอะไร ลืมชื่อเสียอีกแล้ว
    อีตาคนนี้เคยคุยให้เจ้ากรมฟัง ลืมชื่อ ตอนนี้มันนึกไม่ออกนะ ถาม ชื่อเจ้านี่รึ ตายเมื่อไหร่
    ตี 1 ครึ่งรึ แล้วไปไหน เป็นโรคอะไรตาย ท่านถามยังงั้นนะ
    อ้อๆ เราได้ยินเสียงคล้ายๆ คนพูดโทรศัพท์ได้ยินเสียงฝ่ายเดียว
    อ้อเจ้าจูๆ เจ้าจูเรอะ อ๋อ เป็นโรคอะไรตาย ตายเมื่อไร ตี 1 ครึ่งเรอะ
    บ้านอยู่ที่ไหน อ๋อ ตำบลบางปลาหมอ อำเภอบางบาล เหลอ
    อ้อ เอาไปให้พระแก้วพระกาฬไว้ก่อนนะ ประเดี๋ยวข้าจะไปถ้าเขาถามละบอกว่า
    เวลานี้ข้าคุยกะพระลูกชายพระอินทร์อยู่ ท่านว่ายังงั้น เดี๋ยวข้าจะไป เขามาลองดีข้า
    ข้ามีดีสู้กะเขา เดี๋ยวสู้กันก่อน พอท่านหันหน้ากลับมาก็เลยถามท่านว่าใครตาย
    บอกไอ้จู ตำบลบางปลาหมอน่ะ ชอบกะท่านมันตายแล้วเมื่อเวลาตี 1 ครึ่ง มันก็ทำความดีไว้มาก
    สร้างวัดสร้างวาไว้เยอะ มันเคยเอาสตางค์ไปช่วยท่านทำไม่ใช่รึ บอกใช่ คนนี้ใจบุญ
    เวลานี้เขานำไปสวรรค์แล้ว ประเดี๋ยวจะไปชำระ ถามชำระอะไร ตอบไม่ชำระอะไรหรอก
    มันควรจะอยู่ที่ไหนน่ะซี ไปจัดให้มัน มันจะได้ไม่ทะเลาะกัน ถามสวรรค์เขาต้องมีการจัดเหมือนกันเรอะ
    ท่านก็บอกว่า ต้องมี การจัดถ้าคนเขามีบุญมากจริงๆ มีที่โดยเฉพาะก็ไม่ต้องจัด ถ้าไม่แน่นอนนัก
    ก็ต้องจัดเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเมืองมนุษย์
    ท่านก็บอกผมลากลับละนะ มันตี 2 กว่าแล้ว เดี๋ยวทางโน้นเขาจะคอย
    นิมนต์ท่านกลับเถอะ ความจริงท่าน 3 องค์นี่ กลับไม่ถึงวัดหรอก
    เดี๋ยวก็ไปสืบเรื่อง ไอ้จูตายอีก แหมรู้เสียด้วย พอท่านบอกเท่านั้นก็นึกแล้วว่า
    จะไปแถวนั้น มันมีทางลงได้อีกทางหนึ่ง ขามาทางตลาดบ้านแพน
    ขาลงนี่ลงทางวัดบางปลาหมอลงได้ แล้วก็เลี้ยวขึ้นไปวัด เพราะมันเป็นเกาะอยู่ตรงนั้น

    เมื่อท่านออกจากทรง คนทรงก็มีสภาพปกติ ไม่เห็นเมา
    แล้วก็ลากลับ บอกคนเรือให้กลับเรือไปทางคลองมโนราห์ ออกมาทางวัดบางปลาหมอ
    พอถึงตอนปลายๆ คลองก็ถึงบ้านตาล แล้วก็มีบ้านผู้ใหญ่สินอยู่ตรงข้ามบ้านนั้นมีปี่พาทย์ 2 เครื่อง
    เครื่องไทยกับเครื่องมอญ สายนั้นถ้าใครเขาตาย ก็เอาเครื่องมอญบรรเลง
    แล้วก็ตีเพลงมอญตลอดเวลา จนกว่าจะเผาเสร็จ นี่เป็นระเบียบ
    ก็เลยไปจอดบ้านผู้ใหญ่สิน เรียกน้าสินๆ หลับหรือยัง แกบอกว่าตื่นแล้วขอรับ
    หลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นเมื่อกี่นี้เอง ก็เลยบอกแกว่า อาศัยนอนสักคืนซิ
    ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะอาศัยนอน แกถามว่าไปไหนมา บอกว่าไปบางกะทิงมา
    กลับมาดึกไปหน่อย จะไปวัดเขาก็ปิดประตูใส่กลอนกันหมดแล้ว จะไปเรียกเขา
    ก็ลำบากขออาศัยนอนหน้าบ้านนี่ แกบอกว่านิมนต์ขึ้นไปนอน
    บนบ้าน บอกไม่ต้องหรอกเรือใหญ่ นอนในเรือนี่แหละ เช้ามืดจะไป เพราะเป็นในพรรษา
    เช้าตรู่ประมาณตี 4 ถ้าน้าตื่นละปลุกด้วยนะ ถ้าฉันตื่นก่อนฉันจะไปก่อน ถ้าเห็นฉันตื่นสายไป
    ใกล้สว่างละปลุกด้วย เพราะเรือวิ่งไปจากบ้านผู้ใหญ่สินมาที่วัด 10 นาทีก็ถึง

    เมื่อเรือจอดเรียบร้อยแล้ว ความประสงค์อยากจะสืบ เรื่องตาจูตาย ก็เลยถามว่าเจ้านง ไปไหนล่ะ
    เจ้านงน่ะเป็นลูกเขยผู้ใหญ่สิน เป็นคนคุมปี่พาทย์ ปี่พาทย์จะไปบรรเลงที่ไหน เจ้านงก็เป็นคนคุมไป
    แกก็เลยบอกว่าไอ้นงมันอยู่ที่ไหน มันข้ามไปฝั่งโน้น ไอ้จูดันเสือกตายเสียเมื่อตี 1 กว่าๆ
    แหมพอตายแล้ว มันจะมาขนเครื่องตอนเช้าก็ไม่ได้ มันดันจะต้องมาบรรเลง กันตอนดึก
    ตอนดื่นถึงตี 2 มันขนกันสักครู่นี้เองแหละ พึ่งไปขนกันเสร็จแล้วก็ตั้งวงเพิ่งตีจบไปก่อนหน้าท่านมา
    สัก 5 นาที พิณพาทย์ที่นั่นเขามีระเบียบ บรรเลงไปเพลงหนึ่งแล้วเว้นได้ 10 นาที จึงบรรเลงต่อ
    เว้นไว้แต่เจ้าภาพจะมีงานสวดหรือว่ามีงานเทศน์ อย่างนั้นพิณพาทย์จะไม่บรรเลง จะหยุดอยู่
    ถ้าในยามว่างก็หยุดแค่ 10 นาที บรรเลงเพลง 10 นาที บรรเลงครั้งหนึ่งเป็นเพลงมอญ
    เวลาพูดจบก็พอดี เสียงปี่พาทย์มอญขึ้นพอดี เป็นอันว่าตาจูตาย ตายแน่
    คุยกันไปคุยกันมาเวลามันก็ใกล้จะตี 4 ไม่ได้นอน เลยลาท่านผู้ใหญ่สินกลับวัด

    เรื่องจ้าวแก้วจินดานี่ก็มีความจริง แล้วต่อมามีน้องชาย
    เป็นลูกของน้า เป็นญาติกันห่างๆ อยู่จังหวัดสุพรรณบุรี
    ชื่อนายชั้นเจ้านี่ป่วย เจ็บขาเดินไม่ได้มาหลายเดือน
    รักษาที่ไหนก็ไม่หาย หมอหลวงหมอราษฎร์ก็ไม่มีประโยชน์
    รักษาไม่หายอาการปวดก็ไม่เบา เขาก็พามาที่วัด
    ถามว่ามีหมอที่ไหนรักษาดีๆ บ้าง บอกแกก็รักษามาแล้วนี่
    หมอทุกอย่างที่ฉันเห็นว่าดี เออ เอายังงี้ก็แล้วกัน
    ท่านแก้วจินดาท่านศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านเขาไปหากัน
    แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านรักษาโรคนี้ได้หรือไม่ได้
    ลองไปหากันดู

    วันรุ่งขึ้นก็เอาแกใส่เรือยนต์ไป ไปหาจ้าวแก้วจินดา
    ไปท่านก็รดน้ำมนต์ให้ คนทรงน่ะ เขาเข้าแล้วก็รดน้ำมนต์ให้
    แล้วก็บอกด้วยรดน้ำมนต์ 3 วัน แล้วไปหายที่บ้าน
    ความจริงรดน้ำมนต์ มาแล้ววันหนึ่งอาการก็ไม่ดีขึ้น
    แต่ท่านบังคับให้ไปรด 3 วัน วันที่ 2 รดมาแล้วอาการก็ไม่ดี
    วันที่ 3 ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องมาอีก
    ให้กลับบ้านได้ ไปถึงบ้านก็หาย เลยนึกไม่ออกว่า
    คนมันยังขยับเขยื้อนไม่ได้ ถึงบ้านมันจะหายได้ยังไง
    แต่ว่าคำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่ง ในเมื่อท่านสั่งแบบนั้น
    ก็เลยพาไปส่ง วันรุ่งขึ้นวันที่ 4 ก็เลยพาไปส่งบ้าน
    ฤดูนั้นเป็นฤดูเกี่ยวข้าว ลูกเมียเขาก็เกี่ยวข้าวมากองไว้
    ไอ้เจ้านี่ก็มีอาการห่วงข้าว เพราะคนบนบ้านไม่มีใครเห็น
    พอเรือจอดถึงท่ามันก็ลุกปรุ๊ดจากจากเรือวิ่งไปไล่ควายทันที
    นี่ตามธรรมดามันขยับเขยื้อนเดินไม่ไหวจริงๆ
    แล้วเวลานั้น พอถึงบ้าน มันวิ่งไปไล่ควายได้
    เมื่อไปแล้วเรียกลงมาถามว่าไม่เจ็บขารึ
    บอกเอ๊ะ ผมลืมไป ความเป็นห่วงของ ลืมไปคิดว่า
    ตัวกำลังเจ็บขาอยู่ แต่ความจริงมันไม่มีความรู้สึกเจ็บเลย
    เวลาวิ่ง ถามว่าเดี๋ยวนี้เจ็บไหม มันบอกว่าไม่เจ็บแล้ว
    ตอนนั่งมาในเรือยังเจ็บไหม โอ้โฮยังขยับไม่ได้เลย
    เป็นอันว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เจ้าชั้น ขาดีเลิกเจ็บ
    เป็นอันว่าการรดน้ำมนต์ของท่านมีผลจริงๆ
    คือมีผลว่าพอถึงบ้านก็หาย อีตอนรดไม่หาย
    เรื่องนี้ก็จบเท่านี้แหละ เรื่องของท่านมาก

    ที่มา หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน1
     
  19. 15ค่ำ

    15ค่ำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +17
    ผีจะทราบเฉพาะเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าจึงทายถูกบ้างผิดบ้าง
     
  20. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... พูดเรื่องนี้นะคะ ... คุยกันไม่จบง่าย ๆ หรอกคะ ... มันอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน .. เรียกว่า นานาจิตตังเลยดีกว่า ... เพราะปัญหาที่ถกเถียงกันอยุ่นี้ เราได้อ่านแล้วก็เห็นด้วยในบางความคิด และ รู้สึกขัดแย้งในหลาย ๆ ความคิดเช่นกัน ... เราเองก้ไม่ใช่คนที่หยั่งรู้ดินฟ้าอะไรมากมาย พอที่จะตัดสินอะไรได้แบบฟันธง ... แต่ครั้นจะอธิบายให้ฟังเท่าที่ปัญญาเราพอมี ก็กลัวว่าจะมองเป็นอย่างอื่นไป ..... เราก้ไม่อยากมีศัตรูโดยไม่จำเป็น ... แต่ก็อยากเสนอความคิดเห็นบ้างเหมือนกัน ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...