ถามคนที่ระลึกชาติได้ครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ราชะ, 9 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. ราชะ

    ราชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +165
    เวลาที่ระลึกได้มักจะจำตอนที่ตัวเองเป็นวิญญาณได้

    เลยอยากทราบว่าตอนที่ตายเป็นวิญญาณนั้นความรู้สึกเหมือนยังมีชีวิตอยู่หรือเหมือนฝันไปกันแน่ครับ

    ความทรงจำ การคิดพิจารณา การรู้สึกหนาวเย็นยังรับรู้ได้ไหมครับ

    โดยเฉพาะความหิวนั้น ยังหิวไหมครับ

    วิญญาณต้องทำงานอะไรหรือเปล่า ทำกิจกรรมอะไรบ้างแต่ล่ะวัน หรือนั่งรอให้เวลาผ่านไป จะไม่เซ็งแย่เหรอครับ

    เวลาผ่านไปเร็วไหมครับเท่าเวลาในโลกมนุษย์ไหมครับ

    ถามเพราะอยากทราบจริงๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2013
  2. นาคบุตร

    นาคบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +826
    ความรู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่ครับ แต่แตกต่างกันที่สภาวะร่างกายเพราะเป็นจิตวิญญาณที่เหลืออยู่
     
  3. ราชะ

    ราชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +165
    ขอบคุณนาคบุตรมากครับที่มาตอบ ขอให้คุณเข้ามาเวบนี้ประจำนะครับ เพราะคุณจะช่วยคนได้อีกหลายคนทีเดียว
     
  4. ราชะ

    ราชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +165
    ความทรงจำ การคิดพิจารณา การรู้สึกหนาวเย็นยังรับรู้ได้ไหมครับ

    โดยเฉพาะความหิวนั้น ยังหิวไหมครับ

    วิญญาณต้องทำงานอะไรหรือเปล่า ทำกิจกรรมอะไรบ้างแต่ล่ะวัน หรือนั่งรอให้เวลาผ่านไป จะไม่เซ็งแย่เหรอครับ

    เวลาผ่านไปเร็วไหมครับเท่าเวลาในโลกมนุษย์ไหมครับ

    ถามเพราะอยากทราบจริงๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2013
  5. ฟากฟ้า22th

    ฟากฟ้า22th Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +48
    คนที่ระลึกชาติได้ เป็นดวงวิญญาณที่ชดใช้กรรมไม่เยอะครับ
    ชาติก่อนเกิดเป็นคน แล้วตายไปแต่บาปไม่เยอะ เลยชดใช้กรรมไม่นาน
    หากบุญถึงแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะระลึกชาติได้

    แต่ถ้าหากอยู่ชดใช้กรรมในนรกนานๆ ก็ไม่สามารถจำอดีตชาติได้ครับ

    วิญญาณที่ยังไม่หมดอายุขัย (ตายก่อนอายุขัย) จะอยู่ในโลกนี้อ่ะครับ จนกว่าจะถึงอายุขัยจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราตายแบบไหน และจิตสุดท้ายระลึกถึงสิ่งใด

    หากกระโดดตึกตาย ดวงวิญญาณก็จะชดใช้กรรมโดยกระโดดตึกอยู่แบบนั้น จนครบอายุไข
    หากเด็กโดนทำแท้งตาย เค้าจะแค้นมากกว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ เค้าก็จะตามจองเวรพ่อแม่ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งเ้ค้า

    หากระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ บ่อยๆทุกๆวัน จนจิตชำนาญ ความดีจะนำพาจิตไปเกิดเป็นเทวดาครับ ซึ่ง 1 วันบนสวรรค์ เท่ากับ 50 ปีในโลกมนุษย์

    เมื่อหมดบุญก็จะกลับไปชดใช้กรรมในนรกต่อครับ แล้วก็เวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ
    จนกว่าจิตจะเบื่อหน่ายการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และเข้าสู่สภาวะนิพพาน คือการไม่เกิดอีกเลย...
     
  6. นาคบุตร

    นาคบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +826
    ทุกอย่างเกิดขึ้นจากกรรม คือ การกระทำของเราจากอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติครับ หากกรรมดีเรามีมากทุกอย่างจะทุเลาเบาบาง เพราะกรรมดีจะคอยเกื้อหนุนค้ำชูดูแลเราให้อยู่สุขสบาย หากกรรมชั่วมีอยู่มากกว่าทุกอย่างก็จะดูลำบากและขัดสนไปหมดเพราะนอกจากจะเกิดจากวิบากกรรมที่เราทำแล้วอาจจะถูกซ้ำจากเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยทำไม่ดีกับเขาไว้แล้วเกิดการจองเวรกันด้วย เพราะฉะนั้น ทำดีไว้เถอะครับธนาคารบุญจะได้คอยเกื้อหนุนและค้ำชูเราตลอดไปจนกว่าจะได้เข้าสู่แดนนิพพานอย่างองอาจและกล้าหาญ
     
  7. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ตายแล้วก็รู้เองครับ
     
  8. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    พวกที่ระลึกชาติได้ ผุดขึ้นมาจาก จิต ครับ

    ส่วนที่ตอนเป็นวิญญาณ จะจำไม่ได้ครับ จะจำได้เฉพาะชาติที่เกิดในโลกมนุษย์เท่านั้น ส่วนชาติที่เกิดเป็น เทวดา นางฟ้า จำไม่ได้หรอกครับ
     
  9. nasamred

    nasamred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +238

    กรรมเก่าเรายินดีชดใช้ กรรมใหม่เราไม่ทำ สร้างแต่บุญกุศล ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขอมุ่งตรงต่อพระนิพพานอันเป็นความสุขที่ไม่เจือด้วยทุกข์อีกต่อไป


    ทำดี "ไม่ยาก" ถ้า "อยาก" จะทำ

    คงมีซักวัน ที่หมดกรรม !
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    จากที่ฟังพวกที่ตายแล้วฟื้นเล่า มันออกเหมือนความฝันมากกว่า และไม่มีความรู้สึกเศร้าหรอห่วง คิดถึงคนข้างหลัง เพราะิญญาณไม่มีสมองนึกไม่ได้ และไปตามสัญญาเดมที่จิตมันทำอยู่เป็นนิจ หรือผูกพันธ์ คล้ายๆเวลาเราฝัน
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คุณ ราชะ ยังอยู่หรือเป่าน้อ..ถ้ายังอยู่จะเล่าให้ฟังครับ.เอาว่าหลักๆ.
    มี แบบ คือ ตั้งใจ(บังคับได้)กับไม่ตั้งใจ(เกิดขึ้นเองหรือทำได้บ้างไม่ได้บ้าง).​
    มีรายละเอียดพอสมควร.ตั้งใจก็มีวิธีการ เทคนิคการ
    ฝึกหลายอย่างลักษณะสภาพแวดล้อมก็ต่างกัน

    ..และไม่ตั้งใจก็รายละเอียดปลีกย่อยก็ต่างกันและมีข้อดีข้อเสียคล้ายๆ
    ดาบสองคมทั้ง วิธีด้วยครับ..ถ้ายังอยู่ค่อยว่ากันนะครับ.
     
  12. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ผมปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ :cool:
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เด่วขออนุญาตเล่าให้ฟัง.ถือว่าอ่านขำๆแล้วกันครับ..ดังต่อไปนี้..
    คำถามที่คุณ ราชะ สงสัยนั้นรวมประเด็นความสงสัยในคำถาม
    ทั้งหมด ประเด็นสามารถบอกได้.คือ

    .กรณี ตายแล้วฟื้นอย่างคุณ น้องDuss ตอบหรือไม่ก็
    กรณี ที่ ๒.คือเป็นความสามารถทางจิตเกี่ยวกับการระลึกชาติ
    และ ๓.คือกรณีชีวิตหลังความตาย.เหมือน
    ที่คุณ ท่าน เจ้าคุณ ตอบไปแล้ว..แต่ก็มีรายละเอียดจะมาช่วยเสริมต่ออีกซักเล็กน้อย.
    เอาทีละประเด็นนะครับ..
    กรณีที่ ๑. คือกรณีตายแล้วฟื้น..ขอให้คำนิยามการตายในกรณีนี้
    คือดวงจิตมีเหตุออกจากร่างกายไปแล้ว..และร่างกายนั้นยังไม่แตกดับ
    อาจจะหยุดการทำงานไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง.
    แต่สุดท้ายดวงจิตสามารถกลับคืนสู่กายและก็ฟื้นขึ้นมาได้..

    กรณีนี้.นอกจากแบบที่คุณ น้อง Duss เล่าแล้ว.ยังมีกรณีที่รู้ตัวทุกอย่าง
    เป็นตัวเราๆอย่างที่เป็น.แต่ทุกคนบนโลกไม่สามารถมองเห็นเราได้.
    เรียกใครก็ไม่ได้ยิน.และร่างกายสามารถทะลุผ่านวัตถุได้.
    .กรณีเคยได้ยินในกรณีที่ยมทูตพาไปสำนักพยายาม.
    จะสามารถจำเส้นทางระหว่างไปสำนักพยายามได้และ
    เล่าลำดับเหตุการณ์ได้หมดหลังจากฟื้นกรณีนี้จะเป็นกรณี
    ที่่มีเหตุผิดพลาดทางสำนักพยายม เช่น คุณยายหง่อมท่านหนึ่งเคยเจอ
    ตอนอายุ ๗๓ ทางโรงพยาบาลว่าเสียชีวิตแล้ว.แต่ยังโชคดียังอยู่ในระยะ
    เวลาที่ยังไม่ฉีดยาใส่ศพ.ไม่งั้นคงไม่ฟื้น หลังจากนั้น ชั่วโมง
    ฟื้นขึ้นสามารถอยู่ต่อได้อีก ๒o ปีเนื่องจากทางนั้นจำ นามสกุลผิด

    .กรณีนี้ถ้าร่างกายไม่เสื่อมสภาพมากก็จะใช้ชีวิตเป็นปกติ
    ถ้าคิดว่าเป็นแค่เพียงความฝันหรือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง..
    .ถ้าเชื่อมั่นเรื่องชีวิตหลังความตายก็จะปฏิบัติตนดีขึ้น...

    อีกกรณีหนึ่งคือบุคคล.ที่มีวาสนามาทางพุทธศาสนาหรือ
    จะมีเหตุได้สร้างความดีต่อ.จะออกมาเหมือนปกติส่วนมากจากเหตุเจ็บป่วย
    ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือโดนยมฑูตหรือท่านพยายมมาเตือนด้วยตนเอง..
    .หากเจ็บป่วยตอนออกมาจะมีเจ้ากรรมมารอสหเยอะมากแต่จะได้.
    ครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ.ท่านช่วยไว้.และพาไปยังบางสถานที่.
    ก่อนจะกลับฟื้นขึ้นมา กรณีถ้าไม่บวชเป็นพระ.
    ก็จะบุคคลที่ปฏิบัติตัวดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
    และส่วนมากจะเป็นผู้ช่วยรักษา ดูแลพระพุทธศาสนาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง.
    และค่อนข้างจะมีความสามารถทางสมาธิและทางจิตสูงต่อมาในอนาคต

    และกรณีที่ท่านพยายมหรือยมฑูตมาเตือนจะอยู่ได้อีกนาน
    ด้วยเหตุที่จะปฏิบัติตัวดีและช่วยบำรุงพระพุทธศาสนาไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
    และก็มีความสามารถทางสมาธิและทางจิตสูงเหมือนกัน

    .และอีกกรณีคือประสบอุบัตเหตุทำให้ดวงวิญญานออกจากร่างกายมา
    และเห็นสภาพแวดล้อมทั่วไปกรณีนี้พอกลับเข้าร่างกายได้แล้ว.
    มักจะฝึกสมาธิได้เร็วมีสัมผัสพิเศษทางจิตในระดับที่ดี.

    ..และอีกกรณีคือ การที่นอนอยู่แล้วดวงจิตออกจากร่างกาย และเห็นตัวเองนอนอยู่
    บางทีคล้ายๆฝันว่าเห็นตัวเองนอนอยู่..กรณีนี้ถ้าไม่เกิดความกลัวจะปฏิบัติ
    ธรรมและฝึกสมาธิได้เร็วมากกว่าทั่วๆไป.
    .​
    ถ้าเป็นอย่างกรณีที่เล่ามานี้ความรู้สึกและอารมย์จะเหมือนตอนที่เป็นมนุษย์.แต่จะพบเหตุในเรื่อง
    การย่นย่อเวลา.หรือการเดินทางไปสถานที่ใดๆที่ภพภูมิใกล้เคียงกับโลกเพียงแค่
    คิดเท่านั้น..ที่เล่ามานี้ยังไม่มีเหตุที่จะให้สามารถย้อนอดีตได้ครับ...

    เด่วไว้มาว่ากันประเด็นต่อไปต่อที่จะเกี่ยวข้องกับความสามารถทางจิตหรือสัญญา
    เก่าที่เก็บไว้ในจิตที่เข้าถึงได้แบบตั้งใจและไม่ต้ังใจในตอนต่อไปครับ..
     
  14. Zigor

    Zigor Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +73
    กลุ่มแรกคนที่ระลึกชาติสุดท้ายก่อนเกิดได้เอง ส่วนใหญ่ที่ได้รู้มาวิญญาณไม่ทันทนทุกข์หิวโหยครับได้มาเกิดก่อนแทบทั้งนั้น ช่วงที่เป็นวิญญาณก็คงยังงงๆอยู่ว่าเกิดไรขึ้นกับตัวเองพอจะตั้งสติได้ก็มาเกิดซะละ
    กลุ่มที่สองก็จะเป็นคนที่ฝึกสมาธิ ที่พอจะระลึกได้แบบไม่ทั้งหมดก็จะแค่รับรู้ว่าเคยทำอะไรมาก่อนแต่จำอารมณ์ความรู้สึกไม่ค่อยชัดเจนนัก เหมือนเราคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเป็นสิบๆปี
    กลุ่มที่สามฝึกจนเก่งรู้เรื่องที่ควรรู้แต่ท่านเหล่านั้นจะไม่ค่อยมาบอกเราอะดิ มีแต่จะสอนว่าถ้าอยากรู้ต้องปฎิบัติเอง
    ถ้าเจ้าของอยากรู้เรื่องพวกนี้จริงๆ ก็ต้องเริ่มลงมือฝึกสมาธิครับ ครูบาอาจารย์ดีๆยังมีให้เร้าเข้าไปขอความเมตตาสอนเรายังมีอีกมาก
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เด่วมาอ่านในประเด็นที่ และ นะครับ.มาดูกรณีที่เป็นความสามารถทางจิตก่อน.
    แยกเป็นความสามารถเป็น กรณี
    คือ ๑.ความสามารถทางจิตที่
    เกิดมาจากฝึกฝนเพื่อให้บังคับได้.
    .กรณีอาจจะทำได้บ้างและไม่ได้บ้างหรืออาจทำไม่ได้เลย..
    .และใช้กำลังสมาธิ ระดับคือแบบเต็มกำลังเป็นกำลังสมาธิ
    ระดับสูงแต่กรณีระลึกชาติเราจะไม่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์แม้ว่าจะไปเดิน
    ลอยหรือเหาะหรืออยู่ในเหตุการณ์นั้นๆก็ตามแต่ดูได้อย่างเดียว..
    และแบบครึ่งกำลังคือเป็นเพียงแต่ผู้ดู ใช้กำลังสมาธิระดับอุปจารสมาธิ.

    ๒.ความสามารถทางจิตที่สามารถเข้าถึงได้แบบไม่ได้ตั้งใจ.ด้วยความบังเอิญ
    เนื่องจากรักษาอารมย์ไว้แบบไม่ตั้งใจแล้วลืมอารมย์นี้..ทำให้เข้าถึงสัญญาเก่า
    ที่เก็บอยู่ในจิตได้..อาจจะคล้ายความฝัน
    แต่ฝันอาจมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ได้.
    หรือกรณีทำสมาธิไม่ว่าท่านั่งท่านอนและเข้าถึงได้แบบไม่ได้ตั้งใจ
    คือไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะระลึกชาติ...กรณีนี้ก็จะดูได้อย่างเดียว.
    ทั้ง กรณีนี้จะดูได้เฉยๆ.ยกเว้นกรณีที่ฝัน.
    .ส่วนเรื่องความรู้สึกนั้นขึ้นอยู่กับลำดับชาติที่เราย้อนไปดูด้วย
    .ถ้าย้อนไปชาติสูงๆ.ก็จะมีปิติเกิดขึ้นได้.

    .แต่ปกติแล้วจะไม่มีเรื่องความคิด และอารมย์.ความรู้สึกใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
    .เพราะหากเกิด ขึ้นมาจะกลายเป็นนิวรณ์
    และทำให้เราหลุดออกจากอารมย์สมาธิ ณ ตรงจุดนั้น
    และจะกลับสู่สภาวะร่างกายปกติเพียงแค่เสี้ยววินาที.
    .ยกเว้นกรณีที่เรายังอยู่ในสภาวะความฝัน.
    และสภาพแวดล้อมถ้าไม่ใช่การขอบารมีพระ
    การมองเห็นคือเรื่องความสว่างจะขึ้นอยู่กับระดับกิเลสในใจที่มี
    ณ ตอนนั้นของเราเป็นเกณฑ์..หรือขึ้นอยู่สภาพแวดล้อมของ
    ชาติที่เราไปดู ณ ตรงจุดนั้น..ส่วนรายละเอียดการมองเห็น ว่ามอง
    ผ่านแบบตาแมว หรือว่าเป็นจอ เหลี่ยมรวมทั้งรายละเอียดของ

    สภาพแวดล้อมจะขึ้นอยู่กับคำภาวนาด้วย.ถ้าเป็นคำภาวนาสายที่
    ขอบารมีพระจะเห็นได้กว้างกว่าและรายละเอียดสภาพแวดล้อมชัด
    เจนกว่า.แต่ถ้าคำภาวนาทั่วไปจะเห็นเฉพาะในสิ่งที่ควรทราบซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว...
    และวิธีการย้อนอดีตชาติขอพูดหลักๆ.
    คือ .การขอบารมีพระ
    ด้วยวิชาเฉพาะซึ่งมีกล่าวไว้แล้วสามารถอ่านตามตำราได้..

    ๒.การใช้กำลังใจตัวเองด้วยการนั่งสมาธิให้ถึงช่วงอารมย์ที่จิตเป็นทิพย์
    และสามารถนึกขึ้นได้เกี่ยวกับการระลึกชาติเนื่องจากรู้จักการวางอารมย์
    เรื่องชาติที่จะย้อนไว้ก่อน.ด้วยการคิดๆไว้ระหว่างวันแล้วก็ลืมๆไป.ถ้าไม่รักษา
    อารมย์ไว้เรื่องที่นึกตอนที่จิตเป็นทิพย์หรืออารมย์ระดับอุปจารสมาธิจะกลาย
    เป็นนิวรณ์ทำให้หลุดจากอารมย์ได้..

    ๓.การตั้งต้นด้วยนิมิตรกสิณต่างๆหรือนิมิตรที่เป็นรูปต่างๆ
    ในระดับที่เห็นภาพใสและนิ่งแล้ว.
    และใช้การขอบารมีพระหรือระลึกเรื่องที่ได้วางอารมย์ไว้
    วิธีที่ และ ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิและกำลังสติที่จะสามารถรักษาอารมย์
    ตรงนี้ไว้ให้ได้นานเท่าไร และเรื่องที่มาจากการวางอารมย์ไว้ระหว่างวัน..
    จะย้อนไปได้ตามจำชาติตามที่ได้วางอารมย์ไว้..
    แต่ต้องควรระวังการไปยึดติดกับอดีตชาติ.แล้วมาถือเป็นสาระในชาติปัจจุบัน

    และการฟุ้งของอารมย์จากความสามารถตรงนี้.ที่ดีควรใช้ความสามารถทาง
    จิตด้านนี้เพื่อย้อนดูชาติที่เราเกิดมาไม่ดี.แล้วใช้ปัญญาค้นหาสาเหตุว่า
    เพราะเหตุใดเราถึงได้เกิดไม่ดี.หรือนำเอากำลังสมาธิที่ได้จากการฝึกนี้
    เพื่อมาขึ้นวิปัสสนาสำหรับ ลด ละ คลายกิเลสในใจจะบังเกิดประโยชน์
    สูงสุดกว่าอื่นๆใด.หรือน้อมเอาอดีตที่ทราบมาเตือนตนเพื่อ
    ความไม่ประมาทและน้อมเข้าสู่เรื่องทางธรรม

    ส่วนเรื่อง ประเด็นที่ ความรู้สึกของวิญญานถ้าเหมือนๆกับมนุษย์เราและนิสัยเท่าเดิม
    ไม่เปลี่ยนยกระดับจิตใจขึ้นจะเป็นในส่วนของสัมพะเวสี ถ้าได้รับความทุกข์
    หรือความสุขรวมทั้งความเป็นทิพย์ ขึ้นอยู่กับปาบและบุญที่ได้ทำในขณะ
    ที่ยังมีชีวิตเป็นดัชนี้ชี้วัด..ส่วนเรื่องเวลาจะแตกต่างกันตามระดับภพภูมิ
    ครับ.เช่นอยู่ในนรกภูมิบอกไม่ได้.แต่ว่า ปีเวลาบนโลกจะแค่ วัน
    (จากการพูดคุยกับท่านที่ลงไปอบายภูมิมาแล้วฟื้น)
    และส่วนตัวไม่มีประสบการณ์ทัวนรกเพราะยมฑูตท่านไม่ให้ผ่าน
    แต่ท่านพ่อพยายมเมตตามาหาเองแบบแต่งกายสวยงาม
    เพื่อสนับสนุนยืนยันบางเรื่องที่ทำเกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศล.

    ส่วนเวลาในภพภูมิระดับสูง.มีตามตำราแตกต่าง
    ตามระดับชั้นความสูง.เช่น ชั้นใกล้ๆ เราอาจรู้สึกว่าผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที
    แต่เวลาบนโลกผ่านไปหลักชั่วโมง ถ้าสามารถไปได้ให้ลองสังเกตุจาก
    เวลาที่เราอยู่ในนั้นเทียบกับเวลาที่ผ่านไปทางโลกจะเข้าใจ เราจึงเคยได้ยินเรื่องที่มีคนนำร่าง
    คนที่นั่งสมาธิไปเผาในขณะที่ดวงจิตออกไปท่องเที่ยว
    หรือการไปเข้าฝันบอกญาตหรือคนสนิทว่าตนเองยังไม่เสียชีวิตครับ...
    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง(ขำๆนะครับ).​
     

แชร์หน้านี้

Loading...